Sunday, 19 May 2024
NEWS

‘นายกฯ’ แจง!! ปีนี้จัดงานลอยกระทงได้ แต่ต้องระวังและคุมเข้มตาม ศบค. กำหนด

10 พ.ย. 64 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดกิจกรรมลอยกระทงว่า เรื่องนี้ได้ให้ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงไปแล้ว ซึ่งตอนแรกคงมีการเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เพราะเรื่องยังอยู่ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แต่ขณะนี้ ศบค. ได้พิจารณาขั้นต้นแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการจัดงาน ให้โฆษกฯ แถลงแล้วก็เป็นไปตามนั้น แต่ก็ต้องระมัดระวังและมีมาตรการเฉพาะออกมา เพราะจะจัดงานใหญ่คนเยอะแน่น ๆ แบบเดิมไม่ได้

เลขาสมช.โยน สธ. แจง ปมคลินิกสระแก้ว ฉีด วันซีนจอห์นสัน 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19    หรือ (ผอ.ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระแก้ว ว่า เรื่องดังกล่าวทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังตรวจสอบ  ขอให้รอฟังจากกระทรวงสาธารณสุขดีกว่า

 

สวนนงนุชพัทยา กระตุ้นการท่องเที่ยวแบบ "ไทยเที่ยวไทย" หลังเปิดเมือง จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ 1 ฟรี 1 !!!

สวนนงนุชพัทยา นำโดยนายกัมพล ตันสัจจาประธานสวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากเปิดเมือง ในพื้นที่เมืองพัทยาโดยเฉพาะซื้อบัตรผ่านประตู 1 ท่าน ฟรี 1 ท่าน เที่ยวชมสวนนงนุชพัทยา     

นายกัมพล กล่าวว่า ทางสวนนงนุชพัทยาได้ปฏิบัติตานนโยบายการเปิดเมืองร่วมโครงการ Pattaya move on โดยสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทย ตลอดระยะเวลาการจัดโปรโมชั่น 2 เดือนที่ผ่านมานั้น ได้รับความสนใจจากคนไทยเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคตะวันออก สวนนงนุชพัทยา จึงจัดโปรโมชั่นเฉพาะซื้อบัตรผ่านประตู 1 ท่าน ฟรี 1 ท่าน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยตามโครงการ"ไทยเที่ยวไทย" ที่เข้ามาเยี่ยมสวนใหม่ที่มีการออกแบบเพิ่มเติม อธิเช่น สวนลอยฟ้า,สวนกระถาง,สวนตะบองเพชร,หุบเขาไดโนเสาร์, สวนไม้ด่าง, เนิสร์เซอร์รี่พันธ์ไม้ต่าง ๆ และสร้างไดโนเสาร์เพิ่มเติมกว่า 60 ชนิด หรือเรียกได้ว่าเป็นสวนนงนุชใหม่ บนพื้นที่ 1,700 ไร่                    

         

 

พล.1 รอ. เฝ้าระวัง 5 จุดเสี่ยง น้ำเอ่อล้น 24 ชม. พร้อมวางแผนปฏิบัติร่วม สำนักเขต-สำนักระบายน้ำ-ผู้นำชุมชน หวั่นน้ำทะลักเข้าพื้นที่

กองพลที่ 1 รักษาพระองค์  (พล 1 รอ.)ได้ สรุปสถานการณ์จุดเสี่ยงน้ำท่วมเอ่อล้นจากน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่รับผิดชอบในเขตดุสิต และเขตบางพลัด  5 จุด คือ 1.ชุมชนวัดเทวราชกุญชร 2.ชุมชนมิตรคาม 3.ชุมชนราชผาทับทิมร่วมใจ 4.ชุมชนสีคาม 5.ท่าเขียวไข่กา พบว่า ทุกพื้นที่ยังมีปริมาณน้ำมาก แต่อยู่ในระดับที่แนวเขื่อนกั้นน้ำสามารถรองรับได้  และปริมาณน้ำไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่เขตดุสิต 

โดยจัดเจ้าหน้าที่ทหาร รวมกับเจ้าหน้าที่เขตดุสิตและประชาชนในชุมชนเฝ้าระวังระดับสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม. พร้อมวางแผนการปฏิบัติ ระหว่างสำนักงานเขต สำนักระบายน้ำ และ ผู้นำชุมชน  ในด้านการเตรียมการช่วยเหลือประชาชน หากเกิดน้ำทะลักเข้าพื้นที่ ดังนี้

1.ประสานกับหน่วยเฝ้าระวังของเขตบางพลัดตลอด 24 ชม.
2.จัดชุดปฏิบัติการกองกิจการพลเรือน พล.1 รอ. มาตรวจพื้นที่ช่วงเวลาน้ำขึ้น
3.ดำเนินการกรอกกระสอบทราบเพิ่มเติมร่วมกับเขต ไว้เสริมแนวป้องกัน
4.จัดกำลังชุดช่วยเหลือประชาชนพร้อมที่หน่วยตลอด 24 ชม.

“ประวิตร” ประชุม รมว.กห.อาเซียนประชุมร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการ  ( ADMM Retreat ) จับตาการแข่งขันของมหาอำนาจในภูมิภาค กระทบความเป็นหนึ่งเดียวกันและสมดุลอาเซียน

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นผู้แทน รมว.กลาโหม  เข้าร่วมประชุม รมว.กลาโหม อาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ ( ADMM Retreat ) ผ่านระบบ VTC โดยมี กระทรวงกลาโหมบรูไน เป็นเจ้าภาพ

โดยที่ประชุมได้แสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 15 ปีของความร่วมมือ รมว.กลาโหมอาเซียน (ADMM) ต่อจากนั้นได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงต่อทิศทางของ ADMM ร่วมกัน ในการรับมือกับแนวโน้มความท้าทายในอนาคต ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ การรวมกลุ่มความร่วมมือใหม่ในภูมิภาค อินโด - แปซิฟิก ที่กระทบต่อสมดุลอาเซียน ตลอดจน ความท้าทายด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เป็นต้น  ซึ่งจำเป็นต้องกำหนดความร่วมมือและแนวทางให้ชัดเจนในการดำรงความเป็นหนึ่งเดียวกัน แสวงโอกาสและกระชับความร่วมมือกันมากขึ้น โดยยึดมั่นความเป็นแกนกลางอาเซียน ตลอดจนใช้ทรัพยากรทางทหารร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวถึง ความตระหนักต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่ส่งผลกระทบในทุกมิติ จำเป็นต้องปรับกระบวนทัศน์การใช้ชีวิต เพื่อสร้างความสมดุล ฟื้นฟูและพัฒนาอาเซียนให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ภายใต้บริบทของ “ความปกติถัดไป” ( Next Normal )  โดยย้ำ สนับสนุนให้อาเซียนแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันและสร้างบทบาทนำที่สร้างสรรค์ในกลไกของภูมิภาคให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น พร้อมให้ข้อเสนอแนะต่อร่างกรอบยุทธศาสตร์ ADMM สำหรับเตรียมความพร้อมสู่อนาคต ในการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสาขาและเสาความร่วมมืออาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 

ฉีด SINOVAC เข้า ‘สหราชอาณาจักร’ ได้ ไม่ต้องกักตัว ด้าน 'ศุภชัย' ขอบคุณ SINOVAC หลังถูกด้อยค่ามานาน

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า…

เรื่องราวของ SINOVAC

ขอบคุณกาลเวลา ที่ช่วยลบคำสบประมาท

วันนี้ สหราชอาณาจักร รับรองให้ผู้ที่ฉีด SINOVAC เข้าประเทศได้แล้ว โดยไม่ต้องกักตัว มาตรการข้างต้นจะนับหนึ่งในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้

นี่คือ เครื่องรับรองประสิทธิภาพของวัคซีนสายเลือดมังกร ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกตราหน้าด้วยอคติ ว่าเป็นวัคซีนด้อยคุณภาพ

ผมจะขอย้อนความนะครับ

SINOVAC เป็นวัคซีนยี่ห้อแรก ที่ไทยนำเข้ามาใช้เพื่อประคองสถานการณ์ หลังพบการระบาดช่วงปลายปี 2563 การเข้ามาของ SINOVAC มาพร้อมกับคำสบประมาทสารพัด ตั้งแต่เรื่องของคุณภาพ ไปจนถึงเรื่องของความปลอดภัย ทั้งที่นี่คือวัคซีน ที่ใช้ในประเทศที่มีการระบาดต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และนี่ก็เป็นวัคซีนที่มีขั้นตอนการผลิต ซึ่งปลอดภัยที่สุด ด้วยเป็นเทคโนโลยีเชื้อตาย ที่ “มนุษย์” มีความคุ้นเคยมากที่สุด

กระนั้นแล้ว ข่าวลือ ข่าวลวง ที่มีมากมาย ก็ทำให้ SINOVAC กลายเป็นผู้ร้ายไปในที่สุด ทั้งที่ความจริง SINOVAC ได้เข้ามาช่วย SAVE คนไทยเป็นจำนวนมหาศาล ในวันที่การจัดหาวัคซีนเป็นไปด้วยอุปสรรค วันนั้นถ้าไม่มี SINOVAC ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

สำหรับ SINOVAC เหมือนผู้ที่ทำงานหนัก ปิดทองหลังพระ แต่ก็ยังโดนด่า และแม้จะทำงานดีแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นต้องถูกวิจารณ์อย่างเสียหาย เสียงก่นด่าลามไปถึงฝ่ายผู้จัดหาตั้งแต่รัฐมนตรี ไปจนถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่พวกเขาทุกคนทุ่มเท พยายามอย่างหนัก กว่าการจัดหาจะประสบความสำเร็จ กระทั่งแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ที่ออกมารณรงค์ให้รับวัคซีน ณ เวลานั้น ก็ยังถูกวิจารณ์สารพัด

‘ดร.วรัชญ์’ เดินหน้าฟ้อง ‘สื่อไทยรัฐ’ หลังถูกว่าเป็น ‘ไอโอ’ ปมแจงเหตุได้โมเดอร์นาช้า

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นภาพหัวหนังสือราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งบันทึกว่า นายวรัชญ์ เป็นผู้กล่าวหา โดยมีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและไทยรัฐออนไลน์เป็นผู้ต้องหาว่า ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ขอบคุณทุก ๆ ท่านมาก ๆ จริง ๆ ครับ สำหรับกำลังใจอันมากมายที่ให้มา กรณีที่ผมถูกสื่อกล่าวหาว่าเป็น "ไอโอ" จากโพสต์ที่ผมอธิบายอ้างอิงข่าวต่างประเทศว่าเหตุใดไทยจึงยังไม่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา หลังจากวันนั้น ผมก็ชัตดาวน์ตัวเองไปสองสามวัน จนดีขึ้นจึงได้ย้อนมาอ่านทุกคอมเมนต์ รู้สึกซาบซึ้งมาก ๆ ครับ ทำให้มีกำลังใจที่จะทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อไปเท่าที่จะมีความสามารถ (และเวลา)

สิ่งหนึ่งที่หลายท่านได้คอมเมนต์ คือกรณีนี้ ควรจะฟ้องเป็นกรณีตัวอย่าง ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่เมื่อคิดถึงว่า ตัวเองเป็นนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน มีหน้าที่สื่อสารความจริง แก้ไขความเท็จ แล้วนี่ความเท็จเกิดขึ้นกับตัวเอง และในสื่อออนไลน์ที่คงอยู่ตลอดไป ยิ่งต้องใช้สิทธินี้ปกป้องชื่อเสียงตนเอง และเพื่อเป็นกรณีตัวอย่างสื่อละเมิดสิทธิประชาชน เหมือนกับที่หลาย ๆ คนได้บอก เพราะปกติคนทั่วไป ไม่มีใครอยากจะมีเรื่องกับสื่อ โดยเฉพาะสื่อใหญ่ขนาดนี้ จึงได้ปรึกษาท่านผู้ใหญ่และนักกฎหมายบางท่าน (ต้องขอบพระคุณทุกท่านด้วยครับ) และเห็นว่ากรณีนี้เป็นความผิดชัดเจน ทุกท่านสนับสนุนให้ผมดำเนินคดี และเมื่อปรึกษากับคู่คิดแล้วก็สนับสนุน จึงได้ตัดสินใจดำเนินการในวันนี้ ซึ่งก็บังเอิญตรงกับวันที่ 9 (และเป็นวันแรกที่มีการเริ่มฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเสียด้วย 55)

ตม.จว.พังงา จับกุม! ชาวเมียนมา ‘ฆ่าเพื่อนร่วมชาติตนเอง’ หลังหลบหนีนาน 17 ปี ก่อนจนมุม!!

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หรือลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภัคพงศ์  บูรณ์ชนะ ผกก.ตม.จว.พังงา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พังงา แถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้

นายติ๋วหรือยาว สัญชาติ เมียนมา อายุ 46 ปี หมายจับศาลจังหวัดพังงา ที่ ส.12/2548  ลง  26 ม.ค.48 ต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน” หมดอายุความวันที่ 29 ก.ย.67 

สืบเนื่องจาก พงส.สภ.ทับปุด ได้รับแจ้งว่า พบศพชายไม่ทราบชื่อ 1 ราย (ทราบชื่อภายหลัง คือ นายลับ อายุ 25 ปี สัญชาติเมียนมา) บริเวณ สวนปาล์ม ม.1 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา ต่อมา พงส.สภ.ทับปุด ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และทราบสาเหตุเกิดจากผู้ตายมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมชาติที่ทำงานเดียวกันบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความโกรธแค้น จึงร่วมกันฆ่าผู้ตาย แล้วทิ้งศพไว้ ในที่เกิดเหตุ พงส.ฯ จึงได้ออกหมายจับต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 4 ราย ดังนี้ นายดำ นายติ๋วหรือยาว นายโทน และนายซอ

เมื่อปลายปี 2562 สภ.ทับปุด ได้ส่งหมายจับศาลจังหวัดพังงา ที่ ส.12/2548  ลง 26 ม.ค.48 ผู้ต้องหาชื่อ นายติ๋วหรือยาว (พม่า) สัญชาติ เมียนมา ต้องหาว่ากระทำผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน หมดอายุความวันที่ 29 ก.ย.67   มาให้  เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.พังงา รู้สึกคุ้นว่าเคยเห็นหน้ามาก่อน คล้ายกับแรงงานที่เคยทำข้อมูลท้องถิ่นไว้ จึงได้ติดตามสืบสวนหาตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวตลอดมา กระทั่งวันที่ 19 ต.ค.64 ได้รับคำสั่งให้ระดมหมายจับของศูนย์ CCOC เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.พังงา จึงได้นำหมายจับพร้อมภาพถ่ายของผู้ต้องหา ไปให้ เจ้าหน้าที่ รายงานตัว 90 วัน ของ ตม.จว.พังงา ตรวจสอบ ทราบว่าเมื่อ วันที่ 15 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งรายงานตัว 90 วัน จากหนังสือเดินทาง บุคคล คล้ายผู้ต้องหาตามหมายจับ แล้วได้นำภาพของหนังสือเดินทาง และข้อมูลเลขประจำตัวคนต่างด้าว  13 หลัก ราย  MR.MIN สัญชาติ เมียนมา ถือหนังสือเดินทาง MC xxxxx มามอบให้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.พังงา เพื่อสืบค้นข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลของ สตม. ทำให้ทราบที่อยู่ของผู้ต้องสงสัย

 

 

เกษตรฯ เปิดแผนเตรียมการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเกษตรฯ เปิดแผนเตรียมการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2564/65 ตามปริมาณน้ำต้นทุนและความเหมาะสมของพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชได้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ โดยกำหนดแผนพื้นที่การเพาะปลูกทั้งประเทศ จำนวน 11.65 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 9.02 ล้านไร่ โดยเป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 6.41 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 2.61 ล้านไร่ และพืชไร่พืชผัก จำนวน 2.63 ล้านไร่ โดยเป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 0.54 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 2.09 ล้านไร่ สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด พื้นที่รวม 4.98 ล้านไร่ แบ่งเป็น 

ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 4.26 ล้านไร่ โดยเป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 2.81 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 1.45 ล้านไร่ และพืชไร่พืชผัก จำนวน 0.72 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 0.06 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 0.66 ล้านไร่ และลุ่มน้ำแม่กลอง 7 จังหวัด พื้นที่รวม 1.10 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 0.86 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 0.84 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 0.02 ล้านไร่ และพืชไร่พืชผัก จำนวน 0.24 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 0.17 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 0.07 ล้านไร่

“นายกฯ” ขอบคุณ ทุกภาคส่วน ร่วมขับเคลื่อน “โคก หนอง นา โมเดล” สู่โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ดำเนินการแล้ว 73 จังหวัด 566 อำเภอ 22,773 หมู่บ้าน 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” ที่ได้ประยุกต์การใช้ศาสตร์พระราชา ตามหลักทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด  จากทฤษฎีใหม่สู่โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ  ภายใต้การออกแบบพื้นที่เพื่อทำการเกษตรอย่างยั่งยืน เน้นแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร เพื่อให้เกิดสมดุลของระบบนิเวศ 

นายธนกร กล่าวว่า ตลอดจนการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  สร้างงานสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ เป็นหลักประกันในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ขณะเดียวกัน ช่วยรองรับกลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 73 จังหวัด 575 อำเภอ 3,246 ตำบล 25,179 ครัวเรือน วงเงินกว่า 4,780 ล้านบาท  ปัจจุบันได้มีการดำเนินการแล้วใน 73 จังหวัด 566 อำเภอ 22,773 หมู่บ้าน  โดยได้มีการเบิกจ่ายไปแล้วจำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.20 

นายธนกร กล่าวว่า โครงการ โคก หนอง นา โมเดล ครอบคลุม 7 กิจกรรม ได้แก่ 1) การฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรม 2) ปรับปรุงพื้นที่ การสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ 3) การสร้างงานสร้างรายได้รายเดือนให้แก่เกษตรกร แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน 4) การกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน 5) การบูรณาการร่วมพัฒนาพื้นที่ระดับตำบล 6) การพัฒนาสร้างมาตรฐานผลผลิต การแปรรูป และการตลาด ตามมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย และ 7) การพัฒนาระบบดิจิทัลรองรับ Local Economy ด้วยการสร้างระบบโปรแกรมและระบบฐานข้อมูลที่สามารถใช้ต่อยอดในประโยชน์ด้านต่าง ๆ ในอนาคต 

‘ผัดไทย’ ขึ้นแท่นอาหารฮิต ติดอันดับ 2 เมนูจานด่วน ที่คนมะกันสั่งเดลิเวอรี่มากที่สุด

เพจ กระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand โพสต์ข้อความระบุว่า 2021 Uber Eats Cravings Report จัดอันดับให้ผัดไทยอยู่ในลำดับที่ 2 ของอาหารจานด่วนที่ถูกสั่งมาทานที่บ้านมากที่สุด (the most ordered items) ในสหรัฐอเมริกา โดยอันดับหนึ่งคือ มันฝรั่งทอด (fries)

"มูลนิธิออทิสติกไทย" ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับ "ศูนย์การศึกษาพิเศษส่วนกลาง" ยกระดับการศึกษาเพื่อเด็กพิเศษ และคนพิการ

ณ มูลนิธิออทิสติกไทย แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร "นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย" ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม "บันทึกข้อตกลง" (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพคนพิการ ระหว่าง "ศูนย์การศึกษาพิเศษส่วนกลาง" สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ  กับ "มูลนิธิออทิสติกไทย"

โดย ผอ.ชูศักดิ์ ศิริเชียงพิณ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ ส่วนกลาง ลงนามกับ อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย 

โดยสาระสำคัญ "บันทึกข้อตกลง" ข้อ 1.วัตถุประสงค์  1.เพื่อให้คนพิการได้รับโอกาสในการเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูด้วยวิธีการทางการศึกษา อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม  2.เพื่อให้คนพิการที่เข้ารับบริการในศูนย์การศึกษาพิเศษ ส่วนกลาง หน่วยบริการบางกอกน้อยได้รับการบำบัดฟื้นฟูด้วยวิธีการทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับสภาพความพิการ และความต้องการจำเป็นเฉพาะบุคคล  3.เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาของศูนย์การศึกษาพิเศษ ส่วนกลาง หน่วยบริการบางกอกน้อยให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง 4. เพื่อสร้างเครือข่ายทางวิชาการระหว่างศูนย์การศึกษาการศึกษาพิเศษ ส่วนกลาง กับ มูลนิธิออทิสติกไทย ให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น 5.เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการจัดหา และสนับสนุนทรัพยากร เช่นบุคลากร งบประมาณ สื่ออุปกรณ์ต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือคนพิการ

ข้อ 2. ข้อตกลงและขอบเขตการร่วมมือ ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมมือในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพคนพิการศูนย์การศึกษาพิเศษส่วนกลางหน่วยบริการบางกอกน้อยโดยมีขอบเขตความร่วมมือ ดังนี้ 1.ร่วมดำเนินการจัดระบบการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม การเตรียมความพร้อม การส่งเสริมพัฒนาการการจัดการศึกษานอกระบบ การส่งเสริมอาชีพ สำหรับบุคคลออทิสติก และบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 2.ส่งเสริมด้านวิชาการงานวิจัยอ้างอิงเพื่อมาบูรณาการการพัฒนาสำหรับบุคคลออทิสติก และบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 3. ร่วมมือในการจัดการด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่สำหรับบุคคลออทิสติกและบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 4. ร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรของ มูลนิธิออทิสติกไทย และ ศูนย์การศึกษาพิเศษส่วนกลาง 5. ร่วมมือในการบริหารจัดการงบประมาณ หรือบุคลากรในการจัดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ 6.ร่วมมือด้านการจัดหลักสูตร และการบริหารทางวิชาการที่เหมาะสมสำหรับบุคคลออทิสติก และบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 7. ความร่วมมือทางวิชาการด้านอื่นๆ

“อลงกรณ์” ระดมทีม! ‘กรมชลประทาน และจังหวัดเพชรบุรี’ เร่งรับมือสถานการณ์น้ำท่วม

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่โครงการชลประทานเขื่อนเพชรหลังจากฝนตกหนักที่เพชรบุรีเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วมกับนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพลรองอธิบดีกรมชลประทาน ณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผู้ว่าเพชรบุรี นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี นายสมเกียรติ แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบุรี ตัวแทนเทศบาลเมืองเพชรบุรีรักษาการผอ.สำนักชลประทานที่ 14 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยนายอลงกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่าจากสถานการณ์ฝนตกหนักเหนืออ่างเก็บน้ำและใต้อ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง คือ แก่งกระจาน แม่ประจันต์และห้วยผากเมื่อวานนี้ทำให้มีมวลน้ำจากลุ่มน้ำทั้ง3ไหลลงมาที่เชี่ยนเพชรจำนวนมาก ที่ประชุมจึงกำหนดแผนการระบายน้ำในคลองชลประทานหลัก4สายและแม่น้ำเพชรบุรีอย่างเป็นระบบให้มีผลกระทบต่อประชาชนและขุมชน2ฝั่งแม่น้ำเพชรบุรีน้อยที่สุดพร้อมกับแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำและในพื้นที่ลุ่มต่ำยกของขึ้นที่สูงระมัดระวังเรื่องไฟฟ้าและย้ายสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่ปลอดภัยพร้อมกับให้ท้องถิ่นเสริมแนวตลิ่งที่ต่ำป้องกันน้ำล้นฝั่ง 

ในส่วนกรมชลประทานได้ระดมเครื่องสูบน้ำเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องจักรกลช่วยเหลือจังหวัดเพชรบุรีอย่างเต็มที่ตามข้อสั่งการของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯและนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน

นอกจากนี้ยังได้ประสานพลเรือเอก ดร.สมัย ใจอินทร์ขอการสนับสนุนเครื่องดันน้ำจากกองทัพเรือซึ่งส่งมาช่วยเพชรบุรีทุกครั้งที่ประสบภัยน้ำท่วม และขอการสนับสนุนกำลังพลและเครื่องจักรกล จากพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยเพื่อช่วยป้องกันน้ำท่วมและช่วยระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ขุมชนเมืองและพื้นที่เกษตร

“น้ำท่วมครั้งนี้เป็นการท่วมแบบล้นตลิ่ง และท่วมที่ลุ่มต่ำเฉพาะบางพื้นที่ในระยะสั้น ไม่ได้ท่วมทั้งจังหวัดจึงไม่มีผลกระทบต่อการค้าธุรกิจ และการท่องเที่ยวในวงกว้างแต่อย่างใด ส่วนพื้นที่เกษตรที่ได้รับความเสียหาย จะได้รับการดูแลช่วยเหลือเยียวยาจากทางราชการโดยเร็วต่อไป”

เท่าพิภพ จี้!! ผู้ว่าฯ อัศวินรับผิดชอบ หลังน้ำท่วมชุมชนรอบแม่น้ำเจ้าพระยา 

เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. เขตคลองสาน พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่น้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนเข้าประชุมสภาฯ โดยพบว่าพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงและไม่มีการแจ้งเตือนจากกรุงเทพมหานคร ทำให้ทรัพย์สินในบ้านได้รับความเสียหาย จากการสอบถามจากประชาชนที่น้ำท่วมเล่าว่าไม่มีการแจ้งเตือนเลย สำนักระบายน้ำ ก็บอกว่าคิดว่าจะขึ้นแค่ 1 เซนติเมตร แต่ที่จริงขึ้น 34 เซนติเมตร ทำให้ชาวบ้านขนของไม่ทัน เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย 

โดยเท่าพิภพระบุว่า แม้เหตุการณ์น้ำทะเลหนุนจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานคร ก็ควรมีการจัดทำระบบแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้สามารถเตรียมตัวและรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ได้ 

 

“ผบ.ทบ. “ เยี่ยมศูนย์ฝึกจิตอาสาภาค 2 จ.สกลนคร แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง พร้อมตรวจชายแดนริมโขง ดูสถานการณ์ยาเสพติดพื้นที่ กกล.สุรศักดิ์มนตรี 

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมหน่วยทหารในพื้นที่ภาคอีสานเป็นวันที่ 2 โดยในวันนี้เข้าเยี่ยมชม ศูนย์จิตอาสาภาค 2 ตั้งอยู่ภายในค่ายกฤษณ์สีวะรา อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับฝึกอบรม เพื่อเตรียมจิตอาสาต้นแบบ และขับเคลื่อนกิจกรรมจิตอาสา สร้างความรักความสามัคคี  โดยมีการดำเนินโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” เป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยองค์ความรู้กสิกรรมธรรมชาติ ส่งเสริมให้ประชาชนนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

จากนั้นเยี่ยมให้กำลังใจทหารกองประจำการผลัดที่ 2/2564  ณ หน่วยฝึกทหารใหม่  กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 3 ซึ่งอยู่ในห้วงกักตัวก่อนเข้ารับการฝึก ภายใต้มาตรการป้องกันโควิดแบบครอบจักรวาล และมาตรการจำกัดพื้นที่และไม่สัมผัสสิ่งแวดล้อมภายนอกแบบระบบปิด ในการนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้พูดคุยกับทหารกองประจำการ และครูฝึกด้วยระบบออนไลน์ สร้างความมั่นใจเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ทหารใหม่ทุกนาย เพื่อร่างกายที่แข็งแรงพร้อมสำหรับการฝึกต่อไป 

ในช่วงบ่ายผู้บัญชาการทหารบกเดินทางเข้าพื้นที่แนวชายแดนไทย–ลาว ด้าน อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ในพื้นที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นกองกำลังป้องกันชายแดนที่สกัดกั้นและป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย ด้านยาเสพติด และการลักลอบ ข้ามแดนอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ติดตามข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติดและการทำผิดกฎหมายในพื้นที่ ชมการสาธิตระบบเฝ้าตรวจชายแดน ตรวจสภาพความเป็นอยู่ของกำลังพล มอบสิ่งของบำรุงขวัญ พร้อมมอบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงปฏิบัติภารกิจร่วมกับเหล่าทหาร ให้กับหน่วยเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน การตรวจเยี่ยมในวันนี้ผู้บัญชาการทหารบกยังได้พบปะและมอบเครื่องกันหนาวให้กับประชาชนใน ต.หนองเดิ่น  อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ เพื่อใช้ในช่วงฤดูหนาว  

สำหรับพื้นที่ชายแดนด้าน จ.หนองคาย และ จ.บึงกาฬ อยู่ในความรับผิดชอบของ กองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี มีความยาวเขตแดนริมโขงรวม 340 กิโลเมตร ภารกิจสำคัญคือสามารถสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม  โดยในปีงบประมาณ 2564 จับกุมทั้งสิ้น 568 ครั้ง ผู้กระทำผิด 700 คน ยึดของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 72,010,615 เม็ด, กัญชา 9,141 กิโลกรัม, ไอซ์ 5,296 กิโลกรัม และเฮโรอีน 140 กิโลกรัม เป็นต้น  เมื่อเปรียบเทียบสถิติการจับกุมในปีงบประมาณ 2563 กับ 2564 สามารถจับกุมยาบ้าเพิ่มขึ้น 5 เท่า รวม 57,664,013 เม็ด 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top