Friday, 6 June 2025
Hard News Team

‘ยูเครน’ เตรียมจ่ายค่าศพทหารเสียชีวิต รายละ 11 ล้าน ครอบครัวลุ้นหนักเงินชดเชย…จะถึงมือจริงไหม??

(6 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้ลงนามให้จ่ายเงินชดเชยครั้งเดียวมูลค่า 15 ล้านฮรีฟยา (ราว 11.8 ล้านบาท) แก่ครอบครัวทหารยูเครนที่เสียชีวิตในหน้าที่ โดยมาตรการนี้ถูกกำหนดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2022 เพื่อเป็นการสนับสนุนขวัญกำลังใจแก่ทหารและครอบครัวท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย

รัสเซียตกลงส่งคืนศพทหารยูเครนจำนวน 6,000 รายที่ถูกแช่แข็งภายใต้ข้อตกลงที่อิสตันบูล ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การจ่ายเงินชดเชยรวมสูงถึง 90 พันล้านฮรีฟยา (ราว 89,100 ล้านบาท) 

แม้กฎหมายกำหนดเงินชดเชยทหารเสียชีวิตอย่างชัดเจน แต่ยังมีเสียงวิจารณ์ว่า “ขาดความโปร่งใส” และมีคำกล่าวหาว่าเซเลนสกีและผู้ใกล้ชิดอาจรับผลประโยชน์โดยไม่ถูกตรวจสอบ เนื่องจากผู้สนับสนุนต่างชาติยังคงให้การสนับสนุนยูเครนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เซเลนสกี ยังถูกตั้งคำถามว่า ครอบครัวของทหารที่ได้รับศพคืนทั้งหมดจะได้รับเงินชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ แหล่งข่าวบางแห่งระบุว่าขั้นตอนการรับรองศพยังล่าช้า และเกณฑ์การจ่ายเงินยังมีเงื่อนไขอีกมาก อนาคตการจ่ายเงินที่ยาวนานและกระบวนการเชิงราชการอาจทำให้ครอบครัวหลายรายไม่ได้รับสิทธิทันที

โออาร์ เติมเต็มรอยยิ้มให้เกษตรกรไทย แจกฟรี! มะม่วงแฟนซี กว่า 400,000 กิโลกรัม เมื่อเติมน้ำมันที่ พีทีที สเตชั่น ระหว่างวันที่ 6 – 8 มิถุนายน 2568 เฉพาะสถานีฯ ใน 4 จังหวัด

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และ นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมด้วย นายสถิตพงษ์ เงางาม ผู้จัดการฝ่ายบริหารสถานีบริการส่วนกลาง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ร่วมสานต่อโครงการ 'เติมเต็มรอยยิ้มให้เกษตรกรไทย เติมน้ำมันรับฟรี มะม่วงแฟนซี' ณ พีทีที สเตชั่น ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี รวม 360 สถานี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยในช่วงที่ผลผลิตล้นตลาด พร้อมส่งต่อผลไม้คุณภาพจากแหล่งผลิตโดยตรงสู่มือผู้บริโภค โดย โออาร์ ได้รับซื้อมะม่วงแฟนซีหลากหลายสายพันธุ์จากเกษตรกรในภาคเหนือ เพื่อส่งมอบเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าที่เติมน้ำมันครบ 300 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับฟรี! มะม่วงแฟนซี 1 ถุง (จำกัด 1 ถุง/ใบเสร็จ) โดยรวมแล้วมีการจัดสรรผลผลิตกว่า 400,000 กิโลกรัม เพื่อกระจายให้กับลูกค้าในสถานีบริการที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 6 – 8 มิถุนายน 2568 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

นายสถิตพงษ์ เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ไทยตามมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ซึ่งเป็นหนึ่งในความตั้งใจของ พีทีที สเตชั่น ที่จะสนับสนุนเกษตรกรไทยให้สามารถระบายผลผลิตได้อย่างเหมาะสม และช่วยลดผลกระทบจากภาวะราคาตกต่ำ พร้อมเติมเต็มความสุขให้กับผู้ใช้บริการ พีทีที สเตชั่น ผ่านผลไม้คุณภาพจากพี่น้องเกษตรกรไทย โดย โออาร์ ร่วมกับกรมการค้าภายในรับซื้อมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ รวมจำนวน 400,000 กิโลกรัม เพื่อนำมากระจายสู่ผู้ใช้บริการ พีทีที สเตชั่น ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่เพียงเป็นการแบ่งเบาภาระของพี่น้องเกษตรกร แต่ยังตอกย้ำว่า พีทีที สเตชั่น เป็นศูนย์กลางของชุมชนตามแนวคิด Living Community รวมถึงได้ร่วมเติมเต็มรอยยิ้มให้ชุมชน และส่งต่อความสุขให้กับผู้คนที่มาใช้บริการ โดย โออาร์ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาสังคม พร้อมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะในภาคการเกษตรที่ถือเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ

‘นาโต้’ ส่งสัญญาณชัดประกาศลั่น ทะเลดำ–บอลติก อย่าแตะ!!..ใครล้ำเจอดี

(6 มิ.ย. 68) นายกฯ มาร์ค รุตเต้ (Mark Rutte) เลขาธิการนาโต้ แถลงเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนว่า นาโต้ยกระดับเขต ทะเลดำและทะเลบอลติก ให้เป็น 'เขตความรับผิดชอบเชิงยุทธศาสตร์' ขององค์กร เพื่อเสริมความพร้อมตอบโต้ภัยคุกคาม พร้อมทั้งย้ำว่านาโต้จะส่งเสริมการป้องกันพื้นทะเลและโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำของภูมิภาค

รุตเต้ ได้ยืนยันด้วยว่าหากเกิดการโจมตีใดๆ ในทะเลบอลติก นาโต้จะตอบโต้ด้วย 'การตอบสนองที่รุนแรง' ซึ่งครอบคลุมการป้องกันขีปนาวุธ ระบบสื่อสาร และขีปนาวุธระยะไกล โดยเฉพาะในบริเวณโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำที่ได้รับผลกระทบ

การประกาศนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเพิ่มบทบาทของนาโต้ในทะเลบอลติก เช่น การซ้อมรบทางทะเลระยะยาวที่มีเรือรบจากหลายชาติออกจากท่าเรือในเยอรมนี และการเสริมความเข้มแข็งด้านการลาดตระเวนทางอากาศและเรือดำน้ำ

นอกจากนี้ รุตเต้ยังเชื่อมโยงแนวทางนี้กับเป้าหมายด้านงบประมาณกลาโหมของนาโต้ ที่กำหนดเป้าวางงบในระดับกลาโหมอย่างน้อย 5% ของ GDP (3.5% ภาระหลัก และ 1.5% เพื่อโครงสร้างพื้นฐาน) เพื่อให้เกิดการประยุกต์ใช้กำลังที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

'รังสิมันต์' เสนอไทยใช้สันติ-เศรษฐกิจ แทนอาวุธ แก้ปมชายแดนกัมพูชาอย่างยั่งยืน

(6 มิ.ย. 68) จากประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังร้อนระอุในขณะนี้ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ 'กรรมกรข่าว คุยนอกจอ' ของนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ถึงแนวทางที่รัฐบาลไทยควรใช้เพื่อตอบโต้กดดันทางการกัมพูชา ให้ยอมหันหน้าเข้าโต๊ะเจรจาอย่างสันติ โดยที่ไม่ให้ไทยต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

โดยนายรังสิมันต์เน้นย้ำว่า ประเทศไทยไม่ควรเลือกใช้เส้นทางสงครามทางทหาร ในการแก้ไขปัญหาชายแดน เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างทราบดีว่าการบุกรุกยึดครองกันนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง และหากเกิดการปะทะด้วยอาวุธ ก็จะนำมาซึ่งความสูญเสียและสร้างบาดแผลที่ยากจะเยียวยาในอนาคต ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่บริเวณชายแดน

ในฐานะที่ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่ากัมพูชาอย่างมาก และมีประวัติศาสตร์ที่มีชั้นเชิงในการเจรจา จึงไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นการรบ แต่ควรเอาชนะความขัดแย้งนี้ด้วยวิธีการทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการบีบคั้นทางเศรษฐกิจ มุ่งเป้าไปที่ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มฐานอำนาจของกัมพูชา โดยเฉพาะ 'ออกญา' ซึ่งเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะไปตั้งฐานในพื้นที่เหล่านี้ และเชื่อว่าออกญามีรายได้จากกิจกรรมผิดกฎหมายนี้

นายรังสิมันต์ ชี้ว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมากใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทย และ ไฟฟ้าในพื้นที่ปอยเปตก็มาจากฝั่งไทย หากประเทศไทยสามารถตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าในพื้นที่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ได้ จะเป็นการ “ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว” เพราะเป็นการหยุดรายได้มหาศาลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และเป็นการแก้ปัญหาภายในประเทศของเราเองด้วย

นอกจากนี้นายรังสิมันต์ยังได้ระบุด้วยว่าไม่ทราบว่ามี 'ออกญา' คนใดที่เกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์บ้าง แต่ทราบว่าบางคนมีสัญชาติไทย ดังนั้นทางการไทยสามารถใช้กลไกกฎหมายในประเทศเข้าจัดการได้เลย

ทั้งนี้นายรังสิมันต์มองว่าจะยังไม่ควรไปถึงข้อเสนอเรื่องปิดด่าน เพราะพื้นที่ซื้อขายในด่านชายแดนเป็นฝั่งไทยที่ได้ดุลการค้า แต่ก็ควรมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยข้ามไปเล่นคาสิโนในกัมพูชา เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ไปเล่นคาสิโนมาจากฝั่งไทย ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของกัมพูชา

นายรังสิมันต์เน้นย้ำว่า กัมพูชากำลังพยายามสร้างแต้มต่อให้มากที่สุด ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การทูต และการทหาร เพื่อให้ตนเองอยู่ในจุดที่ได้เปรียบในการเจรจา ดังนั้น ประเทศไทยก็ต้องแก้โจทย์นี้ โดยต้องสร้างความชอบธรรมในเวทีนานาประเทศ ทำให้ประชาคมโลกเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายรังแกกัมพูชาก่อน เพื่อให้ทุกประเทศเห็นว่าการเจรจาทวิภาคีเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ทั้งนี้นายรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่า หลายประเทศรอบบ้านไม่ได้ 'เห็นหัว' ประเทศไทยเหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 2557 ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องทบทวนตัวเองในระยะยาว 

สื่อซาอุฯ แฉ ‘เซเลนสกี’ ควัก 3.2 ล้านดอลลาร์ ซื้อห้องหรูตึกสูงที่สุดในโลก ‘เบิร์จคาลิฟา’ ให้แม่วันเกิด

(6 มิ.ย. 68) สื่อรัฐซาอุดีอาระเบีย Al Arabiya รายงานว่า โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ซื้ออพาร์ตเมนต์สุดหรู มูลค่า 3.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 115.2 ล้านบาท) ในอาคารเบิร์จคาลิฟา ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก มีความสูง 828 เมตร (2,717 ฟุต) ตั้งอยู่ในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 74 ปีให้กับมารดา เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2024

ตามรายงานของ Al Arabiya นักข่าวของช่องได้ตรวจสอบทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ของอาคารที่สูงที่สุดในโลก และพบว่ามีการลงทะเบียนชื่อ 'ริมมา เซเลนสกายา' ซึ่งเป็นมารดาของผู้นำยูเครน เป็นเจ้าของห้องพักดังกล่าว โดยอพาร์ตเมนต์อยู่ในโครงการ 'Armani Residences' ซึ่งเป็นห้องพักหรูที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง จอร์โจ อาร์มานี (Giorgio Armani) นักออกแบบเสื้อผ้า ชาวอิตาลี

ข้อมูลนี้สร้างความประหลาดใจ เนื่องจากข้อมูลทางราชการของยูเครนระบุว่า ริมมา เซเลนสกายา เป็นเพียงผู้รับบำนาญธรรมดา อาศัยอยู่ที่เมืองครีวอยร็อก ในประเทศยูเครน ไม่มีรายได้หรือฐานะที่เอื้ออำนวยต่อการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในต่างประเทศ

แม้ยังไม่มีถ้อยแถลงจากทางการยูเครน แต่ศูนย์ต่อต้านข้อมูลบิดเบือนของรัฐบาลยูเครนได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวนี้ โดยระบุว่าเป็น 'ข้อมูลเท็จ' อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวจากหลายช่องทางทำให้เกิดข้อสงสัยใหม่เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้นำยูเครนและครอบครัว ท่ามกลางสงครามที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

‘โอ๋ ฐิติภัสร์’ ซัดทุนต่างชาตินำเข้าขยะซุกเต็มพื้นที่ฟรีโซน ก่อนคัดแยกของดีส่งกลับจีนทิ้งฝุ่นพิษให้คนไทยดม

(6 มิ.ย.68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...ฟรีโซนศูนย์เหรียญ ที่เราสัมผัสได้เพียงฝุ่น สูดดมแต่มลพิษ

รับแจ้งเบาะแส…หนึ่งในบริษัทผู้นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์คือ บ.พีซีวู๊ด จก. ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตปลอดอากร Free Zone จ. ฉะเชิงเทรา 

บริษัทแห่งนี้เคยถูกจับและดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่รับอนุญาต และข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 67 ที่ผ่านมา คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของ จนท.ตำรวจ สภ.แปลงยาว เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล ส่วนกรรมการบริษัทอยู่ระหว่างประกันตัวออกมา

การตรวจสอบครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากกรมศุลกากร เข้าร่วมตรวจสอบด้วย 

บ. พีซีวู๊ดฯพัฒนาตัวเองจากผู้ประกอบการที่ถูกดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่รับอนุญาต กลายเป็นผู้พัฒนาที่ดินในพื้นที่ฟรีโซน ให้บริการเช่าโกดัง ขอใบอนุญาตติดต่อหน่วยงานราชการ ประสานขนส่งตู้สินค้าจากท่าเรือมาในพื้นที่ฟรีโซน โดยคิดค่าบริการตามรายการกับผู้เช่าแต่ละโกดัง

ผู้เช่าได้แก่ บ.ซินฮุยเฉิงฯ บ.วินเวลล์ฯ และ บ.รอยซ์ เมทเทิลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ประกอบกิจการ นำเข้าเศษอลูมิเนียมมาคัดแยกใส่เครื่องเขย่าเอาฝุ่นออก เสร็จแล้วจ้างแรงงานต่างด้าวมาขัดจนสะอาด ใส่ถุงบิ๊กแบ๊คส่งกลับไปประเทศจีน

ความผิดเก่ายังไม่สิ้นแต่ก่อคดีใหม่…ครั้งนี้แจ้งข้อหาใหม่เพิ่มเข้าไป พร้อมออกคำสั่งให้หยุดกิจการและดำเนินคดีอาญา ข้อหาทำลายเครื่องหมายประทับตรายึดอายัดและเคลื่อนย้ายของกลาง…ทำผิดซ้ำ 2 ครั้ง จนท.กรมศุลกากรที่ร่วมภารกิจด้วย จะเสนอให้ผู้บริหารกรมศุลฯ พิจารณาระงับสิทธิ์ฟรีโซนต่อไปค่ะ

‘ซูซูกิ’ ชิ้นส่วนขาดแคลนหนัก สั่งเบรกไลน์ผลิต Swift หลังจีนจำกัดส่งออกแร่หายาก กระทบห่วงโซ่อุปทาน

(6 มิ.ย. 68) บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (Suzuki Motor) ประเทศญี่ปุ่น ประกาศหยุดสายการผลิตรถยนต์รุ่น Swift ชั่วคราว (ยกเว้นรุ่น Swift Sport) ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า สาเหตุหลักมาจากการที่จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

ซูซูกิระบุเพียงว่า การหยุดผลิตเกิดจากการขาดแคลนชิ้นส่วน โดยจะกำหนดเริ่มกลับมาเดินสายการผลิตบางส่วนในวันที่ 13 มิถุนายน และคาดว่าจะกลับมาเต็มกำลังได้หลังวันที่ 16 มิถุนายน แต่ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับต้นเหตุของปัญหา ขณะที่แหล่งข่าวยืนยันว่าข้อจำกัดของจีนคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้สายการผลิตสะดุด

การที่จีนระงับการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เดือนเมษายน ได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ อากาศยาน เซมิคอนดักเตอร์ และการทหารทั่วโลก หลายบริษัทเตือนว่าอาจต้องหยุดผลิต หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย

นอกจากนี้ มีรายงานว่าโรงงานชิ้นส่วนบางแห่งในยุโรปเริ่มหยุดผลิตแล้ว และเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) กำลังพิจารณามาตรการป้องกันการขาดแคลนแร่หายาก ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมเสนอมาตรการความร่วมมือกับสหรัฐฯ ด้านห่วงโซ่อุปทานแร่หายากในการเจรจาการค้ารอบใหม่เร็ว ๆ นี้

ทบ. ออกแถลงการณ์โต้ ซัดทหารกัมพูชาเปิดก่อน ยัน เหตุปะทะช่องบกเป็นการป้องกันตัวของทหารไทย

ทบ.โต้ กัมพูชา เหตุปะทะช่องบก ทหารกัมพูชายิงก่อน เพราะหน่วยระดับบริหาร-ปฏิบัติ ไร้ความชัดเจน ทั้งนี้ทางกัมพูชา ยังคงเตรียมความพร้อมทางทหารเข้มข้น

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) เวลา 19.30 ที่กองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวถึงกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์วันนี้ พบมีบางประเด็นที่พาดพิงถึงทหารฝ่ายไทย โดยอ้างถึงเหตุการณ์ปะทะที่ช่องบกว่า ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา กองทัพบกโดย ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เน้นย้ำหน่วยและกำลังพลให้เคร่งครัดในเรื่องของ กฎการปะทะ ยืนยันว่าการปะทะในครั้งนั้นเป็นไปในลักษณะของการป้องกันตัวระดับบุคคล

เนื่องจากขณะนั้น หน่วยได้รับข่าวสารว่ามีทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธได้รุกล้ำเข้ามาวางกำลังในพื้นที่ของประเทศไทย ฝ่ายไทยจัดกำลังขนาดเล็ก เข้าไปเพื่อลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ แต่ฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธตอบโต้ จึงเกิดการปะทะกัน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้ว

“ขอยืนยันว่า กรณีเกิดเหตุข้อพิพาทในพื้นที่ ฝ่ายไทยได้พยายามดำเนินการผ่านกลไกการเจรจาระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่ ตามที่ทั้งสองประเทศเคยตกลงกันไว้ แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่ไม่มีท่าทีให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในระยะหลัง” พล.ต.วินธัย กล่าว

โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน กองทัพบกมีความพร้อมต่อปฏิบัติการทางทหารในระดับสูง เพื่อรองรับกรณีที่จำเป็นต้องใช้มาตรการทางทหารตอบโต้ปัญหาการรุกล้ำอธิปไตย

ที่ผ่านมา กองทัพบก และกองกำลังป้องกันชายแดน ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ติดตามและรวบรวมข่าวสารของทางฝั่งกัมพูชา ตั้งแต่หน่วยระดับปฏิบัติ จนถึงหน่วยงานในระดับบริหาร พบว่ามีลักษณะท่าทีในการร่วมกันแก้ปัญหาที่ขาดความชัดเจน อีกทั้งปรากฏสิ่งบอกเหตุว่าฝ่ายกัมพูชา ยังคงดำเนินการเตรียมความพร้อมทางทหารอย่างเข้มข้น ควบคู่กับมาตรการด้านการต่างประเทศมาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นความน่ากังวลในแง่มุมทางทหาร

ทำให้ตลอดห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารบก จึงมีคำสั่งให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมให้อยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ ในการตอบสนองต่อภารกิจในขั้นของการใช้กำลังทางทหาร ตามแผนป้องกันประเทศ เพื่อตอบโต้กรณีการรุกล้ำอธิปไตยในขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อใช้ความพยายามแก้ไขปัญหาตามแนวทางแห่งสันติที่ทุกฝ่ายปรารถนาแล้ว แต่ไม่บรรลุผล

“กองทัพบกขอยืนยันว่า การปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังในพื้นที่ชายแดน ดำเนินการด้วยความรอบคอบ สุขุม และตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจในสถานการณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียกับทุกฝ่าย ขณะเดียวกันก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มขีดความสามารถ หากสถานการณ์จำเป็น” พล.ต.วินธัย กล่าว

จับตา!!..ทรัมป์อาจใช้อำนาจยึด SpaceX เป็นของรัฐ อีลอน มัสก์ แก้เกมขู่ถอดยานอวกาศ Dragon พ้นวงโคจร

(6 มิ.ย. 68) ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับอีลอน มัสก์ จุดกระแสกังวลใหม่ว่า ทรัมป์อาจใช้อำนาจประธานาธิบดีเข้าควบคุมหรือยึด SpaceX เป็นของรัฐ หากการตอบโต้ทางการเมืองลุกลามถึงขั้นสุด หลังมัสก์วิจารณ์นโยบายการคลังของรัฐบาลจนถูกขู่ตัดสัญญารัฐมูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์

อีลอน มัสก์ โต้กลับอย่างรุนแรง โดยประกาศเตรียมปลดประจำการยานอวกาศ Dragon ซึ่งเป็นยานลำเดียวของสหรัฐฯ ที่สามารถรับ-ส่งนักบินอวกาศขึ้นสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ภายใต้สัญญามูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์กับ NASA ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงเสถียรภาพและความมั่นคงของโครงการอวกาศสหรัฐฯ

แหล่งข่าวใกล้ทำเนียบขาวเผยว่า มีการหารือภายในเกี่ยวกับการใช้กฎหมายพิเศษ เช่น พระราชบัญญัติการผลิตเพื่อการป้องกันประเทศ (Defense Production Act) เพื่อควบคุมทรัพย์สินของ SpaceX หากมัสก์เดินหน้าทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านอวกาศของประเทศ ซึ่งอาจถูกตีความว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ

แม้ SpaceX จะเป็นบริษัทเอกชนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก แต่หากความขัดแย้งกับรัฐบาลลุกลามจนถึงขั้นรัฐเข้าควบคุมกิจการ จะถือเป็นเหตุการณ์สะเทือนวงการเทคโนโลยีครั้งใหญ่ และอาจเปลี่ยนสมการอำนาจระหว่างรัฐกับมหาเศรษฐีผู้ครอบครองเทคโนโลยีล้ำยุคในศตวรรษที่ 21 อย่างสิ้นเชิง

‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ เสด็จฯ ปราสาทตาเมือนธม ตอกย้ำ เป็นของไทยชัดเจน ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน

‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ เสด็จฯ ปราสาทตาเมือนธม โดยมีเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ทหาร และประชาชนไทย ในพื้นที่เฝ้าฯ รับเสด็จอย่างพร้อมเพรียง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2523 เพื่อทรงทัศนศึกษาและทอดพระเนตรงานสำรวจทางโบราณคดี 

ปราสาทตาเมือนธมนั้น กรมศิลปากร ทำการสำรวจพบและขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานของไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478  หรือเมื่อ 90 ปีที่แล้ว และปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี (ขณะที่กัมพูชาได้รับเอกราชคืนจากฝรั่งเศส ปี 2496 และเป็นที่ยอมรับจากสหประชาชาติ ปี 2498)

เป็นของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ไม่ใช่ของกัมพูชา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top