Sunday, 25 May 2025
WORLD

ลูกนักการเมืองท้องถิ่น ของฟินแลนด์ วัย 20 ปี อาสาไปรบที่ยูเครน ไปได้ 4 เดือนเสียชีวิต ศพก็ไม่ได้คืน 

(5 พ.ค. 68) อาสาสมัครชาวฟินแลนด์ในยูเครนอยากกลับบ้าน แต่ไม่ได้กลับ

ความโหดร้ายของสงครามได้สร้างบาดแผลให้กับครอบครัวหนึ่งในเมืองตูร์คูอย่างรุนแรง

การตัดสินใจไปอาสาร่วมรบในยูเครนเป็นเรื่องใหญ่ที่เปลี่ยนชีวิต ไม่ใช่การผจญภัยหรือภารกิจเล่น ๆ และไม่ใช่สิ่งที่สามารถถอนตัวได้ง่าย ๆ โดยสำนักข่าว Yle ของฟินแลนด์ได้พูดคุยกับครอบครัวหนึ่งที่ได้รับบทเรียนนี้ด้วยตนเองโดยตรง

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ได้เตือนอาสาสมัครที่กำลังจะไปรบที่ยูเครน โดยเน้นย้ำถึงข้อผูกพันของสัญญาการรับราชการทหารยูเครน ซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งจากตูร์คูอาจไม่เห็นประกาศเตือนนั้นทันเวลา

จิร์กิ โอแลนด์ (Jyrki Åland) ชาวเมืองตูร์คู ได้กอดลูกชายของเขาเป็นครั้งสุดท้ายที่สถานีรถไฟคุปปิตตา เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม

ลูกชายวัย 20 ปีชื่อ ลีโอ (Leo) ได้แรงบันดาลใจในการสมัครไปรบในยูเครนขณะที่เขารับราชการทหารในฟินแลนด์ โดยผู้เป็นพ่อเล่าว่า ลีโอรู้สึกเหมือนเป็นภารกิจ แต่ครอบครัวไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้

“พวกเราพูดถึงอันตรายของสงครามและขอให้เขาไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่เขารู้สึกว่าพวกเรากำลังกดดันเขา จนสุดท้ายเขาตัดสินใจออกเดินทางเร็วกว่าที่วางแผนไว้” ผู้เป็นพ่อกล่าว

ลีโอประจำการในยูเครนประมาณสี่เดือน และพ่อผู้ซึ่งเป็นประธานเขตพรรค Finns Party ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ ก็ได้รับข่าวการเสียชีวิตของลูกชายในวันเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 13 เมษายน

พ่อหวังว่า การเล่าเรื่องของลูกชายจะเป็นการเตือนคนอื่นไม่ให้เดินตามรอย
สำหรับชาวฟินแลนด์ การไปรบในยูเครนทำได้ง่ายมาก แค่นั่งรถบัสสองต่อจากเฮลซิงกิก็ถึงแนวหน้าแล้ว
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีชาวฟินแลนด์กว่า 100 คนเข้าร่วมรบในยูเครน และมีประมาณ 10 คนที่เสียชีวิต ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ
หลังจากที่ส่งลูกชายที่สถานีรถไฟไปแล้ว จนผ่านไปสามสัปดาห์ จิร์กิถึงได้ข่าวจากลีโออีกครั้ง
“ผมยังไม่ตาย แต่การมาที่นี่มันทำให้ตาสว่างจริง ๆ มันหนักมาก ผมไม่คิดจะอยู่นาน มาที่นี่เป็นความผิดพลาด”

– ข้อความ WhatsApp, 26 มกราคม 2025

ต่อมาพ่อจึงได้รู้ว่าลีโอเซ็นสัญญาผูกพันกับกองทัพยูเครนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน พาสปอร์ตของเขาถูกยึด และการใช้โทรศัพท์ถูกจำกัด
“มันอาจดูเหมือนเป็นการกระทำที่กล้าหาญในการไปรบกับรัสเซีย แต่ผมไม่เห็นประโยชน์ที่ชายหนุ่มต้องมารบแทนพวกคนแก่” จิร์กิกล่าว
จุสซี แทนเนอร์ (Jussi Tanner) ผู้อำนวยการด้านบริการกงสุลของกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลทราบว่ามีอาสาสมัครบางคนเปลี่ยนใจในช่วงฝึกและต้องการกลับบ้าน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้

แม้จะมีคำแนะนำจากกระทรวงเกี่ยวกับลักษณะของสัญญาการรับราชการในยูเครน ซึ่งอธิบายว่าเป็นสัญญาภาคเอกชนที่ยกเลิกได้ยากมาก แต่ลีโอไม่เคยเห็น เพราะเอกสารถูกเผยแพร่หลังจากที่เขาเดินทางออกจากประเทศแล้ว

จิร์กิเผยว่าลูกชายต้องการกลับบ้าน ตามที่ปรากฏในข้อความที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่ง Yle ได้รับสำเนาไว้
“ผมรู้ว่าสิ่งที่เจอจะทำให้ผมที่เติบโตเป็นลูกผู้ชาย แต่ที่นี่มันยากจริง ๆ ผมพยายามปรับตัวอยู่ บางครั้งก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาทำไม”

– ข้อความ WhatsApp, 2 กุมภาพันธ์ 2025

จิร์กิพยายามติดต่อกระทรวงการต่างประเทศเพื่อช่วยพาลูกชายกลับบ้าน แต่ล้มเหลว
หลังจากฝึกเสร็จกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลีโอถูกส่งเข้าหน่วยรบ เขาดูเหมือนจะสนิทกับเพื่อนร่วมรบ และน้ำเสียงในข้อความก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่พูดถึงการกลับบ้านอีก

ช่วงเวลาเดียวกัน สื่อรายงานว่ารัสเซียเริ่มยึดพื้นที่คืนในภูมิภาคเคิร์สก์
“ผมเตือนเขาว่าอาจถึงเวลาที่เขากลับบ้านจริงๆ เพราะรัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกในฤดูใบไม้ผลิ แต่ลูกเขาคิดว่าหน่วยของเขาคงไม่ถูกส่งไปแนวหน้า”
ข้อความสุดท้ายที่จิร์กิส่งถึงลูกชายคือวันที่ 9 เมษายน ลีโอไม่ได้ตอบกลับอีกเลย
สี่วันต่อมา ระหว่างที่จิร์กิกำลังเตรียมตัวไปร่วมงานเลือกตั้งของพรรค เขาได้รับข่าวการเสียชีวิตของลีโอ
“เขาเสียชีวิตในยูเครนตะวันออก จากการโจมตีจากโดรน รูปแบบที่เขากลัวที่สุด — เป็นโดรนที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์” จิร์กิกล่าว
ข่าวการเสียชีวิตมาจากเพื่อนร่วมรบของลีโอ เพราะทางการยูเครนยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการ

ไม่มีศพให้ฝัง

จิร์กิกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดในฟินแลนด์ที่สามารถเตรียมลูกชายให้พร้อมกับสิ่งที่เจอในยูเครนได้ แม้ขณะที่อยู่แนวหน้า ลีโอยังพยายามกรอกใบสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เด็กวัย 20 ปีไม่ได้คิดถึงเรื่องความตาย

การตัดสินใจของลีโอได้เปลี่ยนชีวิตครอบครัวไปตลอดกาล
ปัจจุบัน จิร์กิลาป่วยจากงานขับแท็กซี่ และคอยตรวจสอบทุกวันว่าของใช้ของลูกชายจะถูกส่งถึงสถานทูตหรือยัง
เพื่อนร่วมรบของลีโอกล่าวว่า ร่างของเขาไม่มีอะไรหลงเหลือ และตอนนี้เขาถูกจัดว่า “สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่”
“ถ้าไม่มีศพที่สามารถระบุตัวตนได้ พวกเราก็ไม่สามารถฝังเขาได้ อย่างน้อยต้องรออีกปี” จิร์กิอธิบาย
หลังปลดประจำการจากกองทัพฟินแลนด์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ลีโอเคยหวังจะถ่ายทอดประสบการณ์สงครามสมัยใหม่ในยูเครนให้กับกองทัพฟินแลนด์

จิร์กิกล่าวว่า ตอนนี้เขาจะพยายามทำให้ฝันของลูกเป็นจริงให้ได้มากที่สุด

“ฟินแลนด์ควรใช้โดรนให้มากกว่านี้ และเปลี่ยนกลยุทธ์พอสมควร โดรนพวกนี้เห็นไกลมาก แถมยังมีทั้งกล้องอินฟราเรดและฟังก์ชันอื่น ๆ อีกเยอะ”
– ข้อความ WhatsApp, 1 กุมภาพันธ์ 2025

ขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองวาซาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีฟินแลนด์ อเล็กซานเดอร์ สตุบ ได้แสดงความกังวลต่อยุทธวิธีของรัสเซียในสงครามรุกรานยูเครน

เขาชี้ว่ารัสเซียยังไม่ยอมรับหรือปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐและสนับสนุนโดยยุโรป ทำให้เกิดความหวั่นใจว่าสงครามจะยืดเยื้อ
“รัสเซียกำลังถ่วงเวลาอีกครั้ง” สตุบกล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มแรงกดดันต่อเครมลิน “การหยุดยิงคือหนทางเดียวที่จะหยุดการสังหาร”

‘รัฐบาลมาเลเซีย’ ไม่เคยเห็นด้วยกับ ‘BRN’ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คำนึงถึง!! พี่น้องมุสลิมเป็นหลัก แม้คอมมิวนิสต์ จะขยายตัว

(4 พ.ค. 68) บางช่วงประวัติศาสตร์ ในห้วงที่ มาลายูมาเลยเซีย รบ กับ มาลายูอินโดนีเซีย ช่วงอิทธิพลของคอมมิวนิสต์กำลังขยายตัว

ระหว่างที่มาเลเซียกับอินโดนีเซียทำสงครามแย่งผนวกดินแดนกันอยู่ พรรคพาสซึ่งเป็นฝ่ายค้านในขณะนั้นได้ปภิปรายในสภาของมาเลย์ ว่า 
สี่จังหวัดภาคใต้ของไทยซึ่งเป็นมุสลิมเหมือนกัน มีความคล้ายคลึงกับคนมลายูมากกว่าคนไทยพุทธ 
ทำไมรัฐบาลจึงไม่คิดจะรวมเข้ามาเสียด้วย

อีกทั้งยังโจมตี ว่า ท่านตนกูมี แม่เป็นคนไทย ต้องเป็นมุสลิมเทียมแน่ๆ ช่วงนั้นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่พรรคให้การสนับสนุนไว้ในปัตตานีได้ก่อหวอดเรื่องเดียวกันขึ้น 

พรรคพาสก็ได้มีการยื่นกระทู้เข้าสู่สภาในเดือนสิงหาคม ๒๕๐๔ เรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียผนวกรัฐปาตานี ซึ่งครอบคลุมสี่จังหวัดชายแดนของไทย ไปรวมกับกับดินแดนของคนมลายูเสียเลย 

นายกรัฐมนตรี ตนกู อับดุล เราะห์มานนั้นท่านลุกขึ้นยืนแถลงตอบฝ่ายค้านในสภาว่า 
"ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล เป็นดินแดนส่วนหนึ่งของไทย คนไทยย่อมจะไม่ยอมให้ดินแดนของตนตกไปเป็นของชาติอื่น ถ้าหากปฏิบัติไปตามคำเรียกร้องเช่นนั้นแล้ว ก็เป็นที่น่าวิตกว่าจะต้องเกิดสงครามระหว่างไทยกับมาเลเซียขึ้นอย่างแน่นอน และถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ประชาชนทั้งสองชาติจะต้องกลายเป็นศัตรูกันต่อไปชั่วกาลนาน "

แล้วอะไรจะเกิดขึ้นนอกจากชัยชนะของพวกคอมมิวนิสต์

คำตอบคำยืนยันของ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในขณะนั้น ซึ่งท่านเป็นมุสลิมมลายู 100% และเป็นมุสลิมสายกลาง ก็ตอบชัดเจนและยืนยันชัดเจนว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยมาเลเซียไม่ควรเข้ามาก้าวก่าย

ส่วนศึกภายในของมาเลเซียระหว่างพรรคการเมืองนั้นผมเองมองว่า พรคบาส ก็ไม่ได้จริงใจอะไรต่อพี่น้องมุสลิม 3 จังหวัดหรอก แต่เป็นเกมการเมืองที่ต้องการดิสเครดิตรัฐบาลโดยเอาความเป็นมุสลิมมลายูมาดราม่าเท่านั้น

เพราะไม่เช่นนั้นช่วงที่ชาวโรฮิงญาอพยพลี้ภัยไปพึ่งมาเลเซีย มาเลเซียถ้าคำนึงถึงความเป็นพี่น้องมุสลิมจริง

ก็คงต้อนรับและดูแลชาวโรฮิงญาไปแล้วแต่อันนี้เห็นหลักฐานกับตามาเลเซีย กลับไม่ให้เรือของโรฮิงญาเข้าฝั่งลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลแล้วก็เสียชีวิตไปจำนวนมากเช่นกัน

อันนี้ไม่ได้จะตำหนิประเทศมาเลเซียหรืออะไรทั้งสิ้นเพียงแค่ให้เห็นว่าอย่าดึงประเทศมาเลเซียมาเกี่ยวข้องส่วนการเมืองภายในของเขาก็เป็นเรื่องปกติในการดิสเครดิตรัฐบาลในแต่ละช่วงโดยการอ้างเรื่องความจังหวัดมาเกี่ยวข้องบ้าง

แต่ปัจจุบันคนที่เป็นเเบ็กค? ให้กับขบวนการโจรใต้นั้นเป็นฝั่งยุโรปที่พึ่งมาตาสว่างว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดนั้นมีแร่ธรรมชาติจำนวนมากเช่นกันซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของพวกมหาอำนาจ 
และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในโซนเอเชียในการ คานอำนาจกับประเทศจีน 

ความจริงอันชัดเจนนี้ ทำให้ขบวนการต่อต้านจักรวรรดินิยมใน ‘จีน’ ถึงจุดสูงสุด!! ในช่วงขบวนการ 4 พฤษภาคม ซึ่งครบรอบ 106 ปี ในวันนี้

(4 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

วันนี้เป็นวันครบรอบ 106 ปีของขบวนการ 4 พฤษภาคม 

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 คนงานชาวจีน 140,000 คนถูกส่งไปยุโรปเพื่อทำภารกิจอันยากลำบากที่เกี่ยวข้องกับสงคราม มีผู้เสียชีวิตเกือบ 10,000 คน และสูญหายมากกว่า 20,000 คน ชาวจีนต้องเสียสละอย่างมากเพื่อแลกกับสถานะผู้ชนะในสงคราม

อย่างไรก็ตาม พวกจักรวรรดินิยมไม่มีความเมตตา มีแต่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น

ในการประชุมสันติภาพปารีส พันธมิตรตะวันตกมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินการและแทบไม่สนใจข้อเรียกร้องของจีน 

สนธิสัญญาแวร์ซายได้ให้ญี่ปุ่นยึดครองดินแดนในซานตงที่ถูกเยอรมนียึดครองในปี 1914 นับเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจีน
หลักการที่ว่า “ประเทศที่อ่อนแอไม่มีการเจรจา” ยังคงเป็นจริงอยู่จนถึงทุกวันนี้ 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือประเทศจีนไม่ใช่ประเทศที่อ่อนแอเหมือนเมื่อ 106 ปีที่แล้วอีกต่อไป!!

‘ยูเครน’ ปฏิเสธ!! ข้อเสนอหยุดยิง 3 วันของ ‘รัสเซีย’ ‘เซเลนสกี’ ชี้!! มันคือ การแสดงละคร หลอกผู้นำโลก

(4 พ.ค. 68) ยูเครนปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 3 วันของรัสเซีย

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เสนอหยุดยิงฝ่ายเดียว (unilateral ceasefire) ระหว่างวันที่ 8–10 พฤษภาคม เพื่อเหตุผลด้านมนุษยธรรมในช่วงวันแห่งชัยชนะ (Victory Day) ยูเครนปฏิเสธ โดยเรียกร้องให้มีการหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขนาน 30 วันแทน

เซเลนสกีวิจารณ์ข้อเสนอของปูตินว่าเป็น “ละคร” เขากล่าวว่าแผนหยุดยิง 2–3 วัน "ไม่จริงจัง" และดูเหมือน "การแสดงละคร" มากกว่า และเตือนเรื่องความปลอดภัยของผู้นำโลกที่จะเดินทางไปมอสโก โดยกล่าวว่า ยูเครนไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของผู้นำต่างประเทศที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 9 พฤษภาคม ที่จัตุรัสเครมลิน

มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาว่า การปฏิเสธของยูเครนเผยให้เห็น "แก่นแท้นาซีใหม่" และเรียกเซเลนสกีว่าเป็น “ผู้ก่อการร้ายในระดับสากล” เซเลนสกีข่มขู่นักการเมือง ผู้นำ และทหารผ่านศึกที่จะเข้าร่วมงานในรัสเซีย
ผู้นำที่คาดว่าจะเข้าร่วม 

สี จิ้นผิง (ประธานาธิบดีจีน) โรเบิร์ต ฟิโก (นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย) อเล็กซานดาร์ วูชิช (ประธานาธิบดีเซอร์เบีย) มาห์มูด อับบาส (ประธานาธิบดีปาเลสไตน์) ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา (ประธานาธิบดีบราซิล) ผู้นำจากประเทศ กลุ่มประเทศเอเชียกลาง คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน, ทาจิกิสถาน, คีร์กีซสถาน และเติร์กเมนิสถาน

Temu ปรับตัว!! เพื่อสู้ กำแพงภาษีของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หลังมีประกาศ!! ระงับการขายสินค้าที่ส่งมาจาก ‘จีน’

(4 พ.ค. 68) หนึ่งในเป้าหมายของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษีศุลกากร ก็เพื่อต้องการกำจัด แพลทฟอร์มออนไลน์ค้าปลีกของจีน อย่าง Temu และ Shein ที่ใช้ช่องโหว่ทางภาษีสหรัฐ ที่ยกเว้นการเก็บภาษีสำหรับพัสดุชิ้นเล็ก ที่เรียกว่า "de minimis" ที่มีมูลค่าน้อยกว่า 800 ดอลลาร์

ซึ่งเข้าทางพ่อค้าจีน ที่เก่งเรื่องการบี้ราคาต้นทุน ให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาถูกเหลือเชื่อ จึงมีพัสดุสินค้าจิ๋วนำเข้ามายังสหรัฐอเมริกาได้เป็นล้านชิ้นในแต่ละเดือน โดยที่ไม่ต้องเสียภาษีเลยแม้แต่เหรียญเดียว 

แต่หลังจากสิ้นสุดเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ไม่สามารถทำได้แล้ว ด้วยคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมพ์ ที่ตั้งกำแพงภาษีสินค้าที่ส่งจากจีนสูงถึง 130-150% และเพิ่มมาตรการตรวจสอบพัสดุสินค้าจากต่างประเทศ ลดเพดานมูลค่าสินค้าจาก 2,500 เหรียญ เหลือ 800 เหรียญ ต้องเสียภาษีแล้ว
เมื่อทรัมป์ยอมเผาทั้งโลกเพื่อฆ่าเธอคนเดียว Temu ที่เป็นเป้าหมายตรง ก็ต้องรีบปรับตัวให้ทัน และประกาศระงับการขายสินค้าที่ต้องส่งมาจากจีนบนแพลทฟอร์มทั้งหมดแล้ว

โดยสินค้าที่ขึ้นขายอยู่ในขณะนี้มีเพียงสินค้าที่ผลิต และอยู่ในโกดังที่สหรัฐเท่านั้น ส่วนสินค้าที่ต้องส่งจากจีนทุกรายการถูกเปลี่ยนสถานะเป็น "Out of stock" หรือ สินค้าหมด

การระงับการขายสินค้าที่ต้อง ship มาจากจีน เกิดขึ้นทันทีที่คำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์ เรื่องข้อบังคับภาษีศุลกากรในพัสดุสินค้าขนาดเล็ก มีผลบังคับใช้เมื่อวันศุกร์ (2 พฤษภาคม 2025) ที่ผ่านมาที่จะทำให้สินค้าที่จัดส่งจากจีนของ Temu และ Shein โดนภาษีเต็มๆ 120% หรืออัตราภาษีคงที่ 100 เหรียญต่อชิ้น ซึ่งจะขึ้นอีกเป็น 200 เหรียญต่อชิ้นในเดือนมิถุนายนนี้

ด้วยราคาภาษีโหดขนาดนี้ คงยากที่ Temu และ Shein จะขายสินค้าจีนในอเมริกาได้เหมือนเดิม จึงเป็นเหตุผลที่ Temu ต้องเปลี่ยนกลยุทธจากการขายสินค้าจีน เป็นขายสินค้าจากผู้ผลิตที่อยู่ในสหรัฐ

จึงเกิดคำถามว่า แล้วแพลทฟอร์มของจีนจะยังขายสินค้าในราคาถูกตาแตกได้เหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่ง Temu ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อราคาสินค้า ทุกอย่างที่เห็นในตอนนี้ยังขายในราคาเดิม

แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่กล่าวไม่หมด เพราะทั้ง Temu และ Shein ขึ้นราคาสินค้าของตนไปก่อนหน้านี้นานแล้ว สินค้าบางชิ้นมีราคาสูงขึ้นถึง 377% เลยทีเดียว และมีการระบุเงื่อนไขเพิ่มว่ามี "ค่าธรรมเนียมภาษีขาเข้า"

คำกล่าวที่ Temu ประกาศว่า "ไม่มีผลกระทบต่อนโยบายราคา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม" จึงเป็นเพียงคำพูดปลอบใจตนเอง เพราะต่อจากนี้ไป จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม 

แต่ธุรกิจต้องไปต่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด มีเพียงคำถามเดียวในใจ คือ ต้องปรับตัวอย่างไรให้รอดเท่านั้นเอง

คนสหรัฐฯ แห่!! ‘เช่าไก่’ แก้ปัญหา ‘ไข่แพง’ ค่าเช่า 17,000-34,000 บาท ต่อ 6 เดือน

(4 พ.ค. 68) สถาพร เกื้อสกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า …

คนสหรัฐฯ แห่เช่าไก่ แก้ปัญหาไข่แพง

มีรายงานข่าวขณะนี้ชาวอเมริกัน กำลังประสบปัญหาไข่ไก่ราคาแพง ดังนั้นพวกเขาจึงได้ติดต่อขอเช่าไก่จาก กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ที่ใช้ชื่อว่า “Rent the Chicken” ซึ่งไก่จะมาพร้อมกับอุปกรณ์การเลี้ยงครบ รวมถึงบ้านและกรง มีรางใส่อาหาร-น้ำ อาหารไก่และคู่มือ สามารถตั้งเอาไว้ที่สนามหญ้าหลังบ้าน โดยไก่จะออกไข่ประมาณ 14 ฟองต่อสัปดาห์ ผู้เช่าจะได้กินไข่ไก่สดทุกวัน

สำหรับราคาค่าเช่าอยู่ระหว่าง 500-1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 17,000-34,000 บาท ต่อระยะเวลา 6 เดือน ขึ้นอยู่กับพื้นที่และจำนวนไก่ 
ทั้งนี้ไข่ไก่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาราคาพุ่งสูงต่อเนื่อง ล่าสุดสูงกว่าปีที่แล้ว 3-4 เท่าหรือราว 60% หลังจากสหรัฐเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกและยังมีปัญหาเงินเฟ้อค่าครองชีพพุ่งสูง 

‘จีน’ ปล่อยหมัดเด็ด!! ‘ซื้อปุ๊บ คืนปั๊บ’ นักท่องเที่ยวเพิ่ม 40% ยอดซื้อทะลุ!! 7 พันล้านหยวน ตามมาตรการคืนภาษีใหม่ 

(4 พ.ค. 68) นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่ชอปปิงในจีนช่วงวันหยุด แพลตฟอร์มเผยยอดจองพุ่ง 173% เหตุ มาตรการคืนภาษีแบบ “ซื้อปุ๊บ คืนภาษีปั๊บ” สะดวก-คุ้มกว่าเดิม คืนสูงสุดถึง 11% ช่วยกระตุ้นยอดขายในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้โต 85% นักชอปสายแฟ-เทคโนฯ แห่เพียบ คนไทยเที่ยวจีนก็ได้สิทธิ์นี้เหมือนกัน รู้ไว้ก่อนแพลนทริป

ช่วงวันหยุดยาววันแรงงานนี้ แพลตฟอร์มท่องเที่ยวหลายแห่งเผยว่า ยอดจองทัวร์เข้าจีนเพิ่มขึ้นถึง 173% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามา "ชอปกระหน่ำ" ในจีน หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขายอมเดินทางไกลคือ “ความสะดวกในการชอป” ที่พัฒนาขึ้นมาก

 มาตรการคืนภาษีใหม่ เพิ่มแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ

เมื่อไม่นานนี้ รัฐบาลจีนออกมาตรการชุดใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะการขยายบริการ “ซื้อปุ๊บ คืนปั๊บ” ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีได้ทันที ณ จุดขาย โดยหลักๆ มี 8 มาตรการใน 3 ด้าน เช่น
ลดเพดานยอดซื้อขั้นต่ำเพื่อขอคืนภาษีจาก 500 หยวน (ราว 2,300 บาท) เหลือ 200 หยวน (ราว 920 บาท)
เพิ่มวงเงินคืนภาษีเงินสดจาก 10,000 หยวน (ราว 46,000 บาท) เป็น 20,000 หยวน (ราว 92,000 บาท)
เพิ่มจำนวนร้านค้าที่สามารถขอคืนภาษี และขยายบริการ “ซื้อปุ๊บ คืนปั๊บ” ทั่วประเทศ

อัตราคืนภาษีอยู่ที่ 11% ของราคาสินค้าที่รวมภาษี เช่น หากซื้อสินค้าราคา 10,000 หยวน (ราว 46,000 บาท) จะได้รับเงินคืนประมาณ 900 หยวน (ราว 4,140 บาท) หลังหักค่าธรรมเนียม

ผลตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีเกินคาด

ข้อมูลจาก 10 เมืองนำร่อง รวมถึงเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง พบว่ายอดคืนภาษีจากระบบ “ซื้อปุ๊บ คืนปั๊บ” เติบโตมากถึง 22 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตัวเลขนี้สูงกว่าการเติบโตของการคืนภาษีทั่วไปถึง 18 เท่า

นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ เยอรมนี สเปน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ระบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึก “คุ้มค่า” และเต็มใจจะใช้จ่ายในจีนมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทแฟชั่น รองเท้า เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

ในเซี่ยงไฮ้เพียงเมืองเดียว ตอนนี้มีร้านค้าที่รองรับบริการคืนภาษีกว่า 587 แห่ง โดยครึ่งหนึ่งสามารถให้บริการ “ซื้อปุ๊บ คืนปั๊บ” ได้แล้ว ยอดขายสินค้าคืนภาษีแตะ 760 ล้านหยวน (3.49 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 85% ในไตรมาสแรกของปีนี้

รายการชอปปิงเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ของฝากแบบเดิมๆ

แนวโน้มของนักท่องเที่ยวต่างชาติเปลี่ยนจากการ “ชมวิว” มาเป็น “ชอปจริงจัง” มากขึ้น จากเดิมที่นิยมซื้อของฝากอย่างตุ๊กตาแพนด้าหรือชา ปัจจุบันพวกเขามองหาสินค้าที่ผสมผสานความเป็นจีนแบบร่วมสมัย เช่น ชุดจีนตัดเย็บพิเศษ ของขวัญแบบสไตล์จีนโบราณ หรือแม้แต่ของเล่นอย่างชุดโมเดลสถาปัตยกรรมจีนแบบดั้งเดิม

ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนยังแสดงความสนใจต่อการท่องเที่ยวเชิงลึก เช่น เยือนหมู่บ้านโบราณในเจ้อเจียง ลิ้มรสกาแฟริมธารน้ำ หรือสัมผัสนวัตกรรมของจีนผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างโดรนและ VR ในเซินเจิ้น

เศรษฐกิจจีนเปิดกว้าง กระตุ้น “การบริโภคจากภายนอก”

ไตรมาสแรกของปี 2025 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจีนเพิ่มขึ้นถึง 40.2% ขณะที่ยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวขาเข้าในปี 2024 อยู่ที่ 9.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 77.8%

รัฐบาลจีนระบุในรายงานการทำงานประจำปีว่า "การขยายการบริโภคจากต่างประเทศ" คือหนึ่งในเป้าหมายทางเศรษฐกิจสำคัญ และในแผนปฏิบัติการกระตุ้นการบริโภคล่าสุดก็ยืนยันชัดเจนว่า จะผลักดันการบริโภคจากนักท่องเที่ยวขาเข้าอย่างจริงจัง

จีนกำลังเร่งปรับปรุงบริการให้ทันสมัยและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เพราะไม่เพียงแค่รายได้ทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของจีนในเวทีโลกอีกด้วย

‘เจ้าชายแฮรี่’ แพ้คดี!! ขอการรักษาความปลอดภัยใน สหราชอาณาจักร ‘พระเจ้าชาร์ลส์’ ทรงตัดขาดการสื่อสาร!! หลังข้อพิพาททางกฎหมาย

(3 พ.ค. 68) ศาลอุทธรณ์มีมติยืนตามคำตัดสินเดิมของศาลสูง ปฏิเสธคำร้องของเจ้าชายแฮร์รี่ที่ทรงเรียกร้องให้ได้รับการคุ้มครองจากตำรวจ ขณะเสด็จฯ กลับสหราชอาณาจักร โดยศาลเห็นว่า “ความรู้สึกไม่พอใจ” ของพระองค์ไม่เพียงพอเป็นข้อกฎหมายในการท้าทายการตัดสินใจของคณะกรรมการ Ravec

การเปลี่ยนแปลงระดับการคุ้มครองเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2020 หลังจากเจ้าชายแฮร์รี่และดัชเชสเมแกนประกาศลดบทบาทจากราชวงศ์ โดย Ravec ได้พิจารณาให้ความปลอดภัยในลักษณะเฉพาะกิจเป็นรายกรณี แทนที่จะเป็นการคุ้มครองแบบถาวรเหมือนสมาชิกราชวงศ์ระดับสูง

ฝ่ายทนายความของเจ้าชายแฮร์รี่โต้แย้งว่าพระองค์ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่ผู้พิพากษาทั้งสามมีความเห็นสอดคล้องกันว่าไม่พบความผิดในกระบวนการตัดสินของ Ravec

แนวโน้มการอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

นักกฎหมายชี้ว่า เจ้าชายแฮร์รี่อาจพิจารณายื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา แต่ต้องได้รับอนุญาตก่อน และมีแนวโน้มต่ำ เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากกว่าจะเป็นประเด็นผลประโยชน์สาธารณะ

พระเจ้าชาร์ลส์ “ไม่ตรัสกับเจ้าชายแฮร์รี่” หลังข้อพิพาทเรื่องความปลอดภัย
เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเผยว่าพระเจ้าชาร์ลส์ไม่ตรัสกับพระองค์อีกต่อไป โดยให้เหตุผลว่า “เพราะเรื่องความปลอดภัย” และทรงกล่าวว่าพระองค์ต้องการคืนดีกับราชวงศ์

“ผมมองไม่เห็นโลกที่ผมจะพาภรรยาและลูก ๆ กลับไปอยู่ที่สหราชอาณาจักรในตอนนี้ได้เลย” พระองค์ตรัสกับ BBC

หลังการพ่ายคดี เจ้าชายแฮร์รี่ต้องรับภาระค่ากฎหมาย กว่า 1.5 ล้านปอนด์ ซึ่งพระองค์ทรงระบุว่ารู้สึก “เสียใจมาก”

โฆษกพระราชวังบักกิงแฮมชี้แจงว่า คดีทั้งหมดได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนโดยศาลแล้วหลายครั้ง และมีข้อสรุปเดียวกันในทุกครั้ง

พระองค์ทรงกล่าวเพิ่มเติมว่า มีความขัดแย้งและความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกับสมาชิกในครอบครัวหลายประเด็น และทรงยอมรับว่าไม่เห็นอนาคตที่ครอบครัวของพระองค์จะกลับไปใช้ชีวิตในสหราชอาณาจักรได้อีก

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เสนอขอ!! งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับการป้องกันประเทศ โดยให้หั่นงบประมาณ!! ‘การดูแลสุขภาพ – การดูแลเด็ก – ที่อยู่อาศัย – พลังงานสะอาด’

(3 พ.ค. 68)  เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ปธน.ทรัมป์ #สหรัฐฯ เสนอแผนงบประมาณใหม่โดยของบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับการป้องกันประเทศ - ตามรายงานของ #MorePerfectUnion

ทรัมป์ขอให้รัฐสภาเพิ่มงบประมาณกลาโหมในปีงบประมาณหน้าเป็น 1.01 ล้านล้านดอลลาร์ โดยทำเนียบขาวได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว
ข้อเสนอประกอบด้วย 

- การตัดงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพ การดูแลเด็ก การศึกษา ที่อยู่อาศัย การวิจัย พลังงานสะอาด ธนาคารอาหาร และอื่นๆ มูลค่า 163,000 ล้านดอลลาร์

- 1.01 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการป้องกันประเทศและความมั่นคงภายในประเทศ

รศ.ดร.อักษรศรี แนะ!! จีนเปิดตลาดให้กว้างขึ้น เป็นเพื่อนบ้านที่พึ่งพาได้ ของอาเซียน

(3 พ.ค. 68)  รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Aksornsri Phanishsarn เกี่ยวกับ ‘จีน’ โดยมีใจความว่า ...

‘จีน’ เป็นทั้งความกังวลและความหวังของอาเซียน … ทำอย่างไรจีนจะเป็น #เพื่อนบ้านที่พึ่งพาได้ ของอาเซียน #China 🇨🇳 #ASEAN 

ถ้าจะแค่พูดว่า จีน-อาเซียนมี FTA กันแล้ว เช่น RCEP และ ACFTA แต่ยังทำเหมือนเดิมหรือทำแบบเดิม มันจะไม่เห็น #ผลประโยชน์เป็นรูปธรรมที่ฝ่ายอาเซียนจะได้รับ .. ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์กีดกันการค้าในยุคทรัมป์ป่วนโลก หากจีนต้องการสร้าง Trust - Building Diplomacy กับอาเซียน จีนก็ควรจะต้องเป็นผู้ให้มากกว่า  #จีนควรเปิดตลาดกว้างขึ้นและง่ายขึ้น เพื่อผ่อนคลายมาตรการการค้าให้กับสินค้าจากอาเซียน

นอกจากนี้ จีน - อาเซียนต่างก็ยึดมั่นในระบบ Multilateralism และกลไกระงับข้อพิพาทการค้าภายใต้ WTO ก็อาจจะยื่น joint trade dispute ร่วมกัน เพื่อฟ้องร้องพฤติกรรมกีดกันการค้าตามอำเภอใจ Unilateralism ของสหรัฐในยุคทรัมป์ 

หมายเหตุ : รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ตอบคำถามนี้ในระหว่างประชุมหารือกับผู้บริหารและนักวิจัยของมหาวิทยาลัย China Foreign Affairs University #CFAU ซึ่งเป็นสถาบันฯชั้นนำของจีนในการผลิตนักการทูตจีน และผู้เชี่ยวชาญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ตำรวจรวบเจ้าหน้าที่คนสนิทวัย 20 ยักยอกเงินจากสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น มูลค่ากว่า 3.6 ล้านเยน สารภาพสิ้นเพราะติดปัญหาทางการเงินส่วนตัว

(2 พ.ค. 68) พระราชวังอิมพีเรียลญี่ปุ่นเผยว่าเจ้าหน้าที่วัย 20 ปี ถูกไล่ออกจากราชการ หลังยอมรับว่ายักยอกเงินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิและครอบครัว รวมมูลค่ากว่า 3.6 ล้านเยน (ราว 864,000 บาท) ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี

การกระทำผิดถูกตรวจพบหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานราชสังเกตเห็นความไม่ตรงกันของเงินสดในตู้เซฟและบัญชีรายรับ-รายจ่าย โดยเบื้องต้นผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพทันทีหลังถูกสอบถาม และอ้างว่าเกิดจากปัญหาทางการเงินส่วนตัว ซึ่งล่าสุดชายผู้ก่อเหตุได้ชดใช้เงินคืนทั้งหมดแล้วเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา 

สำหรับเงินที่ถูกขโมยเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณ ปีละ 324 ล้านเยน ที่จัดสรรไว้สำหรับค่าใช้จ่ายของสมเด็จพระจักรพรรดิ พระจักรพรรดินี เจ้าหญิงไอโกะ และพระบรมวงศ์อื่น ๆ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนทางอาญาแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับผู้จัดการผู้ตรวจพบความผิดปกติ ได้รับโทษลดเงินเดือน 10% เป็นเวลา 1 เดือน ฐานละเลยหน้าที่ในการควบคุมดูแลบัญชี

ยาสุฮิโกะ นิชิมูระ ประธานสำนักงานราชสำนัก กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่ พร้อมขอโทษสมเด็จพระจักรพรรดิและครอบครัว และให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

ผลสำรวจชี้ ‘ชาวญี่ปุ่น’ เชื่อสงครามในเอเชียมีแนวโน้มเกิดขึ้นจริง ท่ามกลางความไม่มั่นใจต่อจีนและพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ

(2 พ.ค. 68) ผลสำรวจล่าสุดของ Asahi Shimbun เผยว่าชาวญี่ปุ่นกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโอกาสที่ประเทศจะเข้าไปพัวพันกับสงครามครั้งใหญ่ในเอเชีย โดยร้อยละ 62 ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดความขัดแย้ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50 ในการสำรวจเมื่อ 10 ปีก่อน

ประชาชนราวร้อยละ 12 เชื่อว่าสงคราม “มีความเป็นไปได้สูงมาก” ขณะที่ร้อยละ 50 ระบุว่า “มีแนวโน้ม” ที่จะเกิดขึ้น ในทางตรงข้าม มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มองว่า “ไม่มีโอกาส” ที่จะเกิดความขัดแย้งดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากชี้ว่า ความตึงเครียดด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะกับจีน มีส่วนสำคัญต่อความรู้สึกนี้ โดยในกลุ่มที่มองว่าจีนเป็นภัยคุกคาม (ประมาณสามในสี่ของผู้ตอบทั้งหมด) มีถึงร้อยละ 22 ที่เชื่อว่าญี่ปุ่นอาจทำสงครามกับจีน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมเกือบสองเท่า

ขณะเดียวกัน ความไม่มั่นใจต่อพันธมิตรกับสหรัฐฯ ยิ่งซ้ำเติมความกังวล โดยมีเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่เชื่อว่าสหรัฐฯ จะ “ปกป้อง” ญี่ปุ่นอย่างแน่นอน หากเกิดวิกฤต ในกลุ่มที่ไม่มั่นใจในพันธมิตรนี้ มีถึงร้อยละ 67 ที่เชื่อว่าญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะทำสงคราม

นอกจากนี้ สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ 4 ยังส่งอิทธิพลต่อมุมมองของสาธารณชนญี่ปุ่น โดยผู้ที่ติดตามความขัดแย้งระดับโลกอย่างใกล้ชิด (ประมาณหนึ่งในสามของกลุ่มตัวอย่าง) ถึงร้อยละ 72 เชื่อว่าสงครามครั้งใหญ่ในเอเชียอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้

เอกสารลับโซเวียตยืนยัน ‘ฮิตเลอร์ตายจริง’ ในบังเกอร์ปี 1945 ปิดฉากทฤษฎีสมคบคิดเรื่องหลบหนีไป…อเมริกาใต้

(2 พ.ค. 68) เอกสารลับที่เพิ่งได้รับการปลดล็อกจากหน่วยความมั่นคงของรัสเซีย (FSB) เปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับช่วงเวลาสุดท้ายของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ผู้นำเผด็จการนาซี ผู้จบชีวิตลงเมื่อ 30 เมษายน 1945 ที่บังเกอร์ในกรุงเบอร์ลิน ระหว่างการล้อมของกองทัพโซเวียต

คำให้การของไฮนซ์ ลิงเงอ (Heinz Linge) ผู้ช่วยส่วนตัว และอ็อตโต กุนเชอ (Otto Günsche) เจ้าหน้าที่ใกล้ชิดฮิตเลอร์ ที่ถูกกองทัพแดงจับตัวไว้ ถูกใช้เป็นหลักฐานสำคัญในเอกสาร โดยทั้งคู่ระบุว่าฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายด้วยกระสุนปืนที่ศีรษะ ขณะที่อีวา บราวน์ ภรรยา ใช้ไซยาไนด์ก่อนถูกเผาร่างร่วมกันในสวนใกล้บังเกอร์

เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเอกสารระบุว่า ฮิตเลอร์ตัดสินใจจบชีวิตเพราะมองว่าการสู้รบต่อไปเป็นเรื่องไร้ความหมาย และเขา “หวาดกลัวจะถูกจับขณะพยายามหลบหนี” โดยยังเน้นย้ำว่าฮิตเลอร์ในร่างที่ไร้ลมหายใจ “ไม่ใช่ตัวปลอม” เพราะไม่สามารถออกจากสถานที่ได้โดยไม่ถูกเห็น

แม้ในช่วงหลังสงครามจะมีข่าวลือว่าฮิตเลอร์หลบหนีไปอเมริกาใต้ รวมถึงการแพร่ภาพปลอมในปี 1955 ที่อ้างว่าเขาปรากฏตัวในอาร์เจนตินา แต่หลักฐานซากฟันและขากรรไกรของเขาที่ถูกตรวจสอบโดยนักนิติเวช ฟิลิปป์ ชาร์ลิเยร์ (Philippe Charlier) ในปี 2017 ตรงกับภาพเอกซเรย์ของฮิตเลอร์เมื่อปี 1944

คำให้การของลิงเงอยังเล่ารายละเอียดการเผาร่าง โดยระบุว่ากระป๋องน้ำมันเบนซินสามใบถูกเทลงบนศพก่อนจุดไฟ โดยมีมาร์ติน บอร์มันน์ (Martin Ludwig Bormann) เป็นผู้เตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ร่างของผู้นำเยอรมันตกไปอยู่ในมือศัตรู

แม้ลิงเงอและกุนเชอจะเคยเปลี่ยนคำให้การภายหลัง แต่เอกสารล่าสุดจาก FSB ยืนยันว่าฮิตเลอร์เสียชีวิตจริงในเบอร์ลินช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 และการตรวจสอบพยานหลักฐานทางชีวภาพได้ยุติข้อสงสัยเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดที่ยืดเยื้อมานานหลายสิบปี

Microsoft รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 สุดแกร่ง กำไรโต 18% จากปีที่แล้ว…หลังหนุนด้วยเทคโนโลยีคลาวด์และ AI

(2 พ.ค. 68) ไมโครซอฟต์ (Microsoft) เผยผลประกอบการไตรมาสสามของปีงบการเงิน 2025 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม มีรายได้รวมอยู่ที่ 70.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.34 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

กำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวแตะ 25.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.6 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 3.46 ดอลลาร์ และรายได้จากการดำเนินงานรวม 32 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16%

รายได้หลักยังมาจากกลุ่มธุรกิจ Productivity and Business Processes ที่ทำได้ 29.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%, คลาวด์อัจฉริยะ (Intelligent Cloud) 26.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% และกลุ่ม More Personal Computing ที่ 13.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6%

บริษัทระบุว่าได้จ่ายเงินคืนแก่ผู้ถือหุ้นในรูปแบบการซื้อคืนหุ้นและเงินปันผลรวม 9.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ และย้ำว่าการเติบโตของธุรกิจคลาวด์และ AI เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งการขยายตัวทางรายได้และประสิทธิภาพขององค์กร

สำหรับไมโครซอฟต์คลาวด์เพียงอย่างเดียวสร้างรายได้สูงถึง 42.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ตอกย้ำบทบาทของเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่อย่างชัดเจน

นายกรัฐมนตรีคนใหม่แคนาดา ยืนยันจะไม่ทนกับกำแพงภาษีทรัมป์ ประกาศตัดสัมพันธ์เศรษฐกิจ-ความมั่นคงกับสหรัฐฯ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง

(2 พ.ค. 68) หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา แคนาดาได้แต่งตั้ง มาร์ก คาร์นีย์ เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ โดยเข้ารับตำแหน่งต่อจาก จัสติน ทรูโดว์ ที่ลาออกชั่วคราวเมื่อเดือนมีนาคม ก่อนมีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคเสรีนิยมยังสามารถรักษาคะแนนเสียงไว้ได้

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก คาร์นีย์ประกาศชัดว่า “ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ได้สิ้นสุดลงแล้ว” พร้อมเตรียมตอบโต้นโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของแคนาดา

สาเหตุหลักมาจากการที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนจากแคนาดา 25% อย่างถาวร พร้อมแสดงท่าทีว่าอยากให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ซึ่งคาร์นีย์มองว่าเป็นภัยต่ออธิปไตยและทรัพยากรของประเทศ

คาร์นีย์ยืนยันว่าแคนาดาจะปรับตัว สร้างอุตสาหกรรมใหม่ และกระจายความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปยังประเทศอื่นแทนสหรัฐ พร้อมชูนโยบายปกป้องเอกราชทางเศรษฐกิจ และวางจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านทรัมป์อย่างเปิดเผย

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าท่าทีแข็งกร้าวของคาร์นีย์มีผลต่อชัยชนะของพรรคเสรีนิยม และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนจาก “มิตรใกล้ชิด” ไปสู่ “คู่ขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการทูต” อย่างเต็มรูปแบบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top