Sunday, 28 April 2024
กรณ์จาติกวณิช

รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ถูกปลดหลังทำงานได้ 38 วัน เหตุออกนโยบายเศรษฐกิจที่ประชาชนไม่ยอมรับ

เมื่อวานมีประเด็นร้อนในสหราชอาณาจักร เมื่อรัฐมนตรีคลังอังกฤษ ถูกปลดออก หลังจากทำงานได้ เพียง 38 วันเท่านั้น!!

ส่วนชนวนเหตุสำคัญ คือ การออกนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่เป็นที่ยอมรับ

อย่างไรงั้นหรือครับ?

ปัญหา คือ นโยบายนี้เป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีมีส่วนร่วม 100% ในการคิดและนำเสนอ 

ดังนั้นการปลดรัฐมนตรีคลัง อาจไม่พอ!! ในการปกป้องตำแหน่งตนเอง เพราะตลาดเงินไม่ได้ไม่พอใจตัวบุคคล แต่ไม่พอใจนโยบาย และถึงแม้นายกฯ อังกฤษ จะได้เพิ่งประกาศกลับลำนโยบายบางส่วน ก็อาจจะไม่ช่วยให้เธออยู่ต่อได้ 

‘นิด้าโพล’ เผย Top 5 นายกฯ ของคนกรุงเทพฯ ‘กรณ์’ ติดโผ โปรไฟล์ ‘ศก.-การเมืองรุ่นใหม่’ พาเบียด

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคน กทม.’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 21-27 ตุลาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคน กทม. การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า…

อันดับ 1 ร้อยละ 20.40 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนมีความมุ่งมั่น มีความรู้ความสามารถ เป็นคนรุ่นใหม่ และชื่นชอบนโยบายของพรรคก้าวไกล 

อันดับ 2 ร้อยละ 15.20 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนมีความซื่อสัตย์ ชื่นชอบผลงาน ทำให้บ้านเมืองสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง 

อันดับ 3 ร้อยละ 14.10 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ และต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ 

'กรณ์ - สุวัจน์' นำทัพชาติพัฒนากล้า บุกภูเก็ต เตรียมเปิดนโยบายเศรษฐกิจ – ว่าที่ผู้สมัครส.ส.

'สุวัจน์-กรณ์' นำชาติพัฒนากล้า ยกทัพใหญ่บุก 'ภูเก็ต' เตรียมเปิดนโยบายพลิกโฉมเศรษฐกิจไข่มุกอันดามัน พร้อมเปิดตัว 2 ผู้สมัคร ส.ส.   

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ในวันที่ 12 พฤศจิกายน พรรคชาติพัฒนา กล้า จะยกทีมใหญ่ ลงไป จ.ภูเก็ต อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ประธานที่ปรึกษาพรรค พันเอกวินัย สมพงษ์ ที่ปรึกษาพรรค นายวัชรพล โตมรศักดิ์ นายวรวุฒิ อุ่นใจ  นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และนายอรัญ พันธุมจินดา ผู้อำนวยการพรรค  

ด้านนายกรณ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ก็จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 2 คน ซึ่งทั้งสองคนเป็นคนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ จิตอาสา มาจากสายอสังหาริมทรัพย์ และสายธนาคาร ตั้งใจทำงาน มีความรู้ความสามารถ ประชาชนในพื้นที่ให้การยอมรับ ตอบรับเสียงคนภูเก็ตที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

'กรณ์' ถอดรหัสความสำเร็จเจ้าภาพ G20 ซูฮก ‘โจโกวี’ สุดยอดผู้นำ พาอินโดฯโดดเด่นบนเวทีโลก

‘กรณ์’ ชื่นชม โจกีวี สุดยอดผู้นำ พาอินโดนีเซีย รุ่งเรือง ยกเป็นต้นแบบบริหารประเทศ ด้าน ‘เทมส์ ไกรทัศน์’ เสนอใช้ เวทีเอเปคเปิดฤดูท่องเที่ยว วอนอย่าทำเสียบรรยากาศ  

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีต รมว.คลัง กล่าวเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 โดยหยิบยกประเด็นที่ชาวโลกกำลังให้ความสนใจต่อประเทศอินโดนีเซีย และตัวประธานาธิบดี นายโจโก วิโดโด หรือ โจโกวี ที่ชาวโลกชื่นชมมากที่สุด เนื่องจากสัปดาห์นี้อินโดนีเซีย จะเป็นเจ้าภาพประชุม G20 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 20 ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการประชุมประจำปี บางครั้งสำคัญ บางครั้งไม่สำคัญ แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สำคัญมาก เหมือนกับเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญมาก เป็นช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งในครั้งนั้นประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุม โดยมีประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพ และได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น และตนในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการคลัง เข้าร่วมแสดงความเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจของโลก ควรจะได้รับการแก้ไขร่วมกันอย่างไร 

“ปีนี้ โจโกวี ได้เชิญผู้นำระดับโลก ที่ทุกคนจับตา ทั้งวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ,นายวอลอดือมือร์ แซแลสกึย ประธานาธิบดียูเครน ,นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ข้าร่วมประชุมด้วย จึงเป็นการประชุมที่สำคัญ เพราะสถานการณ์โลก มันตึงเครียดมาก ชาวโลกก็จับตาว่า ทั้งหมดมาเจอกันแล้วจะออกมายังไง แต่ก็ลดดรามาไปได้ระดับหนึ่ง เมื่อปูติน กับ แซแลนสกึย ไม่มา แต่ใช้ระบบออนไลน์แทน ส่วนถ้าไบเดนประชุมกับ สีเจิ้นผิง ปฏิสัมพันธ์ออกมาดี ก็จะเป็นข่าวดี สำหรับทุก ๆ ประเทศทั่วโลก” อดีต รมว.คลัง กล่าว 

นายกรณ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้ประเทศอินโดนีเซียน่าสนใจ นอกจากจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม G20 แล้ว ประชากรของอินโดนีเซีย ยังมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจประเทศหนึ่งด้วย ดูจาก จีดีพีโตขึ้น กว่า  5% ต่อปี อัตราเงินเฟ้อ ก็ 5% กว่า ๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับหลายประเทศโลกอยู่ที่ 8-10% ส่งออกโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้วประมาณ 30% ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนโยบายเศรษฐกิจ ที่ชัดเจนของประธานาธิบดีโจโกวี 

อดีต รมว. คลัง กล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดี โจโกวี อดีตเคยเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ก่อนจะมาเป็นผู้ว่าเมืองจากาตาร์ แล้วก็ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ตอนนี้เป็นสมัยที่สองซึ่งเป็นสมัยสุดท้ายของเขา ตลอดการบริหารงานสองสมัย ท่านมีผลงานมากมาย ทั้งตัดถนนมอเตอร์เวย์เพิ่มขึ้นให้กับอินโดนีเซียถึง 2,000 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ที่ทำไปได้แค่ประมาณ 700 กว่ากิโลเมตร และยังมีสนามบินใหม่อีก 16 แห่ง ท่าเรืออีก 18 แห่ง เขื่อนกั้นน้ำอีก 20-30 แห่ง ทั้งหมดเป็นสาเหตุทำให้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียเติบโต และไม่ใช่แค่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเท่านั้น อินโดนีเซีย ยังเป็นแหล่งสตาร์ทอัพที่อยู่ในสเกล ยูนิเคอร์นมากกว่า 10 ราย ซึ่งในนั้นก็คือ gojek แพลตฟอร์มที่คนไทยรู้จักดี ซึ่งผู้ก่อตั้งคือนายนาเดีย มาคาริม ได้รับการตั้งแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีศึกษาธิการและเทคโนโลยี ในวัยเพียง 38 ปีเท่านั้น การเลือกใช้คนเก่ง เป็นสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ รมว.คลังของอินโดนีเซีย นางศรี มุลยานี อินดราวาตี ก็เป็น รมว.คลัง ที่ทั้งโลกให้การยอมรับ และเคยได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้ว และโดยส่วนตัวตนถือศักดิ์เหมือนกับพี่สาว เพราะสมัยที่ตนอยู่ในตำแหน่งรมว.คลัง ท่านก็อยู่ในตำแหน่ง รมว.คลัง เช่นกัน ได้มีโอกาสต่อสายพูดคุย และขอคำปรึกษาจากท่านหลาย ๆ เรื่อง ตลอดมา นี่คือการเมืองของอินโดนีเซีย ซึ่งนอกเหนือจากการใช้คนที่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการเมืองสมานฉันท์ สามารถเอาอดีตคู่แข่งที่เป็นผู้นำกองทัพ มาเป็น รมต.กลาโหมในรัฐบาลของตัวเองได้ และยังเป็นการเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ จะเห็นได้จากเกือบทุกบทสัมภาษณ์ ของโจโกวี จะพูดถึงความกังวลที่มีต่อพี่น้องประชาชน ทางด้านเศรฐกิจ และปากท้อง เพราะฉะนั้น เราสามารถเรียนรู้จากประเทศเพื่อนบ้านของเราได้มาก ทั้งในเรื่องของ การเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต ว่าเราจะต้องบริหารจัดการอย่างไร เพื่อความสุขและการอยู่ดีกินดีของคนไทยเรากันเอง  

‘กรณ์’ ผลักดันสร้างสะพานเชื่อม ‘เกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่’ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานี ว่า เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้รับเชิญจากสมาคมสมุย เพื่อร่วมเสวนาเรื่องการสร้างสะพานเชื่อม ‘เกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่’ โดยมีสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นักธุรกิจ ผู้ประกอบการโรงแรม ประชาชนชาวเกาะสมุย กว่า 200 คน รวมถึง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 2 พรรคชาติพัฒนากล้า นางพงศ์ศรี นาคเมือง หรือ ทนายอ๋อย ทนายความชื่อดังแห่งเกาะสมุย ที่เกาะติดการเรียกร้องก่อสร้างสะพานมาอย่างต่อเนื่องด้วย

นายกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน สิ่งที่ต้องรีบแก้ไขเพื่อสะสางปัญหาด้านอื่นๆ ได้คือ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ประเทศเราจะมีทรัพยากรเพียงพอในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนได้ เศรษฐกิจต้องดีก่อน ซึ่งจากการพูดคุยกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ทุกคนเห็นตรงกันว่า การจะแก้ปัญหาปากท้องได้ เราต้องมีจุดยืนในการสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่ สะพานแห่งนี้จึงเป็นเพชรเม็ดงามของอ่าวไทย แต่เพชรจะงามได้ต้องอยู่บนแหวน ที่ออกแบบเพื่อให้การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันได้สะดวก 

ดังนั้นตนจึงตั้งใจจะมาทอดสะพานแห่งโอกาสและระดมสมองเพื่อให้การก่อสร้างสะพาน เพื่อเป้าหมายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของภาคใต้ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวรายได้สูงจากทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี มี land-bridge มอเตอร์เวย์พาดผ่าน จากอ่าวไทยถึงอันดามัน จากหาดเฉวงจนถึงปลายแหลมพรหมเทพ ซึ่งจะกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ครึกครื้น พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้ และส่งผลต่อจีดีพีประเทศ

นายกรณ์ กล่าวว่า นอกจากส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว การมีสะพาน ยังเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชนด้วย เพราะปัจจุบัน ต้นทุนค่าครองชีพที่สูงมากทั้งราคาน้ำมันที่โดยทั่วไปก็สูงอยู่แล้ว แต่ที่เกาะสมุยราคาสูงกว่าแผ่นดินใหญ่ถึง 2 บาท ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายต่างๆ แพงกว่าปกติเกือบทุกรายการ ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท เข้าถึงแหล่งเงินทุนค่อนข้างยากลำบาก อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน ในขณะที่ รถไฟฟ้าใน กทม. มีรถไฟฟ้านับสิบสายมีการลงทุนเป็นแสนล้าน แต่เกาะสมุยกลับได้รับความช่วยเหลือใด ๆ 

“ถ้าจัดลำดับผลในทางบวกต่อประชาชน คือ 1.) ลดค่าครองชีพของชาวเกาะสมุยกว่า 6 หมื่นคน และพี่น้องชาวใต้ ชาวอีสาน ที่ทำมาหากินที่นี่อีกหลายแสนคนในแต่ละปี 2.) การเพิ่มคุณภาพชีวิต เข้าถึงการรักษาพยาบาล ลดต้นทุนการเดินทางของนักเรียนนักศึกษา และประชาชน 3.) การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ให้กับชาวสมุยที่มีธรรมชาติที่งดงามมาก ส่วนกระบวนการก่อสร้างนั้น คิดว่าถึงเวลาแล้ว ต้องสื่อสารให้พี่น้องชาวเกาะสมุยได้รู้ถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ส่วนผลกระทบทางลบมีแต่บริหารจัดการได้  กระบวนการทางการเมืองที่เหมาะสมคือต้องมาจากภาคประชาชนส่งสัญญานไปยังพรรคการเมืองว่าเราได้กลั่นกรอง ทบทวน พิจารณาแล้ว ในอนาคตอาจเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์ จากนั้นเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันทั่วโลก เป็นโอกาสในการสร้างประติมากรรมและแลนด์มาร์กที่สำคัญ และจะเป็นประโยชน์แก่ลูกหลานนับชั่วอายุคน และตนก็พร้อมที่จะเคียงข้างประชาชนไปพูดทุกเวที หากมีการดีเบตเรื่องการสร้างสะพานแห่งนี้" นายกรณ์ กล่าว

ด้านนายวิรัช พงษ์ฉบับนภา หรือ โกฉุย กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นคนเกาะสมุยโดยกำเนิด ในอนาคตหากเกาะสมุยไม่เตรียมความพร้อมการเดินทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว อาจทำให้เกาะสมุยไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้จากปัญหาการเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่ที่ล่าช้า เครื่องบินก็มีขีดจำกัด และค่าโดยสารราคาสูง ซึ่งตนได้ออกแบบสะพานไว้ ตั้งแต่ปี 2560 โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย มีช่องทางรถยนต์ และเลนสำหรับรถจักรยานยนต์ที่แยกส่วนเพื่อความปลอดภัย ส่วนบริเวณกึ่งกลางสะพานออกแบบเป็นจุดชมวิว มีที่จอดรถเพื่อชมความงามของทะเลอ่าวไทยและถ่ายรูป 

นอกจากนี้ ด้านล่างมีพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์ และลานสำหรับทำกิจกรรม อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นการออกแบบด้วยแนวคิดส่วนตัว แต่ก็อยากให้รัฐบาลดำเนินการในแนวทางเดียวกันเพื่อผลประโยชน์ในภาพรวมเชื่อว่าจะพลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทย พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง หลังจากซบเซามาจากหลายวิกฤตต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ในมิติของคุณภาพชีวิตประชาชน นายวิรัช กล่าวว่า ปัจจุบัน เกาะสมุยมีโรงพยาบาลที่เครื่องมือทันสมัยเพียงไม่กี่แห่ง หากต้องรับการผ่าตัดกว่าจะนั่งเรือเฟอรี่ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะถึงฝั่ง ส่งต่อไปยังโรงพยาบาล หลายคนต้องเสียชีวิต แต่ถ้ารักษาในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมก็ต้องใช้เงิน 3-5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน ต้นทุนอย่างบนเกาะสมุยจะสูงกว่าบนฝั่งแผ่นดินใหญ่มาก ทั้งราคาน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สินค้าอุปโภคบริโภค ที่สูงกว่าปกติ หากมีสะพาน ต้นทุนที่ทุกคนต้องแบกภาระจะลดลงตามไปด้วย ระยะทาง 18 กิโลเมตรไม่ไกล น้ำทะเลที่ไม่ลึก สึนามิไม่มี องค์ประกอบทั้งหมดพร้อมมาก สะพานนี้คือหัวใจและเป็นหยาดโลหิตของชาวสมุย 

ทูตอังกฤษ เชิญ ‘กรณ์’ ถก Gov Tech ชี้!! แนวคิดชาติพัฒนากล้ามาถูกทาง

(2 ธ.ค. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วานนี้ (1 ธันวาคม 2565) ตนและทีมพรรคชาติพัฒนากล้า ประกอบด้วยนายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต, นายธาม สมุทรานนท์ ว่าที่ผู้สมัครกรุงเทพฯ และนางสาวณัฏฐิมา วิชญภิญโญ กรรมการนโยบายพรรค ได้รับเชิญให้ร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับ H.E.Mr.Mark Gooding เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และคณะ 

“เราได้คุยกันหลายเรื่อง โดยเรื่องที่เราแลกเปลี่ยนกันเป็นหลักก็ไม่พ้นเรื่อง เศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม และ เทคโนโลยี ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้คล้ายจะคนละประเด็น แต่แท้จริงแล้วเกี่ยวพันกันอย่างมาก ขาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ ไม่สมดุลก็ไม่ได้ ดังนั้นนโยบายเศรษฐกิจสำหรับวันนี้ต้องคิดให้ครบมิติ”

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า “เราได้พูดถึงประเด็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงของประเทศ ที่ปัจจัยสำคัญในวันนี้คือเรื่อง ‘เทคโนโลยี’ โดยเฉพาะ Gov Tech หรือ Digital Government ที่อังกฤษทำมาหลายปีจนสำเร็จ มีการทรานสฟอร์ม ให้บริการประชาชนบนดิจิทัลแพลตฟอร์มสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเริ่มจากการรวบทุกเว็บไซต์ของทุกหน่วยงานรัฐมาไว้ที่เว็บเดียวคือ gov.uk

‘ชาติพัฒนากล้า’ บุกสงขลา เปิดตัว 4 ว่าที่ผู้สมัครหนุ่ม ลูกชาวบ้าน ท้าชนการเมืองเก่า ‘กรณ์’ มั่นใจคนหาดใหญ่ให้โอกาส ด้าน ‘จูรี’ ดาว TikTok แดนใต้ ประกาศเป็น ร่างทรงคนสงขลา แฉมีบางพรรคให้ 50 ล้านแต่ไม่ไป ขอเลี้ยงควายดีกว่า

เมื่อเวลา 18.00น. วันที่ 17 ธ.ค.ณ ชั้น 5  ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดสงขลา  ภายใต้ชื่องาน “งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจสงขลา” นำทีมโดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายวรวุฒิ อุ่นใจ นายปกครอง ผาสุกยืด รองหัวหน้าพรรค ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค โดยมีประชาชนชาว จ.สงขลา และสมาชิกพรรค เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก 

ทั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดตัวว่าผู้สมัคร ส.ส.สงขลา อย่างเป็นทางการ 4 เขต คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ , เขตเลือกตั้งที่ 2 นายจูรี นุ่มแก้ว, เขตเลือกตั้งที่ 3  ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์, และเขตเลือกตั้งที่ 9 นายพงศธร สุวรรณรักษา ซึ่งว่าที่ผู้สมัครทั้ง 4 คน เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ ความสามารถ มีความตั้งใจ  และพร้อมที่จะนำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาบ้านเกิดให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสงขลาให้ดีขึ้น  โดยทุกคนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง 

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า พื้นที่ จ.สงขลา เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ทางพรรคให้ความสำคัญกับจ.สงขลามาก เรามั่นใจมากว่าพรรคมีคนที่พร้อมจะทำงานเพื่อประชาชน เป็นทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็งที่สุด มีรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมากที่สุด เมื่อประกอบกับว่าที่ผู้สมัครของพรรคทั้ง 4 คน ซึ่งตนได้มีโอกาสได้คุยกับทุกคนแล้ว เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมที่จะนำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาสงขลาได้อย่างแน่นอน และสำหรับตนแล้วผูกพันกับ จ.สงขลา เพราะได้ลงมาทำธุรกิจตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว และพบว่าสงขลาฝ่าด่านมาหลายวิกฤตที่กระทบต่อการทำมาหากิน วันนี้เราเห็นบรรยากาศทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่เราทำได้มากกว่านี้เพราะ จ.สงขลาอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์เป็นประตูเชื่อมสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีกำลังซื้อมากที่สุดในอาเซียนคือ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ดังนั้น สงขลา จึงเป็นเมืองที่มีโอกาสมากที่สุด แต่วันนี้เรายังค้าขายกับสินค้าเดิม เหมือนเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ทั้งสินค้าบริการ ทั้งที่โลกพัฒนาไปมากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ สงขลาจะถูกพัฒนาให้เต็มศักยภาพ ซึ่งตรงกับเป้าหมายหลักของพรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเราเป็นพรรคใหม่ และไม่ใช่พรรคใหญ่ แต่เป็นพรรคที่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานราก เอสเอ็มอี จนถึงระดับมหภาค ไม่มีพรรคไหน ที่จะสะสมได้มากเท่ากับพรรคชาติพัฒนากล้าอีกแล้ว 

“เราพร้อมที่จะรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา สร้างอาชีพใหม่ ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการที่อยู่ในเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน ทุกอย่างจะทำไม่ได้ ถ้าการเมืองไม่เปลี่ยน เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับที่คนสงขลาต้องการ ต้องมีเลือดใหม่ เข้ามาล้างเครือข่าย กลุ่มผลประโยชน์เดิม และพรรคเราก็ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลใด” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว  

ด้านนายวรวุฒิ อุ่นใจ กล่าวว่า ดีใจมาสงขลาหาดใหญ่อีกครั้ง จากที่เคยลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ช่วยเรื่องทำมาค้าขาย สอนชาวบ้านขายออนไลน์ ต้องยอมรับว่าตนและผู้สมัคร ส.ส.อีกหลายคนมีที่มาเหมือนกันคือไม่เคยคิดจะมาเล่นการเมือง แต่เพราะเป้าหมายคือประเทศไทยต้องดีกว่านี้ เราจึงควรสนับสนุนให้คนเก่งคนดีอย่าง นายกรณ์ ได้เข้าไปบริหารบ้านเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศและสังคม ขณะเดียวกันองคาพยพ ก็ต้องพร้อมสนับสนุน สงขลามีของดีมากมาย และผู้สมัครที่เราคัดสรรมาอาสารับใช้ประชาชน เชื่อว่าจะสามารถช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจสงขลา และสร้างเศรษฐีใหม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่าเลือกเหมือนเดิมก็ได้เหมือนเดิม  

ขณะที่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ ว่าที่ผู้สมัครสงขลา เขต1 กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสมายืนบนเวทีนี้ เพราะตนเป็นเพียงเด็กธรรมดา ไม่ใช่ทายาทนักการเมือง ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นคนสงขลาโดยกำเนิด จนถึงขณะนี้อายุ 33 ปีแล้ว แต่เมื่อมองกลับไปที่บ้านเกิด ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เจ็บปวดคือคนรุ่นใหม่พอเรียนจบก็ไปทำงานในเมืองหลวงและหัวเมืองใหญ่ ๆ ทำให้ สงขลาขาดบุคลากรที่จะมาพัฒนา ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง  การเมืองคือปัจจัยสำคัญที่จะเราจะสามารถสร้างกฎ กติกาต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาปากท้อง โลกผันผวนเร็ว สงขลาต้องตามให้ทัน เราอยากเปิดภาพใหม่ให้สงขลา โดยใช้แนวคิดสตาร์ทอัพ เทคโน นวัตกรรมขับเคลื่อน ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ และสร้างคุณค่าให้กับผู้สูงอายุ เราจะทำให้คนยิ่งแก่ยิ่งรวย พรรคชาติพัฒนากล้า ชัดเจนเรื่องเศรษฐกิจ ตัวจริงในวงการ นี่จึงไม่ใช่แค่พรรคทางเลือก แต่เป็นพรรคที่ต้องเลือก ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย เป็นคะแนนสร้างสรรค์ ถ้าเลือกเราทุกอย่างเป็นไปได้ ให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในรุ่นเรา

'กรณ์' ชูนโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์-รื้อระบบสินเชื่อ' หวังช่วยผู้ประกอบการรายย่อย-SME ให้เดินหน้าธุรกิจต่อได้

(7 ม.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง 'แก้หนี้ ให้ชีวิตเดินหน้า' โดยระบุว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตระหนักดีว่าคำว่า 'หนี้' ไม่มีใครอยากเป็น แต่เวลาเป็นแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลุดจากวงจรนี้ ซึ่งนอกจากนโยบายหาเงินให้คนไทยแล้ว การแก้หนี้คือความเร่งรีบอันดับต้น ๆ ที่ตนต้องการแก้ และเคยทำมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ปี 2552 แก้หนี้นอกระบบ 5 แสนราย ปี 2553 ปรับโครงสร้างหนี้กองทุนฟื้นฟู-เกษตรกร ปี 2554 ออกกฎหมาย 'กองทุนการออมแห่งชาติ' (กอช.) ปี 2559 ก่อตั้ง Refinn ช่วยคนไทยแก้หนี้ที่อยู่อาศัย ปี 2565 โครงการ 'กล้าปลดหนี้' ช่วยคนไทยเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ ปี 2566 นโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์' เสนอระบบ Credit Score

ส่วนกรณีที่มีบางคนระบุว่า คนที่เป็นหนี้คือคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า อาจถูกส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นความจริงเสมอไป ในหลาย ๆ ครั้งเกิดจากวิกฤตที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น วิกฤตโควิด ที่ทำให้ผู้ประกอบการและ SME เป็นจำนวนมาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง และการกู้ยืมในระบบทำได้ยาก ตนในฐานะนักการเงินไม่อยากให้เกิดที่สุด คือ การกู้หนี้นอกระบบ การช่วยเหลือและออกนโยบายต่าง ๆ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งนี้ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าดอกเบี้ยโหดมาก และยากที่จะคืนเงินต้นได้ การติดแบล็กลิสต์ก็เช่นกัน ต่อให้ใช้หนี้ครบแล้วยังขึ้นจากเหวนี้ไม่ง่าย ตนจึงเสนอนโยบายปลดแบล็กลิสต์ แล้วใช้ระบบ Credit Scoring แทน ใครเครดิตดีก็กู้ได้มาก เครดิตไม่ดีก็กู้ได้น้อย นี่ก็เป็นวินัยทางการกู้รูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้คนเป็นหนี้ขึ้นมาจากเหวได้ 

'กรณ์' เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชาติพัฒนากล้า ชูนโยบาย 'งานดี มีเงิน ของไม่แพง' ปลดแอกประชาชน

‘กรณ์’ นำทีมพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดวิสัยทัศน์ 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชูนโยบาย งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ จับตา ชุดนโยบาย พร้อมปล่อยทุกสัปดาห์ เน้นรื้อโครงสร้าง ปลดแอกประชาชน เชื่อ สะเทือนหลายวงการ 

(12 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคชาติพัฒนากล้า ได้จัดเวทีเปิดวิสัยทัศน์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค ใน จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้ชื่องาน ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจสุราษฎร์ธานี’ นำทีมโดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายอรัญ พันธุมจินดา ผู้อำนวยการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โดยมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างเนืองแน่น 

สำหรับว่าผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในวันนี้ มี 3 คน จาก 3 เขตเลือกตั้ง คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 ได้แก่ นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ เขตเลือกตั้งที่ 2 นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขตเลือกตั้งที่ 5 นายวศุธน เรืองขนาบ ซึ่งว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 คน เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะนำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาสุราษฎร์ธานีให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาว จ.สุราษฎร์ธานี ให้ดีขึ้น โดยทุกคนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง 

นายอนุวัตร์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมากว่า 8 ปี ทั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ประธานสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม 2 สมัย ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยนายอนุวัตร์ กล่าวว่า ตนมีความมุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มในทุกระดับการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ไม่สร้างความเสียหายทางจริยธรรมทางสังคม การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญระหว่าง กลไกทุน และระบบความคิดของประชาชน ที่จะทำให้เมืองสุราษฎร์ธานีก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่การจะไปสู่จุดหมายได้นั้น ต้องมีความกล้าที่จะกำจัดสิ่งปนเปื้อนประชาธิปไตยไทยให้หมดไปสิ้นไป พลเมืองของแผ่นดินจะเลือกเส้นทางใด ระหว่างสิ่งปนเปื้อน หรือเป็นผู้กำจัดสิ่งปนเปื้อน 

นางพงศ์ศรี ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ประกอบอาชีพ ทนายความ ชาวบ้านเรียกว่า ทนายอ๋อย เจ้าของธุรกิจโรงแรม และสำนักงานทนายความ โดยเจ้าตัวเปิดเผย ถึงเหตุผลในการตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ว่า เนื่องจากมีแรงผลักดันจากวิกฤตชีวิตของครอบครัว ที่เกือบต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งสามี ลูก และหลาน เนื่องจากการเดินทางที่ยากลำบากเพื่อให้ได้รับเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ผลักดันการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะสมุย เพื่อช่วยเหลือชาวเกาะสมุย ที่ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนจากการผูกขาดการเดินทาง ของเครื่องบิน และเรือข้ามฟาก ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคนบนเกาะถึง 2 เท่า และยังเป็นปัญหาต่อการทำมาหากิน การสร้างสะพาน จึงเป็นการชุบชีวิตคนรากหญ้า และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนพบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เห็นด้วยที่จะให้สร้างสะพานเชื่อมเกาะ ประชาชนต้องสามารถกำหนด กฎเกณฑ์การเข้าเกาะสมุย ไม่ใช่เอกชนเพียงไม่กี่รายที่ได้ประโยชน์บนความทุกข์ยากของประชาชน  

นายวศุธน ว่าที่ผู้สมัคร เขต 5 เป็นนักธุรกิจเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ มีความสนใจการเมือง เนื่องจากพรรคชาติพัฒนากล้า ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาเสนอตัวรับใช้คนสุราษฎร์ธานี ซึ่งตนต้องการเห็นเศรษฐกิจสุราษฎร์ดี คนสุราษฎร์รวย รู้เท่าทันเทคโนโลยี ถึงเวลาแล้วที่สุราษฎร์ธานีต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิรูปสังคมให้ทันยุคทันสมัย ปลดล็อกการค้าเสรี สุรา เบียร์ ต้องไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุน นอกจากนี้ตนยังสนใจกีฬามวยไทยเป็นพิเศษ และพร้อมผลักดันสู่การเป็น Soft power ซึ่งคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ได้ประกาศจุดยืนในเรื่องนี้มาตลอด

ด้าน นายกรณ์ กล่าวว่า สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ทั้งด้านการเกษตรและท่องเที่ยว ในแง่ทรัพยากรธรรมชาติได้เปรียบหลายจังหวัด แต่ขาดแรงผลักดันที่จะไปต่อ ทั้งที่สามารถทำได้ดีกว่านี้มาก เช่นเดียวกับ สะพานข้ามเกาะสมุย ตนก็เห็นด้วยที่จะต้องสร้าง เพราะต้นทุนความเป็นอยู่ของชาวเกาะสมุยสูงกว่าแผ่นดินใหญ่มาก ซึ่งการมีสะพานนอกจากสร้างเศรษฐกิจให้กับชาวเกาะสมุย และจ.สุราษฎร์ธานีแล้ว ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาคใต้ ที่สามารถต่อยอดการท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ได้ 

นอกจากนี้ โครงการมอเตอร์เวย์ จะต้องเกิดที่ภาคใต้ เพราะจะทำให้ต้นทุนความเป็นอยู่ของประชาชนลดลง โอกาสในการค้าขายเพิ่มขึ้น ซึ่งในทุกความคิด ทุกข้อเสนอ จะมีโอกาสผลักดันให้เป็นจริงได้ ถ้าประชาชนไว้วางใจ ว่าที่ผู้สมัคร 3 คน ของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่พรรคได้คัดสรรมา ว่าจะเป็นผู้แทนที่ดีให้กับ ชาวสุราษฎร์ธานีอย่างแน่นอน ซึ่งตนและว่าที่ผู้สมัคร ก็พร้อมสู้ในทุกสนามเลือกตั้ง 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดพื้นที่ให้คนทั้ง รุ่นเก๋ามากประสบการณ์ ผสมผสานคนรุ่นใหม่ที่มีจินตนาการ ได้มีโอกาสมารับใช้ชาติ เพื่อให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เศรษฐกิจไทยต้องเข้มแข็งเพื่อการแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ถ้าการเมืองไทยยังเป็นแบบเดิม โอกาสที่ประเทศจะเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงต้องยึดความกล้าเป็นปัจจัยและเงื่อนไขในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกช่วงวัย ที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ ยกตัวอย่าง นโยบายการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นับวันนับปี เงินภาษีก็ใช้ไปเรื่อย ๆ แต่คนก็ยังจนเหมือนเดิม

‘ชาติพัฒนากล้า’ ดันนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ’ ชี้!! ทำได้ง่ายไม่เปลืองภาษี - คนไทยได้ประโยชน์ 5.5 ล้านราย

‘กรณ์ - อรรถวิชช์’ ใส่เต็มแม็กซ์ ออกนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์’ เปิดหน้ารื้อระบบสินเชื่อไทย ได้ประโยชน์ทันที 5.5 ล้านคน ชาวบ้านร่วมแชร์ประสบการณ์ ตกนรกทั้งเป็นเพราะแบล็กลิสต์ หมดโอกาสทำกิน เตรียมเปิดนโยบายอีกเป็นชุดเร็ว ๆ นี้

(16 ม.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดนโยบายเศรษฐกิจชุดแรก ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ’ ที่มีการติดป้ายนโยบายนำเสนอต่อประชาชนในพื้นที่ไปแล้ว และยืนยันว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยติดแบล็กลิสต์จริง พร้อมนำผู้ติดแบล็กลิสต์กว่า 10 ชีวิต มาร่วมแถลงในครั้งนี้ด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า ภาระหนี้สินประชาชนเป็นปัญหามาเรื้อรังและสาหัสขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูงขึ้น ซ้ำเติมด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ซึ่งตนเองได้ต่อสู้กับเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 52 สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกนโยบายแก้หนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 5 แสนราย และติดตามสถานการณ์หนี้สินของประชาชนมาต่อเนื่อง แต่เรื่องหนี้สินยังเป็นปัญหาเรื้อรังมาตลอด วันนี้พรรคชาติพัฒนากล้าจึงออกนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้เงินภาษีแม้แต่บาทเดียว ด้วยการรื้อระบบเก็บข้อมูลของบริษัทเครดิตบูโร ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ ใช้ระบบ Credit Scoring หรือวิธีประเมินสินเชื่อตามจริงแทน

“ผมยืนยันนะครับว่า ระบบเครดิตบูโรยังจำเป็นต้องมี มันเป็นวินัยทางการเงิน แต่รอบหลายปีที่ผ่านมา เรื่องแบล็กลิสต์ยังเป็นปัญหาสำคัญ ที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ที่บอกว่าแบล็คลิสต์ไม่มีจริงนั้น ถามคนติดแบล็กลิสต์สิครับพวกเขาหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะถูกปฏิเสธการกู้ยืมเงินในระบบ ต้องแบกภาระหนี้สินที่หนักอึ้ง ต้องทำงานไปจ่ายหนี้นอกระบบไป และตราบใดที่ยังไม่หลุดจากแบล็กลิสต์ ก็ยังกู้หนี้ไม่ได้ เราจึงเสนอให้ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ เปิดให้เครดิตบูโรนำข้อมูลทุกชนิด ที่บ่งบอกสถานะที่แท้จริงของตัวผู้กู้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ประวัติทางการเงินที่เป็นบวกมาร่วมพิจารณาด้วย ที่เรียกว่าระบบ Credit Scoring ไม่ใช่เอาแค่ข้อมูลที่เป็นลบมาพิจารณาเพียงอย่างเดียว และนโยบายนี้ไม่ต้องใช้ภาษีเพิ่ม อาศัยเทคโนโลยีและข้อมูลที่เป็นธรรมในการปล่อยกู้ ให้ประชนกลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้ง นี่คือนโนบายของพรรคชาติพัฒนากล้า” นายกรณ์​ กล่าว

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า ไม่มีนักรบใดไม่มีบาดแผล คนทำธุรกิจกับการขอสินเชื่อเป็นเรื่องคู่กันอยู่แล้ว แต่ระบบการจัดเก็บข้อมูลเครดิตของบ้านเรา เพื่อให้ธนาคารไปวิเคราะห์ มันไม่ยุติธรรม คนตัวเล็กทำมาหากิน มีรอยบาดแผลติดแบล็กลิสต์ แม้หาเงินกลับมาใช้หนี้ได้ สถานะการเงินกลับมาปกติแล้ว ก็ไม่สามารถกลับมากู้สินเชื่อปกติหรือสินเชื่อธุรกิจที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 7 ได้ ต้องไปหมุนใช้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อนาโน ซึ่งสินเชื่อกลุ่มนี้ดอกเบี้ยสูงมาก เริ่มตั้งแต่ร้อยละ 16-33 ต่อปี บางรายต้องไปยืมหนี้นอกระบบ ซึ่งดอกเบี้ยโหดกว่านี้อีกหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้เป็นความผิดปกติที่ชัดเจนที่สุด ผลักให้คนไทยต้องเข้าสู่ระบบสินเชื่อ ที่ดอกเบี้ยสูงเกินจริง ซึ่งเป็นเหตุจากความไม่ยุติธรรมในระบบการปล่อยสินเชื่อ และตอนนี้มีคนติดแบล็กลิสต์ราว 5.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มีถึง 3.2 ล้านคนที่ติดแบล็กลิสต์ช่วงโควิด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top