Saturday, 12 October 2024
WORLD

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#7 อาวุธหนักที่ไม่เป็นรองใครใน ‘อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ’

หลังจากเยี่ยมชม การแสดง การสาธิต และการทดสอบการยิงอาวุธเบาด้วยกระสุนจริงและกระสุนซ้อมยิง ของบริษัท High-Precision Weapons holding ณ สนามยิงปืนซึ่งตั้งอยู่ภายในอนุสรณ์สถาน Patriot park ในช่วงเช้าและรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ช่วงบ่ายเป็นการเยี่ยมชมบูธนิทรรศการของบริษัท Almaz – Antey Air and Space Defence Corporation มีสำนักงานใหญ่ในกรุงมอสโก และเป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศรายใหญ่ ในแง่ของยอดขายอาวุธยุทโธปกรณ์ในระหว่างปี 2013-2016 ครองอันดับ 11-14 อย่างต่อเนื่องจาก 100 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และก้าวขึ้นเป็นอันดับแปดของโลกเมื่อวัดจากรายได้ในปี 2017 ซึ่งในปีนั้นเอง Almaz-Antey มียอดขายอาวุธถึง 9.125 พันล้านดอลลาร์ 

ผลิตภัณฑ์ของ Almaz – Antey ได้แก่ ระบบป้องกันอากาศยาน, ศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่, ระบบนำทาง, ขีปนาวุธ, ขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธ, ขีปนาวุธร่อน, เรดาร์, ระบบควบคุมอัตโนมัติ, ระบบนำทาง , ระบบจราจรทางอากาศ, สถานีอาวุธระยะไกล, ป้อมปืนอัตโนมัติ, กระสุนปืนใหญ่, อาวุธปืน และ อากาศยานไร้คนขับ ฯลฯ ทั้งยังผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับพลเรือน เช่น อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ระบบนำทาง ระบบจราจรทางอากาศ เรดาร์ตรวจอากาศและจราจรทางอากาศสำหรับการบินพลเรือน อุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน อุปกรณ์คมนาคม-ขนส่ง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ระบบรักษาความปลอดภัย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ระบบทำความสะอาดน้ำเสีย วาล์วระบายอากาศสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อาหาร ฯลฯ

Antey-2500 (S-300VM)

หนึ่งในระบบป้องกันภัยทางอากาศที่น่าสนของ Almaz – Antey ได้แก่ ระบบ ADMS 'Antey-2500' ซึ่งมีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายในระยะไกลและระดับความสูง โดยระบบนี้ใช้งานได้หลากหลายสำหรับการทำลายเป้าหมายทางอากาศพลศาสตร์และขีปนาวุธข้ามทวีปทุกประเภทที่มีพิสัยการยิงสูงสุดถึง 2,500 กม. ได้รับการออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับ :

- เครื่องบินรบทางยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ที่มีอยู่และคาดว่าจะมีในอนาคต (รวมถึงเครื่องบินล่องหน)
- ขีปนาวุธทางยุทธวิธี ขีปนาวุธพิสัยใกล้และระยะกลาง
- ขีปนาวุธร่อนและขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ
- ระบบเตือนภัยและควบคุมล่วงหน้าทางอากาศ ระบบตรวจจับเป้าหมายและระบบควบคุมการยิง
- เครื่องรบกวนสัญญาณลอยฟ้า

ความสามารถในการโจมตีเป้าหมายทางอากาศ :
ระยะปฏิบัติการสูงสุด :
- เป้าหมายทางอากาศ 350 กม.
- ขีปนาวุธทางยุทธวิธี 40 กม. 
- ขีปนาวุธพิสัยใกล้30 กม.

ระดับความสูง สูงสุด :
- เป้าหมายทางอากาศ 30 กม.
- เป้าหมายที่เป็นขีปนาวุธ 25 กม.
- ความเร็วสู่เป้าหมายกระสุนสูงสุด 4500 ม./วินาที
- พื้นที่ตัดเรดาร์ขั้นต่ำของเป้าหมาย 0.02 ตร.ม.
- ปริมาณของเป้าหมายที่โจมตีพร้อมกันขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องยิงภายในระบบ

S-400 'Triumph'

อีกระบบป้องกันภัยทางอากาศที่น่าสนของ Almaz – Antey ได้แก่ ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-400 พร้อมขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านอากาศยาน 48N6E3 (48N6E2), 40N6E, 9M96E2 และระบบควบคุม 30K6E มีขีดความสามารถในการทำลายเป้าหมายทางอากาศที่มีพิสัยการยิงทั้งหลายช่องทาง ระดับความสูง ความคล่องตัวและความแม่นยำสูง

ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 เป็นระบบมาตรฐานสากลที่ใช้ทำลายเป้าหมายทางอากาศทุกประเภทและขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีพิสัยการยิงสูงสุดถึง 3,000 - 3,500 กม. S-400 ADMS ออกแบบมาเพื่อทำลายวิธีการโจมตีทางอากาศที่มีอยู่และที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต (รวมถึงเครื่องบินล่องหน) ได้แก่
- เครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์
- ระบบเตือนภัยและควบคุมทางอากาศ
- เครื่องบินลาดตระเวนที่ทำหน้าที่ทั้งในฐานะปัจเจกและเป็นส่วนหนึ่งของระบบค้นหาเป้าหมายและควบคุมการยิง
- เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์
- ขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยกลาง
- วิธีการโจมตีทางอากาศอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมทางสงครามอิเล็กทรอนิกส์

ลักษณะเด่น
ช่วง (สูงสุด/นาที) :
- เป้าหมายทางอากาศ 380/2.5 กม.
- ต่อต้านเป้าหมายที่เป็นขีปนาวุธ 60/5 กม.
ขีดจำกัดระดับความสูง (สูงสุด/ต่ำสุด) :
- เป้าหมายทางอากาศ 30/0.01 กม.
- ต่อต้านเป้าหมายที่เป็นขีปนาวุธ 25/2 กม.
- ความเร็วสู่เป้าหมายสูงสุด 4,800 ม./วินาที

จำนวนเป้าหมาย/ขีปนาวุธนำวิถีที่ถูกโจมตีพร้อมกัน :
- SAM ในชุดเต็ม สูงถึง 80/160
- แยก ADMS (ฝ่าย) สูงถึง 10/20
ในปี 2017 หนังสือพิมพ์ The Economist ได้ให้คำอธิบายของระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ไว้ว่า “เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยมีการผลิตมา”

ซากเครื่องบิน B-52 Stratofortress ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งถูกยิงตกเหนือกรุงฮานอยในปี 1972

ระบบป้องกันภัยของสหพันธรัฐรัสเซียได้รับการพิสูจน์แล้วเมื่อครั้งสงครามเวียดนาม โดยยอดรวมอากาศยานของกองทัพสหรัฐฯ ทุกชนิดทุกเหล่าทัพ (บก-เรือ-อากาศ-นาวิกโยธิน) ประสบความสูญเสียรวมถึง 8,540 ลำ และอากาศยานของกองทัพเวียดนามใต้ประสบความสูญเสียอีก 1,018 ลำ ซึ่งอากาศยานส่วนใหญ่สูญเสียจากการรบ

เกิดเหตุปะทะชายแดนอิสราเอล-เลบานอน แรงงานไทยตาย 1 บาดเจ็บรุนแรง 1

(11 ต.ค. 67) สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ออกประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอล ว่า

ประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอลโดยที่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (11 ต.ค. 67) ได้เกิดเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถัง (anti-tank missile) เข้าไปยังนิคมเกษตร Yir'on ทางเหนือของอิสราเอลติดชายแดนเลบานอน

ซึ่งเป็นเขตปิดทางทหาร (closed military zone) ทำให้แรงงานไทย 1 รายเสียชีวิต และอีก 1 รายได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง

สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอแจ้งว่า หากมีพี่น้องแรงงานไทยที่ยังอยู่ในเขตปิดทางทหารหรือพื้นที่เสี่ยงอันตรายอื่น ๆ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อขอรับความช่วยเหลือในการย้ายออกจากพื้นที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ด้านล่าง

ฝ่ายกงสุล โทร +972 546368150 +972 503673195
ฝ่ายแรงงาน โทร. +972 9-954-8431+972 54-469-3476
ไอดีไลน์ 0544693476

เขตปิดทางทหาร (closed military zone) ในขณะนี้ 11 แห่ง ได้แก่ เมืองเมตูลา (Metula) มิซกาฟ อัม (Misgav Am) คฟาร์ กิลอาดี (Kfar Giladi) โดเวฟ (Dovev) ซิฟออน (Tziv'on) มาลเกีย (Malkia) รอช ฮานิกรา (Rosh Hanikra) ชโลมิ (Shlomi) ฮานิตา (Hanita) อดามิท (Adamit) และอาหรับ อัล-อรามเช (Arab al-Amshe) โดยเป็นพื้นที่ห้ามพักอาศัยหรือทำงาน

ด้วยความห่วงใย จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

2 นายกรัฐมนตรีไทย-จีน จับเข่าร่วมหารือทวิภาคี ผลักดันความร่วมมือในโอกาส 50 ปีมิตรประเทศ

(11 ต.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยว่าจีนพร้อมทำงานร่วมกับไทยเพื่อใช้วาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2025 เป็นโอกาสสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ ส่งเสริมความร่วมมือ และผลักดันการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

หลี่กล่าวคำข้างต้นระหว่างพบปะหารือกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมคณะผู้นำว่าด้วยความร่วมมือเอเชียตะวันออกในนครหลวงเวียงจันทน์ของลาวเมื่อวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) โดยหลี่เสริมว่าแนวคิด 'จีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน' ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

จีนและไทยเป็นมิตรสหายและเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่เชื่อมโยงกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ ขณะการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันยังคงเดินหน้าต่อไปภายใต้คำชี้แนะเชิงยุทธศาสตร์จากคณะผู้นำของสองประเทศโดยมีความร่วมมือด้านต่าง ๆ มากมายและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนอย่างอบอุ่น

หลี่คาดหวังว่าความสัมพันธ์จีน-ไทย จะผูกพันใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นและนำพาผลประโยชน์มาสู่ประชาชนของสองประเทศเพิ่มขึ้น โดยจีนสนับสนุนไทยแสวงหาวิถีทางการพัฒนาอันเหมาะสมกับสภาพการณ์ของประเทศ และยินดีจะเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจและเชื่อถือได้ของไทยเสมอ

ฝ่ายจีนพร้อมทำงานร่วมกับไทยเพื่อจัดวางยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ดีขึ้น สื่อสารนโยบายต่าง ๆ กับอีกฝ่ายอย่างแข็งขัน เร่งก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย ส่งเสริมการบูรณาการและการพัฒนาทางอุตสาหกรรม และกระชับความร่วมมือในนิคมอุตสาหกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล ยานยนต์พลังงานใหม่ พลังงานแสงอาทิตย์ฯลฯ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านและยกระดับเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น

หลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2025 และเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนด้านสื่อ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว การศึกษา และเยาวชน เพื่อรวบรวมแรงสนับสนุนจากสาธารณชนต่อมิตรภาพระหว่างสองประเทศ

จีนพร้อมทำงานร่วมกับไทยเพื่อดำเนินงานตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างมีคุณภาพสูง เร่งการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือพหุภาคี และร่วมคุ้มครองการพัฒนาอย่างสันติและมีเสถียรภาพในภูมิภาค

ด้านแพทองธารแสดงความยินดีกับวาระครบรอบ 75 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) และแสดงความเชื่อมั่นว่าจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและมีส่วนส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลกยิ่งขึ้น

ไทยยินดีร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองกับจีนเนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2025 พร้อมเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระดับสูง ส่งเสริมความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านเศรษฐกิจ การค้า การเกษตร และอื่น ๆ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนเพิ่มขึ้น และร่วมปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรศัพท์ เพื่อผลักดันการสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกันต่อไป

แพทองธารเสริมว่าไทยยินดีเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานกับจีนภายในอาเซียน ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และกรอบความร่วมมือพหุภาคีอื่น ๆ ตลอดจนร่วมส่งเสริมการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน และคุ้มครองสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งระดับภูมิภาค

(แฟ้มภาพซินหัว : หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมคณะผู้นำว่าด้วยความร่วมมือเอเชียตะวันออกในนครหลวงเวียงจันทน์ของลาว วันที่ 10 ต.ค. 2024)

ปิดตำนาน ‘ราฟาเอล นาดาล’ ประกาศแขวนแร็กเกตสิ้นปี หมดยุค 2 ราชาคอร์ทหญ้า-คอร์ทดิน ‘เฟเดอเรอร์-นาดาล’

(11 ต.ค. 67) บีบีซี สื่อในประเทศอังกฤษ รายงานว่า ราฟาเอล นาดาล อดีตแชมป์แกรนด์สแลม 22 รายการ วัย 38 ปี ชาวสเปน ได้ออกมาประกาศเลิกเล่นอาชีพอย่างเป็นทางการ โดยจะลงเล่นรายการสุดท้ายในศึกเทนนิสทีมชายชิงแชมป์โลก หรือ เดวิส คัพ 2024 ไฟนอลส์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างสเปน พบ เนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 19 พ.ย.67 นี้ 

นาดาล ได้เผยสั้น ๆ ว่า "ผมมาที่นี่เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าผมกำลังจะเลิกเล่นเทนนิสอาชีพ ความจริงก็ คือว่ามันเป็นปีที่ยากลำบากมากสำหรับผม โดยเฉพาะ 2 ปีหลังจากนี้ ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถเล่นเทนนิสได้โดยปราศจากข้อจำกัดต่าง ๆ"

สำหรับราฟาเอล นาดาล ได้เริ่มเล่นเทนนิสอาชีพตั้งแต่ปี 2001 สามารถคว้าแชมป์ตลอดการเล่นเทนนิสไปถึง 921 รายการ โดยเป็นแชมป์แกรนด์สแลมไปถึง 22 รายการ เฉพาะในศึกเฟรนช์ โอเพ่น ที่คว้าแชมป์ไปถึง 14 สมัย , แชมป์วิมเบิลดัน 2 สมัย , แชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น 2 สมัย , แชมป์ยูเอส โอเพ่น 4 สมัย รวมไปถึงคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์มาครอง 2 สมัย ในปี 2008 และ 2016 (ในประเภทชายคู่) และครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกไปถึง 209 สัปดาห์ 

‘ฮัน คัง’ นักเขียนหญิงจากเกาหลีใต้ ผงาดคว้ารางวัล ‘โนเบลวรรณกรรม’

(11 ต.ค. 67) มัตส์ มาล์ม เลขาธิการคณะกรรมการรางวัลโนเบลของสวีเดนประกาศชื่อผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี 2024 ซึ่งตกเป็นของ ฮัน คัง นักเขียนหญิงชาวเกาหลีใต้ วัย 53 ปี จากผลงานร้อยแก้วเชิงกวีอันเข้มข้นที่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์ และเปิดเผยความเปราะบางของชีวิตมนุษย์

ในผลงานของคัง เธอได้เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์และกฎเกณฑ์ที่มองไม่เห็น ทั้งยังเปิดเผยความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ เธอมีความตระหนักที่ไม่เหมือนใครต่อความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณ ชีวิตและความตาย ด้วยรูปแบบบทกวีและการทดลองของเธอ ทำให้คังกลายเป็นผู้ริเริ่มงานร้อยแก้วร่วมสมัย

ผลงานของคังเคยคว้ารางวัล International Booker Prize ในปี 2016 จากผลงานนวนิยาย The Vegetarian ซึ่งเป็นเรื่องสะเทือนใจเกี่ยวกับการตัดสินใจเลิกกินเนื้อสัตว์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ‘ฮัน คัง’ จากเกาหลีใต้ นับเป็นชาติที่ 4 ในทวีปเอเชียที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขา วรรณกรรม ต่อจาก ประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน

‘จีน’ เรียกเก็บเงินประกันบรั่นดีสูงสุด 39% มาตรการตอบโต้ ‘อียู’ ขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า

(10 ต.ค.67) จีน ตอบโต้การขึ้นภาษีอีวีของสหภาพยุโรป (อียู) โดยเรียกเก็บเงินค้ำประกันการนำเข้า ‘บรั่นดี’ จากอียูประมาณ 30.6% ถึง 39.0% ของมูลค่าการนำเข้า ฝรั่งเศสโดนหนักสุด เพราะครองส่วนแบ่งมากถึง 99% ของบรั่นดีที่จีนนำเข้าจากอียู

วันที่ 8 สิงหาคม 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า จีนใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping Measure) ชั่วคราวกับสินค้าบรั่นดีนำเข้าจากสหภาพยุโรป หรืออียู (EU) ส่งผลกระทบหลายแบรนด์ตั้งแต่เฮนเนสซี (Hennessy) จนถึง เรมี่ มาร์ติน (Remy Martin) หลังจากที่สหภาพยุโรปโหวตขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี (EV) จากจีนเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา 

ฝรั่งเศสถูกมองว่าเป็นเป้าหมายของมาตรการนี้ เนื่องจากฝรั่งเศสสนับสนุนการขึ้นภาษีรถอีวีจีน ที่สำคัญจีนนำเข้าบรั่นดีจากฝรั่งเศสคิดเป็น 99% ของการนำเข้าบรั่นดีจากอียูในปี 2023 คิดเป็นมูลค่าแตะ 1,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 56,000 ล้านบาท) 

กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า การสอบสวนได้กำหนดไว้เบื้องต้นว่า การทุ่มตลาดบรั่นดีจากสหภาพยุโรปเป็นภัยคุกคามต่อภาคอุตสาหกรรมบรั่นดีของจีน และตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป ผู้นำเข้าบรั่นดีจากอียูจะต้องวางเงินค้ำประกัน (Security Deposits) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่อัตราประมาณ 34.8% ถึง 39.0% ของมูลค่านำเข้า

เฮนเนสซี และเรมี่ มาร์ติน เป็นแบรนด์บรั่นดีที่ได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องจากผู้นำเข้าบรั่นดี 2 แบรนด์นี้ต้องวางเงินประกันสูงถึง 39.0% และ 38.1% ตามลำดับ ส่วนมาร์แตลล์ (Martell) ถูกเรียกเก็บต่ำสุดที่ 30.6%

เงินค้ำประกันที่เรียกเก็บนี้จะทำให้ต้นทุนล่วงหน้าของการนำเข้าบรั่นดีจากอียูเพิ่มขึ้น กระทรวงพาณิชย์จีนไม่ได้ให้รายละเอียดว่าผู้วางเงินค้ำประกันจะได้รับเงินคืนเมื่อไรและอย่างไร 

มาตรการลงโทษล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังสหภาพยุโรปโหวตขึ้นภาษีรถอีวีและจะบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคมจีนได้แสดงไมตรีจิตโดยระงับแผนใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดบรั่นดีของสหภาพยุโรป แม้จะพิจารณาแล้วว่าบรั่นดีจากสหภาพยุโรปที่ขายในจีนนั้นขายในราคาต่ำกว่าตลาด ซึ่งในตอนนั้นกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่าการสอบสวนจะสิ้นสุดก่อนวันที่ 5 มกราคม และจะไม่มีการขยายการสืบสวน

กระทรวงพาณิชย์จีนเคยกล่าวก่อนหน้านี้ถึงข้อค้นพบจากการสืบสวนว่า ผู้ผลิตเหล้าจากยุโรปขายบรั่นดีในตลาดจีนที่มีผู้บริโภค 1,400 ล้านคน ในราคาที่มีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด (Dumping Margin) อยู่ที่ 30.6% ถึง 39% ซึ่งถือเป็นการสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมสุราภายในประเทศจีน 

ทั้งนี้ สหภาพยุโรปผ่านมติบังคับใช้อัตราภาษีนำเข้าเพิ่มเติมเป็นเวลา 5 ปี สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนต่อ โดยกำหนดอัตราภาษี 7.8% สำหรับเทสลา (Tesla) และ 35.3% สำหรับแบรนด์เอ็มจี (MG) ของบริษัทเอสเอไอซี (SAIC) และสำหรับผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในจีนที่ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน เพิ่มเติมจากอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ทั่วไปที่เก็บ 10% แต่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) กล่าวเปิดทางว่า เต็มใจที่จะดำเนินการเจรจาหาทางเลือกอื่นต่อไป แม้จะมีการประกาศขึ้นภาษีแล้วก็ตาม
 

รัฐบาลอินโดนีเซียสวมใจสิงห์!! สั่งแบน Temu หวั่น!! สร้างความเสียหายจากการ 'ทุ่มตลาด'

(9 ต.ค. 67) หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้สั่ง “แบน” แอปพลิเคชัน "เทมู" (Temu) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีน เพื่อปกป้องธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศจากการถูกทำลาย และเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าราคาถูกท่วมตลาด

Temu ถือเป็นบริษัทในเครือของ PDD Holdings เชื่อมต่อโรงงานในจีนกับผู้บริโภคในกว่า 50 ประเทศ เช่น มาเลเซีย ไทย และสหรัฐโดยตรง
สำหรับเหตุผลของการแบน ทางการอินโดนีเซียระบุว่าโมเดลธุรกิจของแพลตฟอร์ม Temu ทำให้ผู้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานในประเทศอย่าง “ผู้ค้าส่ง” และ “ผู้ขนส่ง” ถูกตัดออกไป จนทำให้บริษัทต่างชาติสามารถรักษาราคาสินค้าให้ต่ำได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยในอินโดนีเซีย

“ถ้า Temu เข้ามาสร้างความเสียหาย จะมีประโยชน์อะไร? เราจะแบน โดยธุรกิจขนาดย่อมและกลางของเราจะพังทลายได้ หากปล่อยให้ Temu ดำเนินไปโดยไม่มีการควบคุม” บุดดิ อารี เซเทียดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารและสารสนเทศของอินโดฯ กล่าว

ด้านนานดี เฮอร์เดียมาน ประธานสมาคมผู้ประกอบการท้องถิ่น IPKB มองว่า “Temu จะทำลายอุตสาหกรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากในอินโดนีเซีย จากการนำเข้าขนาดใหญ่และการทุ่มตลาด”

นานดีกล่าวต่อว่า “อุตสาหกรรมสิ่งทอได้บูรณาการจากธุรกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ และระบบนิเวศนั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกทำลายโดยการเข้ามาของสินค้าราคาถูกอย่างไม่ควบคุมในตลาด ความเสี่ยงของการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย และสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ”

“อุตสาหกรรมสิ่งทอในอินโดนีเซียมีงานให้หลายล้านคน หากแพลตฟอร์ม Temu ครองอุตสาหกรรมสำเร็จ อุตสาหกรรมนี้จะมีความเสี่ยงที่จะประสบกับการลดลงของผลิตภาพและการเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงาน” นานดีอธิบาย

นานดียังแนะนำให้รัฐบาลจับตาดูธุรกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่นำเข้าเป็นไปตามกฎระเบียบท้องถิ่น อีกทั้งรัฐบาลควรช่วยอุตสาหกรรมท้องถิ่น เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจโดยการให้แรงจูงใจ ลงทุนในเทคโนโลยี และผลักดันการใช้ผลิตภัณฑ์ในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทวิจัย Momentum Works ระบุว่า อินโดนีเซียมีมูลค่าธุรกรรมอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 52,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

อัยการ 14 รัฐในสหรัฐรุมฟ้อง TikTok หวั่นอันตรายต่อเด็ก-เยาวชน ด้าน TikTok สวนอัยการเลือกฟ้องข้อหาหนัก แทนร่วมมือกันแก้ปัญหา

(9 ต.ค. 67) อัยการสูงสุดของ 14 รัฐในสหรัฐอเมริกา นำทีมโดย รัฐนิวยอร์ก และ แคลิฟอร์เนียได้ยื่นฟ้องต่อศาลประจำรัฐเมื่อวันอังคาร (8 ต.ต. 67) กล่าวหา TikTok โซเชียลมีเดียชื่อดังสัญชาติจีน เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้งานกลุ่มเด็กและ เยาวชน รวมถึงละเมิดกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวผู้เยาว์ที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาต

นับเป็นอีกครั้งที่มีการใช้กฎหมายโจมตีโซเชียลมีเดียชื่อดัง ที่เกิดจากการผสานความร่วมมือจากทั้ง 2 พรรคการเมืองใหญ่สหรัฐฯ ใน 14 รัฐ ด้วยข้อกล่าวหาว่า TikTok กระทำผิดกฎหมาย ด้วยคำเคลมที่ระบุว่าแพลทฟอร์มของตนมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานเด็ก และ เยาวชน 

เลติเทีย เจมส์ อัยการสูงสุดของนิวยอร์ก หนึ่งในทีมอัยการรัฐที่ยื่นฟ้อง TikTok กล่าวว่า ในความเป็นจริงนั้น ห่างไกลจากสิ่งที่ทางผู้ให้บริการได้เคลมไว้มาก เนื่องจาก มีกรณีผู้ใช้ TikTok รุ่นเยาว์ ในสหรัฐฯ จำนวนมาก กำลังทุกข์ทรมานจากปัญหาสุขภาพจิตที่เป็นผลจากการใช้งานโซเชียลมีเดียดังกล่าว 

คดีฟ้องร้องมุ่งเน้นไปที่ฟีเจอร์ที่ก่อให้เกิดอาการเสพติดโซเชียล รวมถึงการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง และการเล่นวิดีโอต่อเนื่องอัตโนมัติ กิจกรรมเกม "challenges" ในแพลทฟอร์มที่เป็นอันตราย และการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานที่อายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของรัฐบาลกลาง

ไบรอัน ชวาล์บ อัยการสูงสุดจากวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า เป้าหมายของการดำเนินคดีเพื่อต้องการให้ TikTok ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่มีต่อสภาพจิตใจของเด็ก และวัยรุ่น ที่ถูกแรงกระตุ้นให้ใช้ TikTok ส่งผลต่อความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ และความผิดปกติของร่างกายอื่นๆ โดย อัยการ ชวาล์บ ยังกล่าวอีกว่า TikTok ทำให้เกิดอาการเสพติดโซเชียล ที่เรียกว่า “ดิจิทัลนิโคติน”  หากรัฐไม่เข้ามาควบคุม เด็กรุ่นใหม่ของสหรัฐฯ ก็จะตกเป็นเหยื่อ จนนำไปสู่สังคมที่เสื่อมทรามและอ่อนแอ 

ด้านโฆษกของ TikTok ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อกล่าวหาเหล่านี้ และมีหลายประเด็นที่ไม่ถูกต้อง และก่อให้เกิดความเข้าใจผิด"  

อีกทั้งย้ำว่า TikTok มีมาตรการดูแลการใช้งานของเด็ก และเยาวชนอย่างเข้มงวดมาตลอด และมีการลบบัญชีผู้ใช้งานที่ต้องสงสัยว่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอยู่เสมอ และเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ที่สามารถจำกัดเวลาตั้งค่าหน้าจอเริ่มต้นได้ จับคู่ใช้งานกับคนในครอบครัวได้ หรือ ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้เยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี  

และตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ทีมงาน TikTok ก็ให้ความร่วมมือกับทางสำนักงานอัยการอย่างดี แต่มาวันนี้รู้สึกผิดหวังที่ทางอัยการเลือกที่จะดำเนินคดีกับ TikTok แทนที่จะหาทางทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกแพลทฟอร์มอย่างสร้างสรรค์ 

ปัจจุบันมากกว่าครึ่งของเด็กวัยรุ่นสหรัฐ ที่มีอายุ 13-17 ปี เล่น TikTok แอปพลิเคชั่นที่มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านบัญชีทั่วโลก จากจุดเริ่มต้นของการให้บริการแชร์คลิปวิดีโอสั้น จนถึงปัจจุบันมีฟีเจอร์ให้บริการมากมาย ทั้งการไลฟ์สด ซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านโซเชียล เป็นช่องทางการพบปะไอดอล บริการส่งเหรียญ และ สติกเกอร์ของขวัญให้กับศิลปินคนโปรด และกิจกรรมชาเล้นจ์ชิงรางวัลมากมาย ที่สร้างรายได้ให้แก่แพลตฟอร์มแตะระดับหมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ที่ผ่านมา 

แต่การขยายตัวของ TikTok ในตลาดสหรัฐอเมริกากลายเป็นประเด็นทางการเมือง เมื่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการครอบงำจากรัฐบาลจีนผ่านแอปพลิเคชั่น TikTok 

จนกระทั่งเมื่อเดือน มีนาคม 2024 ที่ผ่านมาสภาคองเกรซได้ลงมติอย่างท่วมท้น บีบให้ ByteDance บริษัทแม่ผู้พัฒนา TikTok ในจีน ขายกิจการ TikTok ให้แก่ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 มกราคม 2025 มิฉะนั้นจะถูกแบนการใช้งานในสหรัฐฯ อย่างถาวร   

‘จอห์น ฮอพฟิลด์-เจฟฟรีย์ ฮินตัน’ คว้าโนเบลฟิสิกส์ จากการแผ้วทางหนทางสู่ยุค AI เฟื่องฟูสุดขีด

(9 ต.ค. 67) นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ จอห์น ฮอพฟิลด์ และนักวิทยาศาสตร์สหราชอาณาจักร-แคนาดา เจฟฟรีย์ ฮินตัน คือผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2024 จากการประกาศเมื่อวันอังคาร (8 ต.ค.) ด้วยผลงานการค้นพบและการประดิษฐ์คิดสร้างในเรื่องการเรียนรู้ของเครื่องจักร ซึ่งเป็นการแผ้วถางทางสำหรับความรุ่งเรืองเฟื่องฟูของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในเวลาต่อมา

เทคโนโลยีเอไอที่กำลังก้าวผงาดขึ้นมาอย่างคึกคักในเวลานี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั้งสองมีส่วนสำคัญในการวางรากฐาน ได้รับการป่าวร้องยกย่องว่ามีศักยภาพที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงระดับปฏิวัติกันถึงรากถึงโคนในปริมณฑลด้านต่างๆ ตั้งแต่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ล้ำยุคล้ำสมัย ไปจนถึงการบริหารจัดการที่ทรงประสิทธิผลยิ่งขึ้น แต่เวลาเดียวกันนั้น มันก็ก่อให้เกิดความหวาดกลัวว่าในอีกไม่ช้าไม่นานมนุษยชาติจะประสบความพ่ายแพ้ไม่อาจสู้ปัญญาความฉลาด และไม่อาจแข่งขันกับเจ้าเครื่องจักรคิดได้นี้แม้มันจะเป็นประดิษฐกรรมของพวกเขาเอง

ฮินตัน ซึ่งได้รับเครดิตอย่างกว้างขวางว่ามีฐานะเป็น “พ่อทูนหัว” ของเอไอ และได้กลายเป็นพาดหัวตัวโตของสื่อต่างๆ ตอนที่เขาลาออกจากงานในบริษัทกูเกิลเมื่อปีที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าเพื่อที่เขาจะสามารถพูดได้อย่างสบายใจมากขึ้นเกี่ยวกับอันตรายต่างๆ ของเทคโนโลยีที่เขาเป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกนี้

“เราไม่มีประสบการณ์เอาเลยว่ามันจะเป็นยังไง สำหรับการที่เรามีสิ่งต่างๆ ที่ฉลาดกว่าเราอยู่ในครอบครอง” ฮินตันกล่าวทางโทรศัพท์มายังที่ประชุมแถลงข่าวรางวัลโนเบลในกรุงสต็อกโฮล์มทสวีเดน เมื่อวันอังคาร (8) ขณะเขาอยู่ในโรงแรมที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

“มันจะทำให้เกิดเรื่องมหัศจรรย์ในแง่มุมต่างๆ จำนวนมาก ในแวดวงอย่างเช่นการดูแลรักษาสุขภาพ” เป็นคำกล่าวของ ฮินตัน วัย 76 ซึ่งเป็นผู้ที่เกิดในสหราชอาณาจักร แต่เวลานี้เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณของมหาวิทยาลัยโทรอนโต แคนาดา พร้อมกันนั้น เขาก็เตือนว่า “แต่เราก็ต้องมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลพวงต่อเนื่องที่เลวร้ายหลายๆ อย่างซึ่งสามารถเกิดขึ้นมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยคุกคามของการที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้กำลังเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้”

สำหรับ ฮอพฟิลด์ วัย 91 ปี ซึ่งเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณอยู่ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน สหรัฐฯ ราชบัณฑิตยสภาทางวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน ที่เป็นผู้พิจารณาตัดสินผู้ชนะรางวัลนี้ แถลงว่า เขาเป็นผู้สร้างแนวความคิดเรื่องหน่วยความจำสาระ (associative memory) ที่สามารถนำมาจัดเก็บและสร้างขึ้นมาใหม่ในรูปแบบของภาพ และรูปแบบของข้อมูลอื่นๆ

“ผู้ชนะรางวัลโนเบลในสาขาฟิสิกส์ทั้งสองคนของปีนี้ ได้ใช้เครื่องมือต่างๆ จากวิชาฟิสิกส์มาพัฒนาพวกวิธีการซึ่งกลายเป็นรากฐานของเรื่องการเรียนรู้ของเครื่องจักรซึ่งทรงพลังอย่างยิ่งในทุกวันนี้” คำแถลงของราชบัณฑิตยสภาสวีเดนระบุ

“การเรียนรู้ของเครื่องที่ยึดโยงอยู่กับโครงข่ายประสาทเทียม คือสิ่งที่เวลานี้กำลังก่อให้เกิดการปฏิวัติในด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และชีวิตประจำวัน”

ขณะที่ ฮินตัน เป็นผู้ประดิษฐ์วิธีการที่สามารถค้นหาคุณสมบัติต่างๆ ในข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติ และกระทำภารกิจต่างๆ เป็นต้นว่า การจำแนกแยกแยะส่วนประกอบพิเศษต่างๆ ที่อยู่ในรูปภาพ คำแถลงของราชบัณฑิตยสภาสวีเดนกล่าว

ถึงแม้เขาลาออกจากกูเกิล ในปี 2023 ภายหลังเกิดความตระหนักถึงความเป็นจริงที่ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถที่จะมีความฉลาดเหนือกว่ามนุษย์ได้ในช่วงเวลาที่รวดเร็วยิ่งกว่าที่เขาตลอดจนพวกผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ คาดหมายกันไว้ แต่ ฮินตัน ก็บอกว่าบริษัทกูเกิลเองมีการปฏิบัติในเรื่องนี้ในแบบที่มีความรับผิดชอบอย่างยิ่ง

ฮินตันกล่าวด้วยว่า แม้เขารู้สึกสำนึกเสียใจเกี่ยวกับงานวิจัยบางส่วนของเขา แต่เขาก็กระทำออกไปเช่นนั้นโดยขึ้นอยู่กับข้อมูลข่าวสารที่เขามีอยู่ในตอนนั้น

“ในสถานการณ์อย่างเดียวกัน ผมก็จะทำอย่างเดิมอีก” เขาบอกกับที่ประชุมแถลงข่าวรางวัลโนเบล “แต่ผมก็มีความวิตกกังวลว่าผลพวงต่อเนื่องโดยรวมของเรื่องนี้อาจจะออกมาว่าระบบต่างๆ จะมีความฉลาดยิ่งกว่าเรา และเป็นฝ่ายที่กุมอำนาจควบคุมเอาไว้ในท้ายที่สุด”

ต่อไปไม่ง่ายอีกแล้ว!! ‘ข้าราชการน้ำดี’ เริ่มขยับเอาจริง สกัดขบวนการ ช่วยต่างด้าวฟอกขาวเป็นคนไทย

(9 ต.ค. 67) ต้องขอบคุณสื่อหลักที่เริ่มมองเห็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา ซึ่งถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า คนพวกนี้เคลื่อนไหวเงียบ ๆ ใต้ปีก NGO  มานับสิบๆปี สร้างเครือข่ายใต้ดินจนแข็งแกร่งยิ่งใหญ่และนำพาเหล่าคนเมียนมาเข้ามาฟอกขาวเป็นคนไทยนานนับหลายศตวรรษ 

ที่ผ่านมาเอย่าไปคุยกับพี่ ๆ หลายคน และมีพี่ท่านหนึ่งที่ให้ความเห็นที่น่าสนใจ  เธอคนนั้นบอกว่าสมัยเธอยังเป็นนักเรียน ย่านวงเวียนใหญ่ สมัยนั้นใคร ๆ ก็เรียกว่าลาวเซ็นเตอร์ เพราะทุกวันหยุดจะมีแรงงานชาวลาวที่ทำงานในตลาดแถวนั้นหรือร้านค้าบริเวณนั้นเข้ามาจับกลุ่มใต้ต้นไม้ที่วงเวียนใหญ่ยึดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชาวลาวก็เริ่มหายไปกลายเป็นชาวพม่าเข้ามาแทน จนเธอรู้สึกตัวอีกทีทุกหนแห่งก็อุดมไปด้วยคนพม่าหมดแล้ว ที่น่าตลกคือเธอที่เป็นคนไทยไปตลาดไม่สามารถซื้อผักในราคา 10 บาทได้ ในขณะที่เด็กคนพม่าคนงานข้างบ้านเธอซื้อได้เพราะคนขายเป็นชาวพม่า ทำให้เธอรู้สึกว่าแม้เธอเป็นคนไทยแต่กลายเป็นคนที่มีต้นทุนการใช้ชีวิตที่สูงกว่าคนพม่าในไทยเสียอีก

แม้เธอคนนั้นจะพูดติดตลกก็ตาม สำหรับเอย่าคงไม่รู้สึกตลกกับเรื่องแบบนี้ เพราะกลายเป็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้ลอบเร้นเข้ามากันเป็นหลายสิบปี พร้อมฟอกขาวออกลูกหลานเตรียมการเป็นคนไทยจนหลายคนได้สัญชาติไปแล้วก็มี

เหตุการพวกนี้เราคงไปว่าคนพม่าอย่างเดียวไม่ได้ คงต้องว่าคนไทยด้วยกันเองนี่แหละ เพราะเหล่ากรรมาธิการกลุ่มต่าง ๆ ในสภาที่มีการเลือกมาเป็นกลุ่มย่อย ต่างก็เป็นคนในอาณัติของท่าน สส. ผู้ทรงเกียรติกันทั้งนั้น  คนเหล่านั้นคือกำลังหลักในการผลักดันร่างกฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ ที่ช่วยเอื้อให้ต่างชาติเหล่านี้ อย่างว่าเอย่าได้ข่าวว่าแม้เงินเดือนกรรมาธิการเหล่านี้ไม่ได้สูง แต่รายได้พิเศษนี่มาจากไหนไม่รู้ทอนกันมา 7 หลักขึ้นทั้งนั้น รายได้ดีขนาดนี้ จ้างผีโม่แป้งยังได้ ทำไมจะจ้างคนไทยให้ขายจิตวิญญาณไม่ได้

อีกอย่างสำหรับคนดีมีอุดมการณ์ที่หลุดเข้าไปเป็นกรรมาธิการพวกนี้ พอไม่ทำตามที่ท่าน สส. ผู้ทรงเกียรติต้องการก็ต้องมีอันกระเด็นจากตำแหน่ง อย่างว่ากฎหมายให้อำนาจ สส. คุมคนพวกนี้อีกทีจะกล้าหือได้อย่างไร

สงสารก็เพียงคนไทยที่พยายามเป่าปากโห่ร้องหาประชาธิปไตย 3 นาทีในคูหา แล้วต้องก้มหน้าก้มตาดูคนที่เลือกมาให้โอกาสพวกต่างชาติมีต้นทุนการใช้ชีวิตที่ถูกกว่าคนไทย ก็ช่วยไม่ได้รักชอบเลือกกันเข้ามาเองทั้งนั้น

สุดท้ายเอย่าคงได้แต่หวังว่า คนไทยเราได้ตื่นรู้แล้ว ข้าราชการดีๆเริ่มขยับแล้ว ทำให้แผนฟอกขาวตามชายแดนเริ่มลำบากขึ้น และแผนของกลุ่มคนบางกลุ่มที่ต้องการเอาคนพวกนี้มาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่เป็นไปดังหวัง 

เอย่าต้องขอบคุณข้าราชการน้ำดีที่เริ่มตรวจตราเอาจริงเอาจังกับทุกกลุ่ม อย่างที่บอกคนพวกนี้ไม่ใช่แค่แรงงานแต่คนส่วนใหญ่เป็นคนมีความรู้และใช้ประเทศไทยเป็นฐานเคลื่อนไหวสร้างปัญหาในเมียนมา ทั้งเรื่องการระดมทุน ซื้ออาวุธ ซื้อเสบียง ซึ่งหากข้างบ้านไม่สงบ ไทยเราจะสงบสุขได้อย่างไร เพราะตอนนี้เราได้เห็นแล้วว่าเมื่อประเทศเพื่อนบ้านเดือดร้อน ไทยได้รับผลกระทบอย่างไร

CNN โพลชี้คะแนนทรัมป์-แฮร์ริสตีคู่!! เบียดสูสี ลุ้นกันต่อ 1 เดือนสุดท้ายก่อนเปิดให้หย่อนบัตร

(9 ต.ค. 67) ความนิยมในตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน ที่ลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดียังคงใกล้เคียงกันมาก โดยล่าสุดสำนักข่าว CNN ได้เผยแพร่โพล CNN Poll of Polls ที่หาค่าเฉลี่ยจากการสำรวจระดับชาติโดยรวม พบว่า 49% สนับสนุนรองประธานาธิบดีแฮร์ริส และ 47% ชื่นชอบอดีตประธานาธิบดีทรัมป์

ค่าเฉลี่ยใหม่บ่งชี้ว่าไม่มีผู้ใดที่ได้คะแนนความนิยมนำที่ชัดเจนระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริส

ทั้งนี้  โพลใหม่ของ CNN รวมเอาโพลการสำรวจความคิดเห็นของ New York Times/Siena College มาคำนวณด้วย ซึ่งโพลนี้ แสดงให้เห็นว่า แฮร์ริส นำทรัมป์แบบเฉียดฉิวในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  ผู้ให้ข้อมูล 47% หนุนแฮร์ริส  44% หนุนทรัมป์ ในกรณีที่มีการระบุชื่อผู้สมัครบุคคลที่สามรวมอยู่ในคำถาม และแฮร์ริสได้ 49% ทรัมป์ 46% ในการสำรวจความคิดเห็นโดยไม่มีการระบุชื่อผู้สมัครรายอื่น

ทั้งนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ตามเวลาท้องถิ่น

โด่งดังแบบไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ปรากฏภาพหมูเด้ง ฮิปโปแคระแสนน่ารักบนกราฟฟิตี้ที่ ‘เบอร์มิงแฮม’

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบัญชีเฟซบุ๊ก Panayu Na Nagara ได้มีการเผยแพร่ภาพ กราฟฟิตี้ ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ โดยกราฟฟิตี้ดังกล่าวเป็นภาพของฮิปโปแคระชื่อดังจากสวนสัตว์เขาเขียว ประเทศไทย ที่รู้จักกันทั่วโลกในชื่อ ‘หมูเด้ง’

ธนาคารโลกออกโรงเตือนเศรษฐกิจจีนชะลอตัวกระทบทั้งภูมิภาค ความขัดแย้งระดับโลกบีบให้เลือกข้าง แนะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

(8 ต.ค. 67) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “ธนาคารโลก” คาดการณ์การเติบโตของจีนว่าจะอ่อนแอลงต่อไปในปี 2568 แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก็ตาม ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศภูมิภาคเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น

ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายครึ่งปี ธนาคารโลกยังคาดการณ์จีนอีกว่า เศรษฐกิจจีน มีแนวโน้มขยายตัวช้าลงเหลือ 4.3% ในปีหน้าจากประมาณการ 4.8% ในปี 2024 จนอาจส่งผลให้การเติบโตในประเทศแถบเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก รวมถึงประเทศต่างๆ เช่น อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลี มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามจนเหลือ 4.4% ในปี 2025 จากประมาณ 4.8% ในปีนี้

“เป็นเวลาสามทศวรรษที่การเติบโตของจีนได้ส่งผลดีต่อเพื่อนบ้าน แต่ในขณะนี้ ขนาดแรงผลักดันดังกล่าวกำลังลดลง” ธนาคารโลกกล่าวเมื่อวันอังคาร “การสนับสนุนทางการคลังที่เพิ่งประกาศอาจช่วยเพิ่มการเติบโตระยะสั้น แต่การเติบโตระยะยาวจะขึ้นอยู่กับการปฏิรูปโครงสร้างที่ลึกกว่า”

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ประมาณ 5% ในปีนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดูเหมือนจะเข้าถึงได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงสั่นคลอน โดยในปลายเดือนกันยายน รัฐบาลปักกิ่งได้เปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากมายที่มุ่งเน้นไปที่นโยบายการเงินเป็นหลัก อย่างการลดอัตราดอกเบี้ย

นอกจากการเติบโตที่ชะลอตัวของจีนแล้ว การเปลี่ยนแปลงของการค้า และการลงทุน รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายโลกที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออก และแปซิฟิกด้วย ธนาคารโลกกล่าว

อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนได้สร้างโอกาสให้กับประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม ในการมีบทบาทในการเชื่อมโยงคู่ค้ารายใหญ่ 

“หลักฐานใหม่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจอาจถูกจำกัดให้เล่นบทบาท ‘ตัวเชื่อมต่อทางเดียว’ มากขึ้น เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการนำเข้า และการส่งออกได้ถูกบังคับใช้” ธนาคารโลก กล่าว

ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคารยังได้ตรวจสอบเทคโนโลยีใหม่ เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรมและปัญญาประดิษฐ์ ถึงผลกระทบต่อตลาดแรงงานทั่วเอเชีย

“เนื่องจากภูมิภาคนี้ยังพึ่งพาแรงงานคนเป็นหลัก ทำให้มีงานที่ถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์น้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้ว แต่กลับกัน ภูมิภาคนี้ก็ยังไม่ได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพที่ปัญญาประดิษฐ์จะนำมาให้มากพอเช่นกัน” ธนาคารโลก กล่าว

หนุ่มอังกฤษหัวใจจีน เผยประสบการณ์ทำงานสุดหฤโหดในประเทศจีน เข้างาน 9 โมงเลิก 3 ทุ่ม 6 วัน ชี้ตัวการทำหนุ่ม-สาวหมดไฟทำงาน

(8 ต.ค. 67) แจ็ค ฟอร์สไดค์ หนุ่มอังกฤษวัย 28 ปีที่แจ้งเกิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ ด้วยการแชร์ประสบการณ์ชั่วโมงการทำงานสุดโหดในจีน ที่เรียกว่าระบบ 996 (ทำงาน 9 โมงเช้า - 3 ทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์) ในบริษัทเกมส์ยักษ์ใหญ่ของจีน จนกลายเป็นไวรัลในสื่อโซเชียลจีน และมีชาวจีนเข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก

แจ็ค ฟอร์สไดค์ หนุ่มอังกฤษหัวใจจีน จากเมืองยอร์กเชอร์ ผู้เรียนจบจาก University of Manchester โดยเลือกเรียนวิชาภาษาจีน และเคยมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ปักกิ่ง 1 ปีและตกหลุมรักเมืองจีนเข้าเต็มเปา จึงตัดสินใจ ย้ายข้ามทวีปมาหางานทำในประเทศจีน หลังจากเรียนจบ 

และได้งานใน NetEase หนึ่งในบริษัทเกมส์ยักษ์ใหญ่ของจีนในเมืองกวางโจวเมื่อปี 2022 ซึ่งในช่วงแรกเขาทำงานแปลภาษา ที่ไม่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา ชีวิตการทำงานในจีนถือว่าสุขสบายราบรื่น จนกระทั่งเมื่อมกราคม 2024 เขาถูกย้ายมาอยู่ในแผนกออกแบบเกม ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วัฒนธรรมการทำงานแบบ 996 ไปโดยปริยาย

เนื่องจากแผนกที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกม จำเป็นต้องรับมือกับการแข่งขันสูง งานทุกชิ้นมีเส้นตายเพื่อออกงานบี้กับบริษัทคู่แข่ง ทุกคนในทีมล้วนทำงานหนักเพื่อส่งงานให้ทัน และบางครั้ง แจ็ค และเพื่อนในทีมต้องทำงานมากกว่า 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

"พวกเราเริ่มงานกันตอน 10 โมงเช้า ตั้งแต่เดือนเมษายน และเวลาเลิกงานตามมาตรฐานคือ 4 ทุ่ม บางวันทำงานหามรุ่งกันยันเที่ยงคืน วันเสาร์แทบไม่ใช่วันหยุดอีกต่อไป ผมเคยต้องมาทำงานวันเสาร์ติดกัน 3 สัปดาห์รวด" แจ็ค ฟอร์สไดค์ หนุ่มอังกฤษผู้ผ่านประสบการณ์ Culture Shock ของการทำงาน 996 กล่าวผ่านสื่อโซเชียลจีน และมียอดผู้ชมสูงถึง 265,000 วิว เลยทีเดียว 

เมื่อถูกถามว่า ทำไมถึงไม่มีใครร้องเรียนบริษัท หรือ ลองหางานใหม่ ไมค์ ตอบว่า ในช่วงเวลานั้นเราทุกคนคิดแต่เรื่องการทำงานเป็นทีม หากใครทำช้า งานก็จะส่งไม่ทัน และไม่มีใครอยากเป็นตัวถ่วงของทีม 

และตั้งแต่เขาย้ายมาแผนกใหม่ แจ็คก็เริ่มโพสต์ภาพที่สุดแสนเหน็ดเหนื่อยของของลงบน Xiaohongshu แอปพลิเคชันที่คล้าย Instagram เวอร์ชั่นจีน บางครั้งมีแคปชั่น ถามลอยๆว่า เขามาทำอะไรที่นี่? หรือตั้งคำถามเกี่ยวกับการงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างเพิ่มจึงเป็นเรื่องปกติในจีน, หรือบ่นลอยๆว่า เหนื่อยชะมัด อยากออกแล้ว!!! ซึ่งโพสต์ล่าสุดของเขามีผู้เข้าชมเกิน 3 แสนวิว

แจ็ค ฟอร์สไดค์ ที่ตอนนี้กลายเป็นเน็ตไอดอลจำเป็น กล่าวว่า ที่ชาวเน็ตจีนเข้ามาติดตามสื่อโซเชียลของเขา เพราะแรงงานต่างชาติมักไม่ค่อยบอกเล่าเรื่องราวการทำงานในองค์กรจีน ผ่านสื่อโซเชียลของจีน แต่พอมีฝรั่งสักคน มาบ่นเรื่องเดียวกับที่หนุ่ม-สาวชาวจีนทั่วไปก็เจอ เขาจึงได้รับความเห็นใจ  และรู้สึกว่าเรื่องที่เขาแชร์  เป็นเหมือนปากเสียงแทนพวกเขา 

แต่ทว่า แจ็ค ฟอร์สไดค์ ก็แชร์ประสบการณ์ทำงานแบบ 996 ของเขาได้ไม่นาน ก็ถูกทาง NetEase เลิกจ้างไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งการออกมาพูดเกี่ยวกับการทำงานในองค์กรอาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะทางบริษัทต้นสังกัดมีแผนปรับโครงสร้าง ลดพนักงานอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่แจ็ค ต้องเจอในวัฒนธรรมการทำงานแบบ 996 ไม่ได้ทำให้เขารักที่จะใช้ชีวิตในประเทศจีนน้อยลง หลังจากถูกเลิกจ้าง เขาย้ายไปอยู่ที่เมืองฮาร์บิน บ้านเกิดของภรรยาของเขา และยังคงเขียนบทความออนไลน์เกี่ยวกับการทำงานในระบบ 996 ที่จะส่งผลเสียต่อองค์กรจีนในระยะยาว เป็นสาเหตุที่หนุ่น-สาวจีนมีอันต้องหมดไฟทำงานก่อนวัยอันควร และสุดท้ายองค์กรก็จะสูญเสียทรัพยากรบุคคลไป เพราะเน้นที่ปริมาณผลงาน มากกว่าคุณภาพของการทำงาน

ส่วน แจ็ค ฟอร์สไดค์ เน็ตไอดอลจำเป็นวันนี้ ยังเข็ดขยาดกับการทำงานสไตล์ 996 อยู่ จึงขอเวลาทำใจ พักแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานที่ผ่านมา   ก่อนไปลุยงานใหม่ในจีนต่อไป ไม่หนีกลับประเทศแน่นอน

นายกเทศมนตรีเม็กซิโกถูกฆ่าตัดคอ หลังรับตำแหน่ง 6 วัน เผยเพิ่มเติม มีอีก 6 ผู้สมัครถูกสังหารโหดช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

(8 ต.ค. 67) เดอะซัน รายงานวันที่ 8 ต.ค. ถึงเหตุสะเทือนขวัญใน ประเทศเม็กซิโก หลังจาก นายอเลฮานโดร อาร์คอส อายุ 43 ปี นายกเทศมนตรีเมืองชิลปันซิงโก เมืองเอกของ รัฐเกร์เรโร ทางตอนใต้ ถูกฆาตกรรมตัดศีรษะ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เพียง 6 วันภายหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ต.ค.

ศพของนายอาร์คอสในลักษณะไร้ศีรษะนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับในรถยนต์ ส่วนศีรษะที่ถูกตัดออกวางอยู่บนหลังคารถคันเดียวกัน สื่อท้องถิ่นระบุว่าเหตุสังหารสุดสยองที่ทำให้ความหวาดผวาไปทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะรัฐเกร์เรโร เกิดขึ้นหลังจากนายอาร์คอสลงพื้นที่ฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุเฮอริเคนที่พัดถล่มก่อนหน้านี้

ภาพถ่ายที่โพสต์ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของนายอาร์คอสเผยให้เห็นนายอาร์คอสกำลังพูดคุยกับคนในพื้นที่ แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ถูกฆาตกรรม นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า 3 วันก่อน เลขาธิการสภาเทศบาลเมืองชิลปันซิงโกถูกสังหารเช่นกัน

เหตุฆาตกรรมทั้งสองกรณียังเกิดขึ้นหลังจากผู้สมัคร 6 คนถูกฆ่าในช่วงใกล้การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และนายกเทศมนตรีอีกคนจากรัฐเดียวกันที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนมิ.ย. ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตขณะขับรถอยู่บนมอเตอร์เวย์

รัฐกูร์เรโรเป็นหนึ่งในรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากความรุนแรงของแก๊งอาชญากรรมค้ายาเสพติดเพราะตั้งอยู่บนเส้นทางที่อาชญากรใช้ในการลักลอบขนส่งของผิดกฎหมาย และในช่วงปี 2566 รัฐกูร์เรโรมีเหตุฆาตกรรมกว่า 1,900 คดี

ด้าน นางอีฟลิน ซัลกาโด ผู้ว่าการรัฐกูร์เรโร แถลงประณามเหตุสังหารดังกล่าว ส่วน นายอเลฮานโดร โมเรโน หัวหน้าพรรคอาร์พีไอ ต้นสังกัดของนายอาร์คอส เรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางเม็กซิโกรับหน้าที่สืบสวนหลักเนื่องจากทางการท้องถิ่นรัฐกูร์เรโรไม่สามารถบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่ได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top