Friday, 29 March 2024
Y WORLD

ช่วงที่เด็กตัดสินใจว่าเค้ามีค่าหรือไม่มีค่า คือช่วงก่อนเข้าวัย 3 ขวบ อะไรคือความหมายของคำว่า Self-esteem แนะวิธีการเสริมสร้าง Self-esteem ให้ลูก

ในทฤษฎีของ Erikson บิดาแห่งทฤษฎีจิตสังคม กล่าวว่าช่วง 2 - 3 ขวบ คือช่วงที่เด็กเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเองหรือสงสัยไม่แน่ใจตนเอง (Autonomous vs Shame and Doubt) เป็นช่วงเวลาสำคัญว่าเค้าจะเลือกเป็นคนมีค่าหรือไม่มีค่า คู่ควรหรือไม่คู่ควรต่อสิ่งดี หากเด็กถูกปล่อยผ่านช่วงเวลาแห่งการเล็งเห็นคุณค่าในตนเองไปแล้ว การจะกลับมาสร้างคุณค่าให้เค้าใหม่ยังพอทำได้ แต่จะใช้เวลาถึง 3 ปี ในขณะที่การสร้างในช่วงก่อนวัย 3 ขวบ ใช้เวลาเพียง 3 - 5 เดือน

Self-esteem สำคัญอย่างไร อะไรคือความหมายของคำว่า Self-esteem

ลองสังเกตกับตัวเราเองดูค่ะ คุณเคยมีช่วงเวลาที่คุณคิดกับตัวเองว่าคุณไม่น่าจะทำสิ่งนี้ได้ คุณไม่น่าจะมีความสามารถพอ จึงเลือกที่จะไม่ทำมันดีกว่า ซึ่งสิ่งที่คุณอยากจะลงมือทำแต่เลือกจะไม่ทำนั้นยังไม่ทันได้เกิดขึ้น และคุณก็อาจจะทำได้หรือทำไม่ได้ก็ได้ และก็ยังไม่ได้ลอง อาการนี้ หากเกิดขึ้นกับเรื่องที่ยากมากจริง ๆ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากเราไปตัดสินตัวเองกับเรื่องที่พอมีโอกาสจะสำเร็จ เป็นไปได้อยู่ว่าไม่น่าจะทำได้ ไม่ทำดีกว่า และสงสัยตัวเองแบบนี้อยู่บ่อย ๆ อาจเข้าข่ายขาด Self-esteem ได้

คุณพ่อคุณแม่ลองคิดดูว่า ถ้าเราสงสัยในตัวเองตั้งแต่เด็ก คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอ คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งดี เค้าจะไม่กล้าทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ทำให้ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เก่งอะไร อยากพัฒนาตัวเองด้านไหน และจะแสดงออกชัดเจนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงวัยรุ่น เด็กจะรู้สึกไม่มีตัวตน แล้วเอาคุณค่าไปฝากไว้ที่ เพื่อน สิ่งของ หรือคำตัดสินของคนอื่น และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่อย่ารอช้า มาเริ่มสร้าง Self-esteem ให้ลูกรักของเรากันเลยค่ะ

วิธีการเสริมสร้าง Self-esteem ให้ลูก

เด็กวัยก่อน 3 ขวบ จะเรียนรู้ถูกผิดจากการชมและการทำโทษ คุณพ่อคุณแม่สามารถสะท้อนหรือตอบสนองต่อความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกได้โดยการกล่าวคำชม ทำท่าดีใจสีหน้าพอใจเมื่อลูกทำดีได้ หรือหากลูกกำลังทำผิด เตือนเค้าได้ หรือถ้าเป็นการเล่นที่ปลอดภัย ปล่อยให้เค้าลองเรียนรู้จนเค้าค้นพบไปเองว่ามันไม่ดี

อยากให้คุณพ่อคุณแม่เน้นที่การชื่นชมมากกว่าการห้ามปราม เพราะลูกเราจะเชื่อในสิ่งที่พ่อแม่คิดกับเค้า พ่อแม่คิดกับลูกอย่างไร ลูกจะเป็นอย่างนั้น คำพูดและการกระทำของพ่อแม่สะท้อนมาจากความเชื่อที่พ่อแม่มีต่อลูก หากเราอยากสร้าง self-esteem ให้ลูก เราก็ควรเชื่อมั่นในตัวลูก พูดให้กำลังใจชื่นชมลูก คำพูดและการกระทำของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้นสำคัญที่สุด

อีกเครื่องมือหนึ่งที่จะเสริมสร้าง Self-esteem ให้ลูกได้ คือการให้ลูกหัดตั้งเป้าหมาย วันนี้จะทำอะไร และจะทำให้เสร็จตอนไหน ให้เด็กมีส่วนร่วมในการตั้งเป้าด้วย ส่วนเราเคยสนับสนุนให้เค้าทำจนสำเร็จ การให้ลูกมีส่วนร่วมในการตั้งเป้าลูกจะได้ฝึก Self-control ฝึกความมีวินัยในตนเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ เด็กจะได้ฝึกและเรียนรู้ว่า แม้เค้าจะไม่อยากทำแต่เพื่อไปถึงเป้าหมายเค้าต้องบังคับตัวเองให้ลงมือทำได้ด้วยตัวของเค้าเอง โดยไม่ต้องให้ใครมาบอก

เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่และลูกทุกคนค่ะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก

หัวข้อ อยากให้ลูกมีชีวิตที่มั่นคง พ่อแม่ต้องสร้างให้ลูกมี Soft Skills กับครูพี่หญิงฝาย โรงเรียนคู่ขนาน

Link https://www.facebook.com/299800753872915/videos/3651437871537025

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์ 

การศึกษาเป็น 1 ในอุตสาหกรรมหลักของสิงคโปร์ที่มีแนวโน้มดีที่สุด เพราะเป็นประเทศที่มีความเป็นอินเตอร์สูง และมีความเอเชียอยู่ในตัว บวกกับมีการเรียนการสอนที่เป็นระเบียบ คนไทยและประเทศเพื่อนบ้านจึงนิยมไปเรียนที่นั่น

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศแทบเอเชียที่ประสบความสำเร็จกับการเปลี่ยนตัวเอง จากประเทศด้อยพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยระหว่างปฏิวัติอุตสาหกรรม สิงคโปร์ก็ไม่ได้ทิ้งระบบการศึกษาของประเทศไว้ข้างหลัง พยายามพัฒนาการศึกษาไปพร้อม ๆ กัน

ข้อมูลด้านการศึกษาที่น่าสนใจของสิงคโปร์สำหรับนักเรียนไทย ดังนี้

หนึ่งในอุตสาหกรรมทำเงินของประเทศ

ปัจจุบันระบบการศึกษาของสิงคโปร์ถือว่าดีระดับโลก ทั้งในระดับมัธยมและมหาวิทยาลัย พอ ๆ กับเกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และฟินแลนด์ มหาวิทยาลัย 3 แห่งของสิงคโปร์อยู่ใน 500 อันดับ จากการจัดอันดับมหาลัยระดับโลกของ QS World University Rankings ประจำปี 2019 โดยอันดับสูงสุดคือ National University of Singapore (NUS) อยู่ในอันดับที่ 11 ถัดไปคือ Nanyang Technological University (NTU) อยู่ในอันดับที่ 12 และ Singapore Management University (SMU) อยู่ในอันดับที่ 500

นอกจากนั้น สิงค์โปรเป็นประเทศที่มีความเป็นอินเตอร์สูง เพราะประชากรในประเทศใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง มีระบบการเรียนการสอนที่เป็นระเบียบ เน้นการลงมือทำ ทั้งยังผสานความรู้และสไตล์การสอนของตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน รวมถึงมีหลักสูตรให้เลือกเรียนหลากหลาย ทั้งภาคภาษาอังกฤษ และภาษาจีน

ด้วยเหตุนี้สิงคโปร์จึงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักศึกษาต่างชาติประมาณ 50,000 คนจากทั่วโลก (ตัวเลขล่าสุด 15 ก.พ. 2021 จากเว็บไซต์ The International Trade Administration, U.S. Department of Commerce) ส่วนใหญ่มาจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม จีน อินเดีย และเกาหลีใต้ ที่มีอายุระหว่าง 13 - 23 ปี ทำให้การศึกษาเป็น 1 ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดีที่สุดสำหรับประเทศนี้

ทำไมคนไทยชอบไปเรียนสิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นประเทศทีมีมาตรฐานการศึกษาสูง ใช้ภาษาอังกฤษและอยู่ใกล้ไทยมากที่สุด ซึ่งคำว่า “ใกลบ้าน” เป็นเหตุผลสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ผู้ปกครองไทยใช้ประกอบการตัดสินใจ เพราะเอื้อให้ไปหาบุตรหลานได้สะดวก ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ และอยู่ในสิงคโปร์ได้ 30 วัน

เด็กไทยที่ไปเรียนสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะไปเรียนภาษาอังกฤษและภาษาจีนช่วงซัมเมอร์ รวมถึงเรียนระดับมัธยม และปริญญาตรี ตามลำดับ

ถึงแม้ว่าค่าครองชีพในสิงคโปร์แทบจะสูงที่สุดในเอเชีย แต่ยังถูกกว่าไปเรียนในประเทศแทบตะวันตกมาก ยกตัวอย่าง ค่าเรียนภาษาอังกฤษช่วงซัมเมอร์ระยะเวลา 4 สัปดาห์ เริ่มที่ประมาณ 37,500 บาท ค่าเรียนภาษาจีนช่วงซัมเมอร์ระยะเวลา 4 สัปดาห์ เริ่มที่ประมาณ 52,500 บาท

ค่าเรียน ม.1 หากเป็นโรงเรียนรัฐบาล ค่าเรียนประมาณ 210,000 - 220,000 บาทต่อปี หากเป็นโรงเรียนเอกชนค่าเรียนอยู่ระหว่าง 400,000 - 500,000 บาทต่อปี

ส่วนค่าเรียนปริญญาตรีขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เลือก ยกตัวอย่างคณะศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมแล้วประมาณ 320,000 บาทต่อปี และระดับปริญญาโท ประมาณ 450,000 บาทต่อปี

โควิด-19 ทำลายฝันไปเรียนนอก?

โควิด -19 ขัดขวางการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้นักเรียน-นักศึกษาจำนวนหลายคนที่สนใจไปเรียนที่สิงค์โปร์ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาดต้องเลื่อนแผนออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้เริ่มคลี่คลายและมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศต่าง ๆ เริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชน

ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้ผ่อนปรนมาตรการเข้าประเทศสำหรับผู้ที่ถือวีซ่านักเรียน แต่อาจมีขั้นตอนขั้นตอนเพิ่มเติมมากขึ้น เช่น การคัดกรองโควิด-19'
“เฉลิมศักดิ์ อธิปัญญาสฤษดิ์” ที่ปรึกษาการเรียนต่อประเทศสิงคโปร์ เรียนสิงคโปร์ดอทคอม ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อสิงคโปร์ กล่าวว่า จำนวนนักเรียน-นักศึกษาไทยที่เดินทางไปสิงคโปร์ทั้งแบบไปเองและผ่านเอเย่นซี่ต่าง ๆ ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีประมาณปีละ 1 พันคน แต่ในปี 2563 มีเด็กที่มาขอคำปรึกษาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นักเรียนบางส่วนที่มีแผนจะไปเมื่อปี 2563 ก็เลื่อน และบางส่วนเรียนออนไลน์ไปก่อน พอสถานการณ์คลี่คลายถึงจะไป

“ตอนนี้สิงคโปร์เปิดอนุญาตให้นักเรียนไทย รวมถึงนักเรียนต่างชาติ ยื่นขอวีซ่านักเรียนเพื่อเข้าไปเรียนในสิงคโปร์ได้แล้ว โดยเพิ่งมาผ่อนปรนให้นักเรียนต่างชาติขอวีซ่าเข้าไปเรียนได้ตอนช่วงครึ่งหลังของปี 2563 แต่เป็นในลักษณะค่อย ๆ เพิ่มโควตา”

การขอวีซ่านักเรียนเพิ่มเงื่อนไขมากขึ้น เช่น พอผ่านขั้นตอนได้วีซ่าแล้ว ก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์ต้องตรวจโควิด-19 กับโรงพยาบาลในไทย และใบรับรองว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ต้องมีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนแสดงที่ด่านที่สนามบินในสิงคโปร์

จากนั้นตอนผ่านด่านแล้วทางสิงคโปร์จะตรวจเชื้ออีกรอบหนึ่ง แล้วเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน ในที่พักที่ทางรัฐบาลสิงคโปร์จัดไว้ และเรียกเก็บเงินประมาณ 2,200 เหรียญสิงคโปร์ต่อคน (ประมาณ 5.5 หมื่นบาท) เพื่อเป็นค่าที่พัก + ค่าอาหาร + ค่า swab ตรวจโควิดอีก 2 ครั้งระหว่างถูกกักตัว และตรวจอีกรอบก่อนปล่อยตัวไปใช้ชีวิตในประเทศ

รัฐบาลสิงคโปร์ยังไม่ได้มีมาตรการจูงใจให้นักเรียนต่างชาติกลับมามากนัก เพราะอยากให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นก่อน จึงให้ความสำคัญกับเรื่องฉีดวัคซีนภายในประเทศมากกว่า ดังนั้น ถ้านักเรียน - นักศึกษาคนไหนต้องการไปเรียนในปีนี้ สถาบันการศึกษาในสิงคโปร์แนะนำให้ซื้อประกันเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีติดโควิด-19 มีราคาตั้งแต่ 12-54 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 280 - 1,200 บาท)


ขอบคุณที่มา: https://www.prachachat.net/education/news-621745

คติประจำใจจาก "Santosh Kalwar" กวีและนักเขียนชาวเนปาล

“It does not matter where you go and what you study, what matters most is what you share with yourself and the world.”

“เป้าหมายหรือสิ่งที่คุณศึกษาไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณได้แบ่งปันอะไรให้ตัวเองและโลกใบนี้บ้าง”

Santosh Kalwar กวีและนักเขียนชาวเนปาล

เตรียมความพร้อมการสอบเตรียมอุดม วันเสาร์นี้ !!! กับเทคนิคสุด Exlusive จากพี่ปั่นจัน Ceo Classonline สถาบันติวออนไลน์ ที่รวบรวมติวเตอร์สุดเทพศิษย์เก่ารั้วเตรียมอุดม

เตรียมความพร้อมการสอบเตรียมอุดม วันเสาร์นี้ !!! กับเทคนิคสุด Exlusive จากพี่ปั่นจัน Ceo Classonline สถาบันติวออนไลน์ ที่รวบรวมติวเตอร์สุดเทพศิษย์เก่ารั้วเตรียมอุดม

คืนนี้ 19.00 น. ใน Clubhouse #THESTUDYTIMES เทคนิค “วันสอบเข้าเตรียมอุดม” ทำข้อสอบอย่างไรให้สอบได้?

ทรรศนะจาก Derek Hopper อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ (Applied Linguistics จาก University of Oxford) : “ครูไม่ควรคิดว่าเป็นหน้าที่ของเด็กที่จะต้องมีสมาธิ ตั้งใจฟัง มันเป็นหน้าที่ของครูต่างหาก ที่จะต้องทำให้การสอนและบรรยากาศการเรียนน่าดึงดูด”

เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา Edsy (สตาร์ทอัพด้านการศึกษาที่ต้องการให้นักเรียนไทยส่วนใหญ่ในประเทศสามารถเข้าถึงการเรียนภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพ) ได้จัด Virtual Orientation & Training เป็นครั้งแรกสำหรับติวเตอร์ “คนไทยรุ่นใหม่” กว่า 80 คนของเราซึ่งมาจากสถาบันชั้นนำทั้งในและนอกประเทศ

ในวันที่สองของงาน เราได้จัด Panel เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาของ Edsy ได้แก่อาจารย์ Derek Hopper จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Applied Linguistics from Oxford University) และครูหญิง (KruYing English, Master of Education from Teachers College at Columbia University) ได้แชร์มุมมองและประสบการณ์ในหัวข้อ “What Makes a Great Teacher?”

สำหรับบทความตอนที่ 2 นี้ ผมอยากจะแชร์มุมมองของอาจารย์ Derek และครูหญิงเพิ่มเติม เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า “What are the qualities that make ones good or bad teachers?” (คุณครูที่ดีและไม่ดี มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร)

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับอาจารย์ Derek คือ การเตรียมการเรียนการสอน ซึ่งระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเตรียมการสอนอาจจะแตกต่างไปตามรูปแบบ (การเรียนตัวต่อตัว การเรียนกลุ่มเล็ก หรือเล็คเชอร์กลุ่มใหญ่) เวลาในการสอน เนื้อหาและสื่อการสอน

อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งการเตรียมการสอนเพียง 10-15 นาทีก็สามารถสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นครูที่ดีที่หลายคนมองข้าม นอกจากนี้ การบริหารจัดการคลาสก็เป็นเรื่องสำคัญ ครูที่ดีต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องความตรงต่อเวลา ต้องทำความเข้าใจนักเรียนอย่างลึกซึ้งและทุ่มเทกับการสอนอย่างแท้จริง

“So, be organized! Prepare for class. Be on time. And be dedicated to teaching, know your learners.”

ดังนั้น ครูที่ไม่ดีหรือควรปรับปรุงสำหรับอาจารย์ Derek หลักๆ แล้วก็คือผู้ที่ “ไม่ organized” หรือเตรียมการสอนและบริหารจัดการการเรียนการสอนไม่ดีนั่นเอง

คำถามที่ยากกว่าคือ เราจะแบ่งระหว่างครูที่ดีและครูที่ดีเยี่ยมหรือดีสุดยอดอย่างไร? “How to separate ‘great’ from ‘good’ teachers?”

ครูหญิงมองว่าครูที่ดีสุดยอด คือครูที่ทำตัวเป็นนักเรียน ในเชิงการเป็นผู้ที่ไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นครูผู้ถ่ายทอดความรู้ แต่ยังมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้จากเด็ก เพื่อนำไปพัฒนาทั้งตนเองและวิธีการสอนของตนต่อไป ดังนั้น ครูผู้ไม่หยุดเรียนรู้ก็จะสามารถพัฒนาได้ขึ้นเรื่อย ๆ เข้าใจเด็กได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และสอนได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญคือต้องกล้าที่จะยอมรับเมื่อผิดและเรียนรู้จากมัน

อาจารย์ Derek ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า ครูไม่ควรคิดว่าเป็นหน้าที่ของเด็กที่จะต้องมีสมาธิ ตั้งใจฟังในห้องเรียน นั่นเป็นความเข้าใจที่คุณครูหลายคนมี แต่ในความเห็นของอาจารย์ Derek มันเป็นหน้าที่ของครูที่ดีจริงๆ ต่างหาก ที่จะต้องทำให้การสอนของตนและบรรยากาศในห้องเรียนมีความดึงดูดพอที่จะทำให้นักเรียนสนใจและตั้งใจ

“It is sometimes mistaken that it’s the students’ job to pay attention in class. However, it is actually the teachers’ job to get learners’ attention to focus on what the teacher is saying.”

ในคำถามสุดท้ายก่อนปิดสัมมนาหัวข้อ What Makes a Great Teacher เราขอให้อาจารย์ Derek และครูหญิงแชร์เทคนิค วิธีการพัฒนาและปรับปรุงการสอนให้ดีขึ้นอย่างเห็นผลทันที "If there’s one thing anyone can do to dramatically improve his / her teaching, what would that be?"

ครูหญิงกล่าวว่า สิ่งที่ผู้ที่อยากจะเป็นครูที่ดีทำได้คือ การเชื่อในตัวนักเรียน เชื่อในความสามารถของเขา แสดงให้นักเรียนเห็นถึงความเชื่อมั่นและกำลังใจที่เรามีให้อย่างแท้จริง ดังนั้น ครูต้องเป็นผู้ฟังที่ดีเพื่อที่จะสามารถช่วยหาทางให้เขาเติบโตขึ้น (“grow up as a person”) ได้อย่างงดงาม

อาจารย์ Derek ฝากไว้ว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ครูเก่ง ๆ แตกต่างจากครูคนอื่น ๆ คือความสามารถในการทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย ดังนั้น ถ้าอยากจะพัฒนาเป็นครูที่ดี (หรือดีขึ้น) ให้ตั้งใจคิด ทบทวนว่ามีวิธีไหนที่จะอธิบายเนื้อหายากๆ ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายที่สุด เช่น ถ้าหนังสือเรียนมีตัวหนังสือหรือคำอธิบายที่ค่อนข้างเยอะและซ้ำซ้อน จะมีสิ่งใดบ้างที่คุณสามารถสรุป รวบยอดให้นักเรียน หรือกระทั่งตัดมันไปหากไม่เกิดประโยชน์

...หลังจากจบ Virtual Orientation & Training ครั้งแรกสำหรับติวเตอร์ “คนไทยรุ่นใหม่สำเนียงคล้ายเจ้าของภาษา” ของเรา…Edsy มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าติวเตอร์ของเราจะสามารถทำให้คลาสภาษาอังกฤษของน้องๆ นักเรียนประถม - มัธยมต้น จะเต็มไปด้วยความสนุกสนานและไม่จำเจอีกต่อไป ได้ทั้งความรู้เพื่อปรับพื้นฐานคำศัพท์ - ไวยากรณ์ให้มั่นคง และได้โอกาสในการนำไปต่อยอด ฝึกฝนเพื่อพัฒนาทักษะพูด ฟัง อ่าน เขียน ให้ใช้ภาษาได้อย่างแท้จริง...

ฟังคลิปวิดีโอเต็ม “What Makes a Great Teacher” โดยอาจารย์ Derek Hopper และครูหญิง KruYing English ได้ที่ Facebook @edsythailand


เขียนโดย พริษฐ์ เที่ยงธรรม ผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านการศึกษา Edsy

Line ID: @edsy.th

SIBA หรือวิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จัดงานสัมมนาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาในหัวข้อ “การแนะแนวเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ในยุคดิจิตอลหลังโควิด-19”

ดร.เบญจมาภรณ์ คุณะรังษี ผู้อำนวยการ SIBA เปิดเผย จากการสำรวจอาชีพในอนาคตอีก 5 ปี ข้างหน้ามีอาชีพเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และเป็นอาชีพยอดนิยมหลังจากการแพร่ระบาดของโควิดซึ่ง 8 อาชีพมาแรงคือ

1.) “Online Marketing นักการตลาดออนไลน์” ปัจจุบันเราใช้โทรศัพท์มือถือเช็คข้อมูลข่าวสารกันแทบทุกวินาที จะเห็นว่ามีโฆษณาที่ pop up ขึ้นมาตลอด นั้นคือ หน้าที่ของนักการตลาดออนไลน์เป็นผู้ออกแบบและผลิตโฆษณาเหล่านี้

2.) “Application Creator นักพัฒนาแอพพลิเคชั่น” เนื่องจากผู้คนในยุคข้อมูลข่าวสารต้องการเสพข้อมูลที่ดูง่าย เป็นระเบียบ สบายตา ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ

3.) “Social Admin ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย” ไว้เป็นสื่อกลางระหว่างผู้บริโภคกับหน่วยงานหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการและคอยดูแลให้พื้นที่โซเชียลมีเดียให้อยู่ในความเรียบร้อยและเหมาะสมกับผู้บริโภค

4.) “นักกูรูออนไลน์ หรือ Youtuber” ผู้ที่คอยแยกย่อย จัดระเบียบข้อมูล ให้คำวิเคราะห์ ให้คำแนะนำ ชี้ทางให้กับมือใหม่ ในเรื่องต่าง ๆ

5.) “ผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ หรือ Programmer” เป็นอาชีพที่คอยสนับสนุนทุกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับระบบออนไลน์ ทุกรูปแบบบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีการบริหารข้อมูลในลักษณะของ Big Data ที่ต้องใช้การวิเคราะห์ความเป็นไปของกิจการ

6.) “เจ้าของธุรกิจ Start Up” วัยรุ่นหลายคนมีฝันอยากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ต่างก็ตบเท้าเข้ามาลองเชิงทำธุรกิจ Start Up ใครมีไอเดียดี ๆ อย่าเก็บเอาไว้ ลองเอามันออกมาสร้างฝันให้เป็นจริงได้

7.) “นักบัญชีที่เชี่ยวชาญเรื่องภาษีอากร” มีหน้าที่ให้คำปรึกษากับองค์กรด้านบัญชีและด้านภาษีอากรต่าง ๆ ลดความเสี่ยงทางภาษี

8.) “เชฟ” อาชีพนี้มีรายได้สูง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านอาหารออนไลน์ไม่ต้องมีหน้าร้านร่วมกับ applications อย่าง Food Panda /Lineman / Grab เป็นธุรกิจที่ทำเงินในขณะนี้

นายณรงค์ แผ้วพลสง ที่ปรึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า “หากมองในเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ยังมีความสนใจในด้านนี้น้อย ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบ หรือสาเหตุหลายประการ อาทิ ผู้ปกครองหรือนักเรียน นักศึกษาอาจจะมุ่งไปในเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัยเลยมองข้ามในเรื่องของสายอาชีพไป

แต่ปัจจุบันวันที่โลกได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ปกครอง และเด็กได้สนใจการศึกษาสายอาชีพกันมากขึ้น เพราะอย่างน้อยการมีความรู้ทางด้านอาชีพผู้เรียนสามารถนำความรู้ไประกอบอาชีพได้จริง” ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เกิดวิกฤตของสังคมหลายเรื่อง ทำให้เราเห็นภาวะของคนตกงาน คนเจ็บป่วย ทั้งแง่บวกและแง่ลบ

แต่เมื่อหันกลับมามองเรื่องของมิติการศึกษาแล้วในด้านอาชีพนั้น ถือว่ามีความสำคัญต่อสังคม ประเทศชาติเป็นอย่างมาก จะเห็นภาพที่เกิดขึ้นว่ามีลูกหลานเราหลายคนที่จบการศึกษา แต่ก็ยังหางานทำไม่ได้ ขณะที่ลูกหลานเราที่มีงานทำอยู่แล้วก็กลายเป็นคนตกงาน แต่มีกลุ่มงานหนึ่งที่มีระดับทักษะฝีมือนั้นยังคงมีงานทำ แม้ว่าจะเจอวิกฤตอย่างไร ทั้งนี้การพัฒนาประเทศสู่ความเป็นสากล จำเป็นต้องอาศัยกำลังแรงงานในระดับทักษะฝีมือ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ”สายอาชีพ” ซึ่งยังขาดแรงงานอยู่มาก

สำหรับท่านที่สนใจหลักสูตรของ SIBA สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.siba.ac.th หรือโทร.0 - 2939 - 3000


ขอบคุณที่มา: บ้านเมือง - SIBA แนะเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ เรียนได้เงิน จบได้งาน (banmuang.co.th)

รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศเปิดพรมแดนต้อนรับรับนักศึกษาต่างชาติ รุ่นที่ 2 อีกจำนวน 1,000 คน สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาตรีและปริญญาโทให้สามารถเดินกลับเข้าประเทศนิวซีแลนด์เพื่อไปศึกษาต่อจนสำเร็จ

การประกาศเปิดพรมแดนต้อนรับนักศึกษาต่างชาติของนิวซีแลนด์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 โดยเป็นการต่อยอดจากการประกาศครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมาที่ได้อนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติกลุ่มแรกสำหรับผู้ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกและปริญญาโทจำนวน 250 คน สามารถเข้าสู่นิวซีแลนด์และศึกษาต่อได้ นับเป็นสัญญาณที่ดีและยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการให้ความสำคัญยิ่งของรัฐบาลนิวซีแลนด์ต่อการศึกษานานาชาติและยังคงต้อนรับนักเรียนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติติดอันดับต้นๆ ของโลก และได้รับการยอมรับด้านระบบการศึกษาที่เหมาะแก่การเรียนรู้ในโลกปัจจุบัน โดยได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในการเตรียมความพร้อมนักเรียนสู่อนาคต จากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก

จากการจัดอันดับของ Worldwide Educating for the Future Index 2019 โดย The Economist Intelligence Unit ทำให้นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายปลายทางด้านการศึกษานานาชาติชั้นนำของโลกโดยในแต่ละปีมีนักเรียนนานาชาติกว่า 125,000 คนจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนักเรียนไทยในปี 2019 มีนักเรียนไทยศึกษาอยู่ในนิวซีแลนด์กว่า 3,000 คน

สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีสิทธิ์ใน 1,000 คน จะต้องเป็นผู้ที่ถือวีซ่าที่ถูกต้องสำหรับการศึกษาในปี 2020 และได้ศึกษาในนิวซีแลนด์ในปี 2019 หรือปี 2020 และจะกลับไปศึกษาต่อให้จบกับสถาบันการศึกษาเดิมของพวกเขาทั้งนี้นักศึกษาที่มีสิทธิ์จะได้รับการลงทะเบียนจากสถาบันระดับอุดมศึกษาหลายแห่งรวมถึงมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคสถาบันเทคโนโลยี

สถานศึกษาที่สอนด้วยภาษาเมารีและสถาบันการศึกษาเอกชนและจะสามารถเดินทางกลับไปนิวซีแลนด์ในช่วงเวลาที่สอดคล้องกับการจัดการสถานที่กักตัวที่ได้รับการดูแลภายใต้รัฐบาลนิวซีแลนด์อย่างเหมาะสมซึ่งสถาบันการศึกษาของนิวซีแลนด์จะเป็นผู้ระบุและเสนอชื่อนักศึกษาที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ โดยนักศึกษาไม่ต้องดำเนินการด้วยตนเองทั้งนี้ทุกคนที่เดินทางกลับเข้านิวซีแลนด์จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพและความปลอดภัยของ COVID-19 รวมถึงการกักกันตัวเองและอยู่ในสถานที่กักตัวที่มีการจัดการอย่างดีเป็นเวลา 14 วัน

นิวซีแลนด์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่รับมือสู้โควิดดีที่สุดในโลก จากการสำรวจจัดอันดับจาก 98 ประเทศทั่วโลก (ใช้ข้อมูลถึงวัน 9 มกราคม 2564) โดยสถาบันโลวีซึ่งเป็นสถาบันวิชาการอิสระที่ทำการศึกษาวิจัยด้านการเมือง ยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ ตั้งอยู่ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย


ขอบคุณที่มา: ผู้หญิง - นิวซีแลนด์ เปิดพรมแดนรับนักเรียนต่างชาติ กลับเข้าประเทศรอบ 2 อีกราวพันคน (naewna.com)

คำคมจาก ' Sally Ride ' มนุษย์อวกาศสตรีคนแรกของอเมริกา

“Studying whether there's life on Mars or studying how the universe began, there's something magical about pushing back the frontiers of knowledge. That's something that is almost part of being human, and I'm certain that will continue.”

“การเพิ่มพูนความรู้เป็นสิ่งที่มีมนต์ขลัง ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเรียนรู้เรื่องชีวิตบนดาวอังคารหรือการกำเนิดจักรวาล การเรียนรู้แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์เลยก็ว่าได้ และฉันก็เชื่อว่ามันจะยังคงดำเนินต่อไป” 

Sally Ride

มนุษย์อวกาศสตรีคนแรกของอเมริกา

ความกล้าแสดงออก คุณสมบัติที่พ่อแม่หลายคนอยากส่งเสริมลูก เปิดเทคนิคเปลี่ยนจากลูกขี้อาย เป็นลูกที่กล้าแสดงออกได้ โดยไม่บังคับลูก

คุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าเด็กเหมือนผ้าขาว และเมื่อเด็กลืมตาดูโลกและโตขึ้น จะถูกเติมแต้มสีลงไปในผ้าหรือไม่ หรือเชื่อว่าเด็กนั้นเกิดมาพร้อมกับสีติดบนผืนผ้ามาแล้ว ครูพีช เจ้าของเพจ ครูพีช ที่ปรึกษาครอบครัว - Family Consultant เชื่อว่า เด็กคือผ้าสีพื้นที่มีหลายเฉด ผ้าที่พร้อมจะถูกเติมแต้มสีต่าง ๆ ได้ไม่เท่ากัน วิธีส่งเสริมเด็กแต่ละเฉดก็ต่างกันตามสีพื้นของเค้า

หนึ่งในคุณสมบัติที่พ่อแม่หลายคนอยากส่งเสริมลูก ก็คือความกล้าแสดงออก เพราะเป็นคุณสมบัติที่สนับสนุนอนาคตของลูก หากคุณพ่อคุณแม่อยากส่งเสริมให้เด็กที่มีเฉดสีไม่เท่ากันกล้าแสดงออก อาจต้องใช้วิธีต่างกัน ดังนั้น บทนี้เราได้นำเทคนิคของครูพีช ในการแสดงออกต่อลูกอย่างไรให้สามารถเปลี่ยนจากลูกขี้อายเป็นลูกที่กล้าแสดงออกได้โดยไม่ไปบังคับลูกมาฝากกันค่ะ

ครูพีชแบ่งเด็กออกเป็น 3 แบบค่ะ คือ

1.) Easy Child

2.) Slow to Warm up

3.) Difficult Child

Easy Child เป็นแบบที่เข้ากับคนเร็ว เปิดเผย เด็กแบบนี้จะไม่มีปัญหาในเรื่องกล้าแสดงออก เด็กแบบนี้จะง่ายกว่าแบบอื่นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เพราะไม่จำเป็นต้องฝึกลูกให้กล้าแสดงออก

Slow to Warm up เป็นเด็กที่ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคย เมื่อเค้าเปิดใจแล้ว เค้าคือเด็กที่กล้าแสดงออกคนหนึ่ง เพียงต้องให้เวลาเค้าเรียนรู้หรือฝึกซ้อมให้คุ้นชิน อย่าเพิ่งไปเร่งเค้า การเร่งจะยิ่งทำให้เค้ากลัวมากกว่าเดิมได้

และแบบสุดท้ายคือ Difficult Child เด็กแบบนี้ต้องใจเย็น ๆ ให้เวลาเค้าหน่อย เพราะเค้าเป็นคนชั่งคิดชั่งวางแผน สังเกตว่าเด็กแบบนี้จะเงียบไม่ค่อยพูดคุยและส่วนใหญ่จะเรียนเก่ง ดังนั้นเรื่องความกล้าแสดงออกแต่กำเนิดอาจจะยังสู้เด็ก 2 แบบแรกไม่ได้ หากคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็น Difficult Child ได้ให้เค้าฝึกความกล้าทีละนิดจะสมไป Difficult Child จะฉายแสงโดดเด่นกว่าเป็นไหน ๆ ได้ทีเดียวค่ะ

ต่อไปนี้เป็น เทคนิคฝึกลูกให้กล้าแสดงออก โดยครูพีชให้ชื่อวิธีนี้ว่า 2 ป. 1 บ.

ป. ที่ 1 ปลอดภัย

ความปลอดภัยในที่นี้หมายถึง ความปลอดภัยทางอารมณ์ของลูก โดยการให้ลูกได้เห็นอารมณ์ของพ่อแม่ เช่น เวลาที่พ่อแม่ตื่นเต้น กังวล ตกใจ สับสน การให้ลูกได้รับรู้อารมณ์เหล่านี้จากเรา ช่วยให้เค้ารู้สึกปลอดภัยได้ ฟังแล้วอาจจะขัดกับความคิดที่พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่าง ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ลูกเห็นใช่มั้ยคะ แท้จริงแล้ว การแสดงอารมณ์อ่อนไหวออกมาบ้างทำให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่ก็มีอารมณ์ได้เหมือนกัน ลูกสามารถมีอารมณ์เหล่านี้ได้ รับรู้มันและแสดงออกมาได้เหมือนกันกับพ่อแม่ ลูกก็จะรู้สึกปลอดภัยและกล้าสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกมา และนำไปสู่ความกล้าแสดงออกนั่นเอง

ป. ที่ 2 เปิดโอกาส

เปิดโอกาสให้ลูกได้ทำในสิ่งที่เค้าสนใจอยากทำด้วยตัวของเค้าเอง ถึงแม้สิ่งเหล่านั้นอาจจะเกี่ยวกับการเรียนหรือไม่น่าจะเป็นอาชีพในอนาคตได้ แต่การเปิดโอกาสให้เค้าได้ทำในสิ่งที่เด็กสนใจฝึกความกล้าแสดงออกได้ กิจกรรมเหล่านี้ มองเผิน ๆ ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อเรามองให้ดี ทุกกิจกรรมนั้นล้วนมีประโยชน์แฝงอยู่ เด็กจะได้ฝึกใช้พลังภายในของตนเอง ก้าวข้ามอุปสรรคเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เค้าต้องการ และยังฝึกให้ลูกรู้จักการวางแผน การประสานงาน ความมีวินัย ความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งงานเหล่านี้ สามารถกลายเป็นงานอดิเรกเพื่อคลายเครียดสำหรับตัวเค้าเองต่อไปได้

และสุดท้าย บ. บ่อย ๆ

ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความสามารถจากสิ่งที่เค้าชื่นชอบบ่อย ๆ ไม่เร่งรัดเค้า ปล่อยให้เด็กสะสมความเชื่อมั่น ลูกจะเลเวลอัพความกล้าแสดงออกของเค้าไปเรื่อย ๆ ได้ด้วยตนเอง

เสริมอีกนิดนึงว่า ให้คุณพ่อคุณแม่หลีกเลี่ยงบทสนทนาที่พูดถึงความไม่กล้าแสดงออกของลูกกับคนอื่นฟัง เพราะลูกคุณอาจจะแอบฟังอยู่ และเค้าจะคิดไปได้ว่าแม้คนที่ใกล้ชิดเค้ามากที่สุดยังคิดกับเค้าแบบนั้น

เราขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนฝึกฝนให้ลูกเป็นคนกล้า และคุณพ่อคุณแม่จะภูมิใจในผลลัพธ์ที่ลูกเราเปลี่ยนจากคนขี้อายมาเป็นคนกล้าได้เพราะความอดทนของคุณพ่อคุณแม่เองนี่แหละค่ะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก

หัวข้อ การทำให้ลูกเป็นเด็กกล้าแสดงออกและบุคลิกดี

Link https://www.facebook.com/299800753872915/videos/467032571141109

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์

โครงการเพชรในตม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดรับสมัครนักเรียนชั้น ม.6 เกรด 2.75 ขึ้นไป เข้าศึกษาต่อวิชาเอกการประถมศึกษา ระหว่างวันที่ 1 - 17 มีนาคม 64 เรียนจบบรรจุครูทันที!

ประกาศมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เรื่อง การรับสมัครคัดเลือกเข้าเป็นนิสิตระดับปริญญาตรี ประจำปีการศึกษา 2564

TCAS รอบที่ 2 Quota โครงการเพชรในตม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าเป็นนิสิตระดับปริญญาตรี ประจำปีการศึกษา 2564 TCAS รอบที่ 2 Quota โครงการเพชรในตม คณะศึกมหาวิทยลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อเข้าศึกษาต่อวิชาเอกการประถมศึกษา หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (รหัสสขาวิชา 05005 รหัสกลุ่มสาขา 177) ตามโครงการความร่วมมือกับคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และกระทรวงศึกษาธิการ

รับสมัครระหว่างวันที่ 1 – 17 มีนาคม 2564 โดยใช้ผลการสอบ GAT/PAT5 และวิชาสามัญ ประจำปีการศึกษา 2564 ที่จัดสอบโดยสถบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) มหาวิทยาลัยจึงขอประกาศ รายละเอียดเกี่ยวกับการรับสมัครฯ ดังนี้

1. จำนวนนิสิตที่จะรับจำนวนรวมทั้งสิ้น 45 คน ดังนี้

1.1 กอ.รมน.ภาค 1 รับจำนวน 8 คน

1.2 กอ.รมน.ภาค 2 รับจำนวน 10 คน

1.3 กอ.รมน.ภาค 3 รับจำนวน 8 คน

1.4 กอ.รมน.ภาค 4 รับจำนวน 19 คน (4 + 15)

หมายเหตุ : 1. ผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต วิชาเอกการประถมศึกษา

กับวิชาเอกใดเอกหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการบริหารหลักสูตรกำหนด ดังนี้

1.วิชาเอกการศึกษาปฐมวัย

2.วิชาเอกการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย

3.วิชาเอกการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

4.วิชาเอกการจัดการเรียนรู้สังคมศึกษา

5.วิชาเอกการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์

6.วิชาเอกการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

7.วิชาเอกคอมพิวเตอร์ศึกษา

อ่านประกาศฉบับเต็ม : https://admission.swu.ac.th/file_staff_upload/file_news/5420210225042927.pdf

รายละเอียดเพิ่มเติม https://admission.swu.ac.th/admissions2/news_content.php?nid=151

ศบค.จับตาสอบใหญ่เข้าเรียนม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมฯ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันเสารที่ 6 มี.ค.นี้ มีนักเรียนเข้าสอบกว่า 13,000 คน รวมผู้ปกครองคาดมากถึง 3 หมื่นคน จัดมาตรการคุมเข้ม จังหวัดกลุ่มเสี่ยงสอบแยกฮอลล์

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการแถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดประจำวันว่า ในวันเสาร์ที่ 6 มีนาคม 2564 นี้ จะมีการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับชั้น ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2564 โดยโรงเรียนและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มานำเสนอมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า การดำเนินการสอบคัดเลือกดังกล่าวมีความจำเป็นที่จะต้องมาแจ้งให้ประชาชนทุกคนได้ทราบ เพราะว่าคนที่จะมาสอบเป็นนักเรียนประมณ 13,000 คน ใช้อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม จำนวน 6,624 ที่นั่ง และอาคาร ฮอลล์ 5 - ฮอลล์ 8 จำนวน 6,624 ที่นั่ง จากเดิมเคยสอบใช้อาคารเดียว ตอนนี้แบ่งเป็น 2 อาคาร เพราะต้องมีการจัดระยะห่างถึงเท่าตัว

ทั้งนี้โดยปกติเด็กสอบประมาณ 13,000 คน พ่อแม่ต้องไปคู่กัน เท่ากับเป็น 3 คน หรือเท่ากับ 3 หมื่นกว่าคนจะต้องไปอยู่ที่นั่น ซึ่งแน่นอนจะต้องมีความแออัด ก็จะต้องบอกกันไว้ก่อนว่าทางทีมของสพฐ. ได้คิดกันอย่างรอบคอบ โดยดำเนินมาตรการดังนี้

1.) แยกที่นั่งสอบให้ห่างกันไว้

2.) แยกจากจังหวัดที่มีความเสี่ยงเป็นพื้นที่ควบคุมสูง พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่เข้มงวดทั้งหลาย จะให้มาอยู่ในฮอลล์ที่ 4 โดยเฉพาะ

“ที่ทำอย่างนี้ไม่ได้ต้องการให้รังเกียจกัน แต่เป็นการให้คนที่มาจากจังหวัดคล้ายกัน ใกล้เคียงกัน อยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า

ส่วนพื้นที่อื่นๆ จังหวัดอื่นๆ หรือ 54 จังหวัดก็จะอยู่ในอาคารฮอลล์ 5 - 8 ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองที่มาจาก 54 จังหวัด หรือพูดง่าย ๆ อยู่ในจังหวัดกลุ่มสีเขียว จะได้มีความสบายใจ แต่ทุกคนจะต้องดูแลสุขอนามัยส่วนตัว ซึ่งจะต้องมีการคัดกรอง วัดไข้ตั้งแต่แรก

“ถ้าไข้สูงก็แยกออกไปเลย รวมถึงได้ขอความร่วมมือผู้ปกครองให้มากันน้อยหน่อย มาส่งเสร็จก็กลับเลย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวย้ำ

นอกจากนี้ยังกำหนดเวลาสอบใหม่จากเดิมกำหนดสอบตั้งแต่เช้ายันเย็น 08.30 - 16.00 น. ก็เปลี่ยนมาเป็น 08.30 -14.00 น. ให้นักเรียนสอบครั้งเดียวจนเสร็จสิ้น โดยโรงเรียนมีบริการอาหารว่างให้แก่นักเรียนทุกคนที่เข้าสอบในช่วงเวลาพักที่โรงเรียนกำหนด เพื่อลดการสัมผัสและรวมกลุ่มกัน

“ตรงนี้จะกระชับเวลาให้สั้นลง ผู้ปกครองมาส่งตอนเช้าก็มารับเลยตอนบ่าย เมื่อเช้าทางกระทรวงสาธารณสุขยังพูดคุยกัน ไม่ใช่แค่อาหารอย่างเดียว น้ำดื่มก็มีความสำคัญ เพราะมีความเป็นห่วง เป็นใยเรื่องสุขภาพ มีหมอ มีพยาบาล มาดูแลที่ศูนย์สอบด้วย”

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นขอแจ้งให้ทราบว่า ในวันเสาร์นี้คนที่จะไปแถวเมืองทองธานี หรือแถวๆ นั้น พยายามหลีกเลี่ยง ซึ่งในต่างประเทศเขาให้ความสำคัญกับการศึกษามากๆ ในบางประเทศ อย่างเกาหลีใต้ เครื่องบินจะบินผ่าน ยังไม่ให้บินผ่านเลยในช่วงที่เด็กนั่งสอบ

“อยากจะให้พ่อแม่ ผู้ปกครองท่านอื่นที่ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปแถวนั้นในวันเสาร์ที่ 6 มีนาคมนี้ การจราจรอาจจะติดขัดหน่อย” โฆษก ศบค.กล่าวในตอนท้าย


ที่มา: https://www.prachachat.net/education/news-621968

วิทยาศาสตร์พัฒนาชาติ Part.1 เส้นทางการคัดเลือกนักเรียนหัวกะทิ สู่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ โรงเรียนในฝันสำหรับ 72 คนผู้เป็นเลิศ (KVIS)

6,000 - 8,000 คน ในแต่ละปี มีนักเรียนทั่วประเทศ ม.3 ระดับหัวกะทิ ที่ผ่านเงื่อนไขการรับสมัครสอบแข่งขันชิงทุนเข้าเรียน ม.4 โรงเรียนกำเนิดวิทย์ วังจันทร์ ระยอง ในกำกับดูแลของบริษัทไทยใหญ่ระดับโลก ปตท. มูลค่าทุน ต่อคน ปีละ 880,000 บาท ตลอดหลักสูตร ม.ปลาย เป็นเวลา 3 ปีแค่ 72 คนต่อรุ่น ผลสำเร็จที่ได้ และ คัดนักเรียนระดับไหน อย่างไร มาทำความเข้าใจกันครับ

จากความสำเร็จตามเป้าหมาย ของรุ่นพี่รุ่นที่ 1 - 3 ที่ผ่านมา เป็นตัววัดความสำเร็จในการสร้างคนระดับหัวกะทิ แนวหน้าวิทยาศาสตร์มารับใช้ชาติทุกแขนงวิชา ตามสถิติที่นำมาแสดง

“สรุปผลการศึกษาต่อของนักเรียนโรงเรียนกําเนิดวิทย์ รุ่นที่ 1 - 3”

ปัจจุบันโรงเรียนกำเนิดวิทย์มีนักเรียนสำเร็จการศึกษาไปแล้ว 3 รุ่น และเป็นที่น่ายินดีว่าทางโรงเรียนได้เอาใจใส่นักเรียนเป็นรายบุคคล จนแต่ละคนได้ค้นพบ ความชอบ ความรัก ความถนัด และได้ศึกษาต่อในสาขาตามความสนใจของตนเอง

มักมีคำถามอยู่เสมอว่านักเรียนของโรงเรียนหลังจบการศึกษาไปแล้ว จะเข้าศึกษาต่อในสาขาใดได้บ้าง ได้ไปต่างประเทศ หรือรับทุนมากน้อยเพียงใด ซึ่งคุณครูไพลิน ลิ้มวัฒนชัย (คุณครูหยกฟ้า) งานแนะแนว ของโรงเรียน ได้อนุญาตให้นำข้อมูลมาเผยแพร่ คงจะเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่า หากนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์อยากจะศึกษาต่อที่ใด หรือต้องการประสบความสำเร็จในการคว้าทุนใด ขอเพียงตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่นักเรียนอยู่ในโรงเรียน นักเรียนมีความตั้งใจเรียนและหมั่นพัฒนาศักยภาพของตัวเองตามแนวทางที่โรงเรียนได้จัดไว้ และฝึกทักษะตนเองในด้านที่สนใจแล้ว โอกาสที่นักเรียนจะเดินไปตามเส้นทางฝัน ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ข้อมูลคณะที่เรียน ทุนที่ได้ เรียนไทย หรือต่างประเทศ ติดตามเพิ่มเติมใน

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2951106925163065&id=1830931710513931&sfnsn=mo

นักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์มีโอกาสดี ๆ จากการได้โควตาและทุนการศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

“นักเรียน KVIS กับสิทธิ์การได้โควตาเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย”

สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาหลายแห่ง ได้ให้โควตาแก่นักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ในการเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย บางแห่งก็ให้เฉพาะโควตาหรือทุน ดังนี้

1.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีโควตาให้ 2 ที่

2.) SIIT สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้โควตา 5 ที่ พร้อมทุนเต็มจำนวน

3.) Harbour Space University มอบทุนการศึกษาจำนวน 20 ทุนให้กับนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ โดยเรียนที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 2 ปี และเรียนที่ประเทศสเปน 1 ปี

4.) ทุน PTT-VISTEC 18 ทุน

5.) คณะวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ทุน 5 ทุน

“เส้นทางสู่ KVIS”

เส้นทางสู่การเป็นนักเรียน KVIS มีดังต่อไปนี้

1.) นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้มีคุณสมบัติตามประกาศการรับสมัคร ฯ สมัครเข้าสอบเพื่อเป็นนักเรียนของโรงเรียนรอบที่หนึ่งในช่วงปลายปีของแต่ละปี ผ่านทางเว็บไซต์ของโรงเรียน KVIS

2.) นักเรียนที่สมัครสอบรอบที่หนึ่งเข้าสอบในศูนย์สอบที่โรงเรียนจัดทั่วประเทศตามประกาศในแต่ละปี

3.) ประกาศรายชื่อนักเรียนที่สอบผ่านในรอบที่หนึ่ง

4.) นักเรียนที่สอบผ่านรอบที่หนึ่ง เข้าสอบรอบที่สองซึ่งเป็นการสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ และส่งแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) มายังโรงเรียน

5.) ประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4

6.) ผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อจะมีสิทธิ์ได้เข้าค่ายเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ก่อนเข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียน

ข้อมูลจากเว็บไซต์ของโรงเรียน www.kvis.ac.th

“ปัจจัยแห่งความสำเร็จของ นักเรียน และ โรงเรียนกำเนิดวิทย์”

ปัจจัยแห่งความสำเร็จของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ เกิดจากองค์ประกอบ 5 อย่าง ดังต่อไปนี้

1.) กระบวนการสรรหานักเรียนที่มีประสิทธิภาพ การคัดทั้งรอบแรกและรอบสอง

2.) หลักสูตรที่เน้นการพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล เหมาะตามความสนใจและส่งเสริมในความถนัด

3.) ครูที่มีคุณภาพสูง ในแต่ละด้านแต่ละวิชา จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

4.) อาคาร สถานที่ สื่อ เครื่องมือ อุปกรณ์ดีเยี่ยม ซึ่งสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียน

5.) บิดา มารดา และผู้ปกครองนักเรียน ที่มองเห็นถึงโอกาส และให้การสนับสุนการศึกษาของบุตรหลานตั้งแต่เด็ก จนถึงปัจจุบันและมุ่งมั่นต่อไปในอนาคต

รายละเอียดประกาศรับสมัครสอบคัดเลือกเข้าเรียนม.4 โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประจำปีการศึกษา 2564

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2817667358507023&id=1830931710513931&sfnsn=mo

ขั้นตอนการสมัครสอบคัดเลือก เพื่อเข้าเป็นนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประจำปีการศึกษา 2564

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2845012105772548&id=1830931710513931&sfnsn=mo

สถิติการสอบรอบแรก (รอบแรกปกติจะสอบ วันเสาร์สัปดาที่ 3 ของเดือน พฤษจิกายน) เข้าเรียนปี 2564

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2932232033717221&id=1830931710513931&sfnsn=mo

เกณฑ์การพิจารณารอบสอง

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2931947967078961&id=1830931710513931&sfnsn=mo

จากความสำเร็จแต่ละขั้นตอน ของนักเรียนกำเนิดวิทย์ จึงเป็นความหวังหนึ่งว่า ประเทศไทย จะมีบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มารับใช้ชาติในวันและโอกาสข้างหน้า

เครดิต ข้อมูลและบทความจาก เวปไซด์ โรงเรียนกำเนิดวิทย์ และเพจ โรงเรียน KVIS Today

ตอนที่ 2 จะเป็นอีกโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าไทย และแนวหน้าโลกอีกโรงเรียนนึงครับ...มหิดลวิทยานุสรณ์ นครปฐม (MWIT)


เขียน และรวบรวมข้อมูลโดย AodDekTai คุณพ่อผู้สนใจการศึกษาไทยและต่างประเทศ

กฟผ. ขยายเวลารับสมัคร จ้างงานเด็กจบใหม่กว่า 1,000 คน เพิ่ม 7 วัน ปิดการรับสมัครในวันที่ 3 มี.ค. 64 เวลา 16.00 น. หวังช่วยลดปัญหาการว่างงาน

นางสาวจิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดรับสมัครนักศึกษาจบใหม่ ภายใต้ “โครงการพลังงานร่วมใจ สร้างงาน พัฒนาชุมชน” ครั้งที่ 2 จำนวนมากกว่า 1,000 อัตรา ว่า กฟผ. ได้พิจารณาขยายระยะเวลารับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จากเดิมเปิดรับสมัครออนไลน์ ระหว่างวันที่ 15 ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2564

ทั้งนี้ ปิดการรับสมัครในวันที่ 3 มีนาคม 2564 เวลา 16.00 น. เพื่อขยายโอกาสในการสมัครเข้าร่วมโครงการให้แก่นักศึกษาจบใหม่ที่สนใจ และพร้อมมีส่วนร่วมลดปัญหาการว่างงาน สร้างงาน สร้างรายได้ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนท่ามกลางสถานการณ์ของโรคโควิด-19 (COVID-19) ตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน

ขณะนี้ กฟผ. อยู่ระหว่างการเปิดรับสมัครนักศึกษาที่จบใหม่ ครั้งที่ 2 จำนวน 1,052 อัตรา ระยะเวลาการจ้างงาน 12 เดือน ตั้งแต่เริ่มต้นสัญญาจ้าง จนถึงระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ โดยผู้สมัครจะต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันที่สมัคร สำเร็จการศึกษาคุณวุฒิระดับ ปวส. หรือ ปริญญาตรี ไม่จำกัดสาขาวิชาในปี พ.ศ. 2562 – 2563 เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ผู้สมัคร หรือบิดา หรือมารดา จะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามพื้นที่ที่ กฟผ. กำหนด ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันที่สมัคร เพื่อร่วมทำงานเก็บข้อมูลชุมชน สำหรับนำไปเป็นฐานข้อมูล ในการวางแผนดำเนินงานส่งเสริมกิจการชุมชนได้ตรงตามความต้องการ และศักยภาพของชุมชนมากที่สุด อันมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแกร่ง และสร้างรายได้ให้แต่ละชุมชนอย่างยั่งยืน

“ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลและรายละเอียดเกณฑ์การรับสมัครเพิ่มเติม พร้อมสมัครออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.egat.co.th/newjobber หรือแสกน QR Code”


ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/470056?as=

อัจริยะลาออกวิศวะฯ จุฬาฯ มุ่งมั่นสร้างธุรกิจติวออนไลน์ "ณัฐชนน กำเนิดมณี" | Click on Clever EP.4

จากนักเรียน Gifted คณิตศาสตร์โรงเรียนดัง ตัวแทนโรงเรียนแข่งขันรายการ 180 iq สอบเข้าวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย (ภาคอินเตอร์) ได้คะแนนเต็ม SAT เลข ฟิสิกส์และเคมี แต่ตัดสินใจลาออกหลังจากเรียนไปแค่เทอมเดียว เพราะค้นหาตัวเองเจอ และมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะสร้างอนาคตและธุรกิจติวออนไลน์ด้วยตัวของเขาเอง

.

.

โลกแห่งเทคโนโลยี ส่งให้ความรู้ด้านดิจิทัลมีความสำคัญอย่างมาก รวบรวม 9 คอร์สเรียนออนไลน์ด้านดิจิทัล จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่เปิดสอนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

วิทยาการข้อมูล (Data Science)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU014+2020/about

เป็นคอร์สกระบวนการของวิทยาการข้อมูล ภาษาโปรแกรมและกรอบความคิดในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์เพื่อวินิจฉัยข้อมูล การทำความสะอาดข้อมูล การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติและการเรียนรู้ของเครื่อง คอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 45 ชั่วโมงเรียนรู้ (จำนวนชั่วโมงสื่อวีดิทัศน์ 15 ชั่วโมง)

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2020 – 30 กันยายน 2021

การหลอมรวมเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Fusion of modern technology)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU005+2018/about

คอร์สนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ผู้เรียนสามารถบอกความหมาย ความสำคัญ และหลักการหลอมรวมเทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถอธิบายแนวทางในการประยุกต์ใช้สื่อใหม่ในงานประเภทต่างๆ และผลกระทบที่เกิดจากการใช้สื่อใหม่ได้ รวมถึงสามารถเลือกใช้สื่อใหม่นำเสนอเนื้อหาได้อย่างสร้างสรรค์ สำหรับคอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 6 ชั่วโมงเรียนรู้

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2021 – 5 มกราคม 2022

เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ (Technology for Creative Learning)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU002+2018/about

คอร์สนี้จะเรียนรู้ถึงความหมาย ขอบข่าย ความสำคัญ และลักษณะของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร ระบบของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา ประเภทสื่อการเรียนการสอน การเลือก การจัดหา การออกแบบ การผลิต การใช้ การเก็บรักษา เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้และประเมินสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 6 ชั่วโมงเรียนรู้

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2021 – 4 มกราคม 2022

ระบบสมองกลฝังตัวและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Embedded System and Internet of Things Technology)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU015+2019/about

คอร์สนี้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน สามารถวิเคราะห์ในทฤษฎีและหลักการของการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้นได้ และมีความรู้ความเข้าใจในหลักการของบอร์ด IoT ต่างๆ เพื่อให้สามารถประยุกต์ความรู้ด้านเทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัวและเทคโนโลยี IoT ในการแก้ปัญหาได้ โดยคอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 30 ชั่วโมงเรียนรู้ (จำนวนชั่วโมงสื่อวีดิทัศน์ 20 ชั่วโมง)

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2021 – 8 มกราคม 2022

การสร้างคลังสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ (Creating Online Learning Resources)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU009+2018/about

คอร์สนี้จะเรียนรู้ถึงความหมาย ประเภทของทรัพยากรการเรียนรู้ ตัวอย่างคลังสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ การเตรียมสื่อประเภทต่าง ๆ สำหรับคลังสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ และการใช้เทคโนโลยีในการสร้างคลังสื่อการเรียนรู้ออนไลน์

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2020 – 10 ธันวาคม 2021

การพัฒนาสมรรถนะครูในยุคดิจิทัล (Competency for teacher in digital age)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU006+2017/about

คอร์สนี้มุ่งเน้นพัฒนานิสิต/นักศึกษาครู ครู/อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ เจตคติ และทักษะเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อที่ผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็น อาทิ ทักษะการคิด ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ โดยคอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 6 ชั่วโมงเรียนรู้

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2020 – 30 กันยายน 2021

การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนางานวิจัย (Use of technology for research development)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU010+2018/about

คอร์สนี้จะศึกษาเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการวิจัย รูปแบบและประเภทของเทคโนโลยีที่ใช้ในการสืบค้นและรวบรวมสารสนเทศสำหรับการกำหนดกรอบความคิด สารสนเทศเกี่ยวกับเนื้อหาที่กำลังวิจัย สารสนเทศเกี่ยวกับแหล่งเผยแพร่งานวิจัย การนำข้อมูลมาประมวลด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสรุปทางสถิติ การเปรียบเทียบ การจำแนก หรือ จัดกลุ่ม รวมถึงความรู้เกี่ยวกับแหล่งสารสนเทศด้านการวิจัย ที่ช่วยให้การดำเนินงานวิจัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 6 ชั่วโมงเรียนรู้

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2020 – 9 ธันวาคม 2021

การสร้างเครือข่ายด้วยการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Network Creating with Communication in Social Media)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU004+2018/about

คอร์สนี้จะเรียนรู้ถึงความหมายและองค์ประกอบของเครือข่าย ลักษณะของเครือข่าย การสร้างและการก่อเกิดเครือข่าย ข้อเสนอแนะในการสร้างเครือข่าย ความหมายและองค์กรกอบของการสื่อสาร องค์ประกอบของระบบเครือข่ายเบื้องต้น อิทธิพลและการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงวิธีการสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ โดยคอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 6 ชั่วโมงเรียนรู้

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2020 – 9 ธันวาคม 2021

Online Classroom ห้องเรียนยุคใหม่ (Online Classroom in the 21st century)

https://lms.thaimooc.org/courses/course-v1:SWU+SWU008+2017/about

คอร์สนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับห้องเรียนออนไลน์ สามารถใช้งานห้องเรียนออนไลน์ได้และสามารถสร้างห้องเรียนออนไลน์เพื่อนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน หรือในการใช้ชีวิตได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ โดยคอร์สนี้มีจำนวนชั่วโมงเรียนรู้ทั้งหมด 6 ชั่วโมงเรียนรู้

โดยเปิดให้เรียนได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2020 – 9 ธันวาคม 2021

สำหรับผู้ที่สนใจอยากศึกษาคอร์สอื่นๆ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเพิ่มเติม สามารถเข้าไปได้ที่ >>> https://lms.thaimooc.org/courses


ขอบคุณข้อมูลจาก

thaimooc.org

ขอบคุณที่มา

 https://www.eduzones.com/2021/02/21/9-course-digital-swu/?fbclid=IwAR3Co4c-l9LTnbUvqxWHgb2FDDHiEEb-gIIwnjXCdpZiDCSx-rP3aN_eGsI


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top