Thursday, 8 June 2023
WORLD

ต่างชาติแห่หนีตายจาก 'ซูดาน' หลังเมืองหลวงกลายเป็นมิคสัญญี ฟาก 2 กองทัพระเบิดสงครามกลางเมือง เข้าสู่วันที่ 10

รัฐบาลต่างชาติ ทั้งสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ ประกาศอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต และพลเมืองของตนออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน หลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงด้วยอาวุธสงคราม และการโจมตีทางอากาศระหว่าง 2 กองกำลังแห่งชาติ ได้แก่ กองทัพซูดาน ที่นำโดย พลเอก อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮานและ กองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) ที่มี โมฮาเหม็ด ฮัมดัน ดากาโล เป็นผู้นำ ณ ใจกลางกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน

โดยการสู้รบเปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2566 เป็นต้นมาแบบไม่มีสัญญาณการแจ้งเตือนล่วงหน้า จนถึงวันนี้ก็เข้าสู่วันที่ 10 แล้ว สถานการณ์ก็ยังคงรุนแรง และไม่มีฝ่ายใดหยุดยิง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วไม่น้อยกว่า 400 คน ขณะที่ชาวซูดานผู้ติดอยู่ในเมืองกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร และน้ำ สาธารณูปโภคทั้งประปา และ ไฟฟ้า ถูกตัดขาด ไม่นับรวมปัญหาการปล้นสดมภ์ และการถูกลูกหลงจากการโจมตีทางทหาร

นอกจากนี้ กองกำลังซูดาน ต่างพยายามแย่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ อาทิ ทำเนียบประธานาธิบดี, รัฐสภา, สนามบิน, สถานีโทรทัศน์, สถานีเครือข่ายโทรคมนาคม ทำให้การอพยพชาวต่างชาติเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่สามารถเข้าถึงสนามบินนานาชาติได้

ล่าสุดมีการประสานงานให้สามารถอพยพชาวต่างชาติออกจากกรุงคาร์ทูมได้ทางรถยนต์ ทางเรือ หรือทางอากาศ โดยรัฐบาลต่างชาติสามารถส่งเครื่องบินมารับพลเมืองของตนได้ที่ท่าเรือซูดาน ทางชายฝั่งทะเลดำ ซึ่งห่างจากกรุงคาร์ทูมถึง 850 กิโลเมตร

โดยซาอุดีอาระเบีย เป็นชาติแรกที่สามารถอพยพพลเมืองกว่า 150 คนออกจากซูดานได้ และเดินทางมาถึงเมืองเจดดาห์อย่างปลอดภัยเมื่อวันเสาร์ 22 เมษายนที่ผ่านมา และยังช่วยเหลือพลเมืองของชาติอื่นๆ เช่น คูเวต, UAE, ตูนิเซีย, ปากีสถาน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ออกจากซูดานด้วย

ด้านกองทัพสหรัฐฯ ได้จัดส่ง Chinook เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ พร้อมกองกำลังอีก 100 นายไปรับพลเมืองอเมริกัน คณะทูตและครอบครัวแล้วเช่นกัน โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประกาศยุติปฏิบัติการด้านการทูตในซูดานอย่างไม่มีกำหนด แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประจำอยู่คอยช่วยเหลือพลเมืองอเมริกัน ที่คาดว่ายังติดอยู่ในซูดานนับพันคน 

ริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีอังกฤษส่งกองกำลังติดอาวุธ รุดหน้าไปช่วยอพยพคณะทูตอังกฤษพร้อมครอบครัวออกมาทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยอมรับว่ามีการคุกคามเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ ที่นับวันความรุนแรงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

ชาวเกาหลีใต้ 56% หนุนเกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อใช้ต้านภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ 

(24 เม.ย.66) สำนักสำรวจเรียลมิเตอร์สอบถามความเห็นชาวเกาหลีใต้วัยผู้ใหญ่จำนวน 1,008 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้ตอบ 56.5% สนับสนุนให้เกาหลีใต้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ด้วยตัวเอง และเห็นว่าควรต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือในโอกาสที่

ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล จะเดินทางไปประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่ผู้ตอบ 40.8% คัดค้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่ข้อถามถึงเหตุผลที่สนับสนุนให้เกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผู้ตอบ 45.2% ชี้ว่า เกาหลีใต้ควรต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ และต่อข้อถามถึงเหตุผลที่คัดค้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผู้ตอบ 44.2% ชี้ว่า จะทำให้เกาหลีใต้ถูกนานาชาติคว่ำบาตร 

ประธานาธิบดียุนจะเยือนสหรัฐฯ ในฐานะประมุขของรัฐเป็นเวลา 6 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน เนื่องในวาระครบ 70 ปีที่ 2 ประเทศเป็นพันธมิตรกัน คาดว่าประเด็นภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ จะเป็นหัวข้อหลักของการสนทนากับผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 26 เมษายนหลังจากพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ

‘หมอมิยู’ ทันตแพทย์สาว คว้าสถิติโลก ในงานวิ่ง ‘ลอนดอนมาราธอน’  หลังวิ่งด้วยชุดไทยได้เร็วที่สุด ดัน Soft Power ชูชุดไทยสู่สากล

(23 เม.ย. 66) ทันตแพทย์สาวนักวิ่ง อยากเผยแพร่ Soft Power แฟชั่นไทย สวมชุดไทยเต็มยศวิ่งระยะ 42 กิโลเมตร ประกาศความงามชุดไทยให้โลกรู้ในลอนดอนมาราธอน ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 45 นาที คว้าสถิติโลกการวิ่งด้วยชุดไทยได้เร็วที่สุด

ข่าวดีจากประเทศอังกฤษ เมื่อวานนี้ (23 เม.ย. 66) เมื่อ ‘หมอยูมิ’ ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี คุณหมอนักวิ่งชาวไทย ลงวิ่งในรายการ ‘ลอนดอนมาราธอน’ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 รายการวิ่งเมเจอร์ระดับโลก ในระยะมาราธอน (42.195 กิโลเมตร)

ความพิเศษของการวิ่งในครั้งนี้ อยู่ที่ หมอยูมิ เลือกที่จะแต่งชุดไทยแบบเต็มยศ มีทั้งรัดเกล้า สไบ โจงกระเบน รวมน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม พร้อมทั้งยื่นขอจดสถิติโลก Guinness World Records เป็นนักวิ่ง ‘Fastest Marathon dressed in Thai Traditional Dress’ หรือ นักวิ่งที่แต่งชุดไทยวิ่งมาราธอนได้เร็วที่สุด

‘ฉางซา’ เปิดตัว ‘เครื่องขุดอุโมงค์ยักษ์’ ขุดได้ทั้งแนวนอน-ปล่องแนวเอียง เผย สามารถเปลี่ยนทิศโค้งแนวตั้ง ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกได้!!

(23 เม.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรักชัน เฮฟวี อินดัสทรี จำกัด (CRCHI) เปิดตัวเครื่องจักรขุดเจาะอุโมงค์ขนาดใหญ่ยักษ์ แบบปรับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ ในนครฉางซา เมืองเอกของมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน เมื่อวันพฤหัสบดี (20 เม.ย.) ที่ผ่านมา

เครื่องจักรขุดเจาะอุโมงค์ขนาดใหญ่ยักษ์ แบบปรับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ ซึ่งมีความยาว 87 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.53-8 เมตร สามารถทำงานขุดเจาะแบบลาดเอียงสูงถึง 50 องศา โดยมีกำหนดใช้งานในการก่อสร้างสถานีพลังงานแบบสูบกลับในหูหนาน

อู๋หมิน รองประธานสถาบันวิจัยเครื่องจักรขุดเจาะอุโมงค์ของบริษัทฯ กล่าวว่าเครื่องจักรนี้สามารถขุดเจาะทั้งอุโมงค์แนวนอนและปล่องแนวเอียง รวมถึงสามารถเปลี่ยนทิศโค้งแนวตั้งซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในโลก และสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขณะเดินเครื่อง ถือเป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์

'เยอรมนี' ปิดฉาก 3 โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์สุดท้าย ลดนำเข้าพลังงานฟอสซิล มุ่งสู่ยุคพลังงานสะอาด

(23 เม.ย.66) German Embassy Bangkok โดย สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี กรุงเทพฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ปิดฉากยุคโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์สามแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในประเทศเยอรมนี ได้ปิดตัวลงแล้วเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา

ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการตามเป้าหมายการลดการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งอันที่จริงแล้ว สัดส่วนการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในเยอรมนีในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาก็ลดลงมาโดยตลอดจาก 22% เหลือต่ำกว่า 5% 

วิเคราะห์!! 'ดอลลาร์' จะยังเป็น King อีกยาวไหม? ขณะที่ 'จีน-รัสเซีย' ดัน 'หยวน-ทองคำ' มาทุบ

ข่าวที่ว่าดอลลาร์จะเสื่อมค่ากลายเป็นแบงก์กงเต็กไม่มีใครเอานั้น ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะมาจากฝั่งอำนาจนิยมที่กล่าวว่าตนเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีความต้องการทำลายชาวยิว ! ดังนั้นเรื่องที่ว่าดอลลาร์จะพังไม่มีใครเอาจริงหรือไม่นั้น ? เป็นประเด็นที่เราต้องพิจารณากันอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่เพียงแค่เชื่อข่าวจากฝั่งที่โจมตีว่าดอลลาร์จะพังอย่างเดียวโดยไม่คิดให้ดี !

โดยเฉพาะในประเทศไทย มีนักวิเคราะห์และกลุ่มคนที่ยกตัวเป็นกูรูด้านเศรษฐศาสตร์-การเงินจำนวนมากมายออกมา “แนะนำ” ให้คนทิ้งดอลลาร์และถือทองคำ-เงินหยวนแทน ! พร้อมกับกล่าวว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และระบบการเงินโลกดอลลาร์กำลังจะพังทลายกลายเป็นหายนะ ?

คนเหล่านี้มักจะแสดงตัวกับสังคมบ่อย ๆ ว่าทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ต้องการเห็นคนอื่นรู้ทันโลกและฉลาดทางการเงินอย่างแท้จริง แต่เบื้องลึกจะเป็นอย่างที่แสดงออกมาจริง ๆ หรือไม่ ? อาจเป็นคำถามที่เราต้องตามดูกันยาว ๆ ก่อนจะรีบสรุปจากสิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา

และหากเราฟังข่าวจากด้านอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มศัตรูของสหรัฐฯ บ้าง เราจะได้มุมมองที่แตกต่างออกไป ยกตัวอย่างเช่นล่าสุด Larry Summers อดีตขุนคลังสหรัฐฯ ผู้ที่เคยทำนายสถานการณ์เงินเฟ้อได้อย่างแม่นยำ กล่าวว่าข่าวโจมตีต่าง ๆ ที่ว่าเงินดอลลาร์จะพังนั้นไม่เป็นความจริง ?

ทั้งนี้ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะลดสัดส่วนในการเป็นทุนสำรองทั่วโลกลงจาก 70% เหลือ 58% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่นั่นก็เกิดขึ้นพร้อมกับการที่ยูโร (ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ) เข้ามามีบทบาทเป็นทางเลือก ! แต่ขณะเดียวกันในแง่ของการค้าและในด้านอื่น ๆ พบว่าทั่วโลกยังคงใช้ดอลลาร์มากกว่า 80% ขณะที่หยวนมีสัดส่วนไม่ถึง 5%

ซึ่ง Summers ชี้ให้เห็นอีกว่าสัดส่วนดอลลาร์ในทุนสำรองที่ลดลงเหลือ 58% นั้นก็อาจเป็นการ “พูดเกินจริง” ไปด้วยซ้ำ เพราะในความเป็นจริงแล้วดอลลาร์อาจยังมีสัดส่วนมากกว่าที่สถิติชี้ให้เห็น ขณะที่ทางจีน-รัสเซียนั้นพยายามดันเงินหยวน-ทองคำ (รวมถึง Bitcoin และ Crypto อื่น ๆ) ขึ้นมาทุบดอลลาร์อย่างเต็มที่

ในกลุ่มนักวิเคราะห์ฝั่งจีน-รัสเซีย รวมถึงในไทยส่วนใหญ่ กำลังมีการกระหน่ำข่าวให้ซื้อทองคำกันรัว ๆ โดยไม่กล่าวถึงความเสี่ยงใด ๆ ของทองคำเลย มีแต่บอกว่าทองคำจะพุ่งและดอลลาร์จะพัง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่จะพัง !

📌 ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่ฝั่งจีน-รัสเซียใช้นั้น อธิบายว่าเงินดอลลาร์จะเสื่อมค่าอย่างหนักเพราะอนาคตจะมีการใช้งานน้อยลง กลายเป็นแบงก์กงเต็กไม่มีใครเอา ? และยังชี้ไปถึงการที่สหรัฐฯ พิมพ์เงินออกมาได้ไม่จำกัดโดยไม่มีทองคำหนุนหลัง พร้อมกับเพดานหนี้ที่ขยายตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ

ทำให้พวกเขามองว่าทองคำนั้นจะมีมูลค่าพุ่งทะลุเพดานหลังจากปฏิบัติการล้มดอลลาร์เสร็จสิ้นลงแล้ว ! หรือพูดง่าย ๆ ว่าจีน-รัสเซีย “มองว่าชาวยิวนั้นโง่เรื่องการเงิน” และดำเนินนโยบายอย่างผิดพลาดที่พิมพ์ดอลลาร์ออกมาโดยไม่มีอะไรหนุนหลัง และมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ฉลาดล้ำโลกที่เชื่อในทองคำมากกว่าดอลลาร์

ความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นแม้ว่าจีน-รัสเซียจะตามหลังสหรัฐฯ อยู่ในหลายแง่ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ระบบการเงิน วิทยาศาสตร์ ขณะที่กลไกการเงินแทบทั้งหมดบนโลกก็เป็นชาวยิวทั้งนั้นที่คิดมาให้เราใช้ ไม่เว้นแม้แต่เทคโนโลยีสุดล้ำต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็มาจากสมองชาวยิวแทบทั้งสิ้น รวมถึงอัจฉริยะที่เปลี่ยนโลกส่วนใหญ่ก็เป็นยิว

⚠️ ดังนั้นเราคงต้องดูกันว่าฝั่งอำนาจนิยมจะล้มชาวยิวได้จริงหรือไม่ ? และชาวยิวโง่จริงหรือ ? ที่พิมพ์ดอลลาร์โดยไม่มีทองคำหนุนหลัง หรือว่าเป็นฝ่ายอำนาจนิยมกันแน่ที่โง่คิดไม่ทันชาวยิว ? สุดท้ายดอลลาร์หรือทองคำกันแน่ที่จะพัง ? อะไรกันแน่ที่กำลังเป็นฟองสบู่ ?

📌 ปัจจุบันนี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างก็กำลังจับตามองตลาดหุ้นและระบบการเงินดอลลาร์จะพังทลายตามคำทำนายของฝ่ายอำนาจนิยมจริงหรือไม่ ? หรือว่าเศรษฐกิจของฝ่ายที่พยายามโจมตีสหรัฐฯ กันแน่ที่จะพังเสียเอง ?? โดยดัชนีเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ราว ๆ 102 หน่วยในตอนนี้ จากอดีตเคยอยู่ที่ 70 หน่วย ขณะที่เงินรูเบิลรัสเซียอ่อนค่ากว่า -3x เท่าจากเคยอยู่ที่ 25 ต่อ 1 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 82 ต่อ 1 ดอลลาร์ไปแล้ว

ส่วนดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ เช่น S&P500, NASDAQ100, Dow Jones ก็ปรับตัวขึ้นมาจากจุด Low ในช่วงปี 2020 แม้มีข่าวถล่มมาตลอดหลายสิบปีแล้วว่ากำลังจะเป็นหายนะ พัง ไร้ค่า ไม่มีใครเอา มีเพียงอย่างเดียวที่ยังจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับดอลลาร์ได้ในตอนนี้ก็คือทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ความหวังหลักของฝ่ายอำนาจนิยมที่จะใช้ทุบดอลลาร์ให้กลายเป็นแบงก์กงเต็ก

กูรูฝั่งอำนาจนิยมส่วนใหญ่กล่าวว่าเมื่อทองคำยืนเหนือ 2,000 $/Oz ได้แปลว่าราคาจะไปต่ออีกมาก บางคนมองว่าทองคำจะพุ่งทะยานไปถึง 5,000 $/Oz หรือมากกว่านั้นเมื่อดอลลาร์พังลงตามคำทำนายของพวกเขา ? แต่ล่าสุดพบว่าราคาทองคำจะส่ายไปส่ายมาไม่สามารถทะลุ All Time High ใหม่เหนือ 2,075 $/Oz ได้สักที ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าฝั่งอำนาจนิยมจะพยายามดันราคาทองคำไปได้ถึงไหน ? หรือว่าทองคำกำลังเป็นฟองสบู่ที่รอวันระเบิดแทนที่จะเป็นดอลลาร์ ?

⚠️ เมื่อเราฟังมุมมองที่ Bias ในทองคำไปแล้ว ขอยกตัวอย่างคนที่มองว่าทองคำแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยกันบ้าง ! โดยปู่ Warren Buffett รวมถึง Bill Gates ซึ่งเป็นระดับตำนานของโลก ต่างก็มองว่าทองคำนั้นแทบไม่มีมูลค่าอะไรจริง ๆ เลย และไม่ได้ให้ผลผลิตอะไรในทางเศรษฐกิจด้วย ทำได้ก็แค่ซื้อมาเป็นเครื่องประดับหรือเก็งกำไรหวังว่าจะมีการประเมินมูลค่าที่สูงขึ้นในอนาคต และแม้ว่าปัจจุบันทองคำจะเริ่มถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบทางอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างด้วยความสามารถในการนำไฟฟ้าของมัน แต่ก็ยังคิดเป็นส่วนน้อยมาก ๆ ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ

Bill Gates เน้นย้ำว่าทองคำเป็นเรื่องของจิตวิทยาเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้เป็นอะไรที่นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมหาศาล เราจึงไม่ได้ Bias ในทองคำ ขณะที่ปู่ Warren Buffett กล่าวว่าทองคำเป็นสิ่งที่ปู่จะไม่ลงทุน เพราะทำได้แค่นั่งดูและหวังว่าราคาจะพุ่งขึ้นในอนาคต สู้เอาเงินไปซื้อที่ดินทำเกษตร หรือซื้อหุ้นดีกว่าเยอะ โดยปู่เคยกล่าวอีกว่าถ้าคุณซื้อทองคำเมื่อตอน 20 $/Oz ปัจจุบันมันจะมีมูลค่าราว 2,000 $/Oz แต่ถ้าคุณซื้อหุ้น Berkshire พร้อม ๆ กันกับทอง (ตอนนั้นมีมูลค่า 15 $/หุ้น) ปัจจุบัน Berkshire ได้มีมูลค่าสูงถึง 496,404 $/หุ้น ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่เจ็บแสบไม่น้อย

ดังนั้นก็คงต้องรอวัดกันต่อไปว่าทองคำจะทุบดอลลาร์ได้จริงหรือไม่ ? แต่อย่างที่ World Maker บอกไปว่าเราไม่ควร Bias ทองคำมากเกินไปตามข่าวของฝั่งอำนาจนิยม เราต้องเข้าใจด้วยว่าข่าวถล่มดอลลาร์และเชียร์ซื้อทองคำส่วนใหญ่นั้นมีผลประโยชน์ทางการเมืองระดับโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีความเป็นจิตวิทยาสูง ซึ่งแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้จริงที่ราคาทองคำจะพุ่งและดอลลาร์จะเสื่อมค่า แต่ในโลกการเงินของจริงนั้น ไม่ว่าสินทรัพย์อะไรก็ล้วนเป็นฟองสบู่ได้เช่นกัน ไม่เกี่ยวกับว่าอยู่มานานแล้วหรือพึ่งเกิดใหม่ (อย่างเช่น Bitcoin, Crypto)

📌 ขณะเดียวกัน ตอนนี้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ รวมถึง FED กำลังเตรียมยกเครื่องกฏระเบียบทางการเงินครั้งใหญ่ ! โดยเฉพาะการเพิ่มการตรวจสอบบริษัทและสถาบันการเงินขนาดเล็ก-กลาง ซึ่งรวมถึงกลุ่ม Non-Banks (บริษัทที่ไม่ใช่ธนาคารแต่มีความสำคัญทางการเงิน) อีกด้วย ! แน่นอนว่าการยกระดับครั้งนี้เป็นการ Reset ใหม่จากกฏหมายในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ (ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซีย) ทำให้บริษัทขนาดเล็ก-กลาง ไม่จำเป็นต้องผ่านการทำ Stress Test อย่างเข้มงวดเหมือนบริษัทใหญ่ ๆ และเป็น 1 ในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Bank Run ขึ้นมา

‘เซินเจิ้น’ เปิดใช้ ‘โรงจอดรถเมล์อัจฉริยะ’ ชี้ มี 11 ชั้น พื้นที่ 752 ตร.ม. แบ่งเป็นโถงจอด-ส่งรถ 2 ห้อง ประหยัดพื้นที่กว่าเดิม 10 เท่า!!

(22 เม.ย.66) สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า โรงจอดรถโดยสารประจำทางโครงสร้างเหล็ก 3 มิติเซี่ยซา เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในนครเซินเจิ้น มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน

โรงจอดรถอัจฉริยะนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสี่แยกถนนฝูหรง และถนนปินไห่ในเขตฝูเถียน ก่อสร้างโดยบริษัท ซีไอเอ็มซี ไอโอที (CIMC IoT) ในเครือบริษัท ไชน่า อินเตอร์เนชันแนล มารีน คอนเทนเนอร์ จำกัด

โรงจอดรถมีความสูง 11 ชั้น แบ่งออกเป็นโถงจอดและส่งรถ 2 ห้อง โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 752 ตารางเมตร และใช้อุปกรณ์ยกแนวตั้งจำนวน 2 ชุด

รายงานระบุว่า พื้นที่จอดรถโดยสารประจำทางแต่ละจุดครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 9 ตารางเมตร ขณะพื้นที่จอดรถแนวนอนแบบเดิมใช้พื้นที่ถึงประมาณ 100 ตารางเมตร อัตราการใช้ประโยชน์ที่ดินจึงเพิ่มมากกว่า 10 เท่า

‘บอสตัน’ เมืองที่เต็มไปด้วย ‘โรงละคร’ เก่าแก่ หนึ่งเมืองที่สร้างนักแสดง สู่ในละครเวทีบรอดเวย์

เมื่อ College of Communication ของ BU ได้รับเราเข้าเรียนในโปรแกรมปริญญาโทแล้ว เราก็รู้สึกตัวเบาลง เราเลยคิดว่าเราน่าจะหาสันทนาการที่ไม่ใช่เต้นรำในคลับทำดูบ้าง สมัยนั้นยังไม่มีข้อมูลที่หาได้ง่ายเหมือนในโลกออนไลน์ของปัจจุบันนี้ ถ้าเราอยากจะได้รับข่าวสารและข้อมูลต้องพึ่งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งตีพิมพ์ เช่นนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์เป็นต้น 

ส่วนใหญ่คนมักจะชอบซื้อหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์อ่าน เพราะเป็นฉบับพิเศษที่แยกส่วนบันเทิงไว้ต่างหาก ถ้าผู้อ่านอยากจะทราบว่าอาทิตย์ต่อมามีอะไรเกิดขึ้นในเมืองหรือรอบๆ บอสตันก็จะใช้หนังสือพิมพ์ไว้อ้างอิง 

ส่วนตัวเรานั้นโชคดีกว่าคนอีกหลายๆ คนเพราะเพื่อนๆ ของเราชอบดูหนัง ละครทีวี และคอนเสิร์ต ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจพวกเขาก็กริ๊งกร๊างมาชวนไปร่วมชม คุยกันซะหลายเรื่องจนลืมเล่าไปว่าเจมและไมเคิลแนะนำให้เราได้รู้จักพี่แม็กซ์ซึ่งเป็นรุ่นพี่คนไทยเพื่อนสนิทของพวกเขา 

พี่แม็กซ์ทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหารไทยแถวทางใต้ของรัฐแมสซาชูเซตส์ พี่เขาจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากบียูแต่ยังไม่อยากกลับเพราะอยากจะหาประสบการณ์ไปก่อน อยู่ไปอยู่มาเลยติดลมจนยี่สิบปีผ่านไปจึงกลับบ้าน ตอนนี้พี่แม็กซ์ทำงานชั้นบริหารขององค์กรอาหารชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ตอนที่รู้จักพี่แม็กซ์นั้นมีเขาก็มีแววเป็นผู้นำ ซึ่งมักจะให้คำปรึกษาที่ดีๆ ต่อเพื่อนๆ และคนรอบข้าง เป็นคนที่มีความรู้รอบตัว ตัดสินใจเด็ดขาด และมีน้ำใจต่อเพื่อนสนิท 

ที่บ้านที่พี่แม็กซ์เช่า มีสาวข้ามเพศชาวเวียดนามและหนุ่มเกย์ชาวเขมรร่วมอาศัยอยู่ เรามักจะไปขลุกตัวอยู่บ้านพี่แม็กซ์เพราะเราเหงาอยู่คนเดียว พี่เขามักจะเตือนให้เราขยันเรียนจะได้จบปริญญาโทไวๆ พี่แม็กซ์หยุดทำงานแค่วันเดียวในหนึ่งอาทิตย์จึงแทบไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนทั้งๆ ที่พี่เขาชอบดูโชว์ทุกรูปแบบ ถึงเราจะซื้อหนังสือพิมพ์อาทิตย์ประจำ เราก็ไม่ค่อยได้อ่าน เน้นแต่จะตัดคูปองและดูใบปลิวของลดราคาจากร้านต่างๆ เราจะเสียเวลาอ่านทำไมในเมื่อเราสนิทกับพี่แม็กซ์ซึ่งเป็นเหมือนกูเกิลบันเทิงประจำกลุ่ม มีหนังหรือโชว์อะไรดีๆ พี่แกจะมาบอกให้พวกเราฟังอยู่เป็นอาจิน ถ้าพี่แม็กซ์ทำธุระส่วนตัวเสร็จในวันหยุดเราก็จะไปดูหนังหรือชอปปิงด้วยกัน 

วันหนึ่งพี่แม็กซ์รีบวิ่งมาหาพวกเราอย่างตื่นเต้นว่า ‘The Phantom of the Opera’ ของ Andrew Lloyd Webber กำลังจะมาเล่นที่บอสตันอีกหกเดือน แล้วเขาให้จองตั๋ววันศุกร์ที่จะถึง พี่เขาจะขอหยุดงานไปดูและชวนเพื่อนๆ ว่าใครจะไปบ้าง เราไม่เคยชมละครบรอดเวย์ก็เลยพากันตื่นเต้นตามพี่เขาขอจองตั๋วสองใบสำหรับตัวเราและแฟนเราที่จะตามมาอยู่อีกไม่นานนี้ เพื่อนคนอื่นๆ ติดเรียนหรือทำงานจึงไม่ได้ซื้อตั๋ว 

เนื่องจากในยุคนั้นคนอเมริกันส่วนใหญ่จะแต่งตัวสุภาพไปชมละคร และโอเปร่า พวกเราทั้งสามจึงพากันใส่เสื้อสูทและเชิ้ตเพื่อไปชมละครเพลง เมื่อวันโชว์มาถึง ตอนที่เขาพาเราไปนั่งเราก็พากันอึ้งกิมกี่เพราะที่นั่งของเราอยู่ชั้นเกือบบนสุดมองเห็นตัวนักแสดงขนาดเท่ามด บางคนที่เอากล้องส่องมาก็โชคดีไปเพราะได้มองเห็นฉากและนักแสดงได้ชัดขึ้น พวกเราสามคนปลอบใจกันเองว่าอย่างน้อยเราซื้อบรรยากาศมานั่งฟังเพลงบรอดเวย์ที่ร้องสด 

เมื่อไฟในโรงดับและไฟเวทีเจิดจ้า เราก็ไม่รู้สึกผิดหวังอีกต่อไป ทั้งระบบเสียงและการจัดฉากที่อลังการทำให้ผู้ชมในโรงละครไม่ว่าจะอยู่ในจุดไหนดื่มด่ำไปกับเพลงและเนื้อหา โดยเฉพาะตอนไคลแมกซ์ที่โคมไฟแชนเดอเรียหล่นลงพื้นเหมือนจริงจนพวกเราใจหายวี้ดว้ายกันจนเสียงแหบแห้ง  

ใครที่สนใจชมละครเวที บอสตันก็มีโชว์ดีๆ มาให้ชมอย่างไม่ขาดสาย แต่ถ้าท่านผู้อ่านติดกับตัวดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง ก็ต้องไปชมที่นิวยอร์กเพราะพวกเขาจะแสดงกันที่นั่น นักแสดงที่เดินทางไปแสดงตามรัฐต่างๆ เป็นนักแสดงที่มีความสามารถไม่แพ้กับพวกดาราที่นิวยอร์ก แต่พวกเขายังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่าเหล่าดารา Broadway บ่อยครั้งที่ละครจะเริ่มเปิดตัวที่บอสตันก่อนเพื่อทดสอบปฏิกิริยาของผู้ชมและปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเมื่อย้ายไปนิวยอร์ก ‘Moulin Rogue’ ก็เปิดรอบปฐมทัศน์และแสดงที่บอสตันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ไปดังเป็นพลุแตกที่บรอดเวย์ 

โรงละครในบอสตันส่วนใหญ่จะเป็นโรงละครขนาดกลาง โรงละครที่ใหญ่ที่สุดในเมืองคือ Wang Theater  ซึ่งจุผู้ชมประมาณ 3,600 กว่าคน โรงละครแห่งนี้สร้างในปีค.ศ.1925 โดยใช้ชื่อว่า The Metropolitan Theater  30 ปีต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น The Music Hall และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็น The Metropolitan Center เนื่องจากโรงละครโรงนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นองค์กรที่สร้างกำไร จึงต้องหาเงินบริจาคจากธุรกิจภายนอกเพื่อช่วยในการอนุรักษ์ และจัดการโรงละคร 

ดังนั้นในปี 1983 นาย An Wang นักธุรกิจทางด้านคอมพิวเตอร์ และภรรยา Lorraine ได้เสนอให้บริษัท Wang Laboratories ของพวกเขาเป็นสปอนเซอร์ของโรงละครแห่งนี้โดยเปลี่ยนชื่อเป็น The Wang Center for the Performing Arts จนถึงปี2006 ซึ่ง Citibank มารับเป็นผู้อุปถัมภ์ต่อและเปลี่ยนชื่อเป็น Citi Performing Arts Center ท้ายสุดในปี 2016 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น The Boch Center เพื่อเป็นเกียรติแก่บริษัท Boch ซึ่งเป็นสปอนเซอร์รายล่าสุด 

นอกจากนี้พวกบริษัทที่สนับสนุนโรงละครแห่งนี้ต้องมีหน้าที่สนับสนุนโรงละคร The Shubert Theater ที่อยู่ตรงข้ามอีกด้วย นอกจากโรงละครสองแห่งนี้ยังมี The Emerson Colonial Theater, The Strand Theater, The Boston Opera House, Paramount Theater และ Modern Theater อีกด้วย 

ถ้าหากใครสนใจอยากจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมการแสดงต่างๆ สามารถคลิกได้จากลิงก์นี้ https://www.boston-theater.com 

ถ้าไม่อยากจ่ายเงินค่าบัตรราคาเต็มท่านอาจจะมีโชคได้ซื้อบัตรในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ต้องทำใจว่าจะต้องรอซื้อในวันที่การแสดงในเว็บไซต์นี้ https://calendar.artsboston.org/categories/bostix-deals/ 

‘ทางรถไฟจีน-ลาว’ หนุนส่งออก ‘ทุเรียนไทย’ สู่ตลาดจีน เพิ่มกำลังการขนส่งรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างรายได้มหาศาล

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, แหลมฉบัง/คุนหมิง รายงานว่า ขบวน ‘รถไฟผลไม้’ บรรทุกทุเรียนและมังคุดของไทย จำนวน 23 ตู้คอนเทนเนอร์ ได้เดินทางถึงนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
.
รถไฟขบวนนี้มีต้นทางจากแหลมฉบัง ท่าเรือแห่งสำคัญของไทย และวิ่งถึงจุดหมายปลายทางในจีนโดยผ่าน ‘ทางรถไฟจีน-ลาว’ ซึ่งปัจจุบันกำลังกลายเป็น ‘ทางด่วน’ ของบรรดาผู้ส่งออกชาวไทยในการเข้าถึงตลาดจีนอย่างรวดเร็ว
.
อรทัย เอื้อตระกูล วัย 67 ปี อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนำเข้าและส่งออกสินค้าพืชของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า เมื่อก่อนทุเรียนส่วนใหญ่ถูกส่งออกสู่จีนทางถนนและทางทะเล ซึ่งเป็นเส้นทางที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะหลายปัจจัยอย่างสภาพอากาศเลวร้าย ทำให้บางครั้งใช้เวลาขนส่งนานกว่า 20 วัน
.
ทว่าปัจจุบัน ทุเรียนไทยถูกขนส่งถึงคุนหมิงภายใน 3 วัน ด้วยอานิสงส์จากการขนส่งแบบห่วงโซ่ความเย็นบนทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งอรทัยแสดงความหวังว่าจะช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนได้เพลิดเพลินกับทุเรียนสดใหม่และสุกอร่อยเหมือนกับชาวไทยเพิ่มขึ้น

ด้าน นที ชวนสนิท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาการเศรษฐกิจการพาณิชย์ (IBERD) กล่าวว่า ปัจจุบันจีนเป็นตลาดส่งออกทุเรียนแห่งสำคัญที่สุดของไทย และหวังว่าผู้บริโภคชาวจีนจะได้ชิมทุเรียนรสชาติดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยขยับขยายตลาดทุเรียนไทย

อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย ระบุว่า จีนเป็นตลาดส่งออกทุเรียนไทยขนาดใหญ่สุดในปี 2022 ครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 96 ของปริมาณการส่งออกทุเรียนทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 3.09 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.06 แสนล้านบาท)

บริษัท ไทยแลนด์ รอยัล ฟาร์ม กรุ๊ป จำกัด (Thailand Royal Farm Group) ได้ดำเนินธุรกิจส่งออกทุเรียนในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทุเรียนที่มีชื่อเสียงของประเทศ เป็นเวลานานมากกว่า 16 ปีแล้ว

วีริศา วนนุรักศ์สกุล ซีอีโอของบริษัทฯ กล่าวว่า ความต้องการจากตลาดจีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ราคาขายส่งทุเรียนพุ่งสูงไม่หยุด และรายได้จากงานบรรจุหีบห่อแบบจ้างงานชั่วคราวในช่วงฤดูส่งออกกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของคนท้องถิ่นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ทางรถไฟจีน-ลาว ได้เปิดเส้นทางใหม่สำหรับการส่งออกทุเรียนไทย และบรรเทาปัญหากำลังการขนส่งไม่เพียงพอที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงการขนส่งทางถนนและทางทะเลที่ไม่มีความแน่นอน

กนกวรรณ สุวรรณกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการสินค้า การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดทางรถไฟจีน-ลาว ได้ส่งเสริมการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรางของไทย โดยปริมาณการขนส่งสินค้าจากไทยสู่ลาวเพิ่มขึ้นจาก 500-600 ทีอียู (TEU: หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ยาว 20 ฟุต) ในปี 2019 เป็น 2,000 ทีอียูในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 3,000 ทีอียูในปี 2023

บริษัท สปีด อินเตอร์ ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจส่งออกและขนส่งผลไม้มากกว่า 20 ปี ได้ตัดสินใจพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรางอย่างจริงจัง หลังจากทดลองดำเนินงานมากว่าหนึ่งปี

พานเจียวหลิง ซีอีโอของบริษัทฯ กล่าวว่ามีการซื้อตู้คอนเทนเนอร์แบบห่วงโซ่ความเย็นสำหรับขนส่งสินค้าพร้อมติดตั้งระบบจีพีเอส (GPS) ในปีนี้ ซึ่งช่วยระบุตำแหน่งและเฝ้าติดตามอุณหภูมิแบบเรียลไทม์จากระยะไกล รวมถึงส่งข้อมูลโลจิสติกส์ให้ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

‘เวียดนาม’ โวย!! ‘จีน’ สั่งห้ามทำประมงฝ่ายเดียวในทะเลจีนใต้ ชี้ ละเมิดอธิปไตยประเทศ-ทวีความขัดแย้งในเขตน่านน้ำ

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 66 ทางเวียดนามได้ออกมาคัดค้านคำสั่งฝ่ายเดียวของจีน ที่ห้ามการทำประมงในทะเลจีนใต้ โดยยืนยันว่า ‘เป็นการละเมิดอธิปไตยของเวียดนาม’ พร้อมกับเรียกร้องไม่ให้จีนทำให้สถานการณ์ยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น

จีนออกคำสั่งห้ามทำประมงในทะเลจีนใต้มาตั้งแต่ปี 2542 โดยให้เหตุผลว่าคำสั่งห้ามดังกล่าวซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 16 สิงหาคม มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการทำประมงอย่างยั่งยืนและปรับปรุงระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเวียดนามก็ออกมาคัดค้านคำสั่งของจีนตลอดเวลาเช่นเดียวกัน

คำสั่งห้ามดังกล่าวครอบคลุมน่านน้ำ 12 องศาเหนือของเส้นศูนย์สูตร รวมถึงกินเข้าไปยังพื้นที่บางส่วนของเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (อีอีแซด) ในพื้นที่ 200 ไมล์ทะเลของเวียดนาม ทั้งยังรวมถึงหมู่เกาะพาราเซล ซึ่งเป็นดินแดนที่ทั้งจีนและเวียดนามต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าว

‘จีน’ เผย!! เที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ชี้!! ‘ไทย’ ติดโผ 5 อันดับแรก เที่ยวบินไปจีนมากที่สุด

ปักกิ่ง, 20 เม.ย. (ซินหัว) — หนังสือพิมพ์ข้อมูลเศรษฐกิจรายวัน (Economic Information Daily) รายงานว่าเมื่อวันพุธ (19 เม.ย.) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) รายงานว่าเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2023 หลังจากที่สำนักงานฯ เริ่มรับเรื่องยื่นขอดำเนินการเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้งของสายการบินจีนหลายราย

สำนักงานฯ ระบุว่าช่วงเปลี่ยนฤดูระหว่างฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิของปี 2023 ได้ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศให้รวดเร็วขึ้นอย่างมาก

ช่วง 10-16 เม.ย. เที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นจริงมีจำนวน 2,242 เที่ยว (ไป-กลับนับเป็น 1 เที่ยวบิน) แตะระดับร้อยละ 29.4 ของตัวเลขช่วงก่อนเกิดโรคระบาด และมีจุดหมายปลายทางใน 59 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 82 ของตัวเลขก่อนเกิดโรคระบาด

สถานทูตฯ ให้คนไทยในซูดานลงทะเบียน เพื่อเตรียมอพยพและให้ความช่วยเหลือ

จากกรณีเกิดการสู้รบกันระหว่างกองทัพซูดานกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่กรุงคาร์ทูมของสาธารณรัฐซูดาน 

ล่าสุดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ขอให้คนไทยในซูดานลงทะเบียน เพื่อเตรียมอพยพและให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน

CATL เปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ช่วย EV วิ่งได้ 1,000 กม.ต่อ 1 ชาร์จ พร้อมวาดฝันจะนำไปใช้กับ ‘เครื่องบินไฟฟ้า’ ด้วย

Contemporary Amperex Technology บริษัทแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของจีน หรือที่รู้จักในชื่อ CATL เปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ที่วาดฝันไว้ว่าสักวันหนึ่งสามารถใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องบินได้

(20 เม.ย.66) เพจ 'เดือดทะลักจุดแตก' เผย CATL ของจีน เปิดตัว 'แบตเตอรี่' อัดพลังงานแน่นสุดโลก:  2 เท่าของปัจจุบัน: 500 วัตต์-ชั่วโมง/กก.! ก้าวกระโดด จากใช้กับ EV สู่เครื่องบินได้!?

ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน แบตเตอรี่ รุ่น Qilin ของ CATL ความหนาแน่นพลังงาน 255 วัตต์-ชั่วโมง/กิโลกรัม เพียงพอทำให้รถยนต์ไฟฟ้า EV วิ่งได้ 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

‘จีน’ เตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญมาไทย หลัง ‘หลินฮุ่ย’ เสียชีวิต เพื่อร่วมพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริง

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.66 สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์แพนด้ายักษ์แห่งประเทศจีน ยืนยันกรณีการตายของ ‘หลินฮุ่ย’ แพนด้ายักษ์เพศเมีย อายุ 21 ปี ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ของไทยเมื่อช่วงเช้าวันพุธ (19 เม.ย.) ที่ผ่านมา

หลินฮุ่ยเกิดเมื่อเดือนกันยายน 2001 และถูกโยกย้ายมาอยู่ไทยเมื่อปี 2003 ภายใต้โครงการความร่วมมือจีน-ไทย ด้านการวิจัยเกี่ยวกับแพนด้ายักษ์ และอาศัยอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ศูนย์ฯ ระบุว่าหลินฮุ่ยมีอาการโคม่าฉับพลันตั้งแต่คืนวันอังคาร (18 เม.ย.) โดยศูนย์ฯ ได้รับรายงานสถานการณ์จากสวนสัตว์ฯ ซึ่งพยายามดำเนินการรักษาอย่างเต็มที่ ทว่าหลินฮุ่ยตายลงตอนราว 02.00 น. ของวันพุธ (19 เม.ย.)

‘มุนบิน’ สมาชิกวง ASTRO เสียชีวิตในวัย 25 ปี ต้นสังกัดยืนยัน แฟนคลับร่วมไว้อาลัยกับการจากไปกะทันหัน

(20 เม.ย.66) เกิดเหตุสลดใจสั่นสะเทือนวงการ K-Pop เมื่อ ‘มุนบิน’ (Moonbin) นักร้องวงบอยแบนด์ไอดอล ASTRO (อัสโตร) ที่มีวัยเพียง 25 ปี ถูกพบว่าเสียชีวิตที่บ้านพักของตัวเอง เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการปลิดชีพตัวเอง

เว็บไซต์ soompi รายงานว่าตำรวจสถานีกังนัม ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 19 เมษายนว่า ผู้จัดการของมุนบินพบว่าเขาเสียชีวิตที่บ้านพักในย่านกังนัมจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ซึ่งเบื้องต้นทางตำรวจแถลงว่า “ดูเหมือนมุนบินจะปลิดชีวิตตนเอง” โดยขณะนี้ทางตำรวจกำลังดำเนินการชันสูตรศพเพื่อระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง

ในขณะที่ของค่ายเพลง Fantagio ต้นสังกัดของมุนบิน ได้แถลงข่าวยืนยันการเสียชีวิตของเขาแล้ว พร้อมขอร้องให้แฟน ๆ อย่าให้ความสนใจกับรายงานข่าวที่เป็นการคาดเดา และมีความประสงค์ร้ายซึ่งจะส่งผลกระทบต่อครับครัวของมุนบินที่กำลังเสียใจเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ทางค่ายยังแจ้งด้วยว่าครอบครัวของมุนบินประสงค์จะจัดพิธีศพเป็นการภายใน มีเพียงสมาชิกในครอบครัว และคนในบริษัทเข้าร่วมเท่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top