Friday, 14 February 2025
ECONBIZ

KKIC ผนึก 'มิตรผล' ดึง 50 พันธมิตร 'รัฐ-เอกชน' ผุด Isan BCG Expo 2022 ดันศก.อีสานโตยั่งยืน

KKIC จับมือกลุ่มมิตรผล รวมพลัง 50 พันธมิตร ภาครัฐและเอกชน จัดงาน Isan BCG Expo 2022 สร้าง ‘อีสาน’ ศูนย์กลางขับเคลื่อน BCG ทั่วอาเซียน เร่งพัฒนานวัตกรรมยั่งยืน ผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่นดันเศรษฐกิจฐานรากโตยั่งยืน 

เมื่อวานนี้ (8 พ.ย. 65) KKIC หรือ Khon Kaen Innovation Center จับมือกลุ่มมิตรผล ประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน ผนึกพลังขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG จัดงาน Isan BCG Expo 2022 งานมหกรรมนวัตกรรมยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสานและครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าผลักดัน ‘อีสาน’ ให้เป็นศูนย์กลางสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน พร้อมเร่งพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม และเกษตรกรรมให้ทัดเทียมระดับสากลผสานจุดแข็งชูอัตลักษณ์ในท้องถิ่น มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด ‘ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ’ 

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า เมื่อโลกกำลังเผชิญความท้าทายกับวิกฤตซ้ำซ้อนและใกล้ตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโลกรวน วิกฤตพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ ขาดแคลนอาหาร และสังคมเหลื่อมล้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างมาก ดังนั้น การปรับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ ​และความต่อเนื่อง​ในการแก้ปัญหาเป็นเป้าหมายสำคัญ ​คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของระบบเศรษฐกิจ​ควบคู่กับการลดความเหลื่อมล้ำ​ทางสังคม​ โดยส่งเสริมให้ภาคการผลิต​ การค้า​ การลงทุนให้มีความเข้มแข็ง​ และสามารถกระจายโอกาสสู่ภูมิภาคซึ่งจะเป็นการพัฒนา​ที่ยั่งยืน ดังนั้น การพัฒนา​เชิงพื้นที่​ (Area-based development) เป็นเป้าหมาย​ที่สำคัญ​ในการกระจายความเจริญ​ โดยเฉพาะในภาคอีสาน​ที่มีศักยภาพ​ ในภาคการเกษตร​ อุตสาหกรรม​ และบริการ​ รวมทั้งเป็นแหล่งแรงงาน และการค้าชายแดนที่สำคัญ​

“หนึ่งในเป้าหมายหลักที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอีสาน คือการประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี​ชีวภาพ​ เทคโนโลยี​หมุนเวียน​ และ​เทคโนโลยี​เขียว​ (BCG)​ เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน​ แต่อย่างไรก็ตาม การประสานสามความร่วมมือ​ทุกภาคส่วนระหว่าง​ภาครัฐ​ ภาคเอกชน​ และภาคประชาสังคม จะเป็นพลังร่วมที่จะขับเคลื่อน​อีสานให้หลุดพ้นจากความยากจนและก้าวสู่ความกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน”

นายกวิน ว่องกุศลกิจ กรรมการ ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ (KKIC) กล่าวเสริมว่า “KKIC ร่วมมือกับพันธมิตร ภาครัฐและภาคเอกชน กว่า 50 ราย อาทิ กลุ่มมิตรผล, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด, บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ส จำกัด, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB), สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย หรือ TOCA, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด, โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น และ เทศบาลนครขอนแก่น เป็นต้น จัดงาน Isan BCG Expo 2022 งานมหกรรมนวัตกรรมยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสานและครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อขยายพลังความร่วมมือการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ครั้งแรกในภาคอีสาน ซึ่งเป็นทางรอดเดียวที่จะช่วยแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ พร้อมผลักดัน และสร้างให้ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน จากศักยภาพและความพร้อมของภาคอีสานที่เหมาะสมในการพัฒนาเทคโนโลยี และสังคมสีเขียวตาม BCG model เนื่องจาก มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากร และความพร้อมของแรงงาน รวมถึง เป็นพื้นที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง และจีนตอนใต้ผ่าน ASEAN Highway และรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดศูนย์กลาง และเป็นประตูสู่ภาคอีสานที่เป็นเมืองแห่งการศึกษา และเป็นศูนย์รวมโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์ที่ล้ำสมัยที่สุดในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง

“Khon Kaen Innovation Center หรือ (KKIC) ศูนย์รวมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรม ที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ อาหาร และการเกษตร รวมไปถึงดำเนินแนวทางตามเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยการนำวัสดุเหลือใช้สร้างเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังเปิดกว้างด้านความร่วมมือในด้านต่าง ๆ กับภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป และเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าสนับสนุนพัฒนาชุมชน และสร้างความเข้มแข็งจากจุดแข็งที่มีของชุมชน โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น และการนำนวัตกรรมมาช่วยพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้ยกระดับชุมชน มีอาชีพ มีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดี”  

'NRPT' ดึง 'Wicked Kitchen' แพลนต์เบสดังระดับโลก รับโปรตีนจากพืชมาแรง ขายแล้วเฉพาะที่ 'ท็อปส์'

ครั้งแรกในเอเชีย 'NRPT' ดึง 'Wicked Kitchen' แพลนต์เบสชื่อดังอังกฤษ เปิดตัวในไทย พร้อมจำหน่ายเฉพาะที่ 'ท็อปส์' / 'ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์' และท็อปส์ ออนไลน์

'NRPT' ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช หรือ แพลนต์เบส ดึงสตาร์ตอัปแบรนด์อาหารโปรตีนจากพืชชื่อดังจากอังกฤษ พร้อมจับมือ 'ท็อปส์' เบอร์ 1 ฟู้ดรีเทลของไทย เปิดตัว 'Wicked Kitchen' แบรนด์อาหารแพลนต์เบสชื่อดังระดับโลกจากอังกฤษ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในประเทศเฉพาะร้านท็อปส์ (Tops) และ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ (Tops Food Hall) 50 สาขา ทั่วประเทศ และท็อปส์ ออนไลน์ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งหมด 17 รายการ ได้แก่ สินค้ากลุ่ม Frozen Ready meals และของหวาน ที่พร้อมวางจำหน่ายในช่วงแรกของการเปิดตัว ส่วนกลุ่ม Frozen pizza และไอศกรีม จะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสินค้าเป็น 30 รายการ ในช่วงต้นปีหน้า เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ มุ่งเป็นโมเดลต้นแบบการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า 'ท็อปส์' ในฐานะผู้นำฟู้ด รีเทลเมืองไทย เราให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกวันตามแนวคิด 'Every Day DISCOVERY' พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงเวลาจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันพบว่า ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์และหันมาเลือกรับประทานเนื้อจากพืชซึ่งดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้สินค้ากลุ่มแพลนต์เบสในไทยเติบโต 

ขณะเดียวกันในกลุ่มลูกค้าท็อปส์พบว่า มีความนิยมซื้อสินค้าแพลนต์เบสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากท็อปส์มีสินค้ากลุ่มแพลนต์เบสที่หลากหลาย มีรสชาติที่อร่อย ทำให้ผู้บริโภครับประทานได้ง่าย จากผลตอบรับที่ดีดังกล่าวทำให้ท็อปส์เล็งเห็นการเติบโตของเทรนด์ความต้องการสินค้าแพลนต์เบส เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงด้านการคัดสรรสินค้าคุณภาพจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดทั่วโลก เราจึงนำสินค้าชื่อดังจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า 

ล่าสุดได้ร่วมกับ บริษัท เอ็นอาร์พีที ผู้นำทางด้านนวัตกรรมอาหารแพลนต์เบสและอาหารแห่งอนาคต ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง อินโนบิก (เอเซีย) และ เอ็นอาร์เอฟ เปิดตัว Wicked Kitchen แบรนด์อาหารแพลนต์เบส 100% ระดับโลกจากประเทศอังกฤษจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ ร้าน Tops และ Tops Food Hall  50 สาขาทั่วประเทศ และ ช่องทางท็อปส์ออนไลน์ ทำให้ลูกค้าท็อปส์จะได้เลือกซื้อสินค้าแพลนต์เบสไอเทมใหม่ที่หลากหลาย เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการรับประทานอาหารแพลนต์เบส ตลอดจนเป็นการขยายฐานลูกค้าซึ่งจะทำให้ตลาดสินค้ากลุ่มแพลนต์เบสในประเทศไทยเติบโตเพิ่มมากขึ้น

นายพีท สเปอเรนซาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Wicked Kitchen กล่าวว่า "บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าทำการตลาดในเอเชีย โดยเริ่มต้นที่ประเทศไทยเป็นที่แรก ซึ่งได้จับมือกับ 'ท็อปส์'  ผู้นำธุรกิจด้านฟู้ด รีเทล และมีเจตนารมย์ร่วมกันในการปฏิวัติวงการอาหารโปรตีนจากพืช พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง NRPT และ อินโนบิก ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคชาวไทย ได้เข้าใจถึงความสำคัญของการทานอาหารโปรตีนจากพืช ที่ไม่ใช่เพียงเพื่อการบริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลกเพื่อคนรุ่นต่อไปอีกด้วย"

'PTT – OR – TOYOTA – BIG' ผนึกกำลังดัน Future Energy ผุดต้นแบบสถานีเติมไฮโดรเจนแห่งแรกในไทย

4 ยักษ์ใหญ่ 'PTT – OR – TOYOTA – BIG' ผนึกกำลังเสริมแกร่ง Future Energy เปิดสถานีต้นแบบเติมไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงแห่งแรกของประเทศไทย จับมือเดินหน้าสู่ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด พร้อมรองรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) อนาคตใหม่ของการเดินทางเติมเต็มความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศยานยนต์แห่งอนาคต 

มอบประสบการณ์การเดินทางรูปแบบใหม่ ด้วยรถยนต์ โตโยต้า มิไร (Toyota Mirai) รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ในรูปแบบรถรับส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี (U-Tapao Limousines) ให้บริการนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในพื้นที่พัทยา - ชลบุรี ตอบรับแผนภาครัฐ สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) เพื่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย

(8 พ.ย. 65) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) นายวิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG) นายปาซานา กาเนซ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) และ นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) ร่วมเปิดสถานีนำร่องทดลองใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle: FCEV) แห่งแรกของประเทศไทย (Hydrogen Station) ณ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยการนำรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง รุ่นมิไร (Mirai) ของโตโยต้า มาเพื่อทดสอบการใช้งานในประเทศไทย ให้บริการในรูปแบบรถรับส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี (U-Tapao Limousines) สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารในพื้นที่พัทยา - ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะทำการเก็บข้อมูลเชิงเทคนิคที่ได้จากการใช้งานจริง เพื่อสร้างการรับรู้และเป็นข้อมูลรองรับการขยายผลใช้งานในอนาคต

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จึงมุ่งผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้ ปตท. เล็งเห็นว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานที่มีศักยภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการนำไฮโดรเจนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับประเทศไทยที่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และการลงทุนมูลค่าสูง ความร่วมมือของ 5 พันธมิตรชั้นนำในกลุ่มพลังงานและยานยนต์ครั้งนี้ จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ทั้งในด้านมาตรฐานระดับสากล และความปลอดภัยสูงสุดที่จะส่งมอบให้กับผู้ใช้บริการในอนาคต โดย ปตท. ได้ร่วมสนับสนุนการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของระบบอัดบรรจุก๊าซไฮโดรเจน และข้อมูลเชิงเทคนิคที่จำเป็น ร่วมผลักดันการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกันในทุกมิติอย่างสมดุลและยั่งยืน

นายวิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวว่า จากแนวโน้มการใช้พลังงานในการเดินทางและการขนส่งในปัจจุบันที่รถไฟฟ้าเริ่มได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น และหนึ่งในพันธกิจของ OR คือการสร้าง Seamless Mobility โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะต้องการพลังงานชนิดใดสำหรับการเดินทาง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ รวมทั้งมุ่งมั่นผลักดันการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับการเดินทางและการขนส่งให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในประเทศ ตลอดจนพัฒนาธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) อย่างครบวงจร ซึ่งการสร้างสถานีบริการไฮโดรเจนเพื่อเติมไฮโดรเจนในรถยนต์ FCEV ครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญซึ่งจะช่วยเติมเต็มศักยภาพของโออาร์ในการมุ่งสู่การเป็นผู้นำ EV Ecosystem ในทุกมิติ โดยผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์ FCEV ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเติมเชื้อเพลิง เนื่องจากการเติมไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ รูปแบบ Passenger Car ใช้เวลาเพียง 5 นาที ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ชอบการบริการที่สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคผู้ใช้หรือมีแผนที่จะใช้รถ FCEV และพันธมิตรผู้ค้าในคุณภาพและมาตรฐานการบริการ ซึ่งเป็นผลดีกับการเติบโตของตลาดรถยนต์ EV และในอนาคตจะมีการพัฒนาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในกลุ่มรถ FCEV ขนาดใหญ่ เช่น รถบัสและรถบรรทุก ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการเติมเชื้อเพลิง สามารถเพิ่มรอบการขนส่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรให้แก่ธุรกิจอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายปี 2030 ของ โออาร์ ในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-neutrality) ภายในปี 2030 ซึ่งจะเป็นรากฐานที่นำไปสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Carbon Zero) ในปี 2050 ต่อไปอีกด้วย

‘เฉลิมชัย’ มอบนโยบายเร่ง ‘เพิ่มรายได้’ เกษตรกร พร้อมตั้งเป้าพัฒนา ‘อาชีพปศุสัตว์’ สู่เกษตรมูลค่าสูง

'อลงกรณ์' ขานรับทันทีเดินหน้าเพชรบุรีโมเดลดีเดย์ 11 พ.ย.ระดมพลคนปศุสัตว์ผนึกทุกภาคส่วนร่วมพัฒนาโคขุนโคนมโคพื้นเมืองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำพร้อมยกระดับวัวลานประเพณีวิถีไทยสู่มาตรฐานใหม่

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ว่า ภายใต้นโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้เร่งเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืนโดยตั้งเป้าหมายพัฒนาอาชีพปศุสัตว์สู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ในระหว่างปฏิบัติราชการที่จังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรีโดยคำแนะนำของที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ จึงได้จัดการประชุมเรื่อง 'การพัฒนาโคขุนโคนม โคพื้นเมืองและวัวลานกีฬาประเพณีวิถีไทย' เป็นครั้งแรกเพื่อพัฒนาการปศุสัตว์อย่างเป็นระบบและยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืนในวันศุกร์ที่ 11 พ.ย. เวลา 14.00- 16.00 น. ณ ห้องประชุม สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรีโดยประสานงานเขิญทุกภาคส่วนได้แก่จังหวัดเพชรบุรี พาณิชย์จังหวัด เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ศูนย์วิจัยอาหารสัตว์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมเพชรบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี มหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตชะอำ สภาอุตสาหกรรม หอการค้า สมาพันธ์เอาเอ็มอี ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนโคนมโคพื้นเมือง วัวลาน วิสาหกิจชุมชนโค โคแปลงใหญ่ และตัวแทนจากกรมปศุสัตว์ ฯลฯ เข้าร่วมประชุม

นายอลงกรณ์กล่าวว่า เพชรบุรีเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงโคขุนโคนมและโคพื้นเมืองมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศถือเป็นฐานรายได้สำคัญของเกษตรกรจึงมีความพร้อมที่จะเดินหน้ายกระดับการพัฒนาแบบครบวงจรภายใต้โครงการเพชรบุรีโมเดลตั้งแต่พันธ์ุโค อาหารสัตว์ มาตรการฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) ฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) คอกกักมาตรฐานเอกชนสำหรับการนำเข้า การส่งออก และปลอดโรค FMD การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างแบรนด์ และการตลาดแบบออฟไลน์และออนไลน์เช่นกรณีของพรี่เมี่ยมบี๊ฟ(Premium Beef)แปรรูปผลิตภัณฑ์จำหน่ายได้มากกว่า 30 ผลิตภัณฑ์ เช่น สันนอก สเต็กแช่แข็ง ลิ้นแองกัสสไลด์แช่แข็ง เนื้อหมักกระเทียมพริกไทยเสียบไม้ โดยจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ และส่งไปจำหน่ายยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าได้อีกด้วยหรือกลุ่มโคเพชรบุรีสามารถส่งโคไปภาคใต้สู่ตลาดมาเลเซียเป็นต้นหากมีการยกระดับการพัฒนาจะเพิ่มศักยภาพเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรมากขึ้นโดยเฉพาะการขยายความสัมพันธ์การค้าการลงทุนระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียด้านการเกษตรและปศุสัตว์จะเพิ่มช่องทางใหม่ๆให้กับเพชรบุรีซึ่งเลี้ยงและจำหน่ายโคกว่า140,000-150,000ตัวต่อปี พร้อมกันนี้ก็จะจะพัฒนาวัวลานซึ่งเป็นกีฬาประเพณีวิถีไทยสู่มาตรฐานใหม่ให้สามารถจัดการแข่งขันได้สม่ำเสมอรวมทั้งการส่งเสริมวัวเทียมเกวียน

‘พิชัย’ ชี้!! ผูกขาดโรงกลั่น ทำราคาน้ำมันพุ่ง แนะ!! จำกัดการผูกขาดให้น้อย เพิ่มโอกาสคนรุ่นใหม่

(8 พ.ย. 65) เมื่อเ วลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า น่าเสียดายที่สุราเสรีไม่ผ่านการโหวตในสภา โดยแพ้ไปเพียง 2 เสียงเท่านั้น หากผ่านได้จะทำให้จำกัดการผูกขาดสุราในประเทศ เกิดการกระจายรายได้ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยคิดเรื่องนี้แล้วตั้งแต่ปี 2546 จึงหวังว่าในอนาคตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สุราเสรีจะเกิดขึ้นได้จริง 

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีปัญหาการผูกขาดอย่างมาก ขนาดองค์กรระหว่างประเทศยังจัดอันดับประเทศไทยในลำดับท้าย ๆ ที่จัดการการผูกขาดได้ย่ำแย่ จึงต้องหาทางจำกัดการผูกขาดในทุกด้าน เพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาได้ ทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นเมื่อมีการแข่งขันที่แท้จริง 

นายพิชัย กล่าวต่อว่า อยากให้มีการจำกัดการผูกขาดผลิตน้ำมันและกลั่นน้ำมันในประเทศไทย เพราะมีปัญหามาตลอด เพราะโรงกลั่น 6 โรงใน 7 โรงกลั่น เป็นของ บมจ.ปตท. ซึ่งคุมปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นแล้วเกือบทั้งหมด ทำให้มีปัญหาราคาโครงสร้างราคาน้ำมัน ดังนี้ 

1.) ราคาหน้าโรงกลั่นจะต้องเท่ากับสิงคโปร์โดยไม่บวกค่าขนส่ง ราคาขายในประเทศจะต้องเท่ากับราคาส่งออก เพราะบริษัทในเครือ บมจ.ปตท. ขยายการกลั่นเพื่อการส่งออก แสดงว่าราคาส่งออกก็กำไรอยู่แล้ว 

2.) ค่าการตลาดควรจะถูกจำกัดที่ลิตรละ 1.40 บาท ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ อย่าปล่อยให้ราคาค่าการตลาดพุ่งสูงแบบไม่สมเหตุผล 

‘แรงงาน’ เนื้อเต้น ‘รมว.เฮ้ง’ จับมือ AOT เปิดพื้นที่หางาน จัดตลาดนัดแรงงานที่สุวรรณภูมิ ร่วม 1,500 อัตรา

(8 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 คลี่คลาย แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อัตราการว่างงานลดลง ประชาชนมีงานทำมากขึ้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างทยอยเพิ่มการจ้างงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ที่ผลักดันนโยบายรักษาการจ้างงานตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ในส่วนกระทรวงแรงงานขานรับข้อสั่งการเดินหน้าส่งเสริมการมีงานทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นการให้บริการจัดหางานออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม 'ไทยมีงานทำ' เพื่อคนหางานยุคใหม่เข้าถึงได้ทุกเวลา ควบคู่กับการลงพื้นที่บูรณาการร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงตำแหน่งงานแก่ประชาชนทุกพื้นที่ ล่าสุดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOT) มีกำหนดจัดงาน 'ตลาดนัดแรงงาน' ณ ศูนย์การขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 9 -11 พฤศจิกายน 2565 กรมการจัดหางาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ จึงได้เตรียมกิจกรรมตามภารกิจเพื่อให้บริการแก่ประชาชนที่มาร่วมงานด้วย

“การจัดตลาดนัดแรงงาน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการสมัครงาน คนหางานได้คัดเลือกตำแหน่งงานว่างที่ตรงกับความรู้ความสามารถ โดยสามารถสมัครงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการจำนวนมากในคราวเดียว ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดี ที่นายจ้าง/สถานประกอบการและผู้สมัครงานจะได้พบและพิจารณาคัดเลือกกันโดยตรง ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเชื่อว่ากิจกรรมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์แก่คนที่กำลังมองหางาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

'ศูนย์สิริกิติ์' ยัน!! ขอใช้ทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา นำพาความประทับใจแก่ทุกผู้ร่วมประชุมเอเปก 2022

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ชวนคนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ส่งเสริมบทบาทของไทยบนเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมเชื่อมโยงต่อยอดธุรกิจและขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ

(8 พ.ย. 65) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ประกาศความพร้อมในทุกด้านสำหรับการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค 2022 (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC 2022) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน 2565 เพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุน รวมถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ใน 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อันจะนำไปสู่การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ยั่งยืน และความมั่งคั่งของประชาชนในภูมิภาค ตามแนวคิดหลัก 'เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล' หรือ 'Open. Connect. Balance.'

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เผยว่า “หลังจากการเปิดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา เราได้รองรับการจัดงานสำคัญทั้งระดับชาติและนานาชาติจำนวนมาก ซึ่งได้รับคำชื่นชมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับการได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดงานเอเปค 2022 และต้อนรับผู้นำและผู้เข้าร่วมประชุมจาก 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในครั้งนี้ ในฐานะที่เราเป็นเสมือนห้องรับแขกของประเทศไทยและเป็นตัวแทนของคนไทย เราได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านในการต้อนรับ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการจัดงานเอเปค 2022 ในครั้งนี้ จะนำความสำเร็จมาสู่ประเทศชาติและสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยอย่างแน่นอน”

'บิ๊กป้อม' ปลื้ม!! วิ่งเทรลชิงแชมป์โลกในไทยไปได้สวย มั่นใจ!! เป็นสินค้าท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของประเทศ

พล.อ.ประวิตร ชื่นชมความสำเร็จยิ่งใหญ่ ไทยจัดแข่งวิ่งเทลชิงแชมป์โลกครั้งแรก ร่วมแสดงความยินดีผู้ได้รับรางวัลนักกีฬาต่างชาติ สร้างปรากฏการณ์ด้านกีฬาระดับสากล บนแผ่นดินไทยหลังโควิด-19 คลี่คลาย 

(8 พ.ย. 65) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิก แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จ อย่างยิ่งใหญ่ ต่อคณะกรรมการจัดการแข่งขันวิ่งเทลภูเขา ชิงแชมป์โลกครั้งที่ 1 รายการ ‘AMAZING THAILAND WORLD MOUNTAIN & TRAIL RUNNING CHAMPIONSHIPS’ พร้อมทั้งได้แสดงความชื่นชม ต่อนักกีฬาต่างชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลแชมป์โลกและรองแชมป์โลกที่มาร่วมคณะ ในโอกาสนี้ ประกอบด้วยนักกีฬาจากประเทศสหรัฐฯ, เคนย่า, อูกานด้า, อิตาลี และอังกฤษ 

สมอ. คุมเข้ม ‘ภาชนะพลาสติกสำหรับอาหาร’ ปักธงดีเดย์ 3 ม.ค. 66 ต้องได้มาตรฐาน มอก.

สมอ. ตั้งธงดีเดย์ 3 มกราคม 2566 กำหนดให้ ‘ภาชนะพลาสติกสำหรับอาหาร’ เป็นสินค้าควบคุม ต้องได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน คุมเข้มทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าทุกรายต้องยื่นขอ มอก. ก่อนวันมีผลบังคับใช้ หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย

(8 พ.ย. 65) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นอกจากภารกิจด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมแล้ว อีกภารกิจที่สำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ การคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่ได้มาตรฐาน โดยการควบคุมสินค้าที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 136 รายการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ประกาศเป็นสินค้าควบคุม และกำลังจะควบคุมเพิ่มอีก 5 รายการ ได้แก่ 

1.) ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหาร ที่ทำจากพอลิเอทิลีน, พอลิพรอพิลีน, พอลิสไตรีน, พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต, พอลิไวนิลแอลกอฮอล์ และพอลิเมทิลเพนทีน  

2.) ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหาร ที่ทำจากพอลิไวนิลคลอไรด์, พอลิคาร์บอเนต, พอลิแอไมด์ และพอลิเมทิลเมทาคริเลต 

3.) ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหารที่ทำจากอะคริโลไนไทรล์-บิวทะไดอีน-สไตรีน และสไตรีน-อะคริโลไนไทรล์ 

4.) ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับเตาไมโครเวฟ สำหรับการอุ่น (ใช้ซ้ำได้)  

และ 5.) ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับเตาไมโครเวฟ สำหรับการอุ่นครั้งเดียว 

โดยสินค้าทั้ง 5 รายการดังกล่าวแบ่งตามชนิดของพลาสติกที่ใช้ทำเฉพาะชั้นที่สัมผัสกับอาหาร ซึ่งจะมีผลบังคับใช้พร้อมกันในวันที่ 3 มกราคม 2566 นี้ เนื่องจากภาชนะที่สัมผัสอาหารโดยตรงมีความเสี่ยงที่จะมีสารเคมีปนเปื้อน หรือสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพปนเปื้อนลงสู่อาหารได้ เช่น สารตั้งต้นที่ใช้ทำพลาสติก โลหะหนักที่อยู่ในสารเติมแต่ง หรือสีที่ใช้ทาเคลือบภายนอก เป็นต้น 

ด้านนายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสินค้าทั้ง 5 รายการดังกล่าว เป็นสินค้ามาตรฐานทั่วไปที่ผู้ประกอบการสมัครใจในการยื่นขอการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน มอก.655 และ มอก.2493 ซึ่งมีผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. รวมจำนวน 13 ราย แต่หลังจากวันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการทุกรายทั้งผู้ทำและผู้นำเข้า จะต้องยื่นขอใบอนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำและนำเข้า หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย กรณีทำโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

‘SACIT’ ผุดแคมเปญ ‘Friend of sacit’ ชวนวัยรุ่นใส่ผ้าไทย สร้างกระแส Soft Power ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

(8 พ.ย. 65) สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ผุดแคมเปญ ‘Friend of sacit’ ออกกิจกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานหัตถกรรมไทยด้านต่าง ๆ ให้ทันสมัยเป็นที่สนใจของคนไทยและต่างชาติ  

ล่าสุดได้ชวนคนรุ่นใหม่แสดงพลังต้นแบบการใช้ผ้าไทยในกิจกรรม ‘แปลงโฉมวัยรุ่น Gen Z ด้วยผ้าไทย’ ที่ให้วัยรุ่นมาสวมใส่ชุดผ้าไทยที่มีเสน่ห์แตกต่างกันตามภูมิภาค เพื่อสร้างกระแสการสวมใส่ผ้าไทยในหมู่เยาวชน เป็น Soft Power ที่จะส่งผลบวกทั้งด้านวัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจ

ก่อนหน้านี้แคมเปญ Friend of sacit ได้เชิญศิลปิน ดารา นักแสดง เซเลบริตี้คนดัง และผู้ที่อยู่ในแวดวงงานคราฟต์ มาเป็นต้นแบบเพื่อสื่อสารในภาพลักษณ์ของงานหัตถศิลป์ไทยในผลงานต่าง ๆ ทั้งเสื้อผ้ากระเป๋า ของใช้ส่วนตัว ที่มีความสวยงาม ทันสมัย สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไป สะท้อนพลังสร้างสรรค์ของงานศิลปหัตถกรรมที่สามารถออกแบบให้มีความเป็นสากล แต่ยังคงสามารถอัตลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างโดดเด่น

ปตท. ผนึก ไออาร์พีซี ร่วมพัฒนาธุรกิจ Advanced Business Integration เสริมแกร่งธุรกิจใหม่ที่ไปไกลกว่าพลังงาน

ปตท. ผนึก ไออาร์พีซี ดันการลงทุนและพัฒนาธุรกิจ Advanced Business Integration มุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจใหม่

เมื่อวันที่ (7 พ.ย. 65) นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ยืนกลาง) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อศึกษาการลงทุนตามกลยุทธ์ Advanced Business Integration (ABI) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) โดยนายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากซ้าย) และนายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากขวา) พร้อมด้วย นายจตุรงค์ วรวิทย์สุรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แผนกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) และนายสมเกียรติ เลิศฤทธิ์ภูวดล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (ขวา) ร่วมเป็นสักขีพยาน

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย 'บวก-ลบ' ชี้แนวโน้ม 7-11 พ.ย. 65

>> ราคาน้ำมันย้อนหลัง 15 วัน
ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent สัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 95 - 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. 65 ICE Brent ปิดตลาดสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน และ NYMEX WTI สูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน จากตลาดคาดว่ารัฐบาลจีนอาจพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID และเริ่มเปิดประเทศในเดือน มี.ค. 66 เป็นต้นไป อนึ่ง วันที่ 4 พ.ย. 65 จีนพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 3,837 ราย ลดลงจากวันก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 4,045 ราย สูงสุดในรอบ 6 เดือน

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า โดยดัชนีดอลลาร์ (DXY Index) ซึ่งเทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักของโลกปิดตลาดวันที่ 4 พ.ย. 65 ลดลง 1.81% จุด อยู่ที่ 110.88 จุด จากนักลงทุนคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 14 - 15 ธ.ค. 65 จากที่คาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.75% ในเดือน ธ.ค. 65 จะปรับขึ้นเพียง 0.5% จากระดับปัจจุบันที่ 3.75 - 4.0% หลังตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอ โดยอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment Rate) ในเดือน ต.ค 65 เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 3.7%

>> ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

Reuters รายงานกลุ่ม OPEC ผลิตน้ำมันดิบในเดือน ต.ค. 65 ลดลง 2 หมื่นบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 29.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน มิ.ย. 65

Energy Information Administration รายงานสหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค. 65 ลดลง 1 แสนบาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 11.90 ล้านบาร์เรลต่อวัน 

ICE รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ในตลาดนิวยอร์กและตลาดลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย. 65 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับสถานะถือครองสุทธิ (Net Long Position) เพิ่มขึ้น 20,174 สัญญา จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 239,416 สัญญา

อีเวนต์แห่งมวลมนุษยชาติ ที่คนไม่อินอาจเฉยชา แต่แบรนด์ ‘นักล่า’ คือ ช่วงเวลาสุดหอมหวน

คนไทยต้องได้ดูบอลโลก!!

ผมไม่ได้พูดแค่เอาเท่นะครับ เพราะตั้งแต่เกิดมา การแข่งขันฟุตบอลโลก มันเป็นกิจกรรมที่ผูกพันกับชีวิตคนทั่วโลก ที่พร้อมใช้เวลาแช่อยู่กับหน้าจอทีวีได้แบบไม่ขยับกันตลอดช่วงเวลาร่วม 2 ชั่วโมงกันจริง ๆ

แล้วฟุตบอลโลกก็เป็นมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติที่ 4 ปีจะมาสักรอบ ฉะนั้นคนที่เป็นคอบอล หรือแม้แต่พอดูบอลได้บ้าง รอคอยครับ!! นี่คือในแง่คนดู!!

อีกด้านหนึ่ง ฟุตบอลโลก ถือเป็นอีเวนต์ระดับพระกาฬ ที่ช่วยหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจแบบมโหฬาร บรรดาแบรนด์สินค้าและนักการตลาดจะใช้จังหวะเวลาเพิ่มยอดขายได้มากกว่าช่วงเวลาปกติ เพราะมันจะมีจังหวะให้แฟนฟุตบอลค้องใช้จ่ายระหว่างการชมการแข่งขันฟุตบอลเสมอ 

ถ้าคุณต้องเดินทางไปรับชมตาม ร้านอาหาร หรือ ลานกิจกรรมที่มีการจัดงาน การซื้อเครื่องดื่มมาบริโภค 

ถ้าคุณต้องรับชมกับเพื่อ ระหว่างการรับชม คุณอาจสร้างบรรยากาศให้สนุกขึ้น ด้วยการซื้อเสื้อทีมฟุตบอล ที่เป็นที่ชื่นชอบ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเชียร์ฟุตบอลเป็นต้น 

นี่แค่ตัวอย่างผิว ๆ ซึ่งภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจะใช้โอกาสนี้ สร้างโอกาสให้กับสินค้า รวมไปถึงกิจกรรมการตลาดที่หลากหลายได้อย่างเข้มข้น 

ลองมาดูตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยกันสักนิดครับ มีการคาดการณ์ไว้ว่า เม็ดเงินจะกระจายตัวในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ จะมียอดเฉลี่ยมูลค่าถึง 6,685 ล้านบาท นี่สำหรับ 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งสามารถแบ่งแยกได้ ดังนี้...

>> 5,265 ล้านบาท เทไปกับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่มีการเติบโตเสมอในช่วงของฟุตบอลโลก โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็เช่น ร้านอาหารที่มีบริการจัดส่งอาหาร รวมไปร้านอาหารทั่วไปที่มีการเปิดฟุตบอลโลกให้ชม ขณะที่กลุ่มอาหารอื่น ๆ ที่ทำได้เองง่าย ๆ เช่น อาหารกึ่ง สำเร็จรูป อาหารปรุงสำเร็จ และอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เป็นต้น 

ส่วนกลุ่มเครื่องดื่ม ก็เป็น 1 ในสินค้าที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนการใช้จ่ายทั้งสำหรับผู้คนที่จะรับชมฟุตบอลโลกทั้งในบ้านและนอกบ้านได้อย่างสม่ำเสมอ และ ณ ห้วงเวลานี้ ผมก็คงต้องขออนุญาตแชร์ว่า เครื่องดื่มมึนเมา ก็มักได้รับอานิสงส์เต็มๆ จากช่วงนี้ด้วยมากที่สุด (ก็มันได้ Feel อ่ะนะ) อย่างในช่วงไตรมาสแรกปี 2561 (ฟุตบอลโลกหนก่อน: รัสเซีย) กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หดตัวร้อยละ 2.0 แต่พอเข้าสู่ช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกเท่านั้นแหละ มูลค่าการตลาดเครื่องดื่มรวม ก็ถูกดันเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2,250 ล้านบาทจากช่วงเวลาปกติ 

'สุริยะ' หนุน!! มาตรการส่งเสริมตัดอ้อยสด ส่งเสริมราคาดี พร้อมคุมอ้อยไฟไหม้ต้องไม่เกิน 5% ก่อนเข้าหีบ

'สุริยะ' ลุยแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ต่อเนื่อง พร้อมหนุนมาตรการส่งเสริมตัดอ้อยสด ตั้งเป้าฤดูการผลิตปี 2565/66 อ้อยไฟไหม้ไม่เกิน 5%

กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง พร้อมหนุนมาตรการส่งเสริมตัดอ้อยสด สำหรับในฤดูการผลิตปี 2565/2566 ให้มีปริมาณอ้อยไฟไหม้ไม่เกิน 5% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด สนองนโยบายรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่น PM 2.5

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ณ หอประชุมใหญ่สมาคมเพื่อเกษตรกรภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2564/2565 กรอบวงเงินช่วยเหลือ 8,159 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2565 ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว จำนวน 125,194 ราย เป็นเงิน 8,103.74 ล้านบาท โดยการช่วยเหลือเพื่อช่วยลดต้นทุนการตัดอ้อยสดในครั้งนี้ จะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดส่งโรงงานมากขึ้น รวมทั้งตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 โดยจะพยายามผลักดันมาตรการขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐตามโครงการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 เช่นเดียวกับฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา

ราคาเหรียญ KUB วิ่งแรง เพิ่มขึ้นกว่า 40% ทั้งที่ ก.ล.ต.ให้แก้ไขคุณสมบัติเหรียญต่ำกว่ามาตรฐาน

ราคาเหรียญ KUB วิ่งแรงทะลุ 70 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 40% ไม่สนคำสั่งก.ล.ต.ให้แก้ไขคุณสมบัติเหรียญต่ำกว่ามาตรฐาน ขาดคุณสมบัติเทรดในกระดาน พร้อมลาก 'JFIN-SIX' พุ่งพรวด บวก 10%

เมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 65) ราคาเหรียญสัญชาติไทย 3 เหรียญ ประกอบด้วย KUB , JFIN และ SIX ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแรง โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการเข้ามาสร้างราคาของ Market Maker หรือไม่ โดยเฉพาะ KUB มีเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา

โดย KUB แตะระดับสูงสุด 75.95 บาท ต่ำสุด 50.25 บาท ก่อนจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 70.85 บาท (ณ เวลา 23.40 น.) เพิ่มขึ้น 39.17% ขณะที่อยู่ที่ 20.91 บาท เพิ่มขึ้น 10.3% และ SIX อยู่ที่ 1.98 บาท เพิ่มขึ้น 10.08%


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top