Wednesday, 26 March 2025
POLITICS NEWS

‘วิโรจน์’ ยก 2 หลักการแก้ปัญหาทางม้าลายไทย ลั่น!! นั่งเจ้าเมืองกรุงเมื่อไร ความปลอดภัยมาเยือน

(3 ก.พ. 65) วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ร่วมวงเสวนาเวทีสาธารณะ ‘หมอกระต่าย ต้อง (ไม่) ตายฟรี’ ซึ่งจัดโดย มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน 

โดย วิโรจน์ ได้ย้ำนโยบายหลักของตนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 2 หลักการใหญ่ หากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ภายในระยะ 6 เดือน โดยอิงอยู่กับพื้นฐานงบประมาณที่ได้รับจัดสรรของกทม. จะสามารถทำได้ทันที ดังนี้…

1.) ปรับปรุงโครงสร้างทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางม้าลาย ไม่ว่าจะเป็นการตีเส้น เพนต์สี ระบบสั่นสะเทือนเพื่อชะลอความเร็วของยานพาหนะบริเวณใกล้ทางม้าลาย และโครงสร้างหรือสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปรับปรุงระบบสัญญาณข้าม พร้อมกันนี้ได้เสนอวิธีการสอดส่องและบำรุงรักษาโครงสร้างวิศวกรรมทางม้าลายดังกล่าว ด้วยวิธีการง่ายๆ โดยการติดกล้องตรวจจับไว้ที่ทรัพย์สินของกทม. เช่น รถเก็บขยะ รถน้ำ ฯลฯ ที่จะต้องเดินทางไปทุกเขตในกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจสอบความผิดปกติของทางม้าลาย ไฟจราจร หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 

'บิ๊กตู่' สั่งจับตา 'โรงเรียนสาธิต มธ.' หวั่นบิดเบือนประวัติศาสตร์-สถาบัน 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข้อห่วงใยหลักสูตรของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการบิดเบือนประวัติศาสตร์และสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูอยู่ นี่คือเรื่องการศึกษา เป็นสิ่งสำคัญการศึกษาจะต้องมีเป้าหมายที่ดี ทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ มีความคิดอย่างเป็นระบบ มีมายด์เซตที่ดี สิ่งเหล่านี้ตนกำลังแก้ โดยได้มีการสั่งการ กำหนดนโยบายไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการมาโดยตลอด ทั้งหลักสูตร การศึกษา การสอนของครู การเพิ่มสมรรถนะ ทั้งหมดมีอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องปรับกลไกบางตัวให้ทันสมัยขึ้น และองคาพยพเหล่านั้นต้องทำตามนี้ พัฒนาตนเอง

“ประวิตร” ลุย สระแก้ว ตรวจศูนย์กักกันแรงงานต่างด้าว ย้ำ ให้คุมเข้มชายแดน-ป้องกันโควิด-ค้ามนุษย์

ณ ห้องประชุม โรงแรมอินโดจีน แกรนด์ เรสซิเดนท์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ ศูนย์กักกันที่รัฐกำหนด ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยรับฟังสถานการณ์ด้านความมั่นคง การดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งภาพรวมในสถานการณ์ โควิด-19 พื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งมีคนไทยเดินทางกลับผ่านแดน บ้านคลองลึก ช่วงเดือนเม.ย.-ธ.ค.64 จำนวน 5,011 คน จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย วันที่1-31ม.ค.65 จำนวน 1,088 คน มีผู้นำพา 12 คน และมีการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 497 คน เป็นต้น 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จังหวัดสามารถควบคุมสถานการณ์ ให้สงบได้ภายใน 21-28วัน และประชากรร้อยละ 70 ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19แล้ว ขณะที่ความพร้อมในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู โดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้จัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างทั่วประเทศ จำนวน 5ศูนย์ เพื่อการนำแรงงานต่างด้าว 3สัญชาติ ได้แก่ศูนย์ จ.สระแก้ว รับสัญชาติกัมพูชา) ,ศูนย์ จ.ระนอง รับสัญชาติเมียนมา ศูนย์ จ.ตาก รับสัญชาติเมียนมา ,ศูนย์ จ.มุกดาหาร รับสัญชาติลาว) และศูนย์ จ.หนองคาย รับสัญชาติลาว

สำหรับศูนย์ จ.สระแก้ว แห่งนี้มีการเปิดดำเนินการแล้ว ตั้งแต่1ก.พ.65 มี6 ขั้นตอน เริ่มจากช่องทางเข้าผ่านแดนการคัดกรองโรคเบื้องต้น และออกเอกสารกักตัว ต่อด้วยจุดตรวจลงตรา(วีซ่า) จุดตรวจสัมภาระ จุดตรวจสิ่งผิดกฎหมาย และรับแรงงานไปยังสถานที่กักตัว ซึ่งเป็นสถานที่กักกันในรูปแบบองค์กร จำนวน 6แห่ง มีทั้งหมด 1,008 เตียง

'กรณ์' สวน!! ‘อดีตนายทุนพรรคกล้า’ ไม่ต้องชนะเท่านั้น ถึงจะได้ประโยชน์

นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตบอร์ดการบินไทย หนึ่งในผู้สนับสนุนเงินทุน ให้กับพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Banyong Pongpanich' แสดงความเห็นต่อผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส. กทม. ที่หลักสี่ - จตุจักร จากนั้นต่อมาไม่นาน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้เข้ามาตอบความเห็นดังกล่าว โดยมีข้อความระบุว่า... 

สวัสดีครับพี่เตา หากมองว่าต้องชนะเท่านั้นถึงจะได้ประโยชน์ ก็คงหมายความว่าพรรคอื่นๆ ทุกพรรคเว้นเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเว้นได้ออกทีวีอย่างที่พี่ว่า

ในระดับหนึ่งมองอย่างนั้นก็ได้

แต่พรรคกล้าเราส่งคุณอรรถวิชช์ลงเพราะเรามองว่าคุณอรรถวิชช์จะเป็น ส.ส. ที่ดีได้ให้กับคนกรุงเทพ โดยเฉพาะวันนี้วาระสภาเหลืออยู่นิดเดียว ไม่มีเวลามาเรียนรู้งาน

เราไม่ยึดติดมากมายกับสถานะหรือตำแหน่งเลขาธิการพรรค เพราะเราเป็นพรรคเริ่มใหม่ต้องกล้าเสี่ยง กล้าเสนอคนที่ดีที่สุดของเรา ไม่อย่างนั้นกล้าๆ กลัวๆ ส่งคนที่ไม่ใช่ เพื่อเล่นเซฟผมว่าไม่ใช่แนวทางของเรา เราเล่นแบบพรรคใหญ่ไม่ได้ครับ

บอร์ดปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ขับเคลื่อนประกันรายได้ปี64-65  

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ รับทราบ ผลการดำเนินงานตามแนวทางการขับเคลื่อนกลไกบริหารจัดการ เพื่อแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ระดับจังหวัด ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มในการเพิ่มคุณภาพผลปาล์มน้ำมันให้มีอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มได้ ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ18 การกวดขันการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของผู้ประกอบการลานเทและโรงงานสกัดฯ  ตรวจสอบราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน ที่เป็นธรรม 

รวมทั้งการป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ การประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 รวมถึงการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร ผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองการจัดซื้อปัจจัยการผลิต  และรับทราบผลการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี64  ตามหลักเกณฑ์ เพื่อชดเชยรายได้ให้เกษตรกรฯ โดยกำหนดราคาเป้าหมายไว้ที่กิโลกรัมละ 4บาท

จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณาเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี64-65 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรฯ จากปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ โดยกำหนดราคาเป้าหมายเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา (น้ำมัน 18%  กิโลกรัมละ 4 บาท) ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ระยะดำเนินการ ก.ย.64-ส.ค.65  และเห็นชอบให้ขยายเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี64 และดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มปี65 ต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นกลไกการบริหารจัดการ"สมดุลอุปทาน"ในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาผลปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มปรับเพิ่มสูงขึ้นและมีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก  

“บิ๊กตู่” ร่ายยาว 25 นาที ลั่นพร้อมสู้ทุกดอก ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ชี้ ไม่ขอพูดนั่งเก้าอี้หัวหน้า พปชร. “เย้ย” สภาต้องไม่ล่มถ้าอยากเลือกตั้ง ปัดตอบเบื่อการเมืองหรือไม่ ไม่สนคนเตะถ่วง ขอทำงานหนักขึ้นอีก 2-3 เท่า ยอมรับร้อนใจมากกว่าร้อนแดด 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาต้องขอบคุณทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานในการร่วมมือและขับเคลื่อนโยบายของรัฐบาลเพื่อไปถึงมือประชาชนโดยรวม เราคือคนไทยด้วยกันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมุ่งไปที่ประเทศชาติและประชาชนที่ต้องได้รับประโยชน์สูงสุด
  
“วันนี้การเมืองมีทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ถ้าเรามัวแต่ว่ากันไปกันมาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น อะไรที่มันช่วยได้ เป็นข้อมูลที่จะเตือนหรือบอก รัฐบาลก็พร้อมทำความเข้าใจให้ตรงกัน ทุกอย่างก็จะแก้ได้ ซึ่งวันนี้ก็ต้องไปดูแลในเรื่องงบประมาณปี 66 เพราะถือเป็นสิ่งที่เป็นความเป็นความตายของประเทศและประชาชน เรามีโอกาสมากมาย เพราะฉะนั้นอย่าทำลายโอกาสของเรา ด้อยค่าในการทำงานที่ดีๆ บางทีมันไม่เหมาะสมแต่ผมก็ว่าใครไม่ได้อยู่แล้ว ผมห้ามความคิดคนไม่ได้ แต่ก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตราบใดที่ยังต้องทำอยู่ ขอบคุณทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

เมื่อถามว่าก่อนหมดวาระในตำแหน่งมีปัญหาและเรื่องใดที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไขหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำว่าเร่งหรือคำว่าเสร็จจะต้องมีการวางแผนดำเนินการเป็นขั้นตอน อะไรคือความเร่งด่วน กลุ่มใดเรื่องใดควรมาก่อนหรือหลัง หรืออาจจะต้องทำพร้อมกันทั้งหมด แต่คนเดือดร้อนมากที่สุดจะต้องได้รับการดูแลมากและเร็วหน่อย วันนี้มีทั้งคนที่ล้มไปแล้วแล้วกำลังจะล้ม รัฐต้องทำอย่างไรให้คนเหล่านี้พยุงเพื่อให้อยู่ได้ก่อน วันนี้หลายมาตรการของรัฐบาลจึงได้ออกมามาก และต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่ยืนยันว่าไม่ใช่การหาเสียง เป็นการทำเพื่อประชาชน เมื่อจำเป็นก็ต้องทำ รัฐบาลไหนที่เข้ามาก็ต้องทำแบบนี้ เป็นการทำด้วยความสุจริตใจ จะปล่อยให้หมักหมมต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ยืนยันว่านายกฯไม่เคยหยุดแก้ปัญหาตรงนี้ 
  
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เช้าวันเดียวกันนี้ได้เชิญที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจมาหารือก็มีหลายประเด็นที่เป็นห่วง รัฐบาลจำเป็นต้องศึกษาหาแนวทางเพื่อสู่แนวปฏิบัติที่เหมาะสมและทยอยมาตรการออกมาเรื่อยๆ บางอย่างจะให้ผลีผลามมากก็ไม่ได้เพราะจะส่งผลกระทบไปกันทั้งหมด
  
“ ขอให้ทุกคนเข้าใจและขอเพียงอย่างเดียวความรักความสามัคคีในวันนี้ ในส่วนของประชาชนและส่วนต่างๆ ถ้าเราไม่ร่วมกันมันแก้อะไรไม่ได้ทั้งหมด อย่าลืมว่าเราคือคนไทยด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราไม่ใช้ศัตรูกัน”นายกฯกล่าว
  
เมื่อถามถึงความคืบหน้าประเด็นการสร้างความปรองดองที่รัฐบาลชูนโยบายต้งแต่เข้ามาถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าที่ควร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จะไม่ถึงไหน ตรงไหนได้อย่างไร ในเมื่อสถานการณ์ที่ผ่านมาวันก่อนมันเกิดอะไรขึ้น มีทั้งเรื่องการเคลื่อนไหว การใช้อาวุธ การตีกัน แล้วที่ผมอยู่มามันก็ไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่หรือ มีแค่การประท้วงการร้องเรียน ผมก็เข้าไปคลี่คลาย ส่งคณะทำงานไปพูดคุยและนำเข้าสู่ระบบเพื่อแก้ปัญหา แล้วจะมาบอกว่าไม่เกิดอะไรขึ้นเลยได้อย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือการระดมสมองในการแก้ไขปัญหา

ขณะเดียวกันก็มีการไปทำให้คนไปคิดในสิ่งที่ไม่ควรจะคิด จนเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งผมไม่ต้องการให้คนไทยแบ่งเป็นฝ่าย จะรักผมหรือไม่รักผม ชอบหรือไม่ชอบ สิ่งนี้คืออันตรายที่สุด ท้ายที่สุดท่านไม่รักผมแต่ขอให้รักประเทศชาติของท่าน รักคนไทยเพื่อนพี่น้องร่วมชาติของท่าน ทุกคนต้องคิดแบบที่ผมคิดแบบนี้ ผมคิดแบบนี้มาตลอดผมถึงอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะผมมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นตรงนี้ หลายคนก็เป็นห่วงสุขภาพก็ต้องขอขอบคุณ ผมคิดว่าผมยังมีแรงที่จะทำตรงนี้ได้อยู่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่มีการทุจริตหรือเรียกรับผลประโยชน์ ผมยืนยันตรงนี้ว่าผมเองทำอย่างเต็มที่ในทุกเรื่อง”
  
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุสภาล่มบ่อยจะกระทบต่อการทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะกฎหมายลูกที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้มันมีอยู่แล้วในโซเชียลก็มีสามารถไปเปิดดูได้ว่ามีสมาชิกเข้าไปประชุมกี่คน ก็จะเห็นได้ว่ามีพรรคไหนเข้ามาบ้าง บางคนมาไม่ได้เพราะติดกักตัว แต่บางพรรคมาแล้วไม่ลงชื่อ แบบนี้มันเป็นวิธีทางการเมืองหรือเปล่าตนไม่รู้ ในส่วนของกฎหมายลูกส่วนตัวก็อยากให้จบได้เร็วตามกำหนดการที่กำหนดไว้ แต่ตนไม่สามารถไปสั่งใครได้เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกรัฐสภา

ทุกคนก็ต้องร่วมมือและเข้าไปร่วมกันพิจารณา ถ้าล่มอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ จะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของนายกฯคนเดียวคงไม่ใช่ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อะไรก็ตามหากร่วมมือกันทุกอย่างก็ไปได้หมด ทุกคนอยากจะเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าอยากเลือกตั้งก็ต้องทำให้กฎหมายลูกเสร็จ โดยสภาต้องไม่ล่ม ยืนยันว่ากฎหมายสำคัญที่รัฐบาลออกไปทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้นและต้องผ่านให้ได้ ถ้าทุกอย่างรวนไปหมดก็จะแก้อะไรไม่ได้และกลับไปสู่ที่เดิม กลับไปสู่ความวุ่นวายมหาศาล อย่าลืมว่ามีบทเรียนมาแล้วในทุกเรื่องเหมือนสึนามิ 
  
“ก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามามันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไรมีอะไรดีขึ้นบ้าง อะไรที่ต้องแก้ไขผมก็รับผิดชอบทั้งหมด ก็ขอร้องให้ช่วยกันหน่อย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว เมื่อถามว่าจากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯซึ่งยังไม่ชัดเจนในเรื่องการเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงว่ายังมีโอกาสความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมยังไม่ตอบอะไรทั้งนั้น มีปัญหาอะไรหรือ อะไรที่ยังไม่จำเป็นผมก็ยังไม่ต้องพูด เป็นเรื่องที่ผมต้องตัดสินใจของผมเอง” เมื่อถามว่านอกจากการตัดสินใจของตัวเองต้องขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “คุณถามไม่รู้จะตอบอย่างไร และสื่อก็ไปคุยกับพล.อ.ประวิตรเองก็แล้วกัน
  
"สิ่งสำคัญวันนี้เราต้องสร้างการรับรู้ให้กับสังคมและประชาชน เพราะวันนี้สิ่งเหล่านี้มันเปลี่ยนไปจากเดิมคุยกันปากต่อปาก วันนี้ลองไปเปิดโทรศัพท์ดูมีการสร้างความขัดแย้งสร้างความไม่เข้าใจ 80%อยู่ในนั้น จริงบ้างไม่จริงบ้างสิ่งที่เป็นเรื่องจริงและเป็นประโยชน์ผมก็รับมา อันไหนไม่เป็นประโยชน์ผมก็ไม่รู้จะไปอ่านทำไม ถ้าอ่านแล้วทำให้เราไม่สบายใจอย่าไปอ่านมันดีกว่า และอะไรที่มันไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็อย่าไปเปิดมันเลย อะไรที่พูดมาแล้วเชื่อถือไม่ได้ บางคนเครดิตไม่ควรจะพูดอะไรออกมาก็ไปเผยแพร่แบบนี้ แล้วบ้านเมืองมันจะจบหรือไม่ บ้านเมืองต้องการความสงบสุขไม่ใช่หรือ ต้องการความรักความสามัคคีไม่ใช่หรือ ผมไม่จำเป็นต้องสงวนเป็นนายกฯไปตลอดชาติ ตลอดชีวิตผมไปเมื่อไหร่เล่า ผมก็ทำเท่าที่ผมทำได้ ฉะนั้นไม่ต้องมากังวลว่าผมอยากจะมีอำนาจต่อไป ผมมีอำนาจเพื่ออะไร เพื่อผลประโยชน์หรือ ผมยืนยันไม่เคยมีผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ตั้งแต่อยู่ 7-8 ปี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
  
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วแต่เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์เป็นสิ่งชี้วัดให้เห็นว่าอะไรดีหรือไม่ดี ถ้าเราไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ก็จะไม่รู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน ถ้าทุกคนไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติว่ามาจากไหน ศาสน์ กษัตริย์ มาอย่างไร ก็จะไม่รู้ว่าตัวเองคือคนไทยมาได้อย่างไร แล้วจะรักประเทศไทยของท่านได้หรือไม่ ขอถามแค่นี้ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นใครมาก่อน วันนี้ต้องมีการปรับและเปลี่ยนแปลงซึ่งทุกประเทศเป็นเช่นนี้ ไปดูบ้างว่าต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรและโลกเป็นอย่างไร สงครามโลกแต่ละครั้งเป็นอย่างไรและวันนี้เกิดอะไรขึ้นในสงครามสมัยใหม่ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสงครามต่างๆมันพร้อมที่จะเกิดขึ้น แต่โลกก็มีบทเรียนมาแล้ว คนไทยอยู่ในประเทศที่มีศักยภาพซอฟพาวเวอร์ แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความปลอดภัย 
  
“เวลาไปต่างประเทศทุกคนเจอผม หรือแม้แต่ในประเทศไทยทุกคนรักประเทศไทย และพูดถึงประเทศไทยในทางที่ดีในทุกเรื่อง เขาจะหลอกผมไปทำไม แล้วทำไมเขาจึงอยากตั้งโรงงานที่ประเทศไทย ก็เพราะบ้านเมืองเราเรียบร้อยดูแลดี”นายกฯกล่าว
  
เมื่อถามว่าคิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองวันนี้เตะถ่วงการทำงานของนายกฯและรัฐบาลหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ถ่วงผมไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเขาดึงผมไว้ผมก็จะทำงานให้หนักขึ้น 2-3 เท่า ผมไม่เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นภาระที่จะต้องมานั่งสู้ ผมไม่สนใจเสียเวลาผม มีคนทำหน้าที่อยู่แล้วก็ปล่อยให้เขาทำไป หน้าที่ของผมคือการบริหารบ้านเมืองให้ดีที่สุด บรรเทาความเดือดร้อนให้ดีที่สุด ถือเป็นเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นของผม อะไรที่จะทำให้มีปัญหาบางทีผมก็ไม่รับ เพราะกลไกมันมีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องให้นายกฯทำทุกเรื่อง”

‘วาดา’ ปลดล็อกแบนธงชาติไทยแล้ว ยก ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ สางปัญหาจนสำเร็จ

“ทิพานัน” ชี้ “วาดา” ปลดล็อกแบนธงชาติไทย ในกีฬานานาชาติ ยก “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” สางปัญหาจนสำเร็จ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency : WADA) ปลดไทยออกจากรายชื่อผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของวาดา และที่ผ่านมา Doping Control Agency of Thailand (DCAT) ดำเนินการครบถ้วนในการปฏิบัติตามข้อกำหนด ทำให้ระบบการต่อต้านสารต้องห้าม โดยสอดคล้องกับวาดา 2021 ทางคณะกรรมการบริหารของ

วาดา จึงตัดสินโดยการเวียนให้มีการลงคะแนนและสิ้นสุดเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา และมีมติให้ DCAT ได้รับการปลดออกจากรายชื่อผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของวาดา โดยมีผลทันที

"เลขาคกก.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กทม.ปชป." มั่นใจ "ดร.เอ้" แจงได้ทุกประเด็นเรื่องทรัพย์สิน -พร้อมรับการตรวจสอบ สงสัยทำไมมาร้องช่วงนี้ ขอสังคมให้ความเป็นธรรมด้วย

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกและเลขาคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ร่ำรวยผิดปกตินั้น เชื่อว่านายสุชัชวีร์ สามารถตอบคำถามได้ชัดเจนทุกประเด็น ตั้งแต่เรื่องที่มาของรายได้ต่าง ๆ หลักเกณฑ์ในการพิจารณารับเงินเดือนสมัยดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตลาดกระบัง(สจล.)และที่สำคัญได้มีการยื่นทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบอยู่เป็นระยะ จึงมีความเชื่อมั่นว่านายสุชัชวีร์ จะชี้แจงทุกฝ่าย รวมทั้งกมธ.ฯ ได้เป็นอย่างดี เพราะมีเจตนาสุจริตในการทำหน้าที่ และพร้อมรับการตรวจสอบจากทุกฝ่าย เพราะได้ทำมาโดยตลอดตั้งแต่เป็นอธิการบดี สจล.

นางดรุณวรรณกล่าวว่า ตนอยากให้สังคมให้ความเป็นธรรม และรับฟังข้อมูลโดยรอบด้าน ส่วนการถูกร้องให้ตรวจสอบ นายสุชัชวีร์ในช่วงนี้ ที่มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ ส่วนตัวไม่อยากตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะการที่นายสุชัชวีร์ เป็นบุคคลสาธารณะ และอาสามาทำหน้าที่เป็นผู้ว่าของคนกรุงเทพฯ จึงต้องพร้อมรับการตรวจสอบอยู่แล้ว

‘พรรคกล้า’ หนุนตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ ชี้ รัฐตั้งได้ด้วยเสียง ส.ส. ข้างมาก โดยไม่ต้องพึ่ง ม.272 อยู่แล้ว

"พรรคกล้า" ร่วมหนุน คณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ย้ำเพื่อรักษาหลักปฏิบัตินิยม ยุติปมความขัดแย้ง ไม่ควรอาศัยเสียง ส.ว. แต่งตั้ง จัดตั้งรัฐบาล ชี้ต้องแก้ก่อนเลือกตั้ง

รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร แกนนำคณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ม.272 พร้อมคณะ อาทิ นางลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ เลขาธิการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย, นางสาวณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหว เข้าเชิญชวนนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ร่วมลงชื่อสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี

โดยนายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้รวบรายชื่อผู้สนับสนุนได้เกือบ 80,000 รายชื่อแล้ว โดยจะส่งรายชื่อผู้สนับสนุน 70,000 รายชื่อแรก ให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจความถูกต้อง เพื่อบรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยประชุมหน้า 22 พ.ค. 65 โดยจะเปิดให้ลงชื่อต่อไปจนกว่าสภาฯ จะมีการพิจารณาวาระนี้ พร้อมมอบป้าย QR Code เพื่อลงชื่อสนับสนุนและเสื้อยืดรณรงค์ ให้นายกรณ์ เพื่อให้พรรคได้เชิญชวนประชาชนร่วมสนับผ่านทางช่องทางการสื่อสารของพรรค

 

นายกรณ์ กล่าวว่า ยินดีร่วมสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญในการแสดงหลักความถูกต้องของกฎหมายบ้านเมือง ทำให้คนไว้วางใจร่วมลงชื่อสนับสนุนจำนวนมาก ซึ่งตนเองเคยแสดงความคิดเห็นตั้งแต่ก่อนเริ่มลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และการรณรงค์เรื่องนี้สอดคล้องกับจุดยืนของพรรคมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรค หากมองตามหลักปฏิบัตินิยม มาตรานี้ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบาลต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร  แม้มีเสียง ส.ว. สนับสนุน แต่หากไม่มีเสียงข้างมากในสภาฯ รัฐบาลก็ทำงานไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล โดยเฉพาะการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี และยังเกิดข้อครหาความไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองโดยไม่จำเป็น ดังนั้นการจะลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ต้องยกเลิกมาตรา 272

นักอ่านแถลงการณ์คณะปฏิวัติชื่อดัง ถาม!! ศัตรูของศัตรูคือมิตร แล้วศัตรูนายพล-นายร้อยคือใคร?

นายอาคม มกรานนท์ อดีตพิธีรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และอดีตผู้ประกาศข่าวและผู้อ่านประกาศแถลงการณ์คณะปฏิวัติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Akhom Makaranond’ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“ศัตรูของศัตรูคือมิตร แล้วศัตรูของนายพลกับนายร้อย คือ ใคร?”

คำถามนี้ยาวหน่อย ส่วนตอบจะยาวหรือสั้นไม่ทราบ ขอย้อนหลังเล่าเรื่องเก่าให้ฟัง แล้วช่วยกันคิดก็แล้วกันว่า มันพอจะเป็นไปได้ไหม? ถ้าฟังแล้วคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ผิดกติกาใดๆ

พรรคพลังประชารัฐ มีหลายคนบอกว่าเป็นพรรคการเมืองเฉพาะกิจ ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับอำนาจรัฐของรัฐบาล คสช. จะเดินหน้าต่อไปหรือจะล่มสลาย คำถามนี้ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ในสังคมไทย

วันที่พรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งซ่อมสามจังหวัดติดต่อกันอย่างหมดศักดิ์ศรีของการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล

หลายคนที่ติดตามสถานการณ์ภายในพรรคนี้ ต่างทราบดีว่ามีความแตกแยกอย่างหนักเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่เหตุที่พรรคยังไม่ถึงกับแตกละเอียด ก็เพราะยังมีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือของนายกรัฐมนตรีและกลุ่ม ๓ ป.

คนที่เขามองพรรคอย่างเข้าใจเนื้อแท้ย่อมทราบดีว่า แม้ ๓ ป.จะประกาศว่ารักใคร่กลมเกลียวกันก็ตาม แต่ ป.ป้อม กับ ป.ประยุทธ์ ก็งัดกันมาในทีเป็นประจำ แต่ก็สู้อุตส่าห์กล้ำกลืนฝืนทนกอดคอกันมาได้ เพราะทุกๆ ป. รู้ซึ้งอยู่แก่ใจว่า หากแตกแยกกันวันใด จะต้องตกบัลลังก์แห่งอำนาจ และเมื่อหล่นแล้ว อำนาจก็จะถูกศัตรูที่ตนเคยรัฐประหารเขามา กลับมาเล่นงานอย่างหนัก

เพราะฉะนั้น ทั้ง ๓ ป. จึงต้องทนอยู่บนหลังเสือต่อไป เพราะไม่ต้องการลงมาแล้ว ต้องกลายเป็นศพไม่สวย

เห็นหรือยังว่า ฉากการเมืองแห่งความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๙ กับนายร้อยนอกประจำการ ผู้เต็มไปด้วยบาดแผลเต็มตัว และข้อรังเกียจจากสังคมที่มีต่อตัวของผู้กองนอกราชการคนนี้ และเป็นอดีตแกนนำคนสำคัญของพรรค 

นี่คือฉากการเมืองที่คอการเมืองไทยรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่า มันคือภาพของความขัดแย้งระหว่างนายพลกับนายพล คนหนึ่งหนุนหลังผู้กองนอกราชการมาตลอด แล้วเมื่อวันที่ผู้กองเดินออกจากพรรคไป พร้อมกับ ส.ส. อีก ๒๐ คน ทำให้ภาพความแตกแยกระหว่างนายพลกับนายพลเด่นชัดขึ้น จนไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป แล้วก็ทำให้ทุกคนรู้ด้วยว่า วันที่ผู้กองคนนี้กล้าต่อกรกับคนเป็นนายกฯ ในวันลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุดนั้น มีภาพของนายพลอีกคนอยู่เบื้องหลังการแสดงบทกร้าวของผู้กอง

วันนี้ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย อาจจะยังรักนายกฯ ประยุทธ์ฯ เพราะเห็นว่าเป็นคนซื่อมือสะอาด แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่มองว่า ท่านนายกฯ คนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้แห่งอำนาจได้ ก็เพราะมีแรงหนุนจากพี่ใหญ่และ ส.ส.ในส่วนของพี่ใหญ่ 

ทีนี้เมื่อพี่ใหญ่เปิดภาพการเมืองออกมา โดยสั่งให้ผู้กองยอดรักและก๊วนออกไปอยู่พรรคอื่น (หลายคนมองว่าเป็นพรรคของพี่ใหญ่) ก็หมายความว่า นี่คือการเปิดศึกฉากสำคัญ เพื่อโจมตีนายกฯ โดยตรงนั่นเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top