Sunday, 28 April 2024
กรณ์จาติกวณิช

‘กรณ์’ เผย ว่าที่ผู้สมัครเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง-มีคุณภาพ มั่นใจ ‘ชพก.’ มีโอกาสคว้าชัย พร้อมพาสงขลาไปไกลกว่าเดิม

(10 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสงขลา ระบุว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย พล.ต.ธชา จินตวร รองเลขาธิการพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 เขต ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต 1, นายจูรี นุ่มแก้ว เขต 2 ผศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ เขต 3 และ นายพงศธร สุวรรณรักษา หรือ ทนายอาร์ม เขต 9 ร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนชาวสงขลา

โดยในช่วงเช้า เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และมีคุณธรรมสูงส่งที่ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ ต่อช่วงบ่ายเข้าร่วมกิจกรรมงานวันสงขลาครบรอบ 181 ปี ณ บริเวณ ถนนนางงาม นครใน นครนอก โดยแต่ละจุดกิจกรรม ประชาชนให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น และชื่นชมในทีมผู้บริหาร และนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ตลอดจนตัวว่าที่ผู้สมัครว่าเป็นคนคุณภาพ เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง จังหวัดสงขลา ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมานานมากแล้ว

นายกรณ์ กล่าวว่า นับแต่เปิดเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 4 คนของ จ.สงขลา กระแสตอบรับดีมาก และดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกเขต ทำให้มั่นใจว่าเราจะได้ ส.ส.จาก จ.สงขลาอย่างแน่นอน แต่จะครบทั้ง 4 คน หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ส่วนการทำงานของว่าที่ผู้สมัครทั้ง 4 คนก็เป็นต้นแบบของการทำงานเป็นทีม เราเปิดเวทีปราศรัยพบพี่น้องประชาชน ก็จัดแบบธรรมชาติ บนรถกระบะบ้าง ในสวนยางบ้าง แต่เป็นแนวการเมืองบริสุทธิ์ในแนวทางสร้างสรรค์ และจากการพบปะพูดคุยกับประชาชน พี่น้องสงขลาอยากเห็นการเมืองมีการพัฒนา อยากเห็นคนรุ่นใหม่ มีโอกาสเข้ามาทำงานการเมือง

ต่อมาในช่วงเย็น ร่วมทอล์กเศรษฐกิจ ณ ไมอามี สงขลา โดยนายกรณ์ และว่าที่ผู้สมัครทั้ง 4 คน มีผู้สนใจเข้ารับฟังกันอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นการจัดแบบธรรมชาติ ไม่มีการจัดตั้งแต่อย่างใด โดยนายกรณ์ กล่าวว่า อยากฝากพี่น้อง จ.สงชลา ชาวใต้ และพี่น้องทั่วประเทศ แม้พรรคเราจะไม่ใหญ่ แต่ความคิดของเรายิ่งใหญ่มาก เราเห็นและเข้าใจประเด็นปัญหาของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจ เราไม่ได้เน้นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ต้องใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชน หรือใช้เงินกู้ แต่เราต้องเข้าไปทำความเข้าใจกันตั้งแต่ต้นตอ และมีความกล้า ที่จะเข้าไปรื้อระดับโครงสร้าง ทั้งโครงสร้างพลังงาน เพื่อให้พี่น้องประชาชน เพื่อค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้าถูกลง โครงสร้างทางการเงิน การปล่อยสินเชื่อ เพื่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบ ในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมกับประชาชน มากยิ่งขึ้น แม้แต่ปัญหาเรื่องของฝุ่นพิษ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นปัญหาระดับโครงสร้าง รอนักการเมืองที่เข้าใจและกล้าจะเข้าไปแก้ปัญหาระดับโครงสร้างให้กับพี่น้องประชาชน

‘กรณ์’ นำทีมลุยพื้นที่หาดใหญ่ ชี้นำแนวทางให้ชาวบ้าน ปชช. ต้อนรับคึกคัก ขอฝาก ‘ประเทศไทย’ ไว้ในมือกรณ์

(11 มี.ค. 66) ที่ จ.สงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 เขต ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต 1 นายจูรี นุ่มแก้ว เขต 2 ผศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ เขต 3 และ ทนายอาร์ม -นายพงศธร สุวรรณรักษา เขต 9 ร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนชาวสงขลา เป็นวันที่สอง โดยในช่วงเช้า นายกรณ์ และนายจูรี ลงพื้นที่หาดใหญ่บริเวณตลาดคลองเรียน เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้ที่สัญจรผ่านไปมา ส่งเสียงร้องทัก กันอย่างคึกคัก และขอถ่ายภาพตลอดเส้นทาง พร้อมกับบอกว่า เป็นแฟนคลับทั้งจูรี ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับชาวสงขลา และคนภาคใต้ ขณะเดียวกันก็ยังช่วยชาวบ้านขายของสร้างรายได้ให้ชุมชน ส่วนนายกรณ์ รู้จักและเห็นฝีมือการทำงานมาแล้วและเชื่อว่าถ้าได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในรัฐบาล จะสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างแน่นอน 

ต่อมานายกรณ์ พร้อมด้วย ทนายอาร์มนายพงศธร ผศ.ดร.ประสิทธิ์ และ นายกัณฑ์ พบกลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ตามคำเชิญของ ยูนิกิฟาร์ม โดยมีชาวบ้านที่สนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยทางผู้ประกอบการต้องการให้พรรคชาติพัฒนากล้า ผลักดันนโยบายเพื่อเกษตรกรรายย่อย และอยากให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อทำสมาร์ทฟาร์ม ซึ่งแม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงกว่าแต่ราคาผลผลิตดีกว่าหลายเท่า และยังมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก ตอนนี้ทางยูนิกิฟาร์มมีออเดอร์จากประเทศมาเลเซีย แต่ไม่สามารถผลิตได้ทันทำให้เสียโอกาสไป 

ซึ่งนายกรณ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร คือการแปรรูป และการจะแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร หัวใจก็อยู่ที่ วิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ชุมชน ยกตัวอย่าง ที่ตนเคยลงไปทำข้าวอิ่มที่ จ.มหาสารคามปีนี้เข้าปีที่ 10 ชาวบ้านขยายผลจากการทำข้าวเกษตรอินทรีย์ ไปสู่การนำปลายข้าว ผลิตเป็นเครื่องสำอาง ขนมอบกรอบหลายชนิด เหล่านี้ล้วนทำได้ หากมีการส่งเสริมกระบวนการแปรรูปอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญต้องปฏิรูปสหกรณ์ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกรอย่างจริงจัง วันนี้ชาวบ้านแบกราคาปุ๋ยที่สูงมาก เราควรมีนโยบายลดต้นทุนโดยการสรรหาวัตถุดิบมาผลิตปุ๋ย ประเทศไทยมีเหมืองแร่โปแตสอยู่หลายแห่ง สามารถนำมาใช้เพื่อลดการใช้ปุ๋ยลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบสมาร์ทฟาร์มคือการใช้ปุ๋ยแบบแม่นยำก็จะสามารถลดต้นทุนลงมาได้เช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องได้คนที่เข้าใจเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ความจนไม่ใช่การส่งต่อข้ามรุ่น แต่แก้ได้ ถ้าได้รับโอกาสที่ดี 

“วันนี้เกษตรกรแบกรับต้นทุนพลังงานที่สูงมาก หากมีการต่อสู้เรื่องพลังงานได้จะลดต้นทุนไปได้มาก  พรรคชาติพัฒนากล้า ต่อสู้เรื่องการรื้อโครงสร้างพลังงาน ชนกับทุนใหญ่ เหตุผลที่เรากล้าทำเพราะคิดว่า การทะเลาะกับทุนใหญ่เพื่อพี่น้องประชาชน คุ้มกว่าทะเลาะกันเองโดยที่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

นอกจากนี้ นายกรณ์ ยังได้นำเสนอนโยบายเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งนโยบายสูงวัยไฟแรง จ้างผู้สูงอายุทำงาน 5 แสนตำแหน่ง รวมไปถึง นโยบายสร้างบ้านให้ผู้สูงอายุหรือ อารยสถาปัตย์  50,000 บาทต่อครัวเรือน ลดปัญหาผู้สูงอายุล้มในบ้านที่มีมากถึงปีละ 4 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุทั้งประเทศ โดยตั้งเป้า 1 ล้านครัวเรือนต่อปี และยังมีกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์สำหรับคนทุกวัย เพื่อสร้างธุรกิจสร้างสรรค์ สูงสุด 1 ล้านบาทไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 

‘กรณ์’ ชี้!! วิกฤต Credit Suisse กระทบไทยน้อย ยัน!! ฐานะทางบัญชีธนาคารไทย ‘เข้มแข็ง’

(16 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี มูลค่าหุ้นของธนาคาร เครดิต สวิส (Credit Suisse) ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์อันดับ 2 ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ร่วงลงไปถึง 24% ภายในวันเดียวในช่วงค่ำวันที่ 15 มีนาคม 2566 ทำให้สำนักงานกำกับตลาดการเงินและธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อลดความกังวลที่อาจจะเกิดขึ้น ว่า ธนาคาร Credit Suisse อยู่ในสถานการณ์วิกฤต หลังจากที่วันนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ Saudi National Bank ประกาศว่าไม่สามารถสนับสนุนทุนเพิ่มให้ได้อีกต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า ธนาคาร Credit Suisse ประสบปัญหาจากการบริหารจัดการที่ไม่ดีมานาน ราคาหุ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาปรับลดลงต่อเนื่องถึง -90% ทางผู้บริหารอ้างว่าทุนเพียงพอ แต่หากมีการแห่ถอนเงินออก เชื่อว่ารัฐบาลสวิสคงไม่ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะนี้ปรับตัวลง 600 จุด ในขณะที่เงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรรัฐบาล ทั้งนี้ประเด็นเรื่อง Credit Suisse เป็นคนละประเด็นปัญหากับ SVB และ Signature ของสหรัฐ แต่ความเปราะบางความเชื่อมั่นในขณะนี้จะทำให้ทุกปัญหาถูกขยายผลจนกลายเป็นวิกฤติได้” นายกรณ์ กล่าว

‘กรณ์’ ควง ‘ผกก.หนุ่ย’ อ้อน ปชช. เขตบางแค ชูนโยบาย ‘ดูแลแม่-เด็ก’ ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

(17 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ เขตบางแค เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์เด็กเล็กชุมชนศิริเกษม พร้อมทั้งเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งเขตบางแค ซึ่งมี พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางแค โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มาร่วมให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น ประกอบด้วย นายศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา นายธนาวุฒิ รัศมีฉาย นายกฤษณ์ สุริยผล นางสาวอรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล นายธนาวุฒิ รัศมีฉาย นายรัชตะ สมบัติลาภตระกูล นายสงกรานต์ พงษ์พันนา รวมถึงนางสาววิเวียน จุลมนต์ ที่ปรึกษาทีมนโยบายพรรคชาติพัฒนากล้า โดยมีประชาชนให้การต้อนรับกันอย่างคึกคัก 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พ.ต.อ.ทศพล หรือ ผู้กำกับหนุ่ย เป็นว่าที่ผู้สมัครฯ ที่พรรคได้คัดมาแล้วว่า ประชาชนพึ่งได้แน่นอน โดยเจ้าตัวเองก็เป็นคนขยัน ทำความคุ้นเคยช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่ง บทบาทหน้าที่อย่างเป็นทางการ คนแบบนี้ตนมั่นใจว่าจะมีโอกาสได้สนับสนุน รวมทั้งว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.อีกหลายคนก็มาช่วยเป็นกำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่า ยังสับสนกับการแบ่งเขตของ กกต. อยู่ อย่างไรก็ตามแม้พรรคชาติพัฒนากล้าจะเป็นพรรคที่ไม่ใหญ่มาก แต่มั่นใจได้เลยว่า พรรคเราเป็นที่พึ่งให้พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน 

นายกรณ์ กล่าวในระหว่างการเข้าเยี่ยมชมศูนย์เด็กเล็กชุมชนศิริเกษม ว่า สิ่งที่ประเทศนี้ไม่เคยลงทุนเลย คือการดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนถึง 6 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่สำคัญมากต่อการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ จึงได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญและออกนโยบายว่าจะมีงบให้กับแม่และเด็กเล็ก ตั้งแต่แม่เริ่มตั้งครรภ์ แม่ควรได้รับอาหารการกินที่ดี เพราะจะส่งผลต่อความแข็งแรงของเด็กในครรภ์ ปู่ย่าตายายที่ต้องรับเลี้ยงหลาน งบประมาณที่ได้รับทุกวันนี้ 600 บาทไม่เพียงพอที่จะซื้อนมดี ๆ อาหารดี ๆ และอุปกรณ์การเลี้ยงดูเด็กที่มีมาตรฐาน เราจึงให้ความสำคัญตรงไปที่แม่ เพราะเชื่อว่าโดยสัญชาตญานแม่ทุกคนรักลูก จึงได้เสนองบประมาณในการดูแลแม่และเด็กที่เราคำนวณมาแล้วคือ 2,000 บาทต่อเดือน อีกส่วนคือ สนับสนุนให้มีศูนย์เด็กเล็กที่เราจะจัดงบประมาณ 500 บาท ต่อหัวเด็ก ที่ได้รับการดูแลในศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศ เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอในการเพิ่มมาตรฐานการดูแลเด็ก ทั้งเรื่องโภชนาการที่ถูกต้อง เหมาะสมกับเด็กที่กำลังโต ต้องการสารอาหารมาเสริมพัฒนาการการเติบโต โดยเฉพาะสมองซึ่งเป็นส่วนสำคัญ    

‘กรณ์’ ยัน!! ‘นโยบายเศรษฐกิจเฉดสี’ จับต้องได้จริง มั่นใจ!! ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ-สร้างรายได้ให้ ปชช.

(20 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับเชิญจาก บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง (Bualuang Securities) ในเครือธนาคารกรุงเทพ โดยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ถูกเชิญไปบรรยายให้กับนักลงทุนฟัง เนื่องจากแนวนโยบายที่นำเสนอมาตลอด 2 เดือน นั้นนักลงทุนขานรับว่าจับต้องได้และเป็นไปได้จริง โดย นายกรณ์ กล่าวว่า ชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอมานั้น พรรคได้คิดมาอย่างละเอียดว่าทำได้จริง และทุกนโยบายมุ่งไปสู่เป้าหมาย 3 ข้อ คือ งานดี มีเงิน ของไม่แพง 

สาเหตุที่เราคิดนโยบายออกมาในลักษณะนี้เพราะประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤตโควิด เศรษฐกิจโลกผันผวน เกิดภาวะสงคราม ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประชาชน หมดโอกาสทำมาหากิน มีภาระหนี้สินมาก เราจึงหาทางออก โดยการหาเงินเข้าประเทศ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดต่อไปต้องเร่งทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา และสร้างให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาสเหมือนในอดีตที่เคยทำได้มาแล้ว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า นโยบาย 7 เฉดสี หรือ Spectrum Economy ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่มีอะไรสวนกระแส ทุกอย่างอยู่ในกระแสหลักของโลกและในประเทศ ยกตัวอย่าง เฉดสีเขียว มุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ จากการปรับโครงสร้างของภาคเศรษฐกิจ 3-4 ภาค ได้แก่ 

1.ภาคพลังงาน ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้า 80% ใช้เชื้อเพลงฟอสซิลเป็นตัวเผา ต้องมุ่งไปสู่การใช้พลังงานทดแทน ปัจจุบันเทคโนโลยีไปแล้ว แต่ต้องปรับโครงสร้าง เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน เพราะปัจจุบันยังมีการผูกขาด 
 

2.ภาคการคมนาคม ระบบขนส่ง 90% ทางถนน ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษ ก็จะมีการปรับโครงสร้างไปใช้ระบบรางหรือรถยนต์อีวี 

3. ภาคอุตสาหกรรม ที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Net Zero 

4. ภาคการเกษตร ที่ปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาต้องฟื้นฟูป่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายออกพันธบัตรป่าไม้ คืนพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ 40% ของพื้นที่ป่าทั้งประเทศหรือ 26 ล้านไร่ และดึงเกษตรกลับมาปลูกป่าไม้เศรษฐกิจ แทนพืชไร่ ลดการเผาป่า และช่วยฟื้นฟูป่าทดแทน 

นายกรณ์ กล่าวว่า เฉดสีน้ำเงิน หรือการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี ผู้ที่ต้องปรับตัวมากที่สุดคือระบบราชการที่ต้องไปสู่ Gov Tech ทุกอย่างทำบนมือถือได้ เฉดสีเทา ข้อมูลธนาคารโลกระบุชัดว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่มาจากธุรกิจใต้โต๊ะ เมื่อเทียบกับจีดีพี มากที่สุดในโลก แต่เราเก็บภาษีไม่ได้เลย เพราะธุรกิจสีเทาจะมีคนได้รับประโยชน์เพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะเชื่อมโยงไปถึงการคอร์รัปชันและการซื้อสิทธิขายเสียงได้ ถึงเวลาที่เราจะนำมาไว้บนโต๊ะและหารายได้เข้าประเทศ แต่ไม่ใช่เสรี ธุรกิจสีเทาต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

นอกจากนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ยังเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว คือเศรษฐกิจสีเหลือง ที่จำเป็นต้องเพิ่ม ใน 3 ส่วนคือ เพิ่มเงิน เพิ่มวัน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 2 เท่า จากเดิมก่อนโควิดเรามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน และหลังโควิดเราน่าจะได้นักท่องเที่ยว 25 คน การจะเพิ่มจำนวนให้เป็น 80 ล้านนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยเทียบเคียงกับประเทศฝรั่งเศสที่มีจำนวนประชากรและพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย และรายล้อมด้วยประเทศที่มีศักยภาพสูงรายล้อมทำให้ฝรั่งเศสมีจำนวนนักท่องเที่ยว 80 ล้านคนต่อปี และที่ต้องพัฒนาควบคู่ คือเศรษฐกิจสายมู ที่สามารถกระจายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ในบางจังหวัด เราจึงมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณจังหวัดละ 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวสายมู และที่เชื่อมโยงกันมาคือ เศรษกิจสีรุ้ง คือกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และประเทศไทยก็เป็นประเทศเป้าหมาย 1 ใน 6 ของโลก ที่กลุ่ม LGBTQ+ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และหากมีการเปิดโอกาสให้มีการสมรสเท่าเทียม ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้อีกมากจากคนกลุ่มนี้ที่จะแห่กันเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

‘ชพก.’ แท็กทีม ผู้สมัคร กทม. ลงพื้นที่วัดระฆังฯ - วังหลัง ชาวบ้าน ลั่น!! อยากให้ ‘กรณ์’ เป็นนายกฯ ช่วย ปชช.ปลดหนี้

(22 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ประกอบด้วย นายศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา, นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล, นายธนาวุฒิ  รัศมีฉาย, พ.ต.อ. ทศพล โชติคุตร์, นายสงกรานต์ พงษ์พันนา, นายวรนัยน์ วาณิชกะ, นายพรชัย มาระเนตร์, นางสาววิเวียน จุลมนต์ ลงพื้นที่เพื่อช่วยนายกฤษณ์ สุริยผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย และ นางสาวอรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา ว่าที่ผู้สมัครเขตภาษีเจริญ-บางกอกใหญ่ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ ท่าน้ำวังหลัง วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างเดินหาเสียง มีชาวบ้านออกมาให้กำลังใจนายกรณ์ และทีมผู้สมัคร กันอย่างคึกคัก พร้อมกับพูดว่า อยากได้นายกรณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเชื่อมั่นใจในความเป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ ที่จะสามารถปลดหนี้ ปลดสิน ให้กับประชาชน จะได้หมดทุกข์และมีความสุขกับเขาเสียที

‘กรณ์’ เผยโฉม 4 ผู้บริหารมากด้วยประสบการณ์ ลงสมัคร ส.ส. ชิงชัยในสนามกรุงเทพฯ

(24 มี.ค.66) พรรคชาติพัฒนากล้า ทยอยเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพมหานครเขตต่าง ๆ ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนมีนาคมนี้ หลายฝ่ายจับตาโดยเฉพาะเขตใจกลางเมืองเศรษฐกิจ ที่ต้องคัดขุนพลที่มีความรู้ความสามารถได้รับการยอมรับ มาลงชิงชัย 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าส่ง 4 ผู้สมัคร ซึ่งเป็นคนที่พรรคคัดสรรแล้วว่าเหมาะสมที่สุด ลงในเขตใจกลางเมือง เริ่มจาก นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน หรือ โด้เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ คร่ำหวอดในวงการธุรกิจบริหารสินทรัพย์มากว่า 10 ปี ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ดีกรีอดีตผู้บริหารบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำ มาลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่เขต สาทร ปทุมวัน ราชเทวี  

คนที่ 2 นายปรัชญา อึ้งรังษี หรือ ต๋อง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางคอแหลม ยานนาวา ดีกรีจบปริญญาโท วิศวะ จากสหรัฐอเมริกา และเป็นวิศวกร ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน ที่ประสบความสำเร็จ จากการนำเข้าอาหารแช่เข็ง ส่งทั่วประเทศ นอกจากนี้นายปรัชญา ยังจบนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เป็นปริญญาอีกใบ ก่อนตัดสินใจลงเล่นการเมือง ในนามพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นครั้งแรก โดยเจ้าตัวสนใจพิเศษในเรื่องการผลักดันนโยบายลดขั้นตอนที่ล่าช้าและการคอร์รัปชัน จากการปฏิบัติงานส่วนราชการของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของพรรคชาติพัฒนากล้า

‘กรณ์’ งัดหลักฐาน จวก ‘รัฐฯ’ เข้าข้างนายทุน เอาเปรียบ ปชช. ขึ้นค่าไฟแพงมหาโหด ในช่วงที่อากาศร้อนจัดที่สุดของปี

(25 มี.ค. 66) ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ รัชดาภิเษก นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตเศรษฐกิจชั้นใน ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน เขตสาทร ปทุมวัน-ราชเทวี, นายปรัชญา อึ้งรังษี เขตยานนาวา-บางคอแหลม และ นายปรินต์ ทองปุสสะ เขตวัฒนา-คลองเตย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีจะมีการขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า ทุกคนรู้ดีว่าในช่วงหน้าร้อนคนไทยใช้ไฟเพิ่มสูงมากกว่าปกติ ค่าไฟโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นพีคทุกครัวเรือน แต่รัฐฯ ยังประกาศจะขึ้นค่าไฟ ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งหนึ่งในต้นตอสำคัญทำให้สินค้าราคาสูงขึ้นคือ ต้นทุนพลังงาน เราเสนอแนวนโยบายที่ชัดเจนที่จะแก้ปัญหา คือต้องรื้อโครงสร้างพลังงาน แต่ล่าสุดสิ่งที่ทำให้เราตกใจมาก กับการประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งพิจารณาภายใต้นโยบายที่ส่งต่อมาจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในภาคครัวเรือนจากหน่วยละ 4.72 บาท เพิ่มเป็นหน่วยละ 4.77 บาท แต่กลับลดราคาให้ภาคอุตสาหกรรมจากหน่วยละ 5.33 บาท ลดลง เหลือ 4.77 บาท

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุของการปรับค่าไฟฟ้าครั้งนี้คือ การปรับค่าเอฟที โดยภาคประชาชนมีการปรับค่าเอฟทีขึ้น 5% แต่กลับลดให้ภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 30กว่า% จากตัวเลขดังกล่าว พวกเราเห็นแล้วถึงกับอึ้งกับแนวนโยบายการกำหนดค่าไฟแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับลำเอียงเข้าข้างภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป

นอกจากนี้ เรายังไม่เห็นตรรกะความจำเป็น ที่ต้องปรับค่าไฟแบบนี้ เพราะหากดูตามข้อเท็จจริง ต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้า คือ ราคาก๊าซ LNG ในอดีต เราไม่เดือดร้อนมากเพราะสามารถใช้ก๊าซจากอ่าวไทยได้ แต่ปัจจุบันปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลง เราจึงต้องนำเข้าก๊าซ LNG  ซึ่งราคาก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ จากที่พีคสุด 70 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ลดลงเหลือ 11 เหรียญ ต่อล้านบีทียู หรืออย่างมากไม่เกิน 30 เหรียญต่อล้านบีทียู

คำถามคือ แล้วทำไมต้องปรับเพิ่ม หรือถ้ามองในมิติของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งท่านก็ทราบว่าการนำเข้า บาทยิ่งแข็งยิ่งทำให้สามารถนำเข้าในอัตราที่ถูกลง และปัจจุบันค่าเงินบาทก็แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 34 บาท ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยของต้นทุนก๊าซ หรืออัตราแลกเปลี่ยน ก็ล้วนแต่มีภาระลดลง

‘กรณ์’ ร่วมดีเบตเวที จ.สงขลา ยก ‘จูรี’ เป็นโรลโมเดล ปลุกความหวัง-สร้างโอกาส เติมเต็มรอยยิ้มให้คนใต้

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 66) ที่จังหวัดสงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมเวทีดีเบต ‘อนาคตประเทศไทย’ โดยมี 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสงขลา ได้แก่ นายจูรี นุ่มแก้ว, นายกัณฑ์ นวกัณฑ์, รศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ และนายพงศธร สุวรรณรักษา ร่วมให้กำลังใจ พร้อมด้วยกองเชียร์มาร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์กันอย่างคึกคัก ซึ่งแม้ว่าจะมาจากต่างพรรคการเมือง แต่ส่วนใหญ่มาทักทายและรุมขอถ่ายรูปกับจูรี ขวัญใจคนใต้กันอย่างเนืองแน่น

โดยนายกรณ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า โดยส่วนตัวมีความรักผูกพันกับพี่น้องชาว จ.สงขลา และเพิ่งเข้าร่วมกิจกรรมว่ายน้ำข้ามทะเลสาบสงขลาไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการว่ายต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เพื่อร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ จ.สงขลา ทั้งนี้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เรามียุทธศาสตร์สำคัญที่จะทำให้คนใต้ทุกคนมีโอกาสร่ำรวยเหมือนคนที่ชื่อ ‘จูรี นุ่มแก้ว’ ดาวติ๊กต่อก ภาคใต้ หนึ่งในว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน คุณสมบัติเด่นของจูรี คือ รอยยิ้ม ยิ้มได้เพราะได้ทำงานที่ดี มีเงินในกระเป๋า มีรายได้เพียงพอ ต่อราคาสินค้าที่สูงขึ้นทุกวัน พรรคชาติพัฒนากล้าจะมาเติมรอยยิ้มให้พี่น้องชาวใต้ทุกคน ด้วยการสร้างโอกาสดี มีงานดี มีเงินในกระเป๋า ราคาสินค้าต้องไม่แพง

อย่างไรก็ตาม นอกจากรอยยิ้มแล้ว คุณสมบัติอีกอย่างของจูรี ที่พี่น้องชาวใต้ชื่นชอบ คือ การลงมือทำจริง ในช่วงที่เขาเรียนหนังสือ ขณะนั้น ครอบครัวมีฐานะยากจน จูรีต้องแบกกระสอบข้าวสารในตอนกลางวัน และช่วงค่ำมาทำงานที่เซเว่น เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือ แต่หลังจากที่เขามีโอกาส สร้างรายได้หลายสิบล้าน แต่เมื่อคิดจะซื้อบ้านให้คุณแม่อุไร นุ่มแก้ว ธนาคารกลับไม่อนุมัติ เพราะเขาติดแบล็กลิสต์ในช่วงโควิด แม้ตอนนี้ชำระหนี้หมดแล้ว ก็ยังต้องติดอยู่ในระบบอีก 3 ปี ถึงจะหลุด เรื่องนี้เป็นปัญหาที่พรรคชาติพัฒนากล้าประกาศชัดว่า ต้องแก้ปัญหาให้กับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ ให้มีโอกาสกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบเหมือนกับที่จูรีต้องทำ

‘สุวัจน์-กรณ์’ เปิดตัว 16 ว่าที่ผู้สมัครฯ นครราชสีมา ชพก. พร้อมชู ‘โคราชโนมิกส์’ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

(27 มี.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค พันเอกวินัย สมพงษ์ ที่ปรึกษาพรรค นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายสมบัติ กาญจนวัฒนา รองเลขาธิการรพรรค ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัคร สส.โคราช ทั้ง 16 เขต พร้อมผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยชูนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ เตรียมสู้ศึกการเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.ทั้ง 16 เขต เพราะวันที่ 3 เมษายนนี้จะต้องไปสมัครแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะนําไปสู่การทํา primary vote ภายในอาทิตย์นี้เพื่อให้ถูกต้องถือว่าได้เปิดตัวต่อพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณชาวโคราชที่ได้มาให้การสนับสนุนให้กําลังใจกว่า 2,000 คน และถือโอกาสนี้พาผู้สมัครทั้ง 16 ท่าน ไปแสดงตนต่อหน้าอนุสรณ์สถานพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อที่จะยึดอุดมการณ์ แนวคิดในการทํางานเพื่อรับใช้ชาวโคราชโดยเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติหน้ากล้า มีความมุ่งมั่นที่จะต้องได้ชัยชนะ ที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องทวงแชมป์คืน ต้องกลับมาเป็นแชมป์ที่โคราชให้ได้ เพื่อที่จะได้มาผลักดันโครงการที่สําคัญ ซึ่งได้ประกาศนโยบายไปแล้ว คือ นโยบายโคราชโนมิกส์ ในการที่จะเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา เหมือนที่ท่านพลเอกชาติชายได้เคยสร้างเอาไว้ ซึ่งนโยบายโคราชโนมิกส์นั้น เป็นเรื่องที่จะสร้างโคราช สร้างอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ด้านการลงทุนของประเทศให้ยิ่งใหญ่เหมือนกับตอนที่ท่านชาติชาย เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน แปรสนามรบเป็นสนามการค้าเหมือนภาคสอง 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายที่สําคัญก็คือ การที่จะดึงนักลงทุนต่าง ๆ มาลงทุนโดยอาศัยความได้เปรียบของภูมิรัฐศาสตร์ ฉะนั้น เรื่องระบบการคมนาคม เรื่องการสร้างโคราชให้เป็นเมืองอาหารป้อนโลก โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ต้องพร้อม ซึ่งเรามั่นใจ หลังจากที่ได้เปิดตัวนโยบายโคราชโนมิกส์ไปแล้ว พี่น้องประชาชนจําติดปากแล้วว่าโคราชโนมิกซ์ก็คือ การเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา คือ นโยบายแปรสนามรบ เป็นสนามการค้าภาคที่สอง แต่มาในเวอร์ชั่นของภาคเศรษฐกิจ บวกกับนโยบายโดยภาพรวมทั้งประเทศของพรรคชาติพัฒนากล้า เรื่อง ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ฉะนั้น เรามีความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ต้อง come back ต้องเป็นแชมป์ที่โคราช อย่างแน่นอน เพื่อมาทํางานให้ชาวโคราช

นายสุวัจน์ กล่าวว่า บรรยากาศเรื่องการเลือกตั้งมาได้ดี เพราะตอนนี้มีการแบ่งเขตแล้ว กําหนดวันสมัครแล้ว กําหนดวันเลือกตั้งแล้ว คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คงจะเป็นการเลือกตั้งที่ค่อนข้างที่จะเหมือนกับว่าท้องฟ้าเปิด ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของกติกาก็เป็นเรื่องที่ดีต้องขอบคุณทาง กกต. ด้วย จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของการควบคุมในแง่ operation ในเรื่องของการปฏิบัติในภาคสนามว่าทําอย่างไรที่จะจัดการกับเรื่อง Money Politics หรือการซื้อเสียงหรืออะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

“วันนี้ เปิดตัวผู้สมัครทั้ง 16 เขต เอาขึ้นเวทีมวยชกครบทุกเซต แต่ไม่ใช่ว่าจะไปต่อยไปหาเรื่องกับใคร  พรรคชาติพัฒนากล้าไม่มีเรื่องมีราวกับใครอยู่แล้ว เรามีแต่เพื่อน แต่วันนี้ที่ใช้เวทีมวยเป็นการเปิดตัวเพราะมวยคือ การต่อสู้ วันนี้เราต่อสู้กับปัญหาของประเทศ เรามีผู้สมัคร 16 คน ก็ปัญหาของประเทศมา 16 ข้อ คือ ปัญหาเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ค่าไฟแพง ตกงาน นักท่องเที่ยว ความยากจน น้ำท่วม น้ำแล้ง ที่ดินทํากินของเกษตรกร ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ การลงทุนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ ปัญหาที่เราต้องไฟต์ก็เลยใช้เวทีมวย และให้ผู้สมัครแต่ละคนต่อยกับปัญหา สู้กับปัญหา ฉะนั้น ยืนยันได้ว่าพี่น้องประชาชนมั่นใจในในพรรคชาติพัฒนากล้า ในการเอาจริงเอาจังในเรื่องนโยบายทํางานกันจริง ๆ วันนี้ระดมผู้มีประสบการณ์ หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้รับโอกาสในการเข้าไปทํางานเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เขต 3 เขต 4 ดึงบ้านใหญ่โคกกรวด ตระกูลกาญจนวัฒนา 
‘กำนันเบ้า-สมศักดิ์’ และ ‘สจ.สมบัติ’ ลงสนามนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าค่อนข้างมั่นใจมาก ๆ ทั้งสองท่านอาจจะลงสมัครครั้งแรก แต่คนโคราช รู้จักกัน เป็นอย่างดี เพราะว่าครอบครัวกาญจนวัฒนาตั้งแต่สมัยคุณพ่อท่านกํานันประเสริฐ เป็นกํานันที่ได้รับการยอมรับความเป็นนักพัฒนา แล้วก็ตกมารุ่นลูก คือ กำนันเบ้า-สมศักดิ์ แล้วก็รุ่นหลาน ‘กำนันกาญจนา’ (ลูกสาวกำนันเบ้า) ถือว่าเป็นครอบครัวนักพัฒนาครอบครัวที่อยู่กับพี่น้องประชาชนรู้ปัญหาจริง ๆ ฉะนั้น การที่ทั้งสองท่านได้ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนากล้าต้องขอบคุณทั้งสองท่าน “ผมมั่นใจมากว่าทั้งสองท่านจะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน แล้วจะเป็น ส.ส.ที่ดีเป็นหน้าเป็นตาให้กับเมืองโคราช”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องการเมืองสองขั้วอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า ทางการเมืองของแต่ละพรรคก็เป็นเรื่องแต่ละพรรค แต่สําหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่ได้วาง position หรือวางตนเองว่าเป็นขั้วการเมืองอะไร เราคิดว่าการเมืองวันนี้ต้องพยายามที่จะทำให้เกิดความร่วมมือ ลดความขัดแย้งให้มากที่สุด และให้เกิดความร่วมมือในการทํางานร่วมกัน ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความร่วมมือ การทํางานร่วมกันเพื่อให้พลังทางการเมืองให้เกิดความรู้สึกว่าเราเลือกตั้งมาแล้วการเมืองมีเสถียรภาพ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนากล้า ตอนนี้ก็วางตนเองไว้ว่าวันนี้ให้น้ำหนักกับการเลือกตั้งกับสนามเลือกตั้ง กับผลการเลือกตั้ง การตัดสินใจทางการเมืองอะไรที่เกี่ยวข้องจากนี้ไปก็คงขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง เราต้องเคารพเสียงประชาชน ผลการเลือกตั้งคือเสียงของประชาชน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคชาติพัฒนากล้านั้น ประธานพรรคฯ กล่าวว่า จะมีการทํา ไพรมารีโหวตในเรื่องของส.ส.เขต และส.ส.ปารตี้ลิสเสร็จแล้วก็จะมาตัดสินใจเรื่องใครจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเสนอได้ 3 ท่านอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา มีอยู่แล้วก็ต้องระดมสรรพกําลังกัน ระดมผู้มีประสบการณ์ ระดมความรู้ความสามารถ เพราะบ้านเมืองวิกฤตจริงๆ ก็ต้องระดมกันทุกคนต้องกลับมาช่วยชาติบ้านเมือง กลับมาช่วยพรรคกัน คือสุดท้ายแล้วพี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ก็เชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องเสนอคนที่ดีที่สุดแล้วก็ต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top