Saturday, 27 April 2024
กรณ์จาติกวณิช

‘กรณ์’ ชีพจรลงเท้า!! ลุยช่วย ‘อรทัย-เทมส์’ หาเสียง จ.ภูเก็ต ชาวบ้านพร้อมเทคะแนนให้ มั่นใจ!! เป็นม้ามืดเข้าวิน 2 เขต

(8 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วย นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 1 จ.ภูเก็ต ลงพื้นที่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง พบแกนนำชาวบ้านกลุ่มธุรกิจประมงชายฝั่ง เลี้ยงปลาช่อนทะเล หรือ Black Salmon เป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดภูเก็ต ที่หวังจะเป็นตัวขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้มั่นคงให้กับชาวบ้าน โดยนายกรณ์ ได้แนะนำเกี่ยวกับนโยบายกองทุนสร้างสรรค์ สู่การท่องเที่ยว พูดถึงนโยบายกองทุนสร้างสรรค์รายละ 1 ล้านบาท  

ต่อมาได้เข้าเยี่ยมประชาชนที่ตลาดสี่กอ อ.กะทู้ โดยมีประชาชนในตลาดให้ความสนใจกับนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด โดยชาวบ้านเล่าว่า ช่วงโควิดระบาดหนัก แม่ค้ามีภาระจึงไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้จนต้องพึ่งหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยแพงและยังไม่รู้ว่าจะผ่อนหมดเมื่อไร จึงหวังว่า นางสาวอรทัย เบอร์ 1 จะได้เป็นผู้แทนผลักดันให้นโยบายนี้เป็นจริง พ่อค้าแม่ค้ากะทู้พร้อมเทคะแนนให้ 

จากนั้นนายกรณ์ ลงพื้นที่เขต 2 ภูเก็ต เพื่อช่วยนายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 7 ที่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ที่ตลาดนาคา โดยมีนักท่องเที่ยว และพ่อค้าแม่ค้าให้การต้อนรับนายกรณ์ และคณะอย่างคึกคัก พร้อมกับส่งเสียงพร้อมสนับสนุนให้นายเทมส์เป็นผู้แทน เนื่องจากที่เป็นคนลงพื้นที่ต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีตั้งแต่ช่วงโควิด

‘กรณ์’ เคลียร์ชัด!! ‘เงินเดือน 4 หมื่นบาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี’ ชี้!! ช่วยลดหย่อนสูงสุด 4.8 แสนต่อปี ผู้เสียภาษีเป็นปลื้ม!!

เมื่อไม่นานมานี้ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรึ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ฟังหูไว้หู ทางช่อง 9 MCOT HD ดำเนินรายการโดย ชุติมา พึ่งความสุข และอาจารย์วีระ ธีรภัทร ในหัวข้อ ‘The Special: คุยกับ ชาติพัฒนากล้า’ ในบางช่วงบางตอนได้พูดถึงนโยบายเงินเดือน 4 หมื่นบาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี โดยนายกรณ์ระบุว่า..

หากคุณมีเงินเดือน 6 หมื่นบาท ถามว่าคุณได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ไหม คำตอบคือ ได้!! เพราะว่าผมเขียนว่า 4 หมื่นบาทแรกไม่ต้องเสียภาษี นี่คือความหมายที่ต้องการจะสื่อนะครับ และก็เป็นแบบนี้ในทุก ๆ เดือน ไม่ใช่เอาเงินทั้งหมด 12 เดือนมารวมกัน แล้วคิดแค่ 4 หมื่นบาทแรกนะครับ แต่ต้องคิดแบบนี้ครับ เอาเงินเดือนในทุกเดือน ๆ มาคูณ 12 และหักลบค่าใช่จ่าย ลดหย่อนต่าง ๆ และหัก 480,000 ออกไป แล้วเหลือเท่าไหร่ค่อยมาเอามาคำนวณภาษี

“ก่อนหน้านี้ เกณฑ์การเสียภาษีอยู่ที่ 26,000 บาท ซึ่งมันนานมาแล้ว และค่าครองชีพทุกวันนี้ก็สูงขึ้น เท่ากับว่า 40,000 บาทในวันนี้ ก็คือ 26,000 เมื่อวันนู่นนั่นแหละ” นายกรณ์กล่าว

นายกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ผมเจอคำถามที่ว่า แบบนี้รัฐไหวเหรอ? ในแง่ของรายได้จากภาษีมันลดลงจริง ๆ แต่ลดลงแค่นิดเดียว พอเราบอกว่า 4 หมื่นบาทแรกไม่ต้องเสียภาษี ทุกคนที่มีเงินเดือนได้ประโยชน์หมด หรือจำนวนกว่า 4 ล้านคน แต่สมมติว่ามีเงินเดือนเกิน 4 หมื่นบาท ก็จะได้ประโยชน์ 7,500 ต่อเดือน แต่หากคิดเป็นสัดส่วนของรายได้ กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยเขาจะประหยัดมากกว่า แต่โดยรวมทั้งหมดจะทำให้รายได้จากภาษีส่วนบุคคลของรัฐลดลงปีละ 2.1 หมื่นล้าน ชาติพัฒนากล้าคำนวณมาเรียบร้อยแล้ว เทียบกับรายได้ปกติประมาณ 1.5 หมื่นล้าน ก็ถือว่าลดลงไม่เยอะ 

นอกจากนี้นายกรณ์ยังกล่าวถึงสาเหตุที่คิดนโยบายนี้ในช่วงเวลานี้อีกว่า…มีเหตุผลอยู่ 3 ประเด็น 

1.ค่าครองชีพที่สูงขึ้น กลุ่มคนมีเงินเดือนคือกลุ่มที่เสียภาษีตลอด และหลีกเลี่ยงไม่ได้ แบกรับภาระมาเยอะ 

2. ลดภาษีนิติบุคคลมา 10 กว่าปีแล้ว จาก 30% ลดลงมาเหลือ 20% ถ้าไปดูกันจริง ๆ มันมีสิ่งที่เรียกว่า ลักลั่นอยู่ ก็เลยเป็นสาเหตุให้คนที่มีรายได้สูง เช่น หมอ นักแสดง เขาไปตั้งบริษัท และรับรายได้ผ่านบริษัท เพราะบริษัทจ่ายภาษีน้อยกว่าภาษีบุคคล

และ 3. ปีนี้ สำนักงบฯ ประเมินแล้วว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.7 หมื่นล้าน จึงมองว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มทำนโยบายนี้

‘กรณ์’ ลุยปราศรัยพัทลุง ปลื้ม!! กระแสแรงแซงพรรคใหญ่ ขอโอกาสคนเมืองลุง หนุน ‘ชพก.’ เข้าสภาฯ แก้ปัญหาให้ ปชช.

(8 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค, นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อกขวัญใจชาวใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 สงขลา และทีมผู้สมัคร จ.สงขลา ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต1, ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ เขต 3 และทนายอาร์ม นายพงศธร สุวรรณรักษา เขต 9 ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงทางการเมืองช่วยนายธนากร บุญสนิท ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 2 โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังกันอย่างคึกคัก

นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ภูมิใจมาก เพราะกระแสในพื้นที่คะแนนของนายธนากรมาแรงแซงพรรคใหญ่ โดยพรรคชาติพัฒนากล้า แม้จะเป็นพรรคใหม่ และผู้สมัครก็หน้าใหม่เกือบทั้งหมด พวกเราตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประชาชน ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ ก็มักจะมีพี่น้องประชาชนมาฝากให้พวกเราเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟ ราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งตราบใดที่พี่น้องยังมีแรง มีเรื่องฝากให้เราทำ แสดงว่าพวกท่านยังมีความหวัง มีความเชื่อและศรัทธาเรา ไม่เช่นนั้นคงไม่เสียเวลา และนี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเรามุ่งมั่น และทุ่มเทที่ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

นายกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ตนอยู่ใต้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนรู้สึกชื่นใจที่สุด เดินไปเจอใครก็บอกจะเลือกพรรคชาติพัฒนากล้าแน่ เพราะเป็นพรรคแนวกลาง แนวเศรษฐกิจ เดินทางการเมืองในแนวทางที่ใสสะอาด แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีอีกหลายคนที่แม้จะอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย อีกไม่กี่วันจะเลือกตั้งแล้ว แต่ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเลือกยังไงดี เพราะกระแสหลักทางสื่อผลักให้อยู่ใน 2 ขั้ว เหมือนถูกยัดเยียดให้เลือกในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เพื่อหนีสิ่งที่เขากลัว เขาไม่ต้องการเปลี่ยนประเทศ แต่ต้องการเปลี่ยนทิศทางของประเทศ ซึ่งตนได้ตอบไปว่า การเมืองมันมีทางเลือกแน่นอน และทางเลือกนั้นคือ ชาติพัฒนากล้า แม้เราจะไม่ใช่พรรคใหญ่ และเป็นพรรคใหม่ แต่ก็เชื่อว่า ใหญ่ เล็ก ใหม่ เก่า ไม่สำคัญ เท่าขนาดของหัวใจ ประชาชนให้โอกาสเรามาแล้ว ทุกนโยบายที่เรานำเสนอ มุ่งเป้าทำให้เศรษฐกิจปากท้องดีขึ้น และเราก็สู้มาตลอด

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นนักสู้ โดยยึดหลักเสรีนิยมประชาธิปไตย เราพร้อมทำงานกับทุกคน เราไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่ใครก็ตามที่จะเป็นนายก ต้องรวบรวมเสียงข้างมากในสภาฯ ที่ประชาชนเลือกมา เราไม่เห็นด้วยที่จะใช้เสียง สว.มาเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ประชาชนต้องเป็นคนเลือก สว.เลือกนายกได้แต่โหวตกฎหมายในสภาไม่ได้ นอกจากนี้ เรายังยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะสู้ เพื่อความมั่นคงในสถาบันหลักของประเทศ ม.112 ต้องมี และเราได้เสนอทางออกให้สังคมด้วยการตั้งคณะกรรมการกรองคำร้องเรียน เพื่อไม่ให้กฎหมายเป็นประเด็นขัดแย้งในสังคม เราเป็นพรรคแรกที่ยืนยันแนวทางนี้

เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาราคาน้ำมัน ค่าไฟ เราก็มายืนหยัดสู้กับทุนใหญ่ ซึ่งเป็นทุนผูกขาด นอกจากนี้เรื่องเราได้รับการร้องขอให้ช่วยมากที่สุดคือ การยกเลิกแบล็กลิสต์ ที่ทำให้หลายคนขาดโอกาสในการทำกิน อีกนโยบายที่โดนใจชาวบ้านคือการ ‘หวยจังหวัด’ โดยการเพิ่มรางวัลให้กับประชาชนผู้ซื้อลอตเตอรี่  3 รางวัล ๆ ละ 1 ล้านบาท ในทุกงวด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เลือกพรรคเราไม่ผิดหวัง เราทำได้แน่นอน ทุกนโยบายเราศึกษามาแล้วอย่างละเอียด ทุกคะแนนที่ท่านให้กับพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นการเติมพลังให้กับสังคมและบ้านเมือง ทุกคนยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

‘กรณ์’ ขึ้นรถแห่รอบเมืองหาดใหญ่ ชวนชาวสงขลาฟังปราศรัย ด้าน ‘จูรี’ ทำคลิปติ๊กต็อกเชิญชวน ยอดพุ่งทะลุ 1.5 ล้านวิว

(9 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อกขวัญใจคนใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดสงขลา ขึ้นแห่รอบตัวเมืองหาดใหญ่ เพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนฟังร่วมฟังปราศรัยใหญ่ของพรรคชาติพัฒนากล้า ในช่วงเย็นวันที่ 9 พ.ค. เวลา 17.00-19.00 น. ณ บริเวณสี่แยกสะพานดำ หาดใหญ่ โดยเป็นการปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ครั้งแรกของจูรี ซึ่งประชาชนให้การต้อนรับกันอย่างคึกคัก และรับปากว่าจะไปร่วมอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ นายจูรี ได้ทำคลิปติ๊กต็อกเชิญชวนประชาชน ให้ไปร่วมฟังปราศรัย โดยบอกว่าเป็นการเชิญชวนด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่มีการเกณฑ์คน เน้นความถูกต้องเป็นหลัก ไม่ได้เน้นปริมาณ ปรากฏว่ามีคนเข้าไปดูถึง 1.5 ล้านวิว ซึ่งหลายคนบอกว่า จะมาร่วม และบางคนบอกส่งแรงใจเพราะอยู่ต่างพื้นที่ รอชมไลฟ์ และเหมารถมาจากอำเภอใกล้เคียงอีกด้วย

สำหรับการปราศรัยใหญ่เย็นนี้จะมีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรคชาติพัฒนากล้า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 คนครบทีม ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 3 ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 3 และทนายอาร์ม สุวรรณรักษา ผู้สมัครเขต 9 เบอร์ 8 ร่วมปราศรัยในครั้งนี้ด้วย

‘กรณ์’ ฝ่าฝนขึ้นปราศรัย มั่นใจ!! ปชช.เทคะแนนหนุน ‘จูรี’ เข้าสภาฯ ลั่น!! ‘ชพก.’ ขอส่งลูกชาวบ้านสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สงขลา

(9 พ.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า จัดเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ณ บริเวณ สี่แยกสะพานดำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เลือกตั้งของ นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อกชื่อดัง ขวัญใจคนใต้ ผู้สมัครพรรคชาติพัฒนากล้า เขต 2 เบอร์ 8 ผู้ที่มีคะแนนนิยมอย่างล้มหลามจากกระแสทั้งชุมชนและออนไลน์ โดยมีแกนนำพรรคนำโดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ร่วมด้วย ผู้สมัคร ทั้ง 3 คน ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 3 ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 3 และทนายอาร์ม สุวรรณรักษา ผู้สมัครเขต 9 เบอร์ 8 มาให้การสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางประชาชนที่เข้ารับฟังอย่างเนืองแน่นเต็มพื้นที่
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัย ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก แต่ประชาชนก็ยังปักหลักฟังการปราศรัยไม่ถอย โดยจูรี กล่าวปราศรัยท่ามกลางสายฝน โดยมีนายกรณ์กางร่มให้ สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมฟังปราศรัยเป็นอย่างมาก
.
โดยนายจูรี กล่าวว่า วันนี้ฟ้าฝนมาพรมน้ำมนต์ให้ความเป็นสิริมงคล ว่าเราได้ทำสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง เราไม่ได้มาทำอะไรที่จะนำไปสู่การทุรยศ อัปรีย์ จัญไร ให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง มั่นใจตนจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน จ.สงขลา ให้เกิดขึ้นได้ เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนเขต 2 จะส่งลูกชาวบ้านเข้าสภาฯ ได้อย่างแน่นอน
.
นายจูรี กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างลูกชาวบ้านกับเงิน และอิทธิพลมากมาย ป้ายหาเสียงของตนถูกทำลายเกือบทั้งหมด ในคูหาภาพก็หาย โดนแม้กระทั่งมีคนเอาเงินไปแจกชาวบ้านหัวละ 200 แล้วบอกว่าเป็นเงินของจูรี ตนขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อทวด หลักบ้านหลักเมือง จ.สงขลา ว่าหากตนใช้เงินซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว ขอให้ตายโหงไปเลย แต่ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม เบอร์ 8 อยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชนแล้ว ตนจะทำให้การเมืองบริสุทธิ์จะเกิดขึ้นที่ จ.สงขลา วันที่ 14 พฤษภาคม เขต 2 สงขลา กาเบอร์ 8 หักปากกาเซียน ด้วยปากกาของพี่น้องประชาชน เพื่อให้วันที่ 15 พฤษภาคม ข่าวออกไปทั่วประเทศว่า การเมืองบริสุทธิ์ใสสะอาด เกิดขึ้นที่ หาดใหญ่ จ.สงขลา
.
นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้พี่น้องประชาชนสุดยอดจริง ๆ ตนได้เห็นแววตา เห็นรอยยิ้ม เห็นหัวใจของพี่น้องทุกคน ทำให้มั่นใจว่า วันที่ 14 พฤษภาคม เราจะได้สรางประวัติศาสตร์ร่วมกันอย่างแน่นอน ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ร่วมหาเสียงกับจูรีมาหลายครั้ง เจอทั้งแดด ทั้งฝน แต่เพราะตนรักคนหาดใหญ่ อยากให้ได้ ส.ส.คุณภาพอย่างนายจูรีเข้าไปทำงาน เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน เพราะหากสภาฯ ได้ผู้แทนแบบจูรี และเพื่อนผู้สมัคร อีก 3 คน ใน จ.สงขลา ของพรรคชาติพัฒนากล้า การเมืองไทยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า จ.สงขลา มี 9 เขต แต่เราส่งผู้สมัคร แค่ 4 เขต ทั้งที่ความจริงเราจะส่งครบก็ได้ แต่เพราะเราเลือกคนมีอุดมการณ์เดียวกัน ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง สร้างการเมืองที่ใสสะอาดให้กับ จ.สงขลา เราจึงส่งคนที่เราคิดว่าจะสามารถเดินไปสู่จุดหมายเดียวกันได้
.
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วันนี้ตนมั่นใจว่าเรายืนในจุดที่ถูกต้อง จึงขอให้ประชาชนเลือกคนที่รัก คนที่เราศรัทธา ท่ามกลางการเมืองที่พยายามปั่นกระแส สร้างความเกลียด สร้างความกลัว ให้พวกเราอึดอัดสับสน ว่าจะเลือกใครดี ตนขอบอกว่า สูตรสำเร็จทางการเมือง คือ ทำให้พวกเรากลัว ทำให้เกลียด ทำให้หลงรักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนโดนมาตลอด เคยยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถูกหาว่าเป็นเผด็จการ ทั้งที่ท่านก็ได้เสียงมากกว่าคู่แข่งทุกคน พอขึ้นเวทียิ้มให้นายพิธา ก็โดนกล่าวหาว่าติ่งส้ม มันมีความพยายามที่จะแบ่งคนเป็นขั้ว เพื่อให้พวกเราเลือกตามขั้ว แทนที่เราจะเลือกคนอยากเลือก แทนที่เราจะเลือกนโยบายที่เราอยากได้ เราถูกบังคับให้เลือกใครก็ไม่รู้ ที่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ
.
“วันนี้ผมมั่นใจ เห็นด้วยใจ ด้วยสายตาของทุกท่าน ว่าท่านเลือกจูรี แน่นอน แต่ยังมีอีกหลายคนที่ติดกับดักว่า ถ้าเขาเลือกแล้ว ใครจะมา คนที่เขากลัวจะชนะหรือเปล่า ผมขอบอกว่า ผมทำงานการเมืองมาเกือบ 20 ปี ในแต่ละยุค แต่ละสมัย เราจะได้นักการเมืองแห่งอนาคต ที่ชาวบ้านสามารถฝากความหวังไว้ได้ ยุคละไม่เกินคนสองคน ผมไม่เคยเห็นใครที่เป็นร่างทรงที่แท้จริงของชาวบ้าน ฝ่าด่านอุปสรรคความยากจน สะสมความรู้ ประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ  มากกว่าผู้สมัครคนอื่นทุกพรรค จึงขอฝากพี่น้องประชาชนช่วยผลักดันจูรี ให้มีโอกาสเข้าไปทำงานในสภาฯ นี่คือ เพชรน้ำงามของ จ.สงขลา ที่ทั้งชีวิตอาจจะไม่มีใครน่าเลือกไปกว่านี้อีกแล้ว” นายกรณ์ กล่าว
.
ด้านนายอรรถวิชช์ ก็ได้ร่วมฝ่าสายฝน เพื่อให้กำลังใจนายจูรี และผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 คน โดยระบุว่า ฝนตกก็หยุดเราไม่ได้ ขอให้เชื่อในสิ่งที่เราทำ วันนี้พิสูจน์แล้วว่า เราได้เดินมาในหนทางที่ถูกต้องแล้ว และเชื่อว่าการเมืองที่ใสสะอาด จะเกิดขึ้นได้ ขอให้พี่น้องประชาชน ส่งลูกชาวบ้านเข้าสภาฯ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นที่ จ.สงขลา

‘กรณ์’ ลุยเต็มที่โค้งสุดท้าย บุกภูเก็ตขอคะแนนเสียงให้ ‘เทมส์-อรทัย’ ปลื้ม!! ชาวบ้านชมสองผู้สมัครไม่ขาดปาก มั่นใจปักธง 2 เขตแน่นอน

(10 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อย้ำขอคะแนนเสียงช่วงสุดท้ายให้ 2 ผู้สมัคร นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 7 และนางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 เบอร์ 1

โดยช่วงสาย นายกรณ์ และ นายเทมส์ พบปะพี่น้องประชาชนที่วัดฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต และขึ้นรถแห่ทั่ว ต.วิชิต ระหว่างทางถนนใหญ่มีพ่อค้า แม่ค้า ร้านรวงต่าง ๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไปให้ความสนใจและมีเสียงตอบรับดีมาก โดยประชาชนได้เข้ามาทักทาย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอบคุณที่ช่วงโควิด ที่นายเทมส์เป็นจิตอาสาช่วยทำศูนย์วัคซีน พร้อมกล่าวว่า คนแถวนี้ไม่ลืมความขยันและทุ่มเทของนายเทมส์ ถือเป็นภาพติดตาของคนในภูเก็ตทุกคน

ต่อมาในช่วงบ่ายนายกรณ์ เดินทางไปยังวัดศรีสุนทร ซึ่งเป็นพื้นที่ของนางสาวอรทัย เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ในเขต อ.ถลาง โดยมีสมาชิกพรรค แฟนคลับ และทีมหาเสียงกว่า 90 คน มาช่วยเดินหาเสียงท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ชาวบ้านต.ศรีสุนทรกล่าวว่า อยากส่งนางสาวอรทัยเข้าไปเป็นผู้แทน จากนั้นนายกรณ์ได้เดินทางขึ้นรถแห่ไปตามถนนเส้นหลักของหมู่บ้านและชุมชน โบกไม้โบกมือในระหว่างเวลากลับบ้านของประชาชน ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

ต่อมาในช่วงเย็นได้ขึ้นปราศรัยย่อยที่ตลาดโกเบ๋ง โดยมีกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า วิสาหกิจชุมชนให้การต้อนรับอย่างดีมาก เนื่องจากนางสาวอรทัยได้เคยทำโครงการช่วยเหลือ และให้คำแนะนำเรื่องการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้เป็นของฝากนักท่องเที่ยวแบบพรีเมียม เพื่อช่วยทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งชาวบ้านสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและจริงใจของนางสาวอรทัย ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ประทับใจผู้สมัครทั้งสองคน ที่มีความตั้งใจ เสียสละ อดทน และเต็มที่กับทุกการทำงานเพื่อให้ผลลัพธ์ไปสู่เป้าหมายคือ เข้าไปเป็นผู้แทนของประชาชน โดยพรรคชาติพัฒนากล้า เราตั้งใจที่จะเข้าไปแก้ปัญหาปากท้อง ลดภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในการทำมาหากินให้กับพี่น้องประชาชน

เราเป็นพรรคแรกที่ออกมาต่อสู้เรื่องราคาน้ำมัน ค่าไฟ ที่เป็นต้นเหตุของต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากรัฐบาลเกรงใจทุนผูกขาด ทำให้ประชาชนต้องมาแบกภาระ ดังนั้นเราจึงเสนอให้มีการลดค่าไฟ และค่าน้ำมันลง นอกจากนี้ยังเสนอยกเลิกแบล็กลิสต์ เพื่อให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ซึ่งถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปทำงาน เราจะขับเคลื่อนทุกนโยบายทันที และเราก็มั่นใจว่า ผู้สมัครของเราจะสามารถปักธงชัยได้ทั้งสองเขตพร้อมคว่ำการเมืองแบบบบ้านใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตได้อย่างแน่นอน

‘กรณ์’ ลุยภาคใต้ 2 สัปดาห์ติด มั่นใจกระแสดี ปักธงใต้อย่างน้อย 5 คน การันตี!! ผู้สมัคร ‘ชพก.’ เน้นลงมือทำ-แก้ปัญหา พาใต้สู่ยุครุ่งเรืองได้

(11 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ยังคงปักหลักอยู่ที่ จ.ภูเก็ต เพื่อช่วย 2 ผู้สมัคร นายเทมส์ ไกรทัศน์ เขต 2 เบอร์ 7 และนางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ เขต 3 เบอร์ 1 ขอเสียงประชาชนในช่วงท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง

โดยช่วงเช้า นายกรณ์ได้ขึ้นรถแห่พร้อมด้วยนายเทมส์ ไปยัง ต.ฉลอง ต.ราไวย์ อ.เมือง เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา ตลอดจนผู้ประกอบการร้านค้าสองข้างทาง และหมู่บ้านต่างๆ โดยมีเสียงตอบรับและให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งชูมือสัญลักษณ์เลข 7 ตลอดเส้นทาง โดยนายกรณ์ ได้ฝากนายเทมส์ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ มีจิตสาธารณะ เป็นคนที่เราใฝ่หาคนแบบนี้มาตลอด ทำให้มั่นใจว่าเขาจะเป็นส.ส.ที่ดีให้กับชาวภูเก็ตได้อย่างแน่นอน ขณะที่นายเทมส์ ก็ได้เสริมว่า เพื่ออนาคตของภูเก็ต ถ้าได้เทมน์ ไกรทัศน์ เบอร์ 7 ท่านจะได้ ส.ส.เด็ดๆ ได้ภูเก็ตที่ดีกว่า ได้คนทำงาน ได้คนกล้า เข้าไปแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน    

จากนั้นนายกรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มั่นใจว่า ผู้สมัครทั้ง 2 คนที่พรรคชาติพัฒนากล้า ส่งลงจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน เพราะประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง วันนี้ภูเก็ตจะมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามามาก แต่เราไม่ได้มองแค่ตัวเลขนักท่องเที่ยวหรือ หรือ ตัวเลขจีดีพีที่เพิ่มขึ้น แต่เราต้องไปดูในระดับประชาชนว่าเขาได้รับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไร ภูเก็ตควรมีโอกาสบริหารตัวเอง การจัดสรรงบประมาณต้องเป็นธรรม เราพูดแต่แรกว่า ภูเก็ตจะเป็นเมืองระดับโลกที่แท้จริงได้ สาธารณูปโภคต้องอยู่ในระดับมาตรฐานของโลกด้วย และตัวของ ส.ส.ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนของชาวภูเก็ต นอกจากจะพึ่งพาได้แล้ว ยังต้องเป็นคนที่คนภูเก็ตภาคภูมิใจ ว่าเขาเป็นตัวแทนในระดับสากลได้ด้วย นอกจากนี้เรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งมีสาเหตุเหตุมาจากต้นทุนพลังงาน และค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เราต่อสู้มาโดยตลอด นอกจากนี้ในช่วง 2 ปี ที่ภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ต้องหยุดชะงักเพราะสถานการณ์โควิด หนี้สินภาคครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น เราจะเข้ามาช่วยคนตัวเล็กให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม 

นายกรณ์ กล่าวว่า กระแสของพรรคชาติพัฒนากล้าในภาคใต้ดีวันดีคืน ตนมาอยู่ที่ภาคใต้ตลอดสองสัปดาห์ ตระเวณช่วยผู้สมัคร ปราศรัยหาเสียง ตั้งแต่ ภูเก็ต สงขลา หาดใหญ่ พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร ฯลฯ แม้เราจะไม่ได้ส่งผู้สมัครครบทุกเขต แต่คะแนนของผู้สมัครเราอย่าในระดับดี ประชาชนให้การยอมรับในท่าทีของเราที่ไม่ขัดแย้งกับใคร เรายึดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะการลงพื้นที่ไม่เคยมีใครถามว่า เราจะอยู่ฝ่ายไหน มีแต่สะท้อนปัญหาความเดือดร้อนให้เราช่วยผลักดันแก้ไข เราจึงส่งผู้สมัครคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจเปลี่ยนแปลงการเมือง เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าการเมืองไม่เปลี่ยน เพราะปัจจุบันการผูกขาดมันมากขึ้นเรื่อยๆ และครอบงำการเมืองระดับประเทศ พรรคเราเป็นพรรคเล็กที่ปราศจากทุนผูกขาดอุปถัมภ์ เราสู้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร และผู้สมัครทุกคนก็มีอิสระทางความคิดของตนเอง 

“ภาคใต้เราส่งผู้สมัคร 19 คน ผมมั่นใจเข้ามาได้อย่างน้อย 5 คน ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงสำหรับพรรคขนาดเล็กของเรา และหากเข้ามาได้ จะมีผลต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของภาคใต้ ที่จะกลับไปสู่จุดเดิม ผมเป็นคน กทม.เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อน มีความชื่นชมการเมืองภาคใต้ตลอด รู้สึกว่าการเมืองภาคใต้ เป็นผู้นำทางความคิด และผู้นำในระดับประเทศ แต่ช่วงนี้มันหายไป เราไม่เห็นบุคคลที่โดดเด่นทางความคิดในทางปฏิบัติ เหมือนในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ผมเชื่อว่าชาวใต้เองก็โหยหา ในส่วนของคนรุ่นใหม่พรรคชาติพัฒนากล้าครั้งแรกผมก็ไม่ได้มั่นใจนัก แต่พอเขาแสดงตน มีหลายคนที่จะสามารถนำพาการเมืองกลับไปสู่เหมือนเดิมได้ เพราะมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนคือ ไม่ซื้อเสียง นำความคิด เน้นเรื่องลงมือทำ เน้นการแก้ปัญหา ทั้งเทมส์ – อรทัย ภูเก็ต, จูรี หาดใหญ่ สงขลา, ทนายลิขิต ชุมพร, นายหัวสิทธิ ชะอวด นครศรีธรรมราช คนพวกนี้จะเข้าไปเป็นเชื้อการเมืองที่ดี แนวสร้างสรรค์ นำมาการเมืองภาคใต้ไปอยู่ยุครุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้ ผมเชื่อแบบนั้น” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว  

ด้านนายเทมส์ กล่าวว่า การเลือก ส.ส.เขต คือเลือกตัวบุคคล โดยส่วนตัวไม่อยากให้การเมืองใหญ่มาเป็นปัจจัยในการลงคะแนน หยิบปากกาให้มั่น เลือกคนที่คุณมั่นใจจริง ๆ เราไม่ได้เลือกแล้วมีผลต่อการตั้งรัฐบาลทันที แต่สิ่งที่สำคัญคือ ชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน อย่าเลือกด้วยความกลัวว่าใครจะกลับมาหรือใครจะอยู่ต่ออีกกี่ปี แต่อยากให้เลือกด้วยความหวัง ว่าเศรษฐกิจหลังจากนี้จะดีขึ้น ปากท้องดีขึ้น เงินต้องมี สินค้าต้องไม่แพง เราต้องเลือกด้วยความหวังว่า คนไหนที่จะมาแก้ปัญหาให้เราได้ และ ส.ส.เขตคนไหนที่เราพึ่งได้จริงๆ ว่าเขาจะแก้ไขปัญหาให้เราได้ พูดแทนเราได้จริง การเมืองไทยจะดีขึ้น 14 พฤษภาคม เลือกเทมส์ ไกรทัศน์ เบอร์ 7 ไม่ผิดหวังแน่นอน

‘กรณ์’ ปราศรัยชุมพร ช่วย ‘ทนายลิขิต’ หาเสียงโค้งสุดท้าย อ้อนชาวใต้ เลือก ‘ชพก.’ เข้าสภาฯ เป็นกระบอกเสียงให้ ปชช.

(11 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เดินทางไปยังจังหวัดชุมพร เพื่อร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับทนายลิขิต ศรีชาติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 ที่อำเภอท่าแซะ โดยทนายลิขิต เปิดใจว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เป็นพรรคที่มีหัวหน้าพรรคคุณภาพที่สุด เพราะมีนายกรณ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเป็นหัวหน้าพรรค เพราะตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ได้รับความเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ค่าน้ำมัน ค่าไฟ ซึ่งเป็นต้นทุนค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้แทนของจังหวัดชุมพร ไม่เคยมีใครนำปัญหาของพี่น้องประชาชนเข้าไปพูดในสภาฯ เลยนับสิบปี ถ้าอยากเห็นปัญหาของพี่น้องของประชาชนถูกนำเสนอในสภาฯ และได้รับการแก้ไข 14 พฤษภาคม เลือกทนายลิขิต เบอร์ 6 เขต 2 ชุมพร เปลี่ยนแปลงแน่นอน

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงท้ายของการหาเสียง หากจะวัดว่ากระแสของผู้สมัครยังดีอยู่หรือไม่ ให้ดูความกระตือรือร้นของทีม จากเส้นทางคาราวานภาคใต้ที่ตนได้เดินสายมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทีมงานของผู้สมัคร แต่ละจังหวัดยังแข็งขัน แรงไม่ตก และโดยเฉพาะที่ จ.ชุมพร แข็งแรงมาก และก็อยากบอกให้ทุกคนมีกำลังใจคือกระแสของพรรคดีวันดีคืน เพราะตนได้รับของฝากมาจากทุกจังหวัด ของฝากที่ว่าคือ ประชาชนฝากปัญหาความเดือดร้อน ทั้งหนี้สิน ค่าครองชีพ ตลอดจนโอกาสในการทำมาหากิน ซึ่งของฝากเหล่านั้นตนไม่ถือว่าเป็นภาระ แต่เป็นกำลังใจที่ประชาชนยังเชื่อมั่น ศรัทธา ที่จะฝากความหวังไว้กับเรา ไม่มีใครถามว่า เราอยู่ฝ่ายไหน เขาไม่ได้ชอบวิธีการสาดโคลนกันไปมา โดยที่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนอยู่ในวงการการเมืองมา 18 ปี เส้นทางเต็มไปด้วยความขัดแย้ง นักการเมือง ต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบที่สร้างมันขึ้นมา เพราะเป็นอุปสรรคปัญหาต่อการดำรงชีวิตของประชาชน พอกันทีความขัดแย้ง พรรคเรามีแนววิธีการหาเสียงไม่ใส่ร้ายใคร แต่มีวิธีการหาเสียงที่ชัดเจนว่าเราจะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน พี่น้องหลายคนยังลังเล ว่าถ้าเลือกไปจะชนะไหม เพราะไม่ได้อยู่ในพรรคกระแสหลัก เข้าไปจะทำอะไรได้

ขอบอกว่า ความใหญ่ เล็ก ของพรรคการเมือง ไม่สำคัญเท่ากับขนาดของหัวใจ ว่าจะกล้าแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้หรือไม่ เลือกพรรคใหญ่เข้าไป ไม่ทำอะไรทั้งที่มีอำนาจอยู่ในมือ เพราะถูกอำนาจผูกขาดครอบงำ พรรคยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้น และวงจรอุบาทว์มันก็จะวนเวียนไม่รู้จักจบสิ้น และนี่คือสาเหตุที่พวกเราทุกคนเลือกที่จะอยู่พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ต้องใช้เงิน ยุทธศาสตร์หาเสียงของเราเป็นแนวทางใสสะอาด ขยัน ยกมือกราบไหว้ จุดยืนของเราไม่ขัดแย้งกับใคร ไม่เป็นศัตรูกับใครตราบใดที่เขาเห็นตรงกับเราคือปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และกล้าชนกับทุนผูกขาด และเราก็พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างมากโดยไม่ต้องอาศัยเสียง สว.

“ถ้าประชาชนเลือกคนของพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าไปเป็นผู้แทน ไม่ว่าจะเป็นทนายลิขิต ศรีชาติ จาก จ.ชุมพร, จูรี นุ่มแก้ว จ.สงขลา, เทมส์ ไกรทัศน์, อรทัย เกิดทรัพย์ จ.ภูเก็ต และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี จากกรุงเทพฯ รับรอง ว่าคนพวกนี้จะเป็นปากเป็นเสียง กล้าพูด และกล้าชนกับทุนผูกขาด ได้อย่างแน่นอน” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราเลือกทนายลิขิต เพราะเราเชื่อและศรัทธา เพราะฉะนั้น วันที่ 14 พฤษภาคม ไม่ต้องลังเล กาเบอร์ 6 เพื่อให้ทนายลิขิต ไปทำหน้าที่ในสภาฯ เป็นผู้แทนของชาวชุมพร เขต 2”

‘ชพก.’ งัดหมัดเด็ด ชู ทลายทุนผูกขาด สร้างประเทศแห่งโอกาส  ช่วยคนตัวเล็กลืมตาอ้าปาก พาคนไทยหลุดพ้นความจน

(12 พ.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า จัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง ในหัวข้อ ‘ร่วมสร้างประเทศแห่งโอกาส สู้ทุนผูกขาด เศรษฐกิจต้องเรา’ ณ โรงแรมรามาการ์เดนส์ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคทยอยเดินทางเข้าร่วมงานจนแน่นห้องคอนเวนชั่น พร้อมถือป้ายสนับสนุนผู้สมัครในเขตต่าง ๆ และป้ายข้อความสนับสนุน นายกรณ์ จาติกวณิช ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

โดยเวลา 18.00 น.ได้ live สดผ่านทางเพจของ พรรคชาติพัฒนากล้า โดยทีมขุนพลขึ้นเวทีช่วงแรกได้แก่ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายวรวุฒิ อุ่นใน รองหัวหน้าพรรค นายรวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค

จากนั้น เป็นเวทีของตัวแทนผู้สมัครขึ้นมากล่าวความในใจ ได้แก่ นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม ผู้สมัคร เบอร์ 9 เขตบางซื่อ ดุสิต (เฉพาะแขวง ถ.นครไชยศรี) อดีตสื่อมวลชนสายการเมือง  มากว่า 10 ปี เรียนรู้กฎหมายหลายฉบับ ไม่ได้เป็นลูกคนร่ำรวย แต่พรรคชาติพัฒนากล้าให้โอกาสเข้ามาทำงานการเมือง และพร้อมเป็นกระบอกเสียงให้คนเมือง เพื่อนำปัญหาของพี่น้องประชาชนเข้าการแก้ไข ขอเลือกจากนโยบาย อย่าเลือกด้วยความกลัว

นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี ผู้สมัคร เบอร์ 3 เขตลาดพร้าว เขตบึงกุ่ม (นวมินทร์ นวลจันทร์) กล่าวว่า เป็นนักการเมือง เพราะมีความเชื่อในการบริหารงานบริษัทระดับโลก มาช่วยผู้ประกอบการคนตัวเล็ก การหากินปัจจุบันลำบาก เพราะขาดโอกาส ปัญหาคือ มันมีนายทุนผูกขาด ครอบงำพรรคการเมือง ถ้าเลือกพรรคชาติพัฒนาเราจะสร้างโอกาสให้ท่าน กฎหมายหลายฉบับกีดกันคนทำมาหากิน มีลักษณะทำนาบนหลังคน มีสินบนนำจับ ผมจะสู้เพื่อพี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้า และจะเข้าไปแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กฎหมายอาหารและยา ถ้าตนได้เป็น ส.ส.จะเข้าไปทำทันที เพื่อให้พ่อแม่พี่น้องแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม

นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ผู้สมัคร เบอร์ 11 เขตพญาไท ดินแดง เจ้าของโครงการ ‘กล้าปลดหนี้’ ที่สามารถช่วยปลดหนี้ให้ผู้ประกอบการคนตัวเล็กได้หลายราย ชูทุบทุนผูกขาด เพื่อเปิดโอกาสให้คนตัวเล็ก ลืมตาอ้าปากได้ พร้อมนำเสนอนโยบายหาเงินเข้าประเทศ 5.5 ล้านล้านบาท และขอให้เลือกชาติพัฒนากล้าทั้งประเทศ คนไทยไม่มีจน

นางสาววิเวียน จุลมนต์ ผู้สมัครเบอร์ 10 เขตจตุจักร หลักสี่ ซึ่งเป็นผู้สมัครมาเป็นจิตอาสาทางออนไลน์ และตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.เพราะทนเห็นความไม่เป็นธรรมในสังคมเกิดขึ้น โดยมีอุดมการณ์เดียวกับพรรคคือ กล้าชนทุนผูกขาด และจากการลงพื้นที่ ประชาชนส่วนใหญ่ ต้องการให้พรรคชาติพัฒนากล้าเข้าไปทำงานแก้ปัญหาด้านพลังงาน และลดค่าครองชีพให้พวกเขา วันที่ 14 พฤษภาคม อย่าลังเล กาเบอร์ 14 พวกเราพร้อมทำงาน

นายธาม สมุทรานนท์ ผู้สมัครเบอร์ 8 เขต บางกะปิ วังทองหลาง เป็นผู้สมัครที่อายุน้อยที่สุดในพรรค ลงพื้นที่ท่ามกลางแรงกดดัน แต่ด้วยอุดมการณ์การเมืองที่ตรงกันกับพรรคชาติพัฒนากล้า และผู้ใหญ่ในพรรคทั้งนายกรณ์ และนายอรรถวิชช์ รับฟังตน ซึ่งมีปมในใจ ที่ตนทิ้งไม่ได้ สมัยที่ตนเป็นเด็ก คุณทวดล้มในบ้านแล้วเสียชีวิต นั่นคือแรงบันดาลใจให้คิดโครงการอารยสถาปัตย์ ซึ่งนายกรณ์และนายอรรถวิชช์เห็นด้วย และนำมาเป็นนโยบายของพรรค โดยจะทำบ้านที่ปลอดภัยให้ผู้สูงอายุหลังละ 50,000 บาท ทั่วประเทศ เป้าหมาย 1 ล้านหลัง ถึงเวลาที่เราจะต้องยึดประเทศจากทุนผูกขาด จากความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรมในสังคม ตนจะสู้สุดหัวใจ สู้ถวายหัว เพื่อพรรคชาติพัฒนากล้า

‘กรณ์’ ชี้ เดินสายมา 1,183 วัน ปชช. คือแรงบันดาลใจให้สู้มาตลอด ย้ำจุดยืนครั้งสุดท้าย!! ‘ชพก.’ ทุบทุนผูกขาด เพิ่มโอกาสให้ ปชช.

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนทำงานในฐานะหัวหน้าพรรค เดินสายพบพี่น้องประชาชน ทั้งปราศรัยและลงพื้นที่ มาถึงวันนี้ 1,183 วันเต็ม สะสมความรู้สึก ความคิด ประสบการณ์มามากมาย ตนทำงานทุกวันไม่เคยท้อ เพราะมีเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ของพรรคชาติพัฒนากล้า วันนี้อยากบอกกับพี่น้องว่า เป้าหมายการทำงานของพรรคชาติพัฒนากล้า เราจะมาทำงานเพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยรวยขึ้น แต่ความรวยไม่สามารถแก้ปัญหา และทำให้เรามีความสุขได้ เราจะไม่มาอ้างเหมือนนักการเมืองหลายๆคน ว่าจะมากำจัดคนยากคนจนออกจากบ้านเมือง ทุกประเทศทั่วโลกก็ต้องมีคนจนที่เราต้องดูแล แต่สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะให้คือโอกาสที่จะทำให้อนาคตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนอยากให้คนไทยไม่ว่าจะเกิดมาจากที่ไหน ภาคไหน คนไทยทุกคนมีโอกาสที่จะฝัน ที่จะเชื่อว่า ถ้าเขาขยัน มุ่งมั่น ตั้งใจ เขาจะมีโอกาสที่จะมีชีวิต และรวยขึ้นได้ วันนี้คนไทยยังไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะกติกาของสังคมที่คนไทยทุกคน ขอให้ขยันและตั้งใจโอกาสมีแน่นอน และพรรคชาติพัฒนกล้า เป็นพรรคแห่งโอกาส ข้อเสนอนโยบายประชาชนนิยม ลดแลกแจกแถม เราทำประชานิยมมาแล้วกี่ยุคสมัย สุดท้ายคนไทยก็ยังไม่รวย เพราะติดกับดักว่า โอกาสก้าวหน้าเขาไม่มี วาทกรรมการเมือง ว่า เบี้ยผู้สูงอายุ จำนำข้าว และจะไปตัดงบทหาร เป็นรัฐสวัสดิการ ขอบอกว่าต่อให้ยุบกระทรวงกลาโหม ก็จะได้เงินมาแค่ 2 - 3 แสนล้านบาท ไม่ถึงครึ่งของนโยบายที่นำเสนอกัน ประเทศเราไปจุดนั้นได้ เราต้องรวยกว่านี้อีกเยอะ นั่นคือการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า ประชาชนทุกคนต้องมีความเชื่อ มีความหวัง สิ่งที่ตนได้รับมาตลอดคือของฝากจากพี่น้องประชาชน คือฝากให้เราช่วยดูแล แก้ปัญหาปากท้อง ที่จ.ภูเก็ตช่วงโควิด ทำมาหากินไม่ได้เลย ฝากช่วยดูแลเรื่องดอกเบี้ย โอกาสการกู้ยืมเงิน พอมา จ.ชุมพร พี่น้องประชาชนก็ฝากเรื่อง ราคาพืชผลทางการเกษตร ราคาปุ๋ย ไปที่ไหนมีแต่ของฝาก นี่คือความจริง ประชาชนยังมีความหวัง ถ้าเขาไม่หวัง ไม่ศรัทธา เขาไม่มาฝากพรรคชาติพัฒนากล้าหรอก และนี่คือแรงบันดาลใจที่เราสู้มาตลอดพันกว่าวัน

นายกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค แรงบันดาลใจนอกจากมาจากประชาชนแล้ว ทีมงานของเราทุ่มเทเสียสละ ไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ขอเพียงโอกาสช่วยบ้านเมือง ตนขอยกตัวอย่างเพื่อนผู้สมัคร 2 คนๆ แรกคือ เลขาธิการพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ วันนี้ไม่ได้อยู่กับเรา นายเทวัญ เลือกที่จะสู้ด้วยการแข่งขันในเขตเลือกตั้งเดิมของตัวเองคือเขต 1 โคราช ที่มีการแข่งขันหนักมาก ตนขอส่งกำลังใจไปให้นายเทวัญ ด้วย ผู้สมัครอีกท่านคือ นายจูรี นุ่มแก้ว เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เรื่องราวชีวิตเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ตน ผู้สมัคร และพี่น้องชาวใต้นับล้านคน เขาต่อสู้แนวทางสร้างสรรค์ บริสุทธิ์ นายจูรีทำงานเพื่อส่งตัวเองเข้าเรียน  ใฝ่คว้าหาโอกาสด้วยตัวเขาเองจนประสบความสำเร็จ ทั้งเป็น นักกฎหมายรับราชการ เป็นสื่อมวลชน จนมาเป็นดาวติ๊กตอก สร้างรายได้หลายสิบล้าน จากนั้นเขาทิ้งทุกอย่าง เพื่อทุ่มเทให้กับการเมือง สองท่านคือ ดีเอ็นเอ คือการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน เน้นเรื่องของการสร้างโอกาส

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า  เราเป็นพรรคที่นำเสนอยุทธศาสตร์ชัดเจน เราจะสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ เราจะสร้างรายได้ให้กับประเทศ 5.5 ล้านล้านบาท ซึ่งต่างจากพรรคอื่นคือเราสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในระดับครัวเรือน เพราะเรามองประชาชนอยู่ศูนย์กลาง เช่น นโยบายเฉดสีเชียว การสร้างโรงงานไฟฟ้าโดยประชาชนที่มีหลังคาบ้าน , เฉดสีขาว เราส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ฯลฯ และไม่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น โอกาสทางการเมืองก็สำคัญ การใช้สิทธิของพี่น้อง มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เรายืนหยัดคือความเป็นประชาธิปไตยของบ้านเมือง เราจะเข้าร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาล่าง โดยไม่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.

นอกจากนี้ ในเรื่องคุณภาพชีวิต เราเดือดร้อนปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เราต่อสู้เพื่อให้พี่น้องมีอากาศสะอาด ผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด หรือโอกาสของผู้สูงอายุที่จะมีบ้านที่ปลอดภัย ผ่านโครงการอารยสถาปัตย์ , ช่วงกลางคืนทุกคนเงยหน้าต้องมองเห็นดาว เราจึงมีนโยบายคุ้มครองพื้นที่ที่เป็นฟ้ามืดเป็นมรดกให้ลูกหลานเราสามารถดูดาวได้ เราต้องการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญอีกโครงการที่อยากพูดถึงวันนี้คือ ถึงเวลาแล้วที่กองสลากจะเพิ่มสัดส่วนคืนกำไรให้กับประชาชนผ่านโครงการ หวยจังหวัดๆ ละ 3 ล้านบาท สร้างเศรษฐีจังหวัดละ 3 คนในทุกงวด

นายกรณ์ กล่าวว่า แม้เราจะเป็นพรรคเล็ก แต่เป็นพรรคเล็กที่คิดใหญ่ ที่สามารถเปลี่ยนทิศทางประเทศ เราจะทำให้ทุกคนรวยขึ้น มีคำถามว่า นโยบายที่เรานำเสนอ ดูเป็นเรื่องใหญ่ แล้วพรรคเล็กเลือกไปแล้วทำได้จริงหรือ ขอตอบว่า ถ้าพี่น้องย้อนกลับไปดู สองปีที่ผ่านมา เมื่อเจอปัญหาหนักๆ เช่น ค่าน้ำมันแพง ไฟแพง อัตราดอกเบี้ยแพงพี่น้องกู้ยืมเงินไม่ได้ มีพรรคไหนสู้เพื่อพี่น้องบ้างนอกจากเราพรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญเท่าขนาดของหัวใจ อยู่ที่ความตั้งใจถ้าเรามีโอกาสเราต่อสู้เต็มที่ พรรคเราจะมี ส.ส.กี่คนก็แล้วแต่ตนมั่นใจหัวใจของผู้สมัครทุกคน

สุดท้ายวันอาทิตย์นี้ มันเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ที่ท่านรอมา 4 ปี ในการที่จะใช้สิทธิไปเลือกตั้ง เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของประเทศ ตนอยากเชิญชวนให้ท่านใช้สิทธิหนึ่งครั้งนี้ของเราในการสร้างพลังบวกให้กับสังคมไทย ที่พูดแบบนี้เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง มันจะมีกระบวนการปั่นให้เราทั้งกลัวทั้งเกลียดในทุกยุคทุกสมัย ไม่มีอะไรต้องกลัว สิ่งที่เขาไม่พูดถึงคืออิทธิพลของทุนผูกขาดที่อยู่เหนือการเมือง พรรคยิ่งใหญ่ยิ่งต้องอาศัยทุนผูกขาด แต่พรรคเราพรรคเล็กที่มีอิสระในการต่อสู้ ที่ประชาชนวางใจได้ เราไม่อยู่ภายใต้ทุนผูกขาด วันที่ 14 พฤษภาคม พี่น้องเลือกด้วยพลังบวก เลือกคนที่ท่านศรัทธา อย่าเลือกด้วยความกลัว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะเก็บความภาคภูมิใจจนถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าเราได้ใช้ 1 เสียงของเรา ไปสู่พลังบวก ดีกว่าเราเลือกด้วยพลังลบที่ทั้งเกลียดและกลัว 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 14 เลือกพรรคชาติพัฒนากล้า และเบอร์ผู้สมัครทุกเขตที่อยู่ในพื้นที่ท่าน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top