Friday, 4 July 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กตู่’ นำนายกฯ มาเลเซียตรวจแถวทหาร ก่อนหารือ ย้ำความร่วมมือฟื้นฟู ศก.-สังคม หลังโควิด

‘บิ๊กตู่’ นำนายกฯ มาเลเซียตรวจแถวทหารกองเกียรติยศผสม ก่อนหารืออย่างเป็นทางการ ย้ำความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์โควิด-19

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มีพิธีต้อนรับ ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ (The Honourable Dato’ Sri Ismail Sabri bin Yaakob) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีให้การต้อนรับ โดย พล.อ.ประยุทธ์นำตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม

จากนั้น ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ ได้ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ก่อนจะเป็นการหารือข้อราชการระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล

หลังเสร็จการแถลงข่าวร่วมของผู้นำทั้งสองประเทศ นายกรัฐมนตรี ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ เยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรม ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ก่อนที่เวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งนี้ของดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ ถือเป็นการเยือนไทยครั้งแรก และยังเป็นผู้นำรัฐบาลต่างประเทศคนแรกที่เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 อีกด้วย

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดให้กระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เป็นโอกาสแลกเปลี่ยนการเยือนระดับผู้นำซึ่งจะเป็นโอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้ทำความรู้จักผู้นำใหม่ของมาเลเซียอย่างเป็นทางการ และเป็นการกระชับความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการในภูมิภาค ผลักดันความร่วมมือด้านต่างๆ ในอนาคต ความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การส่งเสริมความเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนความร่วมมือในกรอบอาเซียนและกรอบพหุภาคีอื่นๆ

เปิดยอดรับบริจาค 33 พรรคการเมืองปี 64 ภูมิใจไทย นำโด่งรับทรัพย์ 45.9 ล้าน ทิ้งห่าง ปชป.ได้ 35.5 ล้าน ก้าวไกล 31.8 ล้าน ขณะที่ พปชร. ครองแชมป์รับเป็นประโยชน์อื่นใดจากบริษัทเอกชน 9.3 ล้าน 

เว็บไซต์สำนักงาน กกต. ได้เผยแพร่ข้อมูลการบริจาคแก่พรรคการเมืองล่าสุดประจำเดือนธันวาคม 2564 พบว่าพรรคที่ได้รับบริจาคสูงสุดในเดือนนี้ คือ พรรคพลังประชารัฐ โดยได้รับบริจาคเป็นประโยชน์อื่นใดจาก บจก.ไทยฮอสพิทาลิตี้แมเนจเม้นท์ จำนวน 9,344,913 บาท ตามมาด้วย พรรคประชาธิปัตย์ 7,568,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นจากสมาชิกโดยในจำนวนนี้มี นายธนพล เจิมประไพ น.ส.ชนนิตย์ วัฒนาดิลกกุล บริจาครายละ 3 ล้านบาท และบริษัท สระหลวงก่อสร้าง 1 ล้านบาท พรรคก้าวไกล 5,639,058 บาท โดยแยกเป็นเงิน 3,771,058 บาท ผู้บริจาคมากสุด คือ นายอนันต์ ชัยสุริยเทพกุล และเป็นประโยชน์อื่นใดจากบริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด 1,868,000 บาท พรรคภูมิใจไทย 2,010,000 บาท พรรคชาติพัฒนา 2,000,000 จาก นายสุรทิน วิลาศชัยยันต์ พรรคไทยภักดี 1,500,000 บาท

พรรคชาติไทยพัฒนา 1,035,000 บาท พรรคเป็นธรรม 827,200 บาท พรรคเส้นทางใหม่ 500,000 บาท พรรคเศรษฐกิจไทย 424,000 บาท พรรคกล้า 250,000 บาท พรรคเสรีรวมไทย และพรรคประชาชาติ พรรคละ 180,000 บาท พรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งรับบริจาคเป็นประโยชน์อื่นใดจาก นายบุญปลูก เอนสาร 180,000 บาท พรรคประชาภิวัฒน์ 100,000 บาท พรรครวมพลังประชาชาติไทย 50,000 บาท พรรคภราดรภาพ พรรคทางเลือกใหม่ พรรคพลังสหกรณ์ พรรคละ 30,000 บาท พรรคพลังปวงชนไทย 30,010 บาท และพรรครักษ์ธรรม 21,000 บาท

'เพื่อไทย' ทวง 'นายกฯ' ตอบปมพลังงานหลังจบอภิปราย พร้อมจี้คืนเงินกว่า 2 หมื่นล. คืนกองทุนอนุรักษ์พลังงาน

เลิศศักดิ์ ส.ส. เพื่อไทย ทวงนายกฯ ตอบคำถามเรื่องพลังงาน จี้ คืนเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 20,087.42 ล้านบาท แนะ รับมือกับปัญหาพลังงานล่วงหน้า

เมื่อวันที่ 25 กพ. 65 นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเลย กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.152 โดยที่ตนได้อภิปรายสอบถามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องพลังงาน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงอยากขอให้พลเอกประยุทธ์ได้ชี้แจงเรื่องพลังงานให้ครบถ้วนจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และได้ทะลุ 100$ ต่อบาร์เรล หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนตามที่ได้เตือนแล้ว พลเอกประยุทธ์ได้คิดหรือยังว่าจะช่วยประชาชนอย่างไร เพราะราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นไปอีก และราคาสูงอีกนาน ดังนั้น การลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพียง 3 บาทแค่ 3 เดือน ไม่น่าจะรับมือไหว เป็นการดำเนินการที่น้อยเกินไปและช้าเกินไป อีกทั้งเวลายังสั้นเกินไป ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้ว

นอกจากนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจได้พยายามทวงเงิน 20,087.42 ล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ถูกโอนไปเป็นรายได้รัฐบาล แต่ไม่เคยได้รับคำชี้แจง และตนก็อภิปรายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.152 ที่ผ่านมาในสภา ดังนั้นถ้าพลเอกประยุทธ์บอกว่าตอบได้ทุกเรื่องก็ให้ตอบเรื่องนี้ด้วย และตอบด้วยว่าจะนำมาคืนประชาชนเมื่อไหร่ เพราะกองทุนเป็นเงินที่เก็บจากประชาชนผู้เติมน้ำมันไป

'โรม’ รุกต่อ!! สอบปมค้ามนุษย์​ ผ่าน​กมธ.กฎหมาย คาดวีกหน้าเรียก 3 ป. แจงข้อเท็จจริง​ เหตุ ‘ปวีณ ลี้ภัย’

25 ก.พ. 65​ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงต่อสื่อมวลชนว่า จากกรณีที่ได้อภิปรายในประเด็นการค้ามนุษย์และการลี้ภัยของพลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ วันนี้จะนำเรื่องดังกล่าวขอมติต่อคณะกรรมาธิการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมติกรรมาธิการเห็นด้วย จะเสนอต่อที่ประชุมให้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ โดยพุ่งประเด็นไปที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี,​ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี,​ พลตำรวจเอก สุวัจน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่าเรื่องนี้พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญมากจริงๆ และจะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้ วันเดียวกัน กมธ.กฎหมายฯ ยังได้รับหนังสือร้องเรียนจาก นายธนารัตน์ น้ำคำ ตัวแทนประชาชนที่มาเรียกร้องต่อคณะกรรมาธิการ ขอให้ตรวจสอบมาตรฐานโรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่งใน จ.อุทัยธานี ที่เกิดกรณีคนงานพลัดตกลงไปในเครื่องบีบน้ำตาลจนเสียชีวิตแต่ยังคงดำเนินการผลิตต่อไปโดยไม่มีการยับยั้งชั่วคราวใดๆ จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 

ป.ป.ช.เปิดเซฟ “บิ๊กบี้” มีทรัพย์สิน 167 ล้าน สะสมปืน 3 กระบอก “พล.ต.หญิง พิมพ์พิศา” ภรรยา ครองที่ดิน 91 ล้าน ด้าน “ปลัดกลาโหม” มี 44 ล้าน มีบ้านหลังเดียวอยู่ที่ปากช่อง มูลค่า 3.5 ล้านในชื่อ “พ.ต.อ.หญิงอังศุวรรณ” คู่สมรส

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ณรงค์ศักดิ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก กรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.64 โดย พล.อ.ณรงค์ศักดิ์ แจ้งว่า ตนเอง และ พล.ต.หญิง พิมพ์พิศา จิตต์แก้ว คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 167,623,994 บาท ไม่มีหนี้สิน

ทั้งนี้ เป็นทรัพย์สินของผู้ยื่น 19,112,534 บาท ของคู่สมรส 148,511,บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 19,922,119 บาท เป็นเงินลงทุนของ พล.อ.ณรงค์ศักดิ์ 300,000 บาท ที่ดินในชื่อของคู่สมรส 91,386,500 บาท ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อ.เมือง จ.ลพบุรี อ.หนองโดน จ.สระบุรี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เขตราชเทวี เขตดินแดง กทม. โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 45,262,447 บาท ยานพาหนะของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 4,500,000 บาท สิทธิและสัมปทานของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 2,604,034 บาท 

ขณะที่ทรัพย์สินอื่นของทั้งคู่ แจ้งไว้ 18 รายการ มูลค่ารวมกัน 3,648,892 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจ อาทิ ปืนพกลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ แม็กกะซีน 1 กระบอก ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ แม็กกะซีน 1 กระบอก แหวนทองคำ 5 วง พระเลี่ยมทอง 9 องค์ สร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง 4 ชุด สร้อยข้อมือ 10 เส้น สร้อยเพชร แหวนเพชร สร้อยข้อมือ 3 เส้น 7 วง แหวนทอง ต่างหูทอง ยศทองคำ 12 วง 3 คู่

นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.64 โดย พล.อ.วรเกียรติ แจ้งว่า ตนเอง และ พ.ต.อ.หญิง อังศุวรรณ รัตนานนท์ คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 44,591,412 บาท มีหนี้สิน 303,947 บาท ซึ่งเป็นเงินเบิกเกินบัญชีของทั้งคู่รวมกัน ทั้งนี้ เป็นทรัพย์สินของ พล.อ.วรเกียรติ 16,514,082 บาท ของ พ.ต.อ.หญิงอังศุวรรณ 28,077,329 บาท 

"วิษณุ" ระบุ กมธ.แปรญัตติวิธีคำนวณ ส.ส.อย่างไรก็ได้ ขออย่าขัดรธน.-ยึดหลักบัตร 2 ใบ มั่นใจกฎหมายลูกเลือกตั้ง "ผ่าน"

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 4 ฉบับ หากจะแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการวิสามัญให้วิธีนับคะแนนกลับมาเหมือนแบบจัดสรรปันส่วนผสม(MMP) ได้หรือไม่ ว่า ได้ทั้งนั้น อย่าให้ขัดกับหลักการรัฐธรรมนูญ เพราะหลักการของบางร่างที่รับไปเปิดกว้าง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแก้การคำนวณแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่คล้ายกับคำนวณบัตรเลือกตั้งใบเดียว ก็ไม่จำเป็นที่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ กลับมาใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องยืนบนพื้นฐานบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะแก้หัวหกก้นขวิดอย่างไร ต้องอย่าลืมว่ายังมีด่านที่ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เห็นชอบด้วย ถ้ากกต.ไม่เห็นชอบ เขาก็ส่งคืนกลับให้แก้ใหม่ เมื่อถามย้ำว่ากรรมาธิการวิสามัญ ไม่สามารถเขียนอะไรเกินกรอบมากไปได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า ใช่ 

เมื่อถามว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งผ่านวาระแรกทั้ง 4 ฉบับ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 6 ฉบับ ดูทิศทางจะผ่านสภาฯเช่นกัน ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ผ่านหมดหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ต้องมีบางฉบับผ่านเข้าไป เพื่อให้กรรมาธิการวิสามัญ พิจารณา อย่างน้อยฉบับของรัฐบาล คงผ่าน 

“โฆษกรัฐบาล” ย้ำ ป้องกันครอบจักรวาล สกัดโอมิครอน แจง ผู้ป่วยโควิด-19 รักษาฟรีทุกที่

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลทางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอมิครอน ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ประชาชนสามารถป้องกันได้ ด้วยการปฏิบัติตนตามหลักครอบจักรวาล อย่างเคร่งครัด และเข้ารับการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ รวมทั้งเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะประชาชนกลุ่ม 608  และเด็กเล็ก 

นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้โควิด-19 ยังเป็นโรคฉุกเฉินและยังสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ สถานพยาบาลเอกชนไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้  ส่วนการรักษาทั้งที่บ้าน ชุมชน โรงแรม โรงพยาบาล ระบบจะเข้าไปดูแล  โดยประชาชนทุกคนมีสิทธิเข้าถึงบริการสาธารณสุขโดยต้องไม่คิดค่าใช้จ่าย ถือเป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคน ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 59 ในกรณีที่ผู้รับบริการผู้ใดไม่ได้รับความสะดวกตามสมควรหรือตามสิทธิที่จะได้รับบริการสาธารณสุขที่กําหนดตาม พ.ร.บ. นี้ จากหน่วยบริการ หรือหน่วยบริการเรียกเก็บค่าบริการจากประชาชนโดยไม่มีสิทธิ   สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  สายด่วน 1330 กด 12 

‘นายกฯ’สั่ง ‘ทหาร-ตำรวจ’ ดำรงความต่อเนื่องสนับสนุน ศบค.-ศปม. แก้ปัญหาโควิด-19 เตรียมพร้อมโรงบาลสนาม คุมเข้มช่องทางธรรมชาติแนวชายเเดน พร้อมสั่ง ‘กลาโหม-เหล่าทัพ’ ติดตามสถานการณ์สู้รบยูเครน-รัสเซียใกล้ชิด

ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ (สตช.)ดํารงความต่อเนื่อง สนับสนุนการดําเนินการของ ศบค. และ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหา สถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19

อีกทั้งให้กองกําลังป้องกันชายแดน ยังคงมาตรการความเข้มข้นในการลาดตระเวน เฝ้าตรวจ และคัดกรองการผ่านเข้า-ออก ของประชาชนในพื้นท่ี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามช่องทางธรรมชาติ 

พ.อ.วันชนะ กล่าวต่อส่า สําหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้น ให้ทุกหน่วยจัดเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลในสังกัด โรงพยาบาลสนาม และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อรองรับ สถานการณ์กรณีที่มีจํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการส่งต่อและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าสู่ระบบต่างๆ ตามที่ได้รับการประสานหรือร้องขอ

อีกทั้งให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น เน้นย้ำให้กําลังพลและครอบครัว ปฏิบัติตามแนวทางในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิดของกระทรวงกลาโหมที่มีอยู่ รวมถึงที่ได้มีการอนุมัติเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว  

‘อนุทิน’ ดันต่อรักษาโควิดตามสิทธิ หวังสร้างระบบการรักษาที่ชัดเจน

‘อนุทิน’ ดันต่อประกาศรักษาโควิดตามสิทธิ หวังสร้างความชัดเจนระบบรักษา เพิ่มเตียงผู้ป่วยอาการหนัก ยัน ไม่ขัด ครม. พร้อมทำความเข้าใจปชช.

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอ สธ. ทำความเข้าใจประชาชน กรณีออกประกาศให้ผู้ป่วยโควิด-19 รักษาตามสิทธินั้น ประกาศดังกล่าว เป็นอำนาจของ สธ. ที่ต้องนำเข้า ครม. เพราะของบประมาณไว้ดูแลผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลือง และเกณฑ์สีแดง แต่ในเมื่อมีการทักขึ้นมาว่าหากประกาศไปแล้ว จะทำให้สังคมวิตกกังวล และขอให้ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงเหตุและผลของการออกประกาศ เราก็พร้อมปฏิบัติตาม 

ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวนั้น คือ การทำให้เรื่องของการรักษาผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียว เหลือง แดง มีความชัดเจนขึ้น สำหรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียว ต้องรักษาในระบบกักตัวที่บ้าน หรือในชุมชน ขึ้นอยู่กับความสะดวก ผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลือง เกณฑ์สีแดง ถึงจะได้เข้ารักษาในสถานพยาบาล ต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของโรคก่อนว่า ปัจจุบัน ผู้ป่วย 80% ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อยมาก หากเราให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ เข้าถึงเตียงได้หมด แล้วต่อมามีผู้ป่วยอาการหนักเข้ามา จะทำอย่างไร

'พิธา' โพสต์ตัดพ้อ!! "ไทยไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้อีกแล้ว" หลัง 'อานนท์-เพนกวิน' อดประกันตัว แม้ระดมเงินได้ร่วมสิบล้าน

24 ก.พ. 65 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า "ประชาชนได้แสดงเจตจำนง ด้วยการระดมทุนเงินประกันกว่าสิบล้านในเวลาไม่นาน แต่ศาลอาญากรุงเทพใต้กลับไม่ยอมคืนสิทธิการประกันตัวให้เพนกวินและอานนท์

เป็นอีกครั้งที่ผมไม่สามารถเข้าใจเหตุผลทางกฎหมายของศาลได้

ถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นแบบนี้ ประเทศของเราคงไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ครับ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top