‘พิมพ์ภัทรา’ จัดให้!! ชงครม. เคาะ 8 พันล้าน ‘จ่ายอ้อยสด-ดึงเงินซื้อรถตัด’ แก้ขาดแรงงาน

(8 ก.ย.66) น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายนรุณ สุขสมาน รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ประชุมร่วมกับตัวแทนสมาคมเกษตรกรชาวไร่อ้อย 38 แห่งจากทั่วประเทศ ประมาณ 70 คน ถึงแนวทางการแก้ปัญหาอ้อยและน้ำตาลทั้งระบบ โดยเฉพาะกรณีเร่งด่วนความชัดเจนนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม หลังเปลี่ยนรัฐบาลเกี่ยวกับเงินสนับสนุนการตัดอ้อยสด เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จำนวน 120 บาทต่อตัน และแนวทางการแก้ปัญหาภาวะภัยแล้งที่อาจส่งผลต่อการขาดแคลนน้ำตาล

โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีพื้นที่เกษตรกรทำไร่อ้อย อาทิ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรับฟังด้วย

ด้าน นายปารเมศ โพธารากุล ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อย กล่าวว่า ชาวไร่อ้อยมักถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 จากการเผาไร่อ้อย ทั้งที่จากข้อมูลระบุว่า ฝุ่นขนาดเล็กที่เกิดจากอ้อยไฟไหม้มีอยู่เพียงแค่ไม่ถึง 10% ของฝุ่นที่เกิดขึ้น โดยเกษตรกรชาวไร่อ้อยยืนยันจะช่วยลดปัญหา PM 2.5 ด้วยการเข้าร่วมพันธสัญญาตามนโยบายภาครัฐในการตัดอ้อยสดที่มีต้นทุนสูง และรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจำนวน 120 บาทต่อตัน ซึ่งได้ดำเนินการมา 2 ปีแล้ว กระทั่งมาถึงช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรัฐบาลเดิมสู่รัฐบาลใหม่ เงินสนับสนุนดังกล่าวถูกชะลอออกไปจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว สร้างความเดือดร้อนกับเกษตรกรชาวไร่อ้อยทั้งประเทศที่ได้ลงทุนจ้างการตัดอ้อยสดไปแล้ว

“ขณะนี้กำลังจะถึงฤดูการหีบอ้อยใหม่ ประกอบกับภัยแล้งในอนาคต อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อเกษตรกร เพราะเกษตรกรต้องเตรียมพร้อมรับมือ ต้องใช้เงินทุน เรื่องเครื่องจักร หรือแรงงาน จึงอยากขอความอนุเคราะห์จากกระทรวงอุตสาหกรรมสนับสนุนเงินตัดอ้อยสด 120 บาทต่อตันของฤดูกาลที่ผ่านมาให้ถึงมือเกษตรกรภายในเดือนตุลาคม รวมทั้งขอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการจ่ายเงินสนับสนุนในรอบปีใหม่ด้วย” นายปารเมศกล่าว

ทั้งนี้ น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวภายหลังรับฟังชาวไร่ว่า ปัญหาเรื่องอ้อย เป็นปัญหาสำคัญที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอดทั้งในรัฐบาล และในสภาผู้แทนราษฎร สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการจ่ายเงินล่าช้า เป็นเพราะติดช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจึงทำให้เกิดล่าช้า โดยอยากชี้แจงว่าเงินสนับสนุน 120 บาทต่อตัน คือการลงทุนของรัฐ รัฐจึงอยากเห็นว่าการตัดอ้อยสดมากขึ้นจริง จนการเผาอ้อยลงได้ จึงอยากจะให้เกษตรกรสื่อสารออกมาว่าการที่รัฐสนับสนุนนั้น ทำให้ลดการเผาได้ตามเป้าหมายที่ชัดเจน หากทำได้เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการสนับสนุนต่อไป สำหรับเงินสนับสนุนของรอบปีที่ผ่านมานโยบาย จะต้องใช้งบประมาณราว 8,000 ล้านบาท ต้องขอวงเงินจากรัฐบาลใหม่ และหากได้อนุมัติจะพิจารณาการใช้เงินให้คุ้มค่า อาทิ แบ่งเงินครึ่งหนึ่งซื้อรถตัดอ้อย เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่ชาวไร่กังวล โดยงบประมาณดังกล่าวไม่ผูกพันกับงบประมาณใหม่ ปี 2567

“เบื้องต้นได้ปรึกษากับ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แล้ว เพื่อหาแนวทางในการใช้กรอบวงเงิน ก่อนที่จะนำเข้าหารือ กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้ อาจไม่ทันเดือนตุลาคม เนื่องจากมีความล่าช้าของการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่จะพยายามเร่งแก้ปัญหา เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย ดังนั้นอยากให้ชาวไร่อ้อยทราบว่าทุกฝ่ายไม่ได้เพิกเฉย กำลังร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ บางช่วงเวลาอาจติดกรอบระยะเวลาที่มีอุปสรรค แต่ขอให้มั่นใจในรัฐบาลและข้าราชการ กระทรวงอุตสาหกรรมที่ตั้งใจทำงานเพื่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยอย่างจริงใจ” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังชาวไร่รับฟังคำชี้แจงของ น.ส.พิมพ์ภัทรา ต่างแสดงความพอใจพร้อมกล่าวว่า มีความชัดเจน หลังรอคอยคำตอบมานาน และมั่นใจว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะช่วยแก้ปัญหาของเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ ก่อนเดินทางกลับไป