Friday, 4 July 2025
NEWS

รัฐบาลประกาศเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เม.ย.นี้ ต่างชาติมาไทยเก็บ 300 บาท

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ รัฐบาลได้รับทราบการวางแผนเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยคนละ 300 บาท หรือเรียกกันว่าค่าเหยียบแผ่นดิน  เพื่อนำเงินที่ได้ไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ และทำประกันให้กับนักท่องเที่ยว กรณีประสบอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิต จะได้รับวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท หรือ ค่ารักษาพยาบาล ได้รับสูงสุด 5 แสนบาท โดยวางแผนเก็บรวมกับค่าตั๋วเครื่องบินกรณีเดินทางทางอากาศ และส่วนการเดินทางทางบก อยู่ระหว่างการพิจารณาวิธีการ 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มีนโยบายเดินหน้าแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีนี้ ซึ่งเป็นปีท่องเที่ยวไทย โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนดโปรโมทการท่องเที่ยวไทยภายใต้แนวคิดอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นิว แชปเตอร์ จุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยวของไทย ภายในเดือนมกราคม นี้ รวมถึงเดินหน้าจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสีขาว สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือบีซีจีโมเดล  ในภาคการท่องเที่ยว ที่จะช่วยให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและปลอดภัยขึ้น 

'โอมิครอน' ใน US และ UK ถึงจุดพีคเร็วมาก นักวิทย์ ชี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนโรคระบาดใหญ่

บรรดานักวิทยาศาสตร์พบเห็นสัญญาณการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอนอาจถึงจุดสูงสุดแล้วในสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับสหรัฐฯ พร้อมชี้ว่าเคสผู้ติดเชื้ออาจเริ่มลดลงอย่างฉับพลันหลังจากนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนถึงขั้นมองว่าบางทีโอมิครอนอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโรคระบาดใหญ่ ที่เปิดทางให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับไวรัส

เหตุผลก็คือตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าแพร่กระจายเชื้อรวดเร็วมากๆ บางทีอาจไม่มีคนเหลือให้ติดเชื้อแล้ว ไม่ถึง 1 เดือนครึ่ง หลังจากมันถูกตรวจพบเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้ "มันกำลังลดลงอย่างรวดเร็วเท่ากับตอนที่มันเพิ่มขึ้น" อาลี มอคแด็ด ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันในซีแอตเทิลกล่าว

แต่ขณะเดียวกัน พวกนักวิทยาศาสตร์เตือนว่ายังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะถัดไปของโรคระบาดใหญ่ เนื่องจากจุดสูงสุดและการลดลงใน 2 ประเทศ เกิดขึ้นโดยใช้เวลาต่างกันและมีอัตราความรวดเร็วต่างกัน ดังนั้นช่วงเวลายากลำบากยังคงรออยู่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้า ทั้งสำหรับคนไข้และโรงพยาบาลต่างๆ ที่อัดแน่นไปด้วยผู้ป่วย แม้นหากข้อสันนิษฐานเคสผู้ติดเชื้อลดลงเกิดขึ้นจริงก็ตาม

"ยังคงมีคนอีกมากมายที่จะติดเชื้อ ตอนที่เราไต่ลงเนินเขาทางด้านหลัง" คำกล่าวของ ลอเรน อันเซล เมเยอร์ส ผู้อำนวยการสถาบันโมเดลโควิด-19 แห่งมหาวิทยาลัยเทกซัส ซึ่งคาดหมายว่าเคสผู้ติดเชื้อจะถึงจุดพีคสุดภายในสัปดาห์นี้

ในส่วนของโมเดลที่ได้รับความเชื่อถืออย่างมากของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ระบุว่าจำนวนเคสผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯ จะแตะระดับสูงสุด 1.2 ล้านคนในวันที่ 19 มกราคม และจากนั้นจะลดลงอย่างรวดเร็ว "ง่ายๆ เลยคือทุกคนที่สามารถติดเชื้อจะติดเชื้อหมดแล้ว" มอคแด็ด ระบุ

เขากล่าวว่า ในข้อเท็จจริงที่ผ่านการคำนวณอันซับซ้อนของทางมหาวิทยาลัย ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่แท้จริงของสหรัฐฯ การประมาณการซึ่้งนับรวมคนที่ไม่เคยตรวจเชื้อด้วย ได้ผ่านจุดพีคมาแล้ว โดยแตะระดับ 6 ล้านคนเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันในสหราชอาณาจักร เคสผู้ติดเชื้อใหม่โควิด-19 ลดลงเหลือราวๆ 140,000 คนต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเคยพุ่งขึ้นมากกว่า 200,000 คนต่อวันในช่วงต้นเดือน

เควิค แม็คคอนเวย์ ศาสตราจารย์เกษียณอายุ ด้านสถิติประยุกต์แห่งมหาวิทยาลัยโอเพ่นของสหราชอาณาจักร ระบุว่าในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ อย่างเช่น ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ และทางตะวันตกของแถบมิดแลนด์ แต่การแพร่ระบาดอาจเลยจุดพีคแล้วในลอนดอน

ข้อมูลเหล่านี้เพิ่มความหวังแก่ 2 ประเทศ ว่าอาจกำลังได้เห็นสิ่งเดียวกับที่เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้ ซึ่งเคสผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างรวดเร็ว แต่จากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดลงอย่างมากในอีก 1 เดือนต่อมา

"เรากำลังพบเห็นเคสผู้ติดเชื้อที่กำลังลดลงอย่างชัดเจนในสหราชอาณาจักร แต่ผมอยากเห็นเคสผู้ติดเชื้อลดลงมากกว่านี้ ก่อนที่เราจะสรุปได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้ จะเกิดขึ้นที่นี่ด้วย" นายแพทย์พอล ฮันเตอร์ ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลียแห่งสหราชอาณาจักรกล่าว

มีความแตกต่างหลายอย่างระหว่างสหราชอาณาจักรกับแอฟริกาใต้ อาทิ การมีประชากรสูงวัยกว่าของสหราชอาณาจักร และแนวโน้มที่ประชาชนของสหราอาณาจักรใช้เวลาอยู่ในร่มมากกว่าในช่วงฤดูหนาว นั่นหมายความว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของแต่ละประเทศจะมีความไม่แน่นอนแตกต่างกันออกไป

ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักรตัดสินใจบังคับใช้ข้อจำกัดต่างๆ น้อยที่สุดในการรับมือกับโอมิครอน ดังนั้นจึงอาจทำให้ตัวกลายพันธุ์นี้แพร่ระบาดในหมู่พลเมืองของสหราชอาณาจักรเร็วกว่ามากเมื่อเทียบกับประเทศยุโรปตะวันตกอื่นๆ อย่างเช่น ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี ที่กำหนดมาตรการเข้มงวดควบคุมโควิด-19

มองโกเลีย - นิทรรศการรวบรวมโบราณวัตถุ จากรัฐเร่ร่อนแห่งแรก!ของมองโกเลีย

อูลานบาตอร์/มองโกเลีย - ภูเขา Noyon เป็นหลุมฝังศพและที่ฝังศพของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ของรัฐ Xiongnu ซึ่งเป็นรัฐเร่ร่อนแห่งแรกของมองโกเลีย

ในปี พ.ศ. 2467-2468 "หน่วยวิจัยมองโกเลีย - ทิเบต" นำโดยนักวิจัยชาวรัสเซีย PKKozlov ได้ทำการขุดค้นทางโบราณคดีครั้งแรกที่อนุสาวรีย์ Noyon Mountain เพื่อค้นพบมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของ Xiongnu ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของ 20 ศตวรรษ ร่วมกับ สถาบันโบราณคดีแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์มองโกเลียและ IAET SB RAS (สถาบันโบราณคดีและชาติพันธุ์วิทยาสาขาไซบีเรียของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย) ได้ขุดหลุมฝังศพของขุนนางซงนูสี่แห่งและสุสานดาวเทียมสี่แห่งที่อนุสาวรีย์ Noyon Uul ระหว่าง 2549 และ 2558 และค้นพบสิ่งประดิษฐ์มากกว่า 1,300 รายการ

ผลการศึกษาเผยให้เห็นสิ่งประดิษฐ์หายาก เช่น สิ่งทอ เครื่องประดับเงินจากจักรวรรดิโรมัน และอุปกรณ์ม้าสีเงินที่แสดงภาพยูนิคอร์นในตำนาน สิ่งนี้เรียกว่า "การค้นพบ" เป็นแหล่งข้อมูลใหม่สำหรับการศึกษาของ Xiongnu

นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ที่นักวิจัยได้นำสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวออกสู่สาธารณะ มีการจัดแสดงสินค้าประมาณ 400 รายการจากการเลือกมากกว่า 200 รายการจากสุสานของขุนนางซงหนูจนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565

จากการศึกษาอนุสาวรีย์ซงหนู แหล่งโบราณคดีมองโกเลียสูงที่สุดในโลก G. Eregzen ผู้อำนวยการสถาบันโบราณคดีแห่งมองโกเลีย เน้นย้ำว่าการวิจัยเกี่ยวกับอนุสรณ์สถานของชนชั้นสูงในอูลานบาตอร์มีความครอบคลุมและสูงกว่าที่ใดในโลก

“การวิจัยที่ดำเนินการในประเทศมองโกเลียโดยนักมานุษยวิทยาชาวยูเรเชียนเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจมาโดยตลอด ดังนั้น งานวิจัยเหล่านี้จึงมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นขั้นตอนในการนำโบราณคดีมองโกเลียมาสู่โลก”

 

สมุทรปราการ-“วีร์สุดา รุ่งเรือง” นายกบางพลีใหญ่ แถลงนโยบาย ลั่น พร้อมพัฒนาแก้ปัญหาความเดือดร้อนเพื่อพี่น้องชาวบางพลี

นายสมจิตร ขวัญอ่อน ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ เป็นประธานเปิดการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2565 ณ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ 

โดยการเปิดประชุมสภา ในครั้งนี้ มีวาระและการแถลงนโยบายการบริหารงานต่อสภาของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ภายใต้ยุทธศาสตร์และเป้าหมายการพัฒนาท้องถิ่น 12 ด้าน ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วน 1. สร้างแนวร่วมการแก้ไขปัญหาในเชิงสาธารณสุข สาธารณูปโภคพื้นฐานกับนิติบุคคลของทุกหมู่บ้าน ตามกรอบที่กฎหมายกำหนดและครอบคลุมทุกพื้นที่สาธารณะของทุกหมู่อย่างเป็นรูปธรรม 2. จัดตั้งศูนย์บริการรับแจ้งเหตุให้การช่วยเหลือฉุกเฉิน และข้อร้องเรียนต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง และสายด่วนนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่

3. กำจัดวัชพืชและขุดลอกคลอง โดยดำเนินการให้เสร็จสิ้นอย่างเร่งด่วน และเฝ้าระวังไม่ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน 4. สร้างพื้นที่เซฟตี้โซนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปลอดยาเสพติด โดยชุมชนมีส่วนร่วมและเป็นศูนย์กลางบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 5. พัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ทันสมัย ปลอดภัย เป็นที่ไว้วางใจของผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาพัฒนาการให้สมวัย 6. ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรม กลุ่มองค์กร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ.อสม. กลุ่มสตรี กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากไร้ เด็ก เยาวชน อปพร. รวมถึงส่งเสริมกลุ่มอาชีพ การสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน เป็นชุมชนที่เข้มแข็งยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

'บิ๊กป้อม' ชื่นชม นักฟุตบอลทีมชาติไทย หลังคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 สร้างความสุขให้คนไทย

มาดามแป้ง'นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย นำ 4 ขุนพล นักฟุตบอลทีมชาติไทย ได้แก่  ชนาธิป สรงกระสินธิ์, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์,อดิศักดิ์ ไกรษร และ บดินทร์ ผาลา เข้าสวัสดีปีใหม่ 2565 พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ ให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พร้อมขอรับพร เพื่อความเป็นสิริมงคล 

“เฉลิมชัย” เร่งรับมือผลไม้ฤดูการผลิตปี 65 ล่วงหน้า! มอบ “อลงกรณ์” ลุยเหนือติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดพร้อมตรวจด่านเชียงแสน - เชียงของ เผย! ‘ไทย’ ได้เปรียบดุลการค้าผักผลไม้จีนกว่า 3 เท่าตัว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดมาตรการที่เข้มงวดโดยเฉพาะด่านนำเข้าจีน และส่งผลต่อการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรผลไม้ของไทย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการและบริหารการจัดการผลไม้ (Fruit Board) มีความเป็นห่วงสถานการณ์และได้เร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรและภาคการเกษตรของไทย จึงได้มอบหมายให้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ ลงพื้นที่ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ ลำพูนและเชียงรายระหว่างวันที่ 11-15 ม.ค.

โดยจะติดตามความคืบหน้าในหลายด้านได้แก่การบริหารจัดการผลไม้ของภาคเหนือ ฤดูการผลิตปี 2565(ลำไย) ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.)ภาคเหนือ การขับเคลื่อนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center :AIC) จังหวัดเชียงใหม่ลำพูนและเชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมด่านเชียงของและด่านเชียงแสนในการส่งออกผลไม้และสินค้าเกษตรทางบกและทางเรือลำน้ำโขง โดยเฉพาะมาตรการ SPS และโควิดฟรี(Covid Free) และแนวทางแก้ไขปัญหาการขนส่งผ่านด่านบ่อเตนและด่านโมฮ่าน

การประชุมหารือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อพัฒนากาแฟอาราบิก้า(Arabica) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน การบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานภาคเหนือตอนบนและการขับเคลื่อนโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนภาคเหนือ เพื่อพัฒนาการเกษตรในเมืองและส่งเสริมเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อแก้ปัญหา pm.2.5และลดก๊าซเรือนกระจกตอบโจทย์ Climate Change ตามแนวทาง COP26

 

 

นิสิตจุฬาฯ เสนอขอ ลดค่าเทอม อย่างน้อย 20% หวังช่วยลดภาระ หลังโควิดยังระบาดหนัก

เมื่อวันที่ 11 มกราคม สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ส่ง จดหมายเปิดผนึกถึงคณบดี เรื่องเสนอข้อเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทบทวนมาตรการลดค่าเทอมเพิ่ม โดยระบุว่า ตามที่สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ ร่วมกับองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสโมสรนิสิต/กรรมการนิสิตทุกคณะ พร้อมกับผู้สนับสนุนกว่า 8,000 รายชื่อได้เสนอข้อเรียกร้องถึงอธิการบดีให้พิจารณาลดค่าเล่าเรียนในภาคการศึกษาต้น ประจำปีการศึกษา 2564 ร้อยละ 50 อันมีผลสำเร็จไปแล้วนั้น

ปรากฏว่าในภาคการศึกษาปลาย ประจำปีการศึกษา 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงส่งผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ของนิสิตและประชาชนในประเทศเป็นวงกว้าง และได้นำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในทุกภาคส่วน ซึ่งอาจลดทอนโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษาของนิสิตจากการเรียนการสอนออนไลน์ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลง ทำให้นิสิตไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย ตลอดจนสวัสดิการของมหาวิทยาลัยตามปกติได้อีกชั่วระยะหนึ่ง

‘ฟรอนทาเล่’ ประกาศผ่านโซเชียลสโมสร คว้าตัว ‘ชนาธิป’ ร่วมทัพอย่างเป็นทางการ

คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ ทีมแชมป์เจลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียของสโมสรยืนยันคว้าตัว "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ห้องเครื่องทีมชาติไทยจากทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการ

"ทางสโมสรรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบถึงการเข้าร่วมทีมของชนาธิป นักเตะซูเปอร์สตาร์ชาวไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น" แถลงการณ์ของสโมสร เริ่มกล่าว

"แม้ว่าจะมีสโมสรฟุตบอลมากมายทั่วโลก แต่ชนาธิปก็ได้เลือกสโมสรของพวกเรา ซึ่งทำให้เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง และเรายังรู้สึกเคารพรักอย่างสุดซึ้งต่อชาวไทยทุกท่านที่มอบความไว้วางใจให้แก่นักเตะคนสำคัญมายังคาวาซากิ ฟรอนทาเล่ของพวกเรา"

"ทางสโมสรยินดีต้อนรับบุคคลสำคัญของทุกท่านด้วยความอบอุ่น จากนี้ไปเราจะใช้โซเชียลมีเดียในการเผยแพร่ข้อมูลมากมายให้ทุกท่านได้เห็น เราอยากให้ทุกท่านได้รู้จักคาวาซากิ ฟรอนทาเล่ให้มากขึ้น และเราก็จะศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยให้มากขึ้นเช่นกัน"

"ยินดีต้อนรับชนาธิป สรงกระสินธ์และชาวไทยทุกท่านสู่คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ อย่าลืมติดตามบัญชีอย่างเป็นทางการของคาวาซากิ ฟรอนทาเล่กันนะ" ทีมแชมป์เจลีก แถลงปิดท้าย

ผู้เชี่ยวชาญ ยังกังขา ‘เดลตาครอน’ สายพันธุ์ใหม่จริง หรือถอดรหัสผิดพลาด?

ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกบางส่วนชี้ โควิด-19 “เดลตาครอน” อาจเกิดจากความผิดพลาดของการถอดรหัสในห้องแล็บ

เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) มีข่าวที่สร้างความตระหนกให้กับคนทั้งโลกอีกครั้ง เมื่อ ลีออนดิออส คอสตริคิส (Leondios Kostrikis) ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพจากมหาวิทยาลัยไซปรัส ประเทศไซปรัส รายงานว่า ตรวจพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสม ระหว่างเชื้อสายพันธุ์เดลตากับโอมิครอน เรียกว่า “เดลตาครอน (Deltacron)”

“ขณะนี้มีการติดเชื้อร่วมของโอมิครอนและเดลตา และเราพบว่าสายพันธุ์นี้เป็นการรวมกันของสองสายพันธุ์นี้” คอสตริคิสบอก

เขาให้เหตุผลว่า ที่เชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมกัน เนื่องจากมีการระบุลายเซ็นทางพันธุกรรมที่เหมือนโอมิครอนภายในจีโนมของสายพันธุ์เดลตา

คอสตริคิสและทีมวิจัยของเขาได้รายงานพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาครอนแล้ว 25 ราย โดยข้อมูลลำดับพันธุกรรมของผู้ติดเชื้อเดลตาครอนทั้ง 25 รายนี้ได้ถูกส่งไปยัง GISAID หรือฐานข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของไวรัสระหว่างประเทศแล้งเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คอสตริคิสเชื่อว่า อย่างไรสายพันธุ์ใหม่นี้จะถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์โอมิครอนที่มีศักยภาพในการแพร่เชื้อได้สูงกว่าอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หลังสื่อทั่วโลกมีการรายงานการค้นพบนี้ของไซปรัสออกไป ก็มีเสียงแสดงความไม่เห็นด้วยจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนทั่วโลก โดยระบุว่า “การค้นพบดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดในห้องแล็บ โดยเป็นการปนเปื้อนของไวรัสที่อยู่ในแล็บ”

ดร.ครูติกา คุปปาลี แพทย์โรคติดเชื้อที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเพียงว่า “เดลตาครอนไม่มีอยู่จริง” โดยเธอเขียนข้อความบนทวิตเตอร์ว่า “เดลตาครอนไม่ใช่ของจริง และน่าจะเกิดจากการเรียงลำดับพันธุกรรมผิดพลาด จากการปนเปื้อนของชิ้นส่วนโอมิครอนในตัวอย่างสายพันธุ์เดลตาในห้องแล็บ”

ในขณะเดียวกัน ดร.ทอม พีค็อก นักไวรัสวิทยาจากอิมพีเรียลคอลเลจ สหราชอาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสระดับโลก กล่าวในทวิตเตอร์ว่า ลำดับพันธุกรรมของโควิด-19 เดลตาครอนที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกรายงานออกไปแล้วนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดจากการปนเปื้อนระหว่างสารพันธุกรรมของโอมิครอนและเดลตาในห้องปฏิบัติการ เวลาถอดรหัสพันธุกรรมจึงมีรหัสปนกันออกมาเสมือนเกิดเป็นสายพันธุ์ลูกผสม

“และจากการนำเอาข้อมูลรหัสพันธุกรรมมาสร้างเป็นแผนภูมิวิวัฒนาการ Phylogenetic Tree พบว่าตัวอย่างผู้ติดเชื้อทั้ง 25 รายไม่ได้มาจากคลัสเตอร์เดียวกัน ซึ่งแปลก เพราะหากเป็นสายพันธุ์ลูกผสมเพิ่งเกิดใหม่ ยังไม่ระบาดเป็นวงกว้าง ควรจะอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน” ดร.พีค็อกระบุ

เขาเสริมว่า ลำดับพันธุกรรมของเดลตาที่มีการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์อื่นปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว เช่น การพบการกลายพันธุ์ของมิวในเดลตา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดขึ้น

ด้าน ศ.นิก โลแมน ผู้เชียวชาญด้านจีโนมของจุลินทรีย์จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา กล่าวว่า แม้ว่าการเกิดลูกผสมระหว่างเดลตาและโอมิครอนจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่ก็เห็นพ้องกับผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นว่า การค้นพบเดลตาครอนของไซปรัสน่าจะเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมของไวรัสมากกว่า

สำหรับประเทศไทยเอง ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์ข้อความระบุว่า “ไวรัสชื่อประหลาดอย่างเดลตาครอน ถ้ามีจริงต้องแยกเชื้อออกมาให้ได้ เพิ่มปริมาณได้ และถอดรหัสออกมาได้ชัดเจน การได้ข้อมูลจากคนป่วยมาโดยตรง รีบถอดรหัส โอกาสสูงมากคือ การปนเปื้อนของไวรัสทั้งเดลตาและโอมิครอนที่อยู่ในแล็บ อย่าได้ขึ้นพาดหัวข่าวรีบเร่งบอกสื่อทั้งๆ ที่ยังไม่วิเคราะห์ผลให้ถี่ถ้วนก่อน

“ส่วนตัวเห็นด้วยกับ ดร.ทอม พีค็อก ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่กับข้อมูลไวรัสทุกวันทั้งวัน บอกว่าหลังดูข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมว่า ไวรัสชื่อประหลาดนี้ ไม่น่ามีอยู่จริงครับด้วยเหตุผลข้างต้น จำเป็นต้องเพาะออกมาให้เห็นจริงๆ ก่อนค่อยเชื่อ ... ถาม WHO ก่อนก็ดีนะ ก่อนเรียกอะไรแบบเดลตาครอน”

ขณะที่ศูนย์จีโนม รพ.รามาธิบดี ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า “ถามว่าเกิดสายพันธุ์ลูกผสม “เดลตาครอน” ขึ้นที่ไซปรัสแล้วใช่หรือไม่ คำตอบคือน่าจะไม่ใช่”

โดยศูนย์จีโนมได้นำข้อมูลรหัสพันธุกรรม 25 ตัวอย่างที่ไซปรัสได้แชร์ไว้ให้ GISAID มาวิเคราะห์เอง ก็พบว่า เมื่อนำข้อมูลรหัสพันธุกรรมมาสร้างเป็นแผนภูมิวิวัฒนาการ Phylogenetic Tree ตัวอย่างทั้ง 25 รายไม่ได้มาจากคลัสเตอร์เดียวกัน โดยเพราะหากเป็นสายพันธุ์ลูกผสมเพิ่งเกิดใหม่ มีที่มาจากแหล่งเดียวกันยังไม่ระบาดเป็นวงกว้าง ควรจะอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกันไม่แตกกิ่งก้านสาขาไปมากมาย

“และจากรหัสพันธุกรรมทั้ง 25 ตัวอย่างบ่งชี้ว่าเป็นสายพันธุ์ “เดลตา” ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมของ “โอมิครอน” เข้ามาระหว่างการถอดรหัสพันธุกรรม” ศูนย์จีโนมระบุ

คำถามที่ตามมาคือหากมีสายพันธุ์ลูกผสมเกิดขึ้นมาจริงๆ ทางศูนย์จีโนมฯ จะตรวจพบหรือไม่ “คำตอบคือน่าจะตรวจพบ เพราะขณะนี้เราถอดรหัสพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยีสายยาว (long-read sequencing) ประมาณ 1,000 - 2,000 ตำแหน่งต่อสาย ดังนั้นหากพบรหัสพันธุกรรมของเดลตาและโอมิครอนผสมปนกันอยู่ในสายเดียวกัน ก็แสดงว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์ลูกผสม”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย มอบทุนการศึกษาในระดับชั้นประถม และทุกระดับปีสุดท้าย (ทุนสัญจร) แก่เยาวชนภาคใต้ รวม 6 จังหวัด 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา และทุนทุกระดับปีสุดท้าย (ทุนสัญจร) ประจำปี พ.ศ. 2564 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่ภาคใต้ 6 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดตรัง สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง และกระบี่ รวม 265 ทุน รวมเป็นเงินจำนวน 2,255,000 บาท (สองล้านสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน)

เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมตามที่มุ่งหวัง เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้ สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในปีนี้มูลนิธิฯ กำหนดให้มอบผ่านระบบออนไลน์ [Zoom] โดยมีบุคลากรจากสถานศึกษา และเยาวชนจากสถาบันต่างๆ ร่วมในพิธีมอบผ่านระบบออนไลน์ 

การมอบทุนการศึกษาของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แบ่งเป็นการมอบทุนระดับชั้นประถมศึกษา ทุนต่อเนื่องในทุกระดับชั้น และทุนทุกระดับปีสุดท้าย มอบ ณ ที่ทำการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กรุงเทพฯ รวม 2,336 ทุน และมอบทุนการศึกษาสัญจรในระดับชั้นประถม และทุกระดับปีสุดท้ายให้แก่สถาบันการศึกษาในส่วนภูมิภาค โดยปีนี้มูลนิธิฯได้มอบให้กับเยาวชนในพื้นที่ภาคใต้ รวม 265 ทุน  รวมทุนการศึกษาที่มอบทั้งหมดในปี พ.ศ. 2564 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 16,930,000 บาท (สิบหกล้านเก้าแสนสามหมื่นบาทถ้วน)  

สธ.ประเมินสถานการณ์ ‘โอมิครอน’ ลาม 2 เดือน แต่จะค่อยๆ ลดลง พร้อมคุมอยู่ภายใน 1 ปี

สธ. งัด 4 มาตรการรับมือโอมิครอน มุ่งชะลอการระบาดให้ระบบสาธารณสุขดูแลได้ คาดระบาดอย่างน้อย 2 เดือน จ่อลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง ปีนี้โควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น หากอัตราตายลดเหลือ 0.1% จังหวัดยอดพุ่งอีก 2 สัปดาห์ค่อยๆ ลด

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รุจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 65 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า แผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกมกราคม 2565 หรือโอมิครอน มี 4 มาตรการ คือ 

1.) มาตรการสาธารณสุข จะมุ่งชะลอการระบาดเพื่อให้ระบบสาธารณสุขดูแลได้ ฉีดวัคซีนเพิ่มภูมิต้านทานให้ประชาชน คัดกรองตนเองด้วย ATK ติดตามเฝ้าระวังกลายพันธุ์ 

2.) มาตรการการแพทย์ มุ่งเน้นใช้ระบบดูแลที่บ้านและชุมชน (Home Isolation/Community Isolation) ระบบสายด่วนประสานการดูแลผู้ติดเชื้อ ช่องทางด่วนส่งต่อเมื่อมีอาการมากขึ้น และเตรียมพร้อมยาและเวชภัณฑ์ โดยในส่วนของยาฟาวิพิราเวียร์ยังมีประสิทธิภาพดีในการรักษาผู้ติดโควิด-19 ถ้าเริ่มต้นให้เร็วรวมถึงโอมิครอนด้วย ขณะนี้มีสำรองประมาณ 158 ล้านเม็ด

3.) มาตรการสังคม ประชาชนใช้การป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด (UP : Universal Prevention) และสถานบริการปลอดความเสี่ยงโควิด (COVID Free Setting) 

และ 4.) มาตรการสนับสนุน ค่าบริการรักษาพยาบาล และค่าตรวจต่างๆ 

ทั้งนี้ ในปี 2565 จะก้าวเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นของโรคโควิด-19 โดยเชื้อลดความรุนแรง ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านทาน และชะลอการแพร่ระบาด

ผู้สื่อข่าวถามว่า โควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การจะเป็นโรคประจำถิ่นเกิดจากลักษณะตัวโรคลดความรุนแรงลง ประชาชนมีภูมิต้านทาน ระบบรักษามีประสิทธิภาพ ลดอัตราป่วยหนัก เพื่อให้อัตราเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำมาก สาเหตุที่โควิดเป็นโรคระบาดรุนแรง เพราะอัตราเสียชีวิตสูงถึง 3% และค่อยๆ ลดลง หากลดมาถึง 0.1% ก็จะเข้าข่ายโรคประจำถิ่นได้ ส่วนอีกนานหรือไม่ ตนได้ปรึกษากับกรมควบคุมโรคว่า ขณะนี้เป็นระลอกโอมิครอนที่จะอยู่ประมาณ 2 เดือนจากนั้นจะค่อยๆ ลดลง เกิดพีคเล็กๆ ไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ หากการจัดการวัคซีนดี ประชาชนร่วมฉีดให้มีภูมิต้าน โรคไม่กลายพันธุ์เพิ่ม การติดเชื้อไม่รุนแรงมากขึ้น ก็คาดว่าภายในปีนี้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นไปได้

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคพิจารณาลดวันกักตัว กรณีเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเดิมจะต้องกักตัวนาน 14 วัน ซึ่งนานกว่ากรณีคนติดเชื้อที่รักษาในรพ. ที่อยู่ที่ 10 วัน จึงให้พิจารณาดูว่าสามารถลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงเหลือ 7 วันได้หรือไม่ รวมถึงการปรับนิยามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใหม่ หากใส่หน้ากากอนามัยถือเป็นสัมผัสเสี่ยงต่ำ แต่หากสัมผัสระหว่างที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยจึงจะถือเป็นสัมผัสเสี่ยงสูง

โฆษก ตร. เตือน!! "เมาแล้วขับ" คุก 10 ปี เพิกถอนใบขับขี่ เสี่ยง "อุบัติเหตุร้ายแรง"

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย 

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

มาตรา 43 (2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาทถึง 120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ
(1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6  
(2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้น ๆ

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกักตัวผู้นั้นไว้ดําเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จําเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากผู้นั้นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ ประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

วันนี้ (11 ม.ค. 2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ร่วมกับ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง จตช. ประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งในครั้งแรกในวันที่ 16 ม.ค.65 เขตเลือกตั้งที่ 1 จว.ชุมพร, เขตเลือกตั้งที่ 6 จว.สงขลา รวมมีหน่วยเลือกตั้งจำนวน 495 หน่วย ส่วนในครั้งที่ 2 ในวันที่ 30 ม.ค.65 เขตเลือกตั้งที่ 9 (บางเขน) จว.กทม. มีหน่วยเลือกตั้งจำนวน 280 หน่วย

พล.ต.ท.สราวุฒิฯ กล่าวว่า ได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้

1. เป็นประชุมเตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์ด้านการข่าว และกำชับการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่หน่วยเลือกตั้งโดยแบ่งภารกิจเป็นก่อนเลือกตั้ง ขณะเลือกตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิด พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562

2. ก่อนการเลือกตั้งให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในพื้นที่ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.65 เป็นต้นไป ที่ผ่านมาพบ 3 เหตุ ที่ จว.ชุมพร

​2.1 การทำลายป้ายหาเสียง 2 เหตุ ของผู้สมัคร พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้สมัครฯ หมายเลข 5 พรรคกล้า อยู่ในระหว่างการสืบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริง

​2.2 เหตุยิงปืนลงพื้นถนนขณะที่รถหาเสียงของ พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้สมัครฯ หมายเลข 5 พรรคกล้า จอดอยู่ใกล้เคียง จับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว จากการสอบสวนเหตุการณ์เกิดจากผู้กระทำผิด   เสพยาเสพติดเกินขนาดจึงเกิดอาการประสาทหลอนและก่อเหตุดังกล่าว

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม ไทยที่ 1 เอเชีย ที่ 11 ของโลก ประเทศที่เหมาะใช้ชีวิตหลังเกษียณ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 11 ของโลก และนับเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย จากผลการจัดอันดับ The World’s Best Places to Retire in 2022 หรือประเทศที่ดีที่สุดในโลกที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณ ปี 2565 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร International Living ซึ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 นี้

จากผลการจัดอันดับนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นอีกครั้งที่ประเทศไทยมีชื่อเสียง เป็นที่นิยมระดับโลก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าประเทศไทยน่าอยู่ไม่แพ้ที่ใดในโลก ผู้ที่ได้เคยมาสัมผัส ไม่ว่าจะมาเที่ยว หรือมาทำงานต่างหลงรักความเป็นไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่มีส่วนสำคัญ มีมิตรไมตรีต่อกัน และต่อชาวต่างชาติ จนทำให้ประเทศได้รับการจัดอันดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ร้านอาหาร จ.ตรัง สวนกระแสหมูแพง ขายข้าวกะเพราหมูถาดละ 20 บาท อิ่มแบบจุกๆ

อดีตครูสาววัย 43 ปี ชาวตำบลหนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ลาออกจากครูอัตราจ้างหันมายึดอาชีพขายอาหารตามสั่งเกือบ 30 เมนู ยกถาดขายราคาถาดละ 20 บาท สวนกระแสหมูแพง แถมแน่นให้เยอะ อิ่มจุกในราคาเดียวไม่มีการปรับขึ้น ส่วนน้ำ-น้ำแข็งฟรี

น.ส. รินทร์นภา เฉลิมชัย (คุณรส) อายุ 43 ปี อดีตครูอัตราจ้างโรงเรียนวัดชลวาปีฯ ที่ผันตัวเองมาขายอาหารตามสั่ง ชื่อร้านsitนี่@ หนักแบก อยู่หมู่ที่ 3 ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ติดกับโรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร โดยได้เริ่มเปิดขายเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 15-20 บาท มีให้เลือกอิ่มเกือบ 30 เมนู เช่น ข้าวไข่เจียวถาดละ 15 บาท ข้าวกะเพราทุกชนิดถาดละ 20 บาท ผัดเครื่องแกงราดข้าวหมู/ไก่ ถาดละ 20 บาท ผักพริกราดข้าว และอื่น ๆ ซึ่งทุกเมนูข้าวเน้นใส่ถาดยกมาเสิร์ฟ เพราะใส่จานมันเล็กไป

ส่วนอีกประมาณ 10 เมนูที่เหลือมีราคามากกว่า 20 บาทเล็กน้อย เช่น กะเพราทะเลขายถาดละ 30 บาท ส้มตำราคา 25-30 บาท ตำผลไม้ 40 บาท สเต๊กไก่/หมู/ปลา แถมสลัดผักและเฟรนช์ฟรายส์ ราคา 59 บาทเท่านั้น ขณะที่วันนี้ราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 200 บาท

แม้ว่าขณะนี้ราคาเนื้อหมูจะราคาแพงขึ้น แต่เจ้าของร้านยังยืนยันจะขายกะเพราหมูถาดละ 20 บาทเหมือนเดิม เน้นทั้งปริมาณและคุณภาพ อิ่มจุก อร่อยแบบประหยัด แถมบริการน้ำ-น้ำแข็งฟรี เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ โดยหลังชาวบ้านทราบข่าวว่าที่ร้าน sitนี่@ หนักแบก ขายอาหารในราคาถูกที่สุดในจ.ตรัง ทำให้มีลูกค้าแวะมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน ในเวลา 10.00 น. เพราะว่าราคานี้หากินที่ไหนไม่ได้ในจ.ตรัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top