Sunday, 28 April 2024
กรณ์จาติกวณิช

‘กรณ์’ จี้ รัฐฯ ยกเลิกค่าเอฟที ช่วง 3 เดือนที่ร้อนที่สุดทันที ชี้ ทำได้ เพราะต้นทุนก๊าซลดลง ลั่น!! ต้องรื้อโครงสร้างอตุฯ ไฟฟ้า

(21 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า การแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง คือ รัฐบาลต้องยกเลิกค่าเอฟที ในช่วง 3 เดือนนี้ทันที ทำได้เลย เพราะต้นทุน กฟผ. ลดลงมากจากราคาก๊าซ LNG ที่ถูกลงมาตลอด โดยพรรคชาติพัฒนากล้าเสนอว่า ต้องรื้อโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้า เนื่องจากเวลานี้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของบ้านเราใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นฟอสซิล ในปริมาณที่สูงเกินกว่า 50% นอกจากนั้น ยังมีถ่านหิน และน้ำมัน ซึ่งมีต้นทุนราว 5 บาท ส่วนที่เป็นพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์เราใช้ไม่ถึง 10% ทั้งที่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 2 บาท กลับเลือกใช้น้อยที่สุด

ต่อข้อถามที่ว่าเรื่องนี้ขัดประโยชน์ของใคร นายกรณ์ กล่าวว่า นั่นเป็นประเด็นสำคัญว่า การจะแก้ปัญหาจะต้องมีความกล้าทางการเมือง ที่จะรื้อโครงสร้างไฟฟ้า โดยต้องเปิดเสรีให้กับประชาชนมีสิทธิเป็นผู้ลงทุน ซึ่งมีความแตกต่างกับปัจจุบันคือเราไม่ต้องพึ่งทุนใหญ่กับรัฐวิสาหกิจ เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

“วันนี้การลงทุนครั้งใหญ่ในการสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าให้ต้นทุนถูกลง คือเราต้องปลดแอกให้ประชาชนทุกคนที่มีหลังคาเรือน สามารถเข้าถึงเงินทุนที่จะเข้าถึงแผงโซล่า และให้สิทธิในการขายไฟส่วนเกินคืนให้กับรัฐ ในราคาเดียวกันกับราคาค่าไฟที่ซื้อจากรัฐฯ ซื้อ 5 บาท แต่ปัจจุบันขายคืนในราคา 2.20 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การลงทุน โดยภาคประชาชน ภาคเอกชน มันไม่เกิด” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจนในแง่ของโอกาสซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของทุนใหญ่ เราควรเปิดเสรีเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเป็นผู้ลงทุนในส่วนนี้ได้ เพราะเทคโนโลยีไปถึงจุดนั้นแล้ว แต่อุปสรรคสำคัญคือ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของนโยบาย แต่อีกส่วนคือเรื่องของแหล่งทุน เพราะฉะนั้น เราจึงเสนอแหล่งทุนเพื่อให้ ทุกครัวเรือนสามารถติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เองได้โดยปลอดดอกเบี้ย ส่วนต้นทุนคือเงินที่ต้องใช้ในการติดตั้ง สามารถผ่อนจ่ายด้วยเม็ดเงินที่ประหยัดจากค่าไฟ ซึ่งคำนวณมาแล้วไม่เกิน 5 ปี ก็คืนทุน หลังจากนั้น ประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีเลย ซึ่งตรงนี้เราสามารถทำได้ทันทีหลายล้านครัวเรือน และการติดตั้งก็ใช้เวลาไม่นานด้วย

‘กรณ์’ ขึ้นเวทีดีเบตสงขลา ลั่น!! ขอแก้ปัญหาทุนผูกขาด หากทำได้ ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์เกิด คนไทยจะลืมตาอ้าปาก

‘กรณ์’ ขึ้นเวทีดีเบตสงขลา ลั่น!! คนไทยจะลืมตาอ้าปากได้ ต้องรื้อระบบทุนผูกขาด หยุดการเมืองสกปรก แนะปรับทัศนคติผู้นำ เปลี่ยนความไม่สงบสามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ให้โอกาสประชาชนร่ำรวย เชื่อ!! ชาวสงขลาเปิดทางให้ลูกชาวบ้านเป็นผู้แทน 

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นเวทีดีเบต ที่จังหวัดสงขลา ณ สวนสาธารณะ เมืองสงขลา โดยกล่าวว่า วันนี้ตนขอมาให้คำตอบสั้น ๆ ชัด ๆ ว่าเราจะช่วยให้พี่น้องชาวใต้และคนไทยทั้งประเทศลืมตาอ้าปากได้ ต้องรื้อระบบทุนผูกขาดที่เป็นต้นตอทำให้ประชาชนทั้งประเทศไม่สามารถที่จะแข่งขันได้ ไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าในชีวิต และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สินค้า ค่าครองชีพของพี่น้องสูงขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องคนไทยตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และถามว่าเรื่องทุนผูกขาดเราจะแก้ได้อย่างไรจึงจะแก้ได้ เป็นโอกาสและเป็นสิทธิของพี่น้องประชาชน ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

‘กรณ์’ ลั่น!! เกลียดการผูกขาดทุกรูปแบบ ขอโอกาสคนไทยเลือก ‘ชพก.’ ไปสู้กับ ‘ทุนผูกขาด’ ที่ครอบงำการเมือง ย้ำ!! สู้มาตลอดและจะสู้ต่อไป

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 66 ที่รอยัล พารากอนฮอล สำนักข่าว The Standard จัดเวทีดีเบต เลือกตั้ง 66 END GAME เกมที่แพ้ไม่ได้ มีตัวแทนจาก 10 พรรคการเมือง ร่วมประชันวิสัยทัศน์ โดยพรรคชาติพัฒนากล้า มีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 14 เป็นผู้ร่วมเวทีดีเบตในครั้งนี้

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนขอบอกกับพี่น้องประชาชนว่า ทำไมต้องเลือกพรรคชาติพัฒนากล้า ทำไมต้องเป็นกรณ์ จาติกวณิชหลายๆ ท่านอาจจะรู้จักตนในฐานะรัฐมนตรีคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แต่เชื่อว่า หลายคนไม่รู้ว่าตอนทำงานการเมืองตนรักอะไร และเกลียดอะไรมากที่สุด สิ่งที่รักมากที่สุดคือการสร้างโอกาสด้วยการแข่งขัน โดยมองว่าทุกคนเกิดมารวยได้ จนได้ แต่ทุกคนมีโอกาสที่จะก้าวหน้าในชีวิตด้วยการแข่งขันที่เป็นธรรม 

“ส่วนสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการผูกขาดทุกรูปแบบ ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนใหญ่ แต่ผมมีปัญหากับทุนผูกขาด ผมสู้เรื่องนี้มาตลอดชีวิตการทำงานของผม เมื่อสมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรี ผมระงับความพยายามของ ปตท. ที่จะเข้าไปซื้อ โมเดิร์นเทรด เพราะผมกังวลว่าจะนำไปสู่การผูกขาด ผมเพิ่มใบอนุญาตธนาคารที่ต้องการจะเพิ่มการแข่งขัน ลดดอกเบี้ย จนผมพ้นตำแหน่ง ผมก็ยังสู้กับเรื่องนี้ต่อไป เมื่อผมตั้งพรรคการเมืองร่วมกับเพื่อนที่เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ และสู้กับเรื่องของต้นทุนพลังงานและค่าไฟมาโดยตลอด ฉะนั้นสิ่งที่ชาติพัฒนากล้าจะมาสู้วันนี้ คือสู้กับทุนผูกขาดที่ครอบงำการเมือง หลายคนอาจจะข้องใจว่าเราทำได้หรือไม่ แต่ถ้าเลือกชาติพัฒนากล้า เลือกผม เราจะสู้แทนคุณกับทุนผูกขาดเพื่อคุณ” นายกกรณ์กล่าว

‘กรณ์’ ยกพล ‘ชพก.’ เยือนร้อยเอ็ด ช่วย ‘เอม อภัสรา’ หาเสียง เล็งหนุนหมอลำโกอินเตอร์ ดันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

(27 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายปรีชญา ฉำมณี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ 2 ผู้สมัคร ส.ส.จากจังหวัดมหาสารคาม ได้แก่ นางสาวนุจรีภรณ์ อินทะสร้อย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 5 และ นางสาวกมลวรรณ มณีศรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 10 ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อช่วย น.ส.ดนิตา มาบุญธรรม หรือ ‘เอม อภัสรา’ หมอลำซอฟต์พาวเวอร์อีสานชื่อดัง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 5 พรรคชาติพัฒนากล้า จังหวัดร้อยเอ็ด หาเสียงในบริเวณ ตลาดหนองแคน อำเภอเมือง เพื่อพบปะ พ่อค้าแม่ค้า พี่น้องประชาชน ที่ให้การต้อนรับและให้กำลังใจกันอย่างคึกคักและต่างแสดงความชื่นชมนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่เน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง นอกจากนี้ชาวบ้านยังถามถึงจุดยืนเกี่ยวกับเงื่อนไขของการร่วมรัฐบาล ซึ่งนายกรณ์ได้ยืนยันว่าพรรคชาติพัฒนากล้าจะไม่ร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรคที่มีเสียงข้างมากต้องมีสิทธิ์ได้ตั้งรัฐบาลก่อน

จากนั้น คณะของนายกรณ์ และ เอม อภัสรา ได้เข้าร่วมเสวนากับคณะหมอลำชื่อดัง ได้แก่ หมอลำรัญจวน ดวงเด่น หมอลำสาธิต ทองจันทร์ หมอลำพิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย ในหัวข้อ ‘หมอลำสู่เวทีโลก’ ณ หอประชุมวิทยาลัยนาฏศิลป์จังหวัดร้อยเอ็ด โดยเอม อาภัสรา กล่าวว่า หมอลำถือเป็นศิลปวัฒนธรรมของชาวอีสาน ที่สามารถผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยได้ เนื่องจากปัจจุบัน วัยรุ่นหันมานิยมดูหมอลำกันมากขึ้น ส่วนหนี่งมาจากการปรับตัวของหมอลำเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย นอกจากนี้หมอลำ ยังช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชนในรูปแบบของ ช่างทำผม ช่างแต่งหน้า ช่างเย็บชุด คนทำพิธีประกอบฉาก คนแต่งเพลง หมอลำชื่อดังหนึ่งคนในอีสาน สามารถกระจายเม็ดเงินเศรษฐกิจให้คนในชุมชน

ต่อมาในช่วงเย็น นายกรณ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ณ สนามลานสาเกตุ สวนศรี (หอโหวด) โดยนายกรณ์ กล่าวว่า พิษภัยที่มีต่อบ้านเมืองของเราในยุคนี้สมัยนี้คือทุนผูกขาด  และว่าในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้วพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ตัดสินใจว่าจะเลือกอยู่ฝ่ายไหน ตามความคิดทางการเมือง อารมณ์ ความรู้สึกตอนนั้นคือเลือกที่จะต่อสู้กับกลุ่มที่ประชาชนมองว่าเป็นเผด็จการ แต่วันนี้สิ่งที่ท้าทายและเป็นอุปสรรคต่อชีวิตความประชาชนมากที่สุดมันยังเป็นประเด็นการเมืองแบบนั้นหรือไม่ โดยส่วนตัวตนมองว่าเป็นเรื่องเก่าแล้ว วันนี้สาเหตุที่ของแพง ขายของลำบาก ลูกหลานไม่มีโอกาสมีงานดีทำ เป็นเพราะทุนผูกขาดเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ

‘กรณ์’ จวก!! ‘ก.พลังงาน’ เกรงใจทุนใหญ่ ปล่อยค่าไฟแพงพุ่ง ชี้!! ทางออกคือเปลี่ยนผู้มีอำนาจในรัฐฯ ให้เป็นอิสระจากทุนผูกขาด

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมดีเบต ‘เวลาของเศรษฐกิจปากท้อง’ ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยได้หยิบยกประเด็นค่าไฟแพงมาดีเบต โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าแพง รัฐบาลแก้ได้ทันที แต่ไม่ยอมแก้ เพราะเกรงใจนายทุนใหญ่ และโครงสร้างระบบพลังงานมีปัญหา เพราะค่าไฟ สะท้อนปัญหาระบบโครงสร้างของเศรษฐกิจเรา พรรคชาติพัฒนากล้า เรียกร้องมาตั้งแต่ค่าการกลั่น ราคาน้ำมันแพงเกินจริง ถ้าแก้วันนั้นสามารถลดราคาทันที 8 บาท ก็ไม่ทำ เราเสนอให้เก็บภาษีลาภลอย ก็ไม่ทำ ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไม่ชี้แจง และไม่ยอมมาขึ้นเวทีดีเบตที่ไหนเลย ค่าไฟฟ้ามีปัญหาตั้งแต่เดือนมีนาคม ถ้าดำเนินการตอนนั้น วันนี้ก็ไม่ต้องมาเสนอ กกต.ขอใช้งบกลางเพื่อช่วยลดภาระให้กับประชาชน ซึ่งมันไม่ใช่ทางออก

นายกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาค่าไฟเป็นประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังไม่ได้ตอบ คือ ค่าก๊าซที่ทาง กฟผ.ซื้อแพงกว่าปิโตรเคม เพราะต้นตอปัญหามาจากการผูกขาด ต้องมาดูว่าใครมีอำนาจขายก๊าซแต่เพียงผู้เดียว ดูว่าใครถือหุ้นใหญ่ จะได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ตรงจุด พรรคชาติพัฒนากล้าเราเสนอให้ยกเว้นค่าเอฟทีไปเลย 3 เดือน เพราะขณะนี้ต้นทุนก๊าซลดลงอย่างรวดเร็ว กำลังการผลิตในอ่าวไทยก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และตอนที่ผลิตได้ลดก็เพราะความผิดพลาดที่มีการโอนสัมปทานให้เชฟรอน ทำให้ต้องไปนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี ในช่วงที่มีราคาแพงมากเนื่องจากภาวะสงคราม มันไม่ใช่ความผิดของประชาชน แต่ถูกโยนให้แบกภาระต้นทุนค่าไฟอย่างไม่เป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่การดีเบตดำเนินการไปอย่างเข้มข้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โทรศัพท์เข้ามาเพื่อขอชี้แจง โดยผู้เข้าร่วมดีเบตทุกคนต้องการให้นายสุพัฒน์พงษ์ เข้ามาชี้แจงเอง แต่เจ้าตัวบอกติดภารกิจที่พรรคจึงไม่สะดวก จึงขอชี้แจงทางโทรศัพท์แทน ซี่งนายกรณ์ ได้ถามว่า ทำไมถึงเพิ่งเริ่มคิดเยียวยาค่าไฟในช่วงนี้ ซึ่งในสุพัฒน์พงษ์ กล่าวว่า ได้ดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางมาตั้งแต่ปีที่แล้ว  และที่ต้องขึ้นค่าไฟเดือนพฤษภาคม ก็เพราะกว่าจะทราบว่าต้นทุนค่าไฟเท่าไรคือวันที่ 1 เมษายน ซี่งนายกรณ์ บอกว่าตนทราบว่า กกพ.มีมติจะขึ้นค่าไฟตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะทราบเดือนเมษายน เพราะมติ กกพ.ออกมาวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา มีการอนุมัติราคาใหม่มาแล้ว พอมีการท้วงติงท่านก็ลนลานมาแก้ปัญหาลดราคาให้ประชาชน 2 สตางค์ แต่ไม่ได้มีมาตรการชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนแต่อย่างใด 

นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการลงนามในสัญญากับเอกชนผลิตไฟฟ้า 5,000 เมกะวัตต์ ในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ซึ่งเป็นความผิดปกติ และผิดพลาด ที่ทำให้ต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้น แล้วโยนภาระนี้ให้ประชาชนแบกมันไม่เป็นธรรม เราตกอยู่ในสภาพที่ทุนใหญ่อยู่เหนือการเมืองผูกขาดมาโดยตลอด ทางออกในเรื่องนี้ คือ ต้องเปลี่ยนผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับทุนผูกขาด เพื่อให้การเมืองเป็นอิสระจากทุนผูกขาดทุกรูปแบบ 

‘กรณ์’ นำทีม ‘ชพก.’ เปิดเวทีปราศรัย อ้อนขอคะแนนชาวสุราษฎร์ธานี ลั่น!! พร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด ทวงความเป็นธรรมให้ประชาชน

‘กรณ์’ นำชาติพัฒนากล้า ปราศรัยสุราษฎร์ธานี ย้ำจุดยืนชนทุนผูกขาด เอาเปรียบประชาชน ลั่น ยกสุราษฎร์เป็นโมเดล ‘บริษัทมหาชนของเกษตรกร’ แห่งแรกของประเทศไทย  

(4 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ธชา จินตวร ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาพรรค ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมเวทีปราศรัยช่วย นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 หาเสียง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขต 2 เบอร์ 8 นายสุพจน์ บานเย็น เขต 4 เบอร์ 9 และ นายวศุธน เรืองขนาบ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 เบอร์ 4 ร่วมปราศรัย โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และร่วมรับฟังปราศรัยอย่างเนืองแน่น 

พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นพรรคเล็กและเป็นพรรคใหม่ แต่เรากล้าชกกับรุ่นเฮฟวี่เวท เรื่องที่เราออกมาสู้ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จนได้รับการยอมรับสะท้อนมาเป็นผลโพลของสุราษฎร์ธานีเขต 1 วันนี้ ที่โพลบี้กับที่ 1 แบบหายใจรดต้นคอ เวลาที่เหลืออยู่อีก 10 วันถือเป็นช่วงสำคัญ โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองและผู้สมัคร ที่หาเสียงแนวสร้างสรรค์ ไม่แจกเงิน เราต้องรักษาสถานะเป็นผู้ท้าชิง ให้เข้าสู่เส้นชัยให้ได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามักได้ยินคำถามเสมอว่าเราอยู่ฝั่งไหน ซ้ายหรือขวา เราตอบไม่แบบอายว่าเรามองข้ามขั้วการเมือง แต่มาสู้กับเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นกลยุทธ์การเมืองของพรรคใหญ่ เพื่อแบ่งประชาชนออกเป็นสองข้าง แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย และยังเป็นอุปสรรคของประเทศในการที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายก เราถูกปรามาสเสมอว่าเราพร้อมเสียบ ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าเป็นพรรครอเสียบก็ต้องสงวนปากสงวนคำอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดเรื่องใหญ่ ไม่ท้าทายใคร แต่เราสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาด มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งมันสวนทางกับพรรครอเสียบ แต่เป็นพรรคที่พร้อมสู้เพื่อความถูกต้องทวงความเป็นธรรมคืนให้พี่น้องประชาชน  

“เราพร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีใครที่พึ่งพาได้เหมือนกับเรา ในการยืนหยัดต่อสู้กับใครก็ตาม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของท่าน ผมมีจุดยืนเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน ก่อนการทำงานการเมือง ด้วยซ้ำ ผมเกลียดที่สุดคือ ทุนผูกขาด เพราะกระทบกับต้นทุนชีวิตประชาชน ครอบงำการเมืองทุกขั้ว เราขอต่อสู้ในแนวทางสร้างสรรค์ ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองแบบนี้เข้าไปทำงานในสภา ท่านไม่ต้องกังวลว่าเลือกเราแล้วจะได้เป็นรัฐบาลไหม ขอให้ท่านเลือกอนุวัตรเบอร์ 4 และพรรคชาติพัฒนากล้าเบอร์ 14 ขอให้เรามี ส.ส.ในสภา จะกี่คนก็ตาม เราพร้อมยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนขอท่านอย่าลังเล” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นโอกาสนิยม ให้คนตัวเล็ก ทำธุรกิจได้ เติบโตได้ แข็งแรง แข่งกันทุนใหญ่ได้ พรรคชาติพัฒนาจึงมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก สนับสนุนเกษตรกรสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร แต่ระบบราชการไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง ไม่เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเติบโต พรรคชาติพัฒนากล้า เราเสนอโครงการ 'บริษัทมหาชนของเกษตรกร' โดยใช้กลไกตลาดทุนมาช่วย เราดึงเกษตรกรมารวมตัวกัน โดยมีเศรษฐีคนไทย และนักลงทุนต่างประเทศ มาสนับสนุนนักบริหารทางการตลาด และหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ แบบนี้เกษตรกรได้ประโยชน์ตั้งแต่ขายราคาพืชผล แปรรูปผลผลิต และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเพื่อพัฒนาสินค้า ถ้าทำแบบนี้เกษตรกรเราไม่จนแน่นอน และโมเดลนี้จะเริ่มที่ จ.สุราษฎร์ธานีเป็นที่แรก เพราะเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ 

นายวรนัยน์ นโยบายประชานิยม จะทำให้ล้มละลายทั้งประเทศ ชุดนโยบายเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพัฒนา คุณภาพชีวิตพัฒนา คือการสร้างโอกาส สร้างความเสมอพรรค หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลแจกเงินไปเท่าไหร่แล้วแต่ ประชาชนจนเหมือนเดิม ถ้าเราอยากมีอนาคต เราต้องมองเรื่องหาเงิน ใครจะมาพัฒนาเศรษฐกิจให้เราได้ สร้างโอกาส ให้อาวุธพวกเราต่อสู้ ไม่ใช่ลืมตาอ้าปาก แต่อิ่มหมีพีมัน อยู่ดีกินดี คนรวยมีไม่กี่คน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าตอบโจทย์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แบบไม่เน้นประชานิยม  

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเรามั่นใจว่าเราเป็นพรรคแห่งความหวัง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน เราพูดได้ชัดเจนตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจทุนใหญ่ เราไม่รับทุนผูกขาด และเป็นพรรคแรกที่ต่อสู้เรื่องพลังงาน และออกมาเตือนรัฐบาลหลายครั้งว่าราคาน้ำมัน ค่าไฟ และข้าวของจะแพงตามมา แต่รัฐบาลไม่ทำ และยังประกาศขึ้นค่าไฟ ซ้ำเติมประชาชน และยังเอา รมว.พลังงานมาเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 ของพรรคลุงอีกมันสะท้อนถึงทุนผูกขาดที่มีอำนาจที่อยู่เหนือการเมือง   

‘กรณ์’ นำทัพ ‘ชพก.’ ลุยปราศรัยขอคะแนนชาวสุราษฎร์ธานี ลั่น!! ไม่ร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายกฯ

(5 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ธชา จินตวร ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาพรรค ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมเวทีปราศรัย เมื่อค่ำวันที่ 4 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ช่วยนายอนุวัตร์ รจิตานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 หาเสียง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขต 2 เบอร์ 8 นายสุพจน์ บานเย็น เขต 4 เบอร์ 9 และ นายวศุธน เรืองขนาบ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 เบอร์ 4 ร่วมปราศรัย โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และร่วมรับฟังปราศรัยอย่างเนืองแน่น 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นพรรคเล็กและเป็นพรรคใหม่ แต่เรากล้าชกกับรุ่นเฮฟวี่เวต เรื่องที่เราออกมาสู้ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จนได้รับการยอมรับสะท้อนมาเป็นผลโพลของสุราษฎร์ธานีเขต 1 วันนี้ที่โพลบี้กับที่ 1 แบบหายใจรดต้นคอ เวลาที่เหลืออยู่อีก 10 วันถือเป็นช่วงสำคัญ โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองและผู้สมัคร ที่หาเสียงแนวสร้างสรรค์ ไม่แจกเงิน เราต้องรักษาสถานะเป็นผู้ท้าชิง ให้เข้าสู่เส้นชัยให้ได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามักได้ยินคำถามเสมอว่าเราอยู่ฝั่งไหน ซ้ายหรือขวา เราตอบไม่แบบอายว่า เรามองข้ามขั้วการเมือง แต่มาสู้กับเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นกลยุทธ์การเมืองของพรรคใหญ่ เพื่อแบ่งประชาชนออกเป็นสองข้าง แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย และยังเป็นอุปสรรคของประเทศในการที่จะเดินต่อไปข้างหน้า 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายก เราถูกปรามาสเสมอว่าเราพร้อมเสียบ ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าเป็นพรรครอเสียบก็ต้องสงวนปากสงวนคำอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดเรื่องใหญ่ ไม่ท้าทายใคร แต่เราสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาด มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งมันสวนทางกับพรรครอเสียบ แต่เป็นพรรคที่พร้อมสู้เพื่อความถูกต้องทวงความเป็นธรรมคืนให้พี่น้องประชาชน  

“เราพร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีใครที่พึ่งพาได้เหมือนกับเรา ในการยืนหยัดต่อสู้กับใครก็ตาม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของท่าน ผมมีจุดยืนเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน ก่อนการทำงานการเมือง ด้วยซ้ำ ผมเกลียดที่สุดคือ ทุนผูกขาด เพราะกระทบกับต้นทุนชีวิตประชาชน ครอบงำการเมืองทุกขั้ว เราขอต่อสู้ในแนวทางสร้างสรรค์ ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองแบบนี้เข้าไปทำงานในสภา ท่านไม่ต้องกังวลว่าเลือกเราแล้วจะได้เป็นรัฐบาลไหม ขอให้ท่านเลือกอนุวัตรเบอร์ 4 และพรรคชาติพัฒนากล้าเบอร์ 14 ขอให้เรามี ส.ส.ในสภา จะกี่คนก็ตาม เราพร้อมยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนขอทุกคนอย่าลังเล” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

ด้านนายวรวุฒิ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นโอกาสนิยม ให้คนตัวเล็ก ทำธุรกิจได้ เติบโตได้ แข็งแรง แข่งกันทุนใหญ่ได้ พรรคชาติพัฒนาจึงมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก สนับสนุนเกษตรกรสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร แต่ระบบราชการไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง ไม่เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเติบโต 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราเสนอโครงการ ‘บริษัทมหาชนของเกษตรกร’ โดยใช้กลไกตลาดทุนมาช่วย เราดึงเกษตรกรมารวมตัวกัน โดยมีเศรษฐีคนไทย และนักลงทุนต่างประเทศมาสนับสนุนนักบริหารทางการตลาด และหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ แบบนี้เกษตรกรได้ประโยชน์ตั้งแต่ขายราคาพืชผล แปรรูปผลผลิต และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเพื่อพัฒนาสินค้า ถ้าทำแบบนี้เกษตรกรเราไม่จนแน่นอน และโมเดลนี้จะเริ่มที่ จ.สุราษฎร์ธานีเป็นที่แรก เพราะเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ 

นายวรนัยน์ กล่าวว่า นโยบายประชานิยม จะทำให้ล้มละลายทั้งประเทศ ชุดนโยบายเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพัฒนา คุณภาพชีวิตพัฒนา คือการสร้างโอกาส สร้างความเสมอพรรค หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลแจกเงินไปเท่าไหร่แล้ว แต่ประชาชนจนเหมือนเดิม ถ้าเราอยากมีอนาคต เราต้องมองเรื่องหาเงิน ใครจะมาพัฒนาเศรษฐกิจให้เราได้ สร้างโอกาส ให้อาวุธพวกเราต่อสู้ ไม่ใช่ลืมตาอ้าปาก แต่อิ่มหมีพีมัน อยู่ดีกินดี คนรวยมีไม่กี่คน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าตอบโจทย์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แบบไม่เน้นประชานิยม  

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเรามั่นใจว่าเราเป็นพรรคแห่งความหวัง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน เราพูดได้ชัดเจนตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจทุนใหญ่ เราไม่รับทุนผูกขาด และเป็นพรรคแรกที่ต่อสู้เรื่องพลังงาน และออกมาเตือนรัฐบาลหลายครั้งว่าราคาน้ำมัน ค่าไฟ และข้าวของจะแพงตามมา แต่รัฐบาลไม่ทำ และยังประกาศขึ้นค่าไฟ ซ้ำเติมประชาชน และยังเอา รมว.พลังงานมาเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 ของพรรคลุงอีก มันสะท้อนถึงทุนผูกขาดที่มีอำนาจที่อยู่เหนือการเมือง   

'กรณ์' กร้าว!! ชพก.แม้เป็นพรรคเล็ก แต่พร้อมสู้เพื่อประชาชน ย้อนถาม พรรคใหญ่ที่มัวเกรงใจทุนผูกขาดทำอะไรได้บ้าง?

(5 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตอบคำถามหลังมีคนถามว่า 'พรรคเล็กทำอะไรได้?" ดังนี้...

งั้นผมถามกลับว่า แล้วพรรคใหญ่ที่มัวเกรงใจทุนผูกขาดทำอะไรได้บ้าง?

ไม่ใช่พรรคเล็กอย่าง พรรคชาติพัฒนากล้า - ChartpattanaKLA Party หรอกหรือ ที่ออกมาสู้เรื่อง #น้ำมันแพง เพราะวิธีคิดค่าการกลั่น ที่ทำให้โรงกลั่นรํ่ารวยกันไปบนทุกข์ร้อนของประชาชน

ไม่ใช่พรรคเล็กอย่าง 'ชาติพัฒนากล้า' หรอกหรือ ที่ออกมาสู้เรื่อง #รื้อระบบแบล็กลิสต์ ให้คนไทยได้ลืมตาอ้าปาก 

ไม่ใช่พรรคเล็กอย่าง 'ชาติพัฒนากล้า' หรอกหรือ ที่ออกมาสู้เรื่อง #ค่าไฟแพง จนสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ทำให้รัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องลดค่าไฟ

‘กรณ์’ ชูแนวคิด ‘โอกาสนิยม’ สร้างภูมิให้คนไทยยืนหยัดได้เอง ซัดพรรคใหญ่!! ไม่ใช่ช่วงวิกฤต อย่าเอาภาษีไปแข่งกันแจก

(5 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมทีมงานเดินทางไปยังอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอคะแนนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 เบอร์ 12 นายนเรศ เกสรินทร์ (รัตนบุรี) ที่มีคะแนนดีวันดีคืนจากผลสำรวจของพรรคฯ

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ตนเดินสายช่วยผู้สมัครภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วไปต่อที่จังหวัดพัทลุง จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้สมัครของเรามีการตอบรับที่ดีทั้งในอันดับที่ 1 และที่ 2 ซึ่งมีคะแนนก็เบียดแบบหายใจรดต้นคอกันประมาณ 5-6 เขต เชื่อว่าผู้สมัครของเราอย่างน้อย 3-5 คนต้องสามารถปักธงชัยที่ภาคใต้ได้อย่างแน่นอน ตนก็มาให้กำลังใจและขอให้เดินหาเสียงอย่างมีความสุข

“ประชาชนตอบรับนโยบายเศรษฐกิจเพื่อปากท้องของเรา พวกเขาสะท้อนว่าอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาดูแลแก้ปัญหาให้กับเขา และค่อนข้างกังวลกับนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสียภาษี ที่กลัวว่าการจะนำเงินภาษีของเขามาใช้แบบนี้ มันเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นสร้างโอกาส เราไม่เน้นลดแลกแจกแถม หรือใช้งบประมาณภาษีแต่อย่างใด การใช้เงินภาษี ผมพูดเสมอว่าทำได้ในยามวิกฤตแต่ในช่วงนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องการ คือ ต่อยอดโอกาสในการทำมาค้าขายของเขา ถ้าเป็นเกษตรกร เขาก็อยากเห็นนโยบายที่ทำให้ ราคาพืชผลของเขาสูงขึ้น ทำให้เขามีชีวิตที่มั่นคงด้วยตัวเขาเองมากขึ้น” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว

ต่อมาในช่วงค่ำ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยกล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมากว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่เสนอนโยบายประชานิยม เราเป็นพรรคที่ส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า ‘โอกาสนิยม’ คือ สร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนให้สามารถทำมาหากินได้ แข่งขันได้ มีราคาพืชผลที่ดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐ นี่คือสิ่งที่ประชาชนเขาต้องการมากกว่า  และเป็นชุดนโยบายที่เป็นธรรมกับประชาชนที่เป็นผู้เสียภาษีมากกว่า

‘ชพก.’ เปิดเวทีปราศรัย ‘นครศรีฯ’ ลั่น!! รื้อระบบกองสลาก ชู ‘หวยจังหวัด’ หนุน ปชช.เป็นเศรษฐีเงินล้านเดือนละ 462 คน

วันนี้ (6 พฤษภาคม) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อก ขวัญใจชาวใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดสงขลา เบอร์ 8 ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอคะแนนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ได้แก่ นายโอฬาร สุตตะนาคา หรือ ‘ทนายแชมป์’ ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 7 และนายหัวสิทธิ์ สิทธิรัก ทิพย์อักษร ผู้สมัคร เขต 4 เบอร์ 9 โดยในช่วงเช้า นายกรณ์พร้อมคณะ ได้เดินหาเสียงที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช และช่วงบ่ายช่วยหาเสียงที่ตลาดอำเภอชะอวด โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและอวยพรให้ได้ ส.ส.เข้าไปทำงานในสภาฯ มากๆ

ต่อมาในช่วงค่ำ ได้จัดเวทีปราศรัยที่สถานีรถไฟชะอวด มีประชาชนร่วมรับฟังกว่าครึ่งหมื่น โดยนายกรณ์ ได้ขึ้นปราศรัย โดยระบุว่า เหลือเวลาอีกเพียง 8 วันก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ตั้งใจมุ่งมั่นมาตั้งแต่แรกว่ายังไงก็ต้องมาชะอวด เพราะมีความผูกพันเป็นพิเศษเนื่องจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วเราส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมในนามพรรคกล้า ทุกคะแนนที่ได้เป็นคะแนนเสียงบริสุทธิ์ ที่มีค่าทางใจมหาศาลกับเราและเป็นกำลังใจให้เราทำการเมืองตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ และวันนี้พวกท่านก็ได้มานั่งอยู่ตรงนี้และพร้อมสนับสนุนพรรคเรา

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงความกังวลของพี่น้องประชาชนบางคนที่ว่า เป็นพรรคเล็กเลือกไปแล้วจะเสียของหรือเปล่า เลือกไปแล้วจะได้ทำงานไหม ตนขอบอกว่า การเลือกตั้งมันเลือกด้วยหลากหลายเหตุผล แต่สำหรับคนที่มั่นใจว่าเราเป็นคนที่ท่านเลือกมาแล้วสามารถทำงานรับใช้ท่านได้แน่นอน พรรคชาติพัฒนากล้าถึงแม้จะเป็นพรรคเล็ก แต่เราต่อสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาดทุกประเภท วันนี้การผูกขาดเป็นต้นตอที่มาของสินค้าราคาแพง ต้นทุนค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนสูงขึ้น ปุ๋ยราคาแพง ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ

อีกทั้งยังมีปัญหาคอร์รัปชัน ที่ทุนผูกขาดไม่ได้ครอบงำแต่ระดับเศรษฐกิจ แต่ครอบงำไปถึงการเมืองระดับประเทศ เพราะความจริงพรรคยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องใช้เงิน และยิ่งมีความจำเป็นต้องอยู่ในระบบอุปถัมภ์ของการผูกขาด เราไม่สามารถที่จะพึ่งพรรคที่อยู่ในระบบอุปถัมภ์ของการผูกขาด มาแก้ปัญหาการผูกขาด สร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนได้ และนี่คือสาเหตุที่ต้องเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า

นายกรณ์ ยืนยันด้วยว่า พรรคชาติพัฒนา ‘ไม่ยกเลิก ไม่แก้ มาตรา 112’ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นายอรรถวิชช์ ได้เสนอทางออกให้กับรัฐบาล โดยเราบอกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องมีกฎหมายคุ้มครองนั่นคือมาตรา 112 เราไม่เห็นด้วยกับยกเลิก หรือแม้แต่แก้ไข แต่เราต้องการเสนอแนวทางมีคณะกรรมการกลั่นกรอง เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างว่ามีการนำกฎหมายนี้ไปแกล้งใครในทางการเมือง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top