Sunday, 24 September 2023
POLITICS NEWS

รัฐบาล ยืนยัน โรคลัมปีสกิน ในโค-กระบือ รักษาหายขาดได้แน่ เข้ม ป้องกันลักลอบข้ามชายแดน ด้าน ก.เกษตร เร่งกระจายวัคซีน เปิดทางเอกชน-กลุ่มเกษตรกร นำเข้า ตั้งวอร์รูมจัดการทั้งระบบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามและห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินที่กำลังระบาดในหลายจังหวัด ซึ่งเป็นโรคไวรัสผิวหนังในโค-กระบือ ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน มีแมลงเป็นพาหะ   

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทางนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า กรมปศุสัตว์ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ และมีการแจ้งเตือนเกษตรกรตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน  ล่าสุด พบว่ามีโค-กระบือ ป่วยเป็นโรคลัมปีสกิน 2.9 หมื่นตัว รักษาหายแล้ว 1 หมื่นตัว เสียชีวิต 374 ตัว ซึ่งกรมฯ ได้เข้าดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาตัวที่ป่วยอยู่ให้หายขาด โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน และไม่ติดต่อสู่คน หรือสัตว์ชนิดอื่น เมื่อรักษาหายขาด เนื้อนำมาบริโภค   

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รมว.เกษตรฯ ยังสั่งการให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดเรื่องการเคลื่อนย้ายสัตว์ โดยเฉพาะการลักลอบเคลื่อนย้ายตามแนวชายแดนทุกแห่ง หากพบผู้กระทำผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน ควบคุม และเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุโรคลัมปีสกิน เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์โรคระบาด วางแผนการกระจายวัคซีน การป้องกันกำจัดโรค จัดหน่วยพ่นยาฆ่าเชื้อทำลายเชื้อโรค แจกสารกำจัดแมลง ยารักษา วิตามิน แร่ธาตุ และยาบำรุง เพื่อรักษาและฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ ส่วนมาตรการชดเชยเยียวยาเกษตรกรก็มีความชัดเจนเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในส่วนของวัคซีน เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ กรมฯ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศล็อตแรกจำนวน 60,000 โดส กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แล้ว และอีก 300,000 โดส จะมาถึงในสัปดาห์นี้ ที่สำคัญกระทรวงเกษตรฯ เปิดให้กลุ่มเกษตรกร สมาคมผู้เลี้ยงโค-กระบือ ตลอดจนภาคเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ เพื่อนำมาใช้ฉีดป้องกันโรคและสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ โดยผู้ประสงค์นำเข้าวัคซีนต้องทำหนังสือถึงกรมปศุสัตว์ หลังจากนั้น กรมฯ จะทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอผ่อนผันการนำเข้าวัคซีนที่มีทะเบียนในต่างประเทศ แต่ยังไม่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย

“นายกรัฐมนตรีมีความเชื่อมั่นในแนวทางของกระทรวงเกษตรฯที่ดำเนินการอยู่ จะควบคุมการแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินได้ และยังกำชับให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องบูรณาการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์ตามแนวชายแดน ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมการแพร่ระบาด รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่” น.ส.รัชดา กล่าว

“อนุชา” มอบ พศ. สำรวจความพร้อมพระสงฆ์ฉีดวัคซีน ยันมีความจำเป็นเพราะต้องรับกิจนิมนต์และบิณฑบาตร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดและดูแลการฉีดวัคซีนให้พระภิกษุว่า ได้สั่งการให้พศ.ประจำจังหวัดรวบรวมรายชื่อพระสงฆ์ที่แสดงเจตจำนงที่จะฉีดวัคซีน ในส่วนของโรงพยาบาลสงฆ์ก็ได้รับวัคซีนเพื่อเตียมนำไปฉีดให้พระสงฆ์ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการฉีดให้พระสงฆ์ในกทม.ไปแล้วหมื่นกว่ารูปซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญในการเร่งฉีดวัคซีนให้พระสงฆ์และดำเนินการตามความเหมาะสมมาแล้ว รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงที่อยู่ต่างจังหวัดก็ได้ดำเนินการไปแล้วโดยประสานกับกระทรวงสาธารณสุข โดยขณะนี้พยายามทยอยฉีดอย่างเร่งด่วนเพราะพระภิกษุจำเป็นต้องรับกิจนิมนต์และมีภารกิจที่เสี่ยงพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องการบิณฑบาตรตอนเช้า เช่นเดียวกับการเยียวยาให้พระสงฆ์ก็ดำเนินการมาโดยตลอดโดยประสานสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

"แรมโบ้" ดักคอ "ตู่ จตุพร" แค่ต้องการให้นายกฯ ทำงานเข้มข้น เชื่อไม่ได้ตั้งใจบี้ ถึงลาออก

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายวีระ สมความคิด จะเดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนเคยคุยเรื่องเป้าหมายของนายจตุพรไว้ว่าต้องการให้รัฐบาลดูเรื่องของความปรองดอง อย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่หลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่มั่นใจในฐานะที่เป็นเพื่อนกันมา 30-40 ปี คิดว่านายจตุพรมีความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะขาดการพูดคุยกันที่ต่อเนื่องจากรัฐบาล คิดว่าจะหาทางพูดคุยได้เพราะถ้าไม่ติดวิกฤตโควิดก็จะมีความคืบหน้าในการพูดคุย จึงคิดว่าเป้าหมายของนายจตุพรไม่ได้ต้องการที่จะล้มนายกรัฐมนตรี เพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าการที่บอกว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นการพูดอะไรก็พูดได้ แต่ถ้าเกิดได้คนที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ และเลวร้ายมากและทำให้บ้านเมืองเสียหายมากขึ้น นายจตุพรจะรับผิดชอบได้หรือไม่ การที่มายื่นหนังสือตนมองว่าลึกๆ ไม่ได้เป็นเป้าหมายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นสัญญาณว่าต้องการให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการปฏิรูปประเทศให้เข้มข้นกว่านี้

“อนุชา” มั่นใจ ถก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 ผ่านฉลุยไม่มีปัญหากับพรรคร่วมแน่ “ปัด” ไม่เคยได้ยิน “บิ๊กป้อม” พูดประชุมพรรค 20 มิ.ย.นี้ จึงยังไม่มีเรื่องปรับพ้นตำเลขา พปชร.เข้าถึงหู

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านในสภาฯวันที่ 9 มิ.ย. ว่า คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ส.ส.ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลคงเล็งเห็นความสำคัญในความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.กู้เงิน ในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่จำเป็นต้องเตรียมงบประมาณมาดำเนินการช่วงวิกฤตินี้ ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรในการพิจารณา เมื่อถามว่าความเข้าใจในเรื่องการจัดสรรงบประหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทยไม่น่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีกใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ที่ผ่านมาหลายคนมองว่ามีปัญหาเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกบางคนไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ซึ่งเราต้องถือว่าทุกพรรคมีเอกสิทธิมีความคิดของตัวเองแต่ถึงเวลาที่ต้องคิดเพื่อส่วนรวมก็ต้องคิดอีกอย่างหนึ่งได้ ความแตกต่างทางความคิดของนักการเมืองในลักษณะปัจเจกบุคคลอาจมีได้เป็นปกติธรรมดา เมื่อถามว่าที่มีการพิพากษ์วิจารณ์กรอบการใช้งบประมาณที่กว้างเกินไป กลัวซ้ำรอยพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านๆ ก่อนหน้านี้ นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง รวมไปถึงพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านๆ ที่สามารถตอลบโจทย์ได้ทุกข้อมั่นใจว่าจะไม่เป็นประเด็นปัญหา 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐเตรียมจัดประชุมใหญ่วันที่ 20 มิ.ย. ที่ขอนแก่น นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ กก.บห.พรรคยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคเมื่อมีข่าวออกมาเช่นนี้ท่านยังไม่ทราบอีกหรือ นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่มีการแจ้งเข้ามาส่วนการประชุมพรรควันเดียวกันนี้จะมีการแจ้งในเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้นตนไม่ทราบเพราะไม่เคยคุยกันก่อน และยังไม่เคยมีการพูดคุยกันเป็นการภายในอีกทั้งยังไม่เห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.พูดว่ากระไร เมื่อถามว่าในฐานะเลขาธิการพรรค มองว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมที่จะจัดประชุมใหญ่หรือไม่

นายอนุชา กล่าวว่า “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเสี่ยงส่วนใหญ่ของกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไรก็ต้องไปว่ากัน และยิ่งเป็นประเด็นส่วนตัวของผมยิ่งไม่อยากไปแสดงความคิดเห็น ผมให้เกีรยติทุกคนที่ทำงานในพรรคและให้เกียรติกับกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคที่ท่านต้องดูแลและปกครองพรรคดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องเป็นเรื่องของส่วนรวม” เมื่อถามย้ำว่าที่บอกว่าเป็นประเด็นส่วนตัวหมายความว่าจะมีการปรับตำแหน่งเลขาตามที่มีข่าวออกมาใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ เพียงแต่เห็นว่ามีประเด็นนี้ในสื่อซึ่งตนยังไม่ทราบว่ามาจากไหนแต่ยืนยันอีกครั้งว่าข้อมูลดังกล่าวยังไม่เคยได้ยิน เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องนี้กับหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ก็ไม่เห็นท่านว่าอย่างไรและท่านก็ยังไม่ได้ว่าอะไรในเรื่องนี้ และหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้เอ่ยให้คนในคณะรัฐมนตรีรับทราบจึงสรุปว่ายังไม่มีประเด็น เมื่อถามย้ำว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ยังมั่นใจในตำแหน่งเลขาธิการพรรคใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้นอย่างที่ทุกคนรู้จักตนมาตนไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก

จับตา! ครม.จ่อ เยียวยาพนง.ราชการ ที่รับผลกระทบโควิด “วิษณุ” บอก อาจเข้าวาระ พร้อมพยักหน้า เชื่อ​สภาถก พรก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ฉลุย

ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงกรณีที่เสนอให้ครม. พิจารณา ถึงข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19​ ในวันเดียวกันว่า ตนยังไม่เห็นในวาระ ส่วนจะเสนอในวาระจรหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ

นอกจากนี้ นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงการพิจารณาพระราชกำหนด​ (พ.ร.ก.)​ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ของสภาในวันที่ 9 มิ.ย.​ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาติดขัดอะไรใช่หรือไม่​ นายวิษณุ​ ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่พยักหน้าแทนคำตอบ
 

“บิ๊กอุ้ย” สั่ง นายทหาร ลักทรัพย์ในวัด เข้าศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือ พร้อมให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ย้ำไม่ปกป้องคนทำผิด

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่มี การเผยแพร่ภาพวงจรปิด ซึ่งปรากฎภาพทหารเรือนายหนึ่ง ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า ทางกองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมได้สั่งให้หน่วยงานต้นสังกัดของทหารนายนี้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผู้ก่อเหตุได้ให้การรับสารภาพ ในเบื้องต้น พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งให้ผู้ก่อเหตุเข้ารับการฝึก ณ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือในทันที พร้อมทั้งให้ ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่า กองทัพเรือจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด ซึ่งหากพบว่ากำลังพลนายใดกระทำผิดกฎหมาย กองทัพเรือจะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางกฏหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

“บิ๊กบี้” สั่งรพ.สังกัดทบ.ทุกพื้นที่ร่วม “วาระแห่งชาติ ฉีดวัคซีนให้ปชช. ” สร้างภูมิคุ้มกันโควิด

ที่กองบัญชากการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ และมีกำหนดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ลงทะเบียนในระบบ “หมอพร้อม” เริ่มในวันนี้ (7 มิถุนายน 64)  ในส่วนของกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้ ศบค. ทบ.และกรมแพทย์ทหารบก เตรียมการและประสานงานกับสาธารณสุขเพื่อร่วมดำเนินการฉีดวัคซีนดังกล่าวตามแผนการจัดสรรในแต่ละจังหวัดอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน ตามมาตรการป้องกันโรค และช่วยคลี่คลายสถานการณ์ โควิดของประเทศไทยให้กลับมาสู่ปกติได้ในที่สุด

โดยขณะนี้โรงพยาบาลกองทัพบกทุกแห่งทั่วประเทศ ได้ใช้กำลังพลสายแพทย์ 950 นาย สนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลประจำจังหวัด ร่วมในการฉีดวัคซีนให้ประชาชน นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้สนับสนุนสถานที่ที่ใช้ในการฉีดวัคซีนจำนวน 38 แห่ง ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลค่ายหรืออาคารของหน่วยทหารตามจังหวัดต่างๆ รวมทั้งการจัดกำลังพลจิตอาสาช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มารับวัคซีนด้วย 

พล.ท.สันติพงษ์ กล่าวอีกว่า ขั้นต้นจะดำเนินการต่อเนื่องตลอดห้วงเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม ซึ่งโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก มีศักยภาพที่จะให้บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้วันละ 3,000 คน โดยขณะนี้มีผู้ที่ลงทะเบียนขอเข้ารับวัคซีนกับโรงพยาบาลกองทัพบก 79,172 คน สำหรับโรงพยาบาลค่าย/สถานที่ฉีดวัคซีนที่กองทัพบกรับผิดชอบในแต่ละแห่ง จะมียอดให้บริการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน 80-1,500 คน ตามการลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้โรงพยาบาลกองทัพบกได้บริหารจัดการการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้รับความสะดวกที่สุด มีความรวดเร็วในขั้นตอนต่างๆ ทั้งด้านการบันทึกข้อมูล ขั้นตอนการฉีด การสังเกตอาการ รวมทั้งการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันเชื้อโควิด

“ผู้บัญชาการทหารบก ได้ไปตรวจเยี่ยมการบริการวัคซีนให้กับประชาชน พร้อมให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน ที่รพ.พระมงกุฏเกล้า ซึ่งได้ใช้อาคารสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ชั้น G เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนเป็นการเฉพาะแยกออกจากบริเวณการรักษาและบริการผู้ป่วยของโรงพยาบาลโดยมียอดประชาชนที่ลงทะเบียนในระบบเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันนี้ 1,117 คน” โฆษกกองทัพบก กล่าว

“บิ๊กแก้ว” ตรวจจุดบริการฉีดวัคซีน ”บก.ทท”

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของจุดบริการฉีดวัคซีน ณ อาคาร 15 บก.ทท. ทั้งนี้ จากที่รัฐบาลได้มีการกำหนดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรค โดยเริ่มการฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ 

บก.ทท.ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลกลุ่มเสี่ยงที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลในการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไป เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลทั้งนี้ บก.ทท.มีความพร้อมทั้งในส่วนของสถานที่และบุคลากร สำหรับเป็นพื้นที่ให้บริการในการฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

"โรม" ยัน "พิธา" ประกาศตัดงบไม่ขัดรธน. ลั่น ไม่ให้ค่า "เรืองไกร" คนเปลี่ยนสี ชี้ ถ้ากมธ.ตัดงบไม่ได้ก็ไม่ต้องมีสภาฯ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่กล่าวว่า การประกาศตัดงบประมาณของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลอาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ว่า ความจริงนายเรืองไกรก็ทำงานในกมธ. งบประมาณฯ ในสัดส่วนพรรคเพื่อไทยมานาน ซึ่งก็ทำร่วมกับพรรคก้าวไกลด้วย ที่ผ่านมาเราก็ทำอย่างเต็มที่ ปี 64 เราก็ตัดงบประมาณไปได้กว่าหมื่นล้านบาท ตนคิดว่านายเรืองไกรก็น่าจะรู้ว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้ผิด การที่เราประกาศตัดงบประมาณเพื่อนำไปใช้อย่างอื่น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการวิ่งเต้นโครงการ หรือเสนอโครงการอะไรเข้ามา แต่เป็นการเสนอตามกลไกรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ว่าในการพิจารณางบประมาณจำเป็นต้องตัดงบในส่วนที่ไม่จำเป็นและเป็นภาระออกก่อน แล้วนำไปกองไว้รวมกัน จากนั้นหน่วยงานรัฐต่างๆ ก็ทำโครงการมาเสนอก็ได้ บางทีนายเรืองไกรควรจะมองคนรอบข้างของตัวเองมากกว่าว่าอาจจะมีแนวโน้มที่จะไปกระทำความผิดขัดต่อมาตรา 144 ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาจะพบว่ามีความพยายามวิ่งเต้นโครงการต่างๆ เพื่อนำเงินที่ตัดออกไป ไปใช้ในลักษณะเพื่อพวกพ้องตัวเอง 

เมื่อถามว่าหากพิจารณาตามตัวบท การประกาศตัดงบประมาณเช่นกรณีนายพิธา ถือว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สิ่งที่นายพิธาประกาศจะทำไม่มีทางขัดกฎหมาย เพราะการตัดงบประมาณสามารถทำได้ เพราะเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าตรวจคัดกรองโครงการของหน่วยงานรัฐ ทั้งนี้ ตามมาตรา 144 ระบุสิ่งที่ทำไม่ได้ เช่น การเสนอโครงการเอง ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่เคยวิ่งเต้นโครงการ แต่เราเพียงให้ความเห็นว่าการของบทำโครงการบางโครงการไม่เหมาะสมในภาวะโควิด-19

เมื่อถามว่าการแสดงความเห็นของนายเรืองไกรจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการตัดลดงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นของสภาฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราก็ทำแบบนี้แล้วก็ไม่เคยผิดรัฐธรรมนูญ ถ้าเราผิด คงโดนร้องไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้นายเรืองไกรมาแนะนำ หากเราไม่สามารถตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นได้ก็ไม่ต้องมีสภาฯ เหมือนในยุคสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ขอโครงการอะไรก็ได้หมด อำนาจของสภาฯ คือ สามารถตัดโครงการที่ไม่จำเป็นได้ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ร่วมกันไม่ใช่เฉพาะของส่วนพรรคก้าวไกลเท่านั้น ส่วนหน้าที่ของหน่วยรับงบประมาณทั้งกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ก็มีหน้าที่ให้เหตุผลว่าโครงการที่เสนอมามีความจำเป็นหรือไม่ 

เมื่อถามว่ามองว่าเจตนาของนายเรืองไกรซึ่งปัจจุบันย้ายไปสังกัดของพรรคพลังประชารัฐแล้วนั้นคืออะไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะวิจารณ์อะไรเยอะหรือให้ค่านายเรืองไกร คิดว่านายเรืองไกรก็คงพยายามทำหน้าที่ ในฐานะที่มาจากโควตารัฐบาลที่จะเข้ามาปกป้องผลประโยชน์ของรัฐบาลให้มากที่สุด ส่วนสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำคือการตัดในส่วนนี้ เพราะเป็นสิ่งที่รัฐบาลหวังว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่ตัวเอง นายเรืองไกรก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น แต่การแสดงความคิดเห็นของนายเรืองไกรไม่ได้หมายความว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องและไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่นายเรืองไกรพูดไปทั้งหมดเป็นผลประโยชน์ของประชาชน โดยปัจจุบันนายเรืองไกรได้เปลี่ยนสี ไปอยู่ฝ่ายรัฐบาล ตนก็ขอให้นายเรืองไกรโชคดี แต่เราก็ยืนยันว่าเราจะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

“บิ๊กตู่” ปลื้ม 7 มิถุนายน 2564 คิกออฟ “ฉีดวัคซีน วาระแห่งชาติ” วอนร่วมกันสู้ไม่ย่อท้อ จนกว่าประเทศไทยจะได้ชัยชนะ”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความบน Facebook ส่วนตัวว่า “ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 มกราคม ปี 2563 เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย ได้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นประเทศแรกที่มีผู้ติดเชื้อโควิดนอกประเทศจีน จนเกิดการแพร่ระบาดขึ้น รัฐบาลต้องใช้มาตรการต่างๆ และระดมทั้งบุคลากรและทรัพยากรเพื่อควบคุมสถานการณ์ ทั้งการปิดสถานที่ สถานศึกษา งดการเดินทาง ปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยว จนทำให้ธุรกิจจำนวนมากต้องหยุดกิจการ นักเรียนไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้ ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศต้องหยุดชะงัก แต่ด้วยมาตรการเหล่านี้ ทำให้เราควบคุมสถานการณ์จนผู้ติดเชื้อลดลงจนเหลือศูนย์ได้ในเดือนพฤษภาคม และประเทศไทย ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิดได้ดีที่สุดของโลก ในขณะที่หลายประเทศยังคงมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทุกวัน แต่ประชาชนชาวไทย เริ่มกลับมาสู่การใช้ชีวิตได้เหมือนก่อน ภายใต้รูปแบบชีวิตวิถีใหม่ ที่ต้องใส่หน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง 

แต่การต่อสู้กับโควิดนั้นยังไม่ได้จบง่ายๆ เราต้องเจอกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เช่นเดียวกับอีกหลายๆประเทศที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เราก็ยังต้องต่อสู้กับโควิดในระลอกนี้ในหลายพื้นที่ 

แต่ในวันนี้ กว่าหนึ่งปีครึ่งหลังจากพบผู้ติดเชื้อคนแรกในประเทศไทย อาวุธของเราไม่ได้มีเพียงหน้ากากและเจลแอลกอฮอล์ เหมือนการต่อสู้ของเราในปีที่แล้ว แต่เรามีอาวุธสำคัญที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ และเอาชนะไวรัสร้ายนี้ได้อย่างเด็ดขาด นั่นคือ “วัคซีน” 
“วัคซีน” จะเป็น “เกราะป้องกัน” ให้คนไทยไม่เจ็บป่วยจากโรคร้าย ช่วยลดภาระการทำงานหนักของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทุ่มเทเสียสละมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว

“วัคซีน” จะเป็น “กุญแจ” ที่ช่วยเปิดประตูของประเทศ ให้กลับมารับนักท่องเที่ยว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เปิดร้านค้าทำมาหากิน และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ 
และ “วัคซีน” จะเป็น “พลัง” ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

ด้วยความสำคัญของ “วัคซีน” ที่ผมได้กล่าวมาแล้ว ทำให้ผมและรัฐบาล ได้พยายามอย่างเต็มที่ ทุกหนทาง ที่จะจัดหาวัคซีนโควิด-19 มาให้ได้มากที่สุด เพื่อประชาชนชาวไทย และผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ร่วมกับเราทุกคน และได้ประกาศให้การฉีดวัคซีน เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่จะต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ให้สำเร็จลุล่วง

โดยที่ผ่านมา เราฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มอาชีพเสี่ยงไปแล้วมากกว่าสี่ล้านโดส ในวันนี้ เรามีวัคซีนพร้อมฉีดแล้ว 3.54 ล้านโดส ทั้งวัคซีนจากแอสตราเซเนกา 2.04 ล้านโดส และซิโนแวก 1.5 ล้านโดส และจะทยอยได้รับวัคซีนเพิ่มอย่างต่อเนื่องจากการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทย อยู่ในประเทศไทยของเราเอง รวมทั้งวัคซีนอื่นๆ ที่รัฐบาลจัดหามาเพิ่มตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ 

โดยในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ผมได้มอบหมายหลักการในการกระจายวัคซีน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคมากที่สุด นั่นคือ 

1.) ทุกจังหวัดจะต้องได้รับวัคซีนเพื่อให้เริ่มต้นได้พร้อมกัน ไม่มีจังหวัดใดถูกทอดทิ้ง

2.) จำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรร จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสำคัญคือ จำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนอาชีพกลุ่มเสี่ยง และการเป็นพื้นที่เฉพาะ เช่นพื้นที่ท่องเที่ยวหรือพื้นที่เศรษฐกิจ โดยแต่ละจังหวัดจะเป็นผู้กำหนดการจัดสรรวัคซีนให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดเอง

3.) ทุกคนที่จองคิวไว้แล้วจะต้องได้รับวัคซีน โดยยึดวันที่จองไว้เดิมให้ได้มากที่สุดในการดำเนินการตามวาระแห่งชาติในครั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกคน โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ดำเนินการอย่างดีเยี่ยม จนทำให้วันนี้เรามีวัคซีนอย่างเพียงพอ เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และในการดำเนินการกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศ

“ผมขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ที่ต่างดูแลรับผิดชอบ ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด และบริหารจัดการให้ประชาชนในจังหวัดของท่านได้รับวัคซีนให้ได้มากที่สุด”

สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ อสม. และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่อยู่ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนต่างๆทั่วประเทศ ที่รับภารกิจสำคัญอย่างยิ่งในการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ซึ่งต้องดำเนินการต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน ผมขอขอบคุณที่ทุกท่านทุ่มเท เสียสละ และร่วมต่อสู้โควิดร่วมกับผมและประชาชนคนไทยทุกคนมาโดยตลอด ผมขอให้กำลังใจและขอชื่นชมท่านจากใจจริง

วันนี้ วันที่ 7 มิถุนายน 2564 จะต้องบันทึกไว้ว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์การต่อสู้ในสงครามไวรัสในครั้งนี้ เป็นหมุดหมายในการเริ่มต้นโต้กลับของคนไทยพร้อมกันทั้งประเทศ ว่าเราจะไม่ยอมแพ้ให้กับไวรัสโควิด-19 และเราจะร่วมกันสู้อย่างไม่ย่อท้อ จนกว่าประเทศไทยจะได้ชัยชนะ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top