Sunday, 28 May 2023
ECONBIZ

EA รับโล่ประกาศเกียรติคุณ -เข็มเชิดชูเกียรติ ‘คนดีเก่ง คนกล้า สปน.’

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.เพ็ชร ชินบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก.พลังงานมหานคร บริษัทในกลุ่ม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่องค์กรที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมี นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในงานพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ ‘คนดีเก่ง คนกล้า สปน.’ ณ ห้องประชุม 108 อรรถไกวัลวที ชั้น 1 อาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

อัปเดต!! มอเตอร์เวย์ 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้ากว่า 90% คาดปี 2568 ได้ใช้ ร่นเวลาเดินทางถึงกาญจนบุรีเพียง 45 นาที

(11 เม.ย.66) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' เผย มอเตอร์เวย์ 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้าแล้วกว่า 90% เหลืองานด่าน, ระบบเก็บค่าผ่านทาง และเปิดประมูลจุดพักรถ เตรียมเปิดให้บริการ 2568 ร่นเวลาเดินทาง กาญจนบุรีเพียง 45 นาที!!! รายละเอียดดังนี้...

วันนี้เอาความคืบหน้าของ มอเตอร์เวย์ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี ซึ่งสร้างมากว่า 6 ปีผ่านหลายปัญหา ทั้งเรื่องแบบ เรื่องการเปลี่ยนแปลงของหน้างาน และที่ใหญ่ที่สุดคือปัญหางบประมาณเวนคืนที่ดิน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาท

ตอนนี้ ความคืบหน้าด้านโยธาไปแล้วกว่า 90% แต่ในส่วนสัญญางานด่านเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา O&M (ให้บริการ และซ่อมบำรุง) ซึ่งจ้างเอกชน (BGSR) เพื่อก่อสร้าง และให้บริการตลอดสัญญา 30 ปี ในรูปแบบ PPP Gross Cost 

โดยในปัจจุบันยังเหลืองานที่ยังไม่ประมูลอีก 1 งานคือ การร่วมทุนสร้างศูนย์บริการทางหลวง และจุดพักรถ ทั้งหมด 6 จุด

>> รายละเอียดการประมูล PPP จุดพักรถ
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1346449295793546/?mibextid=tejx2t
—————————
>> รายละเอียดโครงการ มอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี ล่าสุด...

แยกเป็น 2 ช่วง คือ บางใหญ่-บ้านโป่ง และ บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ช่วงที่จะไปชะอำ ต่อไปจากบ้านโป่ง-ชะอำ 

ตามลิงก์นี้ครับ
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/595019377603212?s=1160002750&sfns=mo

>> เอาล่ะครับ เรามาดูรายละเอียดปัจจุบันกันดีกว่า 

ลิงก์ที่มาข้อมูล
http://eiadoc.onep.go.th/eialibrary/monitor/3transport/61_1_59_9832.pdf

มอเตอร์เวย์สายนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ...
- ช่วงบางใหญ่-นครปฐมตะวันตก จะเป็นถนน 6 เลน 
- ช่วงนครปฐมตะวันตก-กาญจนบุรี จะเป็นถนน 4 เลน
และเขตทางเผื่อการขยายเส้นทางเป็น 8 เลนตลอดเส้นทาง

มีรั้วแบ่งแยกจราจร ตลอดเส้นทาง และมีทางบริการ คู่ขนานมอเตอร์เวย์เป็นช่วงๆ 

มีศูนย์บริการทางหลวง 2 ระดับ คือ...
1.ศูนย์บริการทางหลวง 2 แห่งคือ นครชัยศรี (กม.19) และ นครปฐม (กม.47) 
2.ที่พักริมทาง 1 แห่ง คือ ท่ามะกา (กม.70)

มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี เริ่มต้นจากสามแยกบางใหญ่ บริเวณ ตรงข้ามเยื้องเซ็นทรัลเวสเกต โดยอ้อมตลาดบางใหญ่ไป เพื่อลดผลกระทบกับชาวบ้านและลดค่าเวนคืนให้ต่ำสุด (แต่ก็ยังแพงอยู่ดี) ช่วงนี้จะยกระดับ จากต่างระดับบางใหญ่ - กม. ที่ 2 ก่อนจะถึงด่านบางใหญ่จะเป็นยกระดับยาว

จากด่านจะวิ่งตรงไปด้านทิศตะวันตก ผ่านจุดตัดกับ ถนน 3233 เป็นต่างระดับ และ ด่านนครชัยศรี 

พอตรงมาทางทิศตะวันตก อีก 5 กม. จะเป็นต่างระดับ ใหญ่ เพื่อมีกิ่งหนึ่งตัดกับถนนเพชรเกษม  พร้อมมีด่านอีกด่านหนึ่ง เพื่อเชื่อมต่อกับถนนเพชรเกษม และ มีปลายทางเปิดไว้เพื่อต่อกับมอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ และอีกด้านหนึ่งเว้นไว้เพื่อจะเป็นมอเตอร์เวย์ สาย 92 เป็นวงแหวนของกรุงเทพ รอบที่ 4

ตรงมาทางด้านตะวันตกอีก 8 กม จะผ่านจุดตัดกับถนน 3036 ซึ่งเป็นต่างระดับ และด่านนครปฐมตะวันออก

มอเตอร์เวย์ก็จะวิ่งขนานเมืองนครปฐม ไปอีก 8 กม จะผ่านจุดตัดถนน 321 (มาลัยแมน) ซึ่งเป็นต่างระดับ และด่านนครปฐมตะวันตก

พอผ่านจากนครปฐม มอเตอร์เวย์จะปรับแนวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ไปอีก 19 กม จะผ่านจุดตัดถนน 3394 ซึ่งเป็นต่างระดับ และด่านท่ามะกา 

วิ่งต่อไปทางทิศตะวันตก อีก 13 กม จะผ่านจุดตัดถนน 3081 ซึ่งเป็นต่างระดับ และด่านท่าม่วง

พอเลยจากด่านท่าม่วงมีแผนต่อไปด่านพรมแดนพุน้ำร้อน ซึ่งเดี๋ยวผมมาเล่าให้ฟังวันหลักอีกที (แต่น่าจะเกิดยาก ถ้าทวายไม่เกิด และ ITD ไม่ลงทุนมอเตอร์เวย์สายนี้เอง)

และสุดท้าย มอเตอร์เวย์ก็จะไปสิ้นสุดที่ถนน 324 (กาญจนบุรี-อู่ทอง) ซึ่งจะเป็นต่างระดับ และด่านขวางปลายทาง 

‘รฟม.’ เผยความคืบหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 5 สาย ชี้!! ‘สายสีเหลือง-สายสีชมพู’ พร้อมเปิดใช้งานปี 66

เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.66) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้รายงานความคืบหน้าของการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 5 สาย  ภายใต้ความรับผิดชอบของ ‘รฟม.’ เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม 2566 โดยระบุว่า

อัปเดต !!! ความคืบหน้าเดือนมีนาคม ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 5 โครงการ ระยะทางรวม 116.6 กม. 

‘พงษ์ภาณุ’ สะท้อน!! ความจำเป็น ‘จัดเก็บภาษี-กู้เงิน’ ในวันที่ประเทศต้องพัฒนาและปวงประชาต้องมีสวัสดิการ

(9 เม.ย. 66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น และอดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวถึงแหล่งที่มาของเงินเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ โดยข้องเกี่ยวกับภาษีที่ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ต้องจ่าย รวมถึงความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อนำมาต่อยอดประเทศในด้านต่างๆ ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 66 ระบุว่า…

ถ้าย้อนความเรื่องของการจัดเก็บภาษี ก็ต้องบอกว่ามีมาช้านานแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่ในรูปแบบของเงินเท่านั้นด้วย โดยในสมัยก่อนยังมีเรื่องของการเสียภาษีเป็นทาส กล่าวคือ การเอาคนมาเป็นทาส ถือเป็นการเก็บภาษีจากแรงงานของคน โดยไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ เป็นต้น

แต่แน่นอนว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป รูปแบบการจัดเก็บภาษีก็เปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถเข้ากับรูปแบบสังคมในปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นไปในรูปแบบของการจัดเก็บเงินได้แบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่จะมีความต่างจากในสมัยก่อน เพราะเงินภาษีที่ประชาชนยอมสละส่วนหนึ่งไปให้รัฐฯ นั้น ก็เพื่อนำไปพัฒนาประเทศต่อ ไม่ได้หายไปเปล่า ๆ เหมือนดั่งเช่นในอดีต

ฉะนั้น เมื่อมักมีคนถามถึงเหตุผลที่รัฐฯ เข้ามาบังคับจัดเก็บภาษี ว่าเก็บไปเพื่ออะไร และทำไมจึงต้องมีการจัดเก็บภาษีเท่านั้นเท่านี้...

ผมก็ต้องเรียนตามตรงว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นเชิงปรัชญา เช่น เวลาเราถามว่า รัฐฯ คืออะไร และต้องใหญ่ขนาดไหน ซึ่งบางทีก็ต้องไปดูความต้องการของรัฐฯ ในประเทศนั้น ๆ ต้องการมีส่วนแบ่งในระบบเศรษฐกิจมากเพียงใด ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะผูกพันและเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุค แต่ละสมัย แต่ละประเทศ แต่ละศาสนา แต่ละสังคมที่ไม่เหมือนกันด้วย

'กรมการขนส่งทางบก - ปตท.' ลงนามความร่วมมือ โครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV ยกระดับมาตรฐานการตรวจ-ทดสอบที่สถานีบริการ ปตท. ทั่วไทย

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม อาคาร 10 ชั้น 3 กรมการขนส่งทางบก 
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารจากกรมขนส่งทางบกและ ปตท. ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV 

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นในการรณรงค์และเสริมสร้างทัศนคติการตระหนักถึงความปลอดภัย รวมถึงยกระดับมาตรฐานในการตรวจสอบการใช้งานรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง (NGV) เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ตามนโยบายของ รัฐบาล กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบกได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในโครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV กับ ปตท. เพื่อบูรณาการร่วมกันในการเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจและทดสอบรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง (NGV) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และข้อมูลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมการขนส่งทางบก โดยการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบรถ NGV ที่เข้ามารับบริการเติมก๊าซ NGV ในสถานีบริการ NGV ของ ปตท. ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ใช้รถก๊าซ NGV

‘อ.ต่อตระกูล’ แง้ม!! รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ BYD จะใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนแทนลิเทียมเป็นครั้งแรก

(7 เม.ย. 66) ‘อ.ต่อตระกูล’ รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า...

ข่าวดี ๆ วันศุกร์

BYD ประกาศโฉมหน้ารถ EV ขนาดเล็ก ชื่อ ‘ซีกัล’ (Seagull) ราคาคาดการณ์ 3-4 แสนบาท ประกาศเปิดตัวที่จีนวันที่ 18 เมษายน นี้

ทว่าไฮไลต์อยู่ที่ จะเป็นรถไฟฟ้า คันแรก ที่จะใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออน แทนแบตเตอรี่ลิเทียม

บีโอไอ ฟุ้งยอดส่งเสริมอุตสาหกรรม EV สุดปัง ไฟเขียวลงทุนกว่า 1 แสนล้าน ผลิตแบต-ชิ้นส่วน

บีโอไอ เผยยอดส่งเสริม EV กว่า 1 แสนล้านเร่งกระตุ้นลงทุน ทั้งการผลิตรถยนต์ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน และสถานีชาร์จ เร่งผลักดันนโยบายส่งเสริมลงทุน รองรับทิศทางอุตสาหกรรมและดีมานด์ในประเทศขยายต่อเนื่อง

(6 เม.ย. 66) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก ในส่วนของบีโอไอ ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกิจการยานยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมมุ่งเป้าตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ของไทย โดยได้มีมาตรการให้สิทธิประโยชน์กับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถจักรยานไฟฟ้า และเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รวมถึงชิ้นส่วนและอุปกรณ์ สถานีอัดประจุไฟฟ้าและสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด บีโอไอได้ให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสำคัญ และสถานีชาร์จ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 114,000 ล้านบาท

ทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต  นวัตกรรมใหม่ตลาดทุนไทย ตอบโจทย์องค์กรปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.66) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท PTT International Trading Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ (PTTT ถือหุ้น 100% โดย ปตท.) ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Credit Linked Derivatives ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย ที่ธนาคารได้ออกแบบและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของ ปตท. รวมถึงเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งสองบริษัท 

นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างองค์กรในประเทศ โดย PTTT ประเทศสิงคโปร์ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานให้เพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้ ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ของ ปตท. 

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของ United Nations Development Programme (UNDP) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้บริโภค และธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยล่าสุดธนาคารลงนามบันทึกข้อตกลงกับ ปตท. และ บริษัท PTTT ประเทศสิงคโปร์ ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Derivatives) ที่เชื่อมโยงกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Linked Derivatives) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาและการเป็นผู้นำตลาด ESG Financial Solution ของธนาคาร ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

เคลียร์ชัด!! 'หนี้สาธารณะ' มุมมองที่หลายคนอาจเขิน หากนำไปแถแบบไม่เข้าใจ

หลายคนอาจจะยังคงสงสัยกับคำว่า ‘หนี้สาธารณะ’ และอาจเคยได้ยินว่า ‘คนไทย’ มีหนี้ต่อหัวสูงมาก แต่เคยรู้หรือไม่ว่า ในความเป็นจริงแล้วการกู้หนี้สาธารณะ นับเป็นการลงทุนในระยะยาวอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลตอบแทนสูง 

สำหรับเรื่องนี้ นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘เศรษฐกิจติดบ้าน’ ทางช่อง Thai PBS เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ดดยบางช่วงบางตอนได้ระบุว่า…

“หนี้สาธารณะ คือ หนี้ของประเทศจริงๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ ตามคำนิยาย พ.ร.บ.หนี้ของไทยค่อนข้างกว้าง รวมตั้งแต่ หนี้ของกระทรวงคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวที่จะกู้เงินให้ประเทศได้ หนี้รัฐบาลกลาง หนี้รัฐวิสาหกิจ ถึงแม้บางแห่งจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่การก่อหนี้ก็จะนับเป็นหนี้สาธารณะด้วยเช่นกัน รวมถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ด้วย” 

“คำนิยามหนี้สาธารณะของไทยกว้างมาก กว้างกว่าประเทศอื่นๆ เยอะ ไม่ใช่ว่าประเทศไม่มีเงินจึงต้องก่อหนี้ แต่เพราะจริงๆ แล้ว การก่อหนี้สาธารณะส่วนใหญ่ คือการก่อหนี้เพื่อการลงทุน และเพื่อโครงการที่เป็นสังคม สาธารณะประโยชน์”

'รัฐบาล' ปลื้ม!! โมเดลเศรษฐกิจ BCG ไปไกล หลังวงประชุม UNCTAD หนุนนักธุรกิจ-นักวิจัยผู้หญิง

(5 เม.ย.66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศ ว่า ผู้แทนรัฐบาลไทย โดย น.ส.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สกสว. ได้เข้าร่วมการประชุม Commission on Science and Technology for Development (CSTD) ครั้งที่ 26 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อระหว่างวันที่ 26-30 มี.ค.ที่ผ่านมา  

โดยร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจสีเขียวให้กับนักธุรกิจและนักวิจัยหญิง จากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา 15 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ที่กรุงเทพฯ ผ่านโครงการ STI Capacity Building Programs on Female Researchers and Entrepreneurs to promote Bio – Circular – Green Economic (BCG) MODEL 

INTERLINK หนุน 'สร้างงาน สร้างคน สร้างอาชีพ' เสริมทักษะความรู้ สร้างกูรูสายสัญญาณป้อนไทย

(4 เม.ย.66) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตบุคลากรในสายวิชาชีพ กับสถาบันเทคโนโลยี หนุนสร้างงาน สร้างคน สร้างอาชีพ ส่งเสริมทักษะความรู้เฉพาะด้านการเป็นผู้นำด้านสายสัญญาณของประเทศไทยที่แข็งแกร่ง นำสู่การต่อยอดอาชีพในอนาคตได้อย่างเติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน

โดยมี คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ และ ดร. ชลิดา อนันตรัมพร ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิง สุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีจิตรลดา และประธานคณะกรรมการบริหารโรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ทางวิชาการระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ณ ห้องประชุมสภา สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 27 - 31 มี.ค.66  จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 3 - 7 เม.ย.66

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น จากนักลงทุนคลายความวิตกต่อวิกฤติภาคธนาคาร ประกอบกับท่อขนส่งน้ำมันดิบ Kirkuk - Ceyhan (0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ที่สูบถ่ายน้ำมันดิบจากเขตปกครองพิเศษเคอร์ดิสถานทางตอนเหนือของอิรักสู่ตุรกีปริมาณ 4 - 4.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ต้องระงับการสูบถ่ายชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 66 หลังอิรักชนะอนุญาโตตุลาการข้อพิพาทการส่งออกน้ำมันเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 66 

อย่างไรก็ดี วันที่ 2 เม.ย. 66 รัฐบาลอิรักและรัฐบาลท้องถิ่นเคอร์ดิสถาน (Kurdistan Regional Government: KRG) บรรลุข้อตกลงกลับมาส่งออกน้ำมันดิบแล้ว และคาดว่าจะเริ่มส่งออกน้ำมันได้ในวันที่ 3 เม.ย. 66

สัปดาห์นี้ ทางเทคนิคคาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 80 – 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มตึงตัว หลังประเทศสมาชิก OPEC+ จำนวน 7 ประเทศ ประกาศลดการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจ ปริมาณรวม 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ค. - ธ.ค. 66 เพิ่มเติมจากโควตาเดิมของ OPEC+ ซึ่งลดการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ย. 65 - ธ.ค. 66 ประกอบกับรัสเซียประกาศลดการผลิตน้ำมันดิบ 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน มี.ค. - ธ.ค. 66 ซึ่งจะสนับสนุนราคาน้ำมัน โดย Goldman Sachs ปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ในปี 66 และ 67 เพิ่มขึ้น 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากคาดการณ์เดิม มาอยู่ที่ 95 และ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ

‘สงกรานต์ 66’ คึกคัก!! คนไทยเที่ยวไทยพุ่ง!! คาด!! เงินสะพัดกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท

(3 เม.ย.66) สงกรานต์ปี 2566 ความกังวลโควิดหมดไป หลายจังหวัดเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างเต็มรูปแบบในรอบ 3 ปีกันอย่างคึกคัก จากผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯ 44.7% มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ (หลักๆ จะเป็นกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน และกลุ่มที่ท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมญาติพี่น้องด้วย) โดยเกือบทั้งหมดมีแผนท่องเที่ยวในประเทศ โดยแหล่งท่องเที่ยวที่คนกรุงเทพฯ มีแผนส่วนใหญ่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวทางทะเล อาทิ พัทยา หัวหิน เกาะช้าง เป็นต้น ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 5 วันระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย. 2566 น่าจะมีจำนวน 5.1 ล้านคน-ครั้งเพิ่มขึ้น 28.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

‘เซ็นทรัลฯ’ เผย ทุ่มงบ 400 ล้าน จัด 2 อีเวนต์ใหญ่ช่วงสงกรานต์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว คาด ยอดใช้จ่าย-ลูกค้าเพิ่มขึ้น 30%

(3 เม.ย.66) แหล่งข่าวจากห้างสรรพสินค้า ระบุว่า ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ทุกห้างค้าปลีกตื่นตัวกับการจัดกิจกรรมช่วงสงกรานต์ และแต่ละค่ายเตรียมใช้งบประมาณอย่างต่ำ 50-100 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นประชาชนให้ออกมาฉลองสงกรานต์ หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมาเจอการระบาดของโควิด-19 ทำให้การจัดงานต้องงด อีกทั้งเดือนเมษายนนี้ คาดว่าอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้ชูเป็นจุดขายดึงคนออกนอกบ้าน และเล่นน้ำตามสถานที่ต่างๆ ก็จะทำให้เกิดการเข้าซื้อสินค้าและสังสรรค์ทานอาหารกันมากขึ้น โดยประเมินว่าจะเกิดขึ้นสะพัดกว่า 1 หมื่นล้านบาทในช่วงสงกรานต์ปีนี้ ที่เน้นเรื่องอาหารดับร้อน เสื้อผ้า เป็นต้น

ด้านนายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล แถลงว่า เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 2/2566 และเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กำลังกลับมาเที่ยวเมืองไทย จึงใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท จัด 2 อีเวนต์ใหญ่ คือ แคมเปญซัมเมอร์ ด้วยงบ 300 ล้านบาท และ THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 ด้วยงบ 100 ล้านบาท

‘EA-SCB’ ลงนามสินเชื่อ หนุนธุรกิจ Pay Pop เดินเครื่องผลักดัน EV Bus สู่สังคมไทยเต็มสูบ

EA - SCB ลงนามสินเชื่อ Green Loan 2,000 ล้านบาท เดินเครื่องรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะ (EV-Bus) เต็มสูบ ขยายธุรกิจ ‘Pay Pop’ สร้างการลงทุนโครงการใหม่ในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร

ไม่นานมานี้ บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ร่วมลงนามสัญญาเงินกู้สีเขียว 2,000 ล้านบาท เพื่อการลงทุนในโครงการรถโดยไฟฟ้าสารสาธารณะ (EV-Bus) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สยายปีกเปย์ป๊อป (Pay Pop) ธุรกิจให้เช่าซื้อรถโดยสารไฟฟ้า สนับสนุน EA สู่ธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไร้มลพิษอย่างครบวงจร โดยมี นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และ ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมพิธีลงนาม ณ SCB Academy ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้

นายสมโภชน์ เปิดเผยว่า การร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) มูลค่า 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจใหม่ (New S-Curve) 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top