Saturday, 20 April 2024
มาเลเซีย

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ลาดตระเวนทางน้ำ ติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย - มาเลเซีย

ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอเหนือ อำเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก ก่อเกียรติ เข็มแดง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ให้การต้อนรับ พลโท สิทธิพงษ์ จันทรัตน์  ผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการระบบ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตาม การดำเนินตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับหน่วยโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ในรายการจัดหาวัสดุสำหรับก่อสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวชายแดน ระยะทาง 6 กิโลเมตร โดยได้รับฟัง การชี้แจงบรรยายสรุปของหน่วยตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย - มาเลเซีย สอบถามปัญกาข้อขัดข้องในการดำเนินงาน

จากนั้น ได้เดินทางต่อไปยัง ด่านศุลกากรตากใบ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อลงเรือลาดตระเวน ตรวจพื้นที่ในการดำเนินการก่อสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 ท่าข้าม ได้แก่ 1. ท่าข้ามบันได 2. ท่าข้ามศรีพงัน 3. ท่าข้ามปะลุกา และ 4.ท่าข้ามกัวลอต๊ะ  โดยโครงการก่อสร้างรั้วชายแดน ไทย-มาเลเชีย เริ่มต้นเมื่อปี 2560โดย พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งในขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส มีเจตนารมณ์ ต้องการให้ สร้างรั้วป้องกันชายแดนขึ้น จึงให้ชุดควบคุม ป้องกันชายแดน เสนอโครงการขึ้นมา เพื่อป้องกันสกัดกั้นยับยั้ง การลักลอบขนย้าย อาวุธ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว สิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ และการคัดกรองบุคคล ตลอดจนการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด -19 หรือ โรคติดต่อ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เพื่อให้พื้นที่ชายแดน มีความมั่นคงปลอดภัยความต้องการงบประมาณที่เสนอขอ ประกอบด้วย 4 รายการ ได้แก่ 1.การก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่ง ระยะทาง 7.528 กิโลเมตร 2. การสร้างรั้วตาข่าย ระยะทาง 15 กิโลเมตร  3. การสร้างฐานปฏิบัติการย่อย จำนวน 3 ฐาน และ 4 รั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ ระยะทาง 6 กิโลเมตร

โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการ วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาให้ผ่านจำนวน 2 รายการ ได้แก่ การก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทาง 7.528 กิโลเมตร และรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ระยะทาง 6 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งจ่ายในปีงบประมาณปี 2565 -2567

โดย หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสได้จัดกำลังพลลงพื้นที่ เพื่อพบปะ สร้างความเข้าใจ ถึงเหตุผลและความจำเป็น ในการก่อสร้างรั้วชายแดน และให้ลงนามในหนังสือยินยอม ให้ก่อสร้างรั้วชายแดนในที่ดินของตนซึ่งมีผู้ที่มีที่ดินติดแนวชายแดน จำนวน 293 ราย ได้ยินยอมให้สร้างรั้วชายแดนเพราะเข้าใจในสภาพปัญหาในพื้นที่ และรับทราบว่าในการสร้างรั้วชายแดน ได้เปิดช่องทางบริเวณจุดผ่อนปรนให้สามารถเดินทางเข้า-ออก ตามวิถีชีวิตของประชาชน ตามแนวชายแดน และเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ประชาชนที่มีที่ดิน ติดแนวชายแดนยินยอมให้สร้างรั้วชายแดน คือ การที่แนวชายแดน ด้านประเทศมาเลเซียได้สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งตลอดแนวชายแดนทำให้ตลิ่งฝั่งไทยถูกกัดเซาะมาอย่างยาวนาน

 

มาเลเซีย เปิดตัว ‘ถุงยางยูนิเซ็กซ์’ ใช้ได้ทั้งชาย-หญิง ตัวแรกของโลก

แพทย์ชาวมาเลเซียคิดค้นถุงยางอนามัยแบบ “ยูนิเซ็กซ์” ตัวแรกของโลก โดยทำจากวัสดุเกรดการแพทย์ และสามารถสวมใส่ทั้งหญิงและชาย

นพ.จอห์น ถัง อิง ชินห์ (John Tang Ing Chinh) สูตินรีแพทย์ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท Twin Catalyst ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ในมาเลเซีย ระบุว่า ถุงยางแบบยูนิเซ็กซ์ “วันดาลีฟ” (Wondaleaf) ตัวนี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาวะทางเพศสำหรับผู้คนทุกกลุ่ม และทุกรสนิยมทางเพศ

ถุงยางชนิดนี้ผลิตจากโพลียูริเทนคุณภาพสูง มีความบาง ยืดหยุ่น แข็งแรง และสามารถกันน้ำได้ดี

“เมื่อสวมใส่แล้ว คุณจะแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีมันอยู่” นพ. ถัง ระบุ

มาเลเซีย พบผู้ติดเชื้อ Omicron รายแรก เผยเดินทางมาจากแอฟริกาใต้ 2 สัปดาห์ก่อน

กัวลาลัมเปอร์ 3 ธ.ค. - มาเลเซียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นนักเรียนต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และออกจากสถานที่กักตัวเพื่อดูอาการเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนหลังกักตัวครบ 10 วัน

นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย เผยวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดซ้ำอีกครั้งในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อช่วงก่อนหน้านี้ หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 

นายจามาลุดดินระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของมาเลเซียเป็นนักเรียนหญิงวัย 19 ปีที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ไม่แสดงอาการ และได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส โดยมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกเมื่อเดินทางถึงมาเลเซียในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จากนั้น นักเรียนคนดังกล่าวได้เข้าสู่มาตรการกักตัวเป็นเวลา 10 วัน และครบกำหนดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน

ผบ.ทหารสูงสุดมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคำนับ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกระชับความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ให้การต้อนรับ พลอากาศเอก Tan Sri Dato’ Sri Haji Affendi bin Buang (ตัน ซรี ดาโตะ ซรี ฮัจญี อัฟเฟนดิ บิน บวง) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองทัพไทย ระหว่างวันที่ 7 ถึง 10 มีนาคม​  2565 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย 

ทั้งนี้​ พลอากาศเอก Tan Sri Dato’ Sri Haji Affendi bin Buang ได้ร่วมในพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ ตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม 

หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมคำนับ พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยและกองทัพมาเลเซีย โดยได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดีระหว่างกันที่มีพัฒนาการของความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง อาทิ ด้านการฝึก การศึกษา การแลกเปลี่ยนการเยือน ตลอดจนความร่วมมือด้านกิจการชายแดน 

กระชับความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห. ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห.เป็นผู้แทนให้การต้อนรับ พล.อ.อ. Tan Sri Dato’ Sri Haji Affendi bin Buang (ตัน ซรี ดาโตะ ซรี ฮัจญี อัฟเฟนดิ บิน บวง) ผบ.ทสส.มาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของ กองทัพไทย ระหว่าง 7-10 มี.ค.65 

โดยทั้งสองฝ่าย เห็นร่วมกันในการประชุมหารือภายใต้กลไกและกรอบความร่วมมือต่างๆที่มีร่วมกันเพื่อผลักดันให้เกิดความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และผลักดันความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

รมช.กห กล่าวต้อนรับและได้กล่าวถึงความขอบคุณที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห.ได้ส่งไปถึง นรม. ของมาเลเซียที่ได้เดินทางมาพบและได้หารือข้อราชการระหว่างกันอันจะนำไปสู่ความร่วมมือในทุกด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคง ส่วนในด้านการทหาร รมช.กห.ได้ย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศและความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ทางมาเลเซียสนับสนุนไทยเป็นอย่างดีมาตลอด

สุลต่านรัฐยะโฮร์ สุดทน ขู่ ‘แยกประเทศ’ โวยรบ.มาเลเซียผิดสัญญา-จัดสรรงบไม่เป็นธรรม

สุลต่านอิบราฮิม อิสมาอิล เจ้าผู้ครองรัฐยะโฮร์ในมาเลเซีย เอ่ยเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอาจพิจารณา “แยกตัว” ออกจากสหพันธรัฐมาเลเซีย โดยทรงกล่าวหารัฐบาลกลางว่า “ผิดสัญญา” และปฏิบัติต่อรัฐที่มั่งคั่งแห่งนี้อย่าง “ไม่เป็นธรรม”

สุลต่านอิบราฮิม ทรงมีพระดำรัสในพิธีเปิดการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งรัฐยะโฮร์ครั้งที่ 15 เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (16 มิ.ย.) โดยระบุว่า “หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ชาวยะโฮร์อาจเรียกร้องให้มีการแยกตัวออกจากมาเลเซีย เพราะบางทียะโฮร์อาจพัฒนาได้ดีกว่านี้ หากเรายืนหยัดด้วยตัวเอง”

“ข้าพเจ้ารู้สึกว่ารัฐยะโฮร์ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นแค่ลูกเลี้ยง (stepchild) ทั้ง ๆ ที่เราสร้างรายได้ค้ำจุนเศรษฐกิจของประเทศมากเป็นอันดับต้น ๆ”

สุลต่านอิบราฮิมตรัสว่า รัฐยะโฮร์ของพระองค์ส่งเงินรายได้เข้าคลังของรัฐบาลกลางปีละเกือบ 13,000 ล้านริงกิต แต่กลับได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านการพัฒนาจากรัฐบาลเพียงแค่ 4,600 ล้านริงกิตในปีนี้

พระองค์เอ่ยถึงโครงสร้างพื้นฐานของรัฐยะโฮร์ที่เริ่มเก่าแก่ทรุดโทรมและไม่ได้รับงบประมาณดูแลเท่าที่ควร เช่น โรงพยาบาลสุลตานาห์อามีนะห์, โรงพยาบาลสุลต่านอิสมาอีล รวมถึงด่านศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองสุลต่านอิสกันดาร์ (Sultan Iskandar Customs, Immigration and Quarantine (CIQ))

'ฤทธิ์ ลือชา' โชว์เติมน้ำมันที่มาเลเซีย ลิตรละ 16.4 บาท ถูกจนอยากขับรถเล่นทั้งวัน

(4 ก.ค.65) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ฤทธิ์ ลือชา’ โพสต์ภาพขณะเติมน้ำมัน โดยระบุข้อความว่า…

เติมเองก็ได้วะ! ถ้ามันถูกขนาดนี้! ที่มาเลย์วันนี้ลงจากรถไปเติมน้ำมันไห้เห็นกันจะ ๆ ไปเลย! 
 

มาเลเซีย ส่อเกิดวิกฤตการศึกษา หลังเด็กจบมัธยม 72% ไม่สนใจเรียนต่อ

สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งมาเลเซีย (ASM) ได้ทำการสำรวจความเห็นของนักเรียนมาเลเซีย ถึงเป้าหมายในการเรียนหลังจบ ระดับมัธยมศึกษา พบว่ามีนักเรียนมาเลเซียกว่า 390,000 จากจำนวน 560,000 หรือราว ๆ 72.1% ตอบว่าไม่สนใจที่จะเรียนต่อแล้ว แต่ต้องการเริ่มอาชีพอิสระ เช่นการทำคอนเทนท์ Online หรือ เป็น YouTuber มากกว่า จึงมีนักเรียนเพียง 170,000 คน ที่ยืนยันว่าจะเรียนต่อในชั้นเรียนระดับสูงอย่างแน่นอนเท่านั้น 

3 สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กนักเรียนมาเลเซีย ช่วงอายุระหว่าง 17-18 ปี สนใจเรียนต่อในระดับสูงน้อยลงมาก คือ 

1. การขยายตัวของ Gig Economy หรือระบบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากงานแบบครั้งคราว ที่มักเรียกว่ากลุ่มงานฟรีแลนซ์ งานรับจ้างเป็นชิ้น ๆ ที่ไม่มีสัญญาผูกมัดระยะยาว ที่ตรงกับค่านิยมของหนุ่มสาวยุคใหม่ ที่รักอิสระ เน้นทำงานเฉพาะทางที่อยากทำจริง ๆ 

2. จึงตามมาด้วยเหตุผลที่ 2 คืออิทธิพลของสื่อโซเชียลที่กำลังมาแรง และมีโอกาสสร้างรายได้มหาศาล กลายเป็นแรงจูงใจให้เด็กรุ่นใหม่เลือกเดินสายอาชีพ Influencer, Youtuber, Streamer หรือการขายของทางออนไลน์ ซึ่งเป็นอาชีพที่สามารถทำได้ทันที ไม่จำกัดวัย และวุฒิการศึกษา 

3. ความเชื่อว่า วุฒิการศึกษาระดับสูงในปัจจุบันไม่สามารถการันตีรายได้ในอนาคต อีกทั้งการเรียนต่อในระดับวิชาชีพขั้นสูง หรือ ในมหาวิทยาลัยก็มีค่าใช้จ่ายสูง ที่บางหลักสูตรไม่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดแรงงานของยุคนี้อีกแล้ว

นอกจากนี้ กระทรวงการศึกษาของมาเลเซียยังเปิดเผยว่า ยังมีเด็กมาเลเซียอีกถึง 5.8% ที่ไม่เคยเข้าระบบการศึกษาภาคบังคับ หรือมีโอกาสเรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน

The Star สื่อยักษ์ใหญ่ของมาเลเซียชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเรียนมาเลเซียจำนวนมากเลิกเรียนกลางคัน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่จบระดับมัธยมด้วยซ้ำ มาจากปัญหาความยากจน ระบบการศึกษาที่เน้นผลสัมฤทธิ์จากการสอบมากเกินไป และ นักเรียนไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาในระดับสูงอีกต่อไปแล้วนั่นเอง 

ดาโต๊ะ เสรี แอดฮาม บาบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี และนวัตกรรม แสดงความเป็นห่วงที่เห็นตัวเลขนักเรียนมาเลเซียจำนวนมาก ไม่สนใจจะเรียนต่อในระดับการศึกษาขั้นสูงหลังสอบจบ Sijil Pelajaran หรือวุฒิมัธยมศึกษาระดับพื้นฐานของมาเลเซีย ซึ่งหากตัวเลขที่ได้จากผลสำรวจนี้สะท้อนความเห็นของนักเรียนมัธยมส่วนใหญ่ของมาเลเซียจริง ๆ อาจไม่เป็นผลดีกับการพัฒนาประเทศในระยะยาว

อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งมาเลเซียไม่รอด เจอคุก 10 ปี ข้อหาติดสินบน หลังสามีโดนฟันในคดี 1MDB

รซมะฮ์ มันโซร์ ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรี นายิบ ราซัค ถูกศาลมาเลเซีย ตัดสินจำคุก 10 ปี และปรับเงินอีก 970 ล้านริงกิต (7.9 พันล้านบาท) ด้วยข้อหารับสินบน ในช่วงระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากที่นาย นายิบ ราซัค ถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 12 ปีในข้อหาคอร์รัปชั่นในคดี 1MDB

รซมะฮ์ มันโซร์ อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของมาเลเซีย วัย 70 ปี ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีรับสินบนถึง 3 คดี ในการเอื้อผลประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน Jepak Holdings ชนะการประมูลโครงการพัฒนาพลังงานโซลาร์แนวผสมผสาน ที่มีวัตถุประสงค์ที่จะผลิตพลังงานให้กับโรงเรียนมากกว่าร้อยแห่งทั่วรัฐซาลาวัค ซึ่งเป็นโครงการมีมูลค่าสูงถึง 1.25 พันล้านริงกิต ในช่วงที่ นายิบ ราซัค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

อัยการอ้างว่าพบวงเงินสินบนมูลค่า 187.5 ล้านริงกิต กับหลักฐานการรับเงินสินบนอีก 6.5 ล้านริงกิต จากเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่ชนะการประมูลโครงการพลังงานโซลาร์ ซึ่งนาง รซมะฮ์ มันโซร์ ปฏิเสธว่า เป็นความผิดของผู้ช่วยของเธอ และเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้รับโครงการ แต่ศาลไม่เชื่อ และกล่าวว่าข้ออ้างของเธอเลื่อนลอย และไร้หลักฐาน 

ก่อนหน้าที่จะมีคำตัดสินในวันนี้ ทีมกฏหมายของนาง รซมะฮ์ มันโซร์ พยายามที่จะยื่นคำร้องขอเปลี่ยนตัวทีมผู้พิพากษา โดยระบุว่ามีเอกสารคำตัดสินรั่วไหลออกมาทางออนไลน์ ที่ระบุว่าเธอมีความผิด ซึ่งเป็นการชี้มูลความผิดล่วงหน้า ซึ่งไม่เป็นธรรมกับคดีของเธอ แต่คำร้องถูกปฏิเสธ โดยกล่าวว่าทีมอัยการได้พิสูจน์คดีอย่างใช้วิจารณญาณอันสมเหตุผลแล้ว

ชาวเน็ตถกเถียง!! ปูเสื่อกินข้าวกลางสนามบินเหมาะสมหรือ? บ้างบอกทำได้ไม่เป็นไร บ้างบอกนี่คือสนามบินไม่ใช่ที่ปิกนิก

คลิปไวรัลบนทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นภาพสมาชิกครอบครัวหนึ่งกำลังปูเสื่อรับประทานอาหารร่วมกันที่สนามบินแห่งหนึ่งในมาเลเซีย กำลังได้รับความสนใจจากผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก และก่อข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางว่ามันมีความเหมาะสมหรือไม่

วิดีโอหนึ่งซึ่งเบื้องต้นอัปโหลดบนติ๊กต็อก ซึ่งเวลานี้ถูกลบไปแล้ว แต่มันโหมกระพือประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางบนทวิตเตอร์ ในคลิปเขียนคำบรรยายว่า "แคมปิ้งบนชายหาด❌ แคมปิ้งที่สนามบิน✅" อยู่ตรงกลางภาพครอบครัวหนึ่งกำลังปูเสื่อล้อมวงนั่งรับประทานอาหารในสนามบิน

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ซึ่งอัปโหลดวิดีโอ ได้จัดทำผลสำรวจความคิดเห็นของผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งผลปรากฏว่ามีถึง 73% ที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของครอบครัวนี้ ส่วนที่เหลือไม่มีปัญหาใดๆ กับพฤติกรรมของพวกเขา บางส่วนเชื่อว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ขวางทางการสัญจรผ่านไปมาและก่อความวุ่นวายแก่บริเวณดังกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top