Sunday, 19 May 2024
Hard News Team

เตรียมดำเนินคดี เจ้าของหมา ‘โกลเดินรีทรีฟเวอร์’ หลังนำมาปล่อยทิ้ง ล่าสุด!! ขอรับ ‘น้องจิว’ คืนแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ฯ ยังไม่ไว้ใจ กลัวนำไปปล่อยที่อื่น

(18 พ.ค. 67) ความคืบหน้าของกรณีที่มีผู้นำสุนัขเพศผู้สายพันธุ์โกลเดินรีทรีฟเวอร์ มาปล่อยทิ้งไว้กลางชุมชน ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดนั้น 

นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามจากภาพของกล้องวงจรปิดของเทศบาล และหาหลักฐานจากกล้องหน้ารถ จนได้ภาพจากกล้องหน้ารถที่สวนทางกับรถกระบะที่นำหมามาปล่อย ซึ่งพบว่าน้องหมานั่งอยู่ท้ายกระบะโผล่หน้าออกมาทางด้านซ้ายฝั่งคนขับ รถคันดังกล่าวขับเข้ามาในซอยถนนสันผีเสื้อ บริเวณที่รกร้างด้านหน้าของเทศบาลสันผีเสื้อ และเลี้ยวเข้าไปในซอยประมาณ 100 เมตร และหลังจากนั้นก็ได้รับการยืนยันจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ว่ามี พบเห็นชายสูงวัยลงมาเปิดกระบะท้ายและปล่อยหมาลงมาจากรถทิ้งไว้ในบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะขึ้นรถขับหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไป

หนึ่งในผู้พบเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนนั้นขายอาหารอยู่บริเวณปากซอยพบเห็นรถกระบะคันดังกล่าวท่าทางมีพิรุธพยายามจอดรถและเลี้ยวเข้าซอย ซึ่งมีการขับรถวนเวียนอยู่แถวบริเวณจุดที่จะนำน้องหมามาปล่อยอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นก็เลี้ยวเข้าซอยก่อนนำน้องหมาลงจากรถแล้วก็ขับรถออกไปโดยไม่มีการจอดรับน้องหมาแต่อย่างใดซึ่งตามปกติ บริเวณซอยนี้จะไม่มีคนเข้าเพราะมีบ้านคนข้างในเพียงหลังเดียวเท่านั้น หลังจากขับรถออกไปน้องหมาก็วิ่งตามและรถก็ไม่จอดแต่อย่างใดจนทำให้น้องหมานั้นวิ่งหลบเข้าไปที่อยู่ข้างสวนและพนักงานของเทศบาลก็เข้ามาพบแล้วก็แจ้งเทศบาลต่อไป

นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ เปิดเผยว่า หมาตัวนี้น้องกู้ชีพของเทศบาลตำบลสันผีเสื้อได้ไปพบเห็นกำลังวิ่งตามรถกระบะอยู่หน้าเทศบาลซึ่งดูจากภาพแล้วเจ้าของนั้นไม่หยุดรถให้น้องหมาขึ้นรถซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นการนำหมามาปล่อย ทางเทศบาลจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดกล้องรถต่าง ๆ จากผู้หวังดีเพื่อเช็กทะเบียนรถแล้วก็ติดต่อไปยังเจ้าของแล้วก็เช็กรูปพรรณสัณฐานว่ามีการเลี้ยงหมาลักษณะดังกล่าวจริงหรือไม่

ซึ่งต่อมาได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเจ้าของหมาซึ่งถือว่ากรณีนำหมามาปล่อยนั้นมีความผิดตามกฎหมายซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีส่วนตัวน้องหมานั้นอยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลสันผีเสื้อในช่วงบ่ายทางปศุสัตว์อำเภอก็จะมาดูแลเรื่องสุขภาพของน้องแต่จากการประเมินเบื้องต้นสุขภาพแข็งแรงดีซึ่งจากการสอบถามและทราบชื่อน้อง ‘จิว’ และมีการเรียกชื่อก็ทำให้มีปฏิกิริยาที่ดีขึ้นรับประทานอาหารได้สุขภาพร่าเริงแจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ล่าสุดได้มีเจ้าของ น้องหมาเข้ามาติดต่อกับเทศบาลยืนยันที่จะรับตัวน้องกลับไปเลี้ยงและยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้มีการนำมาปล่อยแต่จากการตรวจสอบพยานหลักฐานแวดล้อมซึ่งประเมินได้ว่าเป็นการนำมาปล่อยอย่างชัดเจน ทางเทศบาลจึงไม่มั่นใจว่าจะคืนน้องหมาให้เจ้าของหรือไม่ เพราะเกรงว่าหากปล่อยคืนให้กับเจ้าของก็จะนำมีการไปปล่อยยังพื้นที่อื่นอีก โดยหลังจากนี้ก็จะมีการประสานมูลนิธิเกี่ยวกับการดูแลสัตว์ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

นักวิชาการ เจ้าของเพจดัง เผย ‘ชุดนักเรียนไทย’ ขายดีมากที่ ‘จีน’ ชี้!! เป็นกระแสจากสื่อบันเทิง ที่ตัวละครหลัก มักเป็น ‘นักเรียน’

(18 พ.ค. 67) อาจารย์ภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าของเพจอ้ายจง ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับเรื่องที่ชุดนักเรียนของไทย กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน โดยได้ระบุว่า ...

เมื่อช่วงมีนาคมปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อที่ไทย เกี่ยวกับการวิเคราะห์กระแสชุดนักเรียนไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน และก็เริ่มเห็นใส่ในเมืองจีนมากขึ้น ซึ่งผมเคยเขียนวิเคราะห์ไว้แล้ว แต่อยากจะขอรีรันวิเคราะห์อีกครั้ง 

1. ทำไมกระแส 'ชุดนักเรียนไทย' ถึงจุดติดในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนขนาดนี้? 
นอกจากเรื่องที่ดาราใส่แล้ว มีประเด็นอื่น ๆ เช่น ปัจจัยด้านสังคม วัฒนธรรม อะไรพวกนี้หรือไม่?

ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา คนจีนไม่น้อยมีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวของไทยเป็นอย่างมาก ทั้งผ่านสื่อบันเทิงพวกภาพยนตร์ละครที่เข้าไปตีตลาดในจีน โดยเฉพาะภาพยนตร์ละครซีรีส์วัยรุ่น โดยถ้ายุคบุกเบิกเลย ก็อย่างเช่น รักแห่งสยาม สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก ซึ่งล้วนแต่ปรากฏชุดนักเรียนไทยอยู่ในเรื่อง 

โดยเฉพาะหนังไทยเรื่อง 'สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก' ที่ในสื่อและโลกออนไลน์จีน เมื่อนำเสนอกระแสชุดนักเรียนไทย ก็จะมีการอ้างอิงถึงภาพยนตร์เรื่องนี้

โดยบันเทิงไทยในยุคหลังจากยุคบุกเบิกในจีน ตามที่ผมระบุไปข้างต้น ก็มีอีกหลายเรื่องที่มีตัวละครหลักเป็นวัยเรียน วัยมัธยม อย่างเช่น ฉลาดเกมส์โกง 

และต้องยอมรับว่าซีรีส์วายหลายเรื่องที่เป็นที่นิยมในจีน ณ ปัจจุบัน ก็เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น ทั้งระดับมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ซึ่งปรากฏชุดนักเรียน ชุดนักศึกษา ทำให้คนจีนได้เห็นและรับรู้ว่า นี่คือชุดนักเรียน นักศึกษาของในไทยนะ 

2. ชุดนักเรียนไทย มีความแตกต่างจากในจีนพอสมควร เนื่องจากถ้าในระดับโรงเรียนประถมและมัธยมจีนจะเป็นลักษณะของชุดวอร์ม ภายในชุดวอร์มนั้นจะใส่เป็นเสื้ออะไรก็ได้ทั่ว ๆ ไป 

ส่วนถ้าเป็นมหาวิทยาลัย จะใส่ชุดอะไรก็ได้แบบที่บ้านเราเรียกว่า 'ไปรเวท' ความแตกต่างตรงนี้จึงทำให้เกิดความสนใจ และกลายเป็นภาพจำไปแล้วว่า นั่นคือเครื่องแต่งกายของนักเรียนนักศึกษาไทย

3. หากดูแคปชัน และความคิดเห็นของคนจีนที่โพสต์เรื่องราวชุดนักเรียนไทย ในแพลตฟอร์มโซเชียลจีนหลัก ๆ ที่เป็นกระแส ก็คือ โต่วอิน (Douyin เป็นชื่อ TikTok เวอร์ชันจีน) และรวมถึงใน Xiaohongshu (เทียบเคียงได้กับ Instagram) อีกหนึ่งโซเชียลที่คนจีนนิยม ซึ่งเป็นโซเชียลไลฟ์สไตล์ คนจีนชอบโพสต์แชร์ โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ชีวิตไปเที่ยว อะไรต่าง ๆ 

จะพบว่า แคปชันไม่น้อย จะมีอ้างถึงคำว่า JK ซึ่งมาจาก Joshi Kousei ภาษาญี่ปุ่น อันหมายถึง นักเรียนหญิงมัธยมปลาย ซึ่งคำนี้ว่ากันตามตรง ก็ใช้ได้ทั้งแบบกลาง ๆ และด้านมืด 

4. แต่ในความหมายที่คนจีนใช้คู่กับประเด็นชุดนักเรียนไทย ก็คือ เป็นJK เวอร์ชันไทย หมายถึง ชุดนักเรียนไทย นั่นเอง 

สื่อให้เห็นว่า ความเป็นจริงแล้ว "คนจีนรับรู้เกี่ยวกับชุดนักเรียนของประเทศอื่น โดยให้ความสนใจของชุดนักเรียนญี่ปุ่นมาก ในลักษณะของเอามาใส่เป็นชุดทั่วไป ชุดใส่เที่ยว ชุดแฟชั่น หรือชุดคอสเพลย์ (Cosplay)" แม้แต่ในไทยเอง 

"ทำให้พอชุดนักเรียนไทยเป็นกระแส ก็อยากจะใส่ตาม ซึ่งคิดว่าใส่ได้ เหมือนกับชุดนักเรียนญี่ปุ่น"

5. อ้ายจงยังได้วิเคราะห์ข้อมูลจากปริมาณการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องบน Baidu ซึ่งยังคงเป็นแพลตฟอร์มค้นหาข้อมูล (ลักษณะเดียวกับ Google) ที่คนจีนยังนิยมใช้เป็นหลัก ก็พบว่า เมื่อเทียบเวลาเดียวกัน คนจีนค้นหาคำว่า ชุดนักเรียนญี่ปุ่น มากกว่า ชุดนักเรียนไทย ประมาณเท่าตัว และถ้าเทียบกับคำว่า JK制服 ซึ่งหมายถึง ชุดยูนิฟอร์มนักเรียนหญิง มัธยมปลายญี่ปุ่น ที่มีขายทั่วไปบนโลกออนไลน์จีน พบว่าต่างกันหลายสิบเท่า โดยชุดนักเรียนไทย จะค้นหาเพียงหลักร้อยต่อวัน ในขณะที่ JK制服 ค้นหาหลายพันต่อวัน

6. เมื่อวิเคราะห์เพิ่มเติมไปอีก ทำให้พบอีกว่า จริง ๆ แล้วคำว่า ชุดนักเรียนไทย มีปริมาณการค้นหาใน Baidu ในหลักหลายพันใน1วัน ในช่วงปลายเดือนตุลาคมปี 2555 (2012) ซึ่งมากที่สุด นับตั้งแต่มีการค้นหาคำนี้ใน Baidu และ มากกว่า ณ ตอนนี้ที่กำลังเป็นกระแสเสียอีก 

เมื่อไล่ตามไปดูข้อมูลที่ปรากฏบน Baidu ในช่วงเวลาดังกล่าว ปี 2555 พบว่า มีคอนเทนต์ที่รีวิวเกี่ยวกับชุดนักเรียนประเทศต่าง ๆ และระบุว่า ชุดนักเรียนชุดนักศึกษาไทยเป็นหนึ่งในชุดที่มีความน่าสนใจที่สุด และยังเป็นช่วงที่หนัง LOST IN THAILAND หนังที่มีการถ่ายทำในไทย ถ่ายทอดเรื่องราวในไทย ที่ดังเป็นพลุแตกในจีน จนเกิดการเที่ยวตามรอยของคนจีนในประเทศไทย 

7. ในช่วงปี 2566 ผมได้ถามทางเพื่อนคนจีน และ นศ.จีน พบว่า จำนวนไม่น้อย รู้สึกว่าเป็นกระแสในโลกออนไลน์เท่านั้น ยังไม่เห็นคนใกล้ตัว หมายถึงในประเทศจีนเอง ในเมืองของที่พวกเขาอยู่มีการเอามาใส่จริงจัง ถ้าเทียบกับชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่น โดยชุดนักเรียนไทย พวกเขาบอกว่า เห็นแต่ในโลกโซเชียล ที่คนจีนไปไทยแล้วไปใส่

แต่ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน 2567 ระยะเวลา 1 ปี ได้เห็นคนจีนในมหาวิทยาลัย และคนใกล้ตัวผม เริ่มใส่ชุดนักเรียนไทยมากขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมไปปักกิ่ง และหนานจิง ก็เห็นมีคนใส่

8. อ้ายจงได้ตรวจสอบบน E-commerce ภายใต้คำถามที่ว่า "ในจีนมีการขายและเริ่มมีการใส่ชุดนักเรียนไทยในจีนบ้างหรือไม่? หรือเกิดขึ้นแค่ในไทย ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ไปไทย"

เมื่อค้นหาคำว่า 泰国 (ไทย) ใน Taobao (เถาเป่า) E-commerce จีน และเลือกเรียงลำดับตามจำนวนยอดขาย

สินค้าชุดนักเรียนไทยของร้านหนึ่ง อยู่ในอันดับต้น ๆ โดยบางร้านที่ขายระบุว่ามียอดขายรายเดือน มากกว่า 8000 ออร์เดอร์ และเริ่มมีรีวิวบนเถาเป่า ว่าซื้อแล้วนำไปใส่ถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในจีน แต่ก็ยังไม่ถือกับเป็นกระแสหลักวงกว้าง สำหรับกรณีใส่ในจีนนะครับ

9. ขอย้ำตามที่เขียนไปข้างบน ๆ แล้วว่า การใส่ชุดนักเรียนไทย หรือชุดนักเรียนของต่างประเทศ สำหรับคนจีนมองเป็นการใส่แบบคอสเพลย์ ใส่แบบแฟชั่น ดังนั้น โดยทั่วไปจึงอาจไม่ถูกระเบียบแบบที่ใส่จริง ๆ ในไทยครับ

‘เศรษฐา’ หารือ ‘มาครง’ เดินหน้าในระดับโลก แลก ‘Whatapp’ คุยตรง เรียกร้อง ‘อิสราเอล’ ให้หยุดยิง หนุนเจรจาใน ‘เมียนมา’ ฟรี ‘วีซ่าเชงเกน’

(18 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊กของ นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี (เนเน่) รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ได้เข้าพบกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับเรื่องที่สำคัญในระดับโลก และมีผลกระทบต่อประเทศไทย โดยได้ระบุว่า ...

ไทยพบ ปธน.มาครง ครั้งนี้ การเมืองระหว่างประเทศของไทย ก้าวไปอีกหลายก้าว... เรียกร้องอิสราเอลหยุดยิง เมียนมาสู่ความเป็นหนึ่งเดียว ไทย-ฝรั่งเศส-กัมพูชา และ ฟรีวีซ่าเชงเกน!

ประเด็น #ฮามาส - #อิสราเอล ฝรั่งเศสมีบทบาทในเรื่องนี้อย่างแข็งขัน ไทยยังคงมีตัวประกันอยู่ ซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งทางประธานาธิบดีมาครงเห็นใจและพร้อมให้การสนับสนุนให้มีการหยุดยิงชั่วคราว ซึ่งทางประธานาธิบดีมาครงมีไอเดียที่จะใช้โอกาสจากการที่ฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ณ กรุงปารีส ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ Olympic Ceasefire เชื่อว่ากีฬาเป็นสิ่งที่ทำให้ลืมความขัดแย้ง รวมถึงขอให้ประเทศไทยเข้าร่วมสนับสนุน เพื่อแสดงเจตจำนงเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อโอลิมปิกในช่วงเวลาดังกล่าว 

เรื่อง #เมียนมา นายกฯ ได้มอบหมายให้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปร่วมพูดคุยว่าไทยสนับสนุนให้มีการเจรจา เพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในเมียนมา และเกิดความสงบ ซึ่งทางประธานาธิบดีมาครงพร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ

#ฟรีวีซ่าเชงเกน เดินหน้าผลักดันการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าเขตเชงเกนสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย ซึ่งอาจจะเดินหน้าดำเนินการได้ช่วงเดือนสิงหาคม หลังการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือนมิถุนายน 2567 และสำหรับเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันยังคงไม่เท่ากับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันผลักดันการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกัน

#ไทยฝรั่งเศสกัมพูชา สื่อสารกันใกล้ชิดมากขึ้น สองผู้นำ ไทย-ฝรั่งเศส แลก Whatapp กัน และจะมีการสร้างกลุ่ม 3 คน โดยดึง นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้ามาด้วย เพื่อที่จะได้สามารถพูดคุยหารือกันได้สะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย

‘กองทัพเรือ’ ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เพื่อชาติ ภายใต้กรอบการลดกำลังพล ตามที่สังคมอยากเห็น

ทหารเรือ มีไว้ทำไม?...‘พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม’ ผบ.ทร.คนที่ 57 จะมาเผยถึงภารกิจกองทัพเรือ ที่สังคม ‘ไม่ค่อยได้เห็น’ เพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนผืนน้ำ

“ทหารเรือต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา“

“ป้องกันประเทศ / เฝ้าระวังคนหลบหนีเข้าเมือง / สกัดลักลอบขนยาเสพติด สินค้าเถื่อน / ป้องปราบการทำประมงผิดกฎหมาย ขบวนการทำลายทรัพยากรใต้น้ำ / ป้องกันฐานขุดเจาะพลังงาน / ช่วยเหลือภัยพิบัติ ฯลฯ.”

รับชมภารกิจส่วนหนึ่งของทหารเรือ จากคำบอกเล่า ผบ.ทร. ได้ที่: https://youtu.be/ci6kC3rjTjU?si=ulLRjwUGryy5bM6X 

'คนไทยในสวีเดน' เผย!! 'เศรษฐกิจเริ่มแย่-ของแพง-บ.ล้มละลายเพียบ' สวนทางภาพลักษณ์ 'ใช้ชีวิต-ใช้จ่าย' สุขสบายในสายตาชาวโลก

ไม่นานมานี้ ช่องยูทูบ 'New Story' โดยคุณนิวคนไทยในสวีเดน ได้นำเสนอเนื้อหาในประเด็น 'สวีเดนเข้าสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก' ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้...

ตอนนี้ประเทศสวีเดนได้เริ่มเข้าสู่สภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจแล้ว หลาย ๆ บริษัทไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวกับงานรับเหมาก่อสร้าง มีการแจ้งล้มละลายกว่า 50 บริษัทจากทั่วทั้งประเทศแล้ว และก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีเพิ่มมากขึ้นอีก

ส่วนสาเหตุ มาจากค่าเงิน-การเงินสะสม ปัญหาที่กระทบมาตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมา และก็สงครามด้วย ซึ่งเหล่านี้กระทบมาสู่ราคาน้ำมันและราคาสินค้าต่าง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คนในสวีเดนก็ตกงานกันเยอะมาก ตอนนี้ถึงขั้นหลายจุดมีการรอต่อคิวในการสมัครงานกันเลย โดยสวีเดนจะมีสํานักงานให้เราไปลงสมัครงานได้ จึงทำให้เห็นการต่อแถวยาวของผู้ว่างงานที่ไปสมัครงานทิ้งไว้ งานเริ่มหายากมากแล้ว

นอกจากนี้ หลายคนที่เคยกู้เงินซื้อบ้านไว้ ก็เอาบ้านเข้าไปวางประเมินราคา เพื่อกู้เงินเพิ่ม เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย หนักเข้าบางรายก็ยอมให้ธนาคารยึดไปเลย เพราะสู้ราคาดอกเบี้ยไม่ไหว

ภาพที่เกิดขึ้นเหล่านี้ กำลังกระทบกับกลุ่มคนทำงานที่มีรายได้ขั้นต่ำในสวีเดน ซึ่งเป็นกลุ่มจำนวนไม่น้อย ขณะเดียวกันกลุ่มคนที่ทำธุรกิจก็ได้รับผลกระทบในแง่ของการล้มละลายหรือยอมถูกแบล็กลิสต์

แน่นอนว่า ภาพโดยรวม เหมือนทุกคนยังใช้ชีวิตปกติ ยังดูชิล ๆ สามารถออกไปข้างนอก ไปดื่ม ไปเที่ยว ไปกินได้ แต่ว่าลึก ๆ แล้ว ทุกคนเริ่มรับรู้ถึงภัยเงียบทางเศรษฐกิจ 

สังเกตได้จากการใช้เงินรูดบัตรเครดิต ซึ่งดิฉันเอง ทํางานเกี่ยวกับตรงนี้โดยตรง จึงพอเห็นพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิต (การใช้จ่าย-การจ่ายหนี้) ที่ดูแล้วมีผลกระทบต่อผู้คนค่อนข้างที่จะเยอะมาก

อย่างในส่วนของบริษัทที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับงานก่อสร้าง ก็พบว่ามีการแจ้งล้มละลายเข้ามาเยอะมากและบางรายก็เอาสินค้าที่ตัวเองมีอยู่ไปขายประมูลในราคาถูก เพียงเพื่อต้องการที่จะโละสต็อกแล้วเงินมาใช้หนี้

ทําไมในส่วนนี้ดิฉันถึงรู้ เพราะไม่นานมานี้ที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงจากผลกระทบที่มีหิมะละลาย แล้วพนักงานเขตมาเกลี่ยหิมะไม่ดี จนทำให้เกิดน้ำที่ละลายจากหิมะไหลเข้ามาบ้าน จนต้องเปลี่ยนใหม่หมดเลย แต่ดีตรงที่ว่าประกันของเค้ารับผิดชอบทั้งหมด แต่บางส่วนเราก็อยากจัดการเอง จึงไปหาซื้ออุปกรณ์เครื่องมือที่จะมาซ่อมแซม พอไปข้อมูลก็พบบริษัทที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับก่อสร้างแจ้งล้มละลายและขายประมูลเยอะมากขายแบบในราคาถูกมาก แล้วพอเราไปซื้อมา ก็ได้ราคาถูกแบบครึ่งต่อครึ่งจริง ๆ

จุดนี้จึงทำให้เริ่มรู้แล้วว่า ภัยเงียบทางเศรษฐกิจที่สวีเดนเริ่มก่อตัวแล้ว

ก็อยากจะเตือนคนที่มาทำงานหรือใช้ชีวิตในสวีเดน ถ้ามีงานอยู่ ต้องอดทน อย่าพยายามออกจากงาน พยายามอย่าเลือกงาน ถ้ามีงานไหนเข้ามา ก็รับทําไว้ก่อน เพราะถ้าตกงานตอนนี้ จะหางานยากมาก เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ จะเลือกคนที่คุณสมบัติพร้อมที่สุดจริง ๆ

เช่นเดียวกับสิ่งของ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ได้ซื้อ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็อย่าเปลี่ยน เช่น รถยนต์ ส่วนเงินควรใช้เท่าที่มี และต้องเก็บเงินออมไว้ให้มาก เพราะภัยเงียบเกี่ยวกับเศรษฐกิจจะมีออกมาเรื่อย ๆ ผ่านราคาสินค้าที่จะแพงมากขึ้นกว่านี้

เพราะเราต้องยอมรับไว้เลยว่า ความสมดุลทางเศรษฐกิจมันเริ่มหาย บางคนมีเงินไม่ยอมจ่าย เลือกเก็บเพราะกังวลในอนาคต ทำให้ความสมดุลของการเงินในเชิงเศรษฐกิจการเงินเริ่มขาดความสมดุล ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ไม่จำเป็นก็จะไม่จ้างพนักงาน เป็นต้น

เชื่อว่าภาพที่เกิดขึ้นในสวีเดนตอนนี้ ก็คงคล้าย ๆ กับที่เมืองไทย อย่าเพิ่งใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินไป มีรายได้ก็เก็บไว้ โดยเฉพาะกับคนไทยที่นี่ อย่าถึงกับส่งเงินกลับบ้านจนหมด เพราะเกิดเราล้มอยู่ที่นี่ สุดท้ายทางบ้านก็จะเดือดร้อนล้มตามไปด้วย ทำตัวเราให้แข็งแรงก่อน ใช้จ่ายอย่างประหยัดแล้วหมั่นเก็บเงินเก็บทองไว้เพื่ออนาคต

ขอเป็นกำลังใจให้กับคนไทยในสวีเดนทุกท่าน

18 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 วันเกิด ‘อิศรา อมันตกุล’ นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แบบอย่าง ‘นักหนังสือพิมพ์’ ผู้เคร่งครัดหลักจริยธรรมของวิชาชีพ

‘อิศรา อมันตกุล’ เดิมชื่อ อิบรอฮีม อะมัน ผู้มีฉายาว่า ‘นักบุญ’ เป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ คนสำคัญของประเทศไทย และเป็นนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก

โดย อิศรา อมันตกุล มักจัดหน้าและเขียนเองเป็นส่วนมาก เขามีความสามารถในการเขียนคอลัมน์และภาพประกอบได้อย่างดีพอสมควร เรื่องที่เขียนไม่ว่าเรื่องเล็กน้อย กระจุกกระจิกประการใด สำนวนโวหารมีเสน่ห์ชวนอ่านเสียทั้งสิ้น เขียนได้หลายแบบ ไม่เฉพาะนวนิยาย เรื่องสั้น เรื่องยาว สารคดีและคอลัมน์ต่าง ๆ ได้คล่องเท่ากัน

อิศรา อมันตกุล เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 10 คน ของ นาย ม.ชาเลย์ และ นางวัน เรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบำรุงวิทยา และจบมัธยมศึกษาปีที่ 8 จาก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ร่วมกับคณะมิชชันนารี ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 2 ปี จึงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร

อิศรา อมันตกุล มีความถนัดในการใช้ภาษาอังกฤษ เป็นผู้มีคะแนนยอดเยี่ยมทางภาษาอังกฤษในระดับประเทศ ผลงานคอลัมน์การใช้ภาษาอังกฤษ ใช้นามปากกา ‘แฟรงค์ ฟรีแมน’ นอกจากงานหนังสือพิมพ์แล้ว เขานิยมเสนอความคิดทางการเมืองในรูปแบบงานประพันธ์และวรรณกรรม

ผลงานด้านการประพันธ์ทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาวหลายชิ้นมีการนำเสนอความคิดทางการเมืองอย่างชัดเจน เช่น เขาตะโกนหานายกรัฐมนตรี, นาถยาและสถาพรผู้กลับมา และข้าจะไม่แพ้

อิศรา อมันตกุล ชอบทำงานอิสระของตนเองมากกว่าที่จะเข้าสังกัด ชีวิตหนังสือพิมพ์เริ่มต้นที่หนังสือพิมพ์สุภาพบุรุษ ประชามิตร ร่วมกับ กุหลาบ สายประดิษฐ์ และมาลัย ชูพินิจ และได้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์สุวัณณภูมิ ร่วมกับทองเติม เสมรสุต เป็นผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์ของสมาคมนักข่าวในครั้งนั้น), วิน บุญอธึก, สว่างวงศ์ กรีบุตร, เสนีย์ เสาวพงศ์ และวิตต์ สุทธเสถียร

ภายหลังได้ทำหนังสือพิมพ์อีกหลายแห่ง เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกรายวัน, หนังสือพิมพ์เอกราช, หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์

อิศรา อมันตกุล ถูกอำนาจเผด็จการยุคนั้นจับกุมไปคุมขังที่เรือนจำลาดยาว ด้วยข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นเวลา 5 ปี 10 เดือน ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระโดยไม่มีการฟ้องร้องศาลแต่อย่างใด ภายหลังได้ทำงานที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ชีวิตการต่อสู้เป็นแบบอย่างการทำข่าวเจาะ และเขาเป็นแบบอย่างของนักหนังสือพิมพ์ผู้เคร่งครัดในหลักจริยธรรมวิชาชีพ จนสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ นำชื่อมายกย่องตั้งเป็นชื่อ   ‘รางวัลอิศรา’ ให้กับผลงานข่าว ภาพข่าวยอดเยี่ยมประจำปี

“หนังสือพิมพ์ในสายตาของคนทั่วไปอาจเป็นเศษกระดาษ ซึ่งเมื่ออ่านเสร็จแล้วก็โยนทิ้งไป หรืออย่างดีก็เก็บเอาไว้ชั่งกิโลขายเจ๊ก ถึงอย่างไร ผมอยากจะกล่าวว่าหนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์สั้นต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เดือนต่อเดือน ปีต่อปี นั่นเอง หนังสือพิมพ์วันนี้ ย่อมจะกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในวันหน้าไปอย่างแน่นอนมิพักต้องสงสัย” เป็นคำพูดของ อิศรา อมันตกุล

อิศรา อมันตกุล ถึงแก่กรรมเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2512 ด้วยโรคมะเร็ง แต่แบบอย่างที่งดงามในความหนักแน่นต่อหลักจริยธรรม ความรักในเสรีภาพ และการต่อสู้ต่ออำนาจเผด็จการแม้แลกด้วยอิสรภาพของตนเอง เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมวงการหนังสือพิมพ์ เสริมศรี เอกชัย (เรือใบ) เขียนถึงเขาไว้ในหนังสือวันนักข่าว 5 มีนาคม โดยชื่อบทความ อิศรา ตัวตายแต่ชื่อยัง

สำหรับมูลนิธิ อิศรา อมันตกุล นั้นก่อตั้งขึ้นมาได้สำเร็จด้วยความเสียสละร่วมกันของบุคคลต่าง ๆ มากมายหลายฝ่าย โดยมีความประสงค์ต้องตรงกันอยู่ที่เป้าหมายเดียวกันคือ ปณิธานที่จะเชิดชูเกียรติคุณของคุณอิศรา อมันตกุล ไว้ให้ปรากฎ เพื่อจะได้เป็นพลังให้แก่เพื่อนนักหนังสือพิมพ์และนักเขียนรุ่นหลัง และต่อมามูลนิธิอิศรา อมันตกุล ได้มอบหมายให้สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย (ต่อมายุบรวมกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2543) ดำเนินการจัดการประกวดรางวัลอิศรา อมันตกุล เพื่อให้รางวัลแก่ผลงานข่าว และภาพข่าวยอดเยี่ยมประจำปี โดยเริ่มต้นการประกวดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2515 และมีพิธีมอบรางวัลครั้งแรกในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2516

40 สว.แผลงฤทธิ์ จับ 'เศรษฐา-พิชิต' ขึ้นเขียง ส่ง 'ศาลรธน.' ฟัน!! ชี้ขาดคุณสมบัติสิ้นสุด?

ตอนแรกคาดกันว่า การเข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 จะเป็นปฏิบัติการทิ้งทวนสั่งลาของสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ชุดรักษาการ...แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่...เมื่อปรากฏข่าวว่า 40 สว.เข้าชื่อกันเสนอให้ประธานวุฒิฯ ทำหนังสือส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า...

ความเป็นรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรธน.มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(4)(5) หรือไม่...

หนังสือที่ว่าถึงโต๊ะ ศาลรธน.เรียบร้อยแล้ว...ทีนี้ก็มาเปิด รธน.ดูกันอีกครั้ง

มาตรา 170 ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ (4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160

สำหรับมาตรา 160 รัฐมนตรีต้อง...
(4) มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์
(5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ขยายความตามท้องเรื่องก็คือ...เป็นประเด็นเดิมที่สื่อมวลชน-สังคมเคยถูกเถียงกันว่า กรณีนายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่เคยถูกคำสั่งศาลจำคุก 6 เดือน (เมื่อปี 2551) ฐานละเมิดอำนาจศาลกรณี 'ถุงขนม' หรือกรณีติดสินบนศาล ยังจะเป็นรัฐมนตรีได้จริง ๆ หรือ...

และต่อมาก็มีการเปิดเผยเอกสารลับการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ประเด็นที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีถามเรื่องคุณสมบัติไปเมื่อเดือน ก.ย.2566 นั้น ถามเฉพาะหรือเพียงว่าขัด รธน.มาตรา 160 (6) ที่ระบุว่าไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (ลักษณะต้องห้ามกรณีลงสมัคร สส.) เท่านั้น...ไม่ได้ถามมาตราอื่น

สรุปว่างานนี้ สว.40 คน เขาได้ทำหน้าที่แทนประชาชนที่คับข้องหมองใจได้ครบถ้วนกระบวนความ เหตุที่ต้องพ่วงนายกฯ ไปด้วย แทนที่จะเป็นรมต.ถุงขนม-พิชิต ชื่นบาน คนเดียว...ก็เพราะนายกฯ เป็นผู้นำความกราบบังคมทูล...ถ้านายพิชิตมีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง นายกฯ ผู้ทูลเกล้าฯ ก็ผิดไปด้วย...ประมาณนั้น...

คนที่ได้ยินคำว่า '40 สว.' ก็สะดุ้งนิดหน่อย เพราะบังเอิญไปตรงกับกลุ่ม 40 สว.เมื่อหลายปีก่อน ที่ค่อนข้างเป็น 'สว.น้ำดี' จากการเลือกตั้งและลากตั้ง...แต่ 40 สว.เฉพาะกิจรอบนี้ก็ดังที่รู้กันว่า...ไม่ใช่...

สายข่าวระบุว่า เมื่อตรวจสอบ 40 รายชื่อแล้วหลายคนเป็น สว.สายเขียว เป็นเตรียมทหารรุ่น 12 เพื่อน 'บิ๊กตู่' นำโดย 'บิ๊กเจี๊ยบ' พล.อ.อรรคนิตย์ หมื่นสวัสดิ์ และยังมี สว.สายทหารรุ่นอื่น ๆ อีก เช่น พล.อ.บุญธรรม โอริส...นอกนั้นก็เป็น สว.ตัวตึงที่คุ้นชื่อกันดี เช่น สมชาย แสวงการ, ประพันธ์ คูณมี, ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม, มหรรณพ เดชวิทักษ์ เป็นต้น

คาดว่างานนี้จะใช้เวลาไม่นาน...เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมายแทบจะล้วน ๆ พูดกันตรงไปตรงมาก็นับว่าชวนเสียวไส้ไม่น้อยเพราะในอดีต นายกรัฐมนตรีของพรรคทักษิณเคยถูกศาล รธน.วินิจฉัย หลุดจากตำแหน่งนายกฯ มาแล้ว 3 คน 

ปี 2551 สมัคร สุนทรเวช คดีทับซ้อนผลประโยชน์จัดรายการชิมไปบ่นไป / ปี 2557 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรกรณีใช้อำนาจมิชอบปลด นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.

ปี 2567 ถ้าเศรษฐาร่วง ก็ต้องบอกว่าเพราะตั้งรมต.ถุงขนม

รวมความแล้ว เดือน พ.ค.-ก.ค. ได้ลุ้นระทึกกัน 3 เรื่องราวเป็นอย่างน้อย...

- 29 พ.ค. อัยการจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องทักษิณ ชินวัตร คดีถูกกล่าวหาผิดมาตรา 112
- มิ.ย.-ก.ค. คดียุบพรรคก้าวไกล และรวมทั้งคดี 'เศรษฐา-พิชิต'

ยิ่งถ้าใครไปพลิกคำทำนายของโหราจารย์สำนักต่าง ๆ ในยามนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าระทึก โดยเฉพาะคำทำนายว่า แถว ๆ ส.ค.-ก.ย. อาจจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลัน ไม่ใช่ยึดอำนาจ แต่ก็เหมือนยึดอำนาจ และบางโหรระบุว่า เศรษฐามีโอกาสเก้าอี้หาย...อีกต่างหาก

นานาสถานการณ์ล้วนแล้วแต่กระพริบตาไม่ได้..!!

ชื่นชม!! ‘สามเณรกานต์กวินต์’ วัย 8 ขวบ สอบพระปาติโมกข์ผ่าน หลังใช้เวลา 55 นาที

(17 พ.ค.67) เป็นที่ชื่นชมไม่น้อย กับเรื่องของ ‘สามเณรกานต์กวินต์ ธานีวรรณ’ อายุ 8 ขวบ จากวัดนิคมผัง 16 จ.นครราชสีมา ที่สอบผ่านเป็นสามเณรผู้ทรงพระปาติโมกข์ โครงการสามเณรทรงพระปาติโมกข์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดโดยวัดตะโก ร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ซึ่ง สามเณรวัย 8 ขวบรูปนี้ สามารถสอบผ่าน ใช้เวลาในการสอบ 55 นาที ตั้งแต่เริ่มสอบเวลา 06.05 - 07.01 น. โดยมีคนเข้าไปชื่นชมจำนวนไม่น้อย

หน่วยราชการในพระองค์ เปิดศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัล ให้ความรู้คนไทยเท่าทันเรื่องราวในโลกดิจิทัลแบบง่ายๆ

(17 พ.ค.67) เพจ 'นักเรียนดี' ได้โพสต์ข้อความแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์จากหน่วยราชการในพระองค์ ระบุว่า...

#ทรงพระเจริญ🙏🏻💜 รู้หรือไม่!? ตอนนี้พระองค์ท่านได้ทรงปรับบริบทให้วังมีความทันสมัยจนมีหน่วยงานใหม่ที่ชื่อ 'ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลหน่วยราชการในพระองค์' แล้วนะ!! ซึ่งมีการให้ความรู้ประชาชนในด้าน Digital literacy อีกด้วย!!...ลองเข้าไปชมกัน👇🏻

มีรายการให้ความรู้ Digital Today อีกด้วย ในเว็บหน่วยงานราชการในพระองค์ เป็นอะไรที่ได้ประโยชน์และสาระมาก ๆ ตามบริบทของโลกโลกาภิวัตน์ในยุค 5.0🥰 >> https://www.royaloffice.th/2024/05/16/digital-today-3/ 

แต่งตั้ง ‘ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร’ ผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาฯ

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ได้รับความเห็นชอบจากสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ให้ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป แทน ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 นอกจากนี้ ได้มีการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนรองอธิการบดีจุฬาฯ ดังนี้…

- ผศ.ดร.ปมทอง มาลากุล ณ อยุธยา
- ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์
- รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ
- ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์
- รศ.ดร.ยุทธนา ฉัพพรรณรัตน์
- รศ.ดร.มาโนช โลหเตปานนท์
- ศ.ดร.นพ.สมบัติ ตรีประเสริฐสุข
- รศ.ดร.เกรียงไกร บุญเลิศอุทัย

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาฯ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีบริหารธุรกิจบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท MPPM และ MBA จาก Yale University, USA และปริญญาเอก DPhil (Management Studies) จาก University of Oxford, UK ผลงานการบริหารงานที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ 2 วาระ อดีตหัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ 2 วาระ กรรมการสภามหาวิทยาลัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ฯลฯ

สำหรับด้านผลงานระดับนานาชาติ ดำรงตำแหน่งกรรมการประเมินผลงานคุณภาพในสามสถาบันรับรองมาตรฐานการศึกษาด้านบริหารธุรกิจระดับโลก ได้แก่ AACSB (Association to Advance Collegiate Schools of Business) สหรัฐอเมริกา EQUIS (EFMD Quality Improvement System) สหภาพยุโรป และ AMBA (Association of MBAs) สหราชอาณาจักร นำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ สู่ความสำเร็จในระดับโลกโดยได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาด้านบริหารธุรกิจระดับสากลในฐานะ ‘The Top Business School with Triple Crown Accreditation’

ศ.ดร.วิเลิศ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ก้าวไกลด้วยวิสัยทัศน์ในการทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยของแผ่นดินไทย และเป็นสถาบันการศึกษาระดับโลกที่สร้างคุณค่าแห่งการเปลี่ยนชีวิตด้วยการเป็นแหล่งอุดมปัญญา ที่เป็นที่พึ่งพิงได้และสร้างจิตวิญญาณของประชาคมและนิสิตจุฬาฯ ในการรับใช้สังคมอย่างแท้จริง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top