Sunday, 28 April 2024
โจไบเดน

ส่องเล่ห์มะกัน!! ใต้ข้อพิพาท ‘ไต้หวัน - จีน’ ผ่านเหลี่ยมการเมืองของ ‘โจ ไบเดน’

มีอะไรน่าสนใจ ภายหลังจาก โจ ไบเดน ได้กลับมาพูดคุยกับ สี จิ้นผิง ผ่านทางออนไลน์อีกครั้งเมื่อวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2021 จากก่อนหน้านี้ที่เคยต่อสายตรงไปคุยกันแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทางโจ ไบเดน ก็ได้ออกมายืนยันเองว่า ได้พูดคุยกับจีนเกี่ยวกับข้อพิพาทในไต้หวันที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวกลับมองว่า ประเด็นที่ทั้ง 2 ผู้นำคุยกันครั้งล่าสุดนี้ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากครั้งที่แล้วมากนัก ซึ่งสอดคล้องกันกับแหล่งข่าวจีนที่ยืนยันว่าไม่มีอะไรมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความไม่มีอะไร กลับมีเรื่องสะกิดใจจากถ้อยแถลงของ โจ ไบเดน ที่เอ่ยผ่านสื่อหลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้นำจีนครั้งล่าสุดนี้ว่า...

“ผมกับสี เราคุยกันเรื่องไต้หวัน และเราตกลงกันว่าจะยังคงรักษาข้อตกลงไต้หวันกันอยู่ และทางจีนก็จะไม่ทำอะไรที่เกินเลยไปกว่าที่ได้ระบุใน >> ข้อตกลงนี้”

อะไรคือ ‘ข้อตกลงนี้’ ที่โจ ไบเดน อ้างถึง และจีนต้องทำตามอะไร? นี่คือเรื่องจะมาขยายปมกัน!!

ข้อตกลงที่ว่านี้ มีอยู่ 2 ฉบับ ซึ่งเป็นการตกลงกันมาตั้งแต่ปี 1979 หลังจากสหรัฐฯ ได้รับรองสถานะของรัฐบาลจีนปักกิ่ง ตอนที่ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยขณะนั้น เติ้ง ดำรงตำแหน่งรองผู้นำสูงสุดของจีน และนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศมีการสานสัมพันธ์ไมตรีกันอีกครั้ง ตั้งแต่จีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนผ่านสู่การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 1949 

ผลจากการเยือนสหรัฐฯ ของเติ้ง เสี่ยวผิง ในครั้งนั้น ได้บรรลุข้อตกลงในเรื่องนโยบายจีนเดียวของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทำให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน ด้วยการถอนสถานทูตสหรัฐฯ ออกจากกรุงไทเป มาเปิดใหม่ที่ปักกิ่ง และถือว่ากิจการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของจีนและต้องคุยผ่านปักกิ่ง ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับรองไปแล้วว่า >> ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน 

แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนของข้อตกลงนี้ นั่นก็คือ >> จีนจะต้องให้การสนับสนุนสหรัฐฯ ร่วมต้านกองทัพโซเวียตในสงครามโซเวียต-อัฟกานิสถาน ที่สหรัฐฯ ถือว่าเป็นศัตรูอันดับ 1 ในยุคสงครามเย็น เพื่อกันไม่ให้โซเวียตสามารถแผ่อิทธิพลในดินแดนเอเชียตะวันออกกลางได้ 

'ไบเดน' เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก รอบ 4 ปี ร่วมประชุม 'สุดยอดอาเซียน'

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ จะเข้าร่วมประชุมซัมมิตทางไกลกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในวันอังคาร (26 ต.ค.) เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่วอชิงตันจะมีส่วนร่วมในระดับสูงกับอาเซียน ที่ทางอเมริกามองว่าเป็นกุญแจสำคัญในยุทธศาสตร์ตีโต้กลับจีนของพวกเขา

สถานทูตสหรัฐฯ ในบรูไน เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ไบเดนจะเป็นผู้นำคณะผู้แทนของอเมริกาสำหรับการประชุมอาเซียนซัมมิท-สหรัฐฯ ส่วนหนึ่งในการประชุมหลายการประชุมของบรรดาผู้นำอาเซียนในสัปดาห์นี้

สหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมระดับประธานาธิบดีมานับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมปป์ ร่วมประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ ในกรุงมะนิลาปี 2017

พวกนักวิเคราะห์มองว่าการร่วมประชุมกับอาเซียนของไบเดน สะท้อนถึงความพยายามของประธานาธิบดีรายนี้ที่ต้องการประสานเชื่อมต่อพันธมิตรและคู่หูในความพยายามตีโต้กลับจีนร่วมกัน

ขณะเดียวกันพวกเขายังคาดหมายด้วยว่า ไบเดน จะมุ่งเน้นความร่วมมือเกี่ยวกับการกระจายวัคซีนโควิด-19 ภาวะโลกร้อน ห่วงโซ่อุปทานและโครงสร้างพื้นฐาน

‘บิ๊กตู่’ ชวน ‘โจ ไบเดน’ ร่วมประชุมเอเปคปีหน้า หลังโชว์วิชั่น แก้ปัญหาภูมิอากาศบนเวทีโลก

‘บิ๊กตู่’ เชิญ ปธน.โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมเอเปคปีหน้า ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ด้านนายกฯ สหราชอาณาจักรชมเปาะ ไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลัง ‘บิ๊กตู่’ ประกาศเจตนารมณ์ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย. ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร (ตรงกับเวลา 04.00 น.ของประเทศไทย) ระหว่างงานเลี้ยงรับรองผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือสมัยที่ 26 (COP26)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พบปะพูดคุย พร้อมทั้งเชิญประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างงานเลี้ยงรับรองผู้นำ COP 26 หลังจากได้พบกันในการประชุมสุดยอดอาเซียน สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมสอบถามถึงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งเชิญประธานาธิบดีไบเดน เยือนไทยในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565

นอกจากนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้ทักทายพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมกล่าวชื่นชมในความมุ่งมั่นพยายามของไทยในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 พร้อมทั้ง ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ กับบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม

โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 1 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองกลาสโกว์) พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม โดยยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลกเพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน

“ผมมาร่วมประชุมวันนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ และทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะภารกิจนี้คือความเป็นความตายของโลกและอนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน 

ปัจจุบันไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกในปริมาณเพียงประมาณร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผมไปร่วมการประชุมสุดยอดเรื่องภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงปารีสเมื่อปี 2015 โดยไทยอยู่ในประเทศกลุ่มแรกที่ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีส คำมั่นสัญญาของไทย มิใช่คำมั่นที่ว่างเปล่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ปฏิบัติตามคำมั่นทุกประการที่ให้ไว้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และมีการดำเนินการอย่างแข็งขันภายในประเทศ” 

นายกฯ อิรัก รอดตายจาก ‘โดรนลอบสังหาร’ ด้าน ‘โจ ไบเดน’ ออกโรงประณาม - อาสาส่งทีมช่วยสืบ

แบกแดด (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - นายกรัฐมนตรีอิรักแถลงด่วนผ่านทางโทรทัศน์ ประณามผู้ก่อเหตุหวังปลิดชีพเขาอย่างขี้ขลาด หลังรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารด้วยโดรนติดอาวุธมาได้หวุดหวิดเมื่อช่วงรุ่งสางเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ประณามการลอบสังหารดังกล่าวเช่นกัน

เกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย ใช้อากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธ มุ่งหน้ามายังบ้านพักของนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดิมี ซึ่งตั้งอยู่ในกรีนโซน ซึ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคงสูง ในกรุงแบกแดด เมื่อช่วงรุ่งสางของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อพยายามลอบสังหารผู้นำอิรัก แต่ฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่าไม่ประสบความสำเร็จ กองกำลังรักษาความมั่นคงกำลังดำเนินมาตรการที่จำเป็นเกี่ยวกับความพยายามลอบสังหารนี้ ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ชาวกรุงแบกแดดได้ยินเสียงระเบิดและเสียงยิงปืนดังมาจากทิศทางที่เป็นที่ตั้งเขตกรีนโซนในกรุงแบกแดด ซึ่งประกอบด้วยที่ทำการรัฐบาลและสถานทูตต่างชาติ

ต่อมา คาดิมีแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า เขาและครอบครัวปลอดภัยดี ไม่มีใครได้รับอันตราย และขอให้ประชาชนอย่าแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมประณามผู้ที่ก่อเหตุอุกอาจใช้โดรนโจมตีที่พักของเขาในเขตกรีนโซน ว่าการโจมตีด้วยจรวดและโดรนอย่างขี้ขลาด ไม่ใช่วิธีที่จะสร้างมาตุภูมิและอนาคตของประเทศได้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่หลังจากนั้นมีการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างชัดเจน ทั้งภายในและภายนอกกรีนโซน และเสนอความช่วยเหลือที่จะเข้าไปร่วมสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จนถึงขณะนี้ ยังคงไม่มีบุคคลกลุ่มใดออกมาแสดงตัว ว่ามีความเกี่ยวข้องกับความพยายามลอบสังหารคาดิมี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ วัย 54 ปี ซึ่งขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิรัก เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ท่ามกลางการจับตาและเสียงวิจารณ์ของบรรดากองกำลังติดอาวุธในอิรัก ว่าคาดิมีมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ แม้ผู้นำอิรักพยายามแสดงท่าทีประนีประนอมกับทุกฝ่าย และรับหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านมาแล้วหลายครั้ง

'ไบเดน' คุย 'สี จิ้นผิง' ยันยังหนุนนโยบายจีนเดียว หลังพญามังกรกร้าว อย่าเสี่ยงหนุนแยกไต้หวัน

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ส่งสัญญาณเตือนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ อาจต้อง "เล่นกับไฟ" หากสนับสนุนเอกราชของไต้หวัน

การประชุมสุดยอดแบบเสมือนจริงผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำจีน เปิดฉากขึ้นเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ใช้เวลารวมทั้งสิ้นเกือบ 4 ชั่วโมง โดยการประชุมครั้งนี้ นับเป็นการหารือกันครั้งที่ 3 ของทั้งคู่ นับตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา แต่ถือเป็นการพูดคุยในระดับที่เป็นทางการที่สุด

ทั้งสองผู้นำกล่าวทักทายกันอย่างอบอุ่น โดยสี จิ้นผิง ระบุว่า แม้จะไม่ใช่การพบเจอกันจริง ๆ แต่ตนก็ยินดีที่ได้พบ "เพื่อนเก่า" อย่างไบเดนอีกครั้ง ฝั่งไบเดนก็หยอดคำหวานว่า ตนและผู้นำจีนพูดคุยกันอย่างซื่อตรงและจริงใจมาตลอด เช่นเดียวกับในวันนี้

สี จิ้นผิง ชี้ว่า ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องปรับปรุงการสื่อสารระหว่างกัน เพื่อลดความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้งในประเด็นอ่อนไหวต่าง ๆ และเดินหน้าเผชิญความท้าทายร่วมกัน

‘ไบเดน’ อัดงบซื้อชุดตรวจเพิ่ม 500 ล้านชุด สกัดเชื้อ Omicron ส่งฟรีถึงบ้าน

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งด่วน ให้จัดงบสั่งซื้อชุดตรวจ Covid-19 แบบ Rapid Test เพิ่มอีก 500 ล้านชุด ส่งไปให้ชาวอเมริกันถึงบ้านฟรี เพื่อสกัดการระบาดของเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron ที่ตอนนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันกำลังจะทะยานสู่ 2 แสนรายต่อวัน ที่เป็นสายพันธุ์ Omicron มากถึง 73%

ทางทำเนียบขาวจึงต้องเร่งจัดส่งชุดตรวจ Rapid Test ให้ชาวอเมริกันถึงที่บ้านเพื่อใช้ตรวจเชื้อเบื้องต้นด้วยตัวเอง ลดการแออัดที่จะเดินทางไปต่อคิวที่หน่วยตรวจเชื้อ ที่อาจยิ่งเสี่ยงสัมผัสเชื้อ และเกิดการระเบิดเพิ่มขึ้นไปอีก

โจ ไบเดน มั่นใจว่า รัฐบาลยังเอาอยู่กับการจัดการปัญหาด้านการแพร่ระบาด โดยจะกระจายชุดตรวจเชื้อให้ได้มากที่สุด และจัดส่งกองกำลังจากกองทัพเข้าไปช่วยเสริมแรงตามโรงพยาบาลต่างๆ ด่านหน้าที่ต้องรับมืออย่างหนักกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่กลับมาพุ่งสูงอีกครั้งแล้วในตอนนี้จากการระบาดของ Omicron

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวย้ำอย่างมั่นใจว่า "นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2020 เพราะเราได้เรียนรู้ และเตรียมตัวรับมืออย่างดี" 

ซึ่งช่วงเดือนมีนาคม 2020 ที่โจ ไบเดน อ้างถึงนั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาด Covid-19 ในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในสมัยของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างทวีคูณ และเคยทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดถึง 3 แสนรายต่อวันมาแล้ว

"แต่มาวันนี้ เรามีชุดตรวจเชื้อให้ประชาชนฟรี เรามีวัคซีนในคลังพร้อม รวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้น เพียงแต่ขอให้ชาวอเมริกันมาฉีดให้ครบโดส ตามที่หน่วยงานควบคุมโรคแนะนำเท่านั้น และตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องปิดเมือง" ไบเดนกล่าว

แต่คำถามที่หลายคนยังเป็นห่วงคือ ชุดตรวจ 500 ล้านชุด จะพอหรือ?

รัสเซีย-เบลารุส ซ้อมรบกระสุนจริง เร้าพลเมืองสหรัฐฯ ออกจากยูเครนด่วน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) เร่งเร้าพลเมืองอเมริกาให้เดินทางออกจากยูเครนในทันที ในขณะที่การซ้อมรบกระสุนจริงของรัสเซียและการระดมกำลังทหารตามแนวชายแดน โหมกระพือความกังวลว่ามอสโกจะยกพลรุกรานยูเครน

ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับมอสโกพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ด้วยสหรัฐฯ ประมาณการว่า มีทหารรัสเซียราว 130,000 นาย ระดมกำลังกันอยู่ตามแนวชายแดนติดกับยูเครน

"พลเมืองอเมริกันควรเดินทางออกมาเดี๋ยวนี้เลย" ไบเดนกล่าวในการสัมภาษณ์ที่บันทึกเทปไว้ล่วงหน้ากับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ "เรากำลังรับมือกับหนึ่งในกองทัพใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไปอย่างมากและสิ่งต่างๆ อาจเข้าสู่ความบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว"

ไบเดน เน้นย้ำว่า ไม่มีกรณีแวดล้อมใดที่เขาจะส่งทหารเข้าไปยังยูเครน แม้กระทั่งในภารกิจช่วยหลือพลเมืองอเมริกันในกรณีที่รัสเซียเปิดฉากรุกราน "มันจะเป็นสงครามโลก เมื่ออเมริกาและรัสเซียเริ่มยิงเข้าใส่กัน เราจะอยู่ในโลกที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง" เขากล่าว

คำพูดของไบเดนถูกเผยแพร่ออกมาหลายชั่วโมง หลังจากรัสเซียเคลื่อนรถถังข้ามชายแดนเข้าสู่เบลารุส เพื่อซ้อมรบกระสุนจริง ที่เรียกเสียงเตือนจากนาโต้ และกระตุ้นให้ตะวันตกต้องเร่งมือในความพยายามหลีกเลี่ยงเกิดสงครามในทวีปยุโรป

นาโต้ระบุว่า ความเคลื่อนไหวประจำการขีปนาวุธ ยานเกราะหนัก และกองทหารติดปืนกลของรัสเซีย ตอกย้ำถึง "ช่วงเวลาอันตราย" สำหรับทวีปยุโรป ราว 3 ทศวรรษหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

พวกผู้นำตะวันตกพยายามติดต่อไปมากับมอสโก ในความพยายามรักษาช่องทางการสื่อสารระหว่างสองฝ่ายเอาไว้ เปิดโอกาสให้รัสเซียระบายความคับข้องใจเกี่ยวกับการแผนขยายอิทธิพลของนาโต้เข้าสู่ยุโรปตะวันตกและบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียต

อย่างไรก็ตาม พวกเขาพยามหาทางแสดงออกถึงความแน่วแน่ในการเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าท่าทีของรัสเซียที่ซ้ำเติมสถานการณ์ความตึงเครียดที่หนักหน่วงอยู่ก่อนแล้ว "รัสเซียไม่ควรประเมินเราต่ำเกินไป ทั้งในแง่ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความมุ่งมั่นของเราในฐานะพันธมิตรอียูและในฐานะพันธมิตรนาโต้" โอลาฟ์ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีระบุ

เพนตากอนเผยในวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) ว่า ในความพยายามลดโอกาสของการคำนวณพลาดระหว่างการซ้อมรบของรัสเซียกับเบลารุส บรรดาผู้บัญชาการด้านกลาโหมของสหรัฐฯ และเบลารุสได้พูดคุยทางโทรศัพท์กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่พบเห็นบ่อยครั้งนัก

รัสเซียยังได้ส่งเรือรบ 6 ลำ ล่องผ่านช่องแคบบอสพอรัส สำหรับซ้อมรบทางนาวีในทะเลดำ และทะเลอาซอฟที่อยู่ติดกัน

ผู้โดยสาร ‘มะกัน’ ถูกตะเพิดลงเครื่องบิน เหตุสวมหน้ากากอนามัยเหน็บ 'โจ ไบเดน'

สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ว่า ผู้โดยสารรายหนึ่งของสายการบินอัลลีไจแอนท์ แอร์ไลน์ส ถูกไล่ลงจากเที่ยวบิน หลังเขาปฏิเสธเปลี่ยนหน้ากากป้องกันโควิด-19 ตามคำร้องขอของพนักงาน จากอันเดิมที่มีข้อความ “Let’s go Brandon" ซึ่งเป็นรหัสเหน็บแนมโจ ไบเดน ที่ฝ่ายตรงข้ามประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้รู้กันเป็นอย่างดี

วิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็นชายคนหนึ่งซึ่งสวมหน้ากากอนามัย กำลังโต้เถียงกับพนักงานบนเที่ยวบินรายหนึ่ง ซึ่งพูดถึงข้อความที่ผู้โดยสารรายนี้เขียนบนหน้ากากอนามัย

ในวิดีโอไม่เผยให้เห็นข้อความบนหน้ากากอนามัย แต่กัปตันของเที่ยวบินระบุว่ามันเป็นสโลแกน "Let’s go Brandon" รหัสไม่ลับของคำว่า “F–k โจ ไบเดน” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในบรรดาฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดี "วันนี้คุณไม่ได้รับอนุญาตให้มีข้อความ let’s go Brandon บนหน้ากาก หรือไม่คุณจะต้องถอดมันออก"

ภาพในวิดีโอพบเห็นพนักงานหญิงแจ้งผู้โดยสารรายนี้ให้เก็บข้าวของและลงจากเครื่องบิน ระหว่างนั้นเธอได้บอกกับเขาด้วยว่าไม่อนุญาตให้บันทึกภาพของเธอ แม้ความจริงคือคลิปนี้บันทึกภาพโดยคนอื่น

สายการบินไจแอนท์ แอร์ไลน์ส ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ชายคนนี้ถูกขอให้ลงจากเครื่องบิน โทษฐานที่เพิกเฉยต่อคำสั่งของลูกเรือ "วิดีโอที่ตัดสั้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้โดยสารรายหนึ่ง ซึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามคำร้องขอซ้ำๆ ของลูกเรือ ที่ขอให้ปฏิบัติตามนโยบายสวมหน้ากากของรัฐบาลกลาง"

ถ้อยแถลงระบุต่อว่า "ผู้โดยสารถูกพาตัวลงจากเครื่องบิน และมีการอนุมัติคืนเงินให้เขา การเพิกเฉยต่อคำสั่งจากลูกเรือเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎระเบียบของรัฐบาลกลาง และเป็นเหตุผลให้ต้องขอให้ลงจากเที่ยวบิน เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวอาจก่อสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย"

‘ไบเดน’ จี้รัสเซียรับผิดชอบความสูญเสียในยูเครน ลั่นอเมริกาและพันธมิตรจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด

สถานทูตสหรัฐฯ เผยแพร่แถลงการณ์ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ระบุ “ปูติน” ต้องรับผิดต่อการตายและความสูญเสียจากการบุกยูเครน ลั่นอเมริกาและพันธมิตรจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด ทำให้รัสเซียต้องรับผิดชอบ

วันนี้ 24 ก.พ. เมื่อเวลา 13.06 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจ U.S. Embassy Bangkok ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ในกรุงเทพมหานคร ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต่อกรณีรัสเซียส่งทหารเข้าปฏิบัติการในยูเครนตะวันออก มีใจความสรุปได้ว่า “ทั่วโลกต่างภาวนาวิงวอนให้กับประชาชนชาวยูเครนในคืนนี้ ขณะที่พวกเขาเผชิญการโจมตีจากกองทัพรัสเซียอย่างไร้ความชอบธรรมทั้งที่ปราศจากการยั่วยุ ประธานาธิบดีปูตินได้เลือกกระทำสงครามโดยไตร่ตรองล่วงหน้า ซึ่งจะนำไปสู่การสูญสิ้นชีวิตและก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง มีเพียงรัสเซียเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายและความเสียหายที่เป็นผลพวงจากการโจมตีครั้งนี้ สหรัฐฯ พร้อมด้วยพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราจะตอบโต้การกระทำดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงและเด็ดขาด โลกจะทำให้รัสเซียต้องรับผิดชอบ”


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000018761
https://www.facebook.com/usembassybkk

จับโป๊ะ!! 'โจ ไบเดน' ส่งทีมคุยเผด็จการ 'เวเนซุเอลา' ประคองเสถียรภาพน้ำมันก่อน ประชาธิปไตยว่ากันทีหลัง

ไบเดนกำลังเสี่ยงบ่อนทำลายความพยายามส่งเสริมประชาธิปไตยของตัวเอง หลังมีข่าวแอบส่งตัวแทนพบผู้นำเผด็จการเวเนซุเอลา เพื่อหาซัพพลายน้ำมันมาทดแทนน้ำมันรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร

ท่ามกลางสงครามในยูเครน คณะผู้แทนอเมริกันย่องเข้าพบนิโคลัส มาดูโร ที่วอชิงตัน เพื่อพูดคุยเรื่องความชอบธรรมในการรับตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาที่อุดมด้วยน้ำมัน แต่ข่าวนี้กลับรั่วไหล ส่งผลให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องตะเกียกตะกายออกมาอธิบายสาเหตุที่ไปข้องแวะกับรัฐบาลเผด็จการ

ไบเดน อาจอวดอ้างความสำเร็จหลังจากเมื่อวันอังคาร (8 มี.ค.) ทางเวเนซุเอลา ได้ปล่อยชาวอเมริกัน 2 คนที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้

แต่อย่างไรก็ดี ท่ามกลางภาวะที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งพรวดจากสงครามในยูเครน รวมทั้งการที่วอชิงตันแบนการนำเข้าน้ำมันและก๊าซทั้งหมดจากรัสเซีย จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการหาซัพพลายน้ำมันจากที่อื่น

วิกตอเรีย นูแลนด์ ปลัดกระทรวงต่างประเทศ อ้างว่า สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นเรื่องปกติที่ทำกันทั่วโลกคือ หาหุ้นส่วน องค์กร และนิติบุคคลที่จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันในตลาด และเนื่องจากมีเพียงไม่กี่ประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบชนิดหนักแบบที่รัสเซียส่งออก อเมริกาจึงจำเป็นต้องเสาะแสวงหาจากทุกที่ที่ทำได้

ทั้งนี้ นูแลนด์ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่อาจมีการสั่งซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา แม้ว่าอเมริกาคว่ำบาตรน้ำมันจากชาติลาตินอเมริกาแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2019 มิหนำซ้ำเวเนซุเอลายังเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียอีกด้วย

ในส่วนมาดูโรนั้น มาเรียโน เดอ อัลบา ที่ปรึกษาในลาตินอเมริกาของอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป บอกว่า กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการให้สัมปทานแบบต่างตอบแทน แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะทิ้งปูติน และสำทับว่า การพักการเป็นปฏิปักษ์ระหว่างวอชิงตันกับคารากัสจะเป็นกระบวนการที่เยิ่นเย้อ ไร้ความแน่นอน และเสี่ยงสูง

ไม่ว่าจะอย่างไร คณะบริหารของไบเดนถูกวิจารณ์ยับเรียบร้อย โดยในการแถลงต่อสภาเมื่อวันอังคาร นูแลนด์ไม่ได้ถูกตัวแทนจากพรรครีพับลิกันไล่ต้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสมาชิกเดโมแครตพรรคเดียวกับไบเดนด้วย

มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน โจมตีว่า การซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลาอาจส่งผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เท่ากับเป็นการโอนเงินหลายล้านดอลลาร์เข้ากระปุกออมสินมาดูโร

บ็อบ เมเนนเดซ ผู้นำเดโมแครตในคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์สภาสูง ขานรับว่า การสร้างแรงบันดาลใจด้านประชาธิปไตยให้คนเวเนซุเอลามีค่ามากกว่าน้ำมันไม่กี่พันบาร์เรล

แอรอน เดวิด มิลเลอร์ อดีตนักการทูตอเมริกันที่ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญของกองทุนคาร์เนกี้เพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ เชื่อว่า วอชิงตันจะยอมเสี่ยงถูกครหา เนื่องจากไบเดนกำลังพยายามหาช่องทางต่างๆ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับการดูแลผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง

แต่สถานการณ์ของไบเดนดูเหมือนละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นเนื่องจากเขาสัญญาไว้ว่า สิทธิมนุษยชนจะเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายต่างประเทศที่ตอนนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top