Wednesday, 2 July 2025
POLITICS NEWS

“จุรินทร์” นำทีมบุกขอนแก่น ประชุมตัวแทนปชป.ภาคอีสาน 116 เขต เผยเรตติ้งพรรคพุ่ง ชูนโยบายเดินหน้าประกันรายได้ต่อ มั่นใจได้เก้าอี้ส.ส.อีสานเพิ่มแน่

ที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล จ.ขอนแก่น  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลภาคอีสาน นายนิพนธ์ บุญญามณีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองหัวหน้าพรรคฯ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคฯ เข้าร่วมการประชุมตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ในภาคอีสาน 116 เขตเลือกตั้ง 

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมในการวางตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในภาคอีสาน ทั้ง 116 เขต ซึ่งแสดงถึงความพร้อมและความตั้งใจของเราในการมาทำงานให้ชาวอีสาน  ขณะเดียวกัน จากการที่เราประชุมร่วมกับแกนนำหลักๆ และตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ในทุกจังหวัดของภาคอีสาน ได้ประเมินตรงกันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นในภาคอีสาน และมีโอกาสที่จะได้ส.ส.เพิ่มขึ้น ทั้งส.ส.ระบบเขตและส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 

เมื่อถามว่าพรรคมีนโยบายอะไรใหม่ ๆ เพื่อซื้อใจชาวอีสานในการเลือกตั้งครั้งหน้า  นายจุรินทร์ กล่าวว่า มีหลายอย่าง และเรายังชูนโยบายการเดินหน้าการประกันรายได้เกษตรกรต่อไป เพราะสร้างประโยชน์กับเกษตรกรในภาคอีสานและทั่วไป โดยจะเป็นการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และพืชอื่นๆที่ปลูกเฉพาะภาคอีสาน  

“โฆษกรัฐบาล” สวน "พิธา" ย้อนดูตัวเองอย่าปั้นคำสวยหรูแต่ไม่ลงมือทำ คิดแต่จะล้มล้าง แขวะไม่เชื่อว่ามีคุณสมบัติผู้นำยุคใหม่เช่นกัน ย้ำ”นายก”ผู้นำตัวจริงของประชาชนทำงานเป็น ซื่อสัตย์สุจริต

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่มีคุณสมบัติของผู้นำในศตวรรษที่ 21 ว่า สิ่งที่นายพิธาพูดนั้นเป็นทฤษฎีที่สวยหรู เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นผู้นำแบบนั้น แต่ก็ไม่เชื่อว่านายพิธาจะทำได้สำเร็จเช่นกัน เป็นเพียงแค่การปั้นคำพูดสร้างวาทกรรมแต่ไม่ได้ลงมือทำย่อมไม่รู้ว่าอะไรคือของจริง อะไรคือความเพ้อฝัน จึงต้องย้อนดูตัวเองด้วย

ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านายพิธาไม่ได้สนใจทำงานจริงจัง แต่จ้องจะสร้างภาพและหาโอกาสสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเองเสมอ หวังยืมมือม็อบกลุ่มต่าง ๆ มาล้มรัฐบาล และหากคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติแบบที่อภิปรายก็คงเข้าข้างตัวเองมากเกินไป หรือหากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้นำที่ลึก ๆ แล้วมีเจตนาต้องการล้มล้างสิ่งดีงามของประเทศชาติบ้านเมืองโดยอ้างว่าเพื่อความทันสมัย ทันโลก กล้าหาญ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และไม่ควรฝากอนาคตไว้ด้วยอย่างแน่นอน 

นายธนกร กล่าวว่า การจะตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรือใครก็ตามมีคุณสมบัติเหมาะจะเป็นผู้นำหรือไม่นั้นคงไม่ใช่ให้นายพิธาเป็นผู้ตัดสิน เพราะผู้ตัดสินตัวจริงคือประชาชน นอกจากนี้นายพิธาไม่เคยสัมผัส เรียนรู้ หรือทำงานร่วมกับพล.อ. ประยุทธ์ ย่อมไม่มีทางรู้ว่าที่จริงแล้วท่านนายกฯ เป็นอย่างไร

"นายก" ยืนยันรัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับทุกระดับการแพร่ระบาดไว้แล้ว ขอประชาชน เน้นป้องกันเฝ้าระวังตนเองสูงสุด สำหรับผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวขอความร่วมมือเข้าระบบการดูแลที่บ้านหรือชุมชน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชน ทั้งนี้สถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเป็นจำนวนมากในขณะนี้  ยืนยันรัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับทุกระดับการระบาดไว้แล้ว ทั้งความพร้อมด้านโรงพยาบาล สถานที่รักษา ยา และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ  

ขอประชาชนและสถานประกอบการ เน้นการป้องกันเฝ้าระวังตนเองสูงสุด  ต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ที่สำคัญต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน และเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต  ขณะเดียวกัน รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชน หากติดเชื้อเป็นกลุ่มอาการสีเขียว คือ ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย ขอให้เข้าระบบการดูแลที่บ้านหรือชุมชน (HI/CI First) จะทำให้เตียงในโรงพยาบาลมีเพียงพอรองรับผู้ติดเชื้อที่จำเป็นต้องใช้เตียงในโรงพยาบาล และสำรองเตียงสำหรับกลุ่มเสี่ยง

นายธนกร กล่าวว่า ขอให้ประชาชนที่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย หรือมีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ รีบตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ด้วยตนเอง หากพบว่าผลตรวจเป็นบวกให้ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการรักษา โทรหาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหรือสายด่วนโควิด-19 เพื่อหาสถานที่และเวลาเพื่อรับการตรวจ ขณะที่กักตัว อย่าออกไปข้างนอกหรือสถานที่สาธารณะ รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร แม้จะเป็นสมาชิกในครอบครัว สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น 

“นายก ฯ” ขอบคุณครม.-ส.ส.  ชี้!ต่างทำหน้าที่ตามบทบาทของตน  “ระบุ” อยากเห็นสภาเป็นสถานที่สำหรับรับฟังข้อเสนอ

นายธนกร วังบุญคงชนะ  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณคณะรัฐมนตรีและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ร่วมการอภิปราย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2  เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ระหว่าง 17 -18 ก.พ. 2565 ที่เสร็จสิ้นลงเมื่อคืนวานนี้  ถือว่าทุกฝ่ายต่างทำหน้าของตนอย่างดีที่สุด

ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร  และยังอยากเห็นสภาแห่งนี้ เป็นสถานที่ให้ข้อเสนอแนะและคำแนะนำที่มาถึงคณะรัฐมนตรี   หากเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ก็พร้อมที่จะนำไปพิจารณาดำเนินการ  เพราะการแก้ปัญหาประเทศต้องมาจากความร่วมมือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย และถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องรักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ภาพรวมการอภิปรายใน 2 วันที่ผ่านมาว่า  รัฐบาลได้ชี้แจงคำถามของฝ่ายค้านได้ครอบคลุมทุกประเด็น โดยนายกรัฐมนตรียืนยันแก่ที่ประชุมสภาว่า รัฐบาลทำงานทั้งแก้ปัญหาอดีต ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด  พร้อมกำหนดแผนงานสำหรับอนาคต  

ย้อนไทม์ไลน์เหมืองทองอัครา กับ คำถามน่าคิด!! หาก ‘คิงส์เกต’ มั่นใจ ชนะคดี รับค่าชดเชย 30,000 ล้านบาท เหตุใดทางบริษัทยังคิดจะมาเจรจากับรัฐบาลไทยต่อ?

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 65 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้ลุกขึ้นชี้แจงกรณีเหมืองทองอัครา จากข้อท้วงถามของ ‘จิราพร สินธุไพร’ ส.ส.เพื่อไทย ที่จี้ถามถึงความเสียหายที่ประเทศต้องจ่าย หากแพ้คดีเหมืองทองอัครา ว่า…

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มขอเจรจาเกี่ยวกับคดีเหมืองทองอัครา แต่คณะอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ให้คำแนะนำให้ไทยเจรจากับบริษัทคิงส์เกต ซึ่งที่ผ่านมามีการเลื่อนการเจรจามาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจาก COVID-19 โดยเป็นการตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย แต่การเจรจามีความคืบหน้า และมีทิศทางในทางบวก ซึ่งจะมีประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย

“ประเด็นเลื่อนออกคำชี้ขาดที่ถูกกล่าวหาว่า การเลื่อนแต่ละครั้งจะมีการให้สิทธิประโยชน์เหมืองทองอัคราทุกครั้ง ยืนยันว่า เป็นความเท็จ การเลื่อนออกคำชี้ขาดไม่เกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์หรือการอนุญาตใดๆ”

ส่วนกรณีบริษัทคิงส์เกต เปิดเผยข้อมูลได้ แต่ฝ่ายไทยไม่เปิดเผยข้อมูล ขอชี้แจงว่า ตราบใดที่ยังไม่ออกคำชี้ขาด ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการได้ ส่วนข้อมูลที่บริษัทคิงส์เกตนำมาเปิดเผย มาจากข้อมูลการเจรจายุติข้อพิพาทที่ฝ่ายบริษัทคิงส์เกตอยากจะได้ และเรียกร้อง ไม่ใช่การตกลงจากทั้ง 2 ฝ่าย

สำหรับข้อกล่าวหาว่า ฝ่ายไทยจะแพ้และต้องเสียค่าโง่กว่า 30,000 ล้านบาทนั้น จากข้อมูลงบการเงินของบริษัทอัครา ซึ่งได้ประกอบกิจการเหมืองทองในประเทศตั้งแต่ 2543 จนถึง 2558 หรือ 15 ปี พบว่า มีกำไรตกปีละ 800 ล้านบาท เมื่อเทียบกับค่าเสียหายที่ ส.ส.จิราพรอ้างมา บริษัทจะต้องประกอบกิจการถึง 38 ปี

“หากบริษัทมั่นใจว่าจะชนะคดีแน่ๆ และได้รับเงิน 30,000 ล้านบาท บริษัทจะมาเจรจากับรัฐบาลไทยได้อย่างไร”

>> ไล่ไทม์ไลน์อาชญาบัตรสำรวจแร่ 44 แปลง
ส่วนการอนุญาตต่างๆ ทั้งให้สิทธิสำรวจแร่ และให้ขนผงทองคำออกไปขาย เป็นการประนีประนอมเพื่อขอถอนฟ้องคดี โดยกรณีการให้ประทานบัตร 4 แปลงนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2544 เมื่อบริษัทเริ่มเปิดเหมืองและผลิตทองคำเชิงพาณิชย์ ตรงกับสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีการยื่นคำขออาชญาบัตรสำรวจแร่ 44 แปลง

บริษัทได้ทยอยยื่นมาตั้งแต่ 2546-2548 และในปี 2549 คำขออยู่ระหว่างการพิจารณามาตามลำดับ เตรียมเสนอขออนุมัติ แต่เกิดรัฐประหารก่อน จนมาปี 2550 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มี ครม. ให้ชะลอการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำไว้ก่อน เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยยังไม่มีนโยบายทองคำที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำนโยบายทองคำให้แล้วเสร็จ

จากนั้นผ่านมาหลายรัฐบาลมีการปรับปรุงนโยบายทองคำอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2557 มีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่รอบเหมืองว่า ประสบปัญหาสุขภาพจากการทำเหมือง อีกทั้งความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่ มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายสนับสนุน 

พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. จึงส่งเจ้าหน้าที่ส่งไปตรวจสอบ และมีข้อเสนอให้ยุติการทำเหมืองไว้ก่อน โดยพล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่ง คสช. ให้ยุติการขออนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ และการทำเหมืองชั่วคราว และให้ไปปรับปรุงนโยบายทำเหมืองใหม่ โดยให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เพื่อให้มีมาตรการป้องกันปัญหาสุขภาพในประชาชนที่รัดกุม

1 ส.ค. 60 ครม. มีมติรับทราบนโยบายทองคำ มีผลให้บริษัทอัคราสามารถยื่นขออาชญาบัตรพิเศษได้ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ไม่ได้มาเดินเรื่องต่อเพราะกลัวจะกระทบต่อรูปคดีนั้น และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นเป็น 2 เท่า ทำให้บริษัทอัคราตัดสินใจมายื่นขออาชญาบัตรสำรวจแร่ ก่อนจะนำไปสู่การอนุมัติตามขั้นตอน

ทั้งนี้ หากบริษัทอัคราสำรวจแร่และสามารถประกอบการทำเหมืองทองคำได้ รัฐจะได้รับประโยชน์จากค่าภาคหลวงแร่ และค่าภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยจากข้อมูลการประกอบการของบริษัทอัครา ในอดีต 2546-2559 รัฐได้รับประโยชน์ทางด้านภาษีทั้งหมด 5,596 ล้านบาท รวมทั้งมีการจ้างงานในพื้นที่กว่า 2,000 คน

“เลขาฯพลังชล”เตือน “รมต.เฮ้ง” อย่าลืมอดีต เชื่อ คนเมืองชล รู้ดีตัดสินใจเลือกใคร 

นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังชล ให้สัมภาษณ์ ว่า ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จ.ชลบุรี ตามที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กและให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ พาดพิงไปถึง นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของชลบุรี แม้ในวันนี้นายสนธยา ไม่ได้ดำเนินกิจกรรมในนามพรรคพลังชล แต่ในฐานะที่เคยร่วมก่อตั้งพรรคพลังชล เมื่อถูกพาดพิงถึงในทางเสียหาย พี่น้องชาวชลบุรี ที่เคารพรักนายสนธยา รู้สึกไม่สบายใจ จึงฝากมาถึงตน ที่เป็นเลขาธิการพรรค ให้ช่วยพูดถึง ตักเตือนไปยังนายสุชาติ ว่า

ขอให้นายสุชาติ พูดความจริง ไม่บิดเบือน ต้องไม่ลืม ตั้งแต่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น จนได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.ชลบุรี พรรคพลังชล มาได้อย่างไร บางช่วงชีวิตเคยเจอมรสุม มีใครคอยช่วยสนับสนุน กระทั่งวันหนึ่งมีเส้นทางใหม่ทางการเมือง และหลายต่อหลายครั้งเคยพูดถึงนายสนธยา ในทางที่ไม่ดี แต่นายสนธยา ก็ไม่ได้สนใจ 

'เท่าพิภพ' อัด 'รัฐบาล' กระตุ้นการท่องเที่ยว 'ไร้ยุทธศาสตร์' หากเป็นก้าวไกล จะใช้ Creative Content Industry มาหนุน

"เท่าพิภพ" อัด รัฐบาล กระตุ้นการท่องเที่ยว "ไร้ยุทธศาสตร์" - ชี้ หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะใช้ Creative Content Industry มาช่วยขยายการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ณ อาคารรัฐสภา เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 เกี่ยวกับการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวของรัฐบาล 

เท่าพิภพ เริ่มต้นอภิปรายโดยกล่าวว่า ใน 2 ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในประเทศไทยถือว่าวินาศสันตะโรเพราะไวรัสโควิด-19 และการปิดประเทศ แต่ถ้าจะมองให้ดีให้ชัด อาจไม่ใช่แค่ 2 ปี แต่เป็นตั้งแต่การทำรัฐประหารของประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศซบเซา ส่งผลให้ประชาชนตกงานกว่า 3 ล้านคน

เท่าพิภพ เริ่มยกตัวอย่างประชาชนในเขตพื้นที่ของตนมีหลายต่อหลายอาชีพที่ได้รับผลกระทบอย่างเช่น พนักงานโรงแรม รวมถึงคนขับเรือท่องเที่ยว ทำให้ต้องเป็นภาระคนในครอบครัว สถานการณ์มันช่างน่าสิ้นหวัง แม้ว่ารัฐบาลพยายามจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เกิดผล เพราะรัฐบาลขาดการวางยุทธศาสตร์และแผนงานที่ชัดเจน ผู้ประกอบการหลายรายที่ตนรู้จัก หนึ่งในนั้นคืออดีตเจ้านายของตน ที่ใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิตไปกับกิจการ เพราะได้ยินข่าวว่ารัฐบาลจะเปิดประเทศ แต่สุดท้ายก็กลับมาปิดประเทศอีกครั้ง ทำให้อดีตเจ้านายของตนนั้นไม่เหลืออะไร มีแต่คราบน้ำตาและเสียงร้องไห้

มาตรการการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวทั้งกระดาน รัฐบาลออกโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายต่อหลายโครงการแต่ก็ไม่สามารถประสบผลสำเร็จ อย่างเช่น โครงการกำลังใจ ที่ออกมาให้ อสม. ไปเที่ยว โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้พลาดเป้าทุกโครงการ

"อย่างโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่ออกมาให้ประชาชนซื้อทัวร์ของคนไทยเที่ยวในประเทศไทย จำกัดสิทธิ์ 1 ล้านสิทธิ์ แต่คนออกมาใช้สิทธิ์ราว 24,419 สิทธิ์ เบิกจ่ายจริงแค่ 61 ล้านบาทจากงบกว่า 5,000 ล้านบาท แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าล้มเหลวแล้วจะให้เรียกว่าอะไร แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตอนนี้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวต้องขับรถเที่ยวกับครอบครัว ถ้ารู้อย่างนี้แล้วจะขอเงินมาออกเป็นโครงการนี้ทำไม"

นอกจากนี้ ททท. ยังใช้งบประมาณมหาศาลในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเป็นการจ้างศิลปินชื่อดังมา แต่ผลการตอบรับนั้นถือว่าแย่กว่าการจัดแสดงลิเกที่วัดท่าพระเสียอีก

"ถ้ามีเงินร้อยล้านในการจัดอีเวนต์ ผมว่าเอาเงินไปจ้างคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ชื่อดังจากทั่วโลก แล้วตั้งแฮชแท็ก #Easythailand เข้าไทยง่ายเที่ยวไทยคล่อง ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผมมั่นใจว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ผลกว่าที่ทำในตอนนี้อย่างแน่นอน"

มาตรการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ททท. ไม่เคยทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่การท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ หรืออาจเป็นเพราะการส่งเสริมการท่องเที่ยวยังเป็นแบบสมัยเก่า ตนคิดว่ามันไม่ใช่ที่จะมาคิดแคมเปญการท่องเที่ยวที่ดูหรูหรา ไปออกบูทต่างประเทศ หรือใช้สถานทูตไปจัดงาน Thai Fest สิ่งเหล่านี้มันคงไม่เพียงพออีกต่อไป

ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เท่าพิภพ กล่าวว่า อย่างแรกที่เราจะทำก็คือ การพยุงการจ้างงาน ถ้ากิจการยังมีอยู่ การจ้างงานยังมีอยู่ การท่องเที่ยวก็ยังจะคงอยู่ ถ้าผู้ประกอบการรายใดไปต่อไม่ไหว ก็จัดสรรงานฝึกอาชีพใหม่ นอกจากนี้จะของดเว้นภาษีที่ดินโดยรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กได้ไปต่อ

"คำสั่งเสียสุดท้ายของผม อยากให้รัฐบาลเปิดประเทศสักที แล้วเอาเงินที่ไปส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้ยุทธศาสตร์ กลับมาให้ระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับผู้ป่วย ผมว่าเราต้องเลิกดัดจริตกันได้แล้ว ว่าคนต่างชาติจะเอาโควิดเข้ามาในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันเราไม่มีโครงการที่จะทำให้คนในประเทศท่องเที่ยวได้ เพราะสุดท้ายผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวนั้น ต้องการอย่างเดียวคือกลับไปเป็นปกติ"

'บิ๊กตู่' เคลียร์ชัดปม 'เหมืองทองอัครา' ซัด!! ส.ส. เพื่อไทย บิดเบือนกลางสภาฯ

18 ก.พ. 65 ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจง กรณี น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงกรณีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ฟ้องประเทศไทย ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้คำสั่งมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัครา ว่า รัฐบาลทุกสมัยมีหน้าที่ในการพิจารณาการนำทรัพยากรออกมาใช้อย่างเหมาะสม รัฐบาล ปี 2544 เห็นชอบตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการเหมืองแร่ เชิญชวนให้มีการลงทุนและทำเหมืองทองในจังหวัดพิจิตร

และปี 2554 รัฐบาลระงับการต่อใบอนุญาตประทานบัตรทำเหมือง จำนวน 1 แปลง ด้วยปัญหาความชัดเจนและมีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาลปกครอง และมีการร้องเรียนจากประชาชนมีปัญหาสุขภาพจากการทำเหมือง และมีข้อโต้แย้งเรื่องขั้นตอนการอนุญาตขาดความรัดกุมและปัญหาสิ่งแวดล้อม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าต่อมา รัฐบาล คสช. เข้ามาช่วงที่มีปัญหาโต้แย้งกันอยู่แล้ว มีความชอบธรรมในการดำเนินการตามความจำเป็น ประกอบกับปัญหาสิ่งแวดล้อม รัฐบาลย่อมต้องพิจารณาหาแนวทางตามที่มีความจำเป็น และหลักการออก พ.ร.บ.แร่ ปี 2560 มีการออกนโยบายการทำเหมืองแร่ใหม่ เอกชนกว่า 100 ราย ก็มาขอใบอนุญาตใหม่และต่อใบอนุญาตเก่า เช่นเดียวกันกับ บริษัท อัครา ก็เป็นไปตามเงื่อนไขที่ให้ต่อใบอนุญาต แม้ผู้บริหารของบริษัทจะยังมีคดีความอยู่กับรัฐ แต่ก็ยังสามารถเข้าร่วมประมูลได้ และบริษัท อัครา ก็ได้ยื่นหนังสือต่อใบอนุญาตตามกฎหมาย เหมือนบริษัทอื่นๆ แต่ไม่ได้ต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนอะไรกับรัฐบาลทั้งสิ้น เป็นการต่อใบอนุญาตแปลงเดิมปี 2536 และ 2543 เป็นข้ออนุญาตตามใบอนุญาตเดิมตั้งแต่รัฐบาลยุคก่อน และการอนุญาตการสำรวจก็เป็นไปตามหลักกฎหมาย

นายกฯ กล่าวว่า การเจรจาเกิดขึ้นตามคำแนะนำของอนุญาโตตุลาการ ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายไปขอเจรจาก่อน และการฟ้องร้องของบริษัท คิงส์เกต เป็นไปด้วยความที่ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลต้องการยึดเหมืองของบริษัทลูก เพราะไม่มีการต่อใบอนุญาตมาตั้งแต่ปี 2554 เพราะบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องการใช้มาตรา 44 เป็นความตั้งใจบิดเบือนของผู้อภิปรายที่อยากให้ตนเสียหาย เนื่องจากมาตรา 44 เป็นเรื่องของการตรวจสอบและแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมาย และหากแก้ไขแล้วก็สามารถขออนุญาตให้เกิดใหม่ได้ ไม่ใช่ความต้องการที่จะยึดเหมือง หลังจากนั้นรัฐบาลก็ให้ความเป็นธรรมในการขอต่อใบอนุญาต โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ.แร่ ฉบับแก้ไขในปี 2560

"และถ้าเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตคงไม่ใช่ตนคนเดียว คงต้องย้อนกลับไปยังรัฐบาลก่อนๆ ที่ให้อนุญาตด้วย แต่ในรัฐบาลของตนต้องมาเป็นคนแก้ไข ตอนนี้กรณีนี้กำลังอยู่ในการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ขออย่าให้ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ และขอให้การอภิปรายไม่ใช่หวังตีรัฐบาล ล้มรัฐบาลอย่างเดียว แต่อยากให้มีการเสนอทางออกที่คิดว่าทำได้ด้วย" นายกฯ กล่าว

.

.

'นายกฯ' ถก 'ออท.ชิลี' หนุน ภาคเอกชน ขยายการลงทุนร่วม พร้อมให้ความร่วมมือ แก้โควิด-19 เร่ง ผลักดันแนวทางร่วมมือเศรษฐกิจ พร้อม ต้อนรับผู้แทน ชิลีร่วมเวทีเอเปคในไทย

ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอเล็กซ์ ไกเกอร์ ซอฟเฟีย (H.E. Mr. Alex Geiger Soffia) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตชิลีฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ในประเทศไทย โดยไทยและชิลี มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมายาวนาน ซึ่งจะครบรอบ 60 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีนี้ หวังว่าเอกอัครราชทูตชิลีฯ จะสานต่อความร่วมมือระหว่างกันทุกมิติ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี ด้านการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความร่วมมือในกรอบพหุภาคีในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยสามารถประสานมายังรัฐบาลผ่านกระทรวงการต่างประเทศได้เสมอ

นายธนกร กล่าวว่า เอกอัครราชทูตชิลีฯ รู้สึกยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งประจำประเทศไทย และขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นจากนายกรัฐมนตรีในวันนี้ โดยไทยและชิลีมีความร่วมมือกันในทุกมิติ ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่น ซึ่งจะครบรอบ 60 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีนี้ และชิลียังเห็นไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญของชิลีในภูมิภาค เอกอัครราชทูตชิลีฯ ยืนยันสานต่อความร่วมมือทั้งทวิภาคีและพหุภาคีให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งทางการค้า การลงทุน ความมั่นคง และความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตชิลีฯ เห็นพ้องกันว่า ความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับชิลียังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก พร้อมยินดีสนับสนุนให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศขยายการลงทุนซึ่งกันและกัน พร้อมใช้ประโยชน์สูงสุดจาก FTA ไทย – ชิลี ซึ่งอัตราภาษีของสินค้าทุกรายการจะลดเป็นร้อยละศูนย์ในปีหน้า และจะช่วยเพิ่มพูนมูลค่าการค้ารวมระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่า ภาคเอกชนไทยเล็งเห็นถึงศักยภาพของชิลี และสนใจเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะในสาขาการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน ซึ่งเอกอัครราชทูตชิลีฯ ยินดีที่ภาคเอกชนไทยสนใจลงทุนในด้านนี้

นายธนกร กล่าวว่า ความร่วมมือทางวิชาการ ไทยและชิลีต่างยินดีที่ความร่วมมือทางวิชาการในกรอบไตรภาคีร่วมกับอาเซียน มีส่วนเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการพัฒนาและเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ นายกรัฐมนตรีหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมกันเผยแพร่องค์ความรู้ในสาขาที่ฝ่ายชิลีมีความเชี่ยวชาญ อาทิ การปลูกพืชควินัว การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

“หัวหน้าเศรษฐกิจใหม่” แจงหลัง “มิ่งขวัญ” ลาออกกลางสภาฯ เผย ร่วมรัฐบาล เหตุจุดยืนเรื่องปกป้องสถาบัน ยัน ไม่ได้รับกล้วย 

ที่รัฐสภา นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แถลงกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ประกาศลาออกกลางสภาฯ ว่า พรรคให้เกียรติสมาชิกพรรคและ ส.ส. ทุกคน การจะขับใครออกต้องมีความผิดชัดเจน ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาขอร้องให้ขับก็จะขับได้ แต่จะต้องมีการกระทำความผิด ดังนั้นเราจึงไม่ได้ขับออก ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมพรรครัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ แต่พอดำเนินงานไปแล้วมีปัญหาเรื่องจุดยืนในการปกป้องสถาบัน จึงกลับมาพูดคุยกับสมาชิกพรรค ซึ่งจุดยืนของพรรคคือปกป้องสถาบัน ถ้าเราเพิกเฉยจะไม่ถูกต้อง กรรมการบริหารพรรคจึงมีมติมาร่วมรัฐบาลเพื่อปกป้องสถาบัน และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ การเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่สามารถเอานโยบายมาปฏิบัติจริงได้ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นนโยบายของพรรค เราจึงคิดว่าถ้ามาร่วมรัฐบาลก็จะสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ของพรรคมาสู่การปฏิบัติจริงเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เรื่องรถยนต์ดัดแปลง เขตเศรษฐกิจพิเศษ และผู้ลี้ภัยสงคราม

นายมนูญ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้การทำงานของรัฐบาลจะมีปัญหามาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ การจัดเก็บภาษีลดลง รายได้ของประชาชนน้อยลง ผู้ประกอบการหลายรายปิดธุรกิจ ซึ่งตนได้ปรึกษากับนายกรัฐมนตรีว่า นโยบายเศรษฐกิจต้องได้รับการแก้ไข ต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะถ้าเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง เราก็เยียวยาไม่ไหว จุดยืนของพรรคคือต้องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ด้วยข้อจำกัดในการเก็บรายได้ของภาครัฐที่ไม่สามารถจัดเก็บได้ เราก็พยายามผลักดันให้รัฐนำเงินที่มีอยู่มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราพยายามประคับประคองเสถียรภาพของรัฐบาล ตอนนี้ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องประสบปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษีเหมือนกันหมด เราจึงพยายามผลักดันให้รัฐบาลส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆ และพืชเศรษฐกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top