Saturday, 4 May 2024
สีจิ้นผิง

'สี จิ้นผิง' เซ็นปลด 'ฉิน กัง' พ้น รมต.ต่างประเทศ  พร้อมตั้ง 'หวัง อี้' คืนตำแหน่ง พาน กงเซิ่งนั่งผู้ว่าแบงก์ฯ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติระดับสูงของจีน ได้ลงคะแนนเสียงแต่งตั้งหวังอี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และพานกงเซิ่งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน

มติที่ได้รับการรับรอง ณ การประชุมครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการถาวรประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 14 ระบุว่าฉินกังถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน ส่วนอี้กังถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อบังคับใช้มติดังกล่าว

จ้าวเล่อจี้ ประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ เป็นประธานการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเปิดการประชุมเมื่อเช้าวันอังคาร (25 ก.ค.)

มีการพิจารณาร่างกฎหมายอาชญากรรม (Criminal Law) ฉบับแก้ไข ณ ที่ประชุมครั้งนี้ด้วย

ร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขดังกล่าวมุ่งเน้นการดำเนินการตามหลักการของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และนโยบายเกี่ยวกับการต่อสู้การทุจริตและการคุ้มครองผู้ประกอบการเอกชนอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย

ขณะเดียวกันร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขนี้ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับอาชญากรรมด้านการเสนอสินบน รวมถึงการทุจริตที่กระทำการโดยบุคลากรผู้ประกอบการเอกชน

เมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร (25 ก.ค.) จ้าวเป็นประธานการประชุมสภาคณะประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ ก่อนปิดการประชุมครั้งนี้

อนึ่ง การประชุมแบบปิดครั้งนี้ ซึ่งเข้าร่วมโดยสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ จำนวน 169 คน ได้อนุมัติการแต่งตั้งและการปลดบุคลากรข้างต้น

ทั้งนี้ ก่อนหน้ามีข่าวว่านาย ฉิน กัง วัย 57 ปี อดีตที่ปรึกษาของสีจิ้นผิงและเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศจีนเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ฉินได้หายตัวอย่างปริศนาไปจากสาธารณะนับจากวันที่ 25 มิ.ย. ระหว่างนี้ยังมีการมอบหมายให้ นาย หวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียระหว่างวันที่ 11-14 ก.ค. ที่ผ่านมา (แทนที่จะเป็นฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน) ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา อาทิ ฉินกังป่วยหนัก และข่าวลือเรื่องอื้อฉาวชู้สาวกับนักข่าวพิธีกรรายการโทรทัศน์คนดังคือนางฟู่เสี่ยวเถียน

จับตา 'สี จิ้นผิง' สั่งกองทัพจีนเตรียมพร้อมรบตะวันตก ชี้!! ไม่ถึงขั้นสงครามครั้งที่ 3 แต่ปะทุจากพิกัดเฉพาะจุด 

(26 ก.ค. 66) ตามรายงานของเกียวโดนิวส์ สื่อมวลชนญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค.66) ได้เผยว่า ก่อนหน้านี้ หากยังพอจำกันได้ ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน เคยบอกกับบรรดาผู้นำกองทัพระหว่างการประชุมหนึ่งเมื่อปี 2020 ด้วยการผงาดขึ้นมาของจีนและการเสื่อมถอยของตะวันตก ปักกิ่งจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามระหว่าง 2 ฝ่าย

โดยคำกล่าวนั้น อ้างอิงเอกสารจากการประชุมระหว่าง สี กับ คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สื่อมวลชนญี่ปุ่นอ้างว่า สี ได้ประกาศกับที่ประชุมว่า “ตะวันออกกำลังผงาด และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย”

ท่ามกลางดุลอำนาจที่เปลี่ยนไปนี้ สี คาดการณ์ว่าความขัดแย้งระดับท้องถิ่นจะปะทุขึ้นและลุกลามบานปลาย อย่างไรก็ตาม ในการสันนิษฐานครั้งนั้นเขาตัดความเป็นไปได้ของสงครามโลกครั้งที่ 3 ทั้งนี้ไม่ชัดเจนว่าในตอนนั้น สี มองว่าความขัดแย้งจะมีต้นกำเนิดที่ใด แต่สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ เชื่อว่าผู้นำจีนมองไต้หวัน ในฐานะล่อแหลมที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด

รายงานข่าวระบุว่า เอกสารเหล่านี้ผ่านการเรียบเรียงหลังการประชุมเมื่อปี 2020 และส่งไปยังบรรดาผู้บัญชาการทหารจีนและพวกเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว รัสเซีย ได้สู้รบกับสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เรียกว่า “กลไกทางทหารตะวันตกทั้งมวล” ในยูเครนไปแล้ว ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน ทวีความร้อนแรงมาถึงจุดเดือด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกา พูดซ้ำๆ ว่าเขาจะปกป้องเกาะแห่งนี้ ที่จีนกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนด้วยกำลังทหาร

การประชุมของสี และคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เกิดขึ้นก่อนหน้ารัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครนราวปีเศษๆ และในตอนนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ง่วนอยู่กับการทำสงครามการค้ากับปักกิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจยังไม่ถึงจุดต่ำสุดเหมือนเช่นปัจจุบันภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน
.
โดยไม่คำนึงถึงเรื่องดังกล่าว รายงานข่าวระบุว่า สี เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่กองทัพจีนต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่จะระเบิดขึ้นและปฏิกิริยาลูกโซ่ของมัน และสั่งให้พวกผู้บัญชาการกองทัพ "เตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่องสำหรับปกป้องอธิปไตยของจีนและผลประโยชน์แห่งชาติ"

คำสั่งของสี เกิดขึ้นระหว่างการประชุมลับ แต่บ่อยครั้งที่ผู้นำจีนมักพูดแบบเดียวกันต่อที่สาธารณะ เขาเคยออกคำสั่งให้ทหาร “ฝึกฝนเสริมความเข้มแข็งอย่างครอบคลุม เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม" ระหว่างการเดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาการแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว และในเดือนเมษายน เขาบอกกับกำลังพลให้มุ่งเน้นการฝึกฝนไปที่ “การสู้รบจริง” ในการปกป้อง “อธิปไตยเหนือเขตแดนและผลประโยชน์ทางทะเลของจีน”

เด็กหญิงชนเผ่าอี๋ร้องเพลงให้ 'สี จิ้นผิง' ฟังอีกครั้ง พร้อมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่ได้พบกัน

ไม่นานมานี้ เพจ 'ลึกชัดกับผิงผิง' ได้โพสต์เรื่องราวของเด็กหญิงชนเผ่าอี๋ที่เคยร้องเพลงให้ 'สี จิ้นผิง' ฟังเมื่อ 5 ปีก่อน และครั้งนี้เธอได้กลับมาร้องเพลงต่อหน้าผู้นำจีนอีกครั้ง ภายใต้คุณภาพชีวิตที่แตกต่างไป ว่า...

#สังคม #จีน
เด็กหญิงชนเผ่าอี๋ที่เคยร้องเพลงให้คุณปู่สี จิ้นผิงฟัง

งานกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อนครั้งที่ 31 เปิดฉากขึ้นที่เมืองเฉิงตูมณฑลเสฉวนภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อค่ำวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เด็กหญิงชนเผ่าอี๋คนหนึ่งชื่อจี๋เห่าเหยากั่ว (吉好有果) เป็น สมาชิกวงนักร้องประสานเสียงนักเรียน ขึ้นเวทีกลางสนามกีฬา ร้องเพลง ‘ธงชาติสวยจริงๆ’ ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนนั่งชมอยู่บนอัฒจรรย์

จี๋เห่าเหยากั่วอายุ 15 ปี เธอคุ้นกับเพลงนี้มากเพราะเมื่อ 5 ปีก่อน เธอเคยร้องเพลงนี้ให้คุณปู่สี จิ้นผิงฟัง

บ้านเกิดของจี๋เห่าเหยากั่วอยู่ที่หมู่บ้านซานเหอ เขตปกครองตนเองชนชาติอี๋เหลียงซาน มณฑลเสฉวน เขตปกครองตนเองชนชาติอี๋เหลียงซานเป็นหนึ่งในเขตชนบทที่ยากจนพิเศษของจีน แต่ก่อนที่หมู่บ้านซานเหอ ชาวบ้านล้วนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเตี้ยๆ ที่ก่อด้วยดินจากรุ่นสู่รุ่น

ช่วงก่อนวันตรุษจีนปี 2018 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่หมู่บ้านซานเหอ และเข้าไปในบ้านชาวนา 2 ครัวเรือนเพื่อถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ อาชีพ รายได้ ตลอดจนเด็กได้เข้าเรียนหรือไม่  

เวลานั้นเด็กหญิงจี๋เห่าเหยากั่วอายุ 10 ขวบ เธอได้ร้องเพลง ‘ธงชาติสวยจริงๆ’ ให้คุณปู่สีฟัง คุณปู่สีปรบมือและชมว่า “ร้องได้ดีมาก”

เวลาผ่านไป 5 ปี จี๋เห่าเหยากั่วโตขึ้น เธอเป็นเด็กร่าเริง ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอด เมื่อทบทวนประสบการณ์หลายปีก่อน  เธอยังคงตื่นเต้นและกล่าวว่า “วันนั้นมิอาจลืมได้ หนูยังจำคำพูดของคุณปู่สีได้แม่นว่า พยายามเรียนดีๆ หลังโตขึ้นแล้วเดินออกจากภูเขาเหลียงซานไปดูโลกที่กว้างใหญ่”

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านซานเหอที่จี๋เห่าเหยากั่วอยู่นั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ถนนดินในหมู่บ้านกลายเป็นทางหลวงมาตรฐาน บรรดาชาวบ้านได้ย้ายออกจากบ้านดินเข้าไปอยู่ในชุมชนที่สร้างใหม่ และส่วนใหญ่ได้งานใหม่

ครอบครัวของจี๋เห่าเหยากั่วได้บ้านใหม่เนื้อที่ 100 ตารางเมตร เธอกล่าวว่า “แต่ก่อนเรากินนอนในบ้านที่มีเพียง 1 ห้อง แต่บ้านใหม่ในปัจจุบันมีห้องน้ำห้องครัว และเรายังมีห้องส่วนตัวด้วย”

ปีหลังๆ นี้ เขตปกครองตนเองชนชาติอี๋เหลียงซาน ได้ดำเนินโครงการพ้นความยากจนด้วยการศึกษา โดยสร้างโรงเรียนใหม่กว่า 600 โรงเรียน ขณะเดียวกัน ได้สร้างโรงอนุบาลทุกหมู่บ้าน เพื่อให้เด็กในชนบทเหล่านี้ได้รับการศึกษาเหมือนกับเด็กในเมือง

ปัจจุบัน ชาวนาหมู่บ้านซานเหอยังได้ปลูกพืชพิเศษชนิดต่างๆ เลี้ยงวัวเลี้ยงหมูพันธุ์ดีที่ขายได้ราคาสูง และหมู่บ้านซานเหอยังได้รับการปรับปรุงให้เป็นเหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม

จี๋เห่าเหยากั่วกล่าวว่า “ต้นเดือนกรกฎาคม เมื่อครูบอกกับหนูว่าจะมีโอกาสได้ไปร้องเพลงในพิธีเปิดงานกีฬามหาวิทยาลัยโลก หนูตื่นเต้นดีใจมาก เพลง 'ธงชาติสวยจริงๆ' เพลงนี้มีความหมายพิเศษ เป็นเพลงที่หนูชอบมากที่สุด หนูรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถเป็นตัวแทนหมู่บ้านและชนเผ่าอี๋ ขึ้นร้องเพลงบนเวทีงานกีฬามหาวิทยาลัยโลก”

'สีจิ้นผิง' เดินทางถึงแอฟริกาใต้ เข้าร่วมประชุมสุดยอด BRICS ด้าน 'ไซริล รามาโฟซา' ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ต้อนรับอย่างอบอุ่น

(22 ส.ค.66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางถึงนครโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ เมื่อวันจันทร์ (21 ส.ค.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS Summit) ครั้งที่ 15 และเยือนแอฟริกาใต้อย่างเป็นทางการ

ไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ พร้อมด้วยนาเลดี แพนดอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของแอฟริกาใต้ และโนซาซานา คลาริซ ดลามินี-ซูมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรี เยาวชน และคนพิการของแอฟริกาใต้ ได้ต้อนรับสีจิ้นผิงอย่างอบอุ่น ณ ท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ แห่งโจฮันเนสเบิร์ก

ประธานาธิบดีรามาโฟซาต้อนรับสีจิ้นผิงอย่างอบอุ่นสำหรับการเยือนแอฟริกาใต้อย่างเป็นทางการ สีจิ้นผิงกล่าวว่าเขาดีใจที่ได้เดินทางเยือนแอฟริกาใต้อีกครั้ง และหวังจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกกับรามาโฟซาในด้านการกระชับความสัมพันธ์จีน-แอฟริกาใต้ และประเด็นที่สนใจร่วมกัน

‘สี จิ้นผิง’ รับเครื่องอิสริยาภรณ์ จาก ‘ปธน.ไซริล รามาโฟซา’ ตอกย้ำความร่วมมือพันธมิตร ‘จีน-แอฟริกาใต้’ อันแน่นแฟ้น

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, พริทอเรีย รายงานว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์แห่งแอฟริกาใต้ (Order of South Africa) จากไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ณ นครพริทอเรีย

พิธีมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ดังกล่าว มีขึ้นหลังจากสี จิ้นผิงประชุมร่วมกับรามาโฟซาระหว่างการเยือนแอฟริกาใต้อย่างเป็นทางการ ซึ่งเขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศบริกส์ ครั้งที่ 15 และเป็นประธานการเสวนาคณะผู้นำจีน-แอฟริกา ร่วมกับรามาโฟซา

สี จิ้นผิงกล่าวว่า ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-แอฟริกาใต้ได้เข้าสู่ยุคทอง โดยความไว้วางใจซึ่งกันและกันทางการเมือง ระหว่างสองฝ่ายเดินหน้าลึกซึ้งยิ่งขึ้น และความร่วมมือเชิงปฏิบัติที่ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ในหลากหลายด้านผลิดอกออกผลมากมาย

ทั้งสองประเทศได้รักษาการประสานงานและความร่วมมือใกล้ชิดในกิจการระหว่างประเทศ ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาและการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีส่วนส่งเสริมเชิงบวกต่อการคุ้มครองผลประโยชน์ร่วมของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

สี จิ้นผิงสำทับว่าไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทั้งสองฝ่ายจะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือฉันมิตรระดับทวิภาคีให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงกล่าวว่าเขาจะสงวนรักษาเครื่องอิสริยาภรณ์นี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศ พร้อมแสดงคำมั่นเดินหน้าผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-แอฟริกาใต้อย่างแน่วแน่

แบ่งปันกันยิ่งใหญ่!!

(2 ก.ย.66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนจะแบ่งปันความสำเร็จของการขับเคลื่อนการสร้างความทันสมัยของจีน ขณะดำเนินความพยายามร่วมกันกับนานาประเทศทั่วโลก ในการนำพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่เส้นทางการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

อนึ่ง สี จิ้นผิง กล่าวคำข้างต้นขณะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดการค้าภาคบริการโลกของงานมหกรรมการค้า ภาคบริการนานาชาติแห่งประเทศจีน (CIFTIS) ประจำปี 2023 ผ่านทางระบบวิดีโอ

สี จิ้นผิง กล่าวว่า “จีนจะทำงานเพื่อขยายอุปสงค์ภายในประเทศ เร่งการสร้างตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ดำเนินแผนริเริ่มเพื่อเพิ่มการนำเข้าบริการที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการส่งออกบริการที่อาศัยองค์ความรู้มากขึ้น”

สี จิ้นผิง ระบุว่า จีนจะอัดฉีดแรงผลักดันใหม่สู่การพัฒนาระดับโลก ด้วยโอกาสที่เกิดจากตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน รวมถึงส่งมอบการบริการของจีนที่ดีขึ้นและมากขึ้นแก่โลก ผ่านการพัฒนาคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงผลประโยชน์ของผู้คนทั่วโลก

‘ไบเดน’ ปฏิเสธความพยายามโดดเดี่ยว - ควบคุมจีน อ้าง!! แค่ต้องการรักษาเสถียรภาพ - กฎระเบียบสากล

(12 ก.ย. 66) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าสหรัฐฯ ไม่ได้พยายามโดดเดี่ยวหรือควบคุมจีน ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เรียกร้องกองทัพให้มีความพร้อมอยู่เสมอ และยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จีนกำลังเปลี่ยนกฎเกณฑ์ แต่ไบเดนไม่ได้บอกว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวคืออะไร ในระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ไบเดนยังกล่าวด้วยว่าเขาได้พบปะนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน ในการประชุมสุดยอดประจำปี G20 ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียก่อนหน้านี้

ไบเดนกล่าวอีกว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะควบคุมหรือโดดเดี่ยวจีน เพียงแต่สหรัฐฯ ต้องการรักษาเสถียรภาพตามกฎเกณฑ์และระเบียบสากล อีกทั้งไบเดนต้องการเห็นจีนประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจภายใต้กฎระเบียบสากล

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เรียกร้องให้กองทัพอยู่ในความพร้อมระหว่างตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ศูนย์ใหญ่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบตัวแทนของกองทัพ และถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นผู้นำจีนชื่นชมกองทัพและสารวัตรทหาร ซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างกล้าหาญในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในภูมิภาคทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของจีน 
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชื่นชมทหารที่ทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสร้างภาพพจน์ที่ดีให้แก่กองทัพ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้กองทัพยกระดับการเตรียมความพร้อม รวมถึงการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบ พร้อมย้ำถึงการสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง และมีเอกภาพ

‘จีน’ ฉุน!! ‘รมว.ตปท.เยอรมนี’ เรียก ‘สี จิ้นผิง’ ว่า “จอมเผด็จการ” ชี้ เป็นความคิดที่ไร้สาระ-ละเมิดศักดิ์ศรี-ยั่วยุทางการเมืองชัดเจน

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 66 ‘จีน’ ตำหนิ ‘อันนาเลนา แบร์บ็อค’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีอย่างดุเดือด หลังเรียกประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ เป็น ‘เผด็จการ’ โดยตราหน้าความคิดเห็นดังกล่าวว่าเป็น ‘การยั่วยุทางการเมืองอย่างเปิดเผย’ ที่ไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง

ปักกิ่งคือคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี แต่เยอรมนีเผยแพร่นโยบายใหม่ในเดือนกรกฎาคม ลดพึ่งพาและหันมาประชันขันแข่งกับจีนแน่วแน่กว่าเดิม หลังจากใช้เวลาถกเถียงกันภายในรัฐบาลมานานหลายปีเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ที่จะใช้กับจีน

แบร์บ็อค ซึ่งเป็นผู้ผลักดันให้เยอรมนีใช้แนวทางสายแข็งกร้าวยิ่งขึ้นกับจีน แสดงความคิดเห็นเรียก สี จิ้นผิง เป็นเผด็จการ ขณะให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ระหว่างเดินทางเยือนสหรัฐฯ

ในระหว่างให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสงครามยูเครน เธอบอกว่า “หากปูตินชนะในสงครามนี้ มันจะเป็นสัญญาณสำหรับพวกเผด็จการคนอื่นๆ ในโลกใบนี้ อย่างเช่น สี จิ้นผิง อย่างเช่นประธานาธิบดีจีน หรือไม่? ดังนั้น เพราะฉะนั้น ยูเครนจำเป็นต้องชนะในสงครามนี้”

จีนเคลื่อนไหวตอบโต้ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา บอกว่าพวกเขานั้น “ไม่พอใจอย่างมาก” และได้แสดงออกอย่างจริงจังไปถึงฝ่ายเยอรมนีผ่านช่องทางทางการทูตต่างๆ เรียบร้อยแล้ว

“ความคิดเห็นนี้ไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง และล่วงละเมิดศักดิ์ศรีทางการเมืองของจีนอย่างร้ายแรง และเป็นการยั่วยุทางการเมืองอย่างเปิดเผย” เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวัน

คณะรัฐมนตรีเยอรมนีให้การอนุมัติแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับจีน ซึ่งเป็นเอกสารความยาว 64 หน้า เมื่อเดือน ก.ค. โดยเน้นย้ำในแผนยุทธศาสตร์ว่า ต้องการรักษาความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนกับจีนต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ต้องการลดการพึ่งพาจีนในภาคอุตสาหกรรมสำคัญ ด้วยการสร้างห่วงโซ่อุปทานให้หลากหลายขึ้น เพื่อเป้าหมายคือการลดความเสี่ยง มิใช่การตัดขาดจากห่วงโซ่เศรษฐกิจของจีนเสียทีเดียว

นโยบายใหม่เกี่ยวกับจีนของเยอรมนี เป็นการรักษาสมดุลระหว่าง 2 จุดยืนที่แตกต่างกันภายในรัฐบาลผสม โดยเรียกปักกิ่งเป็นทั้ง “คู่หู คู่แข่งขัน และคู่ปรับในเชิงระบบ”

แบร์บ็อค จากพรรคกรีนส์ ผลักดันให้ใช้แนวทางแข็งกร้าวกับจีน และให้ความสำคัญอย่างยิ่งในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ส่วน ‘โอลาฟ โชลซ์’ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จากพรรคโซเชียล เดโมแครต สนับสนุนให้ใช้ท่าทีที่เป็นมิตรทางการค้ามากกว่า

‘ปูติน’ เตรียมเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง พบ ‘สี จิ้นผิง’ ตุลาฯ นี้ นับเป็นทริปนอกประเทศครั้งแรก หลังถูก ‘ไอซีซี’ ออกหมายจับ

(19 ก.ย. 66) ทางการรัสเซียประกาศแล้วว่าประธานาธิบดี ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ของรัสเซีย จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อพบปะพูดคุยกับประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ของจีน ซึ่งจะนับเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกเท่าที่รับรู้ของปูติน หลังจากที่เขาถูกศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ออกหมายจับในข้อกล่าวหา ‘ก่ออาชญากรรมสงคราม’ จากการเนรเทศเด็กๆ ชาวยูเครนไปรัสเซีย

“ในเดือนตุลาคม เราตั้งตารอการเจรจาทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในกรุงปักกิ่ง” นายนิโคไล ปาทรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงของรัสเซีย กล่าวถึงแผนการเยือนดังกล่าว หลังการหารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ที่กรุงมอสโก

นายปาทรูเชฟ กล่าวอีกว่า รัสเซียต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีน “รัสเซียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและกระชับความสัมพันธ์รัสเซีย-จีนให้ก้าวหน้า” พร้อมเสริมว่ามหาอำนาจทั้งสองเป็นหุ้นส่วนและมีความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างกัน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินจะมาร่วมการประชุมความริเริ่มแถบและเส้นทางครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสี ที่มีขึ้นในระหว่างที่ผู้นำจีนเดินทางเยือนกรุงมอสโก เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้าที่นายสีจะเดินทางเยือนมอสโกในครั้งนั้นเพียงไม่กี่วัน ศาลไอซีซี ได้ออกหมายจับปูติน กรณีการเนรเทศเด็กชาวยูเครนจำนวนหลายร้อยคนจากยูเครนไปรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัสเซียปฏิเสธ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top