Sunday, 28 May 2023
ECONBIZ

แก้แล้ง กันท่วม!! สำรวจความพร้อม 'คลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร' คลองระบายน้ำยุทธศาสตร์ ตามแผนแม่บทแก้ปัญหาน้ำท่วม

(3 เม.ย.66) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้เผยความคืบหน้า #คลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร มูลค่าโครงการกว่า 21,000 ล้านบาท แก้ปัญหาน้ำท่วม เพิ่มพื้นที่เก็บน้ำ ตามแผนแม่บทแก้ปัญหาน้ำท่วม ว่า...
.
วันนี้ผมผ่านไปทางบางไทร เลยเอาภาพความคืบหน้าของโครงการคลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร ซึ่งเป็นหนึ่งในคลองระบายน้ำยุทธศาสตร์ ตามแผนแม่บทการแก้ปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำเจ้าพระยา

คลิปรายละเอียดโครงการ
https://youtu.be/0YvJp12v9ik
—————————
>> รายละเอียดคลองระบายน้ำ บางบาล-บางไทร 

โดยคลองนี้จะเป็นการขุดคลองใหม่เพื่อแก้ปัญหาคอขวดของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ วัดพนัญเชิง ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งในจุดนี้สามารถรองรับอัตราการไหลได้เพียง 1,200 m3/วินาที ซึ่งคลองใหม่ ก็มีอัตราการไหลเท่ากัน

ซึ่งทำให้แม่น้ำเจ้าพระยา มีความสามารถในการรองรับน้ำได้สูงสุดถึง 2,930 m3/hr เพียงพอในการรับมวลน้ำในช่วงปี 2554 ได้เลยทีเดียว

โดยโครงการนี้จะมีการขุดคลอง กว้าง 200-110 เมตร ยาวรวมกว่า 22 กิโลเมตร เพื่อเป็นทั้งช่องทางระบายน้ำหลาก เป็นพื้นที่เก็บน้ำในยามน้ำแล้ง และเป็นวิธีแก้ปัญหาน้ำกร่อยของน้ำประปากรุงเทพ ได้อย่างเด็ดขาด จากการวางแผนเดินท่อรับน้ำประปาใหม่ ของการประปานครหลวง

พร้อมกับการพัฒนาถนนเลียบคลองระบายน้ำ และสะพานข้ามคลองถึง 11 สะพาน เพื่อเชื่อมต่อเมืองสองฝั่งของคลอง

รวมถึงการเปิดแนวการเดินเรือใหม่ จากการมี Lock เพื่อยกระดับน้ำ 

โดยมูลค่าโครงการรวม กว่า 21,000 ล้านบาท!!!
—————————

‘พงษ์ภาณุ’ แนะรัฐ เร่งปฏิรูปโครงสร้างระบบภาษี มุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้ นำเงินพัฒนาประเทศระยะยาว

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้มุมมองถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 66 ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งล่าสุด อีก 0.25% เพิ่มจาก 1.50% เป็น 1.75% นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับในต่างประเทศ เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน แม้ว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤตแบงก์ล้มอยู่ก็ตาม นั่นเพราะปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐฯยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่นั่นเอง

แน่นอนว่า การขึ้นดอกเบี้ยในแต่ละครั้ง ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะคนที่อยู่ในฐานะลูกหนี้ ที่จะมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันความสามารถในการขอสินเชื่อของประชาชนก็จะลดลงด้วย ยกตัวอย่าง การกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร เมื่อดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ธนาคารก็อาจจะพิจารณาให้เงินกู้ในสัดส่วนที่ลดลง จากเดิมกู้ได้ 2 ล้านบาท อาจจะเลือกเพียง 1.5 ล้านบาท เพราะต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่ม แต่เงินเดือนหรือรายได้ของผู้ยื่นกู้อยู่เท่าเดิม เป็นต้น

‘นทท.ไทย-เทศ’ แห่ร่วม ‘งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง’ ชมขบวนนางรำสักการะสุดยิ่งใหญ่ คาด เงินสะพัดหลายล้าน!!

นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาเที่ยว ‘งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง’ อย่างคึกคัก ชมขบวนแห่เทพพาหนะทั้ง 10 ขบวนแห่พระนางภูปตินทรลักษมีเทวี แสดงโดย ‘บิ๊นท์ สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์’ มิสอินเตอร์ เนชั่นแนล 2019-2021 พร้อมชมขบวนแห่สักการะ ‘น้อมจิตบังคม พนมรุ้งนาฏการ’ นางรำจากทุกอำเภอ ร่วมพันคน รำถวายสักการะ ตลอดงาน คาดจะมีเงินสะพัดหลายล้านบาท
.
(2 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 เม.ย. 2566 ที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง ประจำปี 2566 ที่ทางจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมศิลปากร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดขึ้น อย่างยิ่งใหญ่ ในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 เพื่ออนุรักษ์สืบสานประเพณี และส่งเสริมการท่องเที่ยวทางอารยธรรมขอมโบราณ ที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัด และยังเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกีฬามาตรฐานโลก โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มารอชมขบวนแห่กันเป็นจำนวนมาก

ภายในงานได้มี ขบวนแห่พาหนะเทพ ผู้พิทักษ์ทิศทั้ง 10  และขบวนเสด็จของพระนางภูปตินทรลักษมีเทวี แสดงโดย ‘บิ๊นท์ สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์’ มิสอินเตอร์ เนชั่นแนล 2019-2021 และนางจริยา นำเครื่องบวงสรวงประกอบด้วย เทพพาหนะทั้ง 10 นางสนมกำนัล เหล่าทหาร ข้าทาสบริวาร ดำเนินผ่านเสานางเรียงประดับด้วยธงทิวยิ่งใหญ่อลังการ ขึ้นไปบนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

จากนั้น เป็นการแสดงแสงแห่งศรัทธาปราสาทพนมรุ้ง และขบวนแห่สักการะ ‘น้อมจิตบังคม พนมรุ้งนาฏการ’ การรำถวายสักการะใต้ร่มพนมรุ้ง จากนางรำ ทั้ง 23 อำเภอ ร่วม 1,000 คน แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองประจำถิ่นของแต่ละอำเภอ มาฟ้อนรำถวายอย่างงดงามอลังการ ซึ่งได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มารอชมขบวนแห่กันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้น ยังได้จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าโอท็อป ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม ผ้าฝ้ายที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ทั้งผ้าซิ่นตีนแดง ผ้าหางกระรอกคู่ตีนแดง ผ้าภูอัคนี (ผ้าฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟ) รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร เครื่องใช้ และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย

‘ธนาคารโลก’ เชื่อ!! ศก.ไทยฟื้นตัว ดันจีดีพีปี 66 โต 3.6% ชี้!! ท่องเที่ยวยังเด่น ลุ้นโกย 27 ล้าน นทท.เข้าประเทศ

‘เวิลด์แบงก์’ เคาะจีดีพีไทยปีนี้โต 3.6% อานิสงส์บริโภคภายในประเทศ-ท่องเที่ยวหนุนเต็มสูบ ลุ้นต่างชาติทะยาน 27 ล้านคน ส่งออกโคม่าติดลบ 1.8% ซมพิษเศรษฐกิจโลก หนุนปฏิรูปเศรษฐกิจ ช่วยดันเติบโตระยะยาว

(2 เม.ย. 66) นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) กล่าวว่า เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2566 ยังคงขยายตัวได้ที่ระดับ 3.6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.6% โดยต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวช้ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค ที่ส่วนใหญ่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เร็วกว่าไทย โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง มาจากภาคการท่องเที่ยว ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่จีนเปิดประเทศ โดยคาดว่าปีนี้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเพิ่มขึ้นเป็น 27 ล้านคน คิดเป็น 68% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และการบริโภคภายในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการคลัง โดยเฉพาะการตรึงราคาพลังงาน ที่ช่วยพยุงให้การบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเสถียรภาพทางการคลังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากสัดส่วนหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 60% ต่อจีดีพี และคาดว่าจะลดลงเหลือราว 59% ต่อจีดีพี เนื่องจากอัตราการใช้จ่ายของภาครัฐที่ลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการตรึงราคาพลังงานเป็นหลัก ขณะที่การส่งออกไทยในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐ ปีนี้คาดว่าจะหดตัวที่ 1.8% โดยได้รับผลกระทบชัดเจนจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2565 ส่วนอัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 3.2%

ทั้งนี้ มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 3.7% และปี 2568 ที่ระดับ 3.5% โดยประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือการเติบโตของเศรษฐกิจไทยไม่ได้สูงมากนัก นั่นเพราะในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยค่อนข้างช้า แต่มองว่ายังมีโอกาสที่ไทยจะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจให้ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากยังมีศักยภาพและเสถียรภาพด้านการเงิน และการคลัง ที่จะสามารถนำสิ่งนี้มาใช้ในการปฏิรูปเศรษฐกิจได้อย่างจริงจัง

“ประเด็นสำคัญในการเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจของไทย เพื่อเพิ่มรายได้จากภาษี โดยเฉพาะภาคบริการ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง รายได้ดี และใช้แรงงานที่มีทักษะสูง แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยมีกฎเกณฑ์ กติกาในภาคบริการที่ค่อนข้างเยอะ ถือเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย ทำให้การลงทุนในส่วนนี้ยังมีข้อจำกัด ส่วนภาคการท่องเที่ยว ก็ต้องมีการเพิ่มมูลค่า เพิ่มการลงทุนด้านการท่องเที่ยวไม่ใช่เฉพาะในเมืองหลัก อย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือภูเก็ต เท่านั้น รวมทั้งต้องยกระดับมาตรการการให้บริการด้านการท่องเที่ยว เราคิดว่าภาคการท่องเที่ยวอาจจะยังไม่ใช่เครื่องมือหลักที่จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูงขึ้น แต่ก็ยังเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญรวมถึงต้องเร่งปฏิรูปการลงทุนของภาครัฐ ที่ต้องเน้นคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ตลอดจนประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น ต้องมีการปฏิรูปเรื่องสวัสดิการที่พุ่งเป้า เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และคนจนให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเรื่องระบบการศึกษาก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องมีการปฏิรูปในวงกว้าง เพื่อเสริมทักษะให้กับเยาวชน หรือคนที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน เรื่องนี้ที่ผ่านมาไทยไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง” นายเกียรติพงศ์ กล่าว

ปตท. รับรางวัล ‘องค์กรโปร่งใส’ 5 ปีซ้อน  ตอกย้ำการบริหารจัดการองค์กรบนหลักธรรมาภิบาล

เมื่อไม่นานมานี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) รับรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส ครั้งที่ 11 (NACC Integrity Awards) ประจำปี 2565 จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สะท้อนการเป็นองค์กรที่บริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล และมีจริยธรรม เพื่อยกระดับความโปร่งใสของประเทศไทยให้เป็นแบบอย่างตามมาตรฐานสากล

‘รฟท.’ จัดโปรฯ เที่ยวไทยสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยขบวนรถไฟ ‘KIHA 183’ ในธีม ‘ย้อนรอยประวัติศาสตร์’ กระจายรายได้-กระตุ้นการท่องเที่ยว

(31 มีค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย แผนเดินหน้าเพิ่มรายได้ขบวนรถไฟท่องเที่ยว KIHA 183 เชิญชวนประชาชนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยว รถไฟไทย สไตล์ญี่ปุ่น ด้วยแนวคิด ‘ย้อนรอยประวัติศาสตร์’ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

“ในเดือนเมษายน 2566 รฟท. ได้จัดโปรแกรมท่องเที่ยวกับขบวนรถไฟ KIHA 183 ภายใต้แนวคิดย้อนรอยประวัติศาสตร์ โดยมีโปรแกรมท่องเที่ยวไปตามเส้นทางต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบ รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม เพื่อสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวในรูปแบบรถไฟไทย สไตล์ญี่ปุ่น โดยมีรายละเอียด ดังนี้

วันที่ 1 - 2 เมษายน 2566 โปรแกรม แต่งกายย้อนยุค นั่งรถไฟ KIHA 183 ‘เที่ยวงานแก่งคอย ย้อนรอยอดีตสงครามโลกครั้งที่ 2’

วันที่ 8 - 9 เมษายน 2566 โปรแกรม นั่งรถไฟ KIHA 183 ‘ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองแปดริ้ว เติมความหวาน ในวันมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว’

วันที่ 22 - 23 เมษายน 2566 โปรแกรม นั่งรถไฟ KIHA 183 ‘แต่งชุดไทย แลหาพี่หมื่น ตามหาออเจ้า ที่กรุงเก่าอโยธยา’

วันที่ 29 - 30 เมษายน 2566 โปรแกรม นั่งรถไฟ KIHA 183 ‘เที่ยวเมืองอาร์ต ราชบุรี ชมเชิดหนังใหญ่ – เพ้นท์โอ่ง (มังกร)’

นอกจากนี้ รฟท. ยังมีการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวต่อเนื่องในทุกเดือน เช่น เดือนพฤษภาคม โปรแกรมท่องเที่ยว ในแนวคิด ‘ผจญภัยเหนือสายน้ำ’ เดือนมิถุนายน โปรแกรมท่องเที่ยวในแนวคิด ‘Save The World รักษ์โลก รัก(ของ)เรา’ ในเส้นทางจังหวัดต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบ รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

‘ธนากร’ เผย กลุ่มธุรกิจขายเหล้า-เบียร์ ยอดขายกระเตื้อง จ่อผลักดัน ‘ยกเลิกห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์’ บ่าย 2-5 โมง

(31 มี.ค.66) เมื่อวันที่ 30 มี.ค.66 นายธนากร คุปตจิตต์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์การค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ความต้องการและกำลังซื้อฟื้นตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ขึ้นปี 2566 ภาพรวมแต่ละเดือนพบว่ายอดขายขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20% ขณะนี้ยิ่งเห็นความชัดเจนของยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งเบียร์และสุราขยายตัวสูงขึ้นมากอย่างมีนัยะสำคัญ

นายธนากรกล่าว เชื่อว่าปัจจัยหนุนต่อการขยายตัวของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศจากการมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาต่อเนื่องกัน ได้แก่ ปลดล็อกมาตรการทั้งหมดที่ใช้คุมเข้มการระบาดของโควิด เปิดประเทศเกิดการเดินทางและท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอัตราเร่งตัวหลังจากอั้นมานานหลายปีเพื่อการใช้จ่ายงบประมาณและแย่งชิงฐานผู้บริโภค วันหยุดยาวต่อเนื่อง จึงเห็นถึงบรรยากาศสังสรรค์ งานเลี้ยงและพบปะ หนาแน่นขึ้นในหลายพื้นที่

“ยิ่งใกล้วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผนวกกับบรรยากาศหาเสียงของพรรคการเมือง และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เกิดการพบปะสังสรรค์ จัดเลี้ยงในวงเล็กวงใหญ่ เป็นตัวแปรสำคัญและมีนัยะต่อความต้องการและสั่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงพฤษภาคม เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จากเฉลี่ยไตรมาสแรกโตไม่ต่ำกว่า 20% ในไตรมาส 2 ปีนี้ ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน โดยเดือนเมษายนนี้น่าจะคึกคักมากที่สุด จากความพอดีที่มีทั้งเทศกาลเที่ยวและดื่มกินในช่วงสงกรานต์ และจัดเลี้ยงก่อนการเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้ง ก็เชื่อว่าจะมีการชนแก้ว ร่วมยินดีและฉลองกันต่อเนื่อง” นายธนากรกล่าว

‘ILINK’ จัดสัมมนา ระหว่าง ‘ไทย-ลาว’ ในเรื่อง ‘ระบบสายสัญญาณ’

(30 มี.ค.66) นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า วันนี้ดีใจที่ได้ไปเปิดงานสัมมนา เพื่อนำเทคโนโลยี ที่อินเตอร์ลิ้งค์ ได้ประสบความสำเร็จในประเทศไทย ในเรื่องของระบบสายสัญญาณ ไปสัมมนาและจัด Training พร้อมทำ workshop ให้กับบุคลากรและคนไอทีของประเทศลาว ผ่าน Distributer 4 ราย ได้แก่ AV Trading, Data com, tt&t และ SP com

‘โกลด์แมน แซคส์’ เผย ‘เอไอ’ อาจเข้ามาแทนที่มนุษย์ ทำลูกจ้างส่อแววตกงานกว่า 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

(29 มี.ค. 66) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ธนาคารเพื่อการลงทุน ‘โกลด์แมน แซคส์’ เปิดเผยรายงาน ชี้ว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ ‘เอไอ’ อาจเข้ามาแทนที่งานประจำกว่า 300 ล้านตำแหน่งในสหรัฐหรือราว 1 ใน 4 ของงานประจำในตลาดงานทั้งในสหรัฐ และยุโรป

แต่นั่นก็อาจหมายถึงการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานแบบใหม่ และผลิตภาพการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น โดย ‘เอไอ’ อาจเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และบริการแบบรายปีทั่วโลกมากถึงร้อยละ 7 ต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า

ปัญญาประดิษฐ์แบบ Generative AI หรือ ‘เอไอ’ ที่สร้างสิ่งใหม่จากข้อมูลชุดที่มีอยู่แล้ว และมีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากผลงานของมนุษย์ ถือเป็น ‘พัฒนาการยิ่งใหญ่’

ตามรายงานของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ผลกระทบจากการเข้ามาของเอไออาจส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมในภาคส่วนต่าง ๆ คือ ด้านงานธุรการร้อยละ 46 และงานด้านกฎหมายร้อยละ 44 ขณะที่งานก่อสร้างจะได้รับผลกระทบเพียงร้อยละ 6 ส่วนงานบำรุงรักษาหรือเมนเทนแนนท์จะได้รับผลกระทบน้อยสุดเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น

ขณะเดียวกันในสหรัฐ ระบบเอไออาจนำไปใช้แทนแรงงานได้ประมาณร้อยละ 63 ส่วนแรงงานร้อยละ 30 ที่ทำงานด้านนอกไม่ได้รับผลกระทบจากเอไอ แม้งานเหล่านั้นอาจอ่อนไหวต่อระบบเอไอรูปแบบอื่นก็ตาม

นอกจากนี้ ผลวิจัยชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่เหมือนกันในยุโรป รวมถึงระดับโลก สัดส่วนการจ้างงานที่ทำด้วยตนเองในประเทศกำลังพัฒนามีมากกว่า จึงคาดว่างาน 1 ใน 5 อาจถูกแทนที่ด้วยเอไอ หรือคิดเป็นงานประจำประมาณ 300 ล้านตำแหน่งทั่วประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งหนึ่งที่มั่นใจ คือ เราไม่มีทางรู้เลยว่า งานตำแหน่งไหนที่จะถูกแทนที่โดยเอไอ ยกตัวอย่าง กระแส ‘แชทจีพีที (ChatGPT)’ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ ณ ขณะนี้ทำให้คนทั่วไปสามารถผลิตเรียงความและบทความได้โดยไม่ต้องเพิ่งผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้าน”

สัปดาห์แรก ‘มอเตอร์โชว์’ คนแห่จองรถทะลุ 1.3 หมื่นคัน รถยนต์ไฟฟ้ามาแรงยอดพุ่งกว่า 1 พันคัน

สัปดาห์แรกของการจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44” ค่ายรถที่เข้าร่วมงานกวาดยอดจองไปแล้วมากกว่า 1.3 หมื่นคัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 32.5% ขณะที่ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งมากกว่า 1,000 คัน

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” เปิดเผยว่า “ในช่วงสัปดาห์แรกของการจัดงาน มีผู้บริโภคให้ความสนใจเข้าชมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เข้ามาจัดแสดงภายในงานจากหลายค่าย เป็นตัวช่วยกระตุ้นผู้เข้าชมให้มางานได้เป็นอย่างดี การผ่อนปรนมาตรการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรื่องการเว้นระยะห่างของกระทรวงสาธารณสุข ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย และมีความมั่นใจในการออกมาเยี่ยมชมงานมากกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

โดยในช่วงของสัปดาห์แรกของการจัดงาน มีรายงานตัวเลขจากค่ายรถที่นำรถ เข้ามาร่วมจัดแสดงภายในงาน พบว่ามีตัวเลขยอดจองรถยนต์กว่า 13,343 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 32.5 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มียอดจองเฉพาะรถไฟฟ้า 100% มากกว่า 1,000 คัน

ทั้งนี้ ตัวเลขยอดจองรถไฟฟ้าสูงเกินเป้าหมายที่ทางคณะผู้จัดงานฯ คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ส่วนหนึ่งเพราะในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ปีนี้ มีผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเข้ามาร่วมงานหลายแบรนด์ และยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกหลายรุ่น แต่คงต้องรอดูตัวเลขยอดจองหลังจบงานอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาที่เหลือของการจัดงาน อยากเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ามาเลือกชม เลือกซื้อรถภายในงาน เพราะนอกจากเป็นการรวมรถยนต์ทุกค่ายไว้ในงานเดียวแล้ว ยังรวมโปรโมชั่นมากมายจากค่ายรถไว้ให้ผู้บริโภคเลือกตัดสินใจ อีกทั้งผู้เข้าชมงานยังมีโอกาสลุ้นรับรางวัลต่างๆ มากมายอีกด้วย

‘EA-รามาฯ-EXAT’ ดันอาคารจอดรถต้นแบบ ติดตั้งหัวชาร์จมากที่สุดใน ASEAN ถึง 578 เครื่อง

(29 มี.ค.66) นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า EA ยกระดับมิติใหม่ของระบบการจัดการพลังงานแบบเดิม สู่รูปแบบการก่อสร้างอาคารและติดตั้งระบบบริการชาร์จไฟที่ทันสมัย ในการเป็น EV Hub แห่งแรกในอาเซียน ภายใต้แนวคิด ‘EV Smart Building’ by EA Anywhere บนอาคารจอดรถ รามาธิบดี - พลังงานบริสุทธิ์ สนับสนุนพื้นที่โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอาคารต้นแบบแห่งแรกที่ติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เป็นจำนวน 578 เครื่อง พร้อมให้บริการสถานีชาร์จทั้งระบบ AC Normal Charge ขนาด 7.3 kW จำนวน 576 เครื่อง ดำเนินการครอบคลุม 100% ทุกช่องจอดรถในอาคาร และระบบ DC Fast Charge 360 kW จำนวน 2 เครื่อง โดยคาดว่าจะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนพฤษภาคมนี้

อาคารแห่งนี้ออกแบบเพื่อการ Sharing & Charging ที่ส่งเสริมผู้ใช้บริการยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมระบบการบริหารจัดการพลังงานที่ครบวงจรอย่างคุ้มค่า ด้วยนวัตกรรมการจัดการพลังงานไฟฟ้า แบบ Predictive และ Productive ให้สามารถรองรับจำนวนเครื่องชาร์จไฟฟ้าจำนวนมากได้ ไม่ต้องลงทุนในระบบโครงสร้างเพิ่มเติม และมีความสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานต่อจำนวนชั่วโมงการชาร์จ ใช้งานง่าย ควบคู่ไปกับ แอปพลิเคชันอัจฉริยะ EA Anywhere ที่สามารถ ค้นหา จอง ชาร์จ จ่าย จบได้ในแอปฯ เดียว

"โครงการอาคารจอดรถ รามาธิบดี - พลังงานบริสุทธิ์ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะยกระดับประเทศสู่ EV Hub ด้วย Model ‘EV Smart Building’ by EA Anywhere สู่การพัฒนาพื้นที่สำหรับ อาคารชุด อาคารสำนักงาน และอาคารขนาดใหญ่ อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, คอนโด, Mix Use และ Community Mall ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่เดิมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่คุ้มค่า ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายสมโภชน์กล่าว

ทั้งนี้ ระบบ ‘EV Smart Building’ by EA Anywhere ได้มีการออกแบบระบบการควบคุมกำลังไฟฟ้า โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งในทุกเครื่องอัดประจุไฟฟ้า จะมีการเชื่อมโยงกับระบบ Smart Monitoring ของบริษัทฯ ผ่านระบบสื่อสารแบบ Real-Time เพื่อตรวจสอบสถานะการทำงาน และ ควบคุมการจ่ายพลังงาน มาพร้อมกับการจัดลำดับความสำคัญของการใช้พลังงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ปัจจุบัน สถานีชาร์จในโครงข่าย EA Anywhere ดำเนินการโดยบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ให้บริการแล้วกว่า 490 สถานีทั่วประเทศ และตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จไปสู่ธุรกิจการจัดการพลังงาน ‘EV Smart Building’ by EA Anywhere ภายในสิ้นปี 2566 เพื่อให้ผู้ใช้รถ EV โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้รถในอาคาร มีความมั่นใจในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น

-โรงพยาบาลรามาธิบดี และ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ โดยรับการสนับสนุนพื้นที่โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ร่วมติดตั้ง การพลังงาน ‘EV Smart Building’ by EA Anywhere ซึ่งเป็นอาคารที่มีหัวชาร์จมากที่สุดใน ASEAN
-โดยจะให้บริการทั้งรูปแบบ AC Normal Charge ขนาด 7.3 kW จำนวน 576 เครื่อง ดำเนินการครอบคลุม 100% ทุกช่องจอดรถในอาคาร และ แบบ DC Fast Charge 360 kW จำนวน 2 เครื่อง
-ออกแบบระบบการอัดประจุ ภายใต้หลักการ Sharing and Charging และมีระบบการบริหารจัดการพลังงานในอาคารที่สอดรับกับพฤติกรรมการจอดรถของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
 

คืบหน้า สถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี ล่าสุด ระบบฐานราก – เสาอาคาร คืบแล้ว 60%

(29 มี.ค. 66) เพจโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure ได้โพสต์ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ - นครราชสีมา ช่วงสระบุว่า ความคืบหน้าสถานีรถไฟความเร็วสูง สถานีแรกที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว คือ สถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี 

ซึ่งสถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี มีการย้ายตำแหน่งสถานีจาก บริเวณจุดตัดถนนพหลโยธิน ไปอยู่บริเวณจุดตัดเลี่ยงเมืองสระบุรี ด้านหลังห้าง โรบินสันสระบุรี

ซึ่งมีการศึกษาและเปรียบเทียบ ประโยชน์ และปัญหาต่างๆ ของ ตำแหน่งเดิม และตำแหน่งใหม่ไว้ใน EIA ตามลิ้งค์นี้
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=630481400723676&id=491766874595130

รูปแบบโครงสร้างสถานี
ชั้นที่ 1 ชานชลารถไฟทางไกล (อนาคต)
ชั้นที่ 2 พื้นที่ขายตั๋วและเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร
ชั้นที่ 3 พื้นที่รอคอยรถไฟความเร็วสูง
ชั้นที่ 4 ชานชลารถไฟความเร็วสูง

GRAMMY จับมือ RS ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยธุรกิจคอนเสิร์ต รวมศิลปิน 2 ค่ายเพลงต่างขั้ว

เปิดภาพประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย 'GRAMMY x RS' จัดตั้ง JV เพื่อการจัดคอนเสิร์ต GRAMMY RS โดยเฉพาะ พร้อมสนับสนุนทุกด้านของการทำงาน พร้อมตั้งเป้า 3 คอนเสิร์ตใหญ่ รายได้อย่างต่ำ 220 ล้านบาท ขึ้นไป

(28 มี.ค. 66) ถือเป็นฤกษ์อันมงคล พร้อมสิ้นสุดการรอคอยก็ว่าได้ เมื่อ จีเอ็มเอ็มมิวสิคอาร์เอสมิวสิค สร้างปรากฏการณ์ระดับประเทศ ภายใต้ความร่วมมือในการจัดตั้งกิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส (ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE) พร้อมร่วมจัด “ซีรีส์คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์(SERIES CONCERT)รวมศิลปินตั้งแต่ยุค 90 และยุค 2000 ของทั้ง 2 ค่ายมารวมตัวกันอย่างอัดเเน่น พร้อมแถลงข่าวปรากฏการณ์รวมตัวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย

ศิลปินในงาน Grammy RS Concerts ไม่ว่าจะเป็น เจ เจตริน, ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, คริสติน่า อากีล่าร์, แร็พเตอร์, ใหม่ เจริญปุระ, โดม ปกรณ์ ลัม, มอส ปฏิภาณ, ลิฟท์-ออย, ทาทา ยัง, เต๋า สมชาย, นิโคล เทริโอ, เจมส์ เรืองศักดิ์, มาช่า วัฒนพานิช, นุ๊ก สุทธิดา, นัท มีเรีย, เกิร์ลลี่ เบอร์รี่, ซาซ่า, โฟร์ ศกลรัตน์, กอล์ฟ พิชญะ, หวาย, 2002 ราตรี

ไชน่าดอลส์, แคทรียา อิงลิช, เนโกะจัมพ์, ญาญ่าญิ๋ง, เฟย์ ฟาง แก้ว, เป๊ก ผลิตโชค, แดน-บีม, ลิเดีย ศรัณย์รัชต์, ชิน ชินวุฒ, บาซู, ไอซ์ ศรัณยู, ดัง พันกร, แบงค์ ปรีติ, ปาน ธนพร, หนุ่ม กะลา, แหม่ม พัชริดา, โบ สุนิตา, ฟลุ๊ค ไอน้ำ, อ๊อฟ ปองศักดิ์, ศรราม, จั๊ก ชวิน, นิว-จิ๋ว, โจ๊ก โซคูล, อู๋ ธรรพ์ณธร, แอม เสาวลักษณ์, หญิงลี, ไท ธนาวุฒิ, ปีเตอร์ คอร์ป, อี๊ด ฟลาย, ป๊อป ปองกูล, อนัน อันวา และศิลปินอีกมากมาย

การร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการผสานจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท ร่วมลงทุน ร่วมลงความเชี่ยวชาญ เพื่อส่งมอบความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้คนไทย ซึ่งเป็นโปรเจกต์ยักษ์ต่อเนื่องแบบ 3 ปี โดยจะมีการกำหนดหน้าหนังการแสดงเป็นปีต่อปี โดยปีนี้ จะมีการจัด 3 คอนเสิร์ตที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในเดือนกรกฎาคม กันยายน และตุลาคมตามลำดับ

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะใช้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อทำให้คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นที่น่าจดจำ และเป็นกรณีศึกษาที่เป็นประโยชน์อย่างไม่ลืมเลือน และขอขอบคุณทีมงานอาร์เอสมิวสิคทุกท่าน ที่ร่วมกันผลักดัน และสร้างปรากฎการณ์ระดับประเทศในครั้งนี้ให้เกิดขึ้น

ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการ กิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นผู้ดูแลโปรเจกต์นี้ของทาง อาร์เอส กรุ๊ป กล่าวว่า อาร์เอส และ แกรมมี่ เป็นเพื่อนร่วมสร้างอุตสาหกรรมเพลงของไทยมาด้วยกัน

ปตท.กางแผนลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท ลุ้น!! เจรจา 5 ดีลธุรกิจใหม่ เน้นร่วมทุนในปีนี้

กลุ่ม ปตท.ได้ปรับเปลี่ยนบทบาททางธุรกิจสำคัญจากบริษัทน้ำมันและก๊าซไปสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยที่ผ่านมามีทั้งการลงทุนเอง การเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน และในปี 2566 กลุ่ม ปตท.ยังคงเดินหน้าการลงทุนในธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปตท.อยู่ระหว่างเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสความร่วมมือด้านการลงทุนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่พลังงานแห่งอนาคตที่เป็นเป้าหมายดำเนินงานของ ปตท. โดยคาดว่าในปีนี้จะทำสัญญาร่วมลงทุนแล้วเสร็จไม่ต่ำกว่า 5 โครงการ ขณะเดียวกันในปี 2566 ปตท.ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องในวงเงินประมาณ 33,344 ล้านบาท

“ดีลที่เรากำลังเจรจาอยู่ก็มีทั้งในและต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นต่างประเทศที่กำลังคุยอยู่ โดยมีหลายรูปแบบทั้งเข้าไปซื้อหุ้น การควบรวมและการซื้อกิจการ (M&A) และ Joint Venture หรืออาจจะเป็นความร่วมมือในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งจะปิดดีลปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ดีล ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ที่เรากำลังสนใจทำ” นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ปตท.ได้ลงทุนในธุรกิจใหม่และมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 4 ธุรกิจ ประกอบด้วย

1.Mobility& Lifestyle ซึ่งเป็นการสร้างการขนส่งแบบไร้รอยต่อและเป็นการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ ปตท.จากธุรกิจน้ำมันและแก๊สไปสู่ธุรกิจ Energy Solution ประกอบด้วย

- การตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท Phnom Penh Aviation Fuel Service จำกัด โดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพื่อบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ

- Otteri โดยบริษัทลูกของ OR เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน ของบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรม รวมถึงประกอบกิจการร้านสะดวกซักภายใต้แบรนด์ Otteri เงินลงทุนขั้นต้น 1,105 ล้านบาท

- ดุสิตฟู้ด โดยบริษัทย่อยของ OR ลงทุนถือหุ้นสัดส่วน 25% ในดุสิตฟู้ดส์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอาหาร ด้วยการผสานจุดแข็งของกลุ่มดุสิตธานีที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำถึงปลายน้ำ

- การตั้งบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มบุญรอด โดยบริษัทย่อยของ OR เข้าไปถือหุ้นร่วมกับบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ในสัดส่วนฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมบริโภค (RTD)

- Traveloka โดย OR เข้าลงทุนใน Traveloka แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการจองบริการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

- Café Amazon โดย OR เข้าไปเปิดสาขาแรกในซาอุดีอาระเบีย สาขา InterHealth Hospital หรือ IHH ที่กรุงริยาด โดยได้ประเมินศักยภาพตลาดค้าปลีกในซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดร้านกาแฟพรีเมียม

รวมทั้งมีการร่วมลงทุนในสตาร์ทอัป ประกอบด้วย Pomelo แพลตฟอร์มและแบรนด์ Fast Fasion , GoWabi แพลตฟอร์มบริการความงามและสุขภาพ , Freshket แพลตฟอร์มจำหน่ายวัตถุดิบอาหารครบวงจร , Carsome แพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือ 2 ออนไลน์

Protomate ผู้นำฮาร์ดแวร์และ AI สัญชาติไทย , Hangry สตาร์ทอัปด้านอาหาร พัฒนา Clound Kitchen

>>ต่อยอดไฮแวลู-โลจิสติกส์

2.High Value Business โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) หรือ GC ได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น Vencorex เป็น 100% ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการสร้าง Synergy ร่วมกับ Allnex หลังจากที่บริษัทย่อยของ GC เข้าไปซื้อหุ้นของ Allnex รวมมูลค่า 148,000 ล้านบาท ซึ่งผลิต Coating Resins และสาร Additives ที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมอุตสาหกรรม

3.Logistic & Infrastructure ได้มีการตั้งบริษัท Global Multimodal Logistics (GML) เชื่อมเครือข่ายขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศ โดย GML ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผล ขนส่งน้ำตาลทรายทางระบบราง 10,000 ตู้ จากขอนแก่นไปชลบุรี 

รวมทั้งมีการศึกษากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) พัฒนาธุรกิจห้องเย็นสำหรับสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าไปตลาดต่างประเทศ ร่วมกับผู้ประกอบการคลังห้องเย็นให้บริการแช่แข็งและจัดส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ นำร่องโดยทุเรียนแช่แข็งเพื่อรองรับนโยบายระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC)

นอกจากนี้ OR ได้ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และ JR Freight ทดสอบส่ง LNG ด้วยถัง ISO Container Tank รวมทั้งมีการขนส่งเม็ดพลาสติกทางรถไฟเส้นทางไทย-ลาว-จีน เที่ยวปฐมฤกษ์ จำนวน 25 ตู้ น้ำหนัก 620 ตัน

>>เร่งแผนธุรกิจ‘เอไอ-หุ่นยนต์’

4.AI,Robotics & Digitization ได้ตั้ง T-ECOSYS พัฒนา Industrial Digital Platform , ตั้ง P-DICTOR ดำเนินธุรกิจ AI หุ่นยนต์ ดิจิทัล 

รวมทั้งปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุน Mekha Tech และเปลี่ยนชื่อเป็น Mekha V เพื่อเป็นเรือธงในธุรกิจ AI&Robotics

นอกจากนี้ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ทดสอบระบบ National Corporate Identification (NCID) อละได้ร่วมกับ Kongsberg Ferrotech พัฒนา Nautilus เทคโนโลยีหุ่นยนต์สำรวจและซ่อมบำรุงท่อปิโตรเลียมใต้ทะเลแบบครบวงจรครั้งแรกของโลก

รวมทั้งได้ลงนามกับ HMC Polymers เพื่อใช้เทคโนโลยี UAV และ Digital Platform เพื่อตรวจสอบ Flare และ Confined Space ในการผลิตเม็ดพลาสติก และร่วมมือกับ ปตท.พัฒนาเทคโนโลยีประเมิน Carbon stock สำหรับภาคป่าไม้ และลงนามกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ บริการเครื่องมือคัดกรองสุขภาพและเก็บรวบรวมในรูปแบบดิจิทัล

>> ลุยแผนลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท

ส่วนแผนลงทุนระยะ 5 ปี (2566-2570) ปตท.คาดการณ์ใช้งบภายใต้วงเงินรวม 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินลงทุนในโครงการที่มีความชัดเจนและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท.แล้ว 100,227 ล้านบาท แบ่งเป็น 

1.การลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 36,322 ล้านบาท 
2.การลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% มูลค่า 32,773 ล้านบาท 
3.การลงทุนในธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 18,988 ล้านบาท 
4.การลงทุนในธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ 8,828 ล้านบาท 
5.การลงทุนธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและปิโตรเลียมขั้นปลาย 3,316 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนที่มีความชัดเจนแล้ว จะมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7, โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8, โครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้, โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5, ลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า, ขยายธุรกิจของกลุ่ม บริษัท Innobic (Asia), พัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3

ขณะที่โครงการลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ปตท.ประเมินงบลงทุนอยู่ที่ 302,168 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นลงทุนโครงการตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond

‘แมคไทย’ ปลื้ม!! ยอดขายพุ่งทะลุเป้า เชื่อ!! ผลพวงจากการเปิดประเทศรับ นทท.

(28 มี.ค.66) นางสาวกิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมานั้นเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี มียอดขายสร้างรายได้ต่อเดือนสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันนี้ นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์การเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยผลการดำเนินงานเติบโตกว่าปีก่อน 276% หรือมีผลกำไรมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท

ทั้งนี้ มาจากปัจจัยของสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย รวมไปถึงการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามายังประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจอาหารมีทิศทางที่เติบโตตาม โดยเฉพาะร้านสาขาในโซนท่องเที่ยวและสนามบิน บวกกับได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องเข้าถึงคนไทย และรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีกำลังซื้อกลับมา ไม่ว่าจะเป็นจากการให้บริการหน้าร้านและดิลิเวอรี

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 - 2567 ที่กำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะดำเนินการขยายสาขาใหม่ และรีโนเวทร้านสาขาเดิม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Alphabet ที่เน้นความยั่งยืน เรียบง่าย อบอุ่น และทันสมัย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย เข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนยุคใหม่ ด้วยงบประมาณการลงทุนมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top