Tuesday, 30 May 2023
ECONBIZ

‘TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD’ จากงาน ‘THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2023’

เมื่อไม่นานมานี้ นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทเข้ารับมอบรางวัล Thailand Top Company Award 2023 ประเภทความเป็นเลิศ ‘TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD’ จาก ฯพณฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้กับสุดยอดองค์กรธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมีความเป็นเลิศด้านการพัฒนานวัตกรรมโดยฝีมือคนไทย อันเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งถือเป็นองค์กรต้นแบบที่ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาด สู่ระบบกักเก็บพลังงาน แบตเตอรรี่ลิเทียมไอออน อมิตา เทคโนโลยี และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ MINE Mobility ด้วยกลยุทธ์ Ultra-Fast Charge Solution สู่การเป็นผู้นำระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (Ecosystem) อย่างครบวงจร อันเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทยที่จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้กับประเทศไทยบนพื้นฐานความยั่งยืน

‘ปตท.’ ผนึก ‘สทน.’ หนุนโครงการวิจัย-พัฒนา ‘พลาสมา-เทคโนโลยีฟิวชัน’  ตั้งเป้ายกระดับไทย สู่ ‘ศูนย์กลางของอาเซียน’ ภายในปี 2570

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ ดร.หาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์ รองผู้อำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านพลาสมาและเทคโนโลยีฟิวชัน ระหว่าง ปตท. และ สทน. โดยมีผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน 

เป็นรูปเป็นร่าง!! ไทยเดินหน้าฮับ EV เร่งผลักดันมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม หลังค่ายรถสัญชาติจีนยักษ์ใหญ่ เริ่มก่อสร้างโรงงานจริงจัง

(17 มี.ค.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เผยว่า ได้ผลักดันให้การส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมการผลิตยานพาหนะไฟฟ้าทุกประเภท รวมทั้งจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า และเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ และสามารถพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีในอนาคตได้ ตามมติคณะกรรมการบีโอไอเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Roadmap [email protected]) ที่มีเป้าหมายในปี 2573 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด

ล่าสุด บีโอไอรายงานว่าผู้ผลิตรถ EV จากจีนสองค่าย ได้แก่ เนต้า (NETA) และบีวายดี (BYD) ได้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงงานผลิตรถ EV ในประเทศไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จ 1-2 ปีข้างหน้าโรงงานจะแล้วเสร็จ และยังมีค่ายรถจากจีนและยุโรปยื่นขอรับการสนับสนุนอีกหลายค่าย โดยรัฐบาลกำลังเร่งผลักดันมาตรการสนับสนุนรถอีวีเพิ่มเติม หรือมาตรการ EV 3.5 ต่อเนื่องจากมาตรการ EV 3 ที่จะหมดอายุภายในสิ้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้ไทยก้าวสู่ความเป็นฮับอีวีได้ไม่ยาก

ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวเป็นที่ชื่นชอบของพี่น้องประชาชน นอกจากกระตุ้นธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เกิดการจ้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้ว เมื่อมีการผลิตที่มากขึ้นในไทย จะทำให้ราคาถูกลง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและลดมลพิษ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ได้ในระยะยาว

Arun Plus - SANY - Leadway - Rootcloud ลงนามความร่วมมือ ลุยธุรกิจ ‘E-Truck’ - ‘E-Mobility’ ขับเคลื่อนระบบขนส่งไทย สู่ ‘ผู้ให้บริการแบบครบวงจร’

เมื่อไม่นานมานี้ นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อแสวงหาโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจ E-Truck และ E-Mobility ครบวงจร และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย 

โดยมี นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus), Mr. Da Rui (ดา รุย) Managing Director Southeast Asia, SANY Heavy Industry (Thailand) Co., Ltd. (SANY), คุณฉกาจ แสนจัน Chief Executive Officer, Leadway Heavy Machinery Co., Ltd. (Leadway) และ Mr. Ho Howe Tian (โฮ ฮาว เทียน) Managing Director ASEAN, Rootcloud Technology Co., Ltd. (Rootcloud) ร่วมลงนาม 

‘เม็ดทราย’ สู่ ‘เม็ดเงิน’ ไอเดียเจ๋ง!! ถมทะเลด้วยเม็ดทรายราคาถูก ยกระดับ ‘หาดจอมเทียน’ สู่ ‘ไมอามี่เมืองไทย’

(17 มี.ค.66) เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ TikTok ชื่อว่า ‘Kim Property Live’ โดยคุณคิม ชัชวาลย์ วัฒนะโชติ ได้ออกมาวิเคราะห์ถึง ‘ไมอามี่เมืองไทย’ ที่เกิดจากการนำเม็ดทรายมาถมทะเลจนเกิดพื้นที่ใช้สอยทางเศรษฐกิจว่า…

‘พัทยา’ ของบ้านเราจะเปลี่ยนเป็นไมอามี่เมืองไทย เนื่องจากมีโปรเจกต์การถมทะเลความกว้างกว่า 35 เมตร ซึ่งโดยปกติแล้วการถมทะเลนั้นก็มีประเทศหลายทั่วโลกทำกัน เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ที่มีการถมทะเลทำสนามบิน 

เนื่องจากทรายมีราคาถูก พอทำเป็นเกาะราคาที่ดินก็เพิ่มมหาศาล ยิ่งถมที่ทำสนามบินยิ่งดี เพราะว่าเป็นไม่ต้องเว้นระยะรอบชุมชน แถมไม่ต้องยุ่งกับโครงสร้างเก่า แต่คนที่ทำได้ต้องไม่ใช่ประชาชนแต่เป็น ‘รัฐบาล’ เท่านั้น

ซึ่งฝั่งไทยเราก็มีการถมเช่นกัน คือ ‘แหลมฉบัง’ มีการเพิ่มที่กรมท่าเรือให้มีเพิ่มมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจคือ ‘หาดจอมเทียน’ เพราะทางกรมเจ้าท่าก็ได้ทุ่มงบเกือบ 1 พันล้านบาท ในการถมทะเลตรงนี้ เพื่อให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้น้ำทะเลได้ซัดชายฝั่งจนแถบไม่เหลือเลย เมื่อลองเทียบเคียงกับชายหาดระดับโลกแล้ว ก็ต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำกิจกรรมได้มาก เดินเล่นได้ จุคนได้มาก หากนึกไม่ออกให้นึกถึง ‘ไมอามี่บีช’ เลย

และคาดการณ์ว่าการถมทรายทะเลตรงบริเวณ ‘หาดจอมเทียน’ นั่นจะทำให้หาดแห่งนี้กลายเป็น ‘ไมอามี่เมืองไทย’ อีกทั้งที่ดินของหาดจอมเทียนก็มีราคาสูงอยู่แล้ว คอนโดโรงแรมขึ้นเต็มมากมาย 

Mekha V - WHAUP - Sertis ร่วมมือจัดตั้งบริษัท ‘RENEX TECHNOLOGY’ ลุยธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมในพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง ‘บริษัท รีเนกซ์ เทคโนโลยี จำกัด’ (RENEX TECHNOLOGY) เพื่อดำเนินการพัฒนาและลงทุนในธุรกิจการให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมและผู้ใช้บริการรายอื่น ๆ (Peer-to-Peer Energy Trading Platform) โดยมีนายชาญ กุลภัทรนิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) 

นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และนายธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน โดยบริษัทร่วมทุน RENEX TECHNOLOGY มีเป้าหมายเพื่อดำเนินการประกอบธุรกิจพัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้า (Peer-to-Peer) หรือการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ผ่านคนกลาง โดยใช้ระบบ Two-Sided Bidding Algorithm รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและอำนวยความสะดวกการซื้อขายพลังงานให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยกับผู้ใช้พลังงานด้วยเทคโนโลยี Blockchain

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานใหม่และธุรกิจอื่น ที่นอกเหนือจากพลังงานของ ปตท. โดยได้ส่งบริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) ซึ่งเป็น Flagship ด้านธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และดิจิทัล (AI, Robotics & Digitalization) ของกลุ่ม ปตท. เข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้ง WHAUP และ Sertis ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการนวัตกรรมพลังงาน โดย RENEX ถือเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายพลังงานหมุนเวียน ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Blockchain ให้สามารถซื้อขายพลังงานหมุนเวียนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบจริงในนิคมอุตสาหกรรมภายใต้โครงการ ERC Sandbox เพื่อความพร้อมในการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานอนาคต และเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โดยกลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ และสอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ ที่ต้องการพลังงานสีเขียวซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) กล่าวว่า WHAUP ในฐานะผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค พลังงาน ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค และ พัฒนาพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับการร่วมลงทุนในครั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายของ WHAUP ในการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและลดต้นทุนของพลังงานไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดให้กับกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ จนนำมาสู่การพัฒนาระบบการซื้อขายไฟฟ้าเสรีแบบไม่มีตัวกลางที่เรียกว่า Peer-to-Peer Energy Trading หรือ แพลตฟอร์ม RENEX เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าและผู้รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยใช้เทคโนโลยี AI และ Blockchain มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยกับผู้ใช้พลังงาน  

“การร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน รีเนกซ์ เทคโนโลยี ในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นของ  3 องค์กรชั้นนำที่มีความแข็งแกร่ง และประสิทธิภาพในการบริการจัดการ ของทั้ง บริษัท เมฆา วี จำกัด บริษัท ดับบลิวเอชเอ ฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด เพื่อยกระดับสู่บริษัทร่วมทุนที่มีความทันสมัย ก้าวไกล ในการร่วมมือพัฒนา ทดสอบ และผลักดันระบบแพลตฟอร์ม RENEX ให้สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์นำไปสู่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการชั้นนำในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นผู้ซื้อขายพลังงานบนแพลตฟอร์ม RENEXแล้ว ถึง 54 รายด้วยกัน”

‘สมศักดิ์’ จัดงานเสวนากระท่อม ทิ้งทวนก่อนย้ายพรรค เร่งพัฒนาเพื่อต่อยอดสู่พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต

(16 มี.ค. 66) ที่สำนักงาน ป.ป.ส. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน โครงการสร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบการ ‘กระท่อมพืชเศรษฐกิจไทยแห่งอนาคต’ โดยมี นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายวีระพล ใจจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันสำรวจและควบคุมยาเสพติด นายสมชาย ศรีวิริยะจันทร์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการพืชสมุนไพรและประชาชนเข้าร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นความภาคภูมิใจของตนและ ป.ป.ส. ที่ได้ทำให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ หลังจากที่เป็นยาเสพติดมานานถึง 78 ปี ตนต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการทั้งหลาย สถาบันการศึกษาหลายแห่งที่เข้ามาช่วยการต่อยอด เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในอนาคตต่อไปได้อย่างชัดเจนขึ้น

และที่สำคัญต้องขอบคุณ ป.ป.ส. เพราะตอนที่ตนเข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม ตนไม่มีความรู้เกี่ยวกับพืชกระท่อมเลย แต่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ก็ได้นำข้อมูลมาเล่าและชี้แจงให้ฟัง รวมถึงเรื่องการจัดทำประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ด้วย ต้องถือว่า ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานที่ดีของประเทศไทย เพราะทำงานเอาจริงเอาจังและให้ความร่วมมือกับภาคการเมือง จนงานทุกอย่างออกมาราบรื่น และเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว

ปตท. คว้ารางวัล ‘สุดยอดองค์กรธุรกิจไทย’ สาขาอุตฯ พลังงาน 4 ปีซ้อน สะท้อนการทำงานที่ยอดเยี่ยม - มุ่งสู่ความยั่งยืนทุกมิติ

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 66 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รับรางวัล ‘THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2023’ ประเภทอุตสาหกรรมพลังงาน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะประธานในพิธี สะท้อนผลการดำเนินงานของ ปตท. ที่ยอดเยี่ยม พร้อมดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงทิศทางธุรกิจที่พร้อมก้าวไปสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทย

‘กรณ์’ ชี้!! วิกฤต Credit Suisse กระทบไทยน้อย ยัน!! ฐานะทางบัญชีธนาคารไทย ‘เข้มแข็ง’

(16 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี มูลค่าหุ้นของธนาคาร เครดิต สวิส (Credit Suisse) ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์อันดับ 2 ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ร่วงลงไปถึง 24% ภายในวันเดียวในช่วงค่ำวันที่ 15 มีนาคม 2566 ทำให้สำนักงานกำกับตลาดการเงินและธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อลดความกังวลที่อาจจะเกิดขึ้น ว่า ธนาคาร Credit Suisse อยู่ในสถานการณ์วิกฤต หลังจากที่วันนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ Saudi National Bank ประกาศว่าไม่สามารถสนับสนุนทุนเพิ่มให้ได้อีกต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า ธนาคาร Credit Suisse ประสบปัญหาจากการบริหารจัดการที่ไม่ดีมานาน ราคาหุ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาปรับลดลงต่อเนื่องถึง -90% ทางผู้บริหารอ้างว่าทุนเพียงพอ แต่หากมีการแห่ถอนเงินออก เชื่อว่ารัฐบาลสวิสคงไม่ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะนี้ปรับตัวลง 600 จุด ในขณะที่เงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรรัฐบาล ทั้งนี้ประเด็นเรื่อง Credit Suisse เป็นคนละประเด็นปัญหากับ SVB และ Signature ของสหรัฐ แต่ความเปราะบางความเชื่อมั่นในขณะนี้จะทำให้ทุกปัญหาถูกขยายผลจนกลายเป็นวิกฤติได้” นายกรณ์ กล่าว

‘รมว.เฮ้ง’ ชวนคนหางานผ่านเว็บไซต์ ‘ไทยมีงานทำ’ รวบรวมอาชีพ-ตำแหน่งงานครบวงจรกว่า 250,000 อัตรา!!

กระทรวงแรงงาน ชวนคนหางานใช้บริการเว็บไซต์ ‘ไทยมีงานทำ.doe.go.th’ และแอปฯ ‘ไทยมีงานทำ’ ให้บริการฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย รวมตำแหน่งงานภาครัฐ เอกชน และตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานเพื่อผู้หางาน

(16 มี.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน เตรียมตำแหน่งงานว่าง จำนวน 255,885 อัตรา รองรับผู้ว่างงาน ผู้จบการศึกษาใหม่ ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้เปราะบาง และทุกคนที่ต้องการมีงานทำ โดยพร้อมให้บริการประชาชนผ่านระบบออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ ซึ่งให้บริการทั้ง Web Application และ Mobile Application ประชาชนสามารถหางาน เข้าถึงตำแหน่งงานที่สนใจเหมาะสมกับตนเอง และสมัครหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มโอกาสการมีงานทำ

ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งงาน (Active ในระบบ) จากทั่วประเทศ จำนวน 255,885 อัตรา โดยตำแหน่งงาน 5 อันดับแรกที่มีความต้องการมากที่สุด ได้แก่

1.) แรงงานด้านการประกอบ
2.) แรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์
3.) พนักงานขายของหน้าร้านและสาธิตสินค้า
4.) พนักงานขายโฆษณาและตัวแทนนายหน้าขาย
5.) ตัวแทนฝ่ายขายด้านเทคนิคและการค้า

“รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับปัญหาการว่างงานอย่างยิ่ง เพราะเป็นปัญหาเริ่มต้นที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของภาคครัวเรือน ตลอดจนเศรษฐกิจในระดับประเทศเป็นลูกโซ่ จึงได้กำชับกระทรวงแรงงานสำรวจและเตรียมตำแหน่งงานไว้เพื่อรองรับคนไทยทุกคนที่ต้องการมีงานทำ” นายสุชาติ รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ เป็นเว็บไซต์สำหรับคนหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานภาครัฐ เชื่อมโยงข้อมูลจากสำนักงาน ก.พ. ซึ่งมีตำแหน่งงานจากหน่วยงานราชการกว่า 300 หน่วยงาน ภาคเอกชน จากนายจ้าง สถานประกอบการที่เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ และได้แจ้งตำแหน่งงานว่างไว้ และตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานชั้นนำที่เป็นพันธมิตร ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำกับกรมการจัดหางาน อาทิ บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเค ดอท คอม จำกัด บริษัท จัดหางานจ็อบท็อปกัน จำกัด บริษัท จัดหางาน อเด็คโก้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยคนหางานสามารถค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตัวเอง

นายกฯ ยินดี ‘ไทย-กานา’ ขยายความร่วมมือด้านเกษตร เดินตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง-เกษตรทฤษฎีใหม่

ไทย-กานา ขยายความร่วมมือด้านเกษตรกรรม ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง-เกษตรทฤษฎีใหม่  

(16 มี.ค.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ประเทศกานามีความสนใจในแนวทางพระราชดำริว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยกเป็นต้นแบบพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งสนใจการทำการเกษตรแบบ BCG Model นายกรัฐมนตรียืนยันไทยพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยี องค์ความรู้ ให้คำแนะนำ และผลักดันความร่วมมือสู่ความสำเร็จระหว่างประเทศ

ประเทศกานา มีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกข้าวและเพิ่มผลผลิตภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งประเทศกานาสนใจในแนวทางพระราชดำริว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการทำการเกษตรแบบ BCG Model โดยกานาชื่นชมโครงการ “ข้าวรักษ์โลก” ของไทยที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี และเป็นแนวทางใหม่ของการทำเกษตรกรรมโลก ซึ่งโครงการข้าวรักษ์โลก เป็นต้นแบบการปฏิวัติการทำนาแบบยั่งยืนตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางไว้ จากแนวคิดการผลิตข้าวแบบใหม่ โดยการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้เพื่อการผลิตและลดการใช้สารเคมี ลดต้นทุนการผลิต ข้าวที่ได้มีคุณภาพสูง และสามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากโครงการข้าวรักษ์โลกตอบโจทย์กระแสผู้บริโภคในโลกยุคปัจจุบัน ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

‘นักลงทุน’ แห่ช้อปทองคำ เหตุเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ ลุ้นนิวไฮใหม่ทองคำ ปี 65 อาจทะลุบาทละ 32,100 บาท

พิษแบงก์มะกันล้ม นักลงทุนแห่ช้อปทองคำ ลุ้นทะลุนิวไฮบาทละ 32,100 บ. ขณะที่หุ้นหายตื่นดีดแรงบวก 41 จุด

(15 มี.ค.66) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีการปิดตัวลงของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank : SVB) และซิกเนเจอร์แบงก์ (Signature Bank) ในสหรัฐ ว่า คงไม่มีผลกระทบกับแผนเงินกู้ในตลาดตราสารหนี้ ที่จับตาดูอยู่ยังไม่มีอะไร และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังดูแลอยู่ เชื่อว่าจะมีการจำกัดผลกระทบส่วนนี้ให้น้อยลง หากเกิดความผันผวนขึ้นมาในช่วงรัฐบาลยุบสภา สามารถใช้มาตรการเข้าไปดูแลในช่วงรักษาการได้หรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใด ๆ ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง จำเป็นต้องเข้าไปดำเนินมาตรการเพื่อดูแลประชาชน คาดหวังว่าเหตุที่เกิดขึ้นในสหรัฐจะไม่ได้รับผลกระทบในวงกว้าง หากไม่ได้เป็นประเทศที่ไปลงทุน และฝากเงินใน 2 แบงก์นั้นจำนวนมาก

“ส่วนถามว่าจำเป็นต้องออกมาตรการมาดูแลเช่นใดนั้น ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่าปัญหาจะเป็นเรื่องอะไร วิกฤตที่เกิดขึ้นในสหรัฐ แบงก์ที่ปิดตัวเป็นธนาคารในภูมิภาค แม้จะอยู่ที่อันดับ 16 ก็ตาม แต่หากขยายไปสู่แบงก์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ก็อาจจะมีผลกระทบ” นายอาคมกล่าว

นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทองคำ นับตั้งแต่ต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 1,150 บาทต่อบาททองคำ โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมนี้ บวกแล้ว 800 บาทต่อบาททองคำ ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 31,100 บาทต่อบาททองคำ ราคาทองคำปรับขึ้นร้อนแรงตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ตอบรับวิกฤตธนาคารสหรัฐขาดสภาพคล่องจนต้องปิดตัวไปแล้ว 3 แห่ง ยังไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่รายรอปิดตัวเพิ่มอีก ทำให้ทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหรือเซฟเฮฟเว่นในการลงทุนอีกครั้ง เพราะขณะนี้ตลาดมีความกังวลกับการล้มของแบงก์สหรัฐสูงมาก

“มีการมองภาพย้อนกลับไปเมื่อปี 2551 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐ ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องพิมพ์เงินเพิ่มจำนวนมาก (คิวอี) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นการทำคิวอีครั้งแรกในรอบนั้นด้วย โดยในช่วง 10 ปีก่อนหน้าทองคำถือเป็นฮีโร่ในช่วงวิกฤตการเงิน ทำให้นักลงมุนมองว่า ทองคำอาจเป็นฮีโร่อีกครั้งได้ แต่ภาพปัจจุบันแตกต่างกัน เพราะดอกเบี้ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ระดับต่ำมาก แต่ตอนนี้ก็คงค้างอยู่สูงมาแทน” นายพิบูลย์ฤทธิ์กล่าว

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เกาะติดแบงก์สหรัฐฯ ล้ม พร้อมรับมือ แม้สถาบันการเงินไทยไร้ธุรกรรมเกี่ยวข้อง

กรณีธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) และธนาคาร Signature Bank ในประเทศสหรัฐอเมริกาถูกปิดกิจการ เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. 2566 ล่าสุด สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ได้มีการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พบว่าปัญหาของธนาคารดังกล่าวมีที่มาจากหลายสาเหตุ ทั้งนี้หน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) และ Federal Reserve (Fed) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารดังกล่าวนั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ สถาบันการเงินของไทยไม่มีธุรกรรมโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับธนาคารดังกล่าวและไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกปิดกิจการของธนาคารดังกล่าว

'กรณ์' ออกโรงสร้างความมั่นใจ หลัง 2 แบงก์อเมริกาล้ม  ชี้!! กระทบไทยน้อย ยันธนาคารไทยแข็งแกร่ง

จากกรณี 2 ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ อย่างธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB และ Signature Bank ล้มกะทันหัน สร้างความตื่นตระหนกต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก ในส่วนของประเทศไทยเองก็มีความกังวลว่าจะกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันการเงินของเราหรือไม่ 

(15 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ที่สามารถฝ่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์จนทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อปี 2553 กล่าวถึงประเด็นปัญหาดังกล่าวว่า...

ปรากฎการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ แต่จากบทเรียนในอดีตทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการวางแผนรองรับไว้อย่างดี ส่งผลให้สถาบันการเงินของไทยแข็งแกร่งที่สุดในโลก จึงอยากให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อลูกค้าของสถาบันการเงินอย่างแน่นอน 

นายกรณ์ วิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาต่อการล่มสลายของธนาคาร SVB ว่า SVB ก่อตั้งมาเกือบ 40 ปี แต่มาเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตโควิด เนื่องจากฐานลูกค้าเป็นกลุ่มธุรกิจสายเทคถึง 30,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้ากระจุกตัวอย่างมาก ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2019  จากเดิมที่มีฐานเงินฝากอยู่ที่ 50,000 ล้านเหรียญ ณ ช่วงต้นปี 2022 ฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น 190,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 300% ซึ่งเร็วกว่าคนสถาบันการเงินอื่นที่เพิ่มขึ้นเพียง 30% เท่านั้น เหตุผลเกิดจากช่วงโควิดมีการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีการระดมทุนของบริษัทสายเทคบูมมาก มีเงินไหลเข้า SVB มาก จนปล่อยกู้ไม่ทัน จึงนำเงินฝากไปลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งในอดีตสามารถทำได้ แต่โดยปกติธนาคารต้องมีความระมัดระวังเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเงินฝากกับเงินลงทุน และส่วนใหญ่จะลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น แต่เนื่องจากช่วงนั้นอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก SVB จึงนำเงิน 90,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปลงทุนในพันธบัตรระยะยาว 10 ปี  เพื่อหวังผลของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น พอลงทุนไป ก็เกิดปรากฏการณ์หลายเรื่องพร้อมกัน จนนำไปสู่การล้มละลายในที่สุด 

อดีต รมว.คลัง กล่าวต่อว่า พอช่วงโควิดผ่านไป ราคาหุ้นของลูกค้า SVB เริ่มปรับลดลง และเริ่มมีการถอนเงินฝากในปริมาณที่สูงกว่าที่ธนาคารคาดไว้ ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จึงมีนโยบายออกมาต่อสู้ โดยการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น เพื่อลดอุปสงค์ของเงิน แต่อัตราการปรับเพิ่มขั้นดอกเบี้ยถึง 4% ส่งผลกระทบต่อการลงทุนพันธบัตรที่ธนาคารไปลงทุนไว้ ทางการเงินเรียกว่าขาดทุนทางบัญชี เนื่องจากยังไม่ได้ขาย เพราะหากฝากไว้ครบ 10 ปี ก็จะยังได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่ แต่ SVB จำเป็นต้องขายพันธบัตรเนื่องจากขาดสภาพคล่อง จึงทำให้เกิดภาวะขาดทุนจริงถึง 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงมาก และเป็นสาเหตุต้องพยายามเพิ่มทุน 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่ออุดช่องโหว่ ทำให้ลูกค้าธนาคารเริ่มเกิดความกังวลจนแห่ไปถอนเงิน จนเงินหมด ทำให้เฟดต้องเข้ามาจัดการโดยการปิดกิจการ SVB ในที่สุด 

นายกรณ์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโจ ไบเดน ออกมาย้ำเพื่อความมั่นใจว่า รัฐบาลจะคุ้มครองเงินฝาก 100% ประชาชนไม่ต้องกังวลว่าจะถอนเงินได้หรือไม่ เพราะหากถอนไม่ได้ ผลข้างเคียงจะส่งผลต่อผู้ประกอบกิจการซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตาร์ทอัพ ไม่สามารถจ่ายเงินเดือน และชำระหนี้สินได้ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและอาจกระทบจนถึงขั้นปิดกิจการได้ และอาจจะลามไปถึงการแห่ถอนเงินจากสถาบันการเงินอื่น ๆ สร้างปัญหาเป็นวงกว้างทั้งระบบ  อย่างไรก็ตามสิ่งที่นายไบเดนพูด รัฐบาลค้ำประกันเฉพาะผู้ฝาก แต่ไม่ค้ำประกันผู้ถือหุ้น เจ้าของพันธบัตรหรือเจ้าหนี้ของตัวธนาคาร และเป็นการใช้เงินจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากเท่านั้น ไม่กระทบต่อภาษีประชาชนแต่อย่างใด เป็นการส่งสัญญาณเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนในอดีต ส่วนหนึ่งเนื่องจากเป็นช่วงที่ใกล้เลือกตั้งที่ส่งผลต่อคะแนนนิยม แต่ทั้งนี้สถาบันคุ้มครองเงินฝากก็มีเงินเพียง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าทุกคนยังแห่ถอนเงินก็ไม่เพียงพอ เวลานี้จึงต้องรอดูว่าจะมีใครมาซื้อกิจการของ SVB ของสหรัฐ เหมือนที่ HSBC ซื้อกิจการ SVB ในอังกฤษไปแล้วในราคา 1 ปอนด์ 

นายกรณ์ ตั้งข้อสังเกตว่า ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในบริเวณ ซิลิคอนวัลเลย์สูง เนื่องจากสตาร์ทอัพเกือบทุกรายใช้บริการ SVB ที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดที่เข้าใจมายาวนาน วันนี้ต้องไปคุยกับสถาบันการเงินอื่นที่เข้าใจน้อยกว่า ทำให้ความได้เปรียบการเข้าถึงแหล่งทุน เมื่อเทียบกับที่อื่นในโลกลดลง ยกเว้นว่าจะมีใครไปซื้อและดำเนินการทำธุรกิจในวัฒนธรรมเดิมกับกลุ่มลูกค้าเดิม ก็อาจไม่ส่งผลมากนัก แต่หากไม่มี หรือมีชุดความคิดที่แตกต่าง ก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพ ที่ซิลิคอนวัลเลย์เริ่มหมดเสน่ห์ หรือขีดความสามารถในการแข่งขันที่เคยได้เปรียบก็จะลดลง 

อลงกรณ์’ เผยบอร์ดเกลือ แก้ปัญหาราคาผันผวน มีมติกำหนดราคาขั้นต่ำเกลือทะเลเป็นครั้งแรก

‘อลงกรณ์’ เผยบอร์ดเกลือมีมติกำหนดราคาขั้นต่ำเกลือทะเลเป็นครั้งแรก แก้ปัญหาราคาผันผวน พร้อมเร่งพัฒนานาเกลือด้วยแนวทาง BCG โมเดลเน้น “เพิ่มมูลค่า-คุ้มค่า-ยั่งยืน”

วันนี้ (15มี.ค. 2566) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย ได้ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/ 2566 แบบ Hybrid Meeting ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมออนไลน์ zoom cloud meeting 

นายอลงกรณ์ ได้กล่าวหลังการประชุมว่า เพื่อแก้ไขปัญหาราคาเกลือผันผวนมีผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรชาวนาเกลือ คณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ

1. การกำหนดราคาขั้นต่ำเกลือทะเลใน 3 ชนิดเกลือ ดังนี้ (1) ราคาเกลือขาว 1,800 บาท (2) เกลือกลาง 1,500 (3) เกลือดำ 1,300 บาท และขอให้ออกเป็นประกาศของคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย โดยเป็นราคาขั้นต่ำที่กำหนดเป็นเกณฑ์ในการซื้อขายเกลือทะเล

2. คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบในหลักการ มาตรการการจัดการและป้องกันแก้ไขปัญหาเกลือทะเล ปีการผลิต 2565/66 เพื่อรองรับสภาพปัญหาการผลิตเกลือทะเลไทย

3.คณะกรรมการ ฯ ยังได้รับทราบแนวทางการพัฒนาเกลือทะเลไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีแนวทาง มาตรการ และกลไกการดําเนินงานรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ปี 2564 – 2570 เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว มุ่งเน้นการพัฒนาห่วงโซ่การเพิ่มมูลค่าเกลือทะเลไทย (BCG Value Chain เกลือทะเลไทย) คำนึงถึงการสร้างมูลค่า การหมุนเวียนใช่ทรัพยากรและความสมดุลและยั่งยืน

โดยกำหนดกิจกรรมในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ตอนน้ำ จนถึงปลายน้ำได้แก่ ต้นน้ำ (เกษตรกร) โดยพัฒนาเกษตรกรผู้ผลิตเกลือทะเลให้เป็น smart farmer กระบวนการผลิตเกลือทะเลได้รับมาตรฐาน GAP รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนการผลิตดอกเกลือและดีเกลือ ใช้พลาสติกปูพื้นนาเกลือเพื่อเพิ่มผลผลิต ทำประมงน้ำกร่อย เชื่อมโยง กลางน้ำ (องค์กรเกษตรกรและผู้ประกอบการ) พัฒนาในส่วนของผู้ประกอบการและองค์กรเกษตร ส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นองค์กรเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชนที่เข้มแข็ง ประกอบด้วยแนวทางดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาเกลือทะเลไทยตามรูปแบบโมเดลเศรษฐกิจ ใน 3 ด้าน ได้แก่ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top