Saturday, 27 April 2024
กรณ์จาติกวณิช

‘กรณ์’ ชู ‘ศก.สายมู’ สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อ!! ดูด นทท.ทั่วโลก สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

‘กรณ์’ เดินหน้า ‘เศรษฐกิจสายมู’ หนึ่งในยุทธศาสตร์ Spectrum Economy หารายได้ 5 ล้านล้านบาท ดันส่งเสริมจังหวัดละพันล้าน สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสายมู หรือเศรษฐกิจสีขาว เป็นหนี่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่เราได้มีการพูดถึงและนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย เนื่องจากเห็นว่า ท่องเที่ยวสายมูไม่ใช่ความงมงาย ‘มูเตลู’ คือความเชื่อและความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะคนไทยเรา หลอมรวมกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ทุกจังหวัดเหลือเที่ยวบินเพียงวันละเที่ยวสองเที่ยว แต่ที่นครศรีธรรมราชกลับมีเที่ยวบิน 50 กว่าเที่ยว เพราะมีวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เงินสะพัดสู่ชุมชน ทำให้ชาวบ้านที่ค้าขายอยู่รอบ ๆ รวมทั้งโรงแรมที่พัก ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง 

“เศรษฐกิจสายมูกำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก สามารถใช้ศรัทธาและแรงบันดาลใจแปรเปลี่ยนเป็นรายได้อย่างมหาศาล พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้นำมาบรรจุในนโยบายเศรษฐกิจ 7 สี หรือ Spectrum Economy ที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว   

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย ถ้าเราฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า คิดดูว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนแค่ไหน นโยบายของเราคือ 1 จังหวัด 1 พันล้าน โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ ยกตัวอย่าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่อยุธยา ที่นายกอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างขึ้นมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีตลาดที่ชาวบ้านสามารถนำสินค้ามาค้าขายโดยรอบ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้คนอยุธยาอย่างประเมินค่าไม่ได้ หรือแม้แต่พระพิฆเนศองค์ยืนที่องค์ยืนที่ฉะเชิงเทรา ที่เกิดขึ้นมาได้ก็มีนายกอุ๊เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหลากหลาย

นอกจากนี้นายกอุ๊ ยังเป็นกำลังหลักในการสร้างหลวงปู่โต วัดโบสถ์ อ.สามโคก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ปทุมธานีด้วย 

“นายกอุ๊ ก็คือที่ปรึกษาด้านนโยบายของชาติพัฒนากล้าด้วย พวกเราเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจสีขาว หรือสายมู ที่ถ้าเราลงทุนหลักพันล้านต่อ 1 แหล่งท่องเที่ยว เราจะได้เงินกลับคืนมาอย่างมหาศาล ดูแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องกง วัดอาซากุสะที่ญี่ปุ่น โบสถ์ที่งดงามในยุโรป หรือแม้แต่พระพรหมเอราวัณที่บ้านเรา ต่างก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากมาชมด้วยตาตัวเอง” นายกรณ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวคือต้องมี 3 มิติควบคู่ ได้แก่ 

1. เพิ่มนักท่องเที่ยว ที่เราต้องลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ลงทุนในการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ 

2. เพิ่มเวลาที่นักท่องเที่ยวอยู่กับเรา จาก 10 วันเป็น 12 วัน ต้องเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายและดึงดูด 

และ 3. เพิ่มเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ตอนอยู่กับเรา เพิ่มการใช้จ่ายจับจ่าย ต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเราให้มีราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของฝาก อาหาร ที่พัก ฯลฯ ซึ่งยุทธศาสตร์สายมูตอบโจทย์ทั้ง 3 มิติ

'สุวัจน์' ชี้!! รัฐบาลผสม ต้องมี 300 เสียง เพื่อเสถียรภาพ ประกาศพร้อมจับมือกับขั้วที่สร้างการเมืองแข็งแรง

'สุวัจน์' ลั่น!! ชาติพัฒนากล้า คัมแบ็กโคราช ชี้!! มีเซอร์ไพรซ์ พร้อมปรับยุทธ์ศาสตร์ สู้กติกาเลือกตั้ง 'บัตร 2 ใบ-คนละเบอร์' ประเมินรัฐบาลหน้า เป็นรัฐบาลผสม ต้องได้ 300 เสียง เพื่อเสถียรภาพ ประกาศพร้อมจับมือขั้วที่สร้างการเมืองแข็งแรง

(9 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประทานแจกันดอกไม้อวยพร เนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 68 ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลล ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ที่บ้านพักส่วนตัวย่านถนนราชวิถี  

จากนั้นเวลา 11.00 น. มีแกนนำพรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา เข้าร่วมมอบช่อดอกไม้ เพื่ออวยพรวันเกิดนายสุวัจน์ นอกจากนี้ยังมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารสุข ได้ร่วมเข้าอวยพรด้วย

นายสุวัจน์ ได้กล่าวอวยพรให้ทีมพรรคชาติพัฒนากล้า ให้สามารถสู้ศึกเลือกตั้ง และได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ได้ ส.ส.เข้าสภาจำนวนมากพอที่จะผลักดันนโยบาย แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของชาติได้สำเร็จในการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคชาติพัฒนากล้ามีความพร้อมต่อการเลือกตั้ง โดยตั้งเป้าหมายจะได้ ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 25 คน เพื่อเพียงพอต่อการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาพิจารณา 

ส่วนพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายได้ ส.ส.นั้น คือ พื้นที่เขตเมืองใน จ.นครราชสีมา โดยเขต 1 จะส่งนายเทวัญ และเขต2 จะส่งนายวัชระพล เบื้องต้นคาดว่าจะได้ส.ส.ในระดับที่เซอร์ไพรซ์แน่นอน ขณะที่กทม.นั้น มีทีมของนายกรณ์ และนายอรรถวิชช์ ดูแล ทั้งนี้จะไม่ส่งว่าที่ส.ส.ครบทุกเขตเลือกตั้ง แต่จะเน้นพื้นที่เป้าหมายในเขตเมือง ทั้งกทม. ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่

‘กรณ์’ เสนอ รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ชู ‘เศรษฐกิจเฉดสี’ เพิ่มโอกาส-สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

(9 ก.พ. 66) ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวในเวทีสัมมนา ‘อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทยสตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก’ ว่า ก่อนจะไปสู่คำถามว่าเราจะสตาร์ตอย่างไรให้ก้าวนำโลก ตนขอเพิ่มคำถามว่าเราจะสตาร์ตอย่างไร ในขณะที่มีคนไทย ถือบัตรสวัสดิการคนจนถึง 14 ล้านคน เรามีคนติดแบล็กลิสต์บูโรถึง 6 ล้านชีวิต เรามีเอสเอ็มอีที่ไม่รู้จะไปต่อได้หรือไม่อีกเป็นจำนวนมาก คำตอบของปัญหาเหล่านี้คือ เราต้องรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลายเรื่อง ไทยเราจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกันทุกคน 

นายกรณ์ ได้ยกตัวอย่าง สินค้าส่งออกยอดฮิตถือเป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยนของประเทศไทย คือรถยนต์ปิ๊กอัพ ที่มีการส่งออกเกือบ 1 ล้านคันต่อปี ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจะยกเลิกการใช้รถยนต์สันดาปแบบเดิมมาเป็นรถยนต์ EV ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องปรับรื้อ ซึ่งเขาไม่จำเป็นที่ต้องเริ่มจากศูนย์เขามีองค์ความรู้ และ supply chain ที่ถูกต้อง ประเทศไทยมีของดีเป็นจำนวนมากที่เป็นโอกาสของคนไทย ถึงเวลาที่ต้องรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้ง อุตสาหกรรมพลังงาน, อุตสาหกรรมการเงิน, อุตสาหกรรมการเกษตร และที่สำคัญ รื้อระบบราชการ ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้า ได้นำเสนอมาตลอด

‘กรณ์’ เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ‘ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม’ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ อาสาเป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้าน

(24 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย ผศ.ดร. เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายปรีชญา ฉ่ำมณี หรือ หำโจ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค เดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อจัดตั้งตัวแทนและที่ทำการพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมเปิดตัว ‘เอม อภัสรา’ นางสาวดนิตา มาบุญธรรม หมอลำชื่อดัง เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดเขต 1 

นายกรณ์ กล่าวว่า ถ้า เอม อภัสรา ได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นผู้แทนราษฎร ก็จะเป็นความภาคภูมิใจของคนร้อยเอ็ด เพราะเอม เป็นลูกชาวบ้านที่อาสามาเป็นผู้แทน และมีเจตนารมณ์เดียวกันกับพรรคคือ ไม่ขายความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร ไม่สะสมประโยชน์ส่วนตัว เราเน้นทำงานเพื่อแก้ปากท้องของพี่น้องประชาชน สร้างอนาคตให้ลูกหลาน ดูแลผู้สูงอายุ เราสู้ตั้งแต่ยังไม่มี ส.ส.และกล้าชนกับเรื่องปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาคนไทยติดแบล็กลิสต์บูโร สนับสนุนเกษตรกรให้ทำเกษตรพรีเมียม เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ วัฒนธรรมไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาสัมผัสในสิ่งที่เขาหาชมที่ไหนไม่ได้ ซึ่งหมอลำ ตอบโจทย์อย่างชัดเจน และเชื่อว่าเอม อภัสรา มีศักยภาพพอที่จะสามารถทำให้ หมอลำ โกอินเตอร์ได้อย่างแน่นอน

'กรณ์' ตอบโดนใจ!! ทำไมลูกชาวนาจะเป็น ส.ส.ไม่ได้ แค่ ปชช.พร้อมเลือก วันนั้นคนไทยจะเป็นเจ้าของ ปท.ตัวจริง 

(25 ก.พ.66) คุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ...ทำไม 'หมอลำ' กับ 'ลูกชาวนา' จะเป็น ส.ส.ไม่ได้!? ว่า...

วันนี้ผมมาลงพื้นที่ "ร้อยเอ็ด/มหาสารคาม"

ที่ 'ร้อยเอ็ด' ผู้สมัครเราเป็นหมอลำชื่อดัง “เอม-อภัสรา” ได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงโควิดที่เห็นเหล่าศิลปินถูกทอดทิ้ง และความตั้งใจอยากนำวัฒนธรรมอีสานสู่ความเป็นสากล

ส่วนผู้สมัครเราที่ 'มหาสารคาม' เป็นลูกสาวชาวนา ที่เรียนจบวิทยาศาสตร์เคมี ทำงานบริษัทในกรุงเทพ แต่แล้วก็ตัดสินใจกลับมาช่วยหมู่บ้านบ้านเกิดในฐานะผู้จัดการโครงการ ‘ข้าวอิ่ม’ ของผมเอง

วันนี้คุณแม่เขาโพล่งถามผมว่า “คุณกรณ์คะ ลูกชาวนาเป็น ส.ส.ได้จริงหรือคะ!?"

คำถามนี้สะท้อนมุมมองที่ชาวบ้านมีต่อการเมืองไทย ว่าใครจะเป็น ส.ส. ต้องรวย ต้องมีเครือข่าย ชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีสิทธิ แค่คิดจะลงสมัครก็แปลกแล้ว

ที่ชาวบ้านคิดอย่างนี้ก็ไม่ผิด เพราะตามจริงโอกาสที่ชาวบ้านธรรมดาๆ จะชนะเลือกตั้งมีน้อยมาก (ไม่ว่าจะมีความรู้ หรือมีความตั้งใจดีแค่ไหน) …แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้… ผมเชื่อเช่นนี้

…และวันไหนที่คนธรรมดาในทุกสาขาอาชีพ สามารถลงสมัคร และได้รับการสนับสนุนจากคนธรรมดาด้วยกัน วันนั้นจะเป็นวันที่ประเทศไทยเราเจริญ เป็นวันที่เราได้บ้านเมืองกลับคืนจากนายทุนและผู้มีอิทธิพล และเป็นวันที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง 

ผมภาคภูมิใจในผู้สมัคร 'ลูกชาวบ้าน' ของเราทุกคนครับ


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0K651J8t1D9HNby4vRpV4w1orz2j2dkcPTPKX4sP54NUdjzdh7AhymsbP17Yse2scl&id=100044357112719&mibextid=Nif5oz

'กรณ์' ควง 'จูรี' ปลุกคนใต้ อย่าขายเสียง ชี้!! "เงินซื้อไม่ได้” แต่ถ้าให้มาก็รับไว้ แล้วไม่กา

(27 ก.พ.66) ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายจูรี นุ่มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 เดินพบปะพ่อค้า แม่ค้า โดยพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับอย่างคึกคักมาก โดยนายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาส่งว่าที่ผู้สมัครในจังหวัดสงขลา 4 คน ในเขต 1 เขต 2 เขต 3 และเขต 9 

และวันนี้มาเดินหาดใหญ่ อยู่ในพื้นที่ เขต 2 ซึ่งเราส่ง นายจูรี นุ่มแก้ว จากภาพบรรยากาศเราจะเห็นได้ว่า ประชาชนในตัวเมืองหาดใหญ่ตื่นตัว และให้การยอมรับในตัวจูรีเป็นอย่างมาก โดยจูรีเองพร้อมสร้างโอกาสให้คนหาดใหญ่ คนสงขลา และคนใต้ทุกคน จูรีเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้มาทั้งชีวิตจนวันนี้มีชื่อเสียง ก็อยากจะใช้ชื่อเสียงตรงนี้สร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน จึงอาสามาเป็นผู้สมัคร โจทย์สำคัญของวันนี้คือ ทำอย่างไรให้หาดใหญ่พัฒนาต่อไปได้ ทุกอย่างต้องไม่อยู่กับที่ เราต้องมีบทเรียนจากความเจ็บปวดในช่วง 2 ปีที่ผ่านจากวิกฤตโควิด เพื่อไม่ให้ใครสามารถพูดได้ว่าหาดใหญ่ตายแล้ว ดังนั้นจุดเริ่มต้นคือต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก่อน

ด้านนายจูรี ซึ่งเป็นขวัญใจของคนหาดใหญ่ และคนใต้ ว่า อุดมคติของคนใต้แต่ดั้งเดิมคือ เงินซื้อไม่ได้ วันนี้มีคนเอาเงินมาให้มากมาย เราต้องรักษาอุดมคติไว้ให้มั่น ใครเอามาให้เราก็รับไว้ แต่ให้กาพรรคที่ไม่ให้เงิน โดยส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเอาเงินไปซื้อพี่น้องประชาชน ให้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิต เพราะเขาซื้อเสียงวันนี้ ส.ส.เขาก็จะไม่สนใจเรา เพราะเขาถือว่าเขาซื้อขาดแล้วตั้งแต่วันที่เข้าคูหา แล้วบ้านเราก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 

‘กรณ์’ ส่ง ‘ดร.อิสมาแอล’ ลงเขต 2 ปัตตานี มั่นใจ!! ปชช.ตอบรับดี คว้าชัยได้แน่นอน

(27 ก.พ. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย พล.ต.ธชา จินตวร  ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค และคณะ เดินทางไปยัง จ.ปัตตานี เพื่อประชุมแต่งตั้งตัวแทนพรรคประจำ จ.ปัตตานี และเปิดตัว ดร.อิสมาแอล เบญอิบรอฮีม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ 3 สมัย เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.ปัตตานี พรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมทั้งพบปะพี่น้องประชาชน ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก 

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนและดร.อิสมาแอล รู้จักกันมานาน เริ่มเป็น ส.ส.พร้อมกันคือ เมื่อปี 2548 และฝ่ากระแสการเมืองชนะเลือกตั้ง เป็น ส.ส.มาถึง 3 สมัย เป็นว่าที่ผู้สมัครที่มีศักยภาพ และเป็นคนเดียวที่เราตัดสินใจส่งผู้สมัครในเขต 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งตนมั่นใจว่า ยีแอ หรือ ดร.อิสมาแอล จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อแก้ปัญหาความยากจน สร้างโอกาสให้พี่น้องชาวปัตตานีได้ และยังเชื่อมั่นว่านายอิสมาแอล การเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะสามารถชนะเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน

แก้ปัญหาตรงจุด!! ‘กรณ์’ ลุยบางคอแหลม ‘พูดคุย-รับฟัง’ ปัญหาชาวบ้าน ปลื้ม!! ส่วนใหญ่ขานรับนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์’ แก้หนี้ทั้งระบบ

(4 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายปรัชญา อึ้งรังษี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในเขตบางคอแหลม ถนนเจริญกรุง โดยนายกรณ์ แนะนำตัวผู้สมัครและสอบถามความเป็นอยู่ของพี่ประชาชน ซึ่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อยเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนให้ความสนใจนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะหลายคนก็พบเจอปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะไม่สามารถกู้เงินในระบบได้

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายการหาเสียงที่ชัดเจนว่า มุ่งเน้นไปที่ต้นตอของปัญหา ไม่เน้นประชานิยม เนื่องจากมองว่านโยบายประชานิยม เช่น พักหนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการผลักปัญหาออกไปโดยที่ไม่ได้ช่วยอะไร เราจึงเลือกที่จะนำเสนอนโยบายที่สร้างโอกาสให้ประชาชนปลดหนี้ ลดหนี้ โดยยกตัวอย่างในช่วงวิกฤตโควิด พรรคได้ทำโครงการกล้าปลดหนี้ มีประชาชนมาขอคำปรึกษาว่าเขามีหนี้นอกระบบอยู่ 50,000 และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ เราจึงช่วยหาสถาบันการเงินมาปล่อยกู้ให้ 100,000 บาท เพื่อปลดหนี้นอกระบบที่มี และอีก 50,000 บาทเขานำไปวางเงินดาวน์เปิดร้านหมูกระทะ จนปัจจุบันกิจการรุ่งเรือง สามารถปลดหนี้ได้ และหารายได้เลี้ยงครอบครัวได้สบาย ๆ เพราะเขาได้โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญให้เขาเดินต่อได้

นายกรณ์ กล่าวว่า วันก่อนได้มีโอกาสได้คุยกับคนรุ่นใหม่แถวสามย่าน เขาเป็นเอเย่นต์ขายบ้าน เขาบอกว่า บ้านที่คนส่วนใหญ่บ้านคนสนใจราคาอยู่ประมาณ 2 ล้าน และถ้าคนเจตนาจะมีบ้าน 10 คน แบงก์จะสามารถปล่อยกู้ได้เพียง 2 คนเท่านั้น ในขณะที่อีก 8 คน ก็ยังต้องเช่าบ้านที่ราคาแพงกว่าเงินที่ใช้ผ่อนบ้าน แทนที่จะให้เขากู้เงินแล้ว เอาเงินค่าเช่ามาเป็นเงินผ่อน ที่ต้องจ่ายไปโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา โอกาสการในการกู้ยืมเงินเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเมื่อเทียบกับออสเตรเลีย ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่ 4% ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 5% ส่วนต่าง 1% เช่นเดียวกับมาเลเซีย ถ้าอัตราส่วนต่างไม่เกิน 2% ในขณะที่ประเทศไทย ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1% และดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 6% ทำไมส่วนต่างเราสูงกว่ากันมาก แต่บ้านเราไม่มีใครตั้งคำถามแบบนี้ ไม่มีคนคิดเชิงโครงสร้าง ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

“ชีวิตผมเอง 20 ปี ผมทำธุรกิจมา เหมือนกับคุณปรัชญา ก็ทำธุรกิจ และไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตามในทุกประสบการณ์ก็เป็นประโยชน์ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แต่ความเข้าใจในระบบเศรษฐกิจ มีความสำคัญ ที่จะเป็นเส้นแบ่งสำคัญของนักธุรกิจกับนักการเมืองคือ จิตสาธารณะ ความเสียสละ ที่เราต้องปรับตัว เพราะเรามีหน้าที่สร้างประโยชน์ให้กับทุกคน ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า หรือคนที่เลือกเรา ความเข้าใจตรงนี้ นักธุรกิจมองข้ามไม่ได้ และต้องปรับตัวให้ได้” นายกรณ์ กล่าว

สุดจะทน!! 'กรณ์' จวกรัฐบาล หลังฝุ่น PM2.5 คลุมเมือง ชี้!! ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีมาตรการอะไรเลย  

(8 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ช่วงนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทย ฝุ่น P.M 2.5 มาสร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร ปริมาณฝุ่นสูงเกินมาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนหนึ่งเพราะสภาวะอากาศเย็น หรืออาจจะเป็นฤดูการเพาะปลูก มีการเผาไร่เกษตร ทำให้ปริมาณฝุ่นสูงมากกว่าปกติ และไม่สามารถจะหนีฝุ่นไปไหนได้ ในฐานะนักการเมืองตระหนักว่าเรื่องนี้ไม่มาช่วยกันคิดช่วยกันทำไม่ได้ ตนร่วมรณรงค์เรื่องนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะอย่างน้อยก็เป็นคนหนึ่งที่มีสตางค์ซื้อเครื่องฟอกอากาศให้ตัวเองและครอบครัวได้ แต่อากาศบริสุทธิ์ควรเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ควรเป็นอีกเรื่องที่เป็นสิทธิเพียงของใครที่มีเงิน 

นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ประกาศเรื่องฝุ่นเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ มาหลายปี แต่ก็ยังไม่เห็นมาตรการที่ส่งผล ตนได้ร่วมรณรงค์และลงชื่อ ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ ของประชาชนมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน แต่กฎหมายนี้ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณาในสภา จนสภาจะหมดวาระแล้วก็เลยยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน สังเกตได้ว่าปัญหาเรื่องฝุ่นจะมีเป็นฤดูกาล ดังนั้นพอสรุปได้ว่าต้นตอปัญหาน่าจะมาจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าสภาพอากาศจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และพลังงานเป็นแหล่งที่มาของฝุ่น แต่มากกว่านั้นคือการเผาที่การเกษตรในช่วงฤดูการนี้ เราทราบกันดีว่าพฤติกรรมการเผามีเหตุผลและเงื่อนไขจากทางเศรษฐกิจ เราจึงต้องแก้ด้วยตรรกะทางเศรษฐกิจ คือสร้างแรงจูงใจไม่ให้เกิดการเผา

โชว์ฟิต!! ‘กรณ์’ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เตรียมว่ายน้ำข้ามทะเลสาบ ระดมทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ พร้อมโปรโมตการท่องเที่ยว

(9 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า  ในระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2566 ตนพร้อมทีมงานจะเดินทางไป จ.สงขลา เพื่อทำกิจกรรมร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ทั้ง 4 เขต 

โดยในช่วงบ่ายวันที่ 10 มีนาคม จะพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเมืองเก่าสงขลา และเข้าร่วมกิจกรรมงานวันสงขลาครบรอบ 181 ปี ณ ถ.นางงาม นครใน นครนอก ร่วมกับนายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต 1 จากนั้นในช่วงเย็นร่วมทอล์คเศรษฐกิจ ณ ไมอามี่ สงขลา 

จากนั้นในวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม ลงพื้นที่เขตอำเภอหาดใหญ่ เริ่มด้วยการพบกลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และรับหนังสือแก้ปัญหากลิ่นขยะเน่าเหม็นที่ตำบลควนลัง ร่วมกับทนายอาร์ม นายพงศธร สุวรรณรักษา เขต 9 และลงพื้นที่ในใจกลางเมืองหาดใหญ่ บริเวณตลาดคลองเรียนร่วมกับนายจูรี นุ่มแก้ว เขต 2 เนื่องจากการลงพื้นที่ล่าสุดได้รับเสียงตอบรับจากโซนพื้นที่ค้าขาย ธุรกิจเป็นอย่างมาก และในช่วงเย็นลงพื้นที่ต่อเนื่องที่ตลาดน้ำคลองแห เพื่อทำกิจกรรมเศรษฐกิจชุมชนกับ ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 อาจารย์อ๊อด นายประสิทธิ์ รัตนพันธ์

“โดยไฮไลท์ของการลงพื้นที่สงขลา รอบนี้ของผมคือ วันอาทิตย์ 12 มีนาคม ผมจะเข้าร่วมกิจกรรมว่ายน้ำข้ามทะเลสาบสงขลา 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการว่ายครั้งที่ 2 เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยววิถีชุมชนเมืองเก่า-หัวเขา เริ่มจากจุดปล่อยตัวที่ โรงสีแดง ถนนนครนอก จนถึงเส้นชัย ที่ Songkhla Pier ฝั่งหัวเขา โดยความพิเศษของรอบนี้คือ ผู้จัดจะมีการร่วมระดมทุนช่วยเครื่องมือแพทย์ขาดแคลนที่ รพ.สต.หัวเขา อีกด้วย” นายกรณ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า จ.สงขลา โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่เป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่พรรคชาติพัฒนากล้าเอาจริง และมั่นใจว่าจะสามารถคว้าชัยชนะในอย่างแน่นอน ดูจากเสียงตอบรับจากประชาชนในการลงพื้นที่แต่ละครั้ง และผู้สมัครทุกคนก็เป็นคนมีศักยภาพซึ่งพรรคได้คัดเลือกมาแล้วเพื่อพี่น้องประชาชนชาวสงขลา 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top