Saturday, 4 May 2024
APEC2022

รัฐบาล ปลื้ม ผอ.สำนักเลขาเอเปคชมไทย จัดประชุมได้อย่างยอดเยี่ยมระดับโลก

รัฐบาล ปลื้ม ผอ.สำนักเลขาฯเอเปค ชมไทย จัดเอเปค ‘เวิลด์คลาส’ โชว์ภาพลักษณ์-ศักยภาพประเทศระดับโลก ชี้ ดึงอีเวนท์ใหญ่นานาชาติจัดที่ไทย กระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ทุกภาคส่วน

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค กล่าวในการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ว่า ชื่นชมการเป็นเจ้าภาพงานประชุมเอเปค 2022 ของไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ผู้นำจากเขตเศรษฐกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกลับมาประชุมแบบพบหน้ากัน ในแง่โลจิสติกส์ สถานที่ของไทยถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาสและจัดการได้เยี่ยมยอด เป็นการจัดเตรียมงานที่เป็นเลิศ เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัย ทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่สารัตถะการประชุม สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค

นักศึกษาไทยชุบชีวิต 'ชะลอม' ผ่านผลงานโลโก้ APEC กระตุ้นความนิยมงานจักสานสู่สังคมไทยอีกครั้ง

ทราบหรือไม่ว่า โลโก้สามสีของการประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders Meeting) ปี 2022 ที่ปรากฏอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่ง เป็นเมืองเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ในสัปดาห์นี้นั้น เกิดจากฝีมือการออกแบบของนักศึกษาไทย วัย 21 ปี

ชวนนท์ วงศ์ตระกูลจง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ คนเก่งที่ว่า โดยเขาได้บอกเล่าถึงกระบวนการออกแบบโลโก้สําหรับการประชุมทางเศรษฐกิจระดับโลกกับสํานักข่าวซินหัวว่า ความท้าทายอยู่ที่จะผสมผสานอัตลักษณ์ ของเอเปคเข้ากับสัญลักษณ์ของไทยได้อย่างไร 

ชวนนท์ เผยว่า ช้าง วัด หรือยักษ์ มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของไทย แต่เขามองว่ามันธรรมดาเกินไปและอยากคิดนอก กรอบ และไม่อยากใช้สัญลักษณ์ที่ใช้กันบ่อย ๆ จึงนึกถึง 'ชะลอม' ขึ้นมา 

“เรานึกถึงต้มยํากุ้งเมื่อพูดถึงอาหารไทย หรือรถตุ๊กตุ๊กเมื่อพูดถึงการขนส่ง แล้วสัญลักษณ์ของเศรษฐกิจในไทยที่อยู่คู่กับ คนไทยมานานคืออะไร ผมนึกถึงชะลอม ซึ่งเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้งานกันมาแต่โบราณ มันจักสานขึ้นจากไม้ไผ่และเป็นงานฝีมือ ที่ยั่งยืน ซึ่งสะท้อนความสมดุลของวิสัยทัศน์การประชุมฯ ในปีนี้” ชวนนท์กล่าว 

ชวนนท์ใช้เวลาราว 3 เดือน ปรับแต่งลักษณะของชะลอมจนกลายเป็นโลโก้รูปแบบสุดท้าย โดยไผ่ที่จักสานเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นช่องว่าง 21 ช่อง สื่อถึงสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจของเอเปค ส่วนปลายชะลอมที่ชี้ขึ้นฟ้าสื่อถึงการเติบโตของเอเปค ส่วนสีต่าง ๆ อาทิ สีน้ำเงินอันเป็นสัญลักษณ์การอํานวยความสะดวก สีชมพูแห่งการเชื่อมโยง และสีเขียวที่ยั่งยืน ยัง สะท้อนหัวข้อการประชุมฯ ปีนี้ ได้แก่ 'เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล' (Open. Connect. Balance.) 

‘ดร.นิว’ พารู้จัก ‘มายด์’ เด็กโข่งแห่งม็อบ 3 นิ้ว ชี้!! พูดดี-แสดงเก่ง-ฉลาดน้อย ไม่รู้ตัวกำลังถูกสนตะพาย

(17 พ.ย. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง ‘ทำความรู้จักน้องมายด์สามนิ้วผ่าน 3 ข้อเรียกร้อง’

ดูเหมือนว่าน้องมายด์พึ่งจะได้รับบทพูดบทใหม่ ถึงได้ออกหน้าแสดงความห่วงใยต่อทรัพยากรของประชาชนในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ น้องมายด์ไม่เคยออกมาช่วยกัน ทวงคืนป่าสงวนแห่งชาติสองพันกว่าไร่จากนายทุนตระกูลหนึ่งเลยแม้แต่นิดเดียว

[ ข้อ 1. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องยกเลิกนโยบาย BCG กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่พยายามนำเสนอเข้าที่ประชุมเอเปครับรอง เนื่องจากเป็นแนวคิดที่เอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนชั้นนำในประเทศ ]

BCG (Bio-Circular-Green) Economy เป็นแนวคิดบูรณาการทางเศรษฐกิจ ที่ได้รวบรวมแนวคิดทางเศรษฐกิจที่หลากหลายมาไว้ด้วยกัน แล้วมุ่งเน้นนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยเสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม Bio Economy - เศรษฐกิจชีวภาพ Circular Economy - เศรษฐกิจหมุนเวียน Green Economy - เศรษฐกิจสีเขียว

นับได้ว่าเป็นแนวคิดที่ทันสมัยและเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่นี้เป็นอย่างมาก มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระจายรายได้ อีกทั้งยังสอดคล้องกับกระแสประชาคมโลกในการเผชิญหน้ากับวิกฤตปัญหาโลกร้อนอีกด้วย

ตลอดจน BCG ยังเป็นวิสัยทัศน์ที่ได้รับการยอมรับโดย APEC มาก่อนหน้านี้แล้วเสียด้วยซ้ำ เห็นได้จากเอกสารให้ความรู้ของ APEC ฉบับนี้ https://www.apec.org/publications/2022/08/understanding-the-bio-circular-green-(bcg)-economy-model

ไม่นึกว่าคนที่ร่ำเรียนวิศวกรรมโยธาจะขาดความรู้ความเข้าใจต่อแนวคิดสิ่งแวดล้อมพื้น ๆ เช่นนี้ ได้ข่าวว่าน้องมายด์อายุ 26 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เรียนหนังสือในระดับปริญญาตรีจบแล้วหรือไม่ แสดงถึงความไม่รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบต่อตนเอง

[ ข้อ 2. พลเอกประยุทธ์ ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และต้องยุติบทบาทการเป็นประธานในที่ประชุมโดยทันที ]

ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรม ผู้นำและตัวแทนต่างชาติทั้งหมดก็คงไม่เดินทางมาร่วมในการประชุมในครั้งนี้หรอก ตัวน้องมายด์เองใหญ่มาจากไหน ถึงได้ทำตัวกร่างและกล้ามาออกคำสั่งผู้นำนานาชาติไม่ต่างจากเด็กโข่งที่เป็นเผด็จการทางความคิด

แถมน้องมายด์ยังฉลาดน้อยและอาจตกเป็นเครื่องมือในการสร้างสถานการณ์รุนแรง เพราะวันที่ 18 พ.ย. นี้ น้องมายด์ไม่มีความจำเป็นต้องออกมาก่อม็อบสร้างปัญหาเลย เดี๋ยว 19 พ.ย. ก็จะมีพิธีส่งมอบการเป็นเจ้าภาพ APEC แก่สหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว

ดังนั้น การออกมาอ้างว่าต้องการหยุด APEC จึงเป็นเพียงแค่โฆษณาชวนเชื่อที่ดูน่าตลกขบขันเสียมากกว่า และไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังม็อบอีกด้วย เพราะถ้าต้องการหยุด APEC จริง ต้องหยุดตั้งนานแล้ว ไม่ใช่จะมาหยุดในวันท้าย ๆ แบบนี้

[ ข้อ 3. พลเอกประยุทธ์ ต้องยุบสภา เปิดทางให้มีการเลือกตั้ง จัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่งผู้นำปประเทศที่สง่างาม คู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพในการประชุมประชาคมโลกในอนาคต ]

อีกไม่นานพลเอกประยุทธ์ก็จะหมดวาระแล้ว ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่ได้นำไปสู่การสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามช่วงชิงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคอยชี้นำอย่างบิดเบือน มีแต่จะสร้างความแตกแยกครั้งมโหฬารเท่านั้น

การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว #ราษฎรหยุดAPEC2022 โดยมีน้องมายด์เป็นนักแสดงนำกับ 3 ข้อเรียกร้อง จึงเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนน้อย มีแต่จะขัดขวางความเจริญและบั่นทอนผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

อีกทั้งการใช้ม็อบสร้างสถานการณ์กดดันนำไปสู่ความรุนแรง จงใจเคลื่อนไหวต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า สร้างเงื่อนไขให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปราบปราม แล้วนำภาพมาขยายผลอย่างบิดเบือน ก็เป็นวิธีการสกปรกเดิม ๆ ที่ม็อบสามนิ้วกระทำมาโดยตลอด

ผบ.ตร. วางระบบ CCTV 22,848 ตัว ครอบคลุมทุกพื้นที่ คุมเข้มความปลอดภัยประชุม APEC 2022 มั่นใจ!! เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ห่วงกลุ่มผู้ชุมนุมขวางการประชุม เตรียมแผนพร้อมรองรับไว้แล้ว

(17 พ.ย. 65) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร./รอง ผอ.กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ การประชุม APEC 2022 เป็นประธานประชุมขับเคลื่อน กอ.ร่วมฯ ติดตามสถานการณ์ด้านการข่าว สภาพภูมิอากาศ และแผนการปฏิบัติรักษาความปลอดภัยและการจราจรประจำวัน บูรณาการทุกภาคส่วน รวมกว่า 30 หน่วยงาน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมการปฏิบัติมีความพร้อมทุกภาคส่วน และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การจราจรยังคล่องตัวดี เนื่องจากรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราการ มีการติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวทั้งในและนอกพื้นที่ กทม. อย่างใกล้ชิด

ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV เขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 17,848 ตัว และส่วนภูมิภาคในจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ อีกจำนวน 5,000 ตัว รวมทั้งสิ้น 22,848 ตัว มั่นใจว่าครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อการรักษาความปลอดภัย หากมีใครเข้ามาก่อเหตุ จะถูกตรวจจับด้วยกล้องทันที

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งจุดตรวจเป็นใยแมงมุม ครอบคลุมทุกเส้นทาง โดยเฉพาะสถานที่ประชุม ที่พักผู้นำ เส้นทาง และสถานที่สำคัญต่าง ๆ โดยใช้เจ้าหน้าที่กว่า 35,000 นาย พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้สำหรับการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

รู้จัก ‘มาครง’ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส 2 สมัย ชีวิต - ความรัก - การงาน - การเมือง

Bonjour … comment allez-vous? สวัสดี...สบายดีมั้ย นี่เป็นคำทักทายในภาษาฝรั่งเศส ที่ใครมีโอกาสได้พบกับผู้นำสุดหล่อแห่งฝรั่งเศสสามารถเตรียมไว้ทักทายกันได้ หลังจากในการประชุม APEC 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพนั้น ประเทศฝรั่งเศสได้ถูกรับเชิญเป็นแขกพิเศษในการประชุมครั้งนี้ และผู้ที่มาร่วมประชุม ก็คือ แอมานุแอล ฌ็อง-มีแชล เฟรเดริก มาครง (Emmanuel Jean-Michel Frédéric Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางกาเตอรีน โกลอนนา (Catherine Colonna) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส 

ทว่าก่อนที่จะได้ทราบกันว่าสาระสำคัญของไทย-ฝรั่งเศสใน APEC 2022 นี้ จะมีมิติใดอัปเดตบ้างนั้น THE STATES TIMES ก็ขออนุญาตพาทุกท่านไปรู้จักกับประธานาธิบดีท่านนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ 

Emmanuel Jean-Michel Frédéric Macron เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ 2520 ที่เมืองเอเมียงส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยครอบครัวทำงานอยู่ใวงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์ มาครงได้ศึกษาระดับประถม-มัธยมศึกษาที่โรงเรียนในเมืองเอเตียง ก่อนย้ายไปศึกษามัธยมปลายที่โรงเรียน อองรีที่ 4 (Lyeeé Henri-IV) เป็นโรงเรียนมัธยมชั้นสูงเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในปารีส เมื่อเขาจบมัธยมปลาย เขาได้ศึกษาต่อด้านปรัชญาที่มหาวิทยาลัยปารีส น็องแตร์ (Université Paris Ouest Nanterre La Dèfense) และศึกษาต่อในด้านการบริหารกิจการสาธารณะ สถาบันซีอองซ์ โป (Science Po - The Institut d études politiques de Paris) มาครงมีความชื่นชอบและสนใจด้านประวัติศาสตร์ ปรัชญา และ ศิลปะ 

มาครง เข้าทำงานในแวดวงการเงิน การธนาคาร โดยทำงานให้กับบริษัท Rothschild บริษัททรงอิทธิพลที่เป็นเจ้าของเครือข่ายธนาคารหลายแห่งในยุโรป ตั้งแต่ปี 2551 และเคยทำหน้าที่ในกระทรวงการคลัง โดยเป็นผู้ช่วยในทีมของ ฌากส์ อัตตาลี นักการเมืองผู้ทรงคุณวุฒิที่เคยเป็นที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดี มิต เตร็อง และได้ลาออกไปทำงานให้กับบริษัท ร็อธส์ไซลด์ ในปี 2551 และได้เข้ามาทำงานการเมืองอย่างจริงจัง โดยเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ได้เสนอชื่อเขาขึ้นไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ในปี 2557 

ด้านความรัก: ความรักของมาครง เมื่อเขาอายุ 17 ปี เขาเปิดเผยกับคุณครูผู้เป็นที่รักว่า เขาอยากแต่งงานกับเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะมีอุปสรรคมากมายก็ตาม แต่มาครงบอกกับเธอว่า "ผมจะกลับมาหาคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็จะแต่งงานกับคุณให้ได้" หลังจากเวลาผ่านไปนานหลายปี ความรักที่มาครงมีให้คุณครูก็ไม่เคยจืดจางลงไป จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2550 ขณะที่มาครงอายุได้ 29 ปี บริจิตต์ก็หย่าขาดจากสามี และมาครงก็ได้แต่งงานกับเธอดังที่เขาปรารถนามาตลอด โดยไม่สนคำวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ จากสังคม 

ด้านการเมือง: เขาได้ก้าวทำงานด้านการเมืองแบบจริงจัง โดยเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ได้เสนอชื่อเขาขึ้นไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจในปี 2557 โดยเขาได้ร่างกฎหมายที่มุ่งเน้นผลักดันให้รัฐบาลมีความเป็นมิตรกับภาคเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสภา และถูกตัดลงไป ไม่ผ่านการอนุมัติ

จุดเปลี่ยนในการจัดตั้งพรรคการเมือง … เขาเล็งเห็นว่า แนวคิดของการปฏิรูปเศรษฐกิจ ไม่สามารถไปกันได้กับนโยบายของพรรคสังคมนิยม ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดี ออลลองด์ มาครงจึงลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี และออกมาตั้งพรรคการเมืองของตัวเอง ในปี 2559 ในชื่อ ‘ออง มาร์ช (En Marche)’ มีชื่อทางการว่า สมาคมเพื่อการฟื้นฟูชีวิตการเมือง (Association pour le renouvellement de la vie politique) ซึ่งมีความหมายตรงตัวถึงการเคลื่อนไหว เป็นพรรคการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยมสายกลาง ที่มีเป้าหมายปฏิรูปการเมืองของฝรั่งเศสให้ก้าวไปข้างหน้า และให้ความเคารพกับสิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกคนในประเทศ ซึ่งการจัดตั้งพรรคการเมืองของมาครง เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของฝรั่งเศส และเขาคือ 1 ในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในการเลือกตั้ง ในปี 2560 โดยผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2560 (อย่างไม่เป็นทางการ) รอบแรก พบว่า แอมานุแอล มาครง มีคะแนนเสียงอันดับ 1 คิดเป็น 24.01% แซงมารีน เลอ แปน จากพรรคแนวร่วมสร้างชาติ 21.30% ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2560 มีการเลือกตั้งรอบที่ 2 ระหว่าง แอมานุแอล มาครง จากพรรคอ็องมาร์ช และ มารีน เลอแปน จากพรรคแนวร่วมสร้างชาติ ผลการเลือกตั้งรอบที่ 2 ปรากฎว่า แอมานุแอล มาครง มีคะแนนคิดเป็น 66.10% ในขณะที่มารีน เลอ แปน มีคะแนนคิดเป็น 33.90% ทำให้มาครงกลายเป็นประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ และเป็นประธานาธิบดีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส และเป็นประมุขแห่งรัฐฝรั่งเศสที่อายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่สมัยโบเลียน

‘อัษฎางค์’ ฟาดพวก 3 นิ้ว รู้ดี ‘เรื่องเท็จ-ข่าวปลอม’ แต่ประโยชน์ของ APEC กลับอ้าง “ไม่รู้อะไรเลย”

(17 พ.ย. 65) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า มันแปลกดีน่ะ ข้อมูลข่าวสารดีๆ มีรายงานอยู่ตลอดมา ทั้งจากภาครัฐและภาคสื่อมวลชน แต่คนบางคนหรือบางกลุ่มมักมองไม่เห็นหรือไม่เคยมอง แล้วก็มักพูดว่า ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย เพราะรัฐไม่เคยชี้แจงแถลงไข แต่กับข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ กลับรู้กันดีจริงๆ แถมยังเชื่อว่าเป็นข้อเท็จจริง

นายอนุชา บรูพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงประโยชน์ที่ประเทศ และประชาชนไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค APEC 2022 อันได้แก่

1.) ส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ ทำให้ธุรกิจทั้งรายเล็กรายใหญ่ได้เข้าถึงประโยชน์จากระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างเต็มที่

2.) เนื่องจากการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ผู้นำเอเปคได้เดินทางมาพบหน้ากัน แบบตัวต่อตัว จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยได้แสดงศักยภาพ และความพร้อมให้โลกได้เห็นผ่านความสำเร็จในการจัดประชุมที่จะมีตลอดทั้งปี ท่ามกลางความท้าทายในสถานะการณ์โควิด-19 และสถานการณ์โลกที่ผันผวน

3.) เป็นโอกาสอันดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้สนใจกลับมาเที่ยงเมืองไทย ผ่านภาพความสำเร็จ การจัดประชุมที่จะมีตลอดทั้งปี ท่ามกลางความท้าทายในสถานะการณ์โควิด -19

4.) เป็นโอกาสในการนำเสนอภาพความโดดเด่นทางวัฒนธรรม อาหาร การแสดง และเอกลักษณ์ความสวยงามของไทยจะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและงานบริการ

5.) ในช่วงสัปดาห์การประชุมเอเปคจะมีผู้นำเอเปคและผู้แทนจากต่างประเทศเดินทางมาเยือนไทยประมาณ 3,000 คน และสื่อต่างชาติอีกกว่า 2,000 คน

และนอกจากการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ ยังมีการประชุมที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายการ อาทิ APEC CEO summit, ABAC, APEC SME ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ไทยได้ต้อนรับผู้นำจากหลายประเทศ ทั้งที่เป็นผู้นำเขตเศรษฐกิจและที่เป็นแขกพิเศษ ได้แก่ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งทุกคนที่มาร่วมงานประชุม ตลอดจนโลกทั้งโลกที่ติดตามข่าวสารในการประชุมในครั้งนี้ จะได้เห็นศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสการค้าและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น

6.) เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้นำเสนอวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นตั้งใจในการส่งเสริมความยั่งยืน นวัตกรรม ควบคู่ไปกับศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม ความสำคัญ ความหวังและผลประโยชน์มหาศาลจากการประชุมเอแปก

รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เขียนบทความบอกเล่าถึงความสำคัญของ APEC 2022 Thailand เอาไว้ว่า APEC (ย่อมาจาก Asia-Pacific Economic Cooperation) เป็นเวทีการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีความสำคัญระดับโลก มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุน ความร่วมมือในด้านมิติสังคมและการพัฒนาด้านอื่น ๆ

‘จิราพร’ ชี้ ‘ประยุทธ์’ เป็นได้แค่ผู้จัดเอเปก แต่ไม่ได้เป็น ‘ผู้นำ’ ที่เชิดหน้าชูตาให้ประเทศ

‘จิราพร’ ชี้ ภาพลักษณ์เผด็จการประยุทธ์เป็นอุปสรรคในเวทีโลก เย้ยเป็นได้แค่ผู้จัดประชุมเอเปค แต่ไม่เป็นผู้นำที่เชิดหน้าชูตา ยกนโยบายเศรษฐกิจสองทางสมัยทักษิณทำให้จัดเอเปคแล้วปัง

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 นี้ว่า ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด คือการจัดการประชุมเมื่อปี 2546 ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่นอกจากจะโดดเด่นในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศเชิงรุก สามารถแสดงบทบาทนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ทั่วโลกต้องจับตามองไทย และพาผู้นำประเทศมหาอำนาจ และเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่มาร่วมเวทีเดียวกันได้สำเร็จแล้ว

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากเวทีการประชุมเอเปคในครั้งนั้น คือ รัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสองแนวทาง หรือ Dual Track Policy ที่เน้นให้ไทยแสวงหาประโยชน์จากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างกลไกภายในประเทศให้แข็งแกร่ง จึงเกิดการผลักดันนโยบายอย่างเป็นระบบเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากในประเทศให้เข้มแข็ง เช่น นโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การพักชำระหนี้เกษตรกร กองทุนหมู่บ้าน รวมถึงนโยบายการเตรียมความพร้อมประเทศสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ฯลฯ โดยดำเนินการไปพร้อมกับการดำเนินนโยบายการทูตเชิงเศรษฐกิจ ใช้เวทีการประชุมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ประสานประโยชน์เพื่อยกระดับนโยบายในประเทศเชื่อมโยงไปยังต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยที่เคยประสบปัญหาจากวิกฤตต้มยำกุ้งและการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส สามารถกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด จนเกือบเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าการพัฒนากลับต้องสะดุดหยุดลงเพราะการทำรัฐประหาร

ในขณะที่ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำที่มาจากการทำรัฐประหารสืบทอดอำนาจ มีสถานะที่อ่อนด้อยไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก และยังไม่มีนโยบายภายในประเทศที่ช่วยวางรากฐานให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตในระดับนานาชาติได้ เน้นเพียงมาตรการระยะสั้น และการแจกเงิน ซึ่งไม่ใช่นโยบายที่สามารถช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน นับวันยิ่งทำให้คนจนในประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทะลุ 22 ล้านคน ท่ามกลางหนี้สาธารณะประเทศทะลุ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูงเกือบ 15 ล้านล้านบาท 

'คนช่วยชาติ' กับ 'คนถ่วงชาติ' แบบไหนที่คนไทยต้องการ?

ช่วงนี้เราเห็นภาพการปรับภูมิทัศน์ของประเทศให้แลดูมีระเบียบ สะอาดตา เพื่อต้อนรับผู้นำชาติต่างๆ ที่มาร่วมงาน APEC 2022

ช่วงนี้เราเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ลงมาเตรียมงานเพื่อสร้างความประทับใจในหลายๆ มิติ ตั้งแต่รูปแบบการจัดงาน การเดินทาง อาหารการกินที่พิถีพิถัน การแสดง วัฒนธรรม ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว และอีกมากมายเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน จนนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ยังต้องพูดว่านี่มัน 'งานเวิลด์คลาส' ที่ทำให้เอเปคกลายเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่โลกต้องจับตา

ช่วงนี้เราได้เห็นเยาวชนไอเดียสร้างสรรค์นำ 'ชะลอม' มาประยุกต์เป็นโลโก้เอเปค ที่ไม่ได้คิดแค่งานเท่ๆ สวยๆ แต่พยายามสะท้อนให้เห็นถึงงานฝีมือ ที่ยั่งยืน ซึ่งสะท้อนความสมดุลของวิสัยทัศน์การประชุมฯ ในปีนี้ และปลุกให้ภูมิปัญญาท้องถิ่น หวนคืนมาสู่สำนึกรักษ์ของคนไทยและต่างชาติ

และช่วงนี้เรายังได้เห็นเหล่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความตระหนักในการเชิดชูและผลักดันหน้าตาของประเทศให้มีชื่อเสียงผ่านเวทีนี้ ร่วมผสานใจทำหน้าที่ในมิติต่างๆ เพื่อชื่อเสียงหน้าตาของประเทศ นำเสนอภาพวัฒนธรรมที่ดีงามของประเทศสู่สายตานานาชาติ ซึ่งสุดท้ายแล้วภาพเหล่านี้จะกลับมาเป็นเงินในกระเป๋าของคนทั้งประเทศจากการท่องเที่ยว

‘สี จิ้นผิง’ เยือนไทยครั้งแรกในหมวกผู้นำสูงสุดของจีน ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ร่วมต้อนรับประชุม APEC สมเกียรติ

(17 พ.ย. 65) สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมศาสตราจารย์ เผิง ลี่หยวน ภริยา เดินทางมาถึงประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 14.20 น. โดยมี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยาให้การต้อนรับ ก่อนจะเดินทางไปยังเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยกำหนดการเดินทางเยือนประเทศไทยของ สี จิ้นผิง มีขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 19  พ.ย. 65 ซึ่งเป็นกำหนดการต่อเนื่องภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย 

นับว่าเป็นการเดินทางเยือนราชอาณาจักรไทยครั้งแรกของประธานสี ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนมาเป็นระยะเวลา 10 ปี และนับเป็นครั้งที่ 2 ของการเดินทางมายังประเทศไทย โดยครั้งแรกของประธานสี เคยเดินทางมาเยือนไทยในฐานะรองประธานาธิบดีจีนเมื่อ 22 - 24 ธันวาคม 2554

ตร. ขยายเวลาลงทะเบียนผ่านเข้าออกบริเวณที่มีการปิดการจราจรช่วงการประชุมเอเปค 2022 ถึงวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้

(17 พ.ย. 65) เวลา 10.30 น .พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค 2565 เปิดเผยว่า ตามที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลกำหนดให้ปิดการจราจรถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกอโศกมนตรี ถึงแยกพระราม 4 และถนนดวงพิทักษ์ ตลอดสาย ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565 โดยกำหนดให้ยานพาหนะ ที่จะสามารถผ่านเข้า-ออก บริเวณดังกล่าว จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ขยายเวลาการลงทะเบียนของผู้พักอาศัย ที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนบริเวณที่งดการใช้การจราจรกว่า 45,000 ราย ในพื้นที่ สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ โดยได้เปิดให้ลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้  

​สำหรับการลงทะเบียนการขออนุญาตมีบัตรผ่านเข้า-ออก มีขั้นตอนดังนี้ 
ขั้นตอนที่ 1 : สแกน QR Code เพื่อเข้าสู่ฟอร์มขอรับบัตรผ่านเส้นทางเอเปค 2022
ขั้นตอนที่ 2 : เลือกอาคารหรือโรงแรมที่ท่านพักอาศัย กรณีเป็นบ้านพักให้เลือกหัวข้ออื่น ๆ แล้วกรอกที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
ขั้นตอนที่ 3 : กรอกข้อมูลส่วนตัว ประเภทรถ ยี่ห้อ รุ่น ให้ครบถ้วนถูกต้อง
ขั้นตอนที่ 4 : กรอกหมายเลขทะเบียนรถ พร้อมแนบรูปถ่ายด้านหน้ารถ และรูปถ่ายด้านข้างรถ ที่เห็นป้ายทะเบียนชัดเจน
ขั้นตอนที่ 5 : เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนให้กดส่งข้อมูล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top