Wednesday, 2 July 2025
POLITICS NEWS

‘ก้าวไกล’ ชี้เป้า!! ‘ไอ้โม่ง’ ปกปิด ‘ASF - หมูแพง’ นั่งข้าง ‘ประยุทธ์’ หยัน ไม่มีน้ำยาปรับ ครม. ก็ออกไป

17 ก.พ. 65 ที่รัฐสภาในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม มาตรา 152 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล อภิปรายในประเด็นความล้มเหลวฉ้อฉลในการจัดการโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) และปัญหาหมูแพง โดยระบุว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงโรคระบาดเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และเพื่อไม่ให้เกิดการกินรวบอุตสาหกรรมสุกร 

>> ราคาหมูทะยานสูง-ลงเร็ว ไม่ใช่ความปกติ

“ราคาเนื้อหมูแพงขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ และลดลงอย่างผิดปกติหลังการประกาศเจอโรค ASF เหตุการณ์นี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 หมูเนื้อแดงจาก 125 บาท ขยับขึ้นเป็น 136 บาท ในเดือนพ.ย. ต่อมาเป็น 165 บาท ในเดือน ธ.ค. และร้ายแรงที่สุดในเดือน ม.ค. 65 คือ 190-220 บาท สำหรับหมูเนื้อแดง และสาหัสที่สุดคือ 260-300 บาท สำหรับหมูสามชั้น สวนทางกับดัชนีราคาเนื้อสุกรของโลก หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ราคาเนื้อหมูหยุดปรับขึ้นและค่อยๆ ปรับตัวลดลง จุดตัดสำคัญอยู่ที่เดือนมกราคม 65 คือ วันที่การเปิดเผยว่ามีโรคระบาด ASF ในประเทศไทย นำมาสู่การตรวจสอบการกักตุนเนื้อสุกรในห้องเย็นตั้งแต่กลางเดือนมกราคมเป็นต้นมา จากการตรวจสอบพบหมูในห้องเย็น 1,366 แห่ง มีหมูเก็บหมู 24.66 ล้านกิโลกรัมเป็นอย่างน้อย”

ปดิพัทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลออกมาเคลมผลงานว่า แก้ไขปัญหาได้ถูกจุด แต่ต้องย้ำว่า การที่ราคาทะยานขึ้นสูงและลดลงอย่างรวดเร็วได้ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นความชั่วร้ายของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี และโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ที่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ปี 62-64 ท่องตามโพยอยู่อย่างเดียวว่า “ประเทศไทยไม่มี ASF” ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า “ไม่รู้ว่าหมูแพงได้อย่างไร” สั่งการขึงขัง ตรึงราคา ตั้ง War room ทุกจังหวัด ตรวจสอบห้องเย็น หลอกพี่น้องประชาชนว่าแก้ปัญหาได้แล้ว

“มันคือละครตบตาคนไทยทั้งประเทศ เพราะจริงๆ แล้วคณะรัฐมนตรีรู้มานานแล้วว่ามีโรคระบาด ASF และมีคนจำนวนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งรู้สถานการณ์เป็นอย่างดี จึงแสวงหาความร่ำรวย เหยียบย่ำพี่น้องประชาชนผู้บริโภคและเกษตรรายเล็กรายน้อย บางคนล้มละลาย หนี้สินท่วมหัว บางคนเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต ความเสียหายย่อยยับเกิดขึ้นในฟาร์มขนาดย่อย ขนาดกลาง และขนาดใหญ่บางที่ แต่ทุนใหญ่ไม่กระทบมากเพราะมีหมูขายไม่อั้น ทุกคนต้องวิ่งหาหมูจากทุนใหญ่ เพราะไม่มีหมูของรายย่อยเหลือแล้ว กินรวบ เบ็ดเสร็จ ฟาร์มขนาดใหญ่กำลังเพิ่มการผลิต ขึ้นฟาร์มใหม่กันเต็มไปหมด เพราะรู้มาตลอดว่ามีการระบาด และรู้ด้วยว่าจะทำกำไรได้มหาศาล ถ้าใครมีหมูในช่วงปลายปี 64 และสามารถกักตุนไว้ในห้องเย็นต่างๆ ได้”

>> ตั้งธงอย่าให้รู้ว่า ASF ระบาด 

ปดิพัทธ์ กล่าวว่า ทั่วโลกมีองค์ความรู้และแนวปฏิบัติในการกำจัดของ ASF คือ การแจ้งเตือนสถานการณ์การระบาด (Alertness), ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ (Cooperation) และ ความโปร่งใสในการรายงาน (Transparency) แต่ประเทศไทยไม่มีสักอย่างและทำตรงข้ามกันหมด เพราะมีธงตั้งไว้อย่างเดียว ว่าทำยังไงก็ได้ ไม่ให้รู้ว่ามีการระบาด 

“ผมกล้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร ผมจะแสดงให้ดูว่า รัฐบาลนี้ทำอะไรกับพวกเราบ้าง ปี 2562 รู้ว่ามี ASF และเสนอเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีผลงาน ไร้น้ำยา สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแจ้งในวันที่ 16 ตุลาคม 2562 ให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกัน ควบคุมและกำจัดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ในหนังสือฉบับนี้ อ้างอิงถึง 3 คน คือ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรกรฯ และรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ทราบแล้ว ดังนั้น อย่ามาบอกไม่รู้  

“ปี 2563 เริ่มมีสุกรตาย มีการทำลายหมู สหกรณ์เชียงใหม่ ลำพูน พังย่อยยับ ตั้งแต่ปี 2563-2564 มีมติ ครม. ออกมาชดเชยค่าทำลายหมู 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท ทำลายหมูไปแล้ว 300,000 ตัว จะไม่เจอ ASF สักตัวเลยหรือ ที่อ้างว่า ทำลายเพราะโรค PRRS แต่โรค PRRS เป็นโรคประจำถิ่นที่มีวัคซีนใช้กันมานานแล้ว และก่อนหน้าประเทศไทยไม่เคยมีการทำลายหมูเพราะโรค PRRS นับแสนตัวมาก่อน แต่หลังปี 2562 ทำลายหมูจำนวนมากโดยบอกว่าเพราะ PRRS จึงเป็นเรื่องที่ฟังดูตลกมาก 

“จบปี หมูตายไป 300,000 ตัว แต่รัฐบาลตบตาเกษตรกรจัดงานเลี้ยงในปี 2563 เห็นรัฐมนตรีเกษตร เฉลิมชัย ศรีอ่อน ท่านอธิบดีกรมปศุสัตว์ ไปยืนยิ้ม ประกาศว่า ประเทศไทย คือ ประเทศเดียวในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ยังไม่พบการระบาดของโรค ASF ในสุกร โดยในปีนั้นประเทศไทยสามารถส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาในปริมาณสูงกว่าปี 2562 อย่างก้าวกระโดดถึง 400% จะไม่ให้ตัวเลขการส่งออกเติบโตได้อย่างไร เพราะประเทศเพื่อนบ้านติดโรคกันหมด มีแต่บ้านเราที่หลอกขายคนอื่นไปทั่ว แถมปิดปีด้วยงานเลี้ยงฉลองยอดการส่งออก จนนึกว่าท่านอธิบดีนี่เป็นผู้จัดการบริษัท แต่พอ เข้าปี 2564 การระบาดลงมาที่ภาคตะวันออกและตะวันตก กลายเป็นเอาไม่อยู่แล้ว ฟาร์มขนาดใหญ่เสียหาย เพราะ ปี 2563 ปกปิดข้อมูลไว้จนหมูเสียหายย่อยยับ เกิดการหนีตาย ระบายหมูขายกันถูกๆ ตัวละ 300-500 พ่อค้าคนกลางกดราคาหน้าฟาร์มกันอย่างเต็มที่ แต่ราคาเนื้อแดงหน้าเขียงราคาเดิม รวยขึ้นกันมหาศาล ด่านกักสัตว์ก็ผ่านกันอย่างสบาย ช่วงเร่งๆ จ่ายกันถึงคันละ 10,000 บาท โดยไม่มีใครสนว่าจะกระจายโรคแค่ไหน เพราะรัฐมนตรีและอธิบดีกรมปศุสัตว์ท่องไว้อย่างเดียวว่า ไม่มี ASF” 

‘มิ่งขวัญ’ ประกาศลาออกจาก ส.ส. ระหว่างการอภิปรายซักฟอกรัฐบาล 

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ ประกาศลาออกกลางสภา โดยกล่าวในตอนท้ายของการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงคะแนนว่า “ผมขอลาออก หลังอภิปรายจะเดินไปยื่นหนังสือกับประธานสภาฯ ผมจะออกไปทำหน้าที่นอกสภา ออกไปพิสูจน์ว่าแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล ความเหลื่อมล้ำจะถูกแก้ไขหรือไม่”

'แรมโบ้' ฟาด 'สุทิน  - หมอชลน่าน' อับจนปัญญา จนต้องคอยรับใช้นักโทษหนีคดี รู้ทั้งรู้ว่าเขาหลอกใช้ ระวังจะเสียคนตอนแก่ เหมือนรุ่นพี่ ๆ .

ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) กล่าวถึงกรณีทางด้านพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ทำการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามม.152 ระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ. ซึ่งทางด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน ได้ให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่า การอภิปรายในครั้งนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เป็นประโยชน์กับประชาชน จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับการบริหาร เปลี่ยนแปลงในระดับรัฐมนตรี และอาจจะถึงขั้นเปลี่ยนแปลงผู้นำ เพราะเกิดวิกฤตศรัทธาขั้นรุนแรง หลังจากนี้มีอาฟเตอร์ช็อกแน่นอน

ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าไม่หนักใจ ไม่ให้ราคานั้น อาจเป็นเพราะไม่มีการลงมติ ท่านเลยเบาใจ ไม่ต้องเข็นกล้วยออกจากสวน แต่อย่าลืมว่ามือในสภาไม่เท่าศรัทธาของประชาชน ซึ่งการไม่ลงมติในครั้งนี้ถือว่าดีกับฝ่ายค้านมากกว่า เพราะถ้าลงมติมือเราก็แพ้พวกคุณ แต่ถ้าไม่ลงมติก็ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่าใครแพ้ ใครชนะ แต่ทุกครั้งหลังการอภิปรายจะมีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งฝ่ายค้านจะได้คะแนนดีกว่ามาตลอด ส่วนรัฐบาลจะสอบตก” 

ดร.เสกสกล บอกว่าตนเองนั่งฟัง สิ่งที่นายสุทินให้สัมภาษณ์หลายรอบ และก็อ่านที่สื่อมวลชนเขียนข่าวนี้ก็หลายครั้ง ก็ยังแปลกใจว่านายสุทิน ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่าทุกครั้งที่มีการอภิปรายแล้วผลสำรวจ ปรากฏว่าคะแนนฝ่ายค้านดีกว่าฝ่ายรัฐบาล เพราะที่ตนเองเห็นนั้นหลังการอภิปรายทุกครั้ง ประชาชนจะสะท้อนออกมาว่า การทำงานของฝ่ายค้านนั้น ไม่เอาไหน มีแต่เรื่องเดิม ๆ กล่าวหา โจมตี บิดเบือน ปล่อยเฟคนิวส์ ในสภา  แล้วอาศัย เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง จนประชาชนเอาเอือมระอา กันไปทั่ว ไปทางไหน ก็ได้ยินแต่เสียงบอกเสียเวลา เปลือง น้ำ เปลืองไฟ ของสภา หากเปิดสภาอภิปรายแล้วทำได้แค่นี้อย่าเปิดมันเลยดีกว่า  

ขณะที่ทางด้าน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา เช่นกัน ที่ขึ้นเปิดหัวอภิปราย กล่าวหารัฐบาล ก็เป็นการกล่าวหาเดิม ๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เปิดสภากี่รอบ ก็ออกลีลาแบบนี้ กล่าวหา แต่ไม่เคยเอาหลักฐานอะไรมาแสดงให้เห็นได้สักครั้ง กล่าวหาว่ารัฐบาลสารพัดล้มเหลวทุกด้าน บริหารไร้จิตสำนึก เผด็จการ ต้นเหตุของปัญหา แล้วก็ลงท้ายด้วยการให้ลาออก หรือยุบสภา  

'บิ๊กตู่' บอกแล้วแต่กิริยา'หมอชลน่าน' ทำนั่งหลับ สังคมตัดสิน ลั่นอภิปรายไม่ได้หวังเอาชนะใคร พร้อมต้อนรับ 'คณะหอการค้าร่วมต่างประเทศ' ยัน ภาคเอกชนไม่หวั่นไหวสถานการณ์การเมืองไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังให้การต้อนรับนายสแตนลีย์ คัง (Mr. Stanley Kang) ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) และคณะ ที่เข้าเยี่ยมคารวะ ว่า กลุ่มที่เข้าพบวันนี้ทำงานกับเรามาโดยตลอดหลายปี มีความรักประเทศไทยและพร้อมที่จะร่วมมือลงทุนในประเทศเราให้มากขึ้น ซึ่งตนได้ย้ำไปแล้วว่าไม่ใช่เพื่อเขาและเพื่อเรา แต่ต้องลงทุนให้โลกใบนี้ด้วย และประเทศไทยจะต้องหลุดพ้นจากประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้มีรายได้สูงขึ้นตั้งแต่วันนี้ 

เมื่อถามว่า ภาคเอกชนจะหวั่นไหวกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในของประเทศหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่ได้มีการสอบถามในที่ประชุมแต่อย่างใด และไม่เคยถามอะไรตน ในเรื่องการเมือง เพราะเขาคิดว่าประเทศไทยอย่างไรก็อยู่ได้ เพราะอย่างไรก็คือประเทศไทย เขาเข้าใจ และเขาก็เห็นว่า ซึ่งการพัฒนาประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงมาตามลำดับและต่อเนื่อง เขาเข้าใจดีเนื่องจากอยู่มาหลายปีแล้ว อะไรที่ไม่เป็นสาระเขาก็ไม่สนใจ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดประชุมเอเปค ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ว่า มีการแถลงอยู่แล้วเรื่องความคืบหน้าและมีการเตรียมสถานที่ไปแล้วคือหอประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่สร้างใหม่ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของสิ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย ส่วนสถานที่จัดเลี้ยงจะเป็นพื้นที่กองทัพเรือให้คนได้เห็นว่าประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปแล้วบ้าง ส่วนเรื่องภายในของเราเรื่องสภาก็ว่ากันไป 

'นายก' ห่วงคนงานนั่งร้านถล่ม สั่ง รมว.เฮ้ง เร่งเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทน แก่ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บโดยด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไซต์งานก่อสร้าง โครงการวันแบงค็อก ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เกิดอุบัติเหตุเหล็กค้ำยันรองรับหล่อคอนกรีตพังถล่มขณะเทคอนกรีต ทำให้มีลูกจ้างที่ปฏิบัติงานอยู่ใต้จุดค้ำยันเสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย นั้นว่า

ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ และกำชับให้กระทรวงแรงงานเร่งให้ความช่วยเหลือญาติของคนงานที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บโดยด่วน ผมได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมตรวจสอบข้อมูลความเป็นผู้ประกันตนของลูกจ้างที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เพื่อเร่งประสานการช่วยเหลือเยียวยาตามขั้นตอนให้ได้รับสิทธิประโยชน์โดยเร็ว

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 พบว่า มีลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางบุญโฮม วังมา อายุ 42 ปี นางประไพ สุปมา อายุ 58 ปี นางอุดร เลขสันต์ อายุ 47 ปี สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 พิจารณาแล้วเห็นว่า การเสียชีวิตของลูกจ้างทั้ง 3 รายเกิดเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ทายาทและผู้มีสิทธิ มีสิทธิได้รับเงินทดแทนตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 และเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม รายแรก ทายาทของนางบุญโฮม วังมา จะได้ค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทน อัตราเดือนละ 6,374.20 บาท เป็นเวลา 10 ปี เป็นเงิน 764,904 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพกรณีเสียชีวิต 10,201.69 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 825,105.69 บาท

"นายก ฯ" ย้ำรัฐบาลชุดปัจจุบัน เข้ามาตามกลไกรัฐธรรมนูญ 60  เผย 6 เดือนแรกปี 64 ศก.ไทยพลิกเป็นบวก 1.3% ต่อปี  รับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้ากว่า 2 พันโครงการ ทุ่ม 7.7 แสนล้าน ทั่วโลกชมไทยแก้ปัญหาโควิด-19 ชี้ ฟื้นตัวเป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 เอเชีย

ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงข้อกล่าวหาจากฝ่ายค้านซึ่งมีทั้งหมด 15 ประเด็น ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี ดังนี้

นายกรัฐมนตรี พร้อมรับฟังการอภิปรายฯ ครั้งนี้ ด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์พร้อมรับไปแก้ไขดำเนินการ ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหามาตลอด ร่วมงานกับ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีข้อบกพร่อง อย่างไรก็ดี หลายท่านมองว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความสามารถ ซึ่งอยู่กับความเชื่อมั่น และผู้ให้ความเชื่อมั่นคือประชาชนทั่วประเทศ ทั้งนี้แม้ว่าฝ่ายค้านจะเคยบอกว่าให้นายกรัฐมนตรีวางบทบาทเหมือนรามเกียรติ์ อย่างไรก็ดี ประเทศชาติ ไม่ได้เหมือนเรื่องราวในรามเกียรติ์ 

ประเด็นแรก กล่าวถึงการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลซึ่งขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลเดิมในปี 2557 เป็นการแต่งตั้งจากรัฐธรรมนูญปี 2560 รัฐมนตรีถึง 32 คน เป็นคนใหม่ ประเด็นการขยายเพดานหนี้ ข้าวของแพง ค่าแรงถูก และเรามีการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจ
สถานการณ์โควิดเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งหมดในเชิงโครงสร้าง ทั้งการแก้ไขมาตรการ กฎหมายต่าง ๆ ซึ่งวันนี้ไทยสามารถจัดหาวัคซีนได้เพียงพอ และครบถ้วน จนไทยได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ การท่องเที่ยว ได้มีการแก้ไขปัญหา และจะมีการชี้แจงต่อไป 

ทั้งนี้ รัฐบาลนี้ ได้พัฒนาโครงสร้างในภาพรวมมามาก ซึ่งอยากทราบว่ารัฐบาลเก่าๆ ได้พัฒนาโครงสร้างที่เป็นประโยชน์กับประเทศบ้างหรือไม่
อหิวาต์แอฟริกา ตอนนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าไปแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูแล้ว พร้อมชี้แจง ไม่มีการปกปิด อย่างไรก็ดี มีคนเก็บกักเนื้อหมู รัฐบาลจะต้องนำคนผิดมาลงโทษ ทั้งนี้อาหารราคาสูง เป็นไปตามความต้องการของตลาด ตามฤดูกาล ซึ่งได้สั่งการให้มีการตรวจสอบต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงปัญหาและแก้ไขในทันที นายกรัฐมนตรีไม่เคยโทษใคร ขอให้ทุกคนมาร่วมมือกัน เรื่อง PM 2.5 มีแนวทางการแก้ไข อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ รัฐบาลไม่ได้ทำงานสนองความพอใจเพียงคนบางกลุ่ม ประชาชนทุกคนมีรายได้ต่างกันจะทำอย่างไรให้ปรับตัวได้ ซึ่งรัฐบาลต้องดูแล 

นายกรัฐมนตรีต้องการให้ประชาชนทุกคนมีความสุข ประมงล้มเหลว รัฐบาลต้องการสร้างความเป็นธรรมให้ประมงพาณิชย์ ประมงพื้นบ้าน ไม่ให้เกิดผลกระทบ เยียวยา ต้องการปฏิรูปทั้งระบบการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น รัฐบาลพร้อมกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจมากขึ้น มีรายได้เพียงพอ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน หาเงินเติมให้ ไม่ได้หวงอำนาจยาเสพติด หลายประเทศได้ชื่นชมการทำงานของไทย และเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการในทุกด่านการตรวจสอบ มีการจับกุมทุกวัน
บริหารทุจริต อย่าพูดประเด็นที่ไม่มีหลักฐาน นายกรัฐมนตรียืนยัน ไม่มีการทุจริต โดยเด็ดขาด ทั้งนโยบาย เจตนารมณ์ และตัวนายกรัฐมนตรีเอง 
ทุกเรื่องที่มีการกล่าวหา จะมีการชี้แจงอย่างชัดเจน 

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ตั้งแต่ปี 2564 เกิดสถานการณ์โควิด และทุกประเทศก็ประสบปัญหาร่วมกัน โดยไทยสามารถฉีดวัคซีน เกินเป้าหมาย 100 ล้านโดส สำเร็จก่อนเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นวัคซีนที่ได้รับอนุมัติ ทำให้ เศรษฐกิจไทย 6 เดือนแรกของปี 2564 พลิกกลับมาเป็นบวกได้ที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี เกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดหมายประเทศรอบบ้านมีปัญหาไทยทำได้ดีกว่าหลายประเทศ 

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ลดจำนวนลูกหนี้ที่ต้องการขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย จาก 12.5 ล้านบัญชี เหลือต่ำกว่าครึ่ง หรือกว่า 6 ล้านบัญชี มีการจ้างงานมากขึ้น จำนวนผู้มีงานทำ 37.9 ล้านคน ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ของปี 2564 นักศึกษาจบใหม่ ปี 2563 - 2564 ทำงานในภาคเอกชนกว่า 66.78% ทำงานในภาครัฐ 20% ส่วนที่เหลือประกอบอาชีพอิสระหรือธุรกิจส่วนตัว การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว มีการเปิดกิจการใหม่ในปี 2564 มากกว่าบริษัทที่ปิดกิจการ กว่า 4 เท่าตัว ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจสูงขึ้น ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน สูงขึ้นกว่า 600,000 ล้านบาท ดีกว่าก่อนโควิด-19 การขอรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 2,339 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 7.7 แสนล้านบาท กระจายไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ การส่งออกปี 2564 ดีขึ้นมาก มีมูลค่ารวม 8.5 ล้านล้านบาท 

ตัวอย่างการลงทุนที่สำคัญ Cloud Service โครงการผลิตอาหารสัตว์ชีวภาพ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพบภาคเอกชน และรับทราบว่าเอกชนพอใจการปรับปรุงมาตรการของไทยเพื่อให้นักลงทุนมาลงทุน ไม่ใช้การเอื้อประโยชน์ หรือขายทรัพยากรชาติ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตามข้อตกลงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินการคลังของไทยจากทั้ง 3 สถาบันการจัดอันดับโลก ได้แก่ S&P Fitch Ratings และ Moody's ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ BBB+ และอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ภาคการเงินการคลังของไทยยังเข้มแข็ง และมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง ถึงแม้มีการปรับเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังตามกฎหมาย สำคัญที่สุด คือ การที่คนไทยได้มีความสุขในการฉลองปีใหม่ปี 2565 เป็นครั้งแรกในรอบ 24 เดือน ซึ่งมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ คำนึงถึงความสมดุลทางด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจควบคู่กันด้านมาตรการสาธารณสุข ไทยเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ในประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ ดัชนี Global Health Security Index (GHS) ปี 2021 และประเทศไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 ของเอเชีย

ปัญหาเงินเฟ้อ เกิดจากความต้องการที่มากขึ้นจากการฟื้นตัวของโลก ราคาพลังงานแพงขึ้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลพยายามเต็มที่ในการดูแลราคาปัจจัยการผลิตที่มีผลกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบและการสั่งการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด 
ซึ่งในปี 2565 ไทยพร้อมเปิดประเทศอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมรับมือโควิด-19 หลายประเทศใช้ไทยเป็นตัวอย่าง ไทยเตรียมยา เตรียมวัคซีน และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ มีแผนเผชิญหน้า แผนอนาคต เป็นการทำงานร่วมกัน ของทุกพรรค ในรัฐบาล

ควบคู่กับการ “แก้หนี้ภาคครัวเรือน” สร้างงานสร้างอาชีพ มีการจัดทำโครงสร้างหนี้ เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครู หนี้ข้าราชการ มีการแก้ไขแล้ว และเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ ต้องครอบคลุมการเป็นหนี้ทุกแบบ การลดอุปสรรคการเข้าถึงเงินทุน รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาทุกมิติ ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงต่อไป 

รัฐบาลนี้ จะไม่มีความสุขหากประชาชนไม่มีความสุข จึงมีการจัดโครงการเพื่อประชาชน เยียวยาประชาชน เสริมชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน อาทิ โครงการคนละครึ่ง ทั้งนี้ ความสุขความพอใจอยู่ที่การบริหาร และงบประมาณที้มี ต้องทำควบคู่กันไป ทั้งนี้ หากมีโครงการไหน ที่ไม่ชอบ ขอให้ฝ่ายค้านพูดในสภาได้เลย 
มาตรการทางสังคม สังคมไทยอ่อนไหว ต้องทำให้เข้มแข็ง ตอบสนอง อย่าให้สังคมอ่อนแอ ความรักความ สามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ จากสถานการณ์ต่างประเทศ ชาติ ศาสนา พหุวัฒนธรรม สถาบันมีความแตกต่างกันในทุกประเทศ เราควรนำปัจจัยทุกอย่างในประเทศนำมาเสริมสร้างความสามัคคี ไม่ใช่ความแตกแยก นายกรัฐมนตรีห่วงกังวลความแตกแยกในสังคม แม้จะชินแล้วจากคำพูดที่หยาบคาย ความรุนแรง การฝ่าฝืนกฎหมาย และด่าทอเจ้าหน้าที่

“โฆษกรัฐบาล” วอน ผู้ใช้รถบรรทุก-เบนซิน เข้าใจรัฐบาล ยัน ดูแลทุกฝ่ายเท่าเทียม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์พลังงาน เพื่อเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมัน ล่าสุดคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างกฏกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาล ติดตามสถานการณ์ด้านราคามาโดยตลอด และดำเนินหลายมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบกับประชาชน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล

อาทิ ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยอาศัยกลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการชดเชยราคา การปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลที่มีราคาค่อนข้างสูง การขอความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันในการปรับลดค่าการตลาด และปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากเดิมที่เก็บอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตรลดลง 3 บาท

นายธนกร กล่าวว่า ขอวอนกลุ่มผู้ขับรถบรรทุก กลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ให้เข้าใจว่ารัฐบาลจะต้องพิจารณามาตรการอย่างรอบคอบ เพื่อใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก และให้เข้าใจถึงสภาวการณ์ของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ทำให้ราคาขึ้นลง สอดคล้องกับราคาในตลาดโลก ขอเน้นย้ำว่าราคาน้ำมันในไทย ไม่ได้แพงที่สุดตามที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ราคาน้ำมันไทยอยู่อันดับที่ 6 ในอาเซียน และ มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เป็นมาตรการที่เหมาะสมที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผ่านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ซึ่งจะส่งผลถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ลดลงตามด้วย

'ดร.ไตรรงค์' เฉ่งการเมืองไทย เลวลงทุกวันเพราะติดกิเลส เตือนสติ!! สิ่งที่จะอยู่ได้นานที่สุดคือประเทศไทย

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส. หลายสมัย เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กวิจารณ์กรณีการนับองค์ประชุมของฝ่ายค้านเพื่อกดดันให้รัฐบาลรักษาองค์ประชุม จนสภาล่ม ว่าเป็นวิธีที่ป่าเถื่อนประเทศเจริญแล้วไม่ทำกัน โดยระบุว่า..

#เลวเสมอต้นเสมอปลาย

เมื่อคนอื่นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นบุคคลที่ตนเองสั่งไม่ได้ เอาชนะเขาโดยใช้คะแนนในสภาผู้แทนราษฎรตามกติกาสากลไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีให้ #ลิ่วล้อเผาบ้านเผาเมือง ชาติเสียหายช่างหัวมัน

ปัจจุบันคนอื่นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถูกต้องตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนส่วนใหญ่รับรอง แต่เป็นบุคคลที่ตนเองสั่งไม่ได้เช่นเดียวกัน จะเอาชนะเขาโดยใช้คะแนนในสภาผู้แทนราษฎรตามกติกาสากลไม่ได้ (อาจเพราะขี้เหนียวกว่าเขาหรืออาจจะเพราะลูกน้องมองไม่เห็นอนาคต) จึงต้องหันมาใช้วิธี #ทำให้สภาฯ ล่ม ประชุมอะไรกันไม่ได้ ชาติเสียหายช่างหัวมัน

เริ่มศึกซักฟอกรัฐบาล!! ‘หมอชลน่าน’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ตัวปัญหา ต้นเหตุทำประเทศ ‘แพง จน พัง’ ทั้งแผ่นดิน 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่การอภิปราย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) ชี้แจง ข้อตกลงการประชุมทั้ง 2 วัน คือ วันที่ 17-18 ก.พ.นี้ ว่า จะประชุมตั้งแต่เวลา 09.30 - 00.00 น. โดยจะใช้เวลาอภิปราย 15 ชม. ในวันแรก ส่วนวันที่ 2 จะเริ่มเวลา 09.00 - 00.00 น.เช่นกัน สัดส่วนเวลาพรรคร่วมฝ่ายค้าน มี 22 ชม. พรรคร่วมรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) 8 ชม. ส่วนการแบ่งเวลาอภิปรายของฝ่ายค้านแต่ละพรรคมีการแบ่งเวลาที่ชัดเจนแล้ว ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า โควตาพรรคร่วมรัฐบาล ได้เวลาอภิปราย 8 ชม. จะแบ่งวันละ 4 ชม. แบ่งเป็นของพลังประชารัฐ 44 นาที ภูมิใจไทย 27 นาที ประชาธิปัตย์ 23 นาที พรรคเล็กที่เกินกว่า 1 คน พรรคละ 6 นาที และพรรคเล็กที่มีพรรคละ1 คน ได้ 4 นาที

จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงเปิดญัตติว่าด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรุนแรง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก อันสืบเนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวผิดพลาดทุกด้านของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ยึดอำนาจมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบันซึ่งเป็นรัฐบาลเดียวกัน มีการก่อหนี้สาธารณะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หนี้ครัวเรือนของประชาชน และอัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่สูงขึ้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตรการแก้ปัญหากลับไม่มีความชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง 

นอกจากนี้ การจัดการจัดหาวัคซีนยังล่าช้าไร้ประสิทธิภาพ ต่อมาเกิดการแพร่ระบาดของโรคระบาดในสัตว์ และเกิดเชื้อแอฟริกาในสุกร ทำให้สุกรขาดตลาด เนื้อสุกรราคาสูงขึ้นมาก แต่รัฐบาลกลับปกปิดข้อมูลการระบาดของโรคจนทำให้การระบาดกระจายไปทั่วประเทศ เกษตรกรได้รับความเสียหายเดือดร้อนในวงกว้าง แต่กลับมีข้อมูลเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนรายใหญ่ การแก้ปัญหาโรคระบาดทั้งคน และสัตว์ขาดความรู้ภูมิปัญญา  

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมนับวันยิ่งทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยประชาชน แม้เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี แต่รัฐบาลไม่มีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม มีการนำงบประมาณไปแลกเปลี่ยนใช้จ่ายแก้ปัญหาในการกระทำที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี กรณีเหมืองทองอัครา การแก้ปัญหาประมงที่ล้มเหลว การปฏิรูปการเมืองที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ และยุทธศาสตร์ชาติ ไม่มีความคืบหน้า เหตุเพราะรัฐบาลขาดความจริงใจ วิสัยทัศน์ผู้นำที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้ไทยต้องสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาล และสูญเสียโอกาสที่จะได้จากความร่วมมือในกลุ่มเอเปก การบริหารราชการแผ่นดินส่อในทางทุจริต หลายเรื่องส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจากรายงานของวุฒิสภา และหน่วยงานภายนอกพบว่า รัฐบาลนี้มีการทุจริตสูงมาก ส่งผลให้การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศสูงขึ้น รวมถึงปัญหายาเสพติดขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ และเป็นแหล่งส่งออกไปต่างประเทศทำให้ประเทศเสียหาย ถือได้ว่าขณะนี้เป็นวิกฤตของประเทศ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นกรณีจำเป็นที่ ส.ส.ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องสอบถามข้อเท็จจริงต่อครม. ในการแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ และหาข้อสรุปเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตรงเป้าหมาย เพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ญัตตินี้ไม่ต้องมีมติ มีลักษณะเหมือนกระทู้ แต่ไม่ใช่กระทู้ เป็นการซักถามข้อเท็จจริง และเสนอต่อครม. ไม่ได้มุ่งหมายต่อรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่ต้องการรู้ว่าทำไมถึงตอนนี้พวกเขามีความทุกข์ลำบากยากแค้น ถือเป็นญัตติแพงทั้งแผ่นดิน จนพังทั้งแผ่นดิน นี่คือการทำงานร่วมกันเพื่อบ้านเมือง เพราะเราจะเสนอแนะรัฐบาลเพื่อนำไปแก้ไขให้กับประชาชน เราจะบอกปัญหาที่รัฐมนตรีไม่รู้ว่าเป็นปัญหา และไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เพื่อประโยชน์ของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยปัญหาเศรษฐกิจพี่น้องคนไทยทุกข์ระทมกับของแพงทั้งแผ่นดิน ส่วนรายได้แสนจะถูก ชีวิตความเป็นอยู่ยุ่งยากซับซ้อน จนเกิดปัญหาสังคมตามมา รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการบริหารงานล้มเหลว และปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน จนหนี้ท่วมประชาชน 

นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตการใช้งบเงินกู้ และการจัดสรรงบประมาณปี 65 ที่ไม่เหมาะสม รัฐบาลบริหารล้มเหลวจนเกิดเงินเฟ้อของแพง ที่ไม่เหมือนกับประเทศอื่น เพราะเป็นเงินเฟ้อจากต้นทุนการผลิตที่สูง ค่าแรงถูก และคนตกงานทั้งแผ่นดิน เป็นความผิดพลาดจากนายกฯ และครม. ที่ใช้มาตรการผิดพลาดบกพร่อง สิ่งที่จะต้องขุดต่อคือ เรื่องความสามารถในการแข่งขันของไทย ที่มีความสามารถที่ย่ำแย่ ระบบการเงินที่ไม่เอื้อต่อการลงทุน ผู้ประกอบการรายย่อยล้มหายตายจาก ขณะที่การพัฒนาประเทศในยุคดิจิทัล ประเทศเราสูญเสียโอกาสมากในการบริหารงานด้านนี้ ซ้ำร้ายที่สุดคือมีกลไกการโกงการหาประโยชน์จากระบบนี้ด้วย รายได้จากภาคการท่องเที่ยวก็ล้มเหลวหดตัว เข้าใจได้ว่าเกิดสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อเปรียบเทียบประเทศอื่นๆ ทำไมเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ต้องถามคือทำไมการระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ถึงปัจจุบัน ท่านอาจจะโชคช่วยเพราะเกาะโรคเพื่อให้ท่านดำรงอยู่ ท่านจึงเลี้ยงโรคเลี้ยงไข้ ซึ่งโชคดีที่โอมิครอนเข้ามาช่วยชีวิตท่านไว้

“บิ๊กป้อม” ประชุมคณะกรรมการ EIA ผ่านความเห็นชอบ 4 โครงการ พร้อมสั่ง จ.ระยอง ตั้งคณะทำงานเร่งติดตามการช่วยเหลือประชาชนที่รับผลกระทบน้ำมันรั่วด่วน และให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างจริงจัง

ที่ ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อห้าจังหวัด พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/65 ผ่านระบบ VTC เพื่อติดตามขับเคลื่อนมาตรฐานสิ่งแวดล้อม 

โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการ ปี 64 จากการสำรวจความเชื่อมั่นในกระบวนการ EIA พบว่า มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 80.20 เห็นชอบ 404 โครงการ มีโครงการที่ยังดำเนินการอยู่ 6,299 โครงการ ได้รับการร้องเรียน 29 โครงการ และรับทราบผลติดตามการปรับลดอัตราการระบายมลพิษทางอากาศ 80:20 พบอัตราการระบายก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน และ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ ทส.ดำเนินการต่อและผลักดันให้มีระบบฐานข้อมูลกลางให้มีหน่วยงานกลางกำกับดูแลทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม สำหรับเรื่องร้องเรียน ขอให้ ทส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลตอบผู้ร้องทุกราย เพื่อรับทราบข้อมูลและสถานะของโครงการไปพร้อมกัน

พล.อ.คงชีพ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังรับทราบ แนวทางการบริหารจัดการขยะติดเชื้อ ที่มอบหมายให้ กระทรวงทรัพย์การธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสาน กระทรวงมหาดไทย (มท.) และ กระทรวงสาธารณะสุข (สธ.) เพื่อให้องค์กรปกครองท้องถิ่น บริหารจัดการแบบรวมศูนย์ ( Cluster ) และให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในอนาคต และรับทราบรายงาน กรณีการแก้ไขน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลจังหวัดระยอง ซึ่งสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์และขจัดคราบน้ำมันจนเสร็จสิ้นแล้วเมื่อ 1 ก.พ.65 และมอบหมายให้ ทส.ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสถานภาพของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลกระทบและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฏหมายจากบริษัทฯ

พล.อ.คงชีพ กล่าวอีกว่า จากนั่นได้ร่วมกันพิจารณาและให้ความเห็นชอบ 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้ารางเดียวสายสีเทา ระยะที่ 1 วัชรพล - ทองหล่อ โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลวัตต์ ตาก 2 - แม่สอด โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา - ธนารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ และโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และให้ความเห็นชอบกรอบการประชุมระหว่างประเทศ ที่จะจัดขึ้นใน มี.ค.65 ทั้งการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 5  ณ ประเทศเคนยา และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามตะ ว่าด้วยตลอดสมัยที่ 4 ณ ประเทศอินโดนีเซีย  รวมทั้งให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าบริการในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและคาดการณ์ต้นทุนในระยะเวลา 20 ปี และ การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากสถานที่ฝังกลบมูลฝอย อย่างถูกหลักสุขาภิบาล 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำเรื่องที่พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่วมกันแล้ว เสนอ ครม. ต่อไป  พร้อมทั้งย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและสร้างความเข้าใจในกระบวนการและมาตรการสิ่งแวดล้อมร่วมกันให้มากขึ้น  ทั้งนี้ต้องไม่ละเลยในทุกเรื่องที่มีการร้องเรียน โดยต้องให้ข้อมูลและทำความเข้าใจ  ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นเป้าหมายหลักของการดำเนินการร่วมกัน

“ปัญหาน้ำมันรั่วไหล ขอขอบคุณกองทัพเรือ ที่เป็นหลักสนับสนุนการดำเนินการอย่างทันท่วงทีและต่อเนื่องที่ผ่านมา และขอให้ ทส.ประสานกับ มท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงสำรวจความเสียหายจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งชายฝั่งและใต้ทะเลให้ทั่วถึง โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง จัดตั้งคณะทำงานติดตามการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเร่งรัดให้บริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รับผิดให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นการเร่งด่วนให้ทั่วถึงโดยเร็ว”พล.อ.คงชีพ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top