ภายหลังการเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ดูจะทำให้ข้อพิพาทเรื้อรังระหว่างจีนกับไต้หวัน กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าที่ทั่วโลกจับตามองในสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้น อาจกระตุ้นให้ปักกิ่งเพิ่มแรงบีบต่อไต้หวัน หรืออาจตัดสินใจบุกยึดในอีกไม่ช้า

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า โอกาสรอดของไต้หวันนั้นก็คงจะมีน้อยมาก หากว่าจีนตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบเข้ายึดเกาะแห่งนี้ 

จากข้อมูลจาก Global Fire Power 2022 ให้ตัวเลขเปรียบเทียบแสนยานุภาพทางทหารระหว่างจีนกับไต้หวันเอาไว้ว่า...

- จีนมีทหารประจำการพร้อมรบราว 2 ล้านนาย และมีกองกำลังสำรอง 510,000 นาย ขณะที่ไต้หวันมีทหารประจำการราว 170,000 นาย แต่มีกองกำลังสำรองมากถึง 1.5 ล้านนาย

- กองทัพจีนมีเครื่องบินทั้งหมด 3,285 ลำ ขณะที่ไต้หวันมี 741 ลำ

- จีนมีฝูงบินขับไล่มากถึง 1,200 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 286 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเครื่องบินขับไล่ 288 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 19 ลำ

- จีนมีเฮลิคอปเตอร์ 912 ลำ เฮลิคอปเตอร์โจมตี 281 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเฮลิคอปเตอร์ 208 ลำ และเฮลิคอปเตอร์โจมตี 91 ลำ

- จีนมีเรือรบทุกชนิดรวมกัน 777 ลำ ในขณะที่ไต้หวันมีอยู่ 117 ลำ

- จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ ส่วนไต้หวันมี 1 ลำ

- จีนมีเรือดำน้ำทั้งหมด 79 ลำ เรือพิฆาต 41 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเรือดำน้ำเพียง 4 ลำ และเรือพิฆาต 4 ลำ

- จีนมีรถถังทั้งหมด 5,250 คัน ยานเกราะอีก 35,000 คัน ส่วนไต้หวันมีรถถัง 1,110 คัน ยานเกราะ 3,472 คัน

- จีนมีปืนใหญ่อัตตาจร (self-propelled artillery) 4,120 กระบอก ส่วนไต้หวันมีอยู่ 257 กระบอก

- จีนมีฐานยิงจรวดเคลื่อนที่ (mobile rocket projectors) 3,160 ฐานยิง ขณะที่ไต้หวันมีอยู่เพียง 115 ฐานยิง 

นี่เป็นแค่การวัดพลัง แต่ในความเป็นจริง ขุมกำลังเหล่านี้อาจจะไม่ได้ชี้วัดความได้เปรียบเสียเปรียบ ก็เป็นได้

---

ที่มา: express.co.uk / news9live.com / Global Fire Power 2022

https://mgronline.com/around/detail/9650000074121