นับวัน Covid-19 ยิ่งพิสูจน์ให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่สามารถกัดกร่อนสังคมมนุษย์ได้จริง ทั้งในด้านชีวิต และสุขภาพ ไปจนถึงระบบเศรษฐกิจ
แม้จนถึงตอนนี้ โลกของเราจะเริ่มมีวัคซีนป้องกัน Covid-19 ออกมาแล้วหลายตัว และกำลังจะมีเพิ่มอีกในเร็ว ๆ นี้ แต่วัคซีนก็ยังคงขาดแคลนอย่างมากในหลายประเทศ และประชากรส่วนใหญ่ยังฉีดวัคซีนไม่ทันกับอัตราการแพร่ระบาด
ฉะนั้นสิ่งที่พอทำได้ สำหรับคนที่ยังไม่ติด Covid-19 จึงเป็นการตั้งการ์ด ป้องกันตัวเอง งดเดินทางออกจากบ้านหากไม่จำเป็น ระหว่างรอเพื่อฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม วัคซีนนั้นมีไว้เพื่อป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายไม่เจ็บหนักเมื่อติดเชื้อ นั่นจึงหมายความว่า วัคซีนอาจไม่ใช่ความหวังของผู้ป่วย Covid-19 ที่มีอยู่หลายสิบล้านคนทั่วโลกในขณะนี้
การคิดค้นหายาที่มีสรรพคุณต้าน Covid-19 ในร่างกายไม่ให้ลุกลามจนถึงขีดอันตราย จึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยกู้วิกฤติ Covid-19 นี้ได้ โดยเฉพาะในประเทศที่เกิดการระบาดระลอกใหม่อย่างรุนแรง และกำลังรอการมาถึงของวัคซีน อย่างประเทศไทย
เดิมยาต้านไวรัส Covid-19 ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย หากตัด Hydroxychloroquine หรือยาแก้โรคมาลาเรีย ที่เคยเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งออกไป ก็จะมี...
1.) Remdesivir ที่พัฒนาโดยบริษัท Gilead ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาให้ใช้รักษาผู้ป่วย Covid-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป แต่ข้อเสียของ Remdesivir คือ ราคาสูงมาก อยู่ที่หลอดละ 390 ดอลลาร์ และขายยกชุด 6 หลอดเพื่อใช้ต่อเนื่องกัน 6 วัน คิดเป็นเงิน 2,340 ดอลลาร์ต่อชุด หรือประมาณ 72,500 บาท
2.) Favipiravir หรือ Avigan พัฒนาโดยบริษัท Toyama Chemical ซึ่งเป็นบริษัทเครือเดียวกับ Fujifilm เป็นยาที่ใช้รักษาอาการไข้หวัดใหญ่ ก็ยาอีกชนิดที่นิยมใช้รักษาผู้ป่วย Covid-19 และราคาต่อเม็ดอยู่ในระดับที่จับต้องได้ คิดเป็นราคาเม็ดละ 125 บาท
แต่ผู้ป่วย 1 คน อาจต้องใช้ยาตั้งแต่ 40-70 เม็ด คิดเป็นค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 - 8,750 บาทต่อคน แต่หากสามารถผลิตได้เองในประเทศ จะทำให้ราคายาถูกลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่งทีเดียว แต่ข้อเสียของ Favipiravir นั้นคือต้องทานยาต่อเนื่องกันเป็นเวลานานมาก และยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนและมากพอที่จะสรุปถึงผลลัพธ์ของ Favipiravir ได้
แต่ต่อมา ก็มีการพูดถึงยาต้าน Covid-19 ตัวล่าสุด ที่กำลังพูดถึงอย่างมากอยู่ในขณะนี้ ว่ามีความสามารถในการต้านเชื้อไวรัส Covid-19 ในร่างกายได้ภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น และอาจเป็นความหวังครั้งสำคัญของผู้ป่วย Covid-19 ในขณะนี้
ยาที่ว่านี้คือ Molnupiravir !!
Molnupiravir พัฒนาโดยบริษัท Merck จากเยอรมันเมื่อราว ๆ ปี 2000 เพื่อใช้ต้านเชื้อไวรัสที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะ และเคยใช้ได้ผลดีกับผู้ป่วยโรค SARS และ MERS ที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ได้มีการทดสอบกับผู้ป่วยกลุ่มเล็กโดย Georgia State University พบว่า สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง
ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ เป็นยารับประทาน จึงสามารถใช้ได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ติดเชื้อในระยะเริ่มต้น ช่วยลดระยะเวลารักษา และการกักตัว ที่มักมีผลด้านจิตใจของผู้ป่วย จึงสามารถป้องกันการเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหม่ ๆ ได้อย่างทันท่วงทีได้
ถึงแม้ว่ายา Molnupiravir ยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าจะสามารถช่วยรักษาในกลุ่มผู้ป่วยในระยะวิกฤติได้ผลหรือไม่ แต่การทดลองกับกลุ่มผู้ป่วยไม่มีอาการและกักตัวที่บ้าน ยังดำเนินอยู่ถึงเฟส 3 เรียบร้อยแล้ว และเป็นยาที่ได้รับความสนใจอย่างมากในอินเดีย ที่ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 4 แสนคนต่อวัน จึงทำให้มีการผลักดันให้ Molnupiravir ได้รับการรับรองให้ใช้ได้ในกรณีฉุกเฉินที่อินเดีย
และหาก Molnupiravir สามารถต้าน Covid-19 ในร่างกายได้อย่างรวดเร็วจริง ก็จะเป็นความหวังของหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก ที่ยังพบปัญหาการระบาดระลอกใหม่ ด้วยเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่มาจากการเริ่มเปิดเมือง ผู้คนต้องเดินทาง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า แต่หากมียาที่สามารถกินป้องกันได้ รักษาในระยะเริ่มแรกได้ทันทีโดยไม่ต้องกักตัวนาน ก็นับเป็นข่าวดีมาก
แต่เสียเพียงอย่างเดียว คือ ตัวยา Molnupiravir ต่อเม็ดก็ยังมีราคาสูงอยู่พอสมควร โดยข้อมูลของสื่ออินเดีย ชี้ว่ายา Molnupiravir กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในท้องตลาด แม้จะยังไม่มีผลทดลองขั้นสุดท้าย หรือการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอินเดียก็ตาม จะซื้อขายกันอยู่ที่ 3,000 รูปีต่อเม็ด หรือประมาณเม็ดละ 1,270 บาท
จากข้อมูลยารักษา Covid-19 ที่มีอัพเดทอย่างต่อเนื่อง ก็จะเห็นได้ว่า ยาแต่ละชนิด ต่างมีข้อดี และข้อเสีย และราคายังจัดว่าค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้รับประกันผลได้อย่าง 100% นำไปสู่วลีที่ว่า ‘กันไว้ดีกว่าแก้’ เพราะสุดท้ายแล้วการลงทุนกับการป้องกัน มักคุ้มค่ากว่าการรักษาเยียวยาเสมอ
ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเอง ควรเป็นทางเลือกอันดับแรกของการแก้ปัญหาการระบาดของ Covid-19 ที่มีราคาถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับค่ายา และค่ารักษาพยาบาลอย่างแน่นอน
อ้างอิง:
https://health.economictimes.indiatimes.com/news/pharma/antiviral-drug-molnupiravir-blocks-covid-19-virus-within-24-hours-study/79583150
https://economictimes.indiatimes.com/industry/healthcare/biotech/pharmaceuticals/natco-seeks-emergency-approval-to-launch-molnupiravir-for-covid-19-in-india/articleshow/82256562.cms?from=mdr
https://www.empr.com/home/news/molnupiravir-merck-ridgeback-oral-antiviral-investigational-covid-19-treatment/
https://en.wikipedia.org/wiki/Molnupiravir
https://en.wikipedia.org/wiki/Favipiravir
https://en.wikipedia.org/wiki/Remdesivir