Friday, 10 May 2024
NEWS

‘มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง’ ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วม! จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพ บรรเทาทุกข์ชาวอยุธยา - อ่างทอง กาญจนบุรี - สุพรรณบุรี และสิงห์บุรี

ระหว่างวันที่ 26 - 29 ตุลาคม 2564 นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ มอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา และน้ำมันพืช ยาทากันยุง และยาทาน้ำกัดเท้า แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และสิงห์บุรี รวม 5 จังหวัด รวม 2,800 ชุด  คิดเป็นมูลค่า 980,000 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) โดยมี สมาคม/มูลนิธิฯ แต่ละจังหวัดเป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โดยในวันนี้ (วันที่ 27 ตุลาคม 2564) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ลงพื้นที่จังหวัดนำเครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 500 ชุด ณ เทศบาลตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

และในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 28 ตุลาคม 64) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 600 ชุด แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีมูลนิธิร่วมบุญสุพรรณบุรี ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

 

“ผบ.กร.” ติดตามผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ รับทราบ ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะ ของหน่วยขึ้นตรง ให้ผลการปฏิบัติงาน เป็นไปตามนโยบาย เห็นผลภายใน 100 วัน

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ  เข้ารับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ รวมทั้งรับทราบถึงปัญหา  อุปสรรค  ข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะ ของหน่วยขึ้นตรง ณ ห้องประชุม บก.กร.2 โดยให้หน่วยต่างๆ บรรยายสรุปสรุป 2 วัน คือ วันที่ 27 ต.ค.64 ประกอบด้วย กองเรือตรวจอ่าว , กองเรือยามฝั่ง , กองเรือดำน้ำ และกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ และ วันที่ 3 พ.ย.64 ประกอบด้วย กองเรือฟริเกตที่ 1 , กองเรือฟริเกตที่ 2 , กองเรือบรรทุกเฮลิคอปตอร์ และกองการบินทหารเรือ เพื่อเป็นการติดตาม รวมทั้งช่วยเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ต้องการการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะส่งผลให้แผนงานของกองเรือยุทธการที่ตั้งไว้ ให้เห็นผลภายใน 100 วัน นับจากวันแถลงนโยบายผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ โดยมีหัวข้อ 

1. ดำเนินการฝึกองค์บุคคลและยุทธวิธีกองเรือ ควบคู่ไปกับการเตรียมการฝึกเพื่อรองรับแนวทาง การใช้กำลังของกองทัพเรือ หรือการฝึกอื่นๆ ที่จะเกี่ยวข้อง เช่น การช่วยเหลือและกู้ภัยเรือดำน้ำ Harbor Control/ Harbor Defence

2. ดำเนินการและเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง จนได้ตัวผู้ขายหรือผู้รับจ้าง

3. จัดสวัสดิการให้กับกำลังพลของกองเรือยุทธการ ในการดำเนินการซ่อม/ปรับปรุงบ้านพักของกองเรือยุทธการให้ได้ในเบื้องต้น 50 หลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามลำดับความจำเป็น และดำเนินการต่อเนื่องให้ครอบคลุมบ้านพักของกองเรือยุทธการที่ต้องซ่อม/ปรับปรุงทั้งหมดต่อไป รวมทั้งการจัดรถรับ-ส่งกำลังพล

4. ตรวจสอบ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการซ่อมบำรุงเรือและอากาศยาน รวมทั้งยุทโธปกรณ์อื่นๆ พร้อมจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยรายการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 65 แล้ว ได้รับการเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนการซ่อมบำรุง และรายการที่ไม่ได้รับงบประมาณ แต่มีความสำคัญ และส่งผลกระทบต่อความพร้อมของกำลังรบ ได้รับการเสนอขอรับงบประมาณนอกแผนเพิ่มเติม

5. จัดทำความต้องการโครงการเสริมสร้างกำลังรบ ให้สอดคล้องกับความต้องการตามยุทธศาสตร์และแผนแม่บทการพัฒนากองทัพเรือ ด้านการเสริมสร้างกำลังรบ รวมทั้งสถานภาพและความต้องการความพร้อมของเรือและอากาศยานของกองเรือยุทธการ 

 

เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าเผย 100 ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ระดับโลกร่วมลงชื่อ กระตุ้น WHO เปลี่ยนจุดยืนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับโลกกว่า 100 รายร่วมกันลงชื่อในจดหมายที่ส่งไปยัง WHO เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขจุดยืนเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ชี้ไทยยังคงปฏิเสธทางเลือกของผู้สูบบุหรี่ด้วยอคติและการไม่ยอมรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ พร้อมเรียกร้องไทยสร้างความโปร่งใสในการพิจารณานโยบายเกี่ยวกับยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ” นำโดยนายอาสา ศาลิคุปต และนายมาริษ กรัณยวัฒน์ สองแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เปิดเผยว่า “ผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนานโยบายเกี่ยวกับยาสูบกว่า 100 คน กำลังมีความกังวลเกี่ยวกับจุดยืนขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO ที่ยังคงมองข้ามศักยภาพของบุหรี่ไฟฟ้าในการช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ จึงได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้ WHO สนับสนุนและรวมเอาหลักการลดอันตราย (Harm Reduction) เข้าไปไว้ในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบด้วย”

ในจดหมายที่ 100 ผู้เชี่ยวชาญร่วมกันลงชื่อ เผยว่ามีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ลดหรือเลิกการสูบบุหรี่ได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 3.4 ที่มุ่งลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อของประชากรโลก นอกจากนี้ ในจดหมายยังได้ ระบุข้อเรียกร้อง 6 ประการ ได้แก่ 1) ให้ WHO และประเทศสมาชิกสนับสนุนแนวทางการลดอันตราย 2) การพิจารณานโยบายของ WHO ต้องมีความครอบคลุมเหมาะสม ทั้งกับผู้สูบบุหรี่ ผู้ไม่สูบบุหรี่ และการป้องกันเยาวชนจากความเสี่ยงในการใช้บุหรี่ไฟฟ้า 3) การจะแบนบุหรี่ไฟฟ้าต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมาอย่างไม่ตั้งใจด้วย 4) ใช้มาตรา 5.3 ของ FCTC อย่างเหมาะสม 5) การประชุม FCTC ควรเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายเพื่อสร้างความโปร่งใส และ 6) ริเริ่มการทบทวนอย่างเป็นอิสระต่อแนวทางของ WHO และ FCTC

นายอาสากล่าวว่า “การแบนบุหรี่ไฟฟ้าตลอด 7 ปีที่ผ่านมาของประเทศไทย เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวในการควบคุมยาสูบ การปฏิเสธนวัตกรรม และการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้บริโภค จนทำให้ผู้สูบบุหรี่ยังคงได้รับอันตรายจากควันบุหรี่ต่อไป พอมีใครเสนอให้พิจารณาหาทางควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ กลุ่มรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ในประเทศไทยมักจะอ้าง WHO โดยไม่พิจารณาว่าหน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำของโลก เช่น สาธารณสุขอังกฤษ สาธารณสุขนิวแลนด์ ยูเอสเอฟดีเอ ต่างก็มีจุดยืนที่ส่งเสริมการลดอันตรายและการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนการสูบบุหรี่เพื่อลดอันตรายให้กับผู้ที่จะสูบบุหรี่ต่อไป ในขณะที่ป้องกันการเข้าถึงของเด็กเยาวชนควบคู่กัน”

จดหมายฉบับดังกล่าวทำขึ้นก่อนการจัดการประชุมภาคีสมาชิกกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ครั้งที่ 9 (FCTC COP9) ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและรัฐบาลของหลายๆ ประเทศเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ระหว่างวันที่ 8-13 พฤศจิกายน และอาจจะมีการพิจารณามาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบลดความเสี่ยงในการประชุมครั้งนี้

‘จีน’ เล็งยกระดับเชื่อมสัมพันธ์อาเซียนยิ่งกว่าเก่า ฝ่าดงกรณีพิพาททะเลจีนใต้ที่ยังคลุมเครือ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า จีนต้องการ ‘ยกระดับความสัมพันธ์’ กับประเทศอาเซียน โดยเรียกร้องให้มีการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนหน้า ซึ่งประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง ในขณะที่จีนพยายามขยับขยายเข้ามายังภูมิภาคอาเซียนที่สหรัฐกำลังแย่งชิงอิทธิพลอยู่เช่นกัน นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง ของจีนประกาศข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีนที่บรูไน 

การยกระดับความสัมพันธ์ ซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘ข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม’ ดูเหมือนจะกว้างขวางครอบคลุมกว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบันของจีนกับอาเซียน และยังประกาศก่อนที่จะมีการประชุมทางไกลระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และอาเซียนไม่กี่ชั่วโมง

โดยประธานาธิบดี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์สนับสนุนแผนของจีนที่จะยกระดับความสัมพันธ์กับอาเซียน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความร่วมมือระหว่างกันไว้แล้ว

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทย แสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวังกับข้อเสนอนี้ โดยกล่าวว่า “การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางพลวัตของสถานการณ์ที่ซับซ้อนในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม”

“ประวิตร” ถก กก. กกท.เร่งแก้ พ.ร.บ."ควบคุมการใช้สารต้องห้าม" หวั่น กระทบมหกรรมกีฬา  สั่งเร่ง บรรจุ"มวยไทย"ทันโอลิมปิกสมัยหน้า

การเมือง / ทำเนียบ / 27 ต.ค.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)ครั้งที่ 9/2564 โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วม

โดยที่ประชุมรับทราบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 ให้สอดคล้องกับประมวลกฎการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก และรับทราบรายงาน ผลการประเมินการบริหารจัดการ อย่างมีมาตรฐาน ของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยตามเงื่อนไข สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ประจำปี64 ซึ่งในภาพรวมสมาคมส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 ที่มีความรุนแรงในทุกพื้นที่ ประกอบกับมาตรการการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากภาครัฐ ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมต่างที่กำหนดไว้ในแผนของแต่ละสมาคม ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้เต็มที่  

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย ในการบรรจุกีฬามวยไทย ให้มีการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ สมัยหน้า

‘หนึ่ง จักรวาล’ โพสต์ขอโทษ ‘จับก้น-พุง’ ลูกสาว รับปาก!! จะระมัดระวังให้มากขึ้น

‘หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม’ นักร้อง-นักดนตรีชื่อดัง โพสต์ข้อความขอโทษ หลังโดนชาวเน็ตวิจารณ์เดือดปมคลิปจับก้น-จับพุงลูกสาวที่ถูกมองว่าไม่สมควร เจ้าตัวขอโทษ รับปากจะระมัดระวังการแสดงออกความรักต่อลูกให้มากขึ้น

จากกรณีดราม่าเดือด หลังจากที่ ‘หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม’ นักร้อง-นักดนตรีชื่อดัง โพสต์คลิปหยอกล้อลูกสาวลงอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นคลิปแกล้งบีบก้นและจับพุงลูก พร้อมหอมแก้มลูกด้วยความมันเขี้ยว งานนี้เจอชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์แรงว่าไม่เหมาะสม จะอ้วก น้องโตเป็นสาวแล้ว คุณพ่อไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวน้องแบบนั้น และไม่ควรลงในสื่อ ขณะที่มีคนเห็นต่างมองว่าเป็นการหยอกล้อกับลูก เป็นความผูกพันในครอบครัว คนคิดแบบนั้นมีแต่คนจิตอกุศลเท่านั้น

เปิดจองแล้ว! มอเตอร์ไซค์เหาะ ‘XTURISMO’ จากหนังไรเดอร์! สู่คันจริง สนนราคา 77 ล้านเยน

บริษัท A.L.I.Technologies ของญี่ปุ่นเปิดตัวมอเตอร์ไซค์เหาะ XTURISMO แบบเดียวกับหนังคาเมนไรเดอร์ภาคล่าสุดนำมาจำหน่ายจริง

ลักษณะของรถจะมีใบพัดขนาดใหญ่ 2 อันตรงกลางใช้บินขึ้นฟ้า ด้านหน้าและหลังมีใบพัดเสริมรวมกัน 4 อันช่วยในการเคลื่อนที่อย่างมั่นคง วิธีบังคับคล้ายมอเตอร์ไซค์ปกติ มีการสาธิตด้วยเทคโนโลยี VR สวมแว่นลองขับ

ความยาวตัวรถจะอยู่ที่ 3.7 เมตร กว้าง 2.4 เมตร น้ำหนัก 300 กิโลกรัม ทำความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บินได้นานประมาณ 40 นาที ใช้พลังงานน้ำมันและไฟฟ้า โดยตั้งเป้าจะพัฒนาให้เป็นไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2025

‘สำนักเลขานุการในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ จัดพิธีสวดเจริญพุทธมนต์เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ถวาย "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" 88 พรรษา และเสด็จประทานรางวัล "เทพมเหศักดิ์" ประจำปี 2564

วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ณ เรือนไทยเพชรไพลิน มหาวิทยาลัยธนบุรี แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ เวลา 08.30 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ (พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ) เสด็จเป็นประธาน กราบอาราธนานิมนต์พระคุณเจ้าสวดเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 24 ตุลาคม 2564 (ครบรอบ 88 ชันษา) และทรงกรุณาถวายภัตตาหารเช้าแก่ พระมหาเถรานุเถระ ในการนี้ได้รับเมตตาจาก "พระเดชพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ " กรรมการมหาเถรสมาคม,เจ้าอาวาสวัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นองค์ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปัญญามุนี เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม / พระราชกิตติมงคล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัสราชวรวิหาร ตลอดจนพระมหาเถระจำนวน ๙ รูป ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวาย

หลังจากนั้นเวลา 10.39 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จเป็นองค์ประธาน ในพิธีประทานรางวัล ประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ รางวัล "เทพมเหศักดิ์ " ประจำปี 2564 แด่ ผู้ ผู้สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ  ประทานให้เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ และเป็นแรงขับเคลื่อนการดำเนินงานกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนพิการ 

จากนั้น "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ประธานจัดงานฯ ขอประทานอนุญาต"กราบทูลถวายรายงานวัตถุประสงค์โครงการฯ

 

‘เลขาธิการ สปส.’ ลุย! ตรวจติดตามการขับเคลื่อนโครงการ “Factory Sandbox” จ.สมุทรปราการ

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่ในจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจเยี่ยมโรงงาน ตามโครงการ “Factory Sandbox” ณ บริษัท ศูนย์บริการเหล็กสยาม จำกัด (มหาชน) อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีนายพินิจ ผุดไซตู ประกันสังคมจังหวัดสมุทรปราการ นายสุรศักดิ์ คุณานันทกุล ผู้อำนวยการบริษัท ศูนย์บริการเหล็กสยาม จำกัด (มหาชน) นายฮิโรยูกิ อิโนกูจิ รองผู้อำนวยการ บริษัท ศูนย์บริการเหล็กสยาม จำกัด (มหาชน) นายแพทย์เขตโสภณ จัตวัฒนกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิครินทร์ สมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่ และพนักงานบริษัท ศูนย์บริการเหล็กสยาม จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ “Factory Sandbox” ภายใต้นโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานในการกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วนของประเทศ กระทรวงแรงงาน

โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีแนวคิดในการจัดการโครงสร้างและกระบวนการในลักษณะ “เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข” ที่มุ่งเป้าดำเนินการควบคู่กันระหว่าง สาธารณสุขและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการผลิต ซึ่งถือเป็นกลไกหลักที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน โดยมีหลักการสำคัญ คือ ตรวจ รักษา ควบคุม ดูแล เพื่อให้การบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเกิดประโยชน์สูงสุดและตรงกลุ่มเป้าหมาย ให้ผู้ประกันตนในสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการในภาคการผลิตและอุตสาหกรรมส่งออก

ซึ่งมีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ในพื้นที่ 11 จังหวัดนำร่องที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ระยอง ลพบุรี สระบุรี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ได้รับการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 โดยให้มีการจำกัดอยู่ในพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างอันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนสุขภาวะของประชาชนทั่วประเทศ ตามแนวทางโครงการ “Factory Sandbox”

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีความมุ่งมั่น และทุ่มเทการทำงาน พร้อมร่วมช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ดำเนินธุรกิจไปต่อโดยไม่ต้องหยุดการผลิต และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนในทุกสถานการณ์อย่างทันท่วงที และรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจากผลกระทบในทุกด้านเพื่อหาแนวทางกำหนดมาตรการแก้ไขให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

 

 

ต่างชาติคิดหนัก หากหวังเกิดใหม่ใน 'ฟินแลนด์' เหตุรัฐโบกมือเรียก แต่คนถิ่นโบกมือไล่

ถ้าพูดถึงฟินแลนด์ คงหนีไม่พ้นการเป็นเมืองในฝันของใครหลายคน ที่ติดอันดับเมืองที่มีค่าดัชนีความสุขสูงติดอันดับท็อปของโลก มีคุณภาพชีวิตสูง เปี่ยมล้นด้วยสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชน มีสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม แต่มีอัตราการคอร์รัปชัน อาชญากรรมต่ำ

ทว่า ถึงแม้จะมีสุดยอดโปรไฟล์ที่ใคร ๆ ก็อิจฉา แต่ในประเทศฟินแลนด์ ก็ยังมีปัญหาเรื้อรังมานานที่กำลังเข้าขั้นวิกฤติ ก็คือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้หลายประเทศในยุโรป ล้วนประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานหรือหาคนทำงานระดับทั่วไปได้ยาก เพียงแต่ประเทศฟินแลนด์ดูจะเจอปัญหาหนักกว่าใคร ๆ ในย่านนี้ อันเนื่องมาจากประเทศฟินแลนด์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่เราเรียกว่ายุค Grey Generation 

โดยสัดส่วนผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปในฟินแลนด์มีสูงถึง 39.2 คนต่อประชากรวัยทำงาน 100 คน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงญี่ปุ่นเท่านั้น และคาดว่าสัดส่วนประชากรวัยเกษียณของฟินแลนด์จะพุ่งไปถึง 47.5% ภายในปี 2030 นี้ 

แต่ปัญหาของฟินแลนด์ที่ดูจะหนักกว่าของญี่ปุ่นนั้น ก็เพราะฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีประชากรเบาบางมาก เพียง 5.5 ล้านคนเท่านั้น หากเทียบกับญี่ปุ่นที่มีประชากรถึง 125 ล้านคน 

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลฟินแลนด์จะต้องทำเพื่อแก้ปัญหาด้านแรงงาน คือ ต้องสนับสนุนให้คนวัยหนุ่ม-สาว จากประเทศอื่นย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐาน ทำงานในฟินแลนด์ให้มากขึ้น อย่างน้อย 20,000 -  30,000 คนต่อปี เพื่อเติมเต็มความต้องการด้านแรงงานในประเทศ 

ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ยาก เพราะระดับประเทศแดนสวรรค์อย่างฟินแลนด์ประกาศขอรับคนต่างชาติย้ายถิ่นถาวร รับรองว่าจะต้องมีคนนับล้านจากทั่วโลกอยากเข้าไปตั้งรกรากทำงานในฟินแลนด์อย่างแน่นอน

แต่อุปสรรคใหญ่ของรัฐบาลฟินแลนด์คือ ยังมีกลุ่มนักการเมืองสายขวาจัดในฟินแลนด์ที่ต่อต้านการรับชาวต่างชาติเข้าเมือง โดยอ้างเหตุผลว่า ชาวต่างชาติมักมาสร้างปัญหา เป็นภาระภาษีของประชาชนมากกว่าจะมองในแง่การแก้ปัญหาแรงงานเพียงอย่างเดียว 

ส่วนชาวฟินแลนด์จำนวนไม่น้อย ก็ไม่ค่อยไว้ใจในการจ้างแรงงานต่างชาติมากนัก!!

นายอาห์เมด หนุ่มใหญ่วัย 42 ปีจากอังกฤษ ผู้มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเคยตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปหางานที่ฟินแลนด์ เล่าประสบการณ์ว่า ชาวต่างชาติหางานในกรุงเฮลซิงกิยากมาก ใบสมัครที่มาจากชาวต่างชาติมักถูกคัดทิ้งเป็นชุดแรก ๆ เสมอ แม้แต่ตัวเขาที่เคยผ่านงานด้านดิจิทัลมาก่อน การติดต่อธุรกิจกับบริษัทฟินแลนด์ยังมีอุปสรรคด้านวัฒนธรรมอยู่มาก ชาวฟินแลนด์บางคนยังไม่ยอมรับ แม้แต่จะจับมือทำความรู้จักกับชาวต่างชาติ

เรื่องปัญหาการสื่อสารก็เป็นเรื่องปวดใจไม่น้อย เมื่อชาวฟินแลนด์ไม่เปิดใจ เขาก็จะพูดภาษาฟินแลนด์ใส่หน้าคุณ โดยไม่สนใจว่าคุณจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ และกำแพงภาษามักเป็นเรื่องยากที่จะข้ามผ่านหากคุณไม่ได้เกิด หรือเติบโตในฟินแลนด์

“ผบ.ทสส.” พร้อม “ผบ.ทอ.” ร่วมทำการบินสังเกตการณ์ในตำแหน่งที่นั่งหลังของเครื่องบินขับไล่ GRIPEN 39 C/D เพื่อรับทราบสมรรถนะและขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ณ กองบิน 7อ

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พร้อมด้วย พล.อ.อ.นภาเดช  ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ตรวจเยี่ยมกองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี นาวาอากาศเอก พุทธพงศ์  ผลชีวิน ผู้บังคับการกองบิน 7 ให้การต้อนรับ 

โดยได้รับชมสาธิตการปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง หรือ Network Centric Operation (NCO)  ซึ่งกองทัพอากาศได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพเรือ เพื่อพัฒนาต่อยอดไปสู่การปฏิบัติการในรูปแบบ Multi Domain Operation (MDO) บนพื้นฐานการเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีของกองทัพไทย (National Link)

“ผบ.ทบ.” ลงพื้นที่ชายแดนตะวันตก หลังแรงงานเมียนมาทะลัก รับเปิดประเทศ 

พ.อ.ญ ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางตรวจเยี่ยมชายแดนทางด้านตะวันตกไทย-เมียนมา ด้าน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรสีห์ เพื่อติดตามภารกิจป้องกันชายแดน สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและไม่ผ่านการคัดกรองโรค ซึ่งเป็นไปตามบัญชาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ให้เหล่าทัพบูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่รับผิดชอบ เตรียมความพร้อมรับการเปิดประเทศใน พ.ย.นี้ 

โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้ตรวจเยี่ยมรับทราบผลการปฏิบัติงาน พร้อมกับให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ณ ฐานปฏิบัติการตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา หลายแห่ง ของหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ซึ่งภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชัน เส้นทางเข้า-ออก ยากลำบาก เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายและการลักลอบเข้าเมือง ได้แก่ จุดผ่อนปรนช่องทางตะโกบน, จุดตรวจแปดเหลี่ยม ในความรับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1109 และจุดตรวจบูรณาการร่วมของส่วนราชการ อ.สวนผึ้ง ได้พบปะให้กำลังใจกับตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัครสาธารณสุขและอาสาสมัครหมู่บ้าน  

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่าแนวโน้มการลักลอบเข้าเมืองในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น ทำให้การปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ยากลำบากยิ่งขึ้น ขอให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง และนำยุทโธปกรณ์พิเศษมาใช้ในการเฝ้าตรวจ ติดตั้งไฟส่องสว่างเพื่อช่วยตรวจการณ์ในเวลากลางคืน วางเครื่องกีดขวางปิดกั้นช่องทางธรรมชาติ รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในจังหวัดอย่างใกล้ชิด รวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน และติดตามการปฏิบัติทุกขั้นตอน นำไปสู่ต้นตอของขบวนการนำพา และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนในการดูแลพื้นที่ชายแดน ให้ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังเพื่อประเทศชาติ 

ทั้งที่ ในปี 64 ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผู้นำพา ได้ 3,036 คน สถิติล่าสุดตั้งแต่ 1-25 ต.ค.64 ตรวจพบการลักลอบ 61 ครั้ง 
ผู้หลบหนีเข้าเมือง 928 คนและผู้นําพา 33 คน ซึ่งมีแนวโน้มที่สูงขึ้นจึงต้องเฝ้าระวัง และเพิ่ม มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด ส่วนการติดตามการดําเนินคดีกับผู้นําพา ตั้งแต่ 1 ต.ค.63 ถึง ปัจจุบัน มีจํานวน 83 คดี และศาลตัดสินแล้ว จํานวน 25 คดี ถือเป็นการปฏิบัติงานของกองกำลังป้องกันชายแดน ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองด้วยกระบวนการตามกฎหมายอย่างเป็นระบบ

'ไบเดน' เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก รอบ 4 ปี ร่วมประชุม 'สุดยอดอาเซียน'

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ จะเข้าร่วมประชุมซัมมิตทางไกลกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในวันอังคาร (26 ต.ค.) เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่วอชิงตันจะมีส่วนร่วมในระดับสูงกับอาเซียน ที่ทางอเมริกามองว่าเป็นกุญแจสำคัญในยุทธศาสตร์ตีโต้กลับจีนของพวกเขา

สถานทูตสหรัฐฯ ในบรูไน เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ไบเดนจะเป็นผู้นำคณะผู้แทนของอเมริกาสำหรับการประชุมอาเซียนซัมมิท-สหรัฐฯ ส่วนหนึ่งในการประชุมหลายการประชุมของบรรดาผู้นำอาเซียนในสัปดาห์นี้

สหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมระดับประธานาธิบดีมานับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมปป์ ร่วมประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ ในกรุงมะนิลาปี 2017

พวกนักวิเคราะห์มองว่าการร่วมประชุมกับอาเซียนของไบเดน สะท้อนถึงความพยายามของประธานาธิบดีรายนี้ที่ต้องการประสานเชื่อมต่อพันธมิตรและคู่หูในความพยายามตีโต้กลับจีนร่วมกัน

ขณะเดียวกันพวกเขายังคาดหมายด้วยว่า ไบเดน จะมุ่งเน้นความร่วมมือเกี่ยวกับการกระจายวัคซีนโควิด-19 ภาวะโลกร้อน ห่วงโซ่อุปทานและโครงสร้างพื้นฐาน

ทัวร์ลงยับ!! หลัง ‘เก็ตสึโนวา’ แซะ จ้าง ‘ลิซ่า’ เคาท์ดาวน์ปีใหม่ แถมระรานคนเห็นต่างเป็นไอโอ อ้างแค่อยากร่วมแจม

วงดนตรีเก็ตสึโนวา โพสต์แซะ จ้างลิซ่าเคานต์ดาวน์ปีใหม่ที่ภูเก็ต ไม่คิดจ้างตัวเองบ้างเหรอ เจอทัวร์ลง หงายการ์ดด่าคนเห็นต่าง สุดท้ายลบโพสต์ ขอโทษขอโพย อ้าง อยากกลับไปเล่นดนตรีแล้วครับ

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. จากกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอของบประมาณ 200 ล้านบาท เชิญศิลปินมาแสดงในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อย่าง ลิซ่า ลลิสา มโนบาล หนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี แบล็กพิงก์ ที่บริเวณสะพานสารสิน จ.ภูเก็ต กับ แอนเดรีย โบเชลลิ นักร้องโอเปราชาวอิตาลี ที่ท้องสนามหลวง กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการใช้งบประมาณเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กับการนำงบประมาณจำนวนนี้ไปแก้ไขปัญหาโควิด-19 เช่น การจัดซื้อวัคซีนที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ เช่น mRNA

ปรากฏว่าวงดนตรีที่ชื่อว่า "เก็ตสึโนวา" จากค่ายไวท์มิวสิก ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ สร้างชื่อเสียงจากเพลง "ไกลแค่ไหนคือใกล้" ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเพจของวง ระบุว่า “ภูเก็ตจ้างลิซ่า ไม่สนใจจ้าง getsunova ไปด้วยเหรอครับ” ปรากฏว่าทัวร์ลงจากแฟนคลับลิซ่า เข้ามาแสดงความไม่พอใจจำนวนมาก

ต่อมา เฟซบุ๊กของวงได้โพสต์ข้อความโจมตีกลับ ระบุว่า "#อีกไม่นานนานแค่ไหน ที่ I.O. จะใช้เฟสจริงมาคอมเมนต์ซักที" ปรากฏว่าเรียกทัวร์ลงไปถึงกลุ่มผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แนวร่วมกลุ่มผู้สนับสนุนม็อบกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ราษฎร หรือม็อบสามนิ้ว ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มักจะใช้คำว่า ไอโอ เพื่อเหยียดคนที่เห็นต่าง เข้ามาถล่มยับ

ภายหลังได้ลบข้อความพาดพิงลิซ่า และกลุ่มผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนโพสต์ข้อความอีกครั้ง ระบุว่า "ทางเราขออนุญาตลบโพสต์ภูเก็ต เนื่องจากทางเราเกรงว่า อาจจะทำให้แฟนคลับน้องลิซ่าเกิดความไม่สบายใจที่อ้างอิงถึง ต้องขออภัยทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ส่วนข้อความในโพสต์ดังกล่าว เราแค่อยากจะบอกทุกคนว่า อยากกลับไปเล่นดนตรีแล้วครับ" ท่ามกลางแฟนคลับวงเก็ตสึโนวาให้กำลังใจจำนวนมาก แต่ไม่ได้กล่าวถึงโพสต์ที่พาดพิง กลุ่มผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด

“ลุงป้อม” ห่วง! กลุ่มเปราะบาง - คนพิการ สั่งแรงงานร่วมมือเอกชน จ้างงานคนพิการทั่วประเทศ

วันที่ 26 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ระหว่าง กรมการจัดหางาน และสถานประกอบการชั้นนำ 7 แห่ง โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงานร่วมงาน และมีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นผู้ลงนาม ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน

โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมีความห่วงใยประชาชนในกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะคนพิการ ที่ต้องการทำงาน เพื่อหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว แต่ยังขาดโอกาส จึงมอบหมายนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เร่งดำเนินการโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมสร้างโอกาส ให้คนพิการในประเทศไทยสามารถเข้าถึงสวัสดิการและบริการของรัฐ สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างมีศักดิ์ศรี และไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นสักขีพยานในการลงนามดังกล่าวว่า กระทรวงแรงงานขานรับนโยบายรัฐบาล และเร่งดำเนินการสนับสนุนการจ้างงานเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการสนับสนุนให้คนพิการมีงานทำตามศักยภาพ และความต้องการทำงาน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ

สำหรับการจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ระหว่างกรมการจัดหางาน และสถานประกอบการชั้นนำ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ ประเทศไทย บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท รักษาความปลอดภัยการ์ดฟอร์ซ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มบริษัทชัยรัชการ และบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) ที่ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทางประชารัฐ โดยจ้างงานคนพิการ จำนวน 329 อัตรา

“พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จ้างคนพิการเข้าทำงานในอัตราส่วน 100 : 1 หากไม่สามารถดำเนินการได้ จะต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 ในอัตรา 114,245  บาทต่อปี ตามจำนวนคนพิการที่ไม่ได้จ้าง โดยที่ผ่านมามีการนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ ปีละกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกต่อนายจ้าง/สถานประกอบการที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย แต่คนพิการจะไม่ได้รับประโยชน์โดยตรง จึงได้มอบหมายกรมการจัดหางานโน้มน้าวสถานประกอบการเพื่อเปลี่ยนมาจ้างงานคนพิการเชิงสังคม โดยใช้สิทธิตามมาตรา 35 ประเภทจัดจ้างเหมาช่วงงานหรือการจ้างเหมาบริการ เงินก้อนเดิมที่ถูกนำส่งกองทุนฯ จะเปลี่ยนไปสร้างโอกาสให้คนพิการมีงานทำใกล้บ้าน คนพิการมีรายได้จากบริษัทโดยตรง ซึ่งจากความร่วมมือของสถานประกอบการภาคเอกชนทั่วประเทศ ยืนยันการจับคู่ (Matching) พร้อมทำงานแล้ว 568 อัตรา จากเป้าหมาย 1,000 อัตรา แบ่งเป็น จากสถานประกอบการทั้ง 7 แห่งที่ร่วมทำ MoU จำนวน 329 อัตรา และสถานประกอบการเอกชนอื่นๆทั่วประเทศที่ให้ตำแหน่งรวม 239 อัตรา ทั้งหมดจะทำสัญญาจ้าง ภายใน 31 ธันวาคม 2564 และเริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 มกราคม 2565 วิธีนี้คนพิการจะมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ สามารถรับประโยชน์ได้โดยตรง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีข้อสั่งการให้กรมการจัดหางาน ประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้สถานประกอบการเลือกใช้วิธีการจ้างเหมาบริการคนพิการปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐในจังหวัดที่คนพิการอาศัยอยู่ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการของท้องถิ่น เทศบาล 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top