Saturday, 19 April 2025
NEWS FEED

สงกรานต์สุขใจแต่ต้องไม่เสียสุขภาพ อย่าลืมดูแลตัวเอง ‘เช็ก 5 โรคเสี่ยง’ ที่แฝงมากับความสนุกของเทศกาล

(14 เม.ย. 68) เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยในการเล่นน้ำสนุกสนานและทำกิจกรรมกับครอบครัว แต่การเล่นน้ำในช่วงกลางแดดร้อนอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางชนิดที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิสูงและความชื้นสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลายอย่าง ประกอบไปด้วย 

1. โรคลมแดด (Heatstroke) การเล่นน้ำท่ามกลางแสงแดดร้อนจัด อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดภาวะลมแดดได้ หากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้เพียงพอ อาจส่งผลให้มีอาการเวียนศีรษะ อ่อนแรง หน้ามืด หรือแม้กระทั่งหมดสติได้ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำในช่วงกลางวันที่มีแสงแดดจัดที่สุด

2. โรคผิวหนังจากแสงแดด การเล่นน้ำท่ามกลางแดดจัดอาจทำให้ผิวหนังเสียหายจากแสงแดด รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายผิวหนังได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผิวไหม้ แดง หรือผิวหนังแก่ก่อนวัย ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง และสวมหมวกหรือเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกัน

3. โรคตาแดง (Conjunctivitis) การเล่นน้ำที่มีฝุ่นหรือสารเคมีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในตาได้ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคตาแดง โดยเฉพาะเมื่อเล่นน้ำในพื้นที่ที่ไม่สะอาดหรือมีสารเคมีปนเปื้อน ควรระมัดระวังการสัมผัสน้ำและตา

4. โรคน้ำกัดเท้า หรือโรคเชื้อราที่เท้า ซึ่งการแช่เท้าในน้ำเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่อน้ำไม่สะอาด อาจทำให้ผิวหนังเท้าเกิดการติดเชื้อราได้ เชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น อาจทำให้เกิดอาการคัน ผิวลอก แดง หรือแตกระแหง หากไม่รักษาอย่างเหมาะสมอาจลุกลามและติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย แนะนำให้สวมรองเท้าพลาสติกหรือรองเท้าแตะกันลื่นขณะเล่นน้ำ และรีบล้างเท้าให้สะอาดพร้อมเช็ดให้แห้งทันทีหลังเล่นน้ำ

5. อาการท้องเสียและอาหารเป็นพิษ น้ำที่ใช้ในการเล่นสงกรานต์บางครั้งอาจไม่สะอาด ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้ท้องเสียและมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากแหล่งที่ไม่แน่ใจว่าสะอาด และควรทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ

สำหรับ คำแนะนำในการป้องกัน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานเกินไป ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด ใช้หมวกหรือเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันแสงแดด เลือกเล่นน้ำในแหล่งน้ำที่สะอาดและปลอดภัย หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่สะอาดหรืออาจมีการปนเปื้อน

ททท. เผย ‘สงกรานต์ 2568’ นักท่องเที่ยวทะลุ 4.8 ล้านคน ปักหมุด ‘กรุงเทพฯ’ ครองใจตลอดกาล เมืองรอง ‘ชุมพร-เลย’ ฮอตไม่แพ้เมืองหลัก

(13 เม.ย. 68) เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการกลับมารวมตัวของครอบครัวคนไทยทั่วประเทศ โดยถือเป็น 'วันขึ้นปีใหม่ไทย' ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประเพณีหนึ่ง 

โดยข้อมูลล่าสุดจาก ทราเวลโลก้า (Traveloka) เผยให้เห็นว่า กรุงเทพมหานครยังคงครองแชมป์จุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดกาล สำหรับนักเดินทางชาวไทยและต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเมืองหลวงในฐานะ ศูนย์กลางแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์

ขณะเดียวกัน เทรนด์การท่องเที่ยวของชาวไทยเริ่มเปลี่ยนไป โดยเริ่มให้ความสนใจกับจุดหมายปลายทาง 'นอกกระแส' มากขึ้น เช่น ชุมพร นครพนม และเลย ซึ่งกำลังกลายเป็นดาวรุ่งในหมู่นักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ท้องถิ่นแท้ ๆ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า สงกรานต์ปี 2568 จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 26,564 ล้านบาท แบ่งเป็น 7,324 ล้านบาทจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 19,240 ล้านบาทจากการท่องเที่ยวในประเทศ โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมกว่า 4.8 ล้านคน

Traveloka เปิดโผจุดหมายสงกรานต์ยอดนิยมในปีนี้ ได้แก่ 

1. กรุงเทพฯ เตรียมจัดงานสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ อาทิ Siam Songkran Music Festival (11-14 เม.ย.) และ Water Festival มหาสงกรานต์ มหาสนุก (12-15 เม.ย.) ใน 12 พื้นที่ทั่วเมือง 
2.เชียงใหม่ ผสานวัฒนธรรมล้านนาเข้ากับกิจกรรมสุดมัน เช่น Water War Chiang Mai (13 เม.ย.) 
3. ชลบุรี งาน 'วันไหล' ระหว่างวันที่ 6–20 เม.ย. มอบประสบการณ์สงกรานต์ยาวนาน 
4. ภูเก็ต ร่วมสาดน้ำริมชายหาด พร้อมปาร์ตี้ค่ำคืนที่บางลา และกิจกรรมทำบุญที่เมืองเก่า 
5. หาดใหญ่ สงกรานต์สุดคึกคักที่เซ็นทรัลเฟสติวัลและลีการ์เด้นส์ พลาซ่า พร้อมคอนเสิร์ต ขบวนแห่ และกิจกรรมชุ่มฉ่ำ

ส่วนจุดหมายดาวรุ่งมาแรง ที่นักเดินทางรุ่นใหม่แห่ค้นหาความสงบและวัฒนธรรม อิงข้อมูลจากทราเวลโลก้าเผยว่า การค้นหาเมืองรองอย่าง ชุมพร เพิ่มขึ้น 95% นครพนม (+68%) สกลนคร (+53%) เลย (+46%) และน่าน (+40%)

นอกจากนี้ ตัวเลือกที่พักในช่วงสงกรานต์ก็หลากหลายมากขึ้น ทั้งโรงแรมระดับพรีเมียม รีสอร์ท โฮสเทล ไปจนถึงอพาร์ตเมนต์เช่าระยะยาว เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

ซีซาร์ อินทรา ประธานบริษัททราเวลโลก้า กล่าวถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวว่า “นักท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันมองหาประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างประเพณีและการพักผ่อนที่ยืดหยุ่น พร้อมความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว”

‘ทุงสะเทวี’ นางสงกรานต์ 2568 ผู้เสด็จมาบนหลังครุฑลักษณะไสยาสน์หลับเนตร พร้อมคำทำนายประจำปีนี้ทั้งด้านดีและร้าย

เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของ 'นางสงกรานต์' หรือ 'เทวีสงกรานต์' ซึ่งเป็นหนึ่งในธรรมเนียมสำคัญของไทยที่สืบทอดกันมาช้านาน เป็นการทำนายแนวโน้มของปีนั้น ๆ ทั้งในเรื่องของบ้านเมือง เศรษฐกิจ และสภาพอากาศ โดยอิงจากตำแหน่งของดวงดาวตามโหราศาสตร์ไทย 

ใครคือนางสงกรานต์ประจำปี 2568
นางสงกรานต์ประจำปี 2568 มีนามว่า ทุงสะเทวี (หรือทุงษเทวี) เทวีองค์นี้เป็นหนึ่งในเจ็ดนางที่ผลัดเปลี่ยนกันมาในแต่ละปี โดยตำราโบราณระบุไว้ว่าลักษณะของเทวีจะสะท้อนถึงสถานการณ์ในปีนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ ความเปลี่ยนแปลง หรือภัยที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างคติความเชื่อและการดูดวงดาวอย่างลึกซึ้ง เทวีประจำปีจึงเปรียบเสมือน 'โหรหญิง' แห่งจักรวาล ที่มาบอกแนวทางชีวิตของปี 2568 นี้

ในปีนี้ ทุงสะเทวี ทรงพาหนะคือ ครุฑ เสด็จโดยท่านอนหลับเนตร (นอนหลับตา) ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษในปีนี้ โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมคือ ทรงพาหุรัด ทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราค ภักษาหารคือผลมะเดื่อ (อุทุมพร) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ สื่อถึงพลังอำนาจ การปกป้อง และการรู้แจ้งในสรรพสิ่ง เสด็จมาเหนือหลังครุฑซึ่งเป็นพาหนะสำคัญที่สื่อถึงความมั่นคงและความศักดิ์สิทธิ์ในทางโหราศาสตร์

สำหรับคำทำนายนางสงกรานต์ประจำปี 2568 ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งตามตำราโบราณถือว่าเป็นวันมหาสงกรานต์ที่ไร่นาเรือกสวน เผือกมัน จะไม่แพงนัก แสดงถึงภาคเกษตรกรรมที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ในวันเนา (วันจันทร์) กลับมีคำทำนายว่าเกลือจะแพง นางพระยาจะร้อนใจ และมักจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ดังนั้นภาพรวมของปีนี้อาจมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและอารมณ์ของผู้คน

นอกจากนี้ วันพุธเป็นวันเถลิงศก ซึ่งหมายถึงวันเริ่มต้นปีใหม่ไทยอย่างแท้จริง มีคำพยากรณ์ว่า ราชบัณฑิต ปุโรหิตโหราจารย์จะมีสุขสำราญเป็นอันมาก สื่อถึงการที่ผู้รู้ ผู้มีปัญญา หรือคนในวงวิชาการจะได้รับความเคารพนับถือและมีความเจริญก้าวหน้า

และด้วยนางสงกรานต์ปีนี้ เสด็จมาบนหลังครุฑในลักษณะนอนหลับตา (ไสยาสน์หลับเนตร) ซึ่งมีนัยว่า พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี บ้านเมืองจะมั่นคง แต่อาจมีบางช่วงที่ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจในอนาคต ต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือร่วมใจกันมากขึ้น

โดยคำทำนายโดยรวมของปีนี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนควรเตรียมตัวรับมือ ด้วยการใช้สติ รอบรู้ และวางแผนอย่างมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนทางการเงิน การดูแลครอบครัว หรือการเตรียมสุขภาพกายใจให้พร้อมต่อสถานการณ์ไม่แน่นอน เป็นการเตือนให้เราเดินหน้าอย่างมั่นคง ใช้ความอดทนเป็นหลัก ยึดสติเป็นอาวุธ พร้อมเปิดใจเรียนรู้และพัฒนาตนเองในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการงาน ครอบครัว หรือสุขภาพ

ททท. ชวนเที่ยวไทยผ่านแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย”

เมื่อน้ำสงกรานต์…คือสายน้ำแห่งมิตรภาพระหว่างประเทศ

The Diplomat Splash 2025 โดย Nomad Media คืองานสงกรานต์ที่ไม่ใช่แค่ความสนุก แต่สะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศ

เหล่าทูตานุทูตจากหลายประเทศทั่วโลก พร้อมครอบครัวและเพื่อนๆ มาร่วมเปิดประสบการณ์สงกรานต์ไทยแบบจัดเต็ม

ชุ่มฉ่ำทั้งกาย อบอุ่นทั้งใจ ในเทศกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่งดงาม

‘โอ๋ สุดซอย’ นำ!! ‘DSI – ตำรวจสอบสวนกลาง - คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า’ บุกทลายโกดัง ‘ซินเคอหยวน’ ค้นยึด เอกสาร เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด

(12 เม.ย. 68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ‘หัวหน้าทีมสุดซอย’ ได้โพสต์ข้อความ ถึงกรณี ‘ซินเคอหยวน’ โดยมีใจความว่า ...

ร่วมภารกิจสุดซอย ตรวจค้นและยึดเอกสาร คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ - กล้องวงจรปิดของ SKY และตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วนของโกดังที่อยู่ด้านหลังที่ปิดตาย ยังพบฝุ่นแดงที่ซ่อนไว้อีกกว่า 13,000 ตัน หากรวมกับของเดิมที่พบก่อนหน้า 43,000 ตัน ก็เท่ากับว่ามีฝุ่นแดงที่พบทั้งหมด 56,000 ตัน…ยิ่งตรวจยิ่งเจอ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องขยายผลตรวจสอบต่อไป

ขอขอบคุณความร่วมมือในการปฏิบัติภารกิจจาก DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปทส.) คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ร่วมภารกิจสุดซอยในครั้งนี้ และยังมีอีกหลายภารกิจร่วมกันต่อจากนี้

และที่สำคัญขอขอบคุณ #ทีมสุดซอย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ทำงานกันอย่างหนักตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเตรียมข้อมูล สืบค้น ตรวจหน้างานเพื่อหาหลักฐานบนข้อเท็จจริง

หลังจากนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะส่งข้อมูล เอกสาร เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์-กล้องวงจรปิดทั้งหมด ให้กับ DSI เพื่อตรวจสอบและขยายผลต่อไป

ทีมนักวิจัย มจธ. พัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบ ช่วยกายภาพบำบัด ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผสาน!! ‘เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ - เกม’ เข้าไว้ด้วยกัน ฟื้นฟูร่างกายแม่นยำ สนุก

(12 เม.ย. 68) ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและหน่วยงานด้านประชากรศาสตร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 32% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งนำมาสู่การเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังและภาวะเสื่อมของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis) และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไมแอสทีเนียเกรวิส (MG - Myasthenia Gravis) ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในที่สุด

การกายภาพบำบัดจึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผู้ป่วย เพื่อยืดอายุการทำงานของกล้ามเนื้อและรักษาคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถทำกายภาพได้ต่อเนื่อง เนื่องจากข้อจำกัดด้านร่างกาย สภาพจิตใจ และความเบื่อหน่ายต่อวิธีการเดิม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการฟื้นฟูลดลงอย่างมาก

เพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว ดร.ปฏิยุทธ พรามแก้ว หัวหน้าโครงการ อาจารย์จากโครงการร่วมบริหารหลักสูตรฯ (มีเดีย) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ฐิตาภรณ์ กนกรัตน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มหศักดิ์ เกตุฉ่ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ชูเมือง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และ ดร.วรวุทธิ์ ยิ้มแย้ม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนา “หุ่นยนต์ต้นแบบช่วยกายภาพบำบัดผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และเกม” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงในบริบทของผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขา พร้อมระบบเกมที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการกระตุ้นการขยับร่างกายผ่านเกมที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์และบุคลากรในโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ที่นำข้อมูลเชิงลึกและความต้องการของผู้ป่วยมาเป็นโจทย์ในการพัฒนางานวิจัย

“หุ่นยนต์ต้นแบบนี้ประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก ได้แก่ อุปกรณ์กายภาพบำบัดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยสามารถปรับน้ำหนัก แรงต้าน และตำแหน่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย และระบบเกมแบบจำลองสถานการณ์ (Simulation Game) ที่ใช้การขยับกล้ามเนื้อขาเพื่อควบคุมการดำเนินภารกิจในเกม ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น ขนาดตัวอักษร หน้าจอแสดงผล รูปแบบการโต้ตอบ การวางปุ่ม และระบบให้คะแนนที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นพัฒนาการของผู้ใช้งาน ผสานกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการติดตาม วิเคราะห์ และปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานจริงของผู้ป่วยแต่ละคน ที่ช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถประเมินผลได้แม่นยำขึ้น” ดร.ปฏิยุทธ กล่าวถึงหลักการการทำงานของหุ่นยนต์ต้นแบบ

ผศ.ดร. ฐิตาภรณ์ กล่าวเสริมว่า การพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบดังกล่าวไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชิงสังคมและอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ การนำไปประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟู ชุมชนผู้สูงอายุ รวมถึงการใช้งานภายในครัวเรือน ที่ช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีฟื้นฟูสุขภาพอย่างทั่วถึง เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการฟื้นฟูที่มีคุณภาพ ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ในระยะยาว และส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง

ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น รางวัลประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ ประจำปี 2568 โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับโจทย์ทางสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอด และตอบสนองต่อนโยบายด้านสาธารณสุขในสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในระยะต่อไป ทีมวิจัยมีแผนที่จะพัฒนาอุปกรณ์และระบบเกมให้สามารถปรับใช้กับผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ เช่น ผู้ที่มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดที่ต้องการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว โดยจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเร่งการผลิตต้นแบบให้สามารถใช้จริงได้ในวงกว้าง

“หัวใจสำคัญของงานวิจัยตัวนี้คือ การทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเขาดูแลชีวิตของตัวเองได้ เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเสริมทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งด้วยความต้องการของตัวเอง” ดร.ปฏิยุทธกล่าวปิดท้าย

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมเปิดงาน 'ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025' สาดสนุกมหาสงกรานต์ สายธารแห่งเสน่ห์ไทย ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) เวลา 16.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025” The legendary Festival of Waters สาดสนุกมหาสงกรานต์ สายธารแห่งเสน่ห์ไทย ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม พร้อมด้วยนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เข้าร่วมฯ โดยมีนายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ผู้บริหาร เครือข่ายพันธมิตร ศิลปิน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมด้วย 

พิธีเปิดงาน 'ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025' จัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง ตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมากสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการเปิดตัวนางสงกรานต์ที่มาพร้อมทัพสวรรค์ นางรำ กินรีกินรา และตัวละครจากวรรณคดีไทย ร่วมขบวนแห่กว่า ๔๐ ชีวิต ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของประเพณีดั้งเดิม ผสานการนำเสนอและถ่ายทอดแบบร่วมสมัยบนแลนด์มาร์กสำคัญของไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา นำโดย "โบว์-เมลดา สุศรี"แปลงโฉมเป็น นางสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๘ ทรงนามว่า "ทุงสะเทวี"สวมผ้านุ่งไหมยกทอง ผ้ายกเมืองนคร หายากทรงคุณค่านุ่งจีบหน้านางชายสะบัดแบบโบราณ ห่มผ้าสไบสีทองปักประดับดิ้นทอง เลื่อม ลูกปัดคริสตัลสีแดง ออกแบบโดยคุณบิ๊ก-พีรมณฑ์ ชมธวัชนักออกแบบเครื่องแต่งกายชั้นนำของไทยและสวมเครื่องประดับที่รังสรรค์จากทองคำแท้ ทับทิมและเพชรโบราณ ซึ่งเป็นของนักสะสมเครื่องประดับโบราณ คุณโจ๊ก พุทธพงษ์ เพียรเจริญในขบวนแห่ยังมีตัวแทนคนรุ่นใหม่ "วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร" ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ไทย งามสง่าด้วยชุดสูทผ้าไหมทอแขนยาวโจงกระเบนสีแดง ในลุคทันสมัยสากล

💦 การจัดงานมหาสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในครั้งนี้ ไอคอนสยาม ผนึกความร่วมมือ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร กรมประชาสัมพันธ์ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ธีซิซ อินเตอร์เนชั่นเเนล จำกัด แบรนด์ Beverly Hills Polo Club, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), JisuLife, บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด มหาชน แบรนด์ เคที่ดอลล์, บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด, บริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกันจัดงาน “ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025” ในระหว่างวันที่ 10 - 16 เมษายน 2568 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม เพื่อส่งเสริมและสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมประเพณีของไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้ชื่นชม

การจัดงานสงกรานต์ ณ ไอคอนสยาม ตอกย้ำการเป็นจุดหมายปลายทางที่ส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกที่ดีที่สุด (Global Experiential Destination) ชูเสน่ห์วัฒนธรรมไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมส่งมอบประสบการณ์ 5 MUST EXPERIENCES เสน่ห์แห่งสงกรานต์ไทย เพื่อสร้างแม็กเน็ตการท่องเที่ยวส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคตามนโยบายภาครัฐ เน้นสาดสนุกให้สุดอย่างปลอดภัยด้วยวอเตอร์ทาวเวอร์สูงกว่า 9 เมตร โซนเล่นน้ำสำหรับเด็กเล็ก ประเพณีก่อกองทราย ขบวนแห่สงกรานต์ ประเพณีสรงน้ำพระ และการแสดงวัฒนธรรมไทยอีกมากมายตลอด 7 วัน

รัฐ 'ทุ่มงบ 220 ล้าน' ส่งเสริมภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ - ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย 

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า THACCA ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ สนับสนุนงบฯ 220 ล้านบาท ส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและส่งเสริมการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ผลิตสื่อสร้างสรรค์ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเปิดรับการยื่นเอกสารโครงการเพื่อขอรับเงินอุดหนุน ระหว่างวันที่ 6 ม.ค. - 7 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา 

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการพิจารณาจัดสรรงบฯ ดังกล่าว จำนวน 3 ชุด ดังนี้  1.คณะกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์การขอรับเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 2.คณะกรรมการกลั่นกรองและคัดเลือกโครงการที่ขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนประระจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และ 3.คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 

รมว.วัฒนธรรม  กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีโครงการได้ผ่านกระบวนการที่คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบฯ เรียบร้อยแล้ว 88 โครงการ ครอบคลุมโครงการ 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ 1.การสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย จำนวน 200 ล้านบาท 2.การสนับสนุน Development Funding ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ (สร้างIP) จำนวน 10 ล้านบาท และ 3.สนับสนุนทุนหนังสันเจาะตลาดโลก จำนวน 10 ล้านบาท โดยได้มีการสนับสนุนงบประมาณในการผลิตให้กับผู้ประกอบการที่สร้างสรรคผลงานที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาที่หลากหลาย รายละเอียดการพิจารณาผลฯ ตามประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม https://www.culture.go.th/culture_th/download/Newfile/image3530.pdf

“กระทรวงวัฒนธรรมเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เสริมศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ไทย และยกระดับประเทศให้เป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิชันในภูมิภาค พร้อมทั้งส่งเสริมอัตลักษณ์ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับโลก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมส่งเสริมเยาวชนจิตอาสาปล่อยพลัง (เสียง)สร้างสรรค์ ช่อง7HD สานต่อโครงการชุมทางดาวทอง GLO Miracle Music ซีซัน2

(10 เม.ย.68) นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดโครงการ ชุมทางดาวทอง “GLO Miracle Music ซีซัน 2” ของเวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมาตราฐานระดับประเทศรายการ “ชุมทางดาวทอง” ทางช่อง 7HD โดยมีนางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , นายพัฒนพงศ์ หนูพันธ์ กรรมการผู้จัดการช่อง 7HD , นายบริพันธ์ ชัยภูมิ ประธานโครงการ มิราเคิล มิวสิค และผู้บริหารบริษัท เซเว่นสตาร์สตูดิโอ จำกัด ให้การต้อนรับ ณ สตูดิโอ ช่อง 7HD

โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ , สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) , สถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD และบริษัท เซเว่นสตาร์สตูดิโอ จำกัด สร้างปรากฏการร่วมกันบนเวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมาตราฐานระดับประเทศรายการ “ชุมทางดาวทอง” ทางช่อง 7HD จัดทำโครงการ ชุมทางดาวทอง “GLO Miracle Music ซีซัน 2”  เพื่อส่งเสริมเยาวชนให้แสดงศักยภาพ ร่วมสร้าง Soft Power ผ่านการขับร้องบทเพลงลูกทุ่ง  มุ่งเน้นให้เยาวชนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อเพิ่มทักษะด้านการร้องเพลง สานต่ออาชีพศิลปินในฝัน 

สำหรับบรรยากาศของการแถลงข่าว เปิดเวทีด้วยความคึกคักจากคณะกลองยาว “โอบะ เสียงเหน่อ” ก่อนพบโชว์ไฮไลท์จาก “อาบูม ธนกร” แชมป์มิราเคิล มิวสิค ซีซัน1 ที่ก้าวสู่เวที “ชุมทางดาวทอง” ในฐานะศิลปินน้องใหม่ป้ายแดงจับไมค์ร้องโชว์ซิงเกิ้ลแรก “สโนไวท์” พร้อมเผยโฉมหน้าน้องๆ ผู้เข้าประกวด 77 คน จากตัวแทน 77 จังหวัด ผู้ผ่านการคัดเลือกจากสภาวัฒนธรรมจังหวัดสู่เวทีประกวดอันทรงเกียรติ 

‘พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์’ โพสต์เฟซ!! ‘นายพอล’ กับ ‘อนาคตที่แสนเศร้า’ ชี้!! แผ่นดินไทย ให้ความสุข ที่ไม่สามารถ ไปหาที่ไหนในโลกได้อีกแล้ว

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 68) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า...

จากกรณีที่มีการจับกุม นาย พอล แชมเบอร์นักวิชาการของคณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร ในข้อหา ตาม ม.112 นั้น ได้มีการวิพากษ์ วิจารณ์คัดค้านอย่างกว้างขวาง จากบุคคล หรือ กลุ่มบุคคลที่รับเงิน จากกองทุนต่างชาติซึ่งมีมากพอควรทั้งในกลุ่มนักวิชาการ สื่อมวลชน และ กลุ่ม NGO ที่ออกมาต่อต้านกันในลักษณะขานรับพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว โดยลืมไปกระมังว่าตัวเองก็สัญชาติไทย 

ผมคงบอกไม่ได้ว่า นาย พอลถูกหรือผิดเพราะเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว แต่ขอนำข้อเท็จจริงมาอ้างอิงไว้สัก 3 กรณีครับ 

นาย พอล มักจะอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกครับ ไม่เช่นนั้นจะเกิดรัฐประหารมาตั้ง 20 กว่าครั้งได้อย่างไร อย่างดีก็ไปฟัง คุณวาสนา นาน่วม เธอพูดแล้วนำมาจินตนาการต่อ โดยไม่รู้ว่า คุณวาสนา เธอเซียนข่าวขนาดไหน รู้มา 100% เธอ พูดออกมาแค่ 20-30%ให้เป็นเรื่องราวได้ ซึ่งสิ่งที่นายพอล ทำนอกจากไม่รู้จริงแล้ว ยังพูดจนติดปากว่า “เรื่องที่เกี่ยวกับทหารนั้น ต้องเกี่ยวกับวังบ้าง หรือวังสนับสนุนบ้าง” ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว ทุกเรื่องมันต้องเกิด“เหตุ”อะไรนำขึ้นมาก่อน ทหารจึงกล้าออกมาทำรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งการที่ทหารต้องออกมาแจ้งความจับ นายพอล ก็จะต้องมีสาเหตุอยู่เช่นเดียวกัน 

แต่ นาย พอล มีอคติไม่ยอมพูด หรือเขียน หรือนึกถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุ หรือเรื่องที่ตัวเองทำไว้เลย 

นาย พอลเป็นนักวิชาการในสังกัด คณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร โดยมีภรรยาเป็นคณบดี ดังนั้น นายพอลจึงมี 2 สถานะ คือ (1) เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัย นายพอล เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของภรรยา และ (2) เป็นบุคคลคนเดียวกันตามกฎหมาย กับท่านคณบดีเมื่อกลับมาที่บ้าน 

ดังนั้น ความคิดอ่านของทั้ง 2 คนจึงน่าจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน ตัวคณบดี เป็นคนหัวสมัยใหม่ เคยลงชื่อคัดค้านการจับกุม นศ. และกล้าขนาดอนุญาตให้ นายเพนควิน มาพูดบรรยายเปิดงานในภาควิชาการของคณะ โดยระบุให้ เพนควิน อยู่ ในฐานะนักวิชาการ จนโดนชาวบ้าน และ นักศึกษา ในคณะตัวเองออกมาประท้วง ฯลฯ 

นอกจากนั้น คณะสังคมฯ ที่นายพอลสังกัดอยู่ ยังรับทุนของ ยูเสด เอเซียฟาวเดอชั่น ฯลฯ มาทำงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า แหล่งเงินทุนดังกล่าวหวังผลประโยชน์อะไร จากประเทศไทย ขอเขียนเพียงแค่นี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากครับ แต่คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ผมคงไม่สามารถก้าวก่ายได้ ก็อยากฝากบอกมายัง นายพอล ว่า แผ่นดินไทยที่คุณอยู่มามากกว่า 20 ปีนั้นให้ทั้งความสุข เกียรติยศ เงินทอง ฯ ซึ่งคุณไม่สามารถจะไปหาที่ไหนได้ในโลกนี้อีกแล้ว การที่ต้องเสียสิ่งเหล่านี้ไป ก็เพราะการกระทำของคุณเอง 

ลืมบอกนายพอลไปอีกว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในสหรัฐมานานแล้ว เวลาต้องกลับไปอยู่อีกที อย่าลืมตัวไปว่ายังอยู่ที่เมืองไทย อย่าเผลอไปด่า หรือบ่อนทำลาย ประธานาธิบดีสหรัฐฯเข้าล่ะ เจอโทษแรงและเร็วกว่า แน่ๆ ครับ ทั้งปรับและจำคุก และจะถูกสอดส่อง ติดตามตรวจสอบ ทุกอย่างที่ทำในชีวิตประจำวันอย่างละเอียดละออ จากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ คนที่ด่าประธานาธิบดี นี่น่ะ โดนกฎหมายยิ่งกว่า ม.112 อีก ครับ 

ส่วนใครที่กลัวว่าเรื่องนี้ จะไปซ้ำเติมเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐฯนั้น ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะมันเป็นละครฉากหนึ่งที่เค้าแสดงกับจีนเท่านั้น ประเทศไทยเรามีดีหลายสิบอย่าง ที่สหรัฐฯ ต้องนึกถึงอยู่เสมอ ขนาดทำรัฐประหารกี่ครั้ง ๆ สหรัฐก็แกล้งทำเป็นดุเท่านั้น ไม่กล้าทิ้งประเทศไทยไปจริงๆ หรอกครับ ไทยเราน่ารักจะตาย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top