Saturday, 4 May 2024
POLITICS NEWS

“หมอของขวัญ”บุกสภาฯร้อง กมธ.สธ. สอบ สำนักข่าว จ่ายยาคล้ายฟาวิฯ ไร้ฉลาก แนะอย่ากินสุ่มสี่สุ่มห้า เป็นอันตรายต่อการักษา

ที่รัฐสถา พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรัตน์ เจ้าของสถานเสริมความงามชื่อดัง เข้ายื่นหนังสือต่อ นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุริทร์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอใ้ห้ตรวจสอบ การจ่ายยาที่ไม่มีชื่อสลากว่าเป็นยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว ของสื่อสำหนักหนึ่งโดยพญ.ของขวัญ กล่าวว่า จากการสอบถามข้อมูลไปยังสื่อดังกล่าวถึงชื่อและฉลากว่เป็นชนิดใด และแพทย์ผู้ใดเป็นผู้จ่ายยา ไดัรับคำตอบว่า เป็นยาต้านไวรัสชนิดหนึ่ง คล้ายยาฟาวิพิราเวียร์แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ หรือไม่ ซึ่งตนติดว่าการจ่ายยาลักษณะนี้ ขัดต่อหลักการแพทย์  หลักปฏิบัติตามสากล ซึ่งเป็นเรื่องที่อรายตรายมาก  เพราะหากรับเหล่านี้ไปแล้ว คนไข้มีเชื้อลงปอด จะเป็นอุปสรรค์ตอการรักษาทางการแพทย์  ดังนั้นขอใหกมธ.ฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงยาดังกล่าว และแพทย์ ว่าเป็นแพทย์จริงหรืองไม่  หากไม่จริงจะต้องมีการร้องไปที่องค์การอาหารและยา(อย.) และแพทยสภาฯ เพื่อตรวจสอบด้วย

"ก้าวไกล" ซุ่มจัดทำร่างกม.ลูกสูตรคำนวณ ส.ส. ยังอุบรายละเอียด เตรียมยื่นประกบกับพรรคอื่น

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลจะยื่นร่างแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกบไปกับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ ว่า พรรคก้าวไกลกำลังจัดทำร่างกฎหมายลูกอยู่ แต่ยังไม่เรียบร้อย เพราะอยู่ในช่วงการพูดคุย โดยเราจะใช้เวลาช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภาฯ ทำให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ทันยื่นประกบกับร่างของพรรคการเมืองอื่น จึงต้องติดตามว่าจะออกแบบมาให้เป็นแบบใด

'ณัฐวุฒิ' ยกรามเกียรติ์เปรียบ 'ประยุทธ์-ประวิตร' เหมือนทศกัณฐ์ฝากหัวใจไว้กับฤาษี

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุว่า...มาจะกล่าวบทไป ถึงทศกัณฐ์ยักษ์ใหญ่ตัวดี

ทศกัณฐ์ฆ่าไม่ตายเพราะถอดหัวใจฝากไว้กับฤาษีโคบุตรผู้เป็นอาจารย์

'ไอติม' ชี้!! 'เหลื่อมล้ำ - ไร้คุณภาพ - เรียนไปทำไม' 3 มิติ ปัญหาใหญ่การศึกษาไทย 'ที่ควรเร่งแก้'

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า ในฐานะแกนนำกลุ่ม Re-Solution ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

การศึกษาไทย มีปัญหาใน 3 มิติ

>> มิติที่ 1 = ความเหลื่อมล้ำ
แต่เดิมการเรียนฟรีก็ไม่ฟรีจริงอยู่แล้ว แต่ผลกระทบจากโควิดทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น คุณภาพการศึกษายังคงกระจุกตัว โรงเรียนดัง ๆ มีคนแย่งกันเข้า ขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ของประเทศคือโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลนครูและอุปกรณ์การเรียน สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาส ซึ่งนำไปสู่ปัญหาอื่น ข้อมูลบอกกับเราชัดเจนว่านักเรียนจากครอบครัวรายได้น้อย เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้น้อยกว่าหลายเท่าตัว

>> มิติที่ 2 = คุณภาพ
จากตัวชี้วัดระดับนานาชาติพบว่าคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยยังรั้งท้าย เราไม่ได้ตามหลังแค่ประเทศพัฒนาแล้ว แต่ตามหลังแม้กระทั่งประเทศกำลังพัฒนา หลักสูตรการศึกษาแบบที่เป็นไม่สามารถแปรความขยันไปเป็นศักยภาพของเด็กที่สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ เช่น สำหรับทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ เด็กไทยมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอยู่อันดับ 89 จาก 100 ประเทศ ทั้งที่เด็กไทยเริ่มเรียนภาษาอังกฤษก่อนเด็กในอีกหลายประเทศ แต่หลักสูตรและวิธีการสอนอาจมีปัญหาในการช่วยให้นักเรียนกล้าฝึก "ใช้" ภาษา

>> มิติที่ 3 = นักเรียนไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษา (School belonging) 
พื้นที่ในห้องเรียนไม่ได้ตอบโจทย์ในการค้นหาตัวตนของผู้เรียน นักเรียนหลายคนเรียนหนักแต่ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปทำไม ตอบโจทย์ในชีวิตพวกเขาอย่างไร ค่านิยมที่ระบบการศึกษาสอนเป็นสิ่งตรงข้ามกับค่านิยมที่คนรุ่นใหม่สนใจ เช่น ความเท่าเทียมทางเพศ อัตลักษณ์ของนักเรียน
 

“สงคราม” จี้ “บิ๊กตู่” เร่งออกมาตรการป้องโควิดสายพันธ์ุใหม่ อัดเปิดประเทศบนความไม่พร้อมหวั่นส่งผลกระทบกับประชาชนในประเทศ

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเปิดประเทศ โดยจะเปิดพื้นที่กรุงเทพฯ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาข้อมูลให้รอบด้านประเทศไทยมีความพร้อมแล้วหรือไม่ และมีความเสี่ยงมากแค่ไหน มีการป้องกันประชาชนในประเทศหรือไม่ 

หลายประเทศที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ รัฐบาลในประเทศนั้นๆเขามีการฉีดวัคซีนป้องกันให้ประชากรในกระเทศได้ไม่น้อยกว่าร้อยล่ะ 90 แต่สำหรับประเทศไทย จนถึงวันนี้รัฐบาลฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบทั้งสองเข็มเพียง 13.3 ล้านคน จากทั้งหมด ที่ได้รับวัคซีน 41.6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยล่ะ 19 ของประชากรทั้งประเทศ หากรัฐบาลเปิดเพื่อหารายได้ เพราะรัฐบาลหารายได้ทางอื่นไม่เป็น เกรงว่าจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า กรณีที่องค์การอนามัยโลก ยกระดับโควิด-19 สายพันธุ์ “มิว” ให้เป็นสายพันธุ์โควิด-19 ล่าสุด สายพันธุ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอันตรายได้ในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้มีการตรวจพบในหลายประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป และล่าสุดพบในประเทศญี่ปุ่น รวมๆ กันแล้วมากกว่า 50  ประเทศทั่วโลก หนักสุดคือที่สหรัฐอเมริกา  ที่แพร่กระจายไปมากกว่า 49 มลรัฐ

“ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศบค.ควรที่จะเร่งศึกษาและหาวิธีการรับมือไวรัสสายพันธ์ใหม่ ที่มีความร้ายแรงและอันตรายมากขึ้น หากไม่ทำอะไรเลยอาจส่งผลกระทบกับกับชีวิตประชาชนอย่างร้ายแรง  ก่อนที่จะมีมาตราการเปิดประเทศ  ทั้งนี้เพราะวัคซีนที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจใช้ไม่ได้ผลกับไวรัสสายพันธุ์นี้ รัฐบาลไม่ควรแก้ปัญหาแบบวิ่งตามปัญหา คือเกิดการแพร่ระบาดก่อนแล้วหาทางแก้ไข ส่งผลให้เกิดการระบาดจนยากเกินเยียวยา เพราะแค่สายพันธ์เดลต้าที่ระบาดในปัจจุบันก็ส่งผลให้ประชาชนติดเชื้อเกิน 1 ล้านคน เสียชีวิตป็นจำนวนมาก ถือว่าเลวร้ายมากแล้ว”นายสงคราม กล่าว

“ชวน” ไม่สบายใจหลังพูดทำส.ว.เข้าใจผิด ปมองค์ประชุมรัฐสภาล่มครั้งแรก ยันไม่ได้มีเจตนาพูดกระทบ ส.ว.ให้เสียหาย แจงนับองค์ประชุมแล้วพบส.ส.ขาดมากกว่า เหตุมาประชุมแต่ไม่แสดงตน 

ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา สมัยสามัญประจำปีครึ่งที่หนึ่งเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะปิดสมัยการประชุม ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.64 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ นายชวน กล่าวตอนหนึ่งก่อนเข้าสู่วาระการประชุมว่า ในการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา เราได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วถึงมาตรา 8

โดยมีการอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว แต่พบว่าองค์ประชุมไม่ครบจึงเลื่อนมาประชุมในวันนี้ ตนขออนุญาตชี้แจงในที่ประชุมเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย จากที่ตนได้พูดไว้ว่า ต้องขอบคุณ และน้อมรับคำแนะนำของทุกท่านด้วยความขอบคุณ จริงๆแล้วเราจะทำอะไรก็ตาม อยู่ที่ความรับผิดชอบของเรา คือมีผู้เสนอว่าวิธีทำให้องค์ประชุมครบ ไม่ว่าเราจะใช้วิธีไหนก็ตาม หากขาดความรับผิดชอบไปก็จะเจอปัญหา แต่ไม่บ่อยที่การประชุมรัฐสภาองค์ประชุมมีปัญหาครั้งแรก ในส่วนของการประชุมสภาฯเกิดขึ้นบ่อย แต่สำหรับการประชุมรัฐสภาจะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะมาประชุมพร้อมมากกว่า

แต่ครั้งนี้ ส.ว.ขาดมากกว่าเรา ดังนั้น ก็อาจมีเหตุผลให้จำนวนสมาชิกรัฐสภาไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งข้อความนี้อาจทำให้เพื่อนสมาชิกที่นับถือกันไม่สบายใจ เพราะสื่อนำไปวิจารณ์ ซึ่งการที่ตนพูดไปวันนั้นเมื่อดูด้วยสายตาตนเองคิดว่าส.ส.น่าจะมีมากกว่าส.ว. แต่เมื่อนับองค์ประชุมปรากฎว่าส.ส.ขาดมากกว่า จากการไปตรวจสอบพบว่าผู้ที่มาประชุมไม่แสดงตน ทำให้องค์ประชุมขาดไป 10 คน ตนอยากบอกส.ว.ว่าไม่ได้มีเจตนาพูดกระทบให้เกิดความเสียหายต่อท่าน เพราะได้ชื่นชมว่าปกติการประชุมรัฐสภาไม่มีปัญหา เพราะ ส.ว.มาประชุมพร้อมมากกว่า ขอให้ได้โปรดเข้าใจด้วย จากนั้น นายชวนได้ดำเนินการเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป

"ชินวรณ์" ยันสูตรคำนวณบัญชีรายชื่อ ไม่มีใครใช้กลเกมเพื่อประโยชน์พรรคใดพรรคหนึ่ง ชี้ เป็นสิทธิแต่ละพรรคยื่นศาลรธน.ตีความแก้กฎหมาย

ที่รัฐสภา นายชินวรณ์  บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องระบบเลือกตั้ง มาตรา 91 ว่า จะเป็นการคำนวณตามสัดส่วนสัมพันธ์โดยตรงจากคะแนนบัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของแต่ละพรรค พร้อมยืนยันไม่มีใครจะใช้กลเกมเพื่อประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่งได้ แต่เพื่อการพัฒนาระบบพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้ยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนส่งให้รัฐสภาพิจารณา ขณะเดียวกันพรรคการเมืองก็สามารถเสนอร่างกฎหมายคู่ขนานในการพิจารณาได้

นายชินวรณ์ กล่าวถึงการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมระบบเลือกตั้งของพรรคการเมืองพรรคเล็ก ว่าเป็นสิทธิของแต่ละพรรคที่จะทำได้ ตามช่องทางรัฐธรรมนูญปี 256 (9)  โดยพรรคการเมืองจะต้องรวบรวมเสียงในการยื่นให้ได้ 1 ใน 10 ของจำนวนรัฐสภา หรือ 73 คนขึ้นไป แต่เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะยื่นศาลตีความตามข้อเรียกร้องของฝ่ายการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 148 (2) และย้ำว่าในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ทุกคนเข้าใจกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้แล้ว เว้นแต่คนที่เห็นว่าร่างฉบับดังกล่าวไม่ได้สมประโยชน์ของตัวเอง จึงใช้วิธีการแบบอื่น อาจทำให้คนมองได้ว่าไม่ได้เป็นการยื่นตีความ แต่เป็นการตีรวนไป  

‘แสนยากรณ์’ ซัดเพจ ‘ประเทศกูมี’ แพร่ภาพตัดต่อ-ข้อความเท็จ แต่อ้างสู้เพื่อประชาธิปไตย

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีเพจเฟซบุ๊ก "ประเทศกูมี" เผยแพร่ภาพตัดต่อประกาศรับสมัครผู้สมัครเป็น ส.ส. พรรคกล้า โดยเอาภาพบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาใส่ในประกาศ เข้าข่ายเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ จงใจให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ใส่ร้ายกล่าวหาให้คนเข้าใจผิดว่าพรรคกล้าเชิญทหารมารัฐประหาร กล่าวหาว่ากล้าที่จะทุจริต เป็นการกล่าวเท็จจงใจให้พรรคกล้าเกิดความเสียหาย 

"ถึงจะอ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตย หรือมองว่าพรรคกล้าเป็นฝ่ายตรงข้าม เราไม่ก้าวล่วง แต่เล่นการเมืองสกปรก ชกใต้เข็มขัด ใช้วิธีตัดต่อภาพ เขียนข้อมูลเท็จ แบบนี้ไม่เอานะน้อง ๆ จะโจมตีคนอื่น ก็ขอให้ใช้วิธีที่มีศักดิ์ศรีหน่อย ทำแบบนี้มันน่ารังเกียจ และขอให้แนวร่วมเลิกติดตามเพจประเทศกูมี เพราะอาจเอาข้อมูลเท็จมาขยายอีกก็ได้" นายแสนยากรณ์ กล่าว 

นายแสนยากรณ์ กล่าวว่า เราหวังให้บ้านเมืองปฏิรูป สังคมมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ยึดมั่นถือมั่นในประชาธิปไตย แต่การใช้วิธีบิดเบือนข้อมูล ถือว่าคนกระทำผิดไม่เคารพหลักประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิ์ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด และเป็นเรื่องน่าเศร้าหากฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายปกป้องประชาธิปไตย บอกตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ แต่พฤติกรรมเก่าใช้วิธีสกปรกแบบนี้ ถ้าไม่อายคนอื่น ก็ขอให้อายพวกเดียวกันบ้าง และอยากจะให้แนวร่วมที่เห็นช่วยเตือนพวกเดียวกันเอง อย่าใช้วิธีทางการเมืองแบบนี้อีก หรือขอให้เลิกพฤติกรรมแบบนี้

ตัวแทนควบคุมฝูงชน ยอมรับต่อ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ หาก คฝ. คนใดใช้ความรุนแรง ต้องรับผิดชอบเอง

วันที่ 15 ก.ย. 64 ในที่ประชุมกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ วาระพิจารณาข้อเรียกร้องขอให้ปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนจากการกระทำความรุนแรงของเจ้าหน้าที่และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมี พ.ต.ท. วชิรพงศ์ แก้วดวง รองผู้บังคับการหน่วยอารักขาและควบคุมฝูงชน หรือรองผบก.อคฝ.ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่าเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงตลอด 32 วันที่ผ่านมา มีปรากฏภาพเจ้าหน้าที่ คฝ.ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น 

พ.ต.ท.วชิรพงศ์ เปิดเผยว่าทางต้นสังกัดไม่มีคำสั่งและแนวทางให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งหากพบเจ้าหน้าที่คนใดใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่คนนั้นต้องรับผิดชอบเองไม่เกี่ยวกับต้นสังกัด 

ด้าน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานะประธานกรรมาธิการ เปิดเผยว่า คำชี้แจงของพ.ต.ท.วชิรพงศ์เป็นการปัดความรับผิดชอบอีกทั้งยังผลักให้ผู้ใต้บังคับบัญชากลายเป็นผู้ร้าย ทั้งที่เจ้าหน้าที่ คฝ. ออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของต้นสังกัด ซึ่งหากการชี้แจงเป็นเช่นนี้ทางกรรมาธิการต้องเชิญให้เจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ปรากฏในคลิปที่มีการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนทั้ง 14 คลิป เพื่อเรียกตัวเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมว่าการตัดสินใจต่อสถานการณ์ตรงหน้าเป็นการใช้ดุลพินิจส่วนตัวหรือมีคำสั่งให้ใช้ความรุนแรง 

ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนจำเป็นต้องปฏิบัติงานในพื้นที่การชุมนุม อาจส่งผลให้อยู่ในช่วงเคอร์ฟิวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า สื่อมวลชนที่มีบัตรอนุญาตทุกคนจะได้รับผ่อนปรน แม้จะเป็นเคอร์ฟิวก็ตาม ด้านประธานกรรมาธิการจึงเสนอให้มีการผ่อนปรนต่อเจ้าที่พยาบาลอาสาทุกคนโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับสื่อมวลชนด้วย

“บิ๊กตู่” สั่งช่วยเยียวยาช่วยเหลือกลุ่มศิลปินเจอพิษโควิด 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ประชุมร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และกลุ่มศิลปิน เพื่อหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ร่วมกับกลุ่มศิลปินพื้นบ้าน  กลุ่มศิลปินแห่งชาติ ศิลปินศิลปากร  กลุ่มเครือข่ายอุตสาหกรรมบันเทิง โรงงานและภาพยนต์ และภาคเอกชน กว่า 40 องค์กร โดยนายกฯ เห็นใจศิลปินพื้นบ้าน บุคลากรด้านศิลปวัฒนธรรมและผู้อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19  โดยรัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยาผ่านมาตรการต่างๆ ทั้ง การช่วยเหลือผู้ประกันตน ม. 33 ม. 39 และ ม. 40 และการลดภาษี

ทั้งนี้ นายกฯ ยังห่วงใยกลุ่มศิลปินบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากข้อมูลตกหล่น จึงขอให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งประสาน รวบรวมรายชื่อและจำนวนบุคคลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อภาครัฐจะได้จัดสรรทั้งวัคซีค รวมทั้งชุดตรวจ ATK ให้เหมาะสม ขณะเดียวกัน ก็จะได้ให้มีการขึ้นทะเบียนเพื่อให้เข้าถึงการเยียวยาของรัฐบาล และยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งในเครือข่ายของกลุ่มศิลปินทุกแขนงด้วย 

พร้อมกันนี้ยังรับข้อเสนอเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อาทิ การเปิดโรงภาพยนตร์ มหรสพ การผ่อนปรนให้กองถ่ายสามารถทำภาพยนตร์สามารถถ่ายทำได้ โดยจะมอบหมายให้ ศบค. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขพิจารณามาตรการรองรับป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง จะต้องมีท้องถิ่นเข้าดูแลการถ่ายทำในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรวมกลุ่มของคนมากเกินไป 

ขณะเดียวกันยัง ได้สั่งการให้กระทรวงวัฒนธรรมประสานเครือข่าย/กลุ่มศิลปิน เพื่อจัดทำข้อมูลให้ครอบคลุมและชัดเจน มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากมาตรการลดภาษี การช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึง Soft Loan แหล่งเงินทุน จากงบประมาณที่มีเหลืออยู่ จาก พรก. กู้เงินฯ โดยจะได้มีการนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top