Thursday, 19 June 2025
WORLD

‘จีน’ เปิดตัวแผงโซลาร์เซลล์กลางทะเลแบบยึดเสาเข็มแห่งแรก ผลิตไฟฟ้าได้ 400 เมกะวัตต์ ลดคาร์บอนได้กว่า 5 แสนตันต่อปี

(5 มิ.ย. 68) จีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบยึดเสาเข็มกลางทะเลเป็นแห่งแรกของประเทศ โดยตั้งอยู่ที่เมืองจาวหย่วน มณฑลซานตง ดำเนินการโดยบริษัท CGN New Energy Holdings มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเต็มระบบ 400 เมกะวัตต์ และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบแล้วเมื่อ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา

ตลอดทั้งปี โครงการนี้จะผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ย 694 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ลดการใช้ถ่านหินได้กว่า 2 แสนตัน และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 5.35 แสนตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้บนพื้นที่กว่า 9,700 ไร่ โครงการนี้ตั้งอยู่ในทะเลลึก 8.5–11 เมตร ห่างจากฝั่ง 2–6 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ทะเลกว่า 3,200 ไร่

ความท้าทายของสภาพแวดล้อมทางทะเล อาทิ หมอกเกลือ ลมแรง และกระแสน้ำ ทำให้ต้องใช้วัสดุและเทคโนโลยีขั้นสูงในการพัฒนาโครงการ โดยบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะ 3 ด้าน ได้แก่ แผงโซลาร์เซลล์เฉพาะทาง โครงสร้างฐานเสาเข็ม และระบบการตอกเสาในทะเล พร้อมสร้างเรือตอกเสารุ่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 5 เท่า

โครงการนี้ประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้า 121 ชุด เชื่อมต่อกับสถานีไฟฟ้าบนฝั่งผ่านระบบสายส่งขนาด 35 กิโลโวลต์ รวม 16 วงจร ความสำเร็จของโครงการนี้ถือเป็นต้นแบบสำคัญที่สามารถขยายผลไปสู่โครงการพลังงานสะอาดอื่นในพื้นที่ชายฝั่งของจีนต่อไป

ซีอีโอ NVIDIA ยอมรับ ‘หัวเว่ย’ ขึ้นแท่นผู้นำชิป AI ชี้เทียบชั้น H200 แถมระบบคลัสเตอร์เหนือกว่าคู่แข่งอเมริกัน

(5 มิ.ย. 68) เจนเซน หวง ซีอีโอของ NVIDIA เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า เทคโนโลยีชิป AI และระบบคลัสเตอร์ของหัวเว่ย (Huawei) มีศักยภาพเทียบเท่ากับ H200 ซึ่งเป็นหนึ่งในชิปประมวลผล AI รุ่นไฮเอนด์ของ NVIDIA โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทออกมายอมรับความก้าวหน้าของคู่แข่งรายนี้อย่างชัดเจน

ซีอีโอ NVIDIA ระบุว่าหัวเว่ยมีพัฒนาการที่รวดเร็ว โดยเฉพาะระบบ AI แบบคลัสเตอร์ 'CloudMatrix' ที่ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่กว่าระบบ 'Grace Blackwell' ของ NVIDIA เสียอีก โดยเวอร์ชันล่าสุด 'CloudMatrix 384' ใช้ชิป AI จำนวน 384 ตัว เชื่อมต่อแบบครบวงจร ส่งผลให้สามารถประมวลผลได้ถึง 300 PFLOPs (BF16) ซึ่งเกือบเป็น 2 เท่าของระบบ GB200 NVL72 ของ NVIDIA

เจนเซน หวง ยังย้ำว่าหัวเว่ยเป็นบริษัทที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป และยอมรับว่าเป็นคู่แข่งที่มีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขามักใช้ถ้อยคำระมัดระวังในการประเมินศักยภาพของหัวเว่ย

ทั้งนี้ การยอมรับของ NVIDIA สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ แต่หัวเว่ยยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI ได้อย่างโดดเด่นจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในเวทีโลกแล้วในเวลานี้

‘ทรัมป์’ เผยโทรคุย ‘ปูติน’ ยันรัสเซียเตรียมตอบโต้ยูเครน พร้อมจับตา ‘อิหร่าน’ ใกล้มีนิวเคลียร์ในไม่ช้า

(5 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย โดยระบุว่า ปูตินยืนยันชัดเจนว่า รัสเซียจะมีมาตรการตอบโต้ยูเครน กรณีการโจมตีสนามบินและระบบรถไฟในรัสเซีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของยูเครน

แม้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการสนทนาอย่างเป็นทางการ แต่สื่อตะวันตกอย่าง Reuters และ BBC รายงานตรงกันว่า ทรัมป์แสดงท่าที 'เห็นใจ' ต่อท่าทีแข็งกร้าวของปูติน พร้อมระบุว่าการตอบโต้ดังกล่าวเป็น “สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” หากยูเครนยังคงเดินหน้าก่อวินาศกรรมในรัสเซียต่อไป

นอกจากประเด็นยูเครน ทรัมป์ยังกล่าวถึงภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยย้ำว่า “เวลาของโลกใกล้หมดแล้ว” หากยังปล่อยให้อิหร่านพัฒนาอาวุธอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอให้ปูตินมีบทบาทเป็นตัวกลางในการเจรจา เพื่อลดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

โดยปูตินแสดงความเปิดกว้างที่จะเข้าร่วมในการเจรจาใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าตนและปูตินมีความเห็นตรงกันในประเด็นนี้

ศพทหารยูเครน 6,000 นายจ่อกลับบ้าน แต่รัฐบาล ‘เซเลนสกี’ อาจต้องจ่ายกว่า 7 หมื่นล้านบาท

(4 มิ.ย. 68) รัสเซียเตรียมส่งคืนศพทหารยูเครน 6,000 นายในสัปดาห์หน้า ตามการประกาศของวลาดิมีร์ เมดินสกี ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียและหัวหน้าคณะเจรจาสันติภาพ การส่งศพจำนวนมากนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะสงครามที่ยังไม่สิ้นสุด และสร้างแรงกดดันใหม่ต่อรัฐบาลยูเครน

ตามกฎหมายของยูเครน รัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิตคนละ 15 ล้านฮรีฟเนีย (ราว 12 ล้านบาท) หากมีการชำระครบถ้วน การส่งศพครั้งนี้จะทำให้รัฐต้องจ่ายรวม 90,000 ล้านฮรีฟเนีย หรือประมาณ 70,200 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจเตือนว่า ยูเครนอาจไม่สามารถรับภาระทางการเงินได้ในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อสงครามยังดำเนินอยู่ และทรัพยากรส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไปยังงบประมาณด้านการทหาร อีกทั้งยังมีปัญหาทุจริตในระบบงานศพ ที่อาจทำให้การชดเชยไม่ถึงมือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเหมาะสม

แม้รัฐบาลยูเครนจะเริ่มปฏิรูปเพื่อลดการคอร์รัปชัน แต่ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายยังเป็นคำถามสำคัญ ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชนที่ต้องการความโปร่งใส และจากพันธมิตรต่างชาติที่จับตามองการใช้งบประมาณอย่างใกล้ชิด

‘อีแจมยอง’ ชนะเลือกตั้ง คว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศให้คำมั่น ‘รวมใจประชาชน’ หยุดแบ่งขั้วการเมือง

(4 มิ.ย. 68) อีแจมยอง ชนะการเลือกตั้ง ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ โดยได้รับคะแนนเสียง 49.4% เอาชนะคิม มุนซู จากพรรคเดียวกับอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ที่เพิ่งถูกถอดถอนหลังพยายามประกาศกฎอัยการศึกจนเกิดวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่

ในพิธีสาบานตนเมื่อวันพุธ อีแจมยองให้คำมั่นว่าจะ 'รวมใจประชาชน' และย้ำว่าจะไม่ยอมให้สถาบันประชาธิปไตยถูกคุกคามอีก พร้อมประกาศจัดตั้งทีมเศรษฐกิจฉุกเฉินทันที เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ยังกล่าวถึงวิกฤตการเมืองที่ผ่านมาว่า เกิดจาก 'กลุ่มการเมืองที่ไม่สนใจชีวิตประชาชน' พร้อมเตือนว่าจะยุติการเมืองแบบแบ่งขั้ว พร้อมสร้างรัฐบาลที่ 'ยืดหยุ่นและเน้นความเป็นจริง'

แม้จะมีอดีตพัวพันคดีการเมืองหลายคดี แต่นักวิเคราะห์มองว่าชัยชนะของเขาเป็นผลจากความโกรธของประชาชนต่อการใช้อำนาจโดยมิชอบของรัฐบาลก่อนหน้า โดยเฉพาะการประกาศกฎอัยการศึกที่ถูกมองว่าละเมิดหลักประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม อีแจมยองยังต้องเผชิญแรงต้านจากกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดียุน ซึ่งยังคงมีพลังทางการเมือง และยังมีการพิจารณาคดีในศาลสูงที่อาจส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของเขา ขณะที่ อี แจมยอง ต้องพยายามเปลี่ยนความไม่พอใจของประชาชนให้กลายเป็นความหวังของชาติ

'รัสเซีย' ประกาศชัด ต้องการชัยชนะ และจะทำลาย ‘ยูเครน’ ไม่ใช่เจรจาสันติภาพ

(4 มิ.ย. 68) ดมีทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประกาศว่า รัสเซียมุ่งมั่นเอาชนะยูเครนและทำลายรัฐบาล 'นีโอนาซี' ไม่ใช่การประนีประนอม สร้างความปั่นป่วนให้กับการเจรจาสันติภาพระหว่างสองประเทศที่อิสตันบูลในสัปดาห์นี้ โดยเขาย้ำว่า “การแก้แค้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” หลังยูเครนโจมตีฐานทัพทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมดเวเดฟยังกล่าวถึงเอกสารบันทึกความเข้าใจของรัสเซียที่เสนอในการเจรจาวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงข้อเรียกร้องให้ยูเครนยอมสละดินแดนเพิ่มเติม ดำรงสถานะเป็นกลาง จำกัดขนาดกองทัพ และจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยการเจรจาใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง และยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้

แม้ทั้งสองฝ่ายจะตกลงแลกเปลี่ยนเชลยศึกและศพทหารกว่า 12,000 นาย แต่ไม่มีข้อสรุปเรื่องหยุดยิงถาวร รัสเซียระบุว่าเสนอหยุดยิงเฉพาะบางแนวรบเท่านั้น ขณะที่กองทัพรัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตีต่อ และเมดเวเดฟย้ำว่า “สิ่งที่ควรระเบิดจะถูกทำลาย ผู้ที่ควรหายไปจะต้องหายไป”

คำแถลงของเมดเวเดฟสร้างกระแสวิพากษ์ในสหรัฐฯ โดยวุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ เกรแฮม กล่าวประชดว่า “นี่คือช่วงเวลาที่หายากของความซื่อสัตย์จากฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย” พร้อมยืนยันว่ารัสเซียไม่มีความจริงใจต่อสันติภาพ ทั้งเกรแฮมและวุฒิสมาชิกอีกหลายคนเตรียมเสนอร่างกฎหมายคว่ำบาตร 'ขั้นโหด' ต่อมอสโก และเก็บภาษีพลังงานรัสเซียสูงถึง 500% เพื่อกดดันทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง

จีนพร้อมเปิดตัว ‘วีซ่าอาเซียน’ สิทธิ์เข้าออกยาว 5 ปี สำหรับนักธุรกิจพาคู่สมรส-บุตร พำนักได้สูงสุด 180 วัน

(4 มิ.ย. 68) กระทรวงการต่างประเทศจีนเปิดเผยว่า จีนได้เปิดตัว 'วีซ่าอาเซียน' สำหรับ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน และติมอร์-เลสเต เพื่อส่งเสริมการเดินทางระหว่างประเทศในภูมิภาค โดยผู้ที่มีคุณสมบัติจะได้รับวีซ่าประเภทเข้าหลายครั้งภายใน 5 ปี สำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจ พร้อมสิทธิให้คู่สมรสและบุตรพำนักได้สูงสุดครั้งละ 180 วัน

หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า ความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนในช่วงหลังมีความก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งในมิติความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน จึงมีความมุ่งหวังร่วมกันในการส่งเสริมความสะดวกในการเดินทางระหว่างกันมากขึ้น

นอกจากนี้ จีนยังขยายมาตรการยกเว้นวีซ่าให้แก่พลเมืองของประเทศในลาตินอเมริกา เช่น บราซิล อาร์เจนตินา และชิลี โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ทำให้จำนวนประเทศที่ได้รับสิทธิเดินทางเข้าจีนโดยไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่มเป็น 43 ประเทศ

โฆษกฯ ย้ำว่า มาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของจีนในการเปิดประเทศในระดับสูง และสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้าง โดยในไตรมาสแรกของปี 2025 จีนต้อนรับชาวต่างชาติเกิน 9 ล้านคน และมีบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนใหม่กว่า 18,000 แห่ง เพิ่มขึ้นกว่า 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ภูเขาไฟเอตนาปะทุ!!...นักท่องเที่ยวอเมริกันผวา ควันแดง-เสียงระเบิด ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง ‘ปอมเปอี’

(4 มิ.ย. 68) ภูเขาไฟเอตนา มีความสูง 3,323 เมตร ตั้งอยู่ในเมืองคาตาเนีย ของแคว้นซิซิลี ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นสูงที่สุดในยุโรป เกิดการปะทุอย่างรุนแรงในเช้าวันจันทร์ ปล่อยเถ้าถ่านและก๊าซร้อนสีแดงทะยานขึ้นฟ้า จนเกิดเป็นกลุ่มเมฆรูปเห็ดขนาดใหญ่ เหตุการณ์นี้ทำให้หน่วยงานด้านการบินของอิตาลีประกาศเตือนระดับสีแดงแก่เครื่องบินในพื้นที่

สถาบันธรณีฟิสิกส์และภูเขาไฟวิทยาแห่งชาติอิตาลี (INGV) ประเมินว่า กลุ่มเถ้าถ่านลอยขึ้นสูงถึง 6,500 เมตร และเคลื่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นการปะทุเริ่มต้นจากลาวาไหล ก่อนกลายเป็นกลุ่มเถ้าควันขนาดใหญ่ที่ลอยเหนือปล่องภูเขาไฟ

ขณะเดียวกัน คู่รักชาวอเมริกันจากนิวยอร์กที่กำลังฮันนีมูนในอิตาลี เผยว่าพวกเขาอยู่บนภูเขาในขณะเกิดการปะทุ มิเชล และ นิโคลัส ดิเลโอนาร์ดี เล่าว่าเห็นกลุ่มควันกลายเป็นสีแดงเข้มและได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น ทำให้รู้สึกหวาดกลัวและรีบออกจากพื้นที่ทันที โดยเปรียบเทียบเหตุการณ์ว่า “เหมือนกับปอมเปอี” ที่ถูกลาวาภูเขาไฟวิสุเวียสกลืนกินในอดีต

จากการรายงานของสื่อท้องถิ่น ANSA ระบุว่า ส่วนหนึ่งของปล่องภูเขาไฟอาจพังถล่มลงมา อย่างไรก็ตาม ทางการได้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเข้าใกล้บริเวณภูเขาไฟเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สนามบินในเมืองคาตาเนียยังคงเปิดให้บริการตามปกติ เนื่องจากกลุ่มเถ้าถ่านเคลื่อนตัวออกจากเส้นทางบินแล้ว

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยรายงานล่าสุดระบุว่าการปะทุเริ่มลดความรุนแรงลง และไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือได้ความเสียหายรุนแรงจากเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ชีวิตในบริเวณรอบภูเขาไฟเอตนากลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง แม้จะยังคงมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

‘เกาหลีใต้’ เปิดฉากเลือกตั้ง ‘ปธน.คนใหม่’ แทน ‘ยุน ซอกยอล’ โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งหมดกว่า 44 ล้านคน คาดรู้ผลพรุ่งนี้

(3 มิ.ย. 68) ชาวเกาหลีใต้เริ่มออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้วในวันนี้ เพื่อเลือกผู้นำคนใหม่แทนที่อดีตประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล ที่ถูกถอดถอนไปก่อนหน้า

รายงานข่าวแจ้งว่า หน่วยเลือกตั้งกว่า 14,000 แห่งทั่วประเทศได้เปิดตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาเกาหลีใต้ และจะปิดในเวลา 20.00 น. จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดกว่า 44 ล้านคนนั้น มีประมาณ 34.7% ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว

ผลการเลือกตั้งที่ขับเคี่ยวกันระหว่าง 3 ผู้สมัครคนสำคัญ ได้แก่ อี แจมยอง ตัวเต็งจากพรรคประชาธิปไตย (DP), คิม มุนซู จากพรรคพลังประชาชน และ อี จุนซอก จากพรรคปฏิรูปใหม่ คาดว่าจะทราบผลได้ในวันพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.)

ผู้ชนะจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นเวลา 5 ปี โดยตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้นั้นว่างลงตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. หลังจากที่นายยุนถูกถอดถอนตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่รับรองมติการถอดถอนของรัฐสภา สืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกชั่วคราวของเขาเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

ตามผลสำรวจของแกลลัพ โคเรีย (Gallup Korea) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นั้น อี แจมยอง มีคะแนนนำอยู่ที่ 49% ขณะที่คิม มุนซู ตามมาเป็นอันดับสองอยู่ที่ 35% ส่วน อี จุนซอก ได้รับคะแนน 11%

ผู้ต้องสงสัยรายแรก ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีด้วยโดรน ที่สนามบินฐานทัพอากาศรัสเซียในภูมิภาคอีร์คุตสค์ ถูกประกาศตามหาตัว จากหน่วยงานความมั่นคงของอีร์คุตสค์

(3 มิ.ย. 68) อาร์เทม ติโมฟีเยฟ (Артём Тимофеев) วัย 37 ปี เป็นชาวยูเครน เกิดในภูมิภาคซิตโตเมียร์ (Zhitomir) ของยูเครน ต่อมาย้ายมาอาศัยอยู่ที่เคียฟ

ปี 2014 เขาย้ายมาอาศัยในรัสเซีย โดยเริ่มต้นอาศัยอยู่ในโดเนตสค์ (Donetsk) หลังจากนั้นย้ายมาอาศัยอยู่ในเชเลียบินสค์ (Chelyabinsk) ภูมิภาคอีร์คุตสค์

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า ติโมฟีเยฟ มีชื่อเป็นเจ้าของรถบรรทุกสี่คันที่ใช้ลักลอบขนส่งโดรน โดยเขาเป็นคนว่าจ้างให้คนมาขับรถอีกทอดหนึ่ง และเป็นคนกำหนดจุดเพื่อให้รถจอดตามเส้นทางขนส่ง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ในการโจมตีสนามบินของฐานทัพอากาศเบลายาในเขตอีร์คุตสค์

ส่วนภรรยาและลูกชายของติโมฟีเยฟยังคงอาศัยอยู่ในยูเครน

แม้ว่าทั้งคู่จะได้รับสัญชาติรัสเซียแล้ว แต่ยังคงเรียกตัวเองว่า "ผู้รักชาติยูเครน" และมักจะวิจารณ์ปฏิบัติการพิเศษทางทหารของปูตินมาตลอด

นอกจากนี้ จากการสืบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง พบว่าติโมฟีเยฟ เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนยูเครน และมีส่วนเกี่ยวข้องในการประท้วงอย่างรุนแรงช่วงปี 2013-2014 หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ไมดาน (Maidan) ซึ่งเป็นช่วงที่เขาแฝงตัวเข้ามาอยู่ในรัสเซีย

‘ซาอุฯ’ สั่งห้าม!! มุสลิม เข้าเมกกะ หลังไม่มีใบอนุญาตประกอบพิธีฮัจญ์

(3 มิ.ย. 68) ซาอุดีอาระเบียสั่งห้ามไม่ต่ำกว่า 269,000 คนที่ไร้ใบอนุญาตเข้าประกอบพิธิฮัจญ์ที่ถือเป็นพิธีสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตชาวมุสลิมจากการเข้าสู่มหานครเมกกะระหว่างมาตรการกวาดล้างการเดินทางแสวงบุญผิดกฎหมาย

เอพีรายงานวานนี้(2 มิ.ย)ว่า รัฐบาลริยาดกล่าวโทษต่อการแออัดในพิธีฮัดจญ์จากกลุ่มผู้แสวงบุญที่ไม่มีใบอนุญาต ที่ริยาดอ้างว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ในพิธีฮัดจญ์ปีที่แล้วที่เกิดขึ้นท่ามกลางอากาศร้อนจัดสูงถึง 50 องศาเซลเซียสอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่มีใบอนุญาต

เอพีชี้ว่าจำนวนของการกวาดล้างผู้แสวงบุญผิดกฎหมายนี้นอกจากจะชี้ได้ถึงตัวเลขจำนวนมากของผู้ที่ไม่ได้ใบอนุญาตจากซาอุฯแต่ยังสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในการประกอบพิธีฮัดจญ์ที่มหานครเมกกะ

ปัจจุบันมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในเมืองเมกกะอย่างเป็นทางการราว 1.4 ล้านคนที่คาดว่าจะมีเป็นจำนวนมากเดินทางเข้ามาอีกไม่กี่วันนี้

ทั้งนี้มีค่าปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์และมาตรการลงโทษจากรัฐเป็นต้นว่า การเนรเทศสำหรับผู้ที่ประกอบพิธีโดยปราศจากใบอนุญาต

นโยบายนี้รวมไปพลเมืองซาอุฯเองและกลุ่มคนผู้มีถิ่นพำนักในซาอุดีอาระเบีย
ที่งานแถลงข่าวในนครเมกกะ เจ้าหน้าที่แถลงว่าพวกเขาสามารถกวาดล้างผู้แสวงบุญที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบพิธีฮัดจญ์ได้จำนวนราว 269,678 คนจากการเข้าสู่มหานครสำเร็จ

อ้างอิงจากกฎผู้ที่มีใบอนุญาตจะสามารถเข้าไปประกอบพิธีได้โดยไม่มีข้อยกเว้นให้กับคนที่อาศัยในเมืองเมกกะอยู่เดิม

เจ้าหน้าที่ซาอุฯได้สั่งลงโทษชาวซาอุฯกว่า 23,000 คนสำหรับการละเมิดกฎพิธีฮัดจญ์และได้สั่งถอนใบอนุญาตบริษัทแสวงบุญพิธีฮัจญ์อีกจำนวน 400 บริษัท

พลโท โมฮัมเหม็ด อัล-โอมารี (Mohammed Al-Omari)ว่า “บรรดานักแสวงบุญอยู่ในสายตาของพวกเรา และใครก็ตามที่ขัดขืนจะอยู่ในมือของพวกเรา”

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจอินเดีย แซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลก

(3 มิ.ย. 68) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจอินเดียแซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลกในปีนี้ 2568 รองจาก สหรัฐอเมริกา จีน และ เยอรมนี และคาดการณ์ว่าในปี 2570 จะแซงเยอรมนีขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของโลก

- อินเดีย 4.187 ล้านล้านดอลล่าร์

- ญี่ปุ่น 4.186 ล้านล้านดอลล่าร์

*** ขณะที่ จีนและญี่ปุ่น ประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

*** ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก 1,500 ล้านคนซึ่งแซงหน้าจีนมาในปี 2566 ที่ผ่านมา

‘คาร์โรล นาวร็อคกี’ ผู้นำชาตินิยม ชนะเลือกตั้งโปแลนด์ ชูจุดยืนแข็งกร้าว!!..ต้านยูเครน ใกล้ชิดสหรัฐฯ ชนอียู

(2 มิ.ย. 68) คาร์โรล นาวร็อคกี (Karol Nawrocki) ผู้นำสายอนุรักษ์นิยม คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโปแลนด์ด้วยคะแนน 50.89% เฉือนชนะราฟาล ทรัสคอฟสกี นายกเทศมนตรีวอร์ซอผู้แทนสายเสรีนิยม ซึ่งได้ 49.11% ท่ามกลางการขับเคี่ยวอย่างสูสีจนถึงโค้งสุดท้าย โดยก่อนหน้าการเลือกตั้ง ทรัสคอฟสกีมีคะแนนนำเล็กน้อยในโพลเกือบทุกสำนัก

นาวร็อคกี เป็นที่รู้จักจากจุดยืนชาตินิยมแข็งกร้าว และได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างโปแลนด์กับสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจสร้างความตึงเครียดกับสหภาพยุโรปที่ต้องการให้โปแลนด์เดินหน้าไปในทิศทางประชาธิปไตยเสรีนิยม

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเมืองของนาวร็อคกีอาจไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดนัลด์ ทัสก์ (Donald Franciszek Tusk) เป็นนักการเมืองสายเสรีนิยมที่มีบทบาทสูงในรัฐบาล ประกอบกับสมาชิกในรัฐสภาโปแลนด์ ยังเป็นพวกฝ่ายซ้ายอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้นโยบายของนาวร็อคกีอาจถูกต่อต้านได้

ในเวทีระหว่างประเทศ นาวร็อคกีแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO และวิจารณ์รัฐบาลเซเลนสกีอย่างรุนแรง พร้อมประกาศลดบทบาทโปแลนด์ในความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน แม้จะยังคงยืนกรานท่าทีต่อต้านรัสเซียก็ตาม โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งต่อจากอันเดรจ ดูดา ในวันที่ 6 สิงหาคม 2025 นี้

ถอดรหัสกองพันพิฆาตของเมียนมา ปรับกระบวนทัพให้เหมาะกับทุกสมรภูมิรบ

(2 มิ.ย. 68) เราจะเห็นข่าวว่ากองกำลังชาติพันธุ์ตีกองทัพเมียนมาแตก ยึดค่ายได้ บลาๆ  แต่ถามว่านับจากรัฐประหารมาตั้งแต่ 4 ปีก่อนจนปัจจุบันดูแล้วทำไมท่าทีของกองทัพเมียนมาไม่ได้ดูเหมือนผู้ปราชัยเลย วันนี้เอย่าจะมาถอดรหัสกองรบเมียนมาให้ได้ทราบกัน

พูดถึงทหารราบในเมียนมาแล้วที่เราเห็นส่วนใหญ่หากใครเคยไปต่างเมืองในประเทศเมียนมาแล้วเจอด่านตรวจหรือด่านเก็บส่วยของกองทัพ  ทหารเหล่านั้นเรียกว่าทหารประจำถิ่น  คำว่าทหารประจำถิ่นไม่ได้หมายความว่าทหารพวกนี้เกิดที่นี่เท่านั้น แต่ทหารกลุ่มนี้เวลากำลังพลย้ายไปประจำที่ไหนก็จะยกพาครอบครัวไปด้วย  ดังนั้นเราจะเห็นทหารพวกนี้บางด่านจะมีผู้หญิง หรือเด็กออกมาขายของเวลารถติดเข้าด่าน คนเหล่านี้คือครอบครัวของพลทหารนั่นเอง  กองทัพเมียนมามีทหารประจำถิ่นเหล่านี้จำนวนมากและใช้กองกำลังกลุ่มนี้ในการเฝ้าค่าย ตั้งด่านตรวจและรบในระยะทางไม่ไกลเป็นครั้งคราว

ทหารประจำถิ่นพวกนี้ไม่ได้มีแค่ระดับพลทหารแต่รวมถึงทหารระดับชั้นที่เป็นหัวหน้าบังคับกองร้อยด้วยเช่นกัน

จุดแข็งของทหารกลุ่มนี้คือชำนาญพื้นที่การศึกแต่ข้อเสียคือหากความเสียหายดังกล่าวเกิดกับครอบครัวมักจะยอมแพ้หรือหนี  ในหลายข่าวที่เราเห็นมีการสังหารผู้หญิงและเด็กส่วนใหญ่คือลูกเมียและครอบครัวของทหารประจำถิ่นทั้งสิ้น

กลศึกของทหารประจำถิ่นไม่ได้มีแค่กองทัพเมียนมาเท่านั้นแต่ยังเป็นลักษณะนี้เช่นกันในกองกำลังชาติพันธุ์ด้วย

กองกำลังที่ 2 ถูกเรียกว่ากองกำลังรบหลักเป็นกองกำลังที่มีประมาณ 10 กองพล  กองทัพนี้จะเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆที่มีการสู้รบเปรียบได้กับกองกำลังทหารพรานหรือกองกำลังรบพิเศษอะไรประมาณนั้น 

กองทัพนี้จะไม่มีครอบครัวติดตามไปมาเป็นเอกเทศและรบแบบเล็งผลเป้าหมาย  ดังนั้นในหลายปฏิบัติการที่เอาคืนพื้นที่จะมีกองพลกลุ่มนี้เป็นแนวหน้าเข้าประทะ  แต่อย่างที่บอกด้วยกองพลกลุ่มนี้ไม่ได้มีจำนวนมากหากเกิดสงครามก็ต้องวนไปรบในพื้นที่ต่างๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่กองทัพเมียนมาอ่อนแอเพราะไม่สามารถผลิตทหารกลุ่มนี้ให้มากพอกับกองกำลังที่มีอยู่ได้นั่นเอง

สหรัฐฯ กังวลหนัก!!..ขาดแร่ธาตุจากจีน กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการผลิตอาวุธ

(2 มิ.ย. 68) The Wall Street Journal รายงานว่าผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับการขาดแคลนแร่ธาตุหายาก ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตระบบอาวุธขั้นสูง ทั้งในด้านเรดาร์ มอเตอร์ขีปนาวุธ ไปจนถึงอาวุธพลังงานสูง โดยบริษัทเหล่านี้ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าแร่ดังกล่าวจากจีนเป็นหลัก ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งทางยุทธศาสตร์โดยตรง

นายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง ของจีน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ และผู้แทนการค้า เจมิสัน เกรียร์ มีเป้าหมายให้จีนกลับมาส่งออกแร่ธาตุหายากอีกครั้ง โดยสหรัฐฯ จะระงับการเก็บภาษีเป็นเวลา 90 วัน 

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวหาว่าจีนละเมิดข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศ  ทำให้มีผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ที่พึ่งพาแร่ธาตุหายากเหล่านี้ และกำลังพิจารณาการเพิ่มภาษีสินค้าจีนอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ทางการทูตได้เสื่อมถอยลงอีก โดยสหรัฐฯ ได้เพิกถอนวีซ่านักเรียนต่างชาติ และเปิดการสอบสวนแนวทางการค้าของจีน

แม้ว่าจะมีความเปิดกว้างจากฝ่ายจีนในการเจรจาต่อไป แต่ความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมยังคงมีจำกัด ซึ่งสะท้อนถึงความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top