‘สร้างอนาคตไทย - ไทยสร้างไทย’ หารือไม่คืบหน้า เผยเป็นพันธมิตรการเมือง แต่ไม่ชัดเจน ‘ควบรวมพรรค’

(29 ธ.ค. 65) จากกระแสการเมือง ซึ่งเป็นที่น่าจับตา กรณีการนัดหารือ ระหว่างพรรคสร้างอนาคตไทย และพรรคไทยสร้างไทย ในช่วงเช้าของวันนี้ นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย, นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างอนาคตไทย ที่ได้ร่วมพูดคุยหารือเกี่ยวกับทิศทางการเมือง 

โดยทันทีที่แกนนำทั้งหมด เดินทางมาถึงร้านอาหาร Corner ซอยสุขุมวิท 26 ได้เข้าไปหารือกันแบบส่วนตัวในห้องอาหาร ก่อนออกมาตั้งโต๊ะนั่งร่วมกันแถลงข่าวให้กับบรรดาสื่อมวลชน จำนวนมากที่มาเฝ้ารอติดตามความคืบหน้า การควบรวมของทั้ง 2 พรรค

โดยนายโภคิน กล่าวเป็นคนแรกว่า ทั้ง 2 พรรคมีการหารือกันมาแล้วเป็นระยะ ในฐานะเพื่อนเก่าที่สนิทคุ้นเคย และทำงานร่วมกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าบ้านเมืองกำลังมีปัญหา คิดว่า อำนาจเงิน อำนาจรัฐ ระบบราชการ ไม่ตอบสนองต่อประชาชน แต่ตอบสนองผู้มีอิทธิพล นักธุรกิจสีเทา 

ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแต่ความขัดแย้ง ทำให้ประเทศเดินไปไม่ได้ จึงมองว่า หากปล่อยสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำให้ประชาชนไม่มีอนาคต ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จึงนัดมาพูดคุยหาทางออกให้ประเทศ ควรเอาจริงเอาจริงในการแก้ไขปัญหา และการร่วมแรงร่วมใจ โดยสิ่งแรกที่เห็นตรงกัน คือ การมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่เช่นนั้น ประชาชนจะไม่มีส่วนร่วม หรือมีอำนาจอย่างแท้จริงได้ เพราะไม่อยากเห็นทุกคนจำนนต่ออำนาจรัฐ อำนาจเงิน หากเริ่มต้นตรงนี้ได้ เรื่องอื่นจะตามมาเอง

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเสริมว่า ส่วนตัวและนายสมคิด เคยทำงานร่วมกันมานาน หลาย 10 ปี จากประสบการณ์ที่ผ่านมา และเคยทำนโยบายที่สำคัญให้กับประเทศจนสำเร็จ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ลูกหลานจะอยู่อย่างไร ดังนั้น ภารกิจครั้งนี้ คือ การสร้างพรรคการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศไทยให้คนรุ่นต่อไป 

จึงมาหารือร่วมกันว่าจะร่วมงานการเมืองกันต่ออย่างไร ที่ไม่ใช่การแย่งชิงตำแหน่ง แย่งชิงอำนาจ โดยตกลงกันว่า จะพยายามแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง และร่วมมือเป็น ‘พันธมิตร’ ยุติความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

ส่วนนายอุตตม กล่าวว่า ความท้าทายที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ทั้ง 2 พรรค ต้องมาผนึกกำลังเป็นพันธมิตรเฝ เพื่อบ้านเมือง เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ใหญ่เกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะแก้ได้ จึงต้อง ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ

ขณะที่สมคิด กล่าวปิดท้ายว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการเมือง 20 กว่าปี ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด และไม่เคยเห็นยุคใดที่การเมืองค่อนข้างย่ำแย่ จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้ง เชิงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมือง, การใช้ทรัพยากร เพื่อแย่งชิงผู้สมัครที่ทำอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งการโยกย้าย การลาออกของสมาชิกที่ไม่เว้นแต่ละวัน, การบริหารภาครัฐที่ไร้ประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนไม่เพียงพอ, การสร้างความสามัคคี เพราะยังอยู่ในวังวนของความแตกแยกจนประเทศอื่นล้ำหน้าไทยไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเสียใจ หากปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ก็จะถดถอย ประชาชนไม่ควรนั่งมองดูอย่างไม่มีทางออก หรือนั่งรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากไม่เปลี่ยนแปลง จึงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องละวางในอัตตาแล้วมาช่วยกัน มาร่วมแก้ไขปัญหาให้ล่วงลุไปได้ โดยจากการหารือ เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ของอนาคตการเมืองไทย

นอกจากนี้นายสมคิด ยังย้ำอีกด้วยว่า การเดินหน้าครั้งนี้ ‘ไม่มีการทดลองงาน’ ที่จริงแล้วส่วนตัวไม่คิดทำการเมืองต่อแล้ว เพราะรู้สึกเหนื่อย แต่ที่มาทำ เนื่องจากเห็นภารกิจที่สำคัญ คือ ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี เน้นการสร้างประเทศ ไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่ง ขออย่าถามว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะสิ่งนั้นคือปลายทาง เรื่องตำแหน่งไม่สำคัญ เพราะได้มาทุกตำแหน่งแล้ว ส่วนตำแหน่งนายกฯ อยู่ที่ฟ้าลิขิต ฟ้าประทาน แต่สิ่งสำคัญคือการแก้ปัญหาให้ประเทศให้ได้

โดยภายหลังการแถลงต่อสื่อมวลชนเสร็จสิ้น แกนนำทั้ง 2 พรรคได้เข้าไปพูดคุยหารือ กันต่อภายในห้องอาหารอีกครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหารร่วมกัน


เรื่อง: ไอยรา อัลราวีย์ Content Manager