Friday, 3 May 2024
สงคราม

'ปูติน' พร้อมฉีกสัญญาซื้อ-ขายก๊าซกับชาติตะวันตก ย้ำคำเดิมรับเฉพาะ 'เงินรูเบิล' เท่านั้น

วันนี้เป็นวันที่สงครามเศรษฐกิจตึงเครียดมาก เมื่อผู้นำรัสเซียออกคำสั่งรับชำระค่าก๊าซเป็นเงินรูเบิลเท่านั้น ตอบโต้ชาติยุโรปที่ใช้มาตรการลงโทษกับตน ประกาศกร้าวพร้อมฉีกสัญญา หยุดส่งก๊าซ

ผู้นำรัสเซียนำอาวุธหนักออกรบในสงครามเศรษฐกิจ ประกาศพร้อมที่จะฉีกสัญญาซื้อขายก๊าซกับประเทศที่ไม่เป็นมิตรในวันนี้ หากผู้ซื้อไม่จ่ายเงินเป็นเงินรูเบิล ตามคำสั่งของนาย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ใครที่ต้องการซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียต้องเปิดบัญชีกับธนาคารของรัสเซียโดยใช้เงินสกุลรูเบิลชำระเงินเท่านั้น เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในเมื่อชาติตะวันตกใช้ระบบการเงินมาเป็นอาวุธทำร้ายรัสเซีย อายัดทรัพย์สินในรูปเงินดอลลาร์และยูโร ดังนั้นรัสเซียก็จะไม่ยอมรับเงินตะวันตกอีกแล้ว หากไม่ใช่รูเบิล สัญญาซื้อขายใดๆ ต้องล้มเลิกไป

สินค้าพลังงานเป็นปัจจัยทางยุทธศาสตร์ ที่ทำให้หลายชาติเกรงใจรัสเซียมานาน ยุโรปพึ่งพาก๊าซร้อยละ 40 จากรัสเซีย มูลค่าซื้อขายต่อวันระหว่าง 7,000 - 30,000 ล้านบาท สื่อรัฐบาลรัสเซีย ชี้รัฐบาลยังเล็งใช้มาตรการรูเบิลแบบเดียวกันนี้กับสินค้าอื่นๆ ด้วย

ชาติยักษ์ใหญ่ในยุโรปที่พึ่งพาก๊าซรัสเซียสูงที่สุด อย่างเยอรมนี ยกความศักดิ์สิทธิ์ของสัญญา ยืนยันว่าจะจ่ายค่าก๊าซเป็นเงินยูโรตามที่ตกลงไว้เท่านั้น รัฐมนตรีคลังของเยอรมนี หารือและเห็นพ้องกับรัฐมนตรีของฝรั่งเศส สัญญาต้องเป็นสัญญา เรื่องพลังงานไม่อาจนำมาใช้ข่มขู่ทางการเมือง สื่อของรัสเซียเตือนด้วยว่า หากไม่ทำตามเศรษฐกิจยุโรปอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ในส่วนของรัสเซีย แม้รายได้จะหายไปก็สามารถหันไปหาเอเชียแทนได้

สงครามเศรษฐกิจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า กำลังเป็นปัญหาการเมืองทำลายความนิยม ผู้นำสหรัฐจึงงัดมาตรการนำน้ำมันจากคลังปิโตรเลียมสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาใช้วันละ 1 ล้านบาร์เรล เป็นเวลา 6 เดือน เป็นปริมาณสูงที่สุดในรอบ 50 ปี เพื่อบรรเทาปัญหาและดึงราคาน้ำมันให้ลดลง

‘เซเลนสกี’ ปัดตอบส่ง ฮ. ยิงถล่มคลังน้ำมันรัสเซีย ด้านปูตินสั่งยกระดับป้องกันชายแดนตะวันตก

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนปฏิเสธที่จะให้คำตอบว่าเป็นผู้สั่งยิงถล่มคลังน้ำมันรัสเซียในเมืองเบลโกร็อด (Belgorod) หรือไม่ ขณะที่รัสเซียประกาศเสริมกำลังป้องกันชายแดนด้านตะวันตกเพื่อสกัดการโจมตีในอนาคต

แม้การเจรจาสันติภาพระหว่างเจ้าหน้าที่ยูเครนกับรัสเซียจะเกิดขึ้นอีกครั้งผ่านระบบวิดีโอลิงก์ แต่ทำเนียบเครมลินเตือนว่าเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ยิงโจมตีคลังน้ำมันที่เบลโกร็อด อาจจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันลำบากขึ้น

รัฐบาลเคียฟไม่ขอยอมรับหรือปฏิเสธว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้หรือไม่ โดย เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับสื่อฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ ว่า “ขอโทษด้วย ผมไม่ขอชี้แจงเรื่องคำสั่งต่างๆ ที่ผมได้สั่งการไปในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด (commander in chief)”

กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวหายูเครนว่าส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำบินในระดับต่ำเข้ามาในเขตแดนของรัสเซีย ก่อนจะยิงมิสไซล์ถล่มคลังน้ำมันที่เมืองเบลโกร็อด ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนอยู่เครนประมาณ 35 กิโลเมตร เมื่อเวลาราว 5.00 น. ของวันที่ 1 เม.ย.

ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นแสงสว่างวาบคล้ายขีปนาวุธถูกยิงในระดับที่ต่ำมาก ก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้น

ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้รุนแรง และต้องมีการอพยพประชาชนบางส่วนออกนอกพื้นที่ ทว่า อันตอน อิวานอฟ นายกเทศมนตรีเมืองเบลโกร็อด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถดับไฟลงได้ทั้งหมดแล้ว

“ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ต่อชีวิตและสุขภาพ ประชาชนทุกคนสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้” อิวานอฟ แถลงผ่านสื่อออนไลน์

บริษัทน้ำมัน รอสเนฟต์ (Rosneft) ซึ่งเป็นเจ้าของคลังน้ำมันยืนยันว่า ไม่มีผู้บาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า คลังน้ำมันแห่งนี้ใช้ประโยชน์ในด้านพลเรือนเท่านั้น

'แองเจลิน่า โจลี' เยือนชาวเมือง Lviv ในยูเครน ด้านชาวเน็ตเสียงแตก ถกถาม "เธอสมควรไปหรือ?!"

รอยเตอร์รายงานว่า นักแสดงฮอลลีวูด แองเจลินา โจลี เยือนเมืองลวีฟทางตะวันตกยูเครนเมื่อวันเสาร์ โดยไปที่สถานีเพื่อพบปะผู้คนที่พลัดถิ่นจากสงครามกับรัสเซีย ก่อนออกเดินทางในภายหลังหลังจากเสียงไซเรนโจมตีทางอากาศดังขึ้น

โจลี วัย 46 ปี เป็นทูตพิเศษของหน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ซึ่งระบุว่า มีผู้อพยพมากกว่า 12.7 ล้านคนในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 30% ของประชากรก่อนสงครามในยูเครน

ในระหว่างการเยี่ยมชมสถานี โจลีได้พบกับอาสาสมัครที่ทำงานกับผู้พลัดถิ่น ซึ่งบอกกับเธอว่าจิตแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่แต่ละคนได้พูดคุยกับคนประมาณ 15 คนต่อวัน อาสาสมัครหลายคนในสถานีเป็นเด็กอายุตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี

“พวกเขาคงช็อค ... ฉันรู้ว่าการบาดเจ็บส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างไร ฉันรู้ว่ามีคนแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสำคัญมากเพียงใด เสียงของพวกเขามีความสำคัญเพียงใด ฉันรู้ว่าการรักษานั้นเป็นอย่างไรสำหรับพวกเขา” โจลี กล่าว

มีอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างที่เธอไปที่สถานี เธอจั๊กจี้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดแดง ซึ่งหัวเราะออกมาด้วยความยินดี เธอยังถ่ายรูปร่วมกับอาสาสมัครและเด็กบางคนอีกด้วย

ต่อมา ไซเรนโจมตีทางอากาศเริ่มส่งเสียง โจลีและผู้ช่วยของเธอเดินออกจากสถานีอย่างรวดเร็วและขึ้นรถที่รออยู่

เมื่อเดือนที่แล้ว ในบทบาทของเธอในฐานะทูตพิเศษ โจลีได้ไปเยือนเยเมน ซึ่งผู้คนนับล้านต้องพลัดถิ่นจากสงคราม

แม้ว่าโจลีจะเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหลายแห่งแล้วในฐานะทูตพิเศษของหน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ แต่การเดินทางไปยูเครนของเธอทำให้เกิดประเด็นถกเถียงในวงกว้าง โดยเฉพาะในสื่อของโลกตะวันตก

เช่น BBC News ที่ไม่น่ามีดรามาก็มีดรามาเกิดขึ้นเพราะกรณีนี้ เช่น ท็อปเมนต์บอกกับ BBC News ว่า "แองเจลินา โจลีเริ่มการโปรโมทของเธออีกครั้ง" นั่น... ผมแก้ไขพาดหัวข่าวให้คุณแล้ว" แต่อีกท็อปเมนต์โต้ว่า "ขอบคุณ แองเจลินา โจลีสำหรับงานด้านมนุษยธรรมของคุณ พวกที่แสดงความเกลียดชังทุกคนในโพสต์นี้ทำอะไรเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อช่วยยูเครนกันล้างล่ะ?"

ปูตินเตือน!! รัสเซียจะโจมตีหนักขึ้น หากตะวันตกส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน

สำนักข่าว TASS รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า หากมีการจัดหาขีปนาวุธดังกล่าวปูตินกล่าวว่า "เราจะโจมตีเป้าหมายที่เรายังไม่ได้โจมตี" ปูตินในระหว่างการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของรัฐ Rossiya-1

ปูตินไม่ได้ระบุเป้าหมายที่รัสเซียวางแผนจะติดตามหากประเทศตะวันตกเริ่มส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับยูเครน เขากล่าวว่า "ความยุ่งยาก" เกี่ยวกับการจัดหาอาวุธของชาติตะวันตกที่ส่งไปยังยูเครน ถูกวางแผนมาเพื่อทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อออกไป

ยูเครนกำลังค้นหาระบบปล่อยจรวดหลายเครื่อง (MLRS) เช่น M270 และ M142 HIMARS เพื่อโจมตีกองทหารและคลังอาวุธที่ด้านหลังของกองกำลังรัสเซีย

‘Lord West’ แห่ง Spithead ส่งคำเตือนถึงกองทัพอังกฤษว่า ‘อ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องประเทศจากผู้รุกรานได้’

 

ปัจจุบันคนไทยส่วนหนึ่งมักเอ่ยอ้างว่า การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการรักษาอธิปไตยของชาติไม่จำเป็นแล้ว ด้วยสมัยนี้ไม่มีใครรบกันแล้ว แต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจนกลายเป็นสงคราม ทำให้สังคมต้องกลับมาคิดทบทวนถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ สำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังที่อดีตผู้บัญชาการทหารเรืออังกฤษได้กล่าวเตือนรัฐบาลอังกฤษในรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร

Lord West แห่ง Spithead (พลเรือเอก Sir Alan William John West) อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙

Lord West แห่ง Spithead (พลเรือเอก Sir Alan William John West) ได้กล่าวเตือนว่า กองทัพของสหราชอาณาจักรอ่อนแอเกินกว่าที่จะป้องกันประเทศในกรณีที่เกิดความขัดแย้งที่ต้องมีการใช้กองกำลังติดอาวุธ จากการประเมินของ Lord West แห่ง Spithead ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙ ได้เน้นย้ำถึงการเพิ่มงบประมาณทางทหารที่ไม่เพียงพอ อันเป็นปัญหาที่สะสมเรื้อรังมานาน โดยเขาบอกว่า งบประมาณในปัจจุบันนั้น "น้อยเกินไป"

Lord West แห่ง Spithead (พลเรือเอก Sir Alan William John West) อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙

Lord West กล่าวว่า 'อาจจะ' เกิดสงครามขึ้นได้ในอนาคต แต่กองทัพอังกฤษ 'ขาดอุปกรณ์และกำลังพลในระดับที่จะทำให้ประเทศมีความมั่นคง' เขากล่าวในฐานะสมาชิกสภาขุนนาง (House of Lords) ในรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร (UK Parliament) ณ พระราชวัง Westminster ในขณะที่มีการถกเถียงกันในรัฐสภาถึงผลกระทบจากความขัดแย้งในยูเครนหลังจากการบุกของรัสเซีย ซึ่งนำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น


Ben Wallace รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม อดีตร้อยเอกแห่งกองทัพบกสหราชอาณาจักร ผู้ซึ่งจบจากราชวิทยาลัยการทหาร Sandhurst

เดือนมีนาคมที่ผ่านมา Ben Wallace รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม อดีตร้อยเอกแห่งกองทัพบกสหราชอาณาจักร ผู้ซึ่งจบจากราชวิทยาลัยการทหาร Sandhurst ได้ประกาศว่า กองทัพอังกฤษจะมีการลดกำลังทหารลง ๑๐,๐๐๐ นาย โดยอ้างว่า เทคโนโลยีใหม่มี 'ผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเพราะกำลังพลเพียงไม่กี่นายก็สามารถควบคุมปฏิบัติการทางทหารได้แล้ว' ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการสั่นคลอนครั้งใหญ่ต่อกองทัพอังกฤษ รัฐมนตรีกลาโหม Wallace ยังกล่าวด้วยว่า กำลังทหารของกองทัพบกอังกฤษโดยรวมจะลดลงเหลือ ๗๒,๕๐๐ นาย ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว

Lord West ขณะแถลงในรัฐสภา ด้วยฐานะสมาชิกแห่งสภาขุนนาง (House of Lords)

Lord West แถลงในรัฐสภาว่า “แม้จะมีความตั้งใจในทุกรูปแบบ แต่งบประมาณในการป้องกันประเทศก็ยังขาดแคลนซึ่งเป็นมาหลายปีแล้ว และเมื่อมองต่อไปยังอนาคต การขาดแคลนงบประมาณก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยสมมติฐานที่ว่า ‘เป็นการประหยัดที่มีประสิทธิภาพ’ ซึ่งเป็นเรื่องที่โกหกหลอกลวง เพราะการประหยัดที่มีประสิทธิภาพไม่มีทางเกิดขึ้นได้ และไม่มีจริง การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการป้องกันประเทศอย่างชัดเจนเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับรัฐบาลในสังคมของเราที่อบอุ่นและมั่นคง แต่เหตุผลที่เราสามารถอยู่ในสังคมที่อบอุ่นและมั่นคงได้ ก็เพราะว่าเราใช้จ่ายงบประมาณในการป้องกันประเทศ” 

“คำกล่าวที่ว่า สงครามไม่ได้แพ้ชนะกันในสนามรบ แต่แพ้ชนะกันด้วยการสร้างขีดความสามารถทางการทหารไว้ล่วงหน้า นั้นเป็นความจริง โดยเฉพาะเมื่อศัตรูสังเกตเห็น ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมไม่ให้เกิดสงคราม ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณ”


“พวกเราหลายคนได้เคยเตือนถึงการขาดแคลนงบประมาณที่เรื้อรังต่อเนื่องมายาวนาน แต่เราได้รับการบอกตอบครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ‘เราคิดผิด’ ซึ่งความจริงก็คือกองกำลังติดอาวุธของเราอ่อนแอเกินกว่าที่จะป้องกันประเทศจากสงครามได้...และหากมีสงคราม เกรงว่า สักวันพวกเขาอาจจะขาดแคลนอาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังพลในระดับที่จะให้ประเทศของเราปลอดภัย และกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศในปัจจุบันของเรามีขนาดเล็กเกินไป พวกเขาขาดแคลนทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อให้เพียงพอสำหรับอัตราการใช้ในสงครามที่จะสูงอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การลดขนาดของกองทัพเป็น ‘ขั้นตอนที่เร็วเกินไป’ ” Lord West กล่าวในรัฐสภา

'ทรัมป์' เตือน!! อาวุธที่สหรัฐฯ มอบให้ยูเครน อาจบานปลายสู่ 'สงครามโลกครั้งที่ 3'

ความช่วยเหลือด้านการทหารอันมากมายเกินขอบเขตที่ทางสหรัฐฯ มอบแก่เคียฟ อาจก่อผลลัพธ์ลากความขัดแย้งในยูเครนลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 จากคำเตือนของ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีอเมริกา

"เรามีสงครามในยูเครน และบางทีมันอาจกำลังมุ่งหน้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 สืบเนื่องจากแนวทางที่เรากำลังบริหารจัดการมัน" ทรัมป์พูดเตือนระหว่างกล่าวปราศรัยกับที่ประชุมหนึ่งในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี เมื่อวันศุกร์ (17 มิ.ย.)

"เราเพิ่งมอบเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจาก 16,000 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นเราทุ่มเงินไปทั้งหมด 56,000 ล้านดอลลาร์" ทรัมป์กล่าวพาดพิงถึงแพกเกจช่วยเหลือของรัฐบาลไบเดน ที่อนุมัติมอบแก่ยูเครน ท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย

"แต่หากคุณมองไปที่ยุโรป เยอรมนี ฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ เหล่านั้นทั้งหมด พวกเขามอบเงินแค่เศษเล็กๆ เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เรากำลังมอบให้ เรากำลังมอบความช่วยเหลือ 56,000 ล้านดอลลาร์ พวกเขาให้เงินช่วยเหลือแค่ไม่กี่พันล้านดอลลาร์ และพวกเขาก็เป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน"

‘รัฐบาลสหรัฐฯ’ พร้อมหนุน ‘ยูเครน’ สู้รัสเซียสุดกำลัง แต่ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ อยากให้เจรจายุติสงคราม

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Thailand Vision’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และกองทัพสหรัฐฯ โดยระบุข้อความว่า…

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กับกองทัพสหรัฐฯ กำลังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันสุดขั้ว ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศกับยูเครน โดยคณะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงประจำเทียบขาว และกระทรวงต่างประเทศ ต้องการสนับสนุนให้ยูเครนสู้รบกับรัสเซียต่อไป ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯ มองว่าควรผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงคราม

กองทัพสหรัฐฯ นำโดย พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ (Gen. Mark Milley) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสหรัฐฯ ได้พยายามเสนอนโยบายการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งผบ.สส.สหรัฐฯ ท่านนี้ พยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวมาตลอดเกือบทั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

‘อียู’ เสนอยึดทรัพย์รัสเซียที่ถูกอายัด ชดเชยความเสียหายแก่ยูเครน

(1 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผยว่าเมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอแผนการยึดทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด เพื่อชดเชยความเสียหายแก่ยูเครนที่เกิดจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน

แถลงการณ์จากอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดจะถูกมอบให้ยูเครน ‘เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดกับประเทศ’ ซึ่งมีการประเมินอยู่ที่ราว 6 แสนล้านยูโร (ประมาณ 21.87 ล้านล้านบาท)

ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ปิดกั้นเงินสำรองของธนาคารกลางรัสเซีย จำนวน 3 แสนล้านยูโร (ราว 10.93 ล้านล้านบาท) และอายัดเงินของอภิมหาเศรษฐีรัสเซีย จำนวน 1.9 หมื่นล้านยูโร (ราว 6.92 แสนล้านบาท)

'สหรัฐฯ' ปราม 'ยูเครน' ไม่หนุนโจมตีภายในแผ่นดินรัสเซีย หลังฐานทัพเขตชั้นในรัสเซียถูกถล่ม คาดฝีมือเคียฟ

เมื่อวันอังคาร (6 ธ.ค.) ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ระบุไม่สนับสนุนยูเครน ในการโจมตีเข้าใส่ดินแดนรัสเซีย หลังเกิดเหตุยิงถล่มฐานทัพหลายแห่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ชั้นในของรัสเซียลึกเข้าไปจากชายแดนหลายร้อยกิโลเมตร และถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นฝีมือของเคียฟ

"เราทั้งไม่สนับสนุนและไม่ได้เปิดทางให้ยูเครนโจมตีภายใต้ดินแดนของรัสเซีย" แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว "แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่ายูเครน ใช้ชีวิตผ่านพ้นไปทุกๆ วันกับการรุกรานของรัสเซีย" เขากล่าว โดยกล่าวหารัสเซียกำลังใช้ฤดูหนาวเป็นอาวุธ ผ่านการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน

บลิงเคน ประกาศว่า "เรามีความมุ่งมั่นสร้างความมั่นใจว่าพวกเขา เช่นเดียวกับพันธมิตรอื่น ๆ มากมายทั่วโลก จะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับป้องกันตนเองอยู่ในมือ เพื่อปกป้องดินแดนของพวกเขา เพื่อปกป้องเสรีภาพของพวกเขา"

พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ายูเครนเจาะน่านฟ้าของรัสเซียด้วยโดรนดั้งเดิมยุคสมัยสหภาพโซเวียต ไม่ใช่อาวุธใด ๆ จากความช่วยเหลือด้านการทหารหลายพันล้านดอลลาร์ที่ได้รับมอบจากตะวันตก นับตั้งแต่ถูกมอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์

ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ บลิงเคน หลังพูดคุยหารือกับบรรดารัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย ว่าวอชิงตันจะไม่ห้ามยูเครนจากการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลด้วยตนเอง "คำตอบสั้น ๆ คือ ไม่ แน่นอนว่าเราจะไม่ทำเช่นนั้น เราจะไม่หาทางขัดขวางยูเครนจากการพัฒนาศักยภาพของตนเอง"

รัสเซียเผยว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย และเครื่องบินได้รับความเสียหาย 3 ลำในเหตุโจมตีฐานทัพ 3 แห่งที่อยู่ลึกภายในดินแดนของพวกเขาเมื่อวันจันทร์ (5 ธ.ค.)

ก่อนหน้านี้ เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับเหตุโดรนโจมตีในดินแดนรัสเซีย โดยเขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ จัดหาโดรนเหล่านั้นแก่ยูเครนหรือไม่ ซึ่งเคียฟเองก็ไม่ได้กล่าวอ้างความรับผิดชอบใด ๆ ต่อเหตุโจมตีดังกล่าว

"เราจัดหาแก่ยูเครน ในสิ่งที่จำเป็นสำหรับใช้ในดินแดนอธิปไตยของพวกเขา ในแผ่นดินยูเครน เพื่อจัดการกับผู้รุกรานรัสเซีย" ไพรซ์กล่าว ขณะเดียวกันเขาก็ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวหนึ่งของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่อ้างว่าอเมริกาปรับแก้ระบบ HIMARS ที่ส่งมอบแก่ยูเครน ระบบจรวดที่ถูกมองว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมในสมรภูมิรบ เพื่อปกป้องไม่ให้เคียฟยิงเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย

ที่ผ่านมา ประธานาธบดีโจ ไบเดน พูดต่อสาธารณะว่าวอชิงตันจะไม่มอบขีปนาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครน ด้วยกังวลว่ามันอาจทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย และผลักให้สหรัฐฯ เผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซียมากยิ่งขึ้น

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เดินทางไปตรวจเยี่ยมทหารที่อยู่ใกล้แนวหน้าทางตะวันออกของประเทศในวันอังคาร (6 ธ.ค.) พร้อมแสดงความขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับความพยายามสู้รบต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย เนื่องในวันกองทัพของประเทศ

หลังจากนั้น เซเลนสกี ได้กล่าวปราศรัยถึงกำลังพล จากทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงเคียฟ โดยเผยว่าเขาใช้เวลาร่วมกับบรรดาทหารในดอนบาส สมรภูมิที่มีการสู้รบหนักหน่วงที่สุด และในแคว้นคาร์คิฟ พื้นที่ที่ยูเครนสามารถทวงดินแดนอย่างกว้างขวางคืนมาจากกองกำลังผู้รุกรานยูเครน

เขากล่าวว่า "ชาวยูเครนหลายพันคนเสียสละชีวิตตนเองเพื่อให้วันนั้นมาถึง วันที่จะไม่เหลือทหารผู้รุกรานในดินแดนของเราแม้แต่คนเดียว และวันที่ประชาชนของเราทั้งหมดจะได้รับการปลดปล่อย" เซเลนสกี ระบุ

นิยามสงครามคือความพ่ายแพ้

ไม่มีใครชนะได้ในสงคราม
แม้ในท่ามยามเจรจาอุตสาหะ
ซากศพที่ทบก่ายคือนัยยะ
กี่ตรรกะก็ไร้ค่าถ้าไม่ยั้ง

สิ่งปรักหักพังยังซ่อมได้
แต่ผู้ที่ล้มตายในหลุมฝัง
คงไม่ฟื้นคืนใหม่ได้กระมัง
เพลงศพดังทั้งโลก ณ ศกนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top