Saturday, 4 May 2024
พรรคชาติพัฒนากล้า

‘ชพก.’ ออกนโยบายใหม่ ‘เศรษฐีเงินล้าน 231 คน ทุกงวด’ ลั่น!! พร้อมรื้อระบบกองสลาก เพิ่มโอกาสถูกรางวัล คืนกำไรให้ ปชช.

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้อัดคลิปลงติ๊กต็อก ให้คอหวยได้เฮ ถึงแนวคิดการเพิ่มเศรษฐีเงินล้าน 231 คนต่องวด โดยระบุว่า…

หน่วยงานของรัฐฯ ที่สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนมากที่สุดคือ ‘กองสลาก’ ขณะเดียวกันก็เป็นหน่วยงานที่ประชาชน 22 ล้านคน พร้อมที่จะฝากความหวังไว้เช่นเดียวกัน ในช่วง 7-8 ปี ที่ผ่านมา รายได้ของกองสลากเพิ่มขึ้นมหาศาล จากที่ 8 ปีก่อนหน้านี้ กองสลากขายลอตเตอรี่เพียงปีละ 37 ล้านใบ แต่วันนี้ขาย 100 ล้านใบ ทำให้รายได้ของกองสลากเพิ่มขึ้นจากกว่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นเกือบ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่การแบ่งสัดส่วนรางวัล ยังอยู่เท่าเดิม ถึงเวลาที่กองสลากจะแบ่งปันรายได้กลับคืนให้กับประชาชนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า รางวัลที่เพิ่มขึ้นมาจากการขายลอตเตอรี่ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังมากขึ้น ทำให้รัฐฯ ประหยัดการจ่ายค่าการตลาดให้กับพ่อค้าคนกลาง วิธีการของพรรคชาติพัฒนากล้า คือ ในทุกงวดเราจะจัดรางวัลให้ทุกจังหวัด ๆ ละ 3 รางวัล ๆ ละ 1 ล้านบาทให้กับผู้ซื้อลอตเตอรี่ ซึ่งผู้ซื้อลอตเตอรี่ที่จะได้รางวัลคือ ผู้ที่เบอร์ 6 ตัว ใกล้กับรางวัลที่ 1 มากที่สุดในจังหวัดนั้น ๆ และการที่เราจะรู้ว่าลอตเตอรี่ของเราเข้าข่ายอยู่ในจังหวัดไหน ก็ต้องซื้อผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพราะในแอปฯ จะมีข้อมูลอัตโนมัติจากข้อมูลบัตรประชาชนที่เราลงทะเบียนไว้

“การซื้อลอตเตอรี่ผ่านแอปฯ เป๋าตังข้อดีคือ ซื้อในราคา 80 บาท ดังนั้น เมื่อรู้แล้วว่าคุณเป็นจังหวัดไหน เมื่อจับรางวัลแต่ละงวด เราสามารถตรวจเช็กอัตโนมัติเลย ว่าเบอร์ของคุณเป็นเบอร์ในจังหวัดของคุณที่ใกล้รางวัลที่ 1 มากที่สุดหรือไม่ เพียงเท่านั้นก็จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ทันที เราจะทำอย่างนี้ทุกงวด ๆ ละ 231 คน เดือนนึง 462 คน ทั้งปี 5,544 คน เพียงเพราะเรามีการจัดแบ่งรายได้ของกองสลาก คืนเป็นรางวัลเพิ่มเติมให้กับพี่น้องประชาชน ในสัดส่วนที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น” นายกรณ์ กล่าว

‘ชพก.’ เปิดปราศรัยแฟลตคลองจั่น อ้อนชาวบ้าน หนุน ‘ธาม’ เข้าสภาฯ ลั่น!! พร้อมทุบทุนผูกขาด กระจายรายได้สู่ฐานราก สร้างโอกาสให้ ปชช.

(4 พ.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค และทีมผู้สมัคร ส.ส.ประกอบด้วย นายพรชัย มาระเนตร์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี ผู้สมัคร เขตลาดพร้าว บึงกุ่ม เบอร์ 3 นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ผู้สมัครเขต พญาไท ดินแดง เบอร์ 11 ลงพื้นที่บางกะปิ เพื่อช่วยนายธาม สมุทรานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.บางกะปิ-วังทองหลาง เบอร์ 8 หาเสียง และจัดเวทีปราศรัยย่อยที่แฟลตคลองจั่น โดยมีผู้สนใจรับฟังเป็นจำนวนมาก

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งสิ้น และมีความตั้งใจที่ตรงกันคือ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่เราจะไม่ทำแบบการเมืองเก่า ตนในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ เติบโตจากธุรกิจเครื่องเขียนห้องแถว ที่เกือบล้มละลาย เติบโตจนเป็นธุรกิจเครื่องเขียนยักษ์ใหญ่มีรายได้หมื่นล้านในเวลา 30 ปี ผ่านมาหลายวิกฤตทั้งในประเทศและนอกประเทศ และยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมอีคอมเมิร์ซขึ้นมา 20 ปี ก่อนได้เตือนรัฐบาลว่าให้สนับสนุนอีคอมเมิร์ซของคนไทยไว้ เพราะไม่เช่นนั้นสักวันเราจะไม่เหลืออยู่เลย

ซึ่งวันนี้ก็เป็นจริง เราสูญเสียเอกราชแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ให้กับต่างชาติไปเป็นที่เรียบร้อย อำนาจอยู่ในมือบริษัทข้ามชาติทั้งสิ้นเขาจะกำหนดเงื่อนไขอย่างไร เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มจองโรงแรม ผู้คิดค้นคนแรก ๆ ของโลกเป็นคนไทย แต่รัฐบาลไทยไม่เข้าใจไปเก็บภาษีเขาแพงทำให้อยู่ไม่ได้ จนต้องขายให้กับ agoda จนปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของโลกไปแล้ว เราต้องสูญเสียรายได้ที่ต้องจ่ายให้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ถึงปีละ แสนกว่าล้านบาท นี่เพียงแพลตฟอร์มเดียว และยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มที่เราสูญเสียไป อย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะเรามีรัฐบาลที่ไม่เข้าใจ

นายวรวุฒิ กล่าวว่า นักธุรกิจไทยเก่งจนต่างชาติยกย่อง เขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศไทยดีทุกอย่างยกเว้นการเมือง เรากลายเป็นคนป่วยของเอเชีย การเติบโตทางเศรษฐกิจของคนไทยถดถอยมาตลอดหลายปี เพราะการเมืองรังแกประเทศ นั่นคือจุดที่เราอยากมาทำงานการเมือง เราเห็นพรรคการเมืองทำหลายเรื่อง แบ่งขั้ว ซ้าย ขวา ความจริงมันไม่มีอะไรซ้ายขวาจริง ๆ ในทางการเมือง สิ่งที่เราต้องกลัวคือ คนขี้โกง พวกนี้ต่างหากที่ทำให้ประเทศมีปัญหา พรรคชาติพัฒนากล้าจึงประกาศชนทุนผูกขาด ที่ไม่เอื้อให้คนตัวเล็กเติบโตลืมตาอ้าปากได้ ทั้งพลังงาน สินเชื่อ ภาษี ตลอดจนระบบราชการ เราจะทำระบบคู่ขนานโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้มีการตรวจสอบโปร่งใส

นอกจากนี้ ยังเราหารายได้จากธุรกิจเฉดสี 5.5 ล้านล้านบาท เราไม่เน้นประชานิยมแจกเงิน เพราะเวลานี้ประเทศเราไม่ได้มีเงินมากมาย และไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตเหมือนช่วงโควิดที่ผ่านมา พรรคเรามีคุณกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคที่มีประสบการณ์ตรงจากการแก้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบทั่วโลกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คุณกรณ์ ก็เคยใช้วิธีการแจกเงิน พร้อมไปกับการกู้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยสามารถพลิกจีดีพีติดลบ 2.7% ขึ้นมา 7.8% ได้ภายใน 1 ปี จนได้รับการยกย่องให้เป็น รมว.คลังโลก และวันนี้เราก็พร้อมนำประสบการณ์มาแก้วิกฤตให้พี่น้องประชาชน

“วันที่ 14 พฤษภาคม ท่านใช้สิทธิของท่านด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ท่านจะเลือกพรรคไหนเราเคารพการตัดสินใจ เพราะเราได้เสนอตัวให้เป็นทางเลือกกับท่านแล้ว แต่อย่าเลือกด้วยความกลัวว่าเลือกคนนี้เพราะกลัวคนนั้นจะมา โดยไม่สนใจนโยบายหรือคุณภาพของตัวบุคคล เราจะเสียโอกาสในการได้ผู้แทนที่ดีเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชน แต่ถ้าอยากได้คนอย่างคุณกรณ์ หรือผม เข้าไปทำงานในสภา 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 14 พรรคชาติพัฒนากล้า” นายวรวุฒิ กล่าว

นายธาม กล่าวว่า ตนเป็นคนรุ่นใหม่อายุ 28 ปี แต่มีประสบการณ์มากพอในการทำธุรกิจ และได้ลงพื้นที่บางกะปิ มานานจนผูกพัน เห็นความยากลำบาก เห็นปัญหาของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในบ้าน มันยิ่งตอกย้ำปมในใจที่ตนได้เสียคุณทวดไป เพราะล้มในบ้านของตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาที่ตนตัดสินใจนำเสนอนโยบาย อารยสถาปัตย์ ซ่อมบ้านให้ผู้สูงอายุและคนพิการ กับนายกรณ์ และเสนอตัวขอลงสมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง เพื่ออาสาเป็นตัวแทนที่จะไปต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตของชีวิตของพี่น้องประชาชน เพราะลำพังเป็นนักธุรกิจบ้านจัดสรรอย่างเดียว แม้จะทำบ้านดี ๆ ให้กับประชาชนได้ แต่ไม่สามารถช่วยในภาพใหญ่ได้ ดังนั้นวันนี้ ไม่ว่าจะเหนื่อย ลำบากแค่ไหนก็จะไม่ท้อ และจะสู้เต็มที่ เพราะถ้าตนชนะ ทุกคนก็จะชนะ เพราะตนทำจริง และก็ดีใจที่นายกรณ์ รับข้อเสนออารยสถาปัตย์เป็นนโยบายหลักของพรรค ที่จะขยายผลซ่อมบ้านให้ผู้สูงอายุและผู้พิการทั่วประเทศ

นายธาม กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนคนธรรมดา คือ ทุนผูกขาด ประเทศเราเคยเป็นประเทศแห่งโอกาส มีคนจีน มุสลิม ตลอดจนคนไทย ได้สร้างเนื้อสร้างตัวในประเทศนี้ได้เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันระบบไม่เอื้อ เพราะเรามีกำแพงเศรษฐกิจจากทุนผูกขาด น้ำมันแพง ไฟแพง ต้นเหตุทุกอย่างแพงหมด กระทบต่อค่าครองชีพ รัฐบาลทำสัญญาซื้อไฟเกินความต้องการ เพราะเอื้อทุนใหญ่ พรรคชาติพัฒนากล้า จะยึดอำนาจจากทุนใหญ่ ทุบทุนผูกขาดทุกรูปแบบ เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน มีบันไดถีบตัวเองให้มีฐานะทางสังคมได้ คนตัวเล็กแข่งขันกับคนตัวใหญ่ได้ พรรคเราไม่มีนโยบายซื้อเสียง ไม่มีประชานิยม แต่แจกโอกาส  ให้ทางประชาชนหารายได้ตั้งตัวได้

‘สุวัจน์’ ลุยขอคะแนนชาวโคราช ชูนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ มั่นใจ!! นโยบายทำคัมแบ๊ก ได้กลับมารับใช้ประชาชน

‘สุวัจน์’ บุกย่านหัวมังกรโคราชชั้นใน มั่นใจ ‘โคราชโนมิกส์’ ถูกใจ ประทับใจคนโคราช

(4 พ.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้าและแคนดิเดตนายกฯ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 5 เขต 1 ลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนชาวโคราช เริ่มตั้งแต่ตลาดเช้า ตลาดหัวรถไฟ และเดินทางต่อไปตามเส้นทางถนนราชดำเนิน ถนนชุมพล ถนนจอมพล ถนนหัวมังกร ถนนเศรษฐกิจหลักของโคราช พบปะกับพ่อค้าแม่ค้าเพื่อนำเสนอนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ โคราชระเบียงเศรษฐกิจ โคราชเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ โคราชเมือผลิตอาหารป้อนโลก โคราชเมืองคมนาคมทันสมัย โคราชน้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง น้ำประปาพอใช้ และปรับโครงสร้างค่าไฟ เพื่อแก้ปัญหาค่าไฟแพง “งานดี มีเงิน ของไม่แพง”

นายสุวัจน์กล่าวว่า การเปิดเวทีปราศรัยได้พบพี่น้องประชาชนมารับฟังการปราศรัยจํานวนมากทุกท่านมีความมั่นใจและชอบนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายเพื่อชาวโคราชโดยเฉพาะ ทําให้มีความรู้สึกว่าเป็นพรรคการเมืองที่เข้าใจและทํางานกับชาวโคราชมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เราใช้ยุทธศาสตร์การเดินเข้าหาพี่น้องประชาชน เน้นเรื่องนโยบายต่าง ๆ วันนี้การเมืองพี่น้องประชาชนอยากฟังนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายในการแก้ไขปัญหา

นายสุวัจน์กล่าวว่า ฉะนั้น ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งเราต้องใช้ยุทธศาสตร์ในการที่จะเข้าหาพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด เน้นนโยบายโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคมีนโยบายทั้งสองอย่างคือนโยบายเศรษฐกิจในการแก้ไขปัญหา “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” และนโยบายให้กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช 'โคราชโนมิกส์' เอาเศรษฐกิจยุคทองกลับมา เอาการลงทุนกลับมา

“โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ โคราชผลิตอาหารป้อนโลก โคราชเมืองคมนาคมทันสมัย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทําให้เรามั่นใจ ยิ่งเดินเท่าไหร่ ยิ่งพบพี่น้องประชาชนเท่าไหร่ การตอบรับดีมากๆ ทําให้เรามั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้าน่าที่จะคัมแบ๊กได้กลับมารับใช้พี่น้องชาวโคราชด้วยเสียงที่ดีกว่าเดิม” แคนดิเดตนายกฯพรรคชาติพัฒนากล้าระบุ

‘กรณ์’ นำทีม ‘ชพก.’ เปิดเวทีปราศรัย อ้อนขอคะแนนชาวสุราษฎร์ธานี ลั่น!! พร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด ทวงความเป็นธรรมให้ประชาชน

‘กรณ์’ นำชาติพัฒนากล้า ปราศรัยสุราษฎร์ธานี ย้ำจุดยืนชนทุนผูกขาด เอาเปรียบประชาชน ลั่น ยกสุราษฎร์เป็นโมเดล ‘บริษัทมหาชนของเกษตรกร’ แห่งแรกของประเทศไทย  

(4 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ธชา จินตวร ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาพรรค ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมเวทีปราศรัยช่วย นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 หาเสียง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขต 2 เบอร์ 8 นายสุพจน์ บานเย็น เขต 4 เบอร์ 9 และ นายวศุธน เรืองขนาบ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 เบอร์ 4 ร่วมปราศรัย โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และร่วมรับฟังปราศรัยอย่างเนืองแน่น 

พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นพรรคเล็กและเป็นพรรคใหม่ แต่เรากล้าชกกับรุ่นเฮฟวี่เวท เรื่องที่เราออกมาสู้ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จนได้รับการยอมรับสะท้อนมาเป็นผลโพลของสุราษฎร์ธานีเขต 1 วันนี้ ที่โพลบี้กับที่ 1 แบบหายใจรดต้นคอ เวลาที่เหลืออยู่อีก 10 วันถือเป็นช่วงสำคัญ โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองและผู้สมัคร ที่หาเสียงแนวสร้างสรรค์ ไม่แจกเงิน เราต้องรักษาสถานะเป็นผู้ท้าชิง ให้เข้าสู่เส้นชัยให้ได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามักได้ยินคำถามเสมอว่าเราอยู่ฝั่งไหน ซ้ายหรือขวา เราตอบไม่แบบอายว่าเรามองข้ามขั้วการเมือง แต่มาสู้กับเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นกลยุทธ์การเมืองของพรรคใหญ่ เพื่อแบ่งประชาชนออกเป็นสองข้าง แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย และยังเป็นอุปสรรคของประเทศในการที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายก เราถูกปรามาสเสมอว่าเราพร้อมเสียบ ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าเป็นพรรครอเสียบก็ต้องสงวนปากสงวนคำอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดเรื่องใหญ่ ไม่ท้าทายใคร แต่เราสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาด มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งมันสวนทางกับพรรครอเสียบ แต่เป็นพรรคที่พร้อมสู้เพื่อความถูกต้องทวงความเป็นธรรมคืนให้พี่น้องประชาชน  

“เราพร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีใครที่พึ่งพาได้เหมือนกับเรา ในการยืนหยัดต่อสู้กับใครก็ตาม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของท่าน ผมมีจุดยืนเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน ก่อนการทำงานการเมือง ด้วยซ้ำ ผมเกลียดที่สุดคือ ทุนผูกขาด เพราะกระทบกับต้นทุนชีวิตประชาชน ครอบงำการเมืองทุกขั้ว เราขอต่อสู้ในแนวทางสร้างสรรค์ ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองแบบนี้เข้าไปทำงานในสภา ท่านไม่ต้องกังวลว่าเลือกเราแล้วจะได้เป็นรัฐบาลไหม ขอให้ท่านเลือกอนุวัตรเบอร์ 4 และพรรคชาติพัฒนากล้าเบอร์ 14 ขอให้เรามี ส.ส.ในสภา จะกี่คนก็ตาม เราพร้อมยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนขอท่านอย่าลังเล” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นโอกาสนิยม ให้คนตัวเล็ก ทำธุรกิจได้ เติบโตได้ แข็งแรง แข่งกันทุนใหญ่ได้ พรรคชาติพัฒนาจึงมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก สนับสนุนเกษตรกรสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร แต่ระบบราชการไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง ไม่เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเติบโต พรรคชาติพัฒนากล้า เราเสนอโครงการ 'บริษัทมหาชนของเกษตรกร' โดยใช้กลไกตลาดทุนมาช่วย เราดึงเกษตรกรมารวมตัวกัน โดยมีเศรษฐีคนไทย และนักลงทุนต่างประเทศ มาสนับสนุนนักบริหารทางการตลาด และหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ แบบนี้เกษตรกรได้ประโยชน์ตั้งแต่ขายราคาพืชผล แปรรูปผลผลิต และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเพื่อพัฒนาสินค้า ถ้าทำแบบนี้เกษตรกรเราไม่จนแน่นอน และโมเดลนี้จะเริ่มที่ จ.สุราษฎร์ธานีเป็นที่แรก เพราะเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ 

นายวรนัยน์ นโยบายประชานิยม จะทำให้ล้มละลายทั้งประเทศ ชุดนโยบายเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพัฒนา คุณภาพชีวิตพัฒนา คือการสร้างโอกาส สร้างความเสมอพรรค หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลแจกเงินไปเท่าไหร่แล้วแต่ ประชาชนจนเหมือนเดิม ถ้าเราอยากมีอนาคต เราต้องมองเรื่องหาเงิน ใครจะมาพัฒนาเศรษฐกิจให้เราได้ สร้างโอกาส ให้อาวุธพวกเราต่อสู้ ไม่ใช่ลืมตาอ้าปาก แต่อิ่มหมีพีมัน อยู่ดีกินดี คนรวยมีไม่กี่คน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าตอบโจทย์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แบบไม่เน้นประชานิยม  

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเรามั่นใจว่าเราเป็นพรรคแห่งความหวัง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน เราพูดได้ชัดเจนตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจทุนใหญ่ เราไม่รับทุนผูกขาด และเป็นพรรคแรกที่ต่อสู้เรื่องพลังงาน และออกมาเตือนรัฐบาลหลายครั้งว่าราคาน้ำมัน ค่าไฟ และข้าวของจะแพงตามมา แต่รัฐบาลไม่ทำ และยังประกาศขึ้นค่าไฟ ซ้ำเติมประชาชน และยังเอา รมว.พลังงานมาเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 ของพรรคลุงอีกมันสะท้อนถึงทุนผูกขาดที่มีอำนาจที่อยู่เหนือการเมือง   

อรรถวิชช์ ไม่มุ่งประชานิยม แต่จะสร้าง 'โอกาสนิยม' ย้ำ!! นโยบายทุกอันต้องเป็นแบบสไนเปอร์

(26 เม.ย. 66) ในรายการเลือกตั้ง 2566 ฟังเสียงคนไทย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ตอบคำถาม ‘ยกระดับรายได้ แก้ปัญหาคนจนเพิ่มอย่างไร’ โดยได้ระบุว่า...

“นโยบายของชาติพัฒนากล้าไม่เน้นแจก และครั้งนี้เสี่ยงมากในทางการเมืองเพราะผมจะไม่ทำนโยบายประชานิยม แต่ผมจะทำนโยบายโอกาสนิยม ซึ่งคำว่าถ้วนหน้าไม่มีสำหรับพรรคนี้ เพราะผมเชื่อว่าคนไม่เท่ากัน คนมีความแตกต่าง”

นายอรรถวิชช์ ได้กล่าวต่อว่า “เพราะฉะนั้นโอกาสที่อยู่ข้างหน้า คนตัวสูงจะเห็นโอกาสชัด แล้วคนตัวเตี้ยเห็นโอกาสไม่ชัด เพราะฉะนั้นนโยบายทุกอันต้องเป็นแบบสไนเปอร์”

นายอรรถวิชช์ ได้ยกตัวอย่างเสริมว่า “1. ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ ให้เปลี่ยนเป็นการคิดคะแนน เช่นต่อไปนี้บัญชีหนังหมา 3 ปี ปกติติดหนี้แล้วจบเลย แต่เที่ยวนี้คิดเป็นคะแนนส่งให้ เอาข้อมูลดีมาใส่ด้วย เอาข้อมูลจากแอปพลิเคชันของรัฐดี ๆ เอามาใส่คำนวณด้วย มันทำให้เกิดการแข่งขันเรื่องอัตราดอกเบี้ย อันนี้ทำให้ดอกเบี้ยถูกลงได้ งบประมาณ 0”

‘กรณ์’ นำทัพ ‘ชพก.’ ลุยปราศรัยขอคะแนนชาวสุราษฎร์ธานี ลั่น!! ไม่ร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายกฯ

(5 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ธชา จินตวร ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาพรรค ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมเวทีปราศรัย เมื่อค่ำวันที่ 4 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ช่วยนายอนุวัตร์ รจิตานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 หาเสียง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขต 2 เบอร์ 8 นายสุพจน์ บานเย็น เขต 4 เบอร์ 9 และ นายวศุธน เรืองขนาบ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 เบอร์ 4 ร่วมปราศรัย โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และร่วมรับฟังปราศรัยอย่างเนืองแน่น 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นพรรคเล็กและเป็นพรรคใหม่ แต่เรากล้าชกกับรุ่นเฮฟวี่เวต เรื่องที่เราออกมาสู้ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จนได้รับการยอมรับสะท้อนมาเป็นผลโพลของสุราษฎร์ธานีเขต 1 วันนี้ที่โพลบี้กับที่ 1 แบบหายใจรดต้นคอ เวลาที่เหลืออยู่อีก 10 วันถือเป็นช่วงสำคัญ โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองและผู้สมัคร ที่หาเสียงแนวสร้างสรรค์ ไม่แจกเงิน เราต้องรักษาสถานะเป็นผู้ท้าชิง ให้เข้าสู่เส้นชัยให้ได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามักได้ยินคำถามเสมอว่าเราอยู่ฝั่งไหน ซ้ายหรือขวา เราตอบไม่แบบอายว่า เรามองข้ามขั้วการเมือง แต่มาสู้กับเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นกลยุทธ์การเมืองของพรรคใหญ่ เพื่อแบ่งประชาชนออกเป็นสองข้าง แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย และยังเป็นอุปสรรคของประเทศในการที่จะเดินต่อไปข้างหน้า 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายก เราถูกปรามาสเสมอว่าเราพร้อมเสียบ ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าเป็นพรรครอเสียบก็ต้องสงวนปากสงวนคำอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดเรื่องใหญ่ ไม่ท้าทายใคร แต่เราสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาด มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งมันสวนทางกับพรรครอเสียบ แต่เป็นพรรคที่พร้อมสู้เพื่อความถูกต้องทวงความเป็นธรรมคืนให้พี่น้องประชาชน  

“เราพร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีใครที่พึ่งพาได้เหมือนกับเรา ในการยืนหยัดต่อสู้กับใครก็ตาม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของท่าน ผมมีจุดยืนเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน ก่อนการทำงานการเมือง ด้วยซ้ำ ผมเกลียดที่สุดคือ ทุนผูกขาด เพราะกระทบกับต้นทุนชีวิตประชาชน ครอบงำการเมืองทุกขั้ว เราขอต่อสู้ในแนวทางสร้างสรรค์ ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองแบบนี้เข้าไปทำงานในสภา ท่านไม่ต้องกังวลว่าเลือกเราแล้วจะได้เป็นรัฐบาลไหม ขอให้ท่านเลือกอนุวัตรเบอร์ 4 และพรรคชาติพัฒนากล้าเบอร์ 14 ขอให้เรามี ส.ส.ในสภา จะกี่คนก็ตาม เราพร้อมยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนขอทุกคนอย่าลังเล” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

ด้านนายวรวุฒิ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นโอกาสนิยม ให้คนตัวเล็ก ทำธุรกิจได้ เติบโตได้ แข็งแรง แข่งกันทุนใหญ่ได้ พรรคชาติพัฒนาจึงมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก สนับสนุนเกษตรกรสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร แต่ระบบราชการไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง ไม่เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเติบโต 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราเสนอโครงการ ‘บริษัทมหาชนของเกษตรกร’ โดยใช้กลไกตลาดทุนมาช่วย เราดึงเกษตรกรมารวมตัวกัน โดยมีเศรษฐีคนไทย และนักลงทุนต่างประเทศมาสนับสนุนนักบริหารทางการตลาด และหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ แบบนี้เกษตรกรได้ประโยชน์ตั้งแต่ขายราคาพืชผล แปรรูปผลผลิต และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเพื่อพัฒนาสินค้า ถ้าทำแบบนี้เกษตรกรเราไม่จนแน่นอน และโมเดลนี้จะเริ่มที่ จ.สุราษฎร์ธานีเป็นที่แรก เพราะเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ 

นายวรนัยน์ กล่าวว่า นโยบายประชานิยม จะทำให้ล้มละลายทั้งประเทศ ชุดนโยบายเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพัฒนา คุณภาพชีวิตพัฒนา คือการสร้างโอกาส สร้างความเสมอพรรค หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลแจกเงินไปเท่าไหร่แล้ว แต่ประชาชนจนเหมือนเดิม ถ้าเราอยากมีอนาคต เราต้องมองเรื่องหาเงิน ใครจะมาพัฒนาเศรษฐกิจให้เราได้ สร้างโอกาส ให้อาวุธพวกเราต่อสู้ ไม่ใช่ลืมตาอ้าปาก แต่อิ่มหมีพีมัน อยู่ดีกินดี คนรวยมีไม่กี่คน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าตอบโจทย์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แบบไม่เน้นประชานิยม  

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเรามั่นใจว่าเราเป็นพรรคแห่งความหวัง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน เราพูดได้ชัดเจนตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจทุนใหญ่ เราไม่รับทุนผูกขาด และเป็นพรรคแรกที่ต่อสู้เรื่องพลังงาน และออกมาเตือนรัฐบาลหลายครั้งว่าราคาน้ำมัน ค่าไฟ และข้าวของจะแพงตามมา แต่รัฐบาลไม่ทำ และยังประกาศขึ้นค่าไฟ ซ้ำเติมประชาชน และยังเอา รมว.พลังงานมาเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 ของพรรคลุงอีก มันสะท้อนถึงทุนผูกขาดที่มีอำนาจที่อยู่เหนือการเมือง   

'กรณ์' กร้าว!! ชพก.แม้เป็นพรรคเล็ก แต่พร้อมสู้เพื่อประชาชน ย้อนถาม พรรคใหญ่ที่มัวเกรงใจทุนผูกขาดทำอะไรได้บ้าง?

(5 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตอบคำถามหลังมีคนถามว่า 'พรรคเล็กทำอะไรได้?" ดังนี้...

งั้นผมถามกลับว่า แล้วพรรคใหญ่ที่มัวเกรงใจทุนผูกขาดทำอะไรได้บ้าง?

ไม่ใช่พรรคเล็กอย่าง พรรคชาติพัฒนากล้า - ChartpattanaKLA Party หรอกหรือ ที่ออกมาสู้เรื่อง #น้ำมันแพง เพราะวิธีคิดค่าการกลั่น ที่ทำให้โรงกลั่นรํ่ารวยกันไปบนทุกข์ร้อนของประชาชน

ไม่ใช่พรรคเล็กอย่าง 'ชาติพัฒนากล้า' หรอกหรือ ที่ออกมาสู้เรื่อง #รื้อระบบแบล็กลิสต์ ให้คนไทยได้ลืมตาอ้าปาก 

ไม่ใช่พรรคเล็กอย่าง 'ชาติพัฒนากล้า' หรอกหรือ ที่ออกมาสู้เรื่อง #ค่าไฟแพง จนสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ทำให้รัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องลดค่าไฟ

‘กรณ์’ ชูแนวคิด ‘โอกาสนิยม’ สร้างภูมิให้คนไทยยืนหยัดได้เอง ซัดพรรคใหญ่!! ไม่ใช่ช่วงวิกฤต อย่าเอาภาษีไปแข่งกันแจก

(5 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมทีมงานเดินทางไปยังอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอคะแนนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 เบอร์ 12 นายนเรศ เกสรินทร์ (รัตนบุรี) ที่มีคะแนนดีวันดีคืนจากผลสำรวจของพรรคฯ

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ตนเดินสายช่วยผู้สมัครภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วไปต่อที่จังหวัดพัทลุง จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้สมัครของเรามีการตอบรับที่ดีทั้งในอันดับที่ 1 และที่ 2 ซึ่งมีคะแนนก็เบียดแบบหายใจรดต้นคอกันประมาณ 5-6 เขต เชื่อว่าผู้สมัครของเราอย่างน้อย 3-5 คนต้องสามารถปักธงชัยที่ภาคใต้ได้อย่างแน่นอน ตนก็มาให้กำลังใจและขอให้เดินหาเสียงอย่างมีความสุข

“ประชาชนตอบรับนโยบายเศรษฐกิจเพื่อปากท้องของเรา พวกเขาสะท้อนว่าอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาดูแลแก้ปัญหาให้กับเขา และค่อนข้างกังวลกับนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสียภาษี ที่กลัวว่าการจะนำเงินภาษีของเขามาใช้แบบนี้ มันเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นสร้างโอกาส เราไม่เน้นลดแลกแจกแถม หรือใช้งบประมาณภาษีแต่อย่างใด การใช้เงินภาษี ผมพูดเสมอว่าทำได้ในยามวิกฤตแต่ในช่วงนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องการ คือ ต่อยอดโอกาสในการทำมาค้าขายของเขา ถ้าเป็นเกษตรกร เขาก็อยากเห็นนโยบายที่ทำให้ ราคาพืชผลของเขาสูงขึ้น ทำให้เขามีชีวิตที่มั่นคงด้วยตัวเขาเองมากขึ้น” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว

ต่อมาในช่วงค่ำ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยกล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมากว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่เสนอนโยบายประชานิยม เราเป็นพรรคที่ส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า ‘โอกาสนิยม’ คือ สร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนให้สามารถทำมาหากินได้ แข่งขันได้ มีราคาพืชผลที่ดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐ นี่คือสิ่งที่ประชาชนเขาต้องการมากกว่า  และเป็นชุดนโยบายที่เป็นธรรมกับประชาชนที่เป็นผู้เสียภาษีมากกว่า

‘ชพก.’ เปิดเวทีปราศรัย ‘นครศรีฯ’ ลั่น!! รื้อระบบกองสลาก ชู ‘หวยจังหวัด’ หนุน ปชช.เป็นเศรษฐีเงินล้านเดือนละ 462 คน

วันนี้ (6 พฤษภาคม) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อก ขวัญใจชาวใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดสงขลา เบอร์ 8 ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอคะแนนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ได้แก่ นายโอฬาร สุตตะนาคา หรือ ‘ทนายแชมป์’ ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 7 และนายหัวสิทธิ์ สิทธิรัก ทิพย์อักษร ผู้สมัคร เขต 4 เบอร์ 9 โดยในช่วงเช้า นายกรณ์พร้อมคณะ ได้เดินหาเสียงที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช และช่วงบ่ายช่วยหาเสียงที่ตลาดอำเภอชะอวด โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและอวยพรให้ได้ ส.ส.เข้าไปทำงานในสภาฯ มากๆ

ต่อมาในช่วงค่ำ ได้จัดเวทีปราศรัยที่สถานีรถไฟชะอวด มีประชาชนร่วมรับฟังกว่าครึ่งหมื่น โดยนายกรณ์ ได้ขึ้นปราศรัย โดยระบุว่า เหลือเวลาอีกเพียง 8 วันก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ตั้งใจมุ่งมั่นมาตั้งแต่แรกว่ายังไงก็ต้องมาชะอวด เพราะมีความผูกพันเป็นพิเศษเนื่องจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วเราส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมในนามพรรคกล้า ทุกคะแนนที่ได้เป็นคะแนนเสียงบริสุทธิ์ ที่มีค่าทางใจมหาศาลกับเราและเป็นกำลังใจให้เราทำการเมืองตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ และวันนี้พวกท่านก็ได้มานั่งอยู่ตรงนี้และพร้อมสนับสนุนพรรคเรา

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงความกังวลของพี่น้องประชาชนบางคนที่ว่า เป็นพรรคเล็กเลือกไปแล้วจะเสียของหรือเปล่า เลือกไปแล้วจะได้ทำงานไหม ตนขอบอกว่า การเลือกตั้งมันเลือกด้วยหลากหลายเหตุผล แต่สำหรับคนที่มั่นใจว่าเราเป็นคนที่ท่านเลือกมาแล้วสามารถทำงานรับใช้ท่านได้แน่นอน พรรคชาติพัฒนากล้าถึงแม้จะเป็นพรรคเล็ก แต่เราต่อสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาดทุกประเภท วันนี้การผูกขาดเป็นต้นตอที่มาของสินค้าราคาแพง ต้นทุนค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนสูงขึ้น ปุ๋ยราคาแพง ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ

อีกทั้งยังมีปัญหาคอร์รัปชัน ที่ทุนผูกขาดไม่ได้ครอบงำแต่ระดับเศรษฐกิจ แต่ครอบงำไปถึงการเมืองระดับประเทศ เพราะความจริงพรรคยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องใช้เงิน และยิ่งมีความจำเป็นต้องอยู่ในระบบอุปถัมภ์ของการผูกขาด เราไม่สามารถที่จะพึ่งพรรคที่อยู่ในระบบอุปถัมภ์ของการผูกขาด มาแก้ปัญหาการผูกขาด สร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนได้ และนี่คือสาเหตุที่ต้องเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า

นายกรณ์ ยืนยันด้วยว่า พรรคชาติพัฒนา ‘ไม่ยกเลิก ไม่แก้ มาตรา 112’ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นายอรรถวิชช์ ได้เสนอทางออกให้กับรัฐบาล โดยเราบอกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องมีกฎหมายคุ้มครองนั่นคือมาตรา 112 เราไม่เห็นด้วยกับยกเลิก หรือแม้แต่แก้ไข แต่เราต้องการเสนอแนวทางมีคณะกรรมการกลั่นกรอง เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างว่ามีการนำกฎหมายนี้ไปแกล้งใครในทางการเมือง

‘วิเวียน-ชพก.’ จ่อร้อง กกต. หลังเลือกตั้งล่วงหน้า เขต 8 สุดมั่ว!! แอปฯ ‘Smart Vote’ ใส่รูปผิดคน ทำ ปชช.สับสน-ผู้สมัครเสียโอกาส

(7 พ.ค. 66) นางสาววิเวียน จุลมนต์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 8 (จตุจักร หลักสี่) เบอร์ 10 พรรคชาติพัฒนากล้า ออกมาโวย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังได้รับแจ้งจากประชาชนที่ไปเลือกตั้งว่า ไม่มีภาพของตนในแอปพลิเคชันบนมือถือ ว่า ตนลงพื้นที่อย่างหนักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้ความร้อน 43 องศา แต่ก็ยังไม่ร้อนเท่ากับวันนี้ ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าภาพของตนหายไปจากแอปพลิเคชัน ‘Smart Vote’ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ได้เผยแพร่ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top