Tuesday, 22 April 2025
POLITICS NEWS

"โฆษกรัฐบาล" ยัน ผู้ป่วยโควิด-19 ยังรักษาฟรีตามสิทธิ “ข้าราชการ-ประกันสังคม-บัตรทอง” ย้ำ ไม่หมดสิทธิรักษาฟรี ประชาชนอย่าได้กังวล ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทย  เผย “บิ๊กตู่” กำชับต้องดูแลสุขภาพประชาชนไทยทุกกลุ่ม 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจง กรณีที่มีกระแสข่าวอ้างการถอดการรักษาโควิด-19 ออกจาก UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) หรือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า หากติดโควิด-19 แล้วต้องจ่ายค่ารักษาเองนั้น โดย กระทรวงสาธารณสุขมีแผนปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาเป็นการรักษาตามสิทธิการรักษาพยาบาลของแต่ละคนนั้น ขอยืนยันว่า ประชาชนยังได้รับการรักษาเหมือนเดิมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังสามารถไปรับบริการในโรงพยาบาลเอกชนได้ หากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ขอประชาชนอย่ากังวลเรื่องการรักษา ย้ำ การถอนโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤติ ไม่ได้หมายความว่า “หมดสิทธิรักษาฟรี” 

นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งผู้ป่วย 80-90% แทบไม่มีอาการ สามารถรักษาตัวที่บ้านในระบบ Home Isolation ได้ ไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน จึงไม่มีเหตุที่ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หากมีการประกาศให้โรคนี้ไม่เป็นภาวะฉุกเฉิน ผู้ป่วยก็สามารถไปรับการรักษาพยาบาลได้ตามระบบปกติตามสิทธิของตนที่มีอยู่ เช่น หากใช้สิทธิบัตรทอง จะมีหน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากเข้าระบบการดูแลแบบ Home Isolation สปสช. ก็ยังดูแลค่าใช้จ่ายให้เหมือนเดิม แต่หากมีอาการฉุกเฉิน ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการที่ใกล้บ้านที่สุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนไทยได้รับการคุ้มครองสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐบาล 3 ระบบใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ 1) สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ 2) สิทธิประกันสังคม และ 3 สิทธิหลักประกันสุขภาพ หรือบัตรทอง 

เลขาฯ อนุทิน สวนเดือด ‘ธีรรัตน์’ จอมบิดเบือน ตั้งตนเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ยังทำตัวน้ำเน่า

เลขาฯ อนุทิน สวนเดือด ‘ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์’ จอมบิดเบือน ปมกราฟิกยกเลิกสิทธิ์รักษาฟรี ผู้ป่วยโควิด-19 ซัด ตั้งตัวเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ยังทำงานแบบน้ำเน่า 

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพบนเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ระบุว่าอย่าด่วนปลดโควิด-19 จากสิทธิ์รักษาฟรี คนไทยยังลำบาก ผู้ติดเชื้อรายวันยังสูง โดยปรากฏหน้าของ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาพว่า การทำกราฟิกออกมาเช่นนี้คือการบิดเบือนข่าวสารอย่างน่ารังเกียจที่สุด ในความเป็นจริง สิ่งที่ภาครัฐจะปฏิบัติ คือการเอาโควิด-19 ออกจากบริการ UCEP (ยูเซ็ป) หรือการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ แล้วให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์การรักษาที่มีแทน ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม สิทธิ์ข้าราชการ ซึ่งแปลว่ารัฐยังดูแลท่านอยู่ แต่ข้อความที่ น.ส.ธีรรัตน์นำเสนอออกมานั้น ทำให้คิดไปได้ว่ารัฐเทประชาชนแล้ว รัฐทิ้งประชาชนแล้ว จะรักษาโควิด-19 ต้องจ่ายเพิ่ม ไม่ฟรี ทั้งที่ความจริง นี่คือการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ระบาด ไปจนถึงการรักษาสถานภาพทางการเงิน และที่สำคัญประชาชนไม่ต้องไปจ่ายอะไรเพิ่มเลย

“พรรคกล้า” ทำบุญครบ 2 ปี “กรณ์” ย้ำเดินหน้าการเมืองคุณภาพ ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว ลั่นไม่ได้เป็นพรรคสำรองของใคร พร้อมเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ที่ทำการพรรคกล้า ถ.รัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม จตุจักร กทม. พรรคกล้า จัดงานทำบุญครบรอบ 2 ปี วันก่อตั้งพรรค โดยทำบุญทำพิธีศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ โดยมีผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรค ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จากภาคต่างๆ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ก. และผู้สนับสนุนพรรค มาร่วมงานจำนวนมาก

โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันดี เป็นวันแห่งความรัก เป็นวันครบรอบวันจดทะเบียนชื่อพรรค เป็นวันเริ่มต้นเส้นทางทำงานการเมืองคุณภาพ เวลาผ่านไป 2 ปี พรรคกล้ามีโอกาสช่วยเหลือประชาชน ทำภารกิจสำคัญให้กับบ้านเมืองมากมาย ทั้งที่ยังไม่มีใครมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ได้พิสูจน์ตัวเองในสนามการเมืองมาหลายสนาม จึงมีความพร้อม ความมุ่งมั่นตั้งใจ และใกล้เวลามากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะมีโอกาสได้เสนอแนวความคิดและตัวบุคลากรคุณภาพ ให้ประชาชนมีโอกาสได้เลือก ในสนามเลือกตั้งใหญ่ที่คิดว่าจะมาถึงในอีกไม่ช้า

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า พรรคกล้ายึดหลักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องเข้มแข็ง โดยเฉพาะความเป็นชาติคือสังคมต้องเข้มแข็ง ความขัดแย้งทั้งหมดที่ผ่านมา ต้องก้าวข้ามให้ได้ เศรษฐกิจต้องเข้มแข็ง ซึ่งวันนี้ประชาชนสัมผัสได้ถึงความเดือดร้อนเรื่องปากท้อง และหลักการที่พรรคฯ ยึดถือมาตลอดคือหลักเสรีนิยมประชาธิปไตย ยอมรับในความเป็นอิสระส่วนบุคคล ที่จะคิดจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่มีผลกระทบในแง่ลบต่อสังคม ยอมรับความแตกต่างความหลากหลาย ยึดหลักเสียงข้างมากแต่ต้องให้เกียรติเสียงข้างน้อย

แต่ในช่วงที่ผ่านมาเรื่องนี้ขาดหายไปจากการเมืองไทย และทำให้เราติดกับดักความขัดแย้ง ทำให้ประเทศชาติไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ส่วนหลักการปฏิบัติ เรามุ่งมั่นลงมือทำ ด้วยหลักปฏิบัตินิยม อยู่บนโลกความเป็นจริง เอาผลลัพธ์เป็นที่ตั้ง โดยเป้าหมายหลักคือเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ ส่วนเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน คือการให้ความสำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ตอบโจทย์ปัญหาความท้าทาย ทั้งหมดนี้คือแนวความคิดความตั้งใจของพรรคฯและนโยบายทั้งหมดที่จะนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน

ส่วนการส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายกรณ์ กล่าวว่า เป้าหมายพรรคฯตอนนี้อยู่ที่สนามเลือกตั้งใหญ่เป็นหลัก เพราะรัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อใด ดังนั้นในวันที่รัฐบาลมีความชัดเจน พรรคกล้าก็จะมีความชัดเจน ซึ่งตนพูดเรื่องนี้มาโดยตลอดว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หรือเลือกตั้งใหญ่ก่อน แต่พรรคกล้าก็มีการเตรียมชุดความคิดในแง่นโยบายว่าอยากจะทำงานให้คนกรุงเทพฯ การพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ทำมาหากินโดยสะดวก มั่นใจว่าเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญมากในการเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองในฝันของพวกเราทุกคน

สำหรับการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งสนามใหญ่นั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้มีปัญหาความเดือดร้อนที่ประชาชนรอคอยการแก้ไข แต่ดูเหมือนรัฐบาลขาดสมาธิ ขาดความคิดใหม่ๆ ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน สถานการณ์รอบตัวลักษณะนี้ อดคิดไม่ได้ว่าการเลือกตั้งอาจจะเร็วกว่าที่คิดก็ได้ ซึ่งเราก็ต้องเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเดือนนี้หรือเดือนหน้า ก่อนหรือหลังเดือนพฤษภาคม ปีนี้หรือต้นปีหน้าก็ตาม มีเวลาเหลืออีกไม่มาก ซึ่งผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา สะท้อนว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง และบ่งบอกว่าพรรคกล้ามาถูกทางแล้ว ที่นำเสนอทางเลือกใหม่และว่าที่ผู้สมัครคนใหม่ ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดคือสิ่งที่สังคมต้องการ

นายกรณ์  กล่าวถึงการวางเป้าหมายส่งผู้สมัครส.ส.ว่า ด้วยกติกาการเลือกตั้งและความเป็นพรรคการเมืองใหม่ การส่งผู้สมัครส.ส.ลงทุกเขตคงเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นก็จะเลือกเขตที่มองว่ามีโอกาส มีผู้สมัครที่พร้อม และเป็นผู้สมัครที่มีชุดความคิดตรงกับอุดมการณ์ของพรรคชัดเจน ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อย โดยเราไม่ดันทุรังส่งผู้สมัครที่ไม่พร้อม แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ประเมินถึงจำนวนว่าจะส่งผู้สมัครส.ส.เท่าไหร่ แต่เชื่อว่าพรรคกล้าจะเข้าไปเป็นส่วนสำคัญ ในสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลรอบหน้า ขอย้ำว่าพรรคมีความตั้งใจเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ได้ตั้งพรรคมาเพื่อเป็นพรรคสำรองของใคร และจะเสนอหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

“อนุทิน” หยอดคำหวาน “หนู”ช่วยอยู่แล้ว ยัน ไม่ถอนตัวรัฐบาล ลั่น มาด้วยกันไปด้วยกัน กั๊ก ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียวกระทบซักฟอก แย้ม ขอดูรายละเอียดก่อน

การเมือง/ทำเนียบ/14 ก.พที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า “หนูช่วยหน่อยนะ”หลังการประชุมศบค.เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามตนเรื่องนี้ว่า “พี่พูดกับหนูเมื่อไหร่”จึงตอบไปว่าจำไม่ค่อยได้ แต่เป็นธรรมดา หาก พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ช่วยก็ต้องช่วยกันทำงาน เป็นหน้าที่อยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ พูดทำนองนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า หนูช่วยหน่อยนะ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าให้ช่วยเรื่องอะไร แต่เป็นการช่วยทำงาน ช่วยให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อย
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยดังกล่าวยืนยันตัวเลข 260 เสียงรัฐบาล กับนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตัวเลขนี้ไม่รู้มาจากไหน ยืนยันจะพยายามทำให้เกิดความมีเสถียรภาพให้ได้มากที่สุด
 
เมื่อถามว่าในการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แม้ไม่มีการลงมติ พรรคภูมิใจไทยจะช่วยเหลือรัฐบาลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องสนับสนุน
นายกฯเต็มประตูอยู่แล้ว นายกฯยังไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดไปจากนโยบายที่ได้แถลง ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่นายกฯ ทำทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศ เราเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ต้องสนับสนุน ต้องช่วยกัน
 
เมื่อถามว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 15 ก.พ.นี้ จะมีวาระพิจารณาประเด็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นวาระการประชุม เมื่อถามย้ำว่า หากครม.พิจารณา แล้วผลไม่เป็นไปตามที่พรรคภูมิใจไทยต้องการ จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวย้อนว่า ให้เกิดขึ้นก่อน  ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หากพิจารณาแล้วไม่ว่าผลจะออกมาทิศทางใด จะยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเสนอเข้ามาในรูปแบบไหน จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ส่วนรายละเอียดต้องให้ผู้เกี่ยวข้องนำมาชี้แจงในที่ประชุมครม. 

เมื่อถามว่าผลการพิจารณาเรื่องสายสีเขียว จะส่งผลต่อท่าทีของ ภูมิใจไทยในสภาฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คนอนุมัติเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือ ครม. ต้องรอให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นก่อน ยังไม่ทราบว่าหากรัฐมนตรีได้ฟังการหารือของสองหน่วยงาน ที่นำเหตุผลมาว่ากัน ผลจะออกมาอย่างไร อาจจะยังไม่มีข้อสรุปออกมาก็ได้ ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของรัฐบาล เป็นเพียงความเห็นที่ไม่ตรงกันของสองหน่วยงาน เป็นของเรื่องของการทำงาน ไม่เกี่ยวกับการเมือง

“สงคราม” แนะ “บิ๊กตู่” ทบทวนสิทธิ์รักษาโควิดฟรี ชี้ ข้ออ้างหมดเงินฟังไม่ขึ้นอัดรัฐบาลอย่าผลักภาระให้ประชาชน 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (ศบค.) มีแนวคิดในการยกเลิกการรักษาฟรีให้ประชาชน ที่ติดเชื้อโควิด อ้างว่า ใช้งบประมาณสูงมากมาก ที่ผ่านมา รัฐบาลทุ่มเงินให้ฟรีหมดไม่มีประเทศไหนทำ ในสถานการที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะแตะ วันล่ะ 14,000-15,000 คน แบบนี้ รัฐบาลไม่สามารถรับภาระได้ 

อยากเตือนไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ที่อ้างว่างบประมาณไม่พอนั้น อยากทราบว่าเงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท ที่มาขออำนาจสภาไปกู้มานำไปใช้อะไรหมด เงินส่วนนี้ควรนำไปใช้เพื่อบริการประชาชน เพราะเป็นเงินของประชาชน หรือนำเงินกู้ไปซื้ออาวุธให้กองทัพ รวมทั้งหากไม่รักษาให้ประชาชน ฟรีก็เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ ตามาตรา 47 ที่บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ บุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ และบุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นรัฐจะมาโยนภาระให้กับประชาชนไม่ได้ 

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า จากเดิมเมื่อประชาชนหากติดเชื้อโควิดแล้วสามารถรักษาได้ทุกที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลเอกชน หากยกเลิกสิทธิรักษาโควิดฟรีทุกที่เท่ากับว่ารัฐบาลกำลังผลักภาระให้ประชาชน ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังกลับมาพบผู้ติดเชื้อยอดทะลุ 10,000 รายต่อวันอีกครั้ง

‘ทิพานัน’ ซัด ‘เพื่อไทย’ จงใจบิดเบือน ปัดรัฐบาลถังแตก ยันติดโควิดยังรักษาฟรี

“ทิพานัน” ซัดเพื่อไทยฆ่าคนทั้งแผ่นดิน จงใจสื่อสารบิดเบือนรัฐบาลปลดโควิดจากการรักษาฟรี ชี้เข้าข่ายผิดพรบ.คอมพ์ฯ - ผิดมนุษยธรรม ยันหากปรับออกจากภาวะฉุกเฉิน (UCEP) เพราะสถานการณ์คลี่คลาย ย้ำผู้ป่วยโควิดยังรับการรักษาฟรีทุกคน ตามสิทธิเดิมที่มีได้

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีการเผยแพร่รูปภาพตัดตอนบิดเบือนข้อความให้ประชาชนหลงเข้าใจผิดว่าจะมีปลดโควิดจากการรักษาฟรีว่า เป็นการสื่อสารที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ที่นอกจากจะแสดงถึงมาตรฐานการสื่อสารของพรรคเพื่อไทยที่ตกต่ำลงแล้ว ยังส่งผลเสียหายอย่างประเมินไม่ได้ต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่หลงเชื่อข้อความดังกล่าว แล้วไม่ยอมเข้ารับการรักษาเพราะคิดว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง สะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำเพื่อประชาชนตามที่มักชอบกล่าวอ้าง 

“พรรคเพื่อไทยต้องระวังการตัดตอนข้อความไปสื่อสารเป็นภาพ แม้จะมีข้อความด้านใน แต่สะท้อนความจงใจบิดเบือนและสร้างความเข้าใจผิด เพียงแค่หวังจะโจมตีทางการเมืองอย่างนั้นหรือ อาจทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง หมดสิ้นหนทาง ไม่กล้าไปรักษา จนอาจเป็นการฆ่าคนทั้งแผ่นดินให้ตายทั้งเป็น เป็นการผิดหลักมนุษยธรรมที่ควรพึ่งมีต่อชีวิตมนุษย์ทั้งสิ้น" น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ที่สำคัญกรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดมาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” 

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงคือ แม้ในอนาคตอาจมีการปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ออกจากภาวะฉุกเฉินวิกฤติรักษาทุกที่ (UCEP) มาเป็นการรักษาตามสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ ผู้ป่วยโควิดก็ยังสามารถเข้ารับการรักษาฟรีทุกคน สามารถเข้ารักษาตามระบบตามสิทธิสุขภาพของแต่ละคน ได้แก่ สิทธิสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม บัตรทอง ฯลฯ และหากป่วยเป็นโควิดแล้วมีอาการฉุกเฉินด้วย เช่น มีไข้สูง หายใจไม่สะดวก หอบเหนื่อย ความดันต่ำ ไม่ค่อยรู้สึกตัว รู้สึกจะเป็นลม ก็สามารถเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่นอกระบบได้ด้วยอาการฉุกเฉินวิกฤตินั้น ทางกองทุนสุขภาพของผู้ป่วยรายนั้นๆ จะตามไปดูแลให้

'โฆษกรัฐบาล' เผย 'นายกฯ' ขอพรรคร่วมรัฐบาล ช่วยกันทำงานเต็มที่ เพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องการเมือง วอน อย่าหยิบยกมาเป็นประเด็น

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมือให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันทำงานเต็มที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ว่า นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือจากทุกพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยกันทำงานในทุกเรื่อง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยไม่ได้เฉพาะแค่ว่าเรื่องการเมืองเท่านั้น  และไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าขอความร่วมมือจากพรรคภูมิใจไทยเพียงพรรคเดียว แต่ขอความร่วมมือจากทุกพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ช่วยกันทำงานเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่อยากให้มีการหยิบยกประเด็นนี้ไปขยายผลว่า นายกฯ ขอความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะเรื่องการเมืองเท่านั้น

“เทพไท” หนุนเลื่อนปลดโควิด ออกจากโรคฉุกเฉิน ชี้สวนทาางสภาพความเป็นจริง ส่งผลกระทบต่อปชช.ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟสบุ๊กว่า เห็นด้วยกับแนวความคิดของนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเสนอให้รัฐบาลเลื่อนการยกเลิกโรคโควิด-19 ออกจากกลุ่มโรคฉุกเฉิน ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ในวันที่ 1 มีนาคม เป็นวันที่ 1 เมษายน  ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรกำหนดห้วงเวลา การรักษาโรคโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉิน อยากให้รัฐบาลได้รักษาพยาบาล ดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 จะลดลงเหลือยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งประเทศ วันละไม่เกิน 3,000 คน

และหากพิจารณายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 4กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้ มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นจำนวนหลักหมื่นทุกวัน และนับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ยังมียอดผู้ติดเชื้อสูงถึง 14,900 คน การจะยกเลิกการรักษาโรคโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินนั้น เป็นแนวความคิดที่สวนทาง กับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

“ผมอยากให้รัฐบาลได้ชะลอ และรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ออกไปก่อน จนกว่ามีความมั่นใจแล้วว่า สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จริงๆ ถึงจะยกเลิกการรักษาโรคโควิด-19 ออกจากกลุ่มโรคฉุกเฉิน หากรัฐบาลยังตัดสินใจยกเลิกอย่างเร่งด่วนแบบนี้ ก็จะเกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ไม่สามารถเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลที่มีคุณภาพได้

“นายกฯ” สั่งเร่งวางโรดแมปสานต่อความร่วมมือไทย-ซาอุดีอาระเบีย บุกตลาดสินค้าไทย พร้อมเสริมกำลังแรงงานไทย เชื่อมั่นต่อยอดความร่วมมือได้อีกทุกด้านที่มีศักยภาพ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งวางโรดแมปเพื่อสานต่อความร่วมมือไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน และด้านแรงงาน ซึ่งเป็นด้านที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยได้พิจารณาจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคีเพื่อผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม 

“โดยการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้ขยายความร่วมมือผ่านการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ โดยด้านการค้าการลงทุน จะเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่สินค้าและธุรกิจของไทย ซึ่งล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกของไทยไปยังซาอุดีอาระเบียในปี 2565 จะมีการขยายตัวกว่า 6.2% สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่า ในปี 2565 ไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ถึงร้อยละ 15 และจะมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการส่งออกสินค้าไปยังซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุน การทำธุรกิจและการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อต่อยอดไปยังสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักและทำการตลาดได้มากขึ้น เนื่องจากสินค้าไทยมีคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของซาอุดีอาระเบียได้โดดเด่นที่สุดในอาเซียน

โดยมีสินค้าเป้าหมาย 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. สินค้าเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล เช่น ข้าว อาหารทะเลแปรรูป ไก่สด ผลไม้ กาแฟ ขนมจากน้ำตาล เครื่องปรุงรส อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช 2. สินค้าอุตสาหกรรม ประเภทยานยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า 3. ภาคบริการ ผ่านโรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์ ตลอดจนโรงแรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งไทยล้วนมีศักยภาพในการผลิตและพร้อมส่งออก รวมถึงผ่านซาอุดีอาระเบียไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง “โฆษกรัฐบาลกล่าว

นานธนกร กล่าวว่า ด้านความคืบหน้าแรงงานไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยเข้าทำงานในซาอุดีอาระเบีย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานงานกับสำนักงานแรงงานของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในการหารายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงาน ประเภทงาน ระดับทักษะฝีมือ และคุณสมบัติเบื้องต้นของแรงงานที่นายจ้างซาอุดีอาระเบียมีความต้องการ รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพและปรับเพิ่มทักษะฝีมือแก่แรงงานไทย (upskill & reskill) เพื่อให้สอดรับกับความต้องการแรงงานของซาอุดีอาระเบีย

วาเลนไทน์ “บิ๊กตู่” บอกรักคนไทยห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม ขอให้วันนี้เป็นวันแห่งความรัก สามัคคีของไทยทุกคน

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถือโอกาสวันวาเลนไทน์ เนื่องในวันแห่งความรัก นี้ บอกรักคนไทยห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม ขอให้วันนี้เป็นวันแห่งความรัก สามัคคีของไทยทุกคน ขอให้คนไทยมีความสุข มีความรัก สุข สดชื่นในจิตใจ เพื่อเป็นพลังเกื้อหนุนในการดำเนินชีวิต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top