Tuesday, 14 May 2024
โจไบเดน

‘ไบเดน’ ตราหน้า ‘ปูติน’ เป็น 'อาชญากรสงคราม' ส่งอาวุธช่วยยูเครนเพิ่ม แม้คู่ขัดแย้งมีท่าทีรอมชอม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เรียกประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่าเป็น "อาชญากรสงคราม" ต่อการโจมตียูเครน พร้อมแถลงมอบเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่เคียฟเพิ่มเติมอีก 800 ล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงอาวุธที่ใช้สอยเครื่องบินและรถถังของรัสเซีย แม้การเจรจาสันติภาพของสองฝ่ายคู่ขัดแย้งมีสัญญาณความคืบหน้าและมีท่าทีประนีประนอม

ระหว่างพูดโต้ตอบกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่ทำเนียบขาว ไบเดน กล่าวว่า "โอ้ ผมคิดว่าเขาเป็นอาชญากรสงคราม" หลังจากตอนแรก ตอบกลับว่า "ไม่" เมื่อถูกถามว่าเขาพร้อมเรียก ปูติน ด้วยถ้อยคำดังกล่าวหรือเปล่า

ถือเป็นครั้งแรกที่ ไบเดน ตราหน้า ปูติน ต่อหน้าสาธารณะด้วยถ้อยคำดังกล่าว หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดระหว่างเยือนโปแลนด์ ว่า รัสเซียควรถูกสืบสวนอย่างที่สุดในความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมสงคราม

โฆษกของวังเครมลิน รุดออกมาตอบโต้ โดยบอกว่าความเห็นของ ไบเดน ซึ่งกล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามนั้น "เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้" และ "เป็นถ้อยคำที่ไม่สามารถอภัยได้"

อย่างไรก็ตาม เจน ซากิ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาวระบุในเวลาต่อมา ว่า ไบเดน พูดออกมาจากใจ พร้อมเน้นย้ำว่ากำลังมีกระบวนการทางกฎหมายแยกกันเพื่อสรุปว่า ปูติน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและก่ออาชญากรรมสงครามหรือไม่ ซึ่งกระบวนการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ไบเดนเผยว่า สหรัฐฯ เสนอมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนเพิ่มอีก 800 ล้านดอลลาร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านวิดีโอลิงก์ ร้องขอความสนับสนุนด้านทหารอย่างเร่งด่วน เพื่อปัดเป่าการรุกรานของรัสเซีย

"สหรัฐฯ จะเดินหน้ามอบอาวุธแก่ยูเครน เพื่อต่อสู้และป้องกันตนเอง มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและสนับสนุนเศรษฐกิจยูเครน ด้วยความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม" ไบเดนกล่าว "แพกเกจใหม่นี้จะเป็นการมอบความช่วยเหลือยูเครนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และในนั้นรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านรถถังและอากาศยาน" ที่ช่วยชะลอการบุกของรัสเซียตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ตามคำขอของเซเลนสกี วอชิงตันจะมอบระบบต่อต้านอากาศยานขีปนาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครนเพิ่มเติม ไบเดนระบุ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังจะมอบระบบต่อต้านยานเกราะ 9,000 กระบอก โดรนและอาวุธขนาดเล็ก เช่น ปืนกล ปืนสั้น และเครื่องยิงระเบิดอีก 7,000 กระบอก ซึ่งจะช่วยพลเรือนต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของตนเอง

เงินช่วยเหลือก้อนใหม่จะมาจากร่างงบประมาณฉบับหนึ่งซึ่ง ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งในนั้นรวมไปถึงจัดสรรเงินช่วยเหลือรอบใหม่แก่ยูเครน 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรส เซเลนสกีเปรียบเทียบการโจมตียูเครน กับเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ซึ่งลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมอ้อนวอนสมาชิกสภาคองเกรสและไบเดนโดยตรง ยกระดับความช่วยเหลือมากกว่าที่เป็นอยู่

'ไบเดน' เชื่อ!! 'ผู้นำรัสเซีย' กำลังหลังชนฝา จนอาจอ้างใช้อาวุธชีวภาพกับยูเครน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศว่า “แน่ชัดแล้ว” ว่ารัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพกับยูเครน พร้อมเตือนว่า หากรัสเซียทำจริง จะเผชิญการตอบโต้อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ปราศรัยต่อบรรดาผู้นำธุรกิจในกรุงวอชิงตัน ดีซี ว่า ตอนนี้ ประธานาธิบดีรัสเซีย “กำลังหลังชนกำแพง” พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียว่า สหรัฐฯ ครอบครองอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยูเครน

ไบเดนมองว่า ข้อกล่าวหาของปูติน แสดงให้เห็นว่า “ปูตินกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยูเครน” ดังนั้น สหรัฐฯ ควรจับตาว่ารัสเซียจะใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านี้จริงหรือไม่ หรือจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้อาวุธเหล่านี้ พร้อมเตือนว่า ถ้ารัสเซียกระทำจริง จะเผชิญกับการตอบโต้อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก
 

'จนท.สหรัฐฯ' ป้อง 'ไบเดน' หลังหลุดพูดเปลี่ยนการปกครองในรัสเซีย ฟาก 'ริพับลิกัน' ติง!! วันหน้าอย่าพูดนอกสคริปต์อีก

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ต้องพากันรุดออกมาชี้แจงพัลวันในวันอาทิตย์ (27 มี.ค.) ว่า อเมริกาไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในรัสเซีย หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย "ไม่อาจอยู่ในอำนาจได้อีก" จนถูกมอสโกออกมาตอบโต้ว่าไม่เคารพต่อการเลือกของประชาชนชาวรัสเซีย

คำพูดของไบเดนระหว่างเยือนโปแลนด์ในวันเสาร์ (26 มี.ค.) ยังรวมถึงความเห็นที่เรียก ปูติน ว่า "คนโหดเหี้ยม" ดูเหมือนเป็นการปรับท่าทีของสหรัฐฯ ที่มีต่อมอสโกขึ้นอย่างมาก ต่อกรณีที่พวกเขายกพลรุกรานยูเครน

เครมลินตอบโต้ความคิดเห็นของไบเดน โดยระบุว่า "มันไม่ใช่การตัดสินใจของไบเดน ประธานาธิบดีรัสเซียเลือกโดยประชาชนชาวรัสเซีย"

ในขณะที่ผู้แทนทูตระดับสูงเรียงแถวออกมาชี้แจงในวันอาทิตย์ (27 มี.ค.) ประธานาธิบดีไบเดน ถูกสอบถามโดยผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง ตอนที่เขากำลังเดินทางออกจากโบสถ์แห่งหนึ่งในวอชิงตัน ว่าเขากำลังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในรัสเซียหรือไม่ ไบเดน ตอบกลับด้วยคำพูดเดียวสั้นๆ ว่า "ไม่"

จูเลียน สมิธ เอคอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำนาโต้ พยายามอธิบายบริบทความเห็นของไบเดน โดยบอกว่ามันมีขึ้นหลังหนึ่งวันหลังจากพบปะพูดคุยกับพวกผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในวอร์ซอ ในขณะที่การรุกรานที่ยืดเยื้อนาน 1 เดือนของรัสเซีย ผลักประชาชนชาวยูเครนราว 1 ใน 4 จากทั้งหมด 44 ล้านคน ต้องหลบหนีจากที่พักอาศัย

"ในช่วงเวลานั้นผมคิดว่ามันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยธรรมชาติต่อเรื่องราวต่างๆ ที่เขาได้ยินมาในวันนั้น" สมิธให้สัมภาษณ์กับรายการ "State of the Union" ของซีเอ็นเอ็น ก่อนระบุว่า "สหรัฐฯ ไม่มีนโยบายเปลี่ยนการปกครองในรัสเซีย"

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวระหว่างแถลงข่าวในเยรูซาเลม แสดงความคิดเห็นว่า ไบเดน กำลังชี้ให้เห็นว่า ปูติน ไม่ควรมีอำนาจในการทำสงคราม และ บลิงเคน บอกด้วยว่าการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับผู้นำในอนาคตของรัสเซียจะขึ้นอยู่กับประชาชนชาวรัสเซีย

สมาชิกพรรครีพับลิกันวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของไบเดน โดยเรียกมันว่าเป็นความผิดพลาดที่เคราะห์ร้าย

เจมส์ ริสช์ วุฒิสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกัน ในคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา เรียกความเห็นของไบเดน ว่า คำพูดที่น่าลัวและปรารถนาว่าในวันข้างหน้าประธานาธิบดีรายนี้จะไม่พูดอะไรที่อยู่นอกเหนือจากสคริปต์อีก

"คนส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่รู้หรอกว่าคำพูด 9 คำที่เขาปริปากออกมา ก่อความครึกโครมแค่ไหน มันกำลังก่อปัญหาใหญ่" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น

วุฒิสมาชิก ร็อบ พอร์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการเช่นกัน คร่ำครวญว่ามันเป็นก้าวย่างที่ผิดพลาดในช่วงเวลาสงคราม "มันเข้าทางพวกนักโฆษณาชวนเชื่อรัสเซีย และเข้าทางวลาดิมีร์ ปูติน ดังนั้นมันจึงเป็นความผิดพลาด"

สหรัฐฯ หาทางถ่วงดุลระหว่างเกิดความขัดแย้งในยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับรัสเซีย พวกเขาส่งมอบอาวุธให้เคียฟ สำหรับนำไปสู้รบกับรัสเซีย แต่ปฏิเสธส่งทหารเข้าไปยังประเทศแห่งนี้หรือกำหนดเขตห้ามบิน

แนวทางสนับสนุนดังกล่าวช่วยเสริมแสนยานุภาพแก่ยูเครน ที่สามารถต้านทานการรุกรานได้อย่างดุเดือดผิดคาด และจนถึงตอนนี้รัสเซียยังคงล้มเหลวในการยึดเมืองหลักใดๆ ของยูเครน แม้การสู้รบล่วงเลยมากว่า 4 สัปดาห์แล้วก็ตาม

'รัสเซีย' ประกาศลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟ 'สหรัฐฯ' ยังแคลงใจ!! เฝ้าจับตารักษาคำพูดหรือไม่

นายอเล็กซานเดอร์ โฟมิน รัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซีย แถลงผลคืบหน้าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) ว่า... 

เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน และสร้างเงื่อนไขเพื่อเจรจาในรอบต่อไป อันจะนำไปสู่เป้าหมายของการเจรจานั้นก็คือ การบรรลุข้อตกลง รัสเซียจึงเห็นควรที่จะปรับลดการปฏิบัติการทางทหารบริเวณรอบๆ กรุงเคียฟ และในเมืองเชอร์นิฮีฟ แต่นายโฟมินไม่ได้กล่าวถึงปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในภาคตะวันออกและภาคใต้ที่กำลังรุกหนักแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันนายวลาดิเมียร์ เมดินสกี้ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายรัสเซีย กล่าวว่า การปรับลดการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียดังกล่าวเป็นขั้นแรกของการลดระดับความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ที่ดำเนินมาแล้ว 34 วัน เพื่อนำไปสู่ขั้นที่ 2 นั่นคือการพบเจรจาระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่จะมีขึ้นหลังรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย บรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพแล้ว นายเมดินสกี้ยังได้กล่าวย้ำว่า รัสเซียขอเรียกร้องให้ยูเครนยุติการทรมานเชลยศึกรัสเซียด้วย

ขณะเดียวกันทางด้านยูเครน นายเดวิด อราคราเมีย หัวหน้าคณะเจรจา กล่าวว่า รัสเซียต้องถอนทหารออกจากยูเครนทั้งหมด และให้ทุกตารางนิ้วของยูเครนเกิดความสงบ เพื่อที่ผู้อพยพชาวยูเครนกว่า 3.5 ล้านคน จะได้กลับประเทศ สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นก่อนรัสเซียกับยูเครนจะบรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพ นายอราคาเมีย ย้ำว่า ท่าทีของยูเครนไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะเกี่ยวกับพรมแดนของยูเครน ซึ่งนานาชาติรับรองนั้น ยูเครนจะไม่ประนีประนอมในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน

ทางด้านนายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน ซึ่งร่วมอยู่ในคณะผู้แทนเจรจา กล่าวว่า ตุรกี เยอรมนี และโปแลนด์ จะต้องอยู่ในกลุ่มประเทศที่ให้หลักประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน เพื่อยุติสงครามที่ยังดำเนินอยู่ในขณะนี้ และยูเครนจะยอมรับสถานะประเทศเป็นกลางเพื่อแลกกับการรับรองความมั่นคงปลอดภัยของยูเครน ซึ่งหมายถึงว่า ยูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับฝ่ายใด และไม่ยอมให้มีการตั้งฐานทัพในยูเครนด้วย

อย่างไรก็ตาม นายโปโดลยักเน้นว่า ยูเครนจะต้องจัดการลงประชามติเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียเสียก่อน จึงจะมีการลงนามกัน

หลังทราบผล ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ก็ได้ออกมากล่าวว่า มีสัญญาณที่ดีมาจากการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่นครอิสตันบูล

‘ไบเดน’ เตือน!! รัสเซียแค่ตั้งหลัก กลับมาบุกหนักแน่ พร้อมจี้ ดำเนินคดี ‘ปูติน’ ข้อหาอาชญากรสงคราม

ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาออกโรงเตือนว่า กองทัพรัสเซียจะกลับมาบุกยูเครนอย่างหนักขึ้นในสัปดาห์หน้าหลังจากที่ปฏิบัติการยึดกรุงเคียฟล้มเหลว และทหารยูเครนได้กลับเข้ามาประจำการคืนพื้นที่รอบกรุงเคียฟเรียบร้อยแล้ว

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่า แผนการเบื้องต้นในการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย คือ การบุกยึดกรุงเคียฟ และโค่นล้มรัฐบาลของนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ หลังจากนั้นก็จะควบคุมหัวเมืองใหญ่ๆ ในยูเครนตามลำดับ โดยคาดหมายว่าจะทำได้สำเร็จภายในระยะเวลาไม่นาน

แต่เมื่อทุกอย่างผิดแผน ไม่เป็นอย่างที่ตั้งหวังไว้ จนเกิดความผิดพลาดของระบบพลาธิการภายในกองทัพรัสเซีย สร้างผลกระทบไปสู่การขาดแคลนเสบียงและน้ำมัน ทำให้กองทัพรัสเซียต้องถอยร่นกลับมาจัดขบวนทัพใหม่ โดยเลือกปรับทัพเน้นหนักไปที่ชายแดนทางด้านตะวันออก และตอนใต้ของยูเครน แทนที่จะกระจายกองทัพตีหลายๆ เมืองพร้อมกันอย่างที่แล้วมา

อีกทั้งมีแนวโน้มว่ารัสเซียจะยกระดับการโจมตีอย่างเข้มข้นมากขึ้น ด้วยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด และขีปนาวุธ ที่จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งกับกองทัพ และระบบเศรษฐกิจของประเทศยูเครน

ด้านฝ่ายกลาโหมสหรัฐฯ ได้เปิดเผยข้อมูลอีกว่า ทางรัสเซียได้ถอนทหารกว่า 65% ที่เคยปักหลักล้อมกรุงเคียฟ แล้วกลับไปตั้งหลักใหม่ในประเทศเบลารุส เพื่อเตรียมเสบียง ก่อนที่จะยกพลกลับมาใหม่ด้านภูมิภาคดองบาส ในภาคตะวันออกของยูเครน

'ไบเดน' เดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ พร้อมยึดทรัพย์ลูกสาวปูตินที่ถือครองในสหรัฐฯ

ไบเดนคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ยึดทรัพย์ลูกสาวปูติน ชี้สงครามอาจลากยาว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคการเงิน ภายใต้การกระทำที่เขาระบุว่าจะเป็นการลงโทษระยะยาวต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังจากภาพของการสังหารพลเรือนยูเครนอย่างโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น

ไบเดนกล่าวว่า รัสเซียล้มเหลวในสงครามครั้งแรก หลังจากที่กองกำลังของรัสเซียต้องถอนกลับจากกรุงเคียฟ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบ และสงครามอาจดำเนินการต่อไปอีกนาน แต่สหรัฐฯ จะยืนหยัดร่วมกับยูเครนในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ โดยเราจะยับยั้งความสามารถในการเติบโตของรัสเซียในอีกหลายปีข้างหน้า

สหรัฐฯ ได้ประกาศห้ามการทำธุรกรรมกับธนาคารซึ่งใหญ่ที่สุดสองแห่งของรัสเซีย คือธนาคาร Sberbank และ Alfa Bank ผ่านระบบการเงินของสหรัฐฯ และห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกิจกับธนาคารทั้งสองแห่งนี้

เกาหลีเหนือจวก ‘ไบเดน’ ชายแก่ที่ 'สมองเลอะเลือน' หลังตราหน้า 'ปูติน' ก่ออาชญากรรมสงคราม

รัฐบาลเกาหลีเหนือกล่าวโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ว่าเป็น “ชายแก่ที่สมองเลอะเลือน” หลังออกมาครหา วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน

ถ้อยคำวิจารณ์เจ็บแสบนี้มีขึ้นหลังจาก ไบเดน ตราหน้าผู้นำหมีขาวเป็นอาชญากรสงคราม และเรียกร้องให้นำตัว ปูติน ขึ้นศาลระหว่างประเทศเพื่อไต่สวนความผิดฐานเข่นฆ่าพลเรือนในเมืองบูชา (Bucha)

“ประมุขฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ กล่าวให้ร้ายประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย โดยอาศัยข้ออ้างที่ไม่มีมูลความจริง” สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันเสาร์ (9 เม.ย.)

“คำพูดพล่อยๆ เช่นนี้มีแต่จะออกมาจากปากของพวกลูกหลานแยงกี้ ซึ่งถนัดเรื่องการรุกรานและวางแผนโจมตีผู้อื่น”

สื่อโสมแดงยังวิจารณ์ ไบเดน ว่าเป็น “ประธานาธิบดีที่ใครๆ ก็รู้ว่าปากไม่มีหูรูด” ทว่าไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรงๆ

“สิ่งที่เราสรุปได้ก็คือ เขามีปัญหาในเรื่องกระบวนการคิด และคำพูดที่ขาดความยับยั้งชั่งใจก็คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสะเพร่าของชายแก่ที่สมองเริ่มเลอะเลือน”

“อนาคตของสหรัฐฯ ดูจะมืดมนเสียแล้ว เมื่อปล่อยให้คนเช่นนี้ขึ้นมาเป็นผู้นำ”

‘ไบเดน’ ลงนามฟื้นกฎหมายยุคสงครามโลก เปิดทางสหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธให้ยูเครนเร็วขึ้น

เมื่อวันจันทร์ (9พ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ คืนชีพมาตรการหนึ่งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยใช้สนับสนุนพันธมิตรของอเมริกาสู้รบกับนาซีเยอรมนี เปิดทางให้รัฐบาลเร่งการส่งมอบอาวุธไปยังยูเครนรับมือการรุกรานของรัสเซีย

ไบเดน ลงนามในร่างกฎหมายให้ยืม-เช่า (Lend-Lease Act of 2022) พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ สนับสนุนชาวยูเครน "ต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของพวกเขาและประชาธิปไตยของพวกเขา จากสงครามอันโหดร้ายป่าเถื่อนของปูติน"

นอกจากนี้แล้ว ไบเดน ยังส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมอ่อนข้อทางการเมืองในสภาคองเกรส เพื่อที่จะได้รับการเห็นชอบอย่างรวดเร็ว สำหรับคำร้องของบประมาณช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติมอีก 33,000 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ ไบเดน ต้องการให้สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือดังกล่าว ควบคู่ไปกับการสนับสนุนงบประมาณโครงการต่อต้านโควิด-19 ของรัฐบาลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ด้วยบรรดาสมาชิกรีพับลิกันเตะถ่วงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโควิด ไบเดนจึงบอกว่าเขาพร้อมถอนข้อเรียกร้องงบประมาณโควิดในเวลานี้ และขอแค่เห็นชอบเงินสนับสนุนยูเครนก็พอ

"เราไม่อาจปล่อยให้ความพยายามเกี่ยวกับสงครามอันสำคัญนี้ต้องล่าช้าออกไป" ไบเดนระบุในถ้อยแถลง พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสยกมือเห็นชอบและส่งร่างกฎหมายงบประมาณมายังโต๊ะทำงานของเขาในทันที

ความคืบหน้าล่าสุดของร่างกฎหมายให้ยืม-เช่า มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เป็นประธานพิธีสวนสนามบริเวณจัตุรัสแดงในกรุงมอสโก รำลึกเป็นประจำทุกปีชัยชนะของสหภาพโซเวียตที่มีเหนือนาซีเยอรมนี ทั้งนี้ ปูติน ใช้กิจกรรมดังกล่าวอ้างความชอบธรรมแก่สงครามของเขาในยูเครน ชาติฝักใฝ่ตะวันตก เขาอ้างว่าประเทศแห่งนี้ถูกยึดครองโดยพวกนาซี

‘บิ๊กตู่’ เตรียมพบ ‘โจ ไบเดน’ ถกความร่วมมือในภูมิภาค ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม มีกำหนดพบ โจ ไบเดนและผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ เตรียมผลักดันความร่วมมือการขับเคลื่อนการฟื้นฟู และการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 ตามคำเชิญของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 นี้ สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสนอจัดขึ้น โดยเสนอทาบทามมาตั้งแต่ปลายปี 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน

‘ไบเดน’ โวเปิดศักราชใหม่ สัมพันธ์สหรัฐฯ-อาเซียน จ่อยกระดับเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ ‘ครอบคลุมทุกด้าน’

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เป็นประธานในการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) สมัยพิเศษ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันศุกร์ (13 พ.ค.) โดยระบุว่าการพบกันครั้งนี้ถือเป็นการ “เปิดศักราชใหม่” ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับทั้ง 10 ประเทศ

ในคำแถลงร่วมภายหลังการประชุม สหรัฐฯ และอาเซียนต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะยกระดับความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนในเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมทุกด้าน (comprehensive strategic partnership) ภายในเดือน พ.ย.

สหรัฐฯ และอาเซียนยังประกาศ “จะเคารพในอธิปไตย ความเป็นอิสระทางการเมือง และบูรณภาพแห่งดินแดน” ของยูเครน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเป็นการเลือกใช้ถ้อยคำที่ “หนักแน่น” กว่าคำแถลงก่อนๆ ของอาเซียน แม้จะไม่ถึงขั้นประณามรัสเซียที่ส่งทหารบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ก็ตาม

การประชุมสุดยอดครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ เปิดทำเนียบขาวต้อนรับบรรดาผู้นำอาเซียน และเป็นซัมมิตกับอาเซียนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016

รัฐบาล ไบเดน หวังที่จะใช้เวทีประชุมคราวนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อกิจการในอินโด-แปซิฟิก รวมไปถึงการสกัดกั้นอิทธิพล “จีน” ซึ่งวอชิงตันถือว่าเป็นคู่แข่งเบอร์ 1 ในภูมิภาค นอกจากนี้ยังหวังที่จะกล่อมผู้นำอาเซียนให้ประกาศจุดยืนแข็งกร้าวมากขึ้นต่อการที่รัสเซียรุกรานยูเครน

“ประวัติศาสตร์โลกในอีก 50 ปีนับจากนี้จะถูกเขียนขึ้นในภูมิภาคอาเซียน และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนคืออนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกหลายปี และหลายสิบปีข้างหน้า” ไบเดน กล่าว

ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำด้วยว่า ความเป็นหุ้นส่วนกับอาเซียนนั้น “สำคัญยิ่งยวด” และ “เรากำลังจะเปิดศักราชใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียน”

ไบเดน ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่บรรดาผู้นำอาเซียนที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดี (12) พร้อมประกาศจะทุ่มเม็ดเงินลงทุน 150 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,200 ล้านบาท) เพื่อช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนด้านความมั่นคง การเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาด และพลังงานสะอาดในภูมิภาค นอกจากนี้ยังจะส่งเรือยามฝั่งเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อช่วยรับมือ “การทำประมงผิดกฎหมายของจีน”

ไบเดน ประกาศแต่งตั้ง โยฮันเนส อบราฮัม (Johannes Abraham) ประธานคณะเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคอาเซียน ซึ่งตำแหน่งนี้ได้ว่างลงนับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าบริหารประเทศในปี 2017


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top