Friday, 6 June 2025
Hard News Team

‘จีน’ เปิดตัวแผงโซลาร์เซลล์กลางทะเลแบบยึดเสาเข็มแห่งแรก ผลิตไฟฟ้าได้ 400 เมกะวัตต์ ลดคาร์บอนได้กว่า 5 แสนตันต่อปี

(5 มิ.ย. 68) จีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบยึดเสาเข็มกลางทะเลเป็นแห่งแรกของประเทศ โดยตั้งอยู่ที่เมืองจาวหย่วน มณฑลซานตง ดำเนินการโดยบริษัท CGN New Energy Holdings มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเต็มระบบ 400 เมกะวัตต์ และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบแล้วเมื่อ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา

ตลอดทั้งปี โครงการนี้จะผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ย 694 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ลดการใช้ถ่านหินได้กว่า 2 แสนตัน และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 5.35 แสนตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้บนพื้นที่กว่า 9,700 ไร่ โครงการนี้ตั้งอยู่ในทะเลลึก 8.5–11 เมตร ห่างจากฝั่ง 2–6 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ทะเลกว่า 3,200 ไร่

ความท้าทายของสภาพแวดล้อมทางทะเล อาทิ หมอกเกลือ ลมแรง และกระแสน้ำ ทำให้ต้องใช้วัสดุและเทคโนโลยีขั้นสูงในการพัฒนาโครงการ โดยบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะ 3 ด้าน ได้แก่ แผงโซลาร์เซลล์เฉพาะทาง โครงสร้างฐานเสาเข็ม และระบบการตอกเสาในทะเล พร้อมสร้างเรือตอกเสารุ่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 5 เท่า

โครงการนี้ประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้า 121 ชุด เชื่อมต่อกับสถานีไฟฟ้าบนฝั่งผ่านระบบสายส่งขนาด 35 กิโลโวลต์ รวม 16 วงจร ความสำเร็จของโครงการนี้ถือเป็นต้นแบบสำคัญที่สามารถขยายผลไปสู่โครงการพลังงานสะอาดอื่นในพื้นที่ชายฝั่งของจีนต่อไป

นักศึกษาไทยจากม.ซุนยัตเซ็น มุ่งมานะด้วยความพยายาม สู่นักกิจกรรมต้นแบบ พัฒนาชนบทจีนและแพลตฟอร์มดิจิทัล

(5 มิ.ย. 68) แพลตฟอร์มสำหรับการจัดการและเผยแพร่บทความของ WeChat Official Accounts ลงข่าวยกย่องนักเรียนไทย นายอภิรักษ์ รัตนาการุณพงศ์ หรือชื่อจีน เฉิน เจี้ยนหวา นักศึกษาชาวไทยจากคณะวิศวกรรมซอฟต์แวร์ มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น (中山大学) รุ่นปี 2021 ค่อย ๆ ก้าวผ่านอุปสรรคทางภาษาและระบบการศึกษาที่แตกต่างในช่วงแรกของการเรียน ด้วยความมุ่งมั่นในการเรียน เขาสามารถยกระดับเกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) เกิน 3.0 พร้อมจบหลักสูตรได้อย่างยอดเยี่ยม

นอกเหนือจากการเรียน เฉิน เจี้ยนหวา ยังเข้าร่วมโครงการพัฒนาเทคโนโลยีภายในคณะ เช่น ทีม 'SSE-Market' ที่สร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลข้ามวิทยาเขต รวมถึงการเข้าร่วมชมรมต่างๆ เช่น สมาคมนักศึกษาไทย-จีน (TCSA) และสมาคมฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นหลักของทีมฟุตบอลคณะ และในบางโอกาสเขายังทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในกิจกรรมแข่งขัน

ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปี 2023 เขาเข้าร่วมกิจกรรมซานเซี่ยเสียง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาชนบทในมณฑลกวางตุ้ง โดยนำความรู้ด้านดิจิทัลมาช่วยโปรโมตสินค้าท้องถิ่นผ่านการสร้าง 'ดิจิทัลอวตาร' สำหรับถ่ายทอดสดและพัฒนาแผนการตลาดออนไลน์ให้ศูนย์อีคอมเมิร์ซของเมืองเหลียนโจว

เฉิน เจี้ยนหวา ยังมีบทบาทในกิจกรรมส่งเสริมการศึกษา โดยเป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยในการแนะนำการเรียนที่จีนแก่เยาวชนไทยผ่านงาน HSK และ China Fair ซึ่งเขาให้ข้อมูลด้านการเรียนต่อ ทุนการศึกษา และการปรับตัวในชีวิตมหาวิทยาลัย พร้อมตอบข้อสงสัยของผู้ปกครองและนักเรียนอย่างใกล้ชิด

หลังเรียนจบ เขากล่าวถึงประสบการณ์ 4 ปีที่มหาวิทยาลัยว่า “เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ความอดทน และการเติบโตในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจวัฒนธรรมจีนผ่านการเรียนรู้และการลงพื้นที่จริง การแลกเปลี่ยนในสนามฟุตบอล หรือการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักศึกษานานาชาติและสังคมจีน”

‘สวนนงนุช’ เตรียมจัด Nongnooch Plants Expo มหกรรมแสดงพันธุ์ไม้ปูทางยกระดับสู่ตลาดโลก

สวนนงนุชพัทยาเดินหน้าจัดงาน 'Nongnooch Plants Expo 2025' มหกรรมแสดงพันธุ์ไม้ระดับนานาชาติ ภายใต้แนวคิด 'Innovation – นวัตพรรณไม้ใหม่' ชูความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่สู่ตลาดโลก ยกระดับวงการพันธุ์ไม้ไทยสู่สากลมากขึ้น

ประเทศไทยมีงานมหกรรมพันธุ์ไม้ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอย่างงานสวนหลวง ร.9 ที่จัดขึ้นช่วงปลายปี ดังนั้น สวนนงนุชพัทยาจึงผลักดันให้มีงานลักษณะนี้เพิ่มอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อขับเคลื่อนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง วัตถุประสงค์ของการจัดงานสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรผู้ผลิตและเพาะเลี้ยงพันธุ์ไม้ สำหรับประเทศไทยมีผู้ที่เชี่ยวชาญผลิตพันธุ์ไม้แปลกและลูกไม้ใหม่ เป็นจำนวนมาก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศพบปะและสั่งซื้อพันธุ์ไม้โดยตรงจากผู้ผลิตคนไทย เป็นกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในประเทศและการส่งออก

สำหรับสวนนงนุชพัทยา ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก และยังคงบทบาทสำคัญในฐานะแหล่งเรียนรู้ด้านพฤกษศาสตร์ พันธุ์ไม้และการพัฒนาเกษตรอย่างยั่งยืน ไฮไลต์ภายในงานการแสดงพันธุ์ไม้ใหม่จากผู้พัฒนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อจาก ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน และประเทศไทย มีการออกบูธของผู้ประกอบการกว่า 150 ร้านค้า ระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมเทรดดิชั่น ฮอลล์ 1-3 สวนนงนุชพัทยา  

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nongnoochpattaya.com

‘ฮุน มาเนต’ ยันจะไม่คุย 2 ฝ่ายกับไทย ขอไปพึ่งศาลโลก ชี้ กลไก JBC ไม่สามารถชี้ขาดพิพาทชายแดนได้

‘ฮุน มาเนต’ ออกแถลงการณ์ ย้ำจุดยืน เตรียมส่ง 4 พื้นที่ ช่องบก -ปราสาทตาเมือนธม -ปราสาทตาเมือนโต๊ด -ปราสาทตาควาย เข้าสู่ศาลโลก พร้อมปฏิเสธการเข้าร่วมประชุม JBC กับไทย 14 มิ.ย.นี้ ชี้ ไม่สามารถชี้ขาดพิพาทชายแดนได้

วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า พนมเปญ – สถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่คลี่คลาย เมื่อล่าสุด พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนชัดเจนว่า รัฐบาลของเขาจะไม่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ณ กรุงพนมเปญ พร้อมประกาศขอใช้ช่องทางทางกฎหมายระหว่างประเทศโดยการยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) แทนการเจรจาทวิภาคีกับไทย

ฮุน มาเนต ระบุว่าท่าทีนี้สอดคล้องกับแนวทางของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีคนก่อน และยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองสูง โดยระบุชัดว่า กัมพูชาจะไม่ประนีประนอมในพื้นที่พิพาทสำคัญ ๆ อาทิ ช่องบกในเขตชายแดนอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไปจนถึงกลุ่มปราสาทโบราณสำคัญ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ซึ่งทอดยาวตามแนวชายแดนกว่า 200 กิโลเมตร

ในทางกลับกัน ฝั่งรัฐบาลไทยโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าไทยยังยึดหลักเจรจาอย่างสันติ และจะไม่ขยายกรอบการหารือไปยังพื้นที่อื่นโดยไม่จำเป็น

"เราไม่ได้เสียอธิปไตยไป และเรายังเชื่อในพลังของการเจรจาเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย…ไทยจะไม่ไล่ตามไปทุกประเด็นที่กัมพูชาขยายออกมา เราขอพูดเฉพาะจุดที่เกิดเหตุจริงๆ เท่านั้น"นายภูมิธรรมกล่าว

สำหรับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชานั้นถือเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานกว่า 20 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโบราณสถาน เช่น กรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเคยเป็นกรณีฟ้องร้องต่อศาลโลกในอดีต และยังคงทิ้งบาดแผลทางประวัติศาสตร์และอธิปไตยไว้ทั้งสองฝ่าย

การที่กัมพูชาตัดสินใจไม่เข้าร่วม JBC ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณของความตึงเครียดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจบริเวณชายแดนในอนาคต

ซีอีโอ NVIDIA ยอมรับ ‘หัวเว่ย’ ขึ้นแท่นผู้นำชิป AI ชี้เทียบชั้น H200 แถมระบบคลัสเตอร์เหนือกว่าคู่แข่งอเมริกัน

(5 มิ.ย. 68) เจนเซน หวง ซีอีโอของ NVIDIA เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า เทคโนโลยีชิป AI และระบบคลัสเตอร์ของหัวเว่ย (Huawei) มีศักยภาพเทียบเท่ากับ H200 ซึ่งเป็นหนึ่งในชิปประมวลผล AI รุ่นไฮเอนด์ของ NVIDIA โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทออกมายอมรับความก้าวหน้าของคู่แข่งรายนี้อย่างชัดเจน

ซีอีโอ NVIDIA ระบุว่าหัวเว่ยมีพัฒนาการที่รวดเร็ว โดยเฉพาะระบบ AI แบบคลัสเตอร์ 'CloudMatrix' ที่ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่กว่าระบบ 'Grace Blackwell' ของ NVIDIA เสียอีก โดยเวอร์ชันล่าสุด 'CloudMatrix 384' ใช้ชิป AI จำนวน 384 ตัว เชื่อมต่อแบบครบวงจร ส่งผลให้สามารถประมวลผลได้ถึง 300 PFLOPs (BF16) ซึ่งเกือบเป็น 2 เท่าของระบบ GB200 NVL72 ของ NVIDIA

เจนเซน หวง ยังย้ำว่าหัวเว่ยเป็นบริษัทที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป และยอมรับว่าเป็นคู่แข่งที่มีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขามักใช้ถ้อยคำระมัดระวังในการประเมินศักยภาพของหัวเว่ย

ทั้งนี้ การยอมรับของ NVIDIA สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ แต่หัวเว่ยยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI ได้อย่างโดดเด่นจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในเวทีโลกแล้วในเวลานี้

กองทัพอากาศ เล็งซื้อฝูงบิน Gripen รุ่นใหม่ ล็อตแรก 4 ลำ มูลค่ารวม 19,500 ล้านบาท

กองทัพอากาศ เปิดแผนจัดซื้อ 'Gripen E/F' ระยะที่ 1 ทดแทน F-16 ล็อตแรก 4 ลำ มูลค่ารวม 19,500 ล้านบาท ย้ำโปร่งใส คุ้มค่า รอบคอบ และมีประสิทธิภาพสูงสุด

พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศ มีแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีรุ่นใหม่ 'Gripen E/F' ระยะที่ 1 เพื่อทดแทนฝูงบิน F-16 ที่ประจำการมายาวนานกว่า 37 ปี โดย มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสมรรถนะด้านการป้องกันประเทศ ด้วยคุณลักษณะที่เหนือกว่ารุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้งในด้านเทคโนโลยี ความเหมาะสมในการบูรณาการระบบ (Commonality & Continuity) และความสามารถในการตอบสนองภัยคุกคามยุคใหม่

สำหรับเครื่องบินขับไล่แบบ Gripen E/F ที่ถูกคัดเลือกเป็นแบบที่ตรงตามเกณฑ์ความต้องการของกองทัพอากาศมากที่สุด พร้อมติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยไกล “METEOR” และการปรับปรุงระบบเรดาร์แจ้งเตือนล่วงหน้า SAAB AEW&C โดยจัดอยู่ในแนวทางสำคัญของโครงการภายใต้ชื่อ MIDSR ประกอบด้วย Main Package: เครื่องบิน Gripen E/F จำนวน 12 ลำ โดยล็อตแรกจะมีจำนวน 4 ลำ มูลค่า 19,500 ล้านบาท พร้อมอาวุธและระบบสนับสนุน // Indirect Offset: โครงการชดเชยทางอ้อม 7 รายการ //Direct Offset: โครงการชดเชยทางตรง 7 รายการ // Synchronization: ความสอดคล้องประสานกันของโครงการในทั้ง 3 ระยะ // Risk: การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน

นอกจากนี้ โครงการยังสอดคล้องกับนโยบาย Defence Offset ของรัฐบาล ที่มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศภายในประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ กองทัพอากาศยืนยันว่าการจัดซื้อ Gripen E/F จะดำเนินการด้วยความโปร่งใส รอบคอบ และมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้การใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนเกิดความคุ้มค่าสูงสุด โดยมีเป้าหมายในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางอากาศ ปกป้องอธิปไตย และรักษาความสงบสุขของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

‘ทรัมป์’ เผยโทรคุย ‘ปูติน’ ยันรัสเซียเตรียมตอบโต้ยูเครน พร้อมจับตา ‘อิหร่าน’ ใกล้มีนิวเคลียร์ในไม่ช้า

(5 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย โดยระบุว่า ปูตินยืนยันชัดเจนว่า รัสเซียจะมีมาตรการตอบโต้ยูเครน กรณีการโจมตีสนามบินและระบบรถไฟในรัสเซีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของยูเครน

แม้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการสนทนาอย่างเป็นทางการ แต่สื่อตะวันตกอย่าง Reuters และ BBC รายงานตรงกันว่า ทรัมป์แสดงท่าที 'เห็นใจ' ต่อท่าทีแข็งกร้าวของปูติน พร้อมระบุว่าการตอบโต้ดังกล่าวเป็น “สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” หากยูเครนยังคงเดินหน้าก่อวินาศกรรมในรัสเซียต่อไป

นอกจากประเด็นยูเครน ทรัมป์ยังกล่าวถึงภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยย้ำว่า “เวลาของโลกใกล้หมดแล้ว” หากยังปล่อยให้อิหร่านพัฒนาอาวุธอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอให้ปูตินมีบทบาทเป็นตัวกลางในการเจรจา เพื่อลดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

โดยปูตินแสดงความเปิดกว้างที่จะเข้าร่วมในการเจรจาใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าตนและปูตินมีความเห็นตรงกันในประเด็นนี้

‘พีระพันธุ์’ ยัน ป.ป.ช. ยังไม่ได้ออกหมายเรียก หลังส่งคนตรวจสอบข่าวพบ 'ไม่เป็นความจริง'

จากกรณีที่มีรายงานข่าวออนไลน์ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือเรียกให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 นั้น

นายพีระพันธุ์ ได้ส่งคนไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในช่วงเช้าวันที่ 4 เนื่องจากไม่ได้รับหนังสือใด ๆ จาก ป.ป.ช. โดยเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ได้ยืนยันว่า ป.ป.ช. ยังไม่ได้ออกหนังสือใด ๆ มายังนายพีระพันธุ์ ข่าวดังกล่าวจึง “ไม่เป็นความจริง”

การนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม และกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม สื่อมวลชนจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้รอบคอบและแน่ชัดก่อนเสนอข่าว

5 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงหว่านข้าวเพื่อเกษตรกรไทย ณ เกษตรกลางบางเขน

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงหว่านข้าว ณ แปลงนาสาธิตของสถานีทดลองเกษตรกลางบางเขน ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีพระราชประสงค์ที่จะส่งเสริมการเกษตรของชาติ อันเป็นอาชีพหลักของประชาชนชาวไทย

การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้นมีความสำคัญยิ่งต่อวงการเกษตรกรรม เนื่องจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่พระมหากษัตริย์ทรงลงมือหว่านข้าวด้วยพระองค์เอง นับเป็นสัญลักษณ์แห่งพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาและใส่พระทัยต่อปวงชนชาวนาอย่างแท้จริง

วันดังกล่าวจึงได้รับการยกย่องให้เป็น “วันรำลึกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล” เพื่อรำลึกถึงพระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่า และปลูกฝังจิตสำนึกแห่งความกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในการส่งเสริมพัฒนาการเกษตรของชาติ

ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงจัดกิจกรรมรำลึกถึงพระองค์เป็นประจำทุกปี พร้อมสืบสานเจตนารมณ์ในการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top