Friday, 4 July 2025
NEWS

"ณัฐวุฒิ ปิ่นทองคำ" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร กลุ่มเบญจจินดา เข้ารับรางวัล “เพชรรัตนชาติ” บุคคลต้นแบบตัวอย่างดีเด่น สาขาต้นแบบนักบริหารดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2565

คุณณัฐวุฒิ ปิ่นทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร กลุ่มเบญจจินดา เข้ารับรางวัล “เพชรรัตนชาติ” บุคคลต้นแบบตัวอย่างดีเด่น สาขาต้นแบบนักบริหารดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2565 จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สภาองค์กรเยาวชน และ สภาองค์กรวัฒนธรรมไทย อาเซียน โดยมีหม่อมหลวงวันชัย นวรัตน์ เป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ณ MCC HALL เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
 

ประกาศวุฒิสภา ตั้ง 'หมอพรทิพย์' เป็นกมธ.วิสามัญพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันฯ

13 ม.ค. 65 - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศวุฒิสภา เรื่อง ตั้งกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์แทนตำแหน่งที่ว่าง

ด้วยในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ประชุมได้มีมติตั้ง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามนัยแห่งข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 103

จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานวุฒิสภา


ที่มา : https://www.thaipost.net/general-news/63863/

‘หมอสันต์’ เปิดหลักฐานความรุนแรง ‘โอมิครอน’ ชี้ อัตราตายใกล้ศูนย์ - ต่ำกว่าเดลตา 9 เท่า

13 มกราคม 2565 นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ drsant.com โดยระบุถึง “หลักฐานวิทยาศาสตร์ชิ้นแรกเรื่องความรุนแรงของโอไมครอนในสหรัฐอเมริกา” มีเนื้อหาว่า ความกลัวโอไมครอนทั่วโลกส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีการแพร่ข่าวเรื่องความรุนแรงของโรคนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาในประเด็นต่างๆ เช่น การที่ยอดผู้ป่วยถูกแอดมิทไว้รักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น การตายเพิ่มขึ้น เด็กป่วยมากกว่าผู้ใหญ่และตายมากกว่าผู้ใหญ่ เป็นต้น ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ข่าว ไม่ใช่หลักฐานวิทยาศาสตร์ แต่ตอนนี้หลักฐานวิทยาศาสตร์ของจริงออกมาแล้ว เป็นงานวิจัยที่แคลิฟอร์เนียซึ่งสปอนเซอร์โดยศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) มีศูนย์ประสานงานการวิจัยอยู่ที่ยูซี.เบอร์คเลย์ ซึ่งผมขอสรุปผลให้ฟังดังนี้

งานวิจัยนี้ทำกับผู้ป่วยติดเชื้อโอไมครอนที่ยืนยันการตรวจด้วยเทคนิค SGTF (S gene target failure) ทำเฉพาะกับผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลจำนวนรวม 52,297 คน พบผลดังนี้

ผู้ป่วยทั้งหมด รวม 52,297 คน หากนับเฉพาะคนที่ติดตามได้อย่างน้อย 5.5 วัน รวมทั้งหมด 288,534 คน พบว่า

ผู้ป่วยถูกรับไว้ในโรงพยาบาล 88 คน (0.48%)

ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 0 คน (0%)

ท้ายที่สุดแล้วมีตาย 1 คน (0.09%)

กลุ่มหนุนจะนะ บุกศาลากลาง แสดงจุดยืน เรียกร้องรัฐบาลเดินหน้านิคมจะนะ เพื่อการพัฒนาเมืองสงขลา และรองรับการทำงานของเด็กรุ่นใหม่ในอนาคต

กลุ่มผู้สนับสนุนนิคมอุตสาหกรรมจะนะจาก 3 ตำบล กว่า 500 คนเดินทางมายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  โดยมีนายไพโรจน์ และสูบ  ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เป็นตัวแทนรับหนังสือเรียกร้องจากตัวแทนกลุ่มสนับสนุนในอำเภอจะนะ ณ หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา (หลังเก่า) 

ทั้งนี้ตัวแทนภาคประชาชนจากผู้สนับสนุนจาก ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาทับ และตำบลสะกอม ได้กล่าวถึงเจตนารมณ์ในครั้งนี้ของชาวอำเภอจะนะ ที่เดินทางมายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลว่า เพื่อต้องการที่จะพัฒนาบ้านตนเอง โดยการมีส่วนร่วมจากประชาชนใน 3 ตำบล และร่วมอีก 9 ตำบลของขอบเขตผังเมืองที่กำหนดไว้ จึงอยากสะท้อนปัญหาให้เห็นว่าคนจะนะ คิดกันเองว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องบุกขึ้นมาบอกกับคนทั่วประเทศว่า วันนี้จังหวัดสงขลาพี่น้องอำเภอจะนะ ต้องการผลักดันโครงการนี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับจังหวัดสงขลา โดยดูจากอัตราการเจริญของจังหวัดระยองที่เป็นหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทย และ รายได้ถัวเฉลี่ย 1 คนต่อ 1 ล้านบาทต่อคนต่อปี แต่เมื่อมาดูจังหวัดสงขลา ที่อำเภอจะนะที่รับผิดชอบโดย ศอ.บต.วันนี้คนจะนะใน 4 อำเภอยังอยู่เหมือนเดิม เพราะถูกขัดขวางโดยกลุ่ม NGO ที่เห็นต่าง ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่จะลุกขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะกำหนดทิศทางในการพัฒนาในครั้งนี้ให้เกิดขึ้น

ซึ่งวันนี้ ทุกคนพยายาม จะปฏิบัติตามตัวบทกฏหมาย แต่ ทุกฝ่ายก็ใช้ แรงกดดันรัฐบาล  และวันนี้รัฐบาลเองก็อยากให้มีการจ้างงานเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจที่จะขับเคลื่อนไปได้ ดังนั้นพวกเราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยรัฐบาล ในเรื่องของการสร้างงานในอำเภอจะนะ ดังนั้นจึงต้อง การขับเคลื่อนโครงการนี้ต้องให้เกิดขึ้น อย่าชะลอโครงการ วันนี้จึงต้องมาทวงถามรัฐบาลว่าทำไม เมื่อมติครม.ผ่านไปแล้ว พอถึงเวลาคนไปเพียง 50 คนท่านก็หยุด แล้วจะทำอย่างไร จึงต้องมาแสดงจุดยืนว่า เราอยากพัฒนาบ้านเราให้เหมือนกับจังหวัดที่เจริญแล้ว จึงมาเรียกร้องในวันนี้โดย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน มอบอาชีพ “สร้างชีวิต ” อย่างยั่งยืนแก่ครัวเรือนยากจนจังหวัดพะเยา และเชียงราย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดยนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า รักษาการผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ / หัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่มอบอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดพะเยาจำนวน 8 ครัวเรือน โดยมี นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และ นายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นายนิวัฒน์ ฤทธิ์วิวัฒน์ นายกสมาคมพะเยาและคณะกรรมการ ร่วมในพิธี ณ  บริเวณศูนย์การเรียนรู้บ้านตุ่นใต้ อ.เมือง จ.พะเยา

และในวันเดียวกันนี้ มูลนิธิฯ ได้มอบอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนจังหวัดเชียงราย จำนวน 20 ครัวเรือน โดยมี นายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นางอำไพ บัวระดก รักษาการแทนพัฒนาการจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย ร่วมในพิธี ณ บริเวณห้องประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย รวมมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ 2 จังหวัด รวม 28 ครัวเรือน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 558,800 บาท (ห้าแสนห้าหมื่นแปดพันแปดร้อยบาทถ้วน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย  โดยมี นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ และ นางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี   

รอเลย “สุพัฒนพงษ์” ยันรัฐบาลพร้อมเลื่อน คนละครึ่ง เพส 4 เร็วขึ้น

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากมีกรณีของการจัดทำโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 หลังจากกระทรวงการคลังกำลังดูแนวโน้มว่าอยากให้เร่งผลักดันโครงการออกมาเร็วขึ้นจากกำหนดเดิมจะเริ่มต้นในเดือนมี.ค.  – เม.ย.2565 นั้น เรื่องนี้มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าจะผลักดันโครงการออกมาให้เร็วขึ้น แต่คงต้องหารืออีกครั้ง และประเมินสถานการณ์ความเหมาะสม อีกทั้งยังกำลังพิจารณามาตรการอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย ส่วนจะมีการทำโครงการคนละครึ่งไปทั้งปีนี้เลยหรือไม่ คงต้องมาคุยกันก่อน 

ขณะที่สถานการณ์ราคาสินค้าแพงในปัจจุบัน ยืนยันว่า รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีก็แสดงความห่วงใยถึงผลกระทบกับประชาชน โดยได้ติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตลอด ซึ่งสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นในขณะนี้ เชื่อว่า น่าจะเป็นแค่ปัญหาระยะสั้น หลังจากพิจารณาอัตราเงินเฟ้อตอนนี้ยังอยู่ที่ประมาณ 2% ถือว่ายังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1-3% 

เดินหน้า “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” ปี 2565 “อลงกรณ์” ลุยภาคเหนือ ตั้งบอร์ดโครงการประกันราคาลำไยรูปแบบใหม่ พร้อมมอบศูนย์ AIC พัฒนาเพิ่มมูลค่าครบวงจร เร่งปฏิรูปผลไม้ไทยเชื่อมแผน 13 ขับเคลื่อนสู่ “เกษตรมูลค่าสูง”

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดลำพูน เพื่อติดตามงานนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ผู้บริหาร ข้าราชการ และหน่วยงานภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

ในการนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมภาคีเครือข่ายเกษตรกรภาครัฐและเอกชน เพื่อการขับเคลื่อนการบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือที่สำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูและประชุมทางไกลตามข้อสั่งการของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายภาษเดช  หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ผู้แทนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) จังหวัดลำพูน และผู้แทนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติ ผู้แทนหอการค้าจังหวัด ผู้แทนกรมการค้าภายใน ผู้แทนกรมการส่งเสริมค้าระหว่างประเทศ นายพงษ์ทร วิเศษสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ ประธานและ นายอมรพันธุ์ พูลสวัสดิ์ เลขานุการ คณะอนุกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยภาคเหนือ (กร.กอ.ภาคเหนือ) และหัวหน้าหน่วยราชการ และหน่วยงานภาคเอกชนด้านการขนส่ง ตัวแทนผู้ประกอบการ(ล้ง)ในจังหวัดลำพูน  ตัวแทนเกษตรกรแปลงใหญ่และศพก. และผู้ที่เกี่ยวข้องโดยมี นายขจร เราประเสริฐ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นฝ่ายเลขานุการ

ที่ประชุมได้รับทราบ (1) รายงานการคาดการณ์แนวโน้มผลผลิตภาคเหนือ ปี 2565 (2) รายงานผลการบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ ปี 2564 และปัญหาอุปสรรค และที่ประชุมได้ร่วมหารือพิจารณาในแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ ระดับพื้นที่ (AREA BASED)

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า กล่าวว่า ภายใต้โมเดลเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตและ “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นแนวทางในการบริหารจัดการผลไม้ในสภาวะวิกฤติโควิด-19 โดยเน้นร่วมบูรณาการทุกภาคส่วน และการใช้เทคโนโลยีเพื่อยืดอายุผลผลิต และแปรรูปยกระดับสู่อุตสาหกรรมเกษตรอาหารเพิ่มมูลค่ารายได้ให้มากขึ้น ซึ่งในปี 2565 และปีต่อๆ ไปได้วางเป้าหมายพลิกโฉมภาคเกษตรไทยมุ่งเน้นการทำเกษตรมูลค่าสูง ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566 -2570) ในมิติภาคการผลิตและบริการเป้าหมายหมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตร และเกษตรมูลค่าสูง มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าของสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานของภาคเกษตร และการสนับสนุนบทบาทของผู้ประกอบการเกษตร โดยมอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์AICภาคเหนือและอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือเร่งวิจัยพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมรวมทั้งการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผลไม้

นายอลงกรณ์กล่าวว่าจังหวัดลำพูนเป็นศูนย์กลางลำไยภาคเหนือและเป็นเมืองหลวงลำไยโลก มีพื้นที่ปลูกลำไยกว่า 250,000 ไร่ เป็นแหล่งผลิตสำคัญในภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน จากสถานการณ์การผลิต ปี 2560 – 2564 เนื้อที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1,451,714 ไร่ ในปี 2560 เป็น 1,655,036 ไร่ ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13 ต่อปี ผลผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1,200,804 ตัน ในปี 2560 เป็น 1,437,740 ตัน ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.12 ต่อปี และผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก 827 กิโลกรัมในปี 2560 เป็น 869 กิโลกรัม ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.004 ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งเสริมสนับสนุนของรัฐบาล อย่างไรก็ตามเรายังเผชิญปัญหาราคาลำไยตกต่ำในบางปีบางฤดูเป็นปัญหาซ้ำซากตลอดมาจึงให้ดำเนินการโครงการประกันราคาลำไยขั้นต่ำบนความร่วมมือระหว่างภาคเกษตรกรและภาคเอกชนโดยการสนับสนุนของภาครัฐเป็นโมเดลใหม่เพื่อให้ทุกภาคส่วนเป็นหุ้นส่วนกัน(Partnership model)แบบwin-winทุกฝ่ายเช่นที่กำลังดำเนินการกับอุตสาหกรรมกุ้งโดยบอร์ดกุ้งซึ่งภาคเอกชนตกลงกับเกษตรกรในการประกันราคาขั้นต่ำ โดยจะมีการประชุมภายใน2สัปดาห์หากเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายต่อไปจะขยายผลกับทุกกลุ่มสินค้าเกษตรต่อไป

นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ติดตามสถานการณ์ผลผลิตลำไยในพื้นที่ภาคเหนืออย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการรองรับผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดล่วงหน้าตามแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตลำไยปี 2565 เช่น โครงการกระจายลำไยออกนอกแหล่งผลิต จังหวัดลำพูนโดย คพจ. ได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณจากเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อเตรียมการรองรับการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากและราคาผลผลิตตกต่ำ เป้าหมาย การสนับสนุนค่าบริหารจัดการกระจายผลผลิตลำไยออกนอกแหล่งผลิต การรับซื้อในราคานำตลาดตลอดจนแนวทางการบริการจัดการ ตั้งแต่ต้นทาง คือ เน้นตลาดนำการผลิต การลดต้นทุน พัฒนาคุณภาพมาตรฐานเพิ่มผลิตภาพการผลิต การทำลำไยนอกฤดูการสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนายกระดับมาตรฐานเน้นการใช้เทคโนโลยีแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้หลากหลายตามความต้องการของตลาด การซื้อขายล่วงหน้าระบบPre-order การบริการจัดการระบบขนส่งและเพิ่มระบบ Cold Chain Logistics

ค้าปลีกอังกฤษ เลิกใส่ ‘วันหมดอายุ’ บนขวดนม หากสงสัยให้ ‘ดมเอง’ หวังลดปริมาณนมถูกทิ้ง

แบรนด์นมอังกฤษ เปลี่ยนใช้ ‘ควรบริโภคก่อน’ แทน ‘หมดอายุ’ แนะหากสงสัยเสียแล้วหรือไม่ ให้ ‘ดมเอง’ หวังลดปริมาณนมถูกทิ้ง

เมื่อวันที่ 9 มกราคม สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มอร์ริสันส์ ซูเปอร์มาเก็ตรายใหญ่ในอังกฤษ ประกาศเลิกใช้คำว่า ‘หมดอายุวันที่’ (use by) และใช้คำว่า ‘ควรบริโภคก่อน’ (best before) ในผลิตภัณฑ์นมจืดแบรนด์ของมอร์ริสันเอง เนื่องจากทางซูเปอร์มาเก็ตเชื่อว่าจะช่วยลดปริมาณนมที่ถูกเททิ้งได้หลายล้านลิตร

ซูเปอร์มาเก็ตแห่งนี้จะใช้คำว่า ‘ควรบริโภคก่อน’ กับ นมจืดยี่ห้อมอร์ริสัน ราว 90% และอยากให้ผู้บริโภคพิจารณาจากกลิ่นดูเองว่านมมีคุณภาพอย่างไร

แร็บ องค์กรการกุศลด้านการรีไซเคิล ระบุว่า มอร์ริสันส์เป็นซูเปอร์มาเก็ตแห่งแรกที่ทำเช่นนี้ โดยจะเริ่มทำภายในเดือนนี้

‘หมอธีระวัฒน์’ ยกข้อดี ฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนัง ภูมิขึ้นเท่ากับเข้ากล้ามเนื้อ-ลดผลข้างเคียง 10 เท่า

วันที่ 13 ม.ค. 65 นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ระบุว่า ...

ความเข้าใจที่ถูกต้องของการฉีดวัคซีนโควิดเข้าชั้นผิวหนัง

29-30/12/64
วัคซีนมีเพื่อป้องกันโรค ดังนั้นต้องมีความปลอดภัยสูงสุด การฉีดเข้าชั้นผิวหนังจะเลี่ยงผลข้างเคียงได้มาก ทั้งจากปริมาณที่ใช้น้อยกว่าและที่สำคัญคือกลไกในการกระตุ้นต่างออกไป

1- ภูมิขึ้นเท่ากับเข้ากล้าม
2- ภูมิอยู่นานพอกัน
3- ผลข้างเคียงน้อยกว่า อย่างน้อย 10 เท่า
4- ฉีดสบายๆ

5- เรื่องของทีเซลล์ การฉีดชั้นผิวหนังจะมีตัวจับย่อยวัคซีนสองชนิดด้วยกัน ไม่ใช่ชนิดเดียวแบบในกล้ามเนื้อ และส่งผ่านไปยังต่อมน้ำเหลืองซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาขั้นต้น คือ ที เชลล์ ถูกกระตุ้นโดยใช้เวลาประมาณสี่วัน ตามการศึกษาตั้งแต่ปี 2008 โดยใช้วิธี 2 photon microscopy และจะควบรวมสัมพันธ์กับบีเซลล์ในการสร้างภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองต่อการกระตุ้นทีเซลล์ ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยตัวคนแต่ละคน ที่แบ่งออกเป็นตอบสนองกับวัคซีนได้สูงกลางต่ำซึ่งทราบกันดีมาตั้งแต่ก่อนปี 2010

สุดสลด! พบซากเสือโคร่ง 2 ตัว ปืน 4 กระบอก เจ้าหน้าที่ เร่งล่า 5 คนร้าย มาดำเนินคดี

สุดสลดใจ 5 นายพรานใจบาป ใช้ซากวัวเป็นเหยื่อล่อสัตว์ป่า จ่อยิงเสือโคร่งเสียชีวิตพร้อมกัน 2 ตัว นำมาแร่เนื้อย่างไฟแล้วเอาหนังไปตากแห้ง ขณะจนท. เข้าจับกุม สุนัขนำทางเกิดเห่า ทำคนร้ายหนีรอดหวุดหวิด มีคนโทรหาจนท. ขออาวุธปืนลูกซอง 5 นัดคืน อ้างเป็นของอปพร. 

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 65 ที่ผ่านมา - นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุการณ์สลดขึ้น ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยระหว่างวันที่ 8-11 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้พนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ รวม 10 นาย นำโดยนายวันชัย สูนคำ พนักงานพิทักษ์ป่าฯ ออกลาดตระเวนตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่มีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเมียนมา

จนกระทั่งเวลา 10.00 น. ของวันที่ 9 ม.ค. เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าได้ลาดตระเวนไปถึงป่าลำห้วยปิล๊อก หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่อยู่ห่างจากในเขตชายแดนไทย-พม่า ประมาณ 3-4 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบกลุ่มควันไฟมาจากลำห้วย จึงทำการซุ่มเข้าตรวจสอบ พบกลุ่มบุคคล จำนวน 5 คน ตั้งแคมป์อยู่ริมลำห้วย ระหว่างเข้าทำการจับกุมตัวนั้น ปรากฏว่าสุนัขของกลุ่มคนร้ายที่ใช้นำทางเห่าหอนขึ้นมาเสียก่อน ทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่แล้ววิ่งหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามวิ่งไล่แต่ไม่ทัน เนื่องจากกลุ่มบุคคลเหล่านั้นชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี

จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบแคมป์พัก เจ้าหน้าที่ทุกนายต่างรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพบว่าเสือโคร่งถูกยิงเสียชีวิต จำนวน 2 ตัว แล้วแร่เอาเนื้อมาย่างไฟ ส่วนหนังของเสือโคร่งทั้งสองตัว ถูกนำมาขึงให้แห้ง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบอาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ อีก จำนวน 29 รายการ ตกอยู่ที่แคมป์พัก 

“นายกฯ” ชื่นชม ศิลปินไทยวง “4MIX”  นำดนตรีแนว T-Pop สู่ตลาดลาตินอเมริกาได้สำเร็จ เป็นที่รู้จักระดับโลก 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของศิลปินไทยวง “4MIX” ในฐานะศิลปินไทยวงแรกที่สามารถนำดนตรีแนว T-Pop ออกไปสู่ตลาดลาตินอเมริกาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียง และเป็นโอกาสพัฒนาศิลปะวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญเพื่อต่อยอด Soft power ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก 

นายธนกร กล่าวว่า โดยวง “4MIX” ประกอบด้วยสมาชิกชาวไทยจำนวน 4 คน และเป็นวงบอยแบนด์ที่มีจุดยืนว่าเป็นวง LGBTQ วงแรกของวงการเพลงไทย ได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างสูงในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา โดยเฉพาะประเทศเม็กซิโกและประเทศบราซิล ล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จผ่านการจัดการมินิคอนเสิร์ต “4MIX UNIX MEXICO” ที่จัดขึ้น ณ ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2564 มีผู้เข้าชมและกลุ่มแฟนคลับเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเม็กซิโก และค่ายเพลงจากภาคเอกชนไทย โดยใช้จุดเด่นด้านการเปิดกว้างของดนตรี เนื้อหาเพลง การแสดงออก และการแต่งกายทันสมัย มีเอกลักษณ์ โดยจะขยายการจัดงานลักษณะนี้ ไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

“บิ๊กโจ๊ก” จับเข่าคุย!! ‘ประมงพื้นบ้าน’ ร่วมต้าน IUU

จากกรณีที่ประเทศไทยได้ถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์จากทางการสหรัฐฯ ลงเป็นอันดับประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) โดยมีข้อสังเกตในเรื่องการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างจริงจังในทุกภาคส่วน ปัญหาการบังคับใช้แรงงานและแรงงานข้ามชาติซึ่งเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรมรวมถึงภาคการประมง รวมทั้งปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ตามที่ทราบแล้ว นั้นจากกรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ                   รองนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และการบังคับใช้แรงงานในภาคการประมง โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้แต่งตั้งชุดปฏิบัติการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการประมง เพื่อการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวและประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่

ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการ              ตำรวจแห่งชาติ / ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร./ รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) โดยเร่งด่วน

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ได้เดินทางมาพบปะและประสานความร่วมมือกับสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย นำโดย นายสะมะแอ เจ๊ะมูดอ, นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี, นายเจริญ โต๊ะอิแต และพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน ที่กลุ่มอนุรักษ์ประมงพื้นบ้านบ้านในถุง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ในการต่อต้าน การทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) เพื่อให้การดูแลทรัพยากรทางทะเลมีความยั่งยืน อุดมสมบูรณ์ 

เกี่ยวข้อง

การทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตทะเลประเทศไทยเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นเรือประมงขนาดเล็ก ใช้เครื่องมือประมงประสิทธิภาพต่ำในการจับสัตว์น้ำเพื่อการยังชีพ และจำหน่ายในท้องถิ่นเป็นหลัก มีวิถีการทำประมงที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร สามารถพึ่งพาตนเองได้แม้ในยามวิกฤต จนกระทั่งรัฐบาล นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาแก้ไขปัญหา IUU โดยสามารถปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรปได้ ผลของการทำงานดังกล่าว ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตชายฝั่งกลับสู่ความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยในปีพ.ศ.2561 ชาวประมงพื้นบ้านสามารถจับปลาได้ 140,037 ตัน ปี พ.ศ.2562 ได้ 161,462 ตัน, ปีพ.ศ.2563 ได้ 250,622 ตัน และปีพ.ศ.2564 เพียง 9 เดือนแรก (ถึง ก.ย.) ได้ถึง 164,054 ตัน 

อย่างไรก็ตาม ชาวประมงพื้นบ้านยังคงประสบปัญหาการลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขตชายฝั่งจากเรือประมงขนาดใหญ่และเรือประมงที่ใช้เครื่องมือประสิทธิภาพสูง เช่น อวนลาก คราดหอย อวนลากคู่ ซึ่งเป็นการทำประมงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีพ.ศ.2563 และ 2564 ที่ผ่านมา ชาวประมงพื้นบ้านได้ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงปัญหาดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่ประการใด นอกจากนั้นยังถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ซึ่งเป็นนายทุนเบื้องหลังพฤติกรรมทำประมงผิดกฎหมายเหล่านี้ ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านไม่เชื่อถือการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย โดยในรอบปีพ.ศ.2564 ที่ผ่านมา มีเรือประมงขนาดใหญ่ถูกดำเนินคดีความผิดประมงในทะเลเพียง 10 คดีเท่านั้น 

ในการพบปะครั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ให้ความมั่นใจกับชาวประมงพื้นบ้านว่า “ชาวประมงพื้นบ้าน เป็นผู้พิทักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้ยั่งยืนและอุดมสมบูรณ์ ผมได้รับข้อมูลและความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมง IUU อย่างดียิ่ง นอกจากเบาะแสของเรือประมงกลุ่มทุนแล้ว ยังรวมถึงการเลือกปฏิบัติ การละเว้นปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อีกด้วย เห็นได้จากในรอบปี 2564 ที่ผ่านมา เรือประมงกลุ่มทุนถูกดำเนินคดีทำการประมงผิดกฎหมายในทะเลเพียง 10 คดี ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านรองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับชาวประมงพื้นบ้านมาก และได้กำชับให้ผมเข้ามาแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพลในทะเล กลุ่มเรือนายทุน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ “หลับตา” ละเว้นการปฏิบัติ หรือเลือกปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านไม่เชื่อมั่นการทำงานของภาครัฐ ผมได้จัดชุดปฏิบัติการ 4 ชุดระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความชำนาญ มาเพื่อแก้ไขปัญหาที่พี่น้องเสนอข้อมูลมา ผู้มีอิทธิพล นายทุนประมง เจ้าหน้าที่รัฐที่รู้เห็นเป็นใจ จะต้องไม่มีที่ยืน เบื้องต้นผมได้จัดกำลังลงตรวจเรือประมงที่แจ้งว่า “งดใช้เรือ” ไม่ออกทำประมง และขอปิดเครื่อง VMS จำนวน 620 ลำ แต่มีบางลำลักลอบออกไปทำประมงผิดกฎหมาย หรือขนของเถื่อน ขนของหนีภาษี รวมถึงค้ามนุษย์ เรือประมงเหล่านี้ ลำไหน “จอดไม่ตรงจุดที่แจ้ง ไปตรวจแล้วไม่มีเรือ” ดำเนินคดีทุกลำพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ด้วย ผมไม่ได้ทำงานเพราะเอาใจ EU แต่ตั้งใจมาทำงานนี้เพราะอยากให้ทรัพยากรสัตว์น้ำของเราอุดมสมบูรณ์ยั่งยืนไปชั่วลูกหลาน และขอขอบคุณที่พี่น้องประมงพื้นบ้านที่มาผนึกกำลังกับภาครัฐในการต่อต้านประมง IUU”

​​​​​​​

รัสเซียนำ จีนหนุน ร่วมสกัดจลาจลในคาซัคสถาน หลังผู้นำคาซัคฯ เชื่อ!! มีก๊วนต่างชาติจ่อล้มรัฐบาล

จากเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ในคาซัคสถานไม่นานมานี้ ที่นำไปสู่การก่อเหตุจลาจลอย่างหนักมาร่วม 1 สัปดาห์ ส่งผลให้นายคาสซิม-โฌมาร์ต โทคาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ต้องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากรัสเซียผ่านองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (CSTO) พันธมิตรทางทหารที่มีประเทศสมาชิก 6 ประเทศ โดยที่มีรัสเซียเป็นแกนนำ 

แน่นอนว่า หลังจากที่กองกำลัง CSTO ได้ยกพลกว่า 2,500 นายเข้าไปช่วยปราบจลาจลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ในเมืองต่างๆ ก็เริ่มคลี่คลาย แม้จะมีรายงานผู้เสียชีวิตถึง 160 ราย และถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 8,000 คนก็ตาม  

เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ด้านผู้นำคาซัคสถานได้ออกมากล่าวผ่านสื่อ โดยเขาเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกระทำรัฐประหารเพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลปัจจุบันอย่างแน่นอน และได้จับกุมตัว นายคาริม มาสซิมอฟ อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง และความมั่นคง ในข้อหาทรยศ และอยู่เบื้องหลังแผนการรัฐประหารครั้งนี้ในเวลาต่อมา

ตัดมาทางด้าน วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก็ประกาศชัยชนะที่สามารถนำความสงบกลับสู่คาซัคสถานได้ และพร้อมที่จะเริ่มทยอยถอยทหารของกองกำลัง CSTO ออกจากคาซัคสถานต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ฟากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ก็ตั้งคำถามว่าทำไมผู้นำคาซัคสถานต้องขอให้ทางรัสเซียเป็นแกนนำจัดกองทัพเข้าไปช่วยปราบปรามเหตุจลาจลในประเทศ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการประท้วงของชาวคาซัคสถานในเรื่องการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 

ด้านคาสซิม-โฌมาร์ต โทคาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน จึงได้ออกมากล่าวว่า เหตุที่ต้องเรียกกองหนุนจากองค์กร CSTO เนื่องจากคาซัคสถานก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกที่ใหญ่เป็นอันดับสอง และเขามองว่าเหตุการณ์จลาจลครั้งนี้มีความไม่ปกติ มีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธข้ามชาติแอบแฝงเข้ามาปะปน จนทำให้เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นความรุนแรง ถึงขั้นเผาสถานที่ราชการ ปล้นสดมร้านค้า และธนาคาร จึงต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุด 

'ไวพจน์ เพชรสุพรรณ' เสียชีวิตอย่างสงบ หลังเข้ารับการรักษาตัวในรพ.นาน 2 เดือน

‘ไวพจน์ เพชรสุพรรณ’ ศิลปินแห่งชาติ เสียชีวิตแล้ว อย่างสงบที่รพ.ตากสิน จากอาการติดเชื้อในกระแสเลือด หลังเข้ารับการรักษานาน 2 เดือน

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติ และนักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดังระดับตำนานของไทย ได้จากไปอย่างสงบแล้ว เมื่อเวลา 15.24 น. ที่ผ่านมา หลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตากสิน กทม. ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. 64

สำหรับไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติ และนักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดัง เสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต

สร้างความเสียใจและอาลัยกับคนในวงการเพลงและวงการบันเทิง ในจำนวนนี้รวมถึง จ๊ะ นงผณี มหาดไทย ที่โพสต์อาลัยกับการจากไปของไวพจน์ เพชรสุพรรณ โดยระบุว่า “พ่อไปสบายแล้ว ต่อไปนี้ พ่อไม่ต้องเหนื่อยอีกแล้ว ยอดขุนพลเพลงลูกทุ่ง ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะคะ #พ่อครู #พ่อไวพจน์เพชรสุพรรณ”

โฆษกศรชล. แจ้งคืบหน้าเรือ Jin Shul Yuan 2 จมลงห่างจากชายฝั่งอ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ทางทิศตะวันออก ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร 

เมื่อวันที่ 12 ม.ค.พล.ร.ต.อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล โฆษก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยว่า  ตามที่ ศรชล. ร่วมกับผู้แทนหน่วยหลักของ ศรชล.ประกอบด้วย ผู้แทนกองทัพเรือ ผู้แทนกรมเจ้าท่า และผู้แทนกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ  จัดให้มีการแถลงข่าวกรณีเรือ Jin Shui Yuan 2 ลอยตามกระแสน้ำเข้ามาบริเวณพื้นที่รับผิดชอบของ ศรชล.ภาค 2 และได้จมลงห่างจากชายฝั่งอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางทิศตะวันออก ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร นั้น
ศรชล. ขอแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรือดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว 

โดยศรชล. ได้ขอให้ทัพเรือภาคที่ 2 กองทัพเรือ ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมแล้วทราบว่า จากหลักฐานสมุดปูมการเดินเรือล่าสุด (Deck Log Book) ซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ถึง วันที่ 27 สิงหาคม 2559 ชื่อเรือที่ถูกต้องคือ ชื่อ จินสุ่ยหยวน 2 มีชื่อภาษาจีนว่า 金水源 2 และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Jin Shui Yuan 2 หมายเลข IMO: 1165431 Vessel Type Generic: Cargo MMSI: 413324520 Flag: China [CN] โดยได้พบหลักฐานที่มีตราประทับของสำนักงานความปลอดภัยทางทะเล นครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุว่า นาย Qi Xue Jun (ซ่ง เสวีย จวิน) เป็นผู้บังคับการเรือลำนี้ แต่เอกสารดังกล่าวได้จมไปกับเรือ ทั้งนี้ ศรชล. ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมเจ้าท่า อธิบดีกรมเจ้าท่า และประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการทำประมง และแรงงานในภาคประมง เรียบร้อยแล้ว

พล.ร.ต.อิทธิพัทธ์ กล่าวว่า ศรชล. ได้ประสานไปยัง ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติด้านความยั่งยืนของทรัพยากรประมง หรือ Ocean Mind (องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร)  ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านมาตรการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) ให้กับกรมประมง รวมถึงจากการตรวจสอบจากเอกสารวิเคราะห์อัตลักษณ์และภาพถ่ายดาวเทียมของกรมประมง แล้วทราบว่า เรือ Jin Shui Yuan 2 ไม่ได้อยู่บัญชีเรือ IUU Fishing


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top