Sunday, 6 July 2025
ECONBIZ

‘ศักดิ์สยาม’ หารือร่วม ‘JETRO - หอการค้าญี่ปุ่น’ ยัน!! ไทยมีแผนพัฒนา ศก. หลังโควิด-19 คลี่คลาย

‘ศักดิ์สยาม’ หารือร่วม ‘JETRO - หอการค้าญี่ปุ่น’ ถกแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย หวังการท่องเที่ยวปี 66 ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมอัปเดตโปรเจกต์คมนาคม - ขับเคลื่อน EV - เปิดประเทศ

(26 ม.ค.66) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2566 นายคุโรดะ จุน (Mr.Kuroda Jun) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) และนายคาโต้ ทาเคโอะ (Mr.Kato Takeo) ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) เข้าพบ เพื่อหารือแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย

ทั้งนี้ นายคุโรดะ จุน ได้รายงานในที่ประชุมถึงผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 (ก.ค.-ธ.ค. 2565) โดยแนวโน้มเศรษฐกิจจากทัศนะของผู้ประกอบการญี่ปุ่นยังเป็นไปในทิศทางบวก และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ อาทิ ราคาต้นทุนวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่สูงขึ้น รวมถึงราคาพลังงานที่ปรับราคาสูงขึ้น และอุปสงค์ที่มีต่อการส่งออกลดลง แต่ก็หวังว่าการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2566

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ได้กล่าวขอบคุณข้อเสนอแนะ และยืนยันเป้าหมายของรัฐบาลไทย ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย โดยกระทรวงคมนาคมยังคงดำเนินภารกิจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง สนับสนุนมาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในภาคการขนส่งสาธารณะ มุ่งเน้นการดำเนินการด้านความเป็นกลางด้านคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามขอบเขตของกิจกรรมทางธุรกิจ

ทั้งนี้ ได้ยกตัวอย่างการดำเนินโครงการถไฟขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (EV on Train) ที่จะเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 4 ปี และการสานต่อการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและชานเมือง พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าโครงการ Landbridge โดยอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ Concept Design เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนการประชาสัมพันธ์โครงการฯ (Road Show) ทั้งในและต่างประเทศเพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก

ฟรุ้ทบอร์ด ไฟเขียวแก้ปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ เล็งใช้เส้นทาง ‘รถไฟจีน-ลาว’ รองรับฤดูกาลผลไม้ ปี 66

ฟรุ้ทบอร์ด เห็นชอบ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ ตามนโยบายของรัฐมนตรีเกษตรพร้อมจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการตู้และขบวนรถไฟจีน-ลาว รองรับฤดูกาลผลไม้ ปี 2566 

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) เปิดเผยภายหลังการประชุมวันนี้ว่า ที่ประชุมได้รับทราบ

1.) รายงานความก้าวหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565 รอบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี

2.) รายงานความก้าวหน้าโครงการพัฒนาลำไยอย่างยั่งยืน ปี 2566 – 2568 จากการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 1/2565 มีมติมอบกรมส่งเสริมการเกษตรฝ่ายเลขาฯ ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำแนวทางหรือโครงการนำร่องการแก้ไขปัญหาผลผลิตลำไยอย่างยั่งยืนระยะยาว โดยการปรับโครงสร้างการผลิตลำไยในฤดู และนอกฤดู ให้เท่ากับร้อยละ 60 : 40 ภายในปี 2567 เพื่อให้ลำไยมีการกระจายการผลิตได้ทั้งปี ผลผลิตในฤดูไม่ซ้อนทับกันมาก เป็นทางเลือกให้แก่ตลาดได้ทุกฤดูกาล/ทุกเทศกาล ที่ต้องการลำไย โดยในฤดูกาลปกติจะลดภาวะ over supply ลงได้ร้อยละ 10 แต่ประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรไม่ลดลง

3.) รายงานสถานการณ์การผลิตไม้ผล ปี 2566 โดยคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกส์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

4.) รายงานผลการประชุมคณะทำงานศึกษาโครงการมหานครผลไม้และการขนส่งผลไม้ผ่านสนามบินจันทบุรี ครั้งที่ 1/2565
โดยใช้แนวทางการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership หรือ PPP) 

5.) รายงานผลการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า 

6.) รายงานสรุปผลการประชุมเฉพาะกิจการเตรียมความพร้อมในการใช้เส้นทางรถไฟจีน – ลาว ซึ่งเป็นโอกาสของฝ่ายไทยและขยายเส้นทางการขนส่งทางรางเพื่อเพิ่มศักยภาพการนำเข้า - ส่งออกสินค้าไปจีนและผ่านจีนไปยังสหภาพยุโรปผ่านเส้นทางตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง มีการดำเนินการ ดังนี้ (1) การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการตู้และขบวนรถไฟ มีหน้าที่ในการรับจองตู้และขบวนรถไฟ เพื่อรองรับฤดูกาลผลไม้ ปี 2566 โดยความร่วมมือภาคีเครือข่ายภาคเอกชน โดยประสานงานกับสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย (2) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟ ไทย - จีน -ลาว รวมไปถึงการขยายเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านจีนไปสู่ภูมิภาคอื่น (3) เร่งรัดการเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุนสำหรับระบบตรวจสอบ รวมไปถึงอุปกรณ์วิทยาศาสตร์และโครงการพื้นฐานของด่านส่งออกที่สำคัญ เช่น ด่านมุกดาหาร ด่านนครพนม และด่านหนองคาย (4) ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การขนส่งสินค้าเกษตรจากประเทศไทยสร้างการรับรู้ ข้อปฏิบัติ ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟไทย - จีน - ลาว ในระดับพื้นที่ควบคู่ไปด้วย

'รมว.สุชาติ' เยี่ยมการฝึกบุคลากรดูแลผู้สูงอายุ ป้อนสถานประกอบการ รองรับสังคมผู้สูงอายุ

(26 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเยี่ยมชมการฝึกเตรียมเข้าทำงาน หลักสูตร การดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง โดยมี ดร.อุดม สุวรรณพิมพ์ ผู้ช่วยคณบดี คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์, นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเชียงราย และผู้เข้ารับการฝึกอบรม ร่วมต้อนรับ ณ ศูนย์ฝึกอบรมวิสาหกิจชุมชนอำเภอแม่จัน (ป่าตึง) เชียงราย หลั่นล้าอีโคโนมี ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย

นายสุชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ผมและคณะได้ลงพื้นที่มายังจังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมการฝึกเตรียมเข้าทำงาน หลักสูตร การดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานส่งเสริมคนไทยมีงานทำ เพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานให้สามารถนำทักษะไปประกอบอาชีพทั้งในและต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน จึงได้ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย เป็นผู้ดำเนินการฝึกตามโครงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการสร้างทักษะฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งพัฒนาบุคลากรหรือแรงงานที่ให้บริการด้านการดูแลผู้สูงอายุให้มีทักษะเพิ่มขึ้นเตรียมพร้อมก่อนเข้าทำงาน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทยที่จะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ และหลายประเทศที่มีลักษณะของโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการผู้มีความรู้ด้านการดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น 

ด้าน นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า โครงการดังกล่าว สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย ได้บูรณาการกับโรงเรียนนวัตกรรมบริหารจัดการสถานพยาบาล คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งได้รับการรับรองให้ดำเนินการฝึกอบรมนอกสถานที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) มีผู้รับการฝึกซึ่งเป็นสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนอำเภอแม่จัน (ป่าตึง) เชียงราย หลั่นล้าอีโคโนมี จำนวน 26 คน ฝึกระหว่างวันที่ 16 ม.ค.65 - 8 พ.ค. 66

'บิ๊กตู่' จัดงานเฉลิมฉลอง 'ปีแห่งนวัตกรรมไทย-ฝรั่งเศสปี 2566' ตอกย้ำ!! ความร่วมมือ 'นวัตกรรมไทย-ฝรั่งเศส' เป็นรูปธรรม

(26 ม.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและฝรั่งเศสขับเคลื่อนความร่วมมือด้านนวัตกรรมระหว่างกันอย่างต่อเนื่องจนเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดงานเฉลิมฉลอง ‘ปีแห่งนวัตกรรมไทย - ฝรั่งเศสปี 2566 (2023 Thailand - France Year of Innovation)’ ในวันที่ 26 มกราคม 2566 ณ สวนเบญจกิติ กรุงเทพมหานคร

นายอนุชา กล่าวว่า ไทยและฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมายาวนาน และมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในหลายมิติ ซึ่งความร่วมมือด้านนวัตกรรมก็เป็นอีกมิติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยทั้งสองฝ่ายได้กำหนดให้ปี 2566 เป็นปีแห่งนวัตกรรมไทย - ฝรั่งเศส เป็นการขับเคลื่อนที่ต่อเนื่องมาจากการเดินทางเยือนไทยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เมื่อเดือนพ.ย.2565 ที่ผ่านมา โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องของไทยและฝรั่งเศส ได้ประสานความร่วมมือกัน และมุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างกันในมุมมองที่ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันของทั้งสองประเทศ

‘บิ๊กตู่’ พอใจ ศธ. เร่งแก้ปัญหาหนี้ครู ผนึก 13 หน่วยงาน แก้หนี้เป็นรูปธรรม - ลดเหลื่อมล้ำ

(26 ม.ค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นวาระสำคัญ 

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์พอใจกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้เร่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ‘การดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา’ ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับหน่วยงานและสถาบันการเงิน 12 แห่ง เพื่อต่อยอด ‘โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย’ และ ‘มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย’ ที่มีการช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ให้ครูที่เข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 10,300 ล้านบาท รวมไปถึงการเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ความร่วมมือของ 13 หน่วยงานในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการและประสานความร่วมมือ เพื่อจัดกิจกรรมตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา และมีบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครูอย่างยั่งยืน โดยดึงจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานเข้าช่วยเหลือจัดการแก้ไขหนี้และการอบรมความรู้ปลูกฝังวินัยการเงิน พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ สำหรับการชำระหนี้ การกู้ยืม การออม และการลงทุน เพื่อช่วยเหลือให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

‘สุชาติ’ ขึ้นเชียงรายติดตามสถานการณ์แรงงาน เร่งพัฒนากำลังคนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ - ท่องเที่ยว

รมว.สุชาติ ขึ้นเชียงรายติดตามสถานการณ์แรงงาน พัฒนากำลังคน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ - ท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุม หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย แพร่ น่าน พะเยา เพื่อติดตามผลการดำเนินการตามนโยบายกระทรวงแรงงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ไตรมาสที่ 1 ผลการเร่งรัดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว และส่งเสริมการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ และการดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในเศรษฐกิจระดับชุมชน สินค้าอุตสาหกรรมในชุมชน วิสาหกิจชุมชน โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เข้าร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย

‘สุชาติ’ เตือน นายจ้าง มีโทษหนัก ใช้แรงงานต่างด้าวลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย

กระทรวงแรงงานเตือนนายจ้างฝ่าฝืนกฎหมายจ้างคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท ถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้กระทรวงแรงงานบริหารจัดการการทำงานของแรงงานข้ามชาติ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 คลี่คลาย โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ และความสำคัญของกำลังแรงงานอันเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ในการฟื้นฟูประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีการปรับกฎ ระเบียบ ข้อบังคับให้ยืดหยุ่นสอดคล้องตามสถานการณ์จริง โดยมุ่งหวังให้นายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานข้ามชาติ ปฏิบัติตามมติครม.ในคราวต่าง ๆ ที่อนุญาตให้แรงงานข้ามชาติอยู่และทำงานได้เป็นการชั่วคราว แต่ในปัจจุบันยังพบเห็นการลักลอบเข้ามาทำงานของคนต่างด้าวอยู่เนือง ๆ กระทรวงแรงงานจึงดำเนินการบูรณาการร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จัดชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดี คนต่างด้าว นายจ้าง/สถานประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบทำงานของคนต่างด้าวผิดกฎหมาย เพื่อป้องปรามมิให้กระทำความผิดและลงโทษผู้กระทำความผิดให้เกิดความหลาบจำไม่กระทำผิดซ้ำอีก

'เจพี มอร์แกน' จัดอันดับให้หุ้นไทย เป็นหุ้นที่น่าลงทุนที่สุดในอาเซียน คาดดัชนี SET พุ่งขึ้น 7% แตะระดับสูงสุดที่ 1,800 จุด

(25 ม.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบรายงานกรณีบริษัทหลักทรัพย์เจพี มอร์แกน (JPMorgan Chase & Co.) เปิดเผยข้อมูลในการประชุม J.P. Morgan Thailand Conference ว่าตลาดหุ้นไทย เป็นตลาดหุ้นที่น่าลงทุนที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในอาเซียน 

นายอนุชา กล่าวว่า โดยเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยจะพุ่งขึ้นอีกราว 7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,800 จุดในปี 2566 ซึ่งเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุน (overweight) ให้กับหุ้นกลุ่มต่อไปนี้ในตลาดหุ้นไทย ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่มสินค้าจำเป็น (consumer staples) สินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary) และ กลุ่มเพื่อการดูแลสุขภาพ (healthcare sectors) อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ดัชนี SET พุ่งขึ้นราว 4% โดยส่วนมากเป็นหุ้นกลุ่มสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

'อลงกรณ์' มั่นใจปี2566 เปิดประตูอีสานขนส่งสินค้าเกษตรสู่ยุโรปและแปซิฟิกสำเร็จ หลัง 'กรกอ.' เห็นชอบร่างแผนพัฒนาสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมอีสานตอนบนรองรับการลงทุนเพิ่มรายได้เกษตรกร

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมภาค หน่วยงานส่วนราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาคและผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมกว่า70คน ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ด้วยโปรแกรม Zoom Meeting โดยมีหัวข้อสำคัญในการประชุม ดังนี้

1) ความก้าวหน้าโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำและการเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาสวยงามในการส่งออกต่างประเทศ ( Aqua Feed & Ornamental Freshwater Fish Industry : AFOF)
2) การดำเนินงานของคณะอุตสาหกรรมความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระดับภาค(กรกอ.ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง ตะวันออก และใต้)
3) ความก้าวหน้าการขับเคลื่อน Big Data และ Gov Tech ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เชื่อมบิ๊กดาต้ากับภาครัฐและภาคเอกชน
4) การส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการผลิตภาคเกษตร

นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาสินค้าเกษตรที่สำคัญตามศักยภาพแบบครบวงจรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภูและบึงกาฬ)และตอนบน 2(นครพนม มุกดาหารและสกลนคร)

‘นายกฯ’ สั่งด่วน!! แก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ดันแนวทาง 'ระยะสั้น-ยาว' บรรเทาทุกข์เกษตรกรสวนปาล์ม

(25 ม.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและสั่งการให้แก้ไขปัญหาสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมัน เพื่อดูแลช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ซึ่งจากการทำงานอย่างบูรณาการของรัฐบาล ได้สำรวจปัญหาของพืชปาล์มน้ำมัน เนื่องจากตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ถึงช่วงต้นปี 2566 มีผลผลิตปาล์มออกมามาก ทำให้มีผลผลิตปาล์มอยู่ในตลาดมาก ส่งผลให้ราคาปาล์มตกต่ำ ประกอบกับมีการลักลอบนำปาล์มนอกโควต้าเข้ามาในประเทศไทย ทำให้ราคาปาล์มอยู่ที่ 4.80 บาทต่อกิโลกรัม (ราคา ณ วันที่ 20 ม.ค.66)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ช่วยหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อ บรรเทาความเดือดร้อน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนชาวสวนปาล์ม โดยในการแก้ไขของรัฐบาลแบ่งเป็นสองรูปแบบ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามีแนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ ขอความร่วมมือสหกรณ์ในพื้นที่ให้ช่วยรับซื้อปาล์มจากเกษตรกรแทนไว้ก่อน และสกัดการลักลอบนำเข้าปาล์มนอกโควต้า ซึ่งจากแนวทางการทำงานของรัฐบาล ทำให้ราคาปาล์มมีการปรับตัวดีขึ้น อยู่ที่ 5 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับการแก้ปัญหาในระยะยาวนั้น รัฐบาลผลักดัน พ.ร.บ ปาล์มยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ มีกองทุนสงเคราะห์การทำสวนปาล์ม การประกันราคาปาล์ม มีการจัดทำโครงสร้างกำกับราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงมีกฎเกณฑ์กำกับดูแลเรื่องปาล์มครบวงจร เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

ม.มหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตซอสจากผัก ทานพอเหมาะ ลดเสี่ยงรับสารก่อมะเร็ง

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตและจำหน่ายซอสจากผัก ภายใต้โครงการวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพ

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ และ ‘ซอสซ่อนผักสูตรเด็ก’ นวัตกรรมคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัย สถาบันโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และใยอาหาร เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว และเด็ก ๆ ที่อาจไม่ชอบรับประทานผักได้มีสารอาหารที่เพียงพอ รวมถึงยังเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพอีกด้วย 

สำหรับงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นั้น ได้รับการยอมรับโดยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในต่างประเทศ จากผลการทดสอบในกลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารปิ้งย่าง เพื่อศึกษาการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ที่มักปนมากับส่วนที่ไหม้เกรียมจากการปิ้งย่าง พบว่าการรับประทานซอสซ่อนผักในปริมาณพอเหมาะ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย และโภชนเภสัช โดยมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ให้มีโภชนาการที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคตามวิถีชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต 

ทั้งนี้ เรื่องโภชนาการถือเป็นสาเหตุหลักของความมั่นคงทางด้านสุขภาพและอาหารที่อินโนบิกให้ความสำคัญ การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพด้านการวิจัยอย่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยมีแผนการผลิตซอสสูตรต้นตำรับและสูตรสำหรับเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย นำร่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุในรูปแบบซอง ตั้งเป้าออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อเพิ่มทางเลือกการทานอาหารให้กับคนไทยทุกวัย ให้ได้รับประโยชน์ ถูกปาก และสะดวกต่อการรับประทาน อีกทั้งวัตถุดิบในการผลิตซอสซ่อนผักนั้น ยังเป็นผลผลิตจากเกษตรกรไทย ถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย

'ลุงหนู' ไฟเขียว!! ร่างงบฯ ปี 67 แตะ 2.44 แสนล้านบาท ดันเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม

‘อนุทิน’ นั่งหัวโต๊ะไฟเขียวร่างงบประมาณปี 67 กว่า 2.44 แสนล้านบาท ดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม เร่งสรุปผลงบประมาณรายจ่าย ชงสำนักงบประมาณภายใน 27 ม.ค.นี้

(24 ม.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คณะที่ 3.2 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างคำของบประมาณบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน 108 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 244,505.6705 ล้านบาท โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของ 7 กระทรวง 26 หน่วยงาน

ทั้งนี้แบ่งเป็น เป้าหมายที่ 1 จำนวน 11 หน่วยงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.)กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.)กรมเจ้าท่า (จท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) (กรมการขนส่งทางราง (ขร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) (การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวม 88 โครงการ วงเงิน 243,660.1700 ล้านบาท คิดเป็น 99.65% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) M6 บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี โครงการทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1065 สาย อ.พรานกระต่าย-พิษณุโลก

โครงการพัฒนาทาง และสะพานโครงข่ายทางหลวงชนบท สนับสนุนด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย โครงการศูนย์ขนส่งชายแดน จ.นครพนม โครงการปรับปรุงท่าอากาศยาน 16 แห่ง โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต โครงการทางหลวงพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา โครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธาโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้น

สำหรับป้าหมายที่ 2 จำนวน 15 หน่วยงาน (จท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานสภาพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ/กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน/สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) สถาบันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ม.พะเยา ม.เชียงใหม่ ม.บูรพา และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รวม 20 โครงการ วงเงิน 845.5005 ล้านบาท คิดเป็น 0.35% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนเพื่อรองรับงาน NSW

นอกจากนี้ยังมี โครงการพัฒนาระบบการทำเครื่องหมายและขึ้นทะเบียนสัตว์แห่งชาติ (NID) และเครื่องหมายประจำตัวสำหรับซากสัตว์ โครงการออกแบบและพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (ePhyto) ผ่านระบบ NSW โครงการเสริมสร้างความสามารถการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้วยการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน โครงการส่งเสริมการพัฒนาบริการและขยายเครือข่ายของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ การศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของประเทศไทย

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 16 – 20 ม.ค. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 23 – 27 ม.ค. 66

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 16 – 20 ม.ค. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 23 – 27 ม.ค. 66

ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent, NYMEX WTI และ Dubai สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3-4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยได้แรงสนับสนุนจากแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันของจีนฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ โดย IEA, EIA และ OPEC คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของจีน เฉลี่ยในปี 66 เพิ่มขึ้น 630,000 บาร์เรลต่อวัน จากปีก่อน อยู่ที่ 15.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนคึกคัก โดยสื่อ China Central Television (CCTV) ของจีนรายงานจำนวนการเดินทางโดยรถไฟ ทางหลวง เรือ และเครื่องบิน ในช่วง 7-21 ม.ค. 66 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50.8% อยู่ที่ 26.23 ล้านเที่ยว ส่วนทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบ ICE Brent สัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 85-90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

จับตาการคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) โดย Reuters Poll วันที่ 20 ม.ค. 66 คาดการณ์ FOMC มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งๆ ละ 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.0% ในการประชุมช่วง 31 ม.ค.- 1 ก.พ. 66 และ 15-16 มี.ค. 66 และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนถึงอย่างน้อยสิ้นปี 66 หากเป็นไปตามคาด เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่า สนับสนุนให้เงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) สู่สินทรัพย์เสี่ยง สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมัน

‘สุริยะ’ สั่ง กรมโรงงานฯ เร่งอบรมเจ้าหน้าที่ กทม.  ก่อนถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2

‘สุริยะ’ สั่ง กรมโรงงานฯ เร่งเครื่องอบรมเจ้าหน้าที่ กทม. กำกับโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 เน้นทำงานได้จริง สอดคล้อง 'MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน'

(23 ม.ค.66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกำชับกรมโรงงานอุตสาหกรรม อบรมเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต เน้นการลงมือปฏิบัติงานจริง โดยบูรณาการกับหลักทฤษฎีที่ได้เรียนรู้ เพื่อให้การถ่ายโอนภารกิจกำกับโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 ให้ กทม. เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนด ลดความขัดแย้ง สร้างความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้ประชาชน สอดคล้อง ‘MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน’

นายสุริยะ เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) รับนโยบายรัฐบาลในการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมถึงกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ อปท. และ กทม. ควบคุมดูแลกิจการโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2  และรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2  ตลอดจนตรวจสอบกรณีโรงงานก่อเหตุเดือดร้อนในพื้นที่ โดยได้แต่งตั้งข้าราชการของ อปท. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน 

ทั้งนี้ ได้กำชับให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ให้การสนับสนุนด้านคำปรึกษาแนะนำแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของ อปท. และ กทม. ให้ปฏิบัติภารกิจได้ถูกต้อง เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกฎหมาย สามารถบริการด้านการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 ได้อย่างถูกต้อง เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้ประชาชน มุ่งสู่การปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่ สอดคล้องแนวทางนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ปี 2566 ‘MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน’

‘รมว.เฮ้ง’ เปิดอาคารสำนักงานจัดหางาน จ.นครปฐม แห่งใหม่ หนุนแรงงานทุกคนในไทยมีอาชีพ ‘มั่นคง-ยั่งยืน’

(23 ม.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม (แห่งใหม่) โดยมี นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครปฐม ร่วมต้อนรับ พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เจ้าคณะภาค 14 เป็นประธานสงฆ์ ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 39 หมู่ 6 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานตระหนักดีว่าภารกิจในการให้บริการประชาชนของสำนักงานจัดหางานจังหวัด เป็นภารกิจที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องให้บริการแก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่างงาน นักเรียน นักศึกษา ผู้พ้นโทษ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ขาดโอกาสทางสังคม ผู้ประกอบการที่ต้องการหาคนทำงาน แรงงานไทยที่ต้องการหางานทั้งในประทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงแรงงานต่างด้าว ล้วนเป็นหน้าที่ที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ต้องให้บริการอย่างเอาใจใส่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้คาดหวังมาแล้วว่าต้องได้งาน ได้อาชีพ มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ซึ่งผมจะได้ผลักดันให้ประสบความสำเร็จในทุกกลุ่มเป้าหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top