Monday, 17 March 2025
POLITICS NEWS

‘ธรรมนัส’ แจงแล้ว!! หลังสื่อลือสะพัด ขอ ‘มท.1’ ให้ ‘ลุงป้อม’ แลกหนุน รบ.

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า ตามที่มีข่าวจากสำนักข่าวบางสำนัก เผยแพร่ข่าวว่าผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ได้มีการประชุมกันที่ภูเก็ตและได้มีมติว่า “ทางพรรคจะร่วมรัฐบาลโดยขอต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ”

จีนซ้อมปิดประเทศ !!! เพื่อลดพึ่งพาต่างชาติ หันมายืนบนขาตัวเอง

จีนซ้อมปิดประเทศ !!! เพื่อลดพึ่งพาต่างชาติ หันมายืนบนขาตัวเอง

วิกฤตโควิด-19 หยิบยื่นโอกาสให้จีนได้ “ซ้อมปิดประเทศ” จีนโนแคร์ 🇨🇳 จีนใช้นโยบาย Zero COVID ปิดบ้านมาร่วม 2 ปีแล้ว แต่เศรษฐกิจจีนก็ไม่พัง จีนทำได้อย่างไร

ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน ได้วิเคราะห์ในเฟซบุ๊ก ดังนี้
https://www.facebook.com/1037140385/posts/10224661185970534/?d=n

ผลจากวิกฤติโควิด-19 นานกว่า 2 ปี จีนอยู่กันเอง จีนผลิตเอง จีนกินเอง จีนเที่ยวกันเอง แต่เศรษฐกิจจีนก็ไม่พัง แล้วยังไปต่อได้อย่างมีเสถียรภาพ 
.
ปี 2021 เศรษฐกิจจีนโตกว่า 8% จีนทำได้อย่างไร ?  

ไม่ใช่บัญชาจากสวรรค์ ไม่ใช่เรื่องของเทวดาฟ้าดิน แต่มันคือ ผลของการวางแผนล่วงหน้า Well-planned การออกแบบ "นโยบายแก้ปัญหาได้ตรงจุด" และป้องกันปัญหา ก่อนจะลุกลาม กล้าตัดสินใจเฉียบขาด หลายเรื่องเจ็บแต่จบ รวมทั้งเน้นการขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ Strategic Delivery จีนขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่างๆ อย่างจริงจัง มีความเป็นเอกภาพของระบบ มีผลงานเป็นรูปธรรม (ไม่ใช่แค่ลูบหน้าปะจมูก โรยผักชีไปวันๆ) ใครบกพร่องในหน้าที่หรือใครทำผิด ต้องถูกลงโทษ  

ระบบแบบจีน การเมืองนำเศรษฐกิจได้อย่างลงตัวค่ะ

ที่สำคัญ โมเดลใหม่ของจีน Dual Circulation Model เศรษฐกิจวงจรคู่ คือ ส่วนหนึ่งของคำตอบค่ะ

จีนลดพึ่งพาโลกแต่โลกต้องพึ่งพาจีน 

จีนใช้นโยบาย Zero Covid เข้มงวดต่างชาติเดินทางเข้าจีน จีนยังไม่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติ จีนไม่สนใจผลกระทบ เพราะจีนมั่นใจกับตลาดภายในของตัวเอง จีนเน้น Internal Circulation #เศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ  

ผุด ‘รวมไทยสร้างชาติ’ พรรคสำรอง ‘บิ๊กตู่’ เกมวัดพลัง ‘พี่ใหญ่’ ที่ไม่ยอมวางมือ

วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วน วิเคราะห์เกมการเมือง หลัง ‘เสกสกล อัตถาวงศ์’ ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า...

ขี่ม้า 2 ตัว

หนามยอก หนามบ่ง

“บิ๊กป้อม” จับมือ “บิ๊กน้อย-ธรรมนัส” แตกไปตั้ง พรรคเศรษฐกิจไทย แต่ยังคุม พปชร. ต่อ

แล้ว ทำไม “บิ๊กตู่” จะแยกวง ไปมีพรรคสำรอง บ้างไม่ได้

ไม่ใช่แค่ “พรรครวมไทย สร้างชาติ”

แต่ยังมี “พรรค ไทยสร้างสรรค์”

ในเมื่อ “พี่ใหญ่” ไม่มีทีท่า จะถอย หรือ ถอดใจ เปิดทางให้ น้อง มาเป็นหัวหน้า แทน

ความเคลื่อนไหว ของ “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ไปซบ พรรค “รวมไทย สร้างชาติ” เพราะพรรคนี้ แรมโบ้ ก่อตั้งมาเองกับมือ ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ชื่อพรรค ที่เอานโยบายของบิ๊กตู่ “รวมไทย สร้างชาติ” ไปตั้งชื่อพรรค โดยที่ พลเอกประยุทธ์ ก็ไฟเขียว

รัฐบาล ชวนปชช.ไร้เอกสารสิทธิที่ดิน ร่วมโครงการ “บอกดิน 3” ใช้มือถือแจงตำแหน่ง 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนผู้ที่มีที่ดินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือมี ส.ค. 1 น.ส.3 น.ส.3 ก ต้องการให้ภาครัฐเข้าไปบริหารจัดการที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถแจ้งตำแหน่งที่ดินผ่านโทรศัพท์มือถือ ในโครงการบอกดิน 3 เปิดให้บริการประชาชนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2565 โดยประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลและตำแหน่งที่ตั้งที่ดินของตนเอง ผ่าน 3 ช่องทาง

1. สแกนเข้าระบบบน “บัตรบอกดิน” ได้ที่สำนักงานที่ดินทั้ง 461 แห่ง ทั่วประเทศ 2. เว็บไซต์ : Bokdin3.dol .go.th 3. Application “SMARTLANDS” เลือกหัวข้อ บอกดิน โดยผู้ที่ต้องการแจ้งข้อมูลตำแหน่งที่ดิน เดินทางไปยังแปลงที่ดินที่ต้องการแจ้งข้อมูลแล้วให้ยืนรอประมาณ 1 นาที จากนั้นเข้าระบบบอกดิน กดแจ้งตำแหน่งที่ดิน กรอกข้อมูลส่วนตัว หลังจากนั้น กรมที่ดินจะดำเนินการตรวจสอบในรายละเอียด รวบรวมข้อเท็จจริง หลักฐานต่าง ๆ และแจ้งกลับให้ผู้ครอบครองที่ดินทราบว่าจะมีวิธีดำเนินการอย่างไรต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โครงการบอกดิน 3 เป็นความร่วมมือของ กรมที่ดิน และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมในการกระจายการถือครองที่ดิน และช่วยลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อให้บริการประชาชน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 

“โฆษกรรัฐบาล” วอน “ม็อบรถบรรทุก" เข้าใจรัฐบาล แจง ถ้าไม่ตรึงราคาพลังงาน ทำดีเซล พุ่งสูง 34 บาทต่อลิตร ยัน "นายกฯ" เน้นดูแลปชช.ภาพใหญ่

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ประกาศจัดกิจกรรมรวมทัพรถใช้น้ำมันแพงวิ่งรถทั่วกรุงเทพ เพื่อแสดงพลังและจะขับไล่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ออกจากตำแหน่งในวันที่ 7-8 ก.พ.นี้ ว่า รัฐบาลเข้าใจทุกปัญหาและได้ตรึงราคาพลังงานไว้ ขอให้เข้าใจสถานการณ์ หากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ราคาน้ำมันส่วนใหญ่เกิน 30 บาทต่อลิตร หรือใกล้เคียง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพแต่ละประเภทอาจแตกต่างกัน

ยกเว้นประเทศมาเลเซีย ที่มีการผลิตน้ำมันในประเทศเกินความต้องการในประเทศ หากรัฐบาลไม่ตรึงราคาพลังงาน ราคาขายดีเซลที่แท้จริงจะสูงกว่านี้ อาจถึง 34 บาทต่อลิตร และหากทำตามที่เรียกร้องเดิมที่ 25 บาทต่อลิตร จะต้องใช้เงินสนับสนุนถึงเดือนละ 20,000 ล้านบาท ปีละ 240,000 ล้านบาท จำนวนเงินที่สูงเกินกว่าจะแบกรับไว้ได้

นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เน้นว่าต้องไม่บิดเบือนกลไกตลาดหรือสร้างภาระงบประมาณในอนาคต ให้ดูแลระดับราคาพลังงานให้เหมาะสมเพื่อดูแลประชาชนในภาพใหญ่ ลดผลกระทบต่อธุรกิจให้มากที่สุด ที่ผ่านมารัฐบาลและกระทรวงพลังงาน ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยเหลือประชาชน ด้วยการตรึงราคาค่าการตลาด และราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร

“บิ๊กตู่” สั่งการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติลงทะเบียน Thailand Pass  “ย้ำ” ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก พร้อมหารือแนวทางการจัด Travel Bubble เพิ่มเติม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าภายหลังมีการปรับนโยบาย เปิดรับนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้ระบบ Test & Go ได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อสร้างโอกาสให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก ซึ่งส่งผลให้ยอดการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass เพิ่มขึ้นภายในวันแรกรวมแล้วกว่า 35,046 ราย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังคาดการณ์ว่า ยอดรวมการลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงกว่า 6 หมื่นราย โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย

สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่สามารถแบ่งแยกตามกลุ่มประเทศได้เป็น กลุ่มประเทศยุโรป 73.9% กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก 10.3% และกลุ่มประเทศอื่น ๆ 15.8% (สถิติข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 1-30 มกราคม 2565) สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นโดยรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนช่วยให้การดำเนินการตามนโยบายนี้เกิดขึ้น และเห็นผลสำเร็จเพราะมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี ขอให้เข้มงวด เคร่งครัด ไม่ประมาทจนอาจส่งผลถึงมาตรการควบคุมทางสาธารณสุข รวมทั้ง ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขโดยพร้อมเพรียง ทั้งการยึดหลัก D-M-H-T-T D (เว้นระยะห่าง, สวมหน้ากากอนามัย, ล้างมือบ่อยๆ , ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง) ตามมาตรการ Universal Prevention หรือ การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด รวมถึงมีการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยประจำปี 2565 “Visit Thailand Year 2022” ด้วยแนวคิด “Amazing Thailand, Amazing New Chapters” ที่จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สอดรับกับแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการพลิกโฉมประเทศไทยในทุกมิติภายหลังการเริ่มต้นเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว ผ่านเรื่องราวใหม่ๆ ที่มหัศจรรย์กว่าเดิม และมากกว่าที่เคยสัมผัส

รวมทั้ง จากการวางแผนกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล จะเตรียมการหารือเพื่อจัด Travel Bubble กับประเทศที่มีศักยภาพใช้เป็นกลยุทธ์ทางการท่องเที่ยวควบคู่กับการเดินทางท่องเที่ยวโดยทั่วไป ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานและหารือร่วมกับประเทศต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวร่วมกัน โดยล่าสุดจะมีการพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน รวมไปถึงการพิจารณาร่วมกับทางการมาเลเซีย ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นเดียวกัน

รัฐบาลเตรียมจับคู่ประเทศเดินทางนำร่อง 2 ประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมการหารือเพื่อจัด Travel Bubble หรือการจับคู่ประเทศเดินทาง กับประเทศที่มีศักยภาพใช้เป็นกลยุทธ์ทางการท่องเที่ยวควบคู่กับการเดินทางท่องเที่ยวโดยทั่วไป ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานและหารือร่วมกับประเทศต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวร่วมกัน

โดยล่าสุดจะมีการพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน รวมไปถึงการพิจารณาร่วมกับทางการมาเลเซีย ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นเดียวกัน

สำหรับแนวทางการจัด Travel Bubble เป็นการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวตามพื้นที่ที่กำหนด เน้นการควบคุมและจัดการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้อยู่ในมาตรการทางสาธารณสุข ซึ่งผู้ที่เดินทางภายใต้ Travel Bubble สามารถเดินทางภายใน Bubble ดังกล่าวได้โดยไม่ต้องถูกกักตัว ซึ่งจะทำเป็นข้อตกลงร่วมกันในลักษณะทวิภาคี (Bilateral Agreement) เพื่อกำหนดจำนวนคนที่จะอนุญาตให้เดินทางแลกเปลี่ยนกัน รวมทั้งการจัดการพิเศษ (Special Protocols) ได้แก่ การขอวีซ่า การโดยสารเครื่องบิน ที่พัก การเยี่ยมเยือน การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และผู้รับประกัน 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าภายหลังมีการปรับนโยบาย เปิดรับนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้ระบบ Test & Go ได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อสร้างโอกาสให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก ซึ่งส่งผลให้ยอดการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass เพิ่มขึ้นภายในวันแรกรวมแล้วกว่า 35,046 ราย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินว่า ยอดรวมการลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงกว่า 6 หมื่นราย 

"แรมโบ้" ตะเพิด "เพื่อไทย" ถ้าไม่อยากทำงานในสภา ให้ลาออกไป อยู่ก็เปลืองภาษีประชาชน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีสภาล่มซ้ำ พรรคเพื่อไทยเรียกร้องรัฐบาลรับผิดชอบ ว่า เมื่อตรวจสอบลึกลงไปพบว่าการที่สภาล่มแกนนำฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย มีส.ส.แสดงตนเพียงแค่ 2 คน คือ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. แต่ไม่แสดงตน 129 คน ซึ่งที่น่าสังเกตคือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาก็ไม่แสดงตนด้วยเช่นกัน 

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ชี้แจง กรณีถูกตั้งคำถามเรื่องพรรคเพื่อไทยไม่แสดงตนร่วมเป็นองค์ประชุม ทำให้สภาล่มว่า เรื่อง สภาล่ม สองครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น หลายคนสับสนว่าเหตุใด เพื่อไทย จึงไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม แตกต่างจากก้าวไกลที่อยู่เป็นองค์ประชุม นายจุลพันธ์ ให้ข้อมูลว่าเหตุผลง่ายๆ คือเป้าหมายหลักของพรรคเพื่อไทย คือการยุติการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ และการที่สภาล่ม เป็นสัญญานชี้ว่ารัฐบาลไม่อาจคุมเสียงข้างมากในสภาได้ จะเป็นตัวเร่งให้ยุบสภาเร็วขึ้น ยืนยันพรรคเพื่อไทยอยากเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชน

นายเสกสกล กล่าวว่า พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาชนได้เห็นแล้วว่าส.ส.เพื่อไทย ไม่ได้ต้องการทำหน้าที่ผ่านกฎหมายสำคัญ ให้กับประชาชน  มุ่งหวังเล่นการเมืองเพื่อล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ไม่ได้สนใจ ว่าประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน จากกฎหมายสำคัญ ต่าง ๆ จะล่าช้าออกไปอย่างไร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ใยดี ต่อความต้องการเหล่านั้นของประชาชน  ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต้องการอย่างเดียว คือสนใจ เรื่องการเลือกตั้งใหม่ เพื่อต้องการกลับมาเป็นรัฐบาล และต้องการพานายใหญ่ นายหญิงกลับประเทศ นั่นคือเป้าหมายของบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย 

โฆษกรัฐบาลเผย 'นายกฯ' สั่งการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลงทะเบียน Thailand Pass  ย้ำไม่ประมาท การ์ดอย่าตก พร้อมหารือแนวทางการจัด Travel Bubble เพิ่มเติม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าภายหลังมีการปรับนโยบาย เปิดรับนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้ระบบ Test & Go ได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อสร้างโอกาสให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก ซึ่งส่งผลให้ยอดการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass เพิ่มขึ้นภายในวันแรกรวมแล้วกว่า 35,046 ราย

ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังคาดการณ์ว่า ยอดรวมการลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงกว่า 6 หมื่นราย โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่สามารถแบ่งแยกตามกลุ่มประเทศได้เป็น กลุ่มประเทศยุโรป 73.9% กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก 10.3% และกลุ่มประเทศอื่น ๆ 15.8% (สถิติข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 1-30 มกราคม 2565) สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นโดยรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนช่วยให้การดำเนินการตามนโยบายนี้เกิดขึ้น และเห็นผลสำเร็จเพราะมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก อย่างไรก็ดี ขอให้เข้มงวด เคร่งครัด ไม่ประมาทจนอาจส่งผลถึงมาตรการควบคุมทางสาธารณสุข รวมทั้ง ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขโดยพร้อมเพรียง ทั้งการยึดหลัก D-M-H-T-T D (เว้นระยะห่าง, สวมหน้ากากอนามัย, ล้างมือบ่อยๆ , ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง) ตามมาตรการ Universal Prevention หรือ การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด รวมถึงมีการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยประจำปี 2565 “Visit Thailand Year 2022” ด้วยแนวคิด “Amazing Thailand, Amazing New Chapters” ที่จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สอดรับกับแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการพลิกโฉมประเทศไทยในทุกมิติภายหลังการเริ่มต้นเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว ผ่านเรื่องราวใหม่ๆ ที่มหัศจรรย์กว่าเดิม และมากกว่าที่เคยสัมผัส 

รวมทั้ง จากการวางแผนกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล จะเตรียมการหารือเพื่อจัด Travel Bubble กับประเทศที่มีศักยภาพใช้เป็นกลยุทธ์ทางการท่องเที่ยวควบคู่กับการเดินทางท่องเที่ยวโดยทั่วไป ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานและหารือร่วมกับประเทศต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวร่วมกัน โดยล่าสุดจะมีการพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน รวมไปถึงการพิจารณาร่วมกับทางการมาเลเซีย ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นเดียวกัน

“แรมโบ้” แนะ ปชช. จำชื่อส.ส.ทำสภาล่ม คราวหน้าอย่าเลือก เปลืองงบฯ เปลืองภาษี ไล่เอาปี๊บคลุมหัว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับกรุงเทพโพลที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “คนไทยกับโครงการคนละครึ่งเฟส 4” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.4 จะเข้าร่วม โครงการคนละครึ่งเฟส 4 และอยากให้มีโครงการ คนละครึ่งต่อไป ร้อยละ 69.3 อยากให้มีต่อไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะหายไป 

นายเสกสกล กล่าวว่าโครงการส่วนใหญ่ของรัฐบาล เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนที่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างแท้จริงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19  ดังนั้นจึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศอยากให้มีโครงการออกมาและอยากเข้าร่วมโครงการของทางภาครัฐ ตนเองยังได้รับคำชื่นชมจากพ่อค้าแม่ค้า ว่าอยากให้รัฐบาลทำโครงการคนละครึ่งอย่างต่อเนื่อง เพราะทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของคึกคัก แม้ว่าราคาสินค้าบางรายการจะมีราคาที่แพงขึ้น แต่สามารถนำโครงการคนละครึ่งไปซื้อได้

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวนายกฯและรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าแพง และจะหามาตรการใหม่ๆ ออกมาให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่านายกฯไม่ทอดทิ้งประชาชนในเวลาที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน นายกฯมีความจริงใจตั้งใจทำงาน ช่วยเหลือเยียวยาคนทุกกลุ่ม จนเป็นที่พอใจของพี่น้องประชาชน 

นายเสกสกล กล่าวว่า จะมีก็เพียงพรรคฝ่ายค้านที่นายกฯทำอะไรก็จะออกมาด่าทอใส่ร้ายโจมตี ไม่เคยชื่นชมในสิ่งที่นายกฯทำดี เล่นการเมืองมากจนเกินไปโดยไม่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง เพียงเพื่อล้มนายกฯ ล้มรัฐบาล หวังกลับมามีอำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง นักการเมืองประเภทนี้สุดท้ายประชาชนจะพิพากษาลงโทษเอง ยังเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าไม่มีความคิดสร้างสรรค์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top