Saturday, 4 May 2024
APEC2022

เช็กลิสต์ 14 พ.ย. 65 ผู้นำ-ผู้แทน-แขกพิเศษ ร่วม APEC 2022

กระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดเผยชื่อผู้นำเขตเศรษฐกิจและผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย 21 เขตเศรษฐกิจ ที่จะเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ พร้อมกับแขกพิเศษของเจ้าภาพเอเปคอีก 3 เขตเศรษฐกิจ ที่ได้รับเชิญ ให้มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้นำเอเปค โดยเป็นการเรียงลำดับประเทศตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตามรายละเอียดดังนี้

เขตเศรษฐกิจเอเปค

ออสเตรเลีย
นายกรัฐมนตรี 
นายแอนโทนี แอลบาเนซี
(The Honourable Anthony Albanese MP)

บรูไนดารุสซาลาม
สมเด็จพระราชาธิบดี พระองค์ที่ ๒๙ และนายกรัฐมนตรีสมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ อิบนี อัล-มาร์ฮุม ซุลตัน ฮาจี โอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน ซาอาดุล ไครี วัดดิน
(His Majesty Sultan Haji Hassanal Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah Ibni Al-Marhum Sultan Haji Omar ‘Ali Saifuddien Sa’adul Khairi Waddien)

แคนาดา
นายกรัฐมนตรี 
นายจัสติน ทรูโด
(The Right Honourable Justin Trudeau)

ชิลี
ประธานาธิบดี
นายกาบริเอล โบริก ฟอนต์
(H.E. Mr. Gabriel Boric Font)

จีน
ประธานาธิบดี 
นายสี จิ้นผิง
(H.E. Mr. Xi Jinping)

จีนฮ่องกง
ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
นายจอห์น ลี คา-ชิว
(The Honourable John Lee Ka-Chiu)

อินโดนีเซีย
ประธานาธิบดี 
นายโจโก วีโดโด
(H.E. Mr. Joko Widodo)

ญี่ปุ่น
นายกรัฐมนตรี
นายคิชิดะ ฟูมิโอะ
(H.E. Mr. Kishida Fumio)

เกาหลีใต้
นายกรัฐมนตรี
นายฮัน ด็อก-ซู
(H.E. Mr. Han Duck-soo)

มาเลเซีย
เลขาธิการรัฐบาลมาเลเซีย 
ตัน ซรี ดาโตะ เซอรี โมฮามัด ซูกี บิน อาลี
(Tan Sri Dato’ Seri Mohd Zuki Ali)

เม็กซิโก
เอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย
นายเบร์นาโด กอร์โดบา เตโย
(H.E. Mr. Bernardo Córdova Tello)

นิวซีแลนด์
นายกรัฐมนตรี
นางสาวจาซินดา อาร์เดิร์น
(The Right Honourable Jacinda Ardern MP)

ปาปัวนิวกินี
นายกรัฐมนตรี
นายเจมส์ มาราเป
(The Honourable James Marape MP)

เปรู
รองประธานาธิบดี คนที่ ๑
นางดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต เซการ์รา 
(H.E. Ms. Dina Ercilia Boluarte Zegarra)

ฟิลิปปินส์
ประธานาธิบดี
นายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์
(H.E. Mr. Ferdinand Romualdez Marcos Jr.)

รัสเซีย
รองนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย คนที่ ๑
นายอันเดรย์ เบโลอูซอฟ
(H.E. Mr. Andrey Belousov)

สิงคโปร์
นายกรัฐมนตรี
นายลี เซียน ลุง
(H.E. Mr. Lee Hsien Loong)

จีนไทเป
ผู้แทน
(ผู้ก่อตั้งบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC))
นายมอร์ริส จาง (นายจาง จงโหมว)
(Mr. Morris Chang)

‘เผ่าภูมิ’ จวก!! รัฐชู ‘โมเดล BCG’ ผิดเวลา ซัด!! ทำโอกาสทองของคนไทยหลุดมือในเวทีเอเปก

วันนี้ (14 พ.ย. 65) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผอ.ศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทยกล่าวกรณีไทยชูโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นวาระหลักในการประชุม APEC ว่า โมเดลเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว: Bio-Circular-Green Economy) ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ถูกผลักดันให้เป็นวาระหลักของการประชุม APEC ซึ่งในเวทีการประชุมสำคัญระดับนี้ เป็น โอกาสทอง ที่เจ้าภาพสามารถผลักดันวาระการหารือเพื่อประโยชน์ต่อสมาชิกและต่อชาติของตน คำถาม คือการใช้โอกาสทองในการผลักดันโมเดล BCG นี้ โดยไทยได้ประโยชน์ ได้เปรียบและมีแต้มต่อหรือไม่ 

1.) พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม โดยโมเดลการพัฒนาคู่ขนานนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสมดุล แต่รายละเอียดรวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในโมเดล BCG ของรัฐบาลนั้นล้มเหลว ขาดความพร้อมในการเป็นวาระหลักในการประชุมระดับ APEC

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 2.) โมเดลเศรษฐกิจ BCG ยังกลวง ล่องลอย ย้อนแย้งและมีช่องโหว่สูง ข้อกล่าวหาเรื่องการเพิกเฉยต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล สนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะ รวมถึงการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ และการฟอกเขียวของโมเดล BCG ยังถูกตั้งคำถามอย่างหนักในสังคม แต่รัฐบาลยังไร้ซึ่งคำตอบ

'บิ๊กป้อม' เปิด กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย APEC 2022 กำชับ จนท. เตรียมพร้อม-ติดตาม ลั่น!! ยอมไม่ได้หากใครคิดจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย วอนประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี

วันนี้ (14 พ.ย.65) เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี /ประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เดินทางมาเป็นประธานเปิดกองอำนวยการร่วม รักษาความปลอดภัยและการจราจรเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องปี 2565 โดยมีคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห.,พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการตำรวจทั่วประเทศ และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวม 27 หน่วย เข้าร่วมรับฟังด้วย 

พล.อ.ประวิตรฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการเปิดกองอำนวยการร่วมฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ และความพร้อมในการปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติตามแผนฯ และให้หน่วยที่เกี่ยวข้องได้รายงาน ความพร้อมในการเตรียมการปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย 

ในที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาในด้านความพร้อมด้านการจราจรและการบริหารจัดการขบวนรถ  
ด้านความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข และด้านความพร้อมด้านการต่อต้านการก่อการร้าย รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

พล.อ.ประวิตรฯ ได้กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมาย และร่วมกันปฏิบัติงาน ตามแผนของกองอำนวยการร่วมฯ รวมทั้ง ติดตาม กำกับดูแล การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยการประชุมฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยสูงสุด 

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า กอ.ร่วม จะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวันในเวลา 09.00 น. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความปลอดภัยและการจราจร ด้านการบริหารจัดการดูแลการชุมนุม นายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศพื้นที่ห้ามชุมนุม คือ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงแรมที่พักทั้ง 19 แห่ง สถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองของผู้นำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานได้สะดวกตลอดช่วงการประชุม 14-19 พ.ย.65 

ทั้งนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกฝ่าย แม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิกระทำได้ตามกฎหมาย แต่ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีตลอดจนสุขอนามัยของประชาชน หรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และไม่กระทบกระเทือนสิทธิคนอื่น ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทุกรายและมีโทษหนักถึงจำคุก เราจะยอมให้ใครมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศไม่ได้โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามยุทธวิธี เป็นขั้นเป็นตอนตามระดับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น 

หากจะมีการยื่นข้อเรียกร้อง หรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดสถานที่สำหรับการยื่นหนังสือไว้แล้ว ที่กระทรวงการต่างประเทศ และสถานกงสุลที่แจ้งวัฒนะรวมทั้งการขอให้ใช้สิทธิในการชุมนุม ขอให้ไปยื่นขอตามสถานที่ที่ได้จัดไว้ให้ หากมีการชุมก็ต้องมีการแจ้งการชุม 

นายกฯ ฝาก ปชช.ร่วมกันทำภารกิจสำคัญเพื่อบ้านเมือง โดยให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลก สู่บ้านเมืองเรา ด้วยความอบอุ่นและไมตรีจิต

“ผมขอให้พี่น้องประชาชน และทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันทำภารกิจสำคัญเพื่อบ้านเมือง โดยให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลก สู่บ้านเมืองเรา ด้วยความอบอุ่นและไมตรีจิต”

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65 ว่า  พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพครับ

สัปดาห์นี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่มีประชากรรวมกันเกือบ 3,000 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรโลก มีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลก ซึ่งจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากเวทีการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ รวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวเนื่องและคู่ขนานกันอีกจำนวนมาก ตลอดทั้งปีที่ประเทศไทยของเราเป็นเจ้าภาพครับ

หนึ่งในการประชุมคู่ขนานดังกล่าว คือ โครงการ 'APEC Voices of the Future' ที่เปิดโอกาสและพื้นที่ในการแสดงออก-แสดงความคิดเห็น ให้แก่ผู้แทนเยาวชน-คนรุ่นใหม่นับร้อยชีวิต จาก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้เข้าร่วมกิจกรรม ใช้พลังบริสุทธิ์อย่างสร้างสรรค์ ในการเสนอแนะเชิงนโยบาย และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ รวมถึงยกประเด็นที่เยาวชนเป็นกังวลว่าจะส่งผลต่อคนรุ่นต่อไปที่จะต้องเติบโตขึ้นมาดูแลโลกใบนี้ในอนาคต  ถึงผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส สมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทเอกชนต่าง ๆ ในช่วงการประชุมเอเปคนี้

โดยในวันนี้ (14 พ.ย.65) ผมได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนเยาวชน จากโครงการดังกล่าวนี้ พร้อมกับรับฟังแถลงการณ์เยาวชน (Youth Declaration) ที่กล่าวโดยสรุปตามแนวคิดหลัก 3 ประการของเอเปคได้ ดังนี้ : 

OPEN เปิดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และมุ่งเน้นความรู้-ทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพระบบเศรษฐกิจเดิม ด้วยมาตรฐานสากลใหม่ ที่ขจัดอุปสรรคในอดีตและทันต่อการเปลี่ยนแปลง 

‘MEA’ เปิดศูนย์ปฏิบัติการคุมระบบไฟฟ้าแบบบูรณาการ เสริมความมั่นคง-เตรียมรับมือเหตุฉุกเฉิน ช่วง ‘APEC 2022’

MEA เปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมระบบไฟฟ้า บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมต่าง ๆ เตรียมความพร้อมและเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับสูงสุด ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับการประชุม APEC 2022

วันนี้ (14 พ.ย. 65) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมระบบไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง รองรับการประชุม APEC 2022 ระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน 2565 พร้อมบูรณาการหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อให้เกิดความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในระดับสูงสุด ณ อาคารวัฒนวิภาส การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย

สำหรับศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้ จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการประสานงานระหว่างศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยระบบ SCADA/EMS/DMS ทั้ง 2 แห่ง สถานีไฟฟ้า 22 สถานี รวมถึงการไฟฟ้านครหลวงทั้ง 18 เขต และสถานที่สำคัญ 26 แห่ง รองรับการจัดประชุม APEC 2022 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และหอประชุมกองทัพเรือ เป็นต้น 

โดยมีการเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการ Field Force Management หรือ FFM กับระบบแผนที่ GIS เพื่อใช้ในสถานการณ์เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในรูปแบบต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนรับมือเหตุวิกฤตของ MEA

เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางระบบไฟฟ้าสูงสุดในการจัดงาน APEC 2022 ครั้งนี้ MEA ยังได้ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ ช่วยการเตรียมความพร้อมในด้านระบบไฟฟ้า ได้แก่ การใช้เทคโนโลยี Acoustic Camera และ Thermovision สแกนตรวจเสียงในคลื่นความถี่สูง และตรวจจับความร้อนของอุปกรณ์ไฟฟ้า การใช้ Drone ตรวจสอบระบบสายส่งไฟฟ้า ใช้เทคโนโลยีการตรวจจับความผิดปกติในระบบไฟฟ้า เช่น Partial Discharge Power Transformer รวมถึงการตรวจสอบอุโมงค์ไฟฟ้าใต้ดิน 230 kV ติดตั้ง Battery UPS และ Generator อีกทั้ง ระดมเจ้าหน้าที่ MEA กว่า 700 คน ประจำสถานีไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องทุกสถานี จัดเจ้าหน้าที่ประจำห้องไฟฟ้าของโรงแรมที่พักทุกแห่ง พร้อมรถปฏิบัติงานกว่า 250 คัน พร้อมด้วย ทีม MEA Ready Rider ซึ่งเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วที่ปฏิบัติภารกิจแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องเร่งด่วน โดยทั้งหมดนี้ จะกระจายตำแหน่งการดูแลตามจุดต่าง ๆ ให้สามารถรองรับได้ในทุกสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

ฉวยโอกาส 'ก่อม็อบ-ก่อเหตุวุ่นวาย' ช่วงเอเปค 2022 กฎหมายหนัก โทษชัด รัฐจะไม่ใจดีเหมือนที่ผ่านมา

เสรีภาพเป็นสิ่งที่ควรมี แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ภายใต้ความมีอารยะ ใครที่คิดจะออกมาป่วนในการประชุม APEC ครั้งนี้ อยากให้คิดใหม่ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นปัญหาใหญ่ถึงขั้นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลยทีเดียว

(14 พ.ย.65) เพจ 'ฤๅ - Lue History' ได้โพสต์วิดีโอเตือนบุคคลบางกลุ่มกำลังจะก่อม็อบ ในงานจัดประชุมสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยมีใจความสำคัญดังนี้...

ในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพงานจัดประชุมสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กำลังจะมีคนบางกลุ่มเฉพาะพวกที่ออกมาประท้วงยกเลิก 112 ฉวยโอกาสก่อม็อบ หรือแม้กระทั่งก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในงาน นี่คืองานระดับโลกมีผู้นำเข้ามามากมาย มีสื่อเข้ามามากมาย 

โดยเตือนว่างานนี้ทางรัฐบาลไม่ได้ใจดีเหมือนที่ผ่านมา เพราะมีกฎกติกาต่างๆ ออกมา รวมถึงการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น การประชุมครั้งนี้มีตำรวจ ทหารทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบประมาณ 50,000 คน ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในทุกจุดรอบกรุงเทพ และเพิ่มกล้องวงจรปิดกว่าหมื่นตัวที่สามารถเชื่อมโยงได้ทุกพื้นที่ หากมีการชุมนุมเรียกร้องล้ำเส้นขึ้นมาจนเป็นความวุ่นวาย ไปกระทบต่อผู้นำประเทศต่างๆ จะถูกดำเนินคดีข้อหาหนัก และประวัติการก่อคดีจะถูกส่งต่อไปทั่วโลก

หากก่อม็อบแล้วเกิดอะไรขึ้นกับผู้นำต่างประเทศอย่างเช่น ปูติน หรือ สีจิ้นผิง หากถูกดำเนินคดีขึ้นมา จะมาเรียกร้องหาความถูกต้องแบบที่ผ่านมาไม่ได้ ที่สำคัญจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายคุ้มครองประมุขต่างประเทศนั่นคือ มาตรา 133 และ 134 ซึ่งสองมาตรานี้ เป็นกฎหมายคุ้มครองทั้งพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาทต่างประเทศ หรือผู้แทน, ตัวแทนประมุขรัฐต่างประเทศ โดยทั้งสองมาตราก็มีเนื้อหาเดียวกันกับมาตรา 112 ต่างแค่อัตราโทษของผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น

“พอดูถึงตรงนี้อยากจะฝากถึงคนที่บอกให้ยกเลิกมาตรา 112 คุณลืมไปหรือเปล่าว่าเรามีมาตรา 133 และ134 ที่คุ้มครองประมุขต่างประเทศด้วย มันจะกลายเป็นเรื่องย้อนแย้งทางกฎหมาย ลองนึกภาพว่าทั่วโลกเขาจะมองประเทศเรายังไง คุ้มครองประมุขต่างชาติ แต่ไม่อยากคุ้มครองประมุขชาติตัวเอง” พิธีกรในคลิปกล่าว

ยังมีใจความอีกว่าหากมีคนบอกให้ยกเลิกมาตรา 112, 133, 134 ให้หมดเลย ถ้าทำอย่างนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ประเทศไทยจะเป็นประเทศป่าเถื่อนในสายตาชาวโลกทันที ทั้งที่ทั่วโลกมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศตัวเอง แต่เราไม่มีเลย ไม่คุ้มครองใครเลย แล้วใครจะอยากมาประเทศของเรา นั่นหมายความว่าเราไม่ให้เกียรติประมุขของพวกเขา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์และเป็นเกียรติยศสูงสุดของประเทศ

‘พี่เบิร์ด’ เตรียมร้องเพลงงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำ APEC ฟาก ‘บัวขาว’ เตรียมโชว์ 'ไหว้ครู-ท่ามวยไทย' ให้สื่อรับชม

ไม่นานมานี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงสิ่งของที่ระลึกในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC สำหรับผู้นำเขตเศรษฐกิจและคู่สมรส รวมทั้งหมด 7 ชิ้น

นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า สำหรับวันที่ 17 พฤศจิกายนในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่หอประชุมกองทัพเรือ จะมีกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือด้านนอกจะมีการแสดงโขน หนังใหญ่ การแสดงพื้นบ้าน การสาธิตทำขนมไทย การละเล่น นอกจากนี้ ยังจะประดับบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยกระทงขนาดใหญ่ เรือไฟ และกระทงสาย

ทั้งนี้ สำหรับการแสดงด้านในงานเลี้ยงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการขับร้องและบรรเลงดนตรี ซึ่งได้เชิญนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคนมาร่วมร้องเพลง ทั้งเพลงพระราชนิพนธ์ เพลงไทย เพลงสากล เช่น พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ซึ่งจะมาขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ แผ่นดินของเรา และ รัดเกล้า อามระดิษ

จับตาวิสัยทัศน์ไทย ชู BCG บนเวที APEC 2022 คนไทยจะได้อะไร? พัฒนาอย่างไรให้สอดคล้อง?

(15 พ.ย. 65) จากเพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

คุณรู้รึเปล่าว่า ประชุม APEC ครั้งนี้ มีหัวข้อหลักคือ BCG (Bio-Circular-Green Economy)

แล้วคุณเข้าใจคำว่า BCG รึยัง???

BCG คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมเป็นหัวข้อหลักของการประชุม APEC แล้วจะมาเกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ และระดับโลกอย่างไร….

วันนี้ขอเกาะกระแส การประชุม APEC ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมระหว่างประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในโลก ซึ่งประเทศที่อยู่ใน APEC มีปริมาณประชากร ถึง 1 ใน 3 ของโลก 

ซึ่งจะมีการจัดประชุมประเทศสมาชิกทุกปี โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง หลังจากปี 2546 

แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าการประชุม คือการแสดงวิสัยทัศน์ ของประเทศ 

โดยในการประชุมครั้งนี้ ไทย เรานำเสนอ การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อความยั่งยืน หรือ BCG (Bio-Circular-Green Economy) มาเป็นจุดเชื่อมโยงการพัฒนาในอนาคต

แล้ว BCG คืออะไร คนไทยจะได้อะไร? ประเทศไทยจะพัฒนาอย่างไรให้สอดคล้องกับ BCG

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จัก BCG กันก่อน ซึ่งมาจาก 3 คำคือ Bio Circular Green ซึ่งเป็นการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน แบ่งออกมาเป็นข้อๆ คือ...

- Bio Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ 

เป็นการใช้ทรัพยากรทางชีวภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ เช่นการแปรรูป สินค้าทางการเกษตร เป็น Bio Plastic ที่ย่อยสลายได้

- Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน

เป็นการนำวัสดุ และผลิตภัณฑ์ ที่ใช้แล้ว กลับมาใช้งานใหม่

- Green Economy หรือ เศรษฐกิจสีเขียว เพื่อสิ่งแวดล้อม

เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม และพัฒนาสังคม

ซึ่งทั้งหมดนี้ ไทยเรามีพื้นฐานรองรับทั้งหมดแล้ว โดยสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (Sustainable Economy) 

โดยการพัฒนา BCG จะมุ่งเน้นการพัฒนาจากทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่เดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านกระบวนการผลิต และในการนำไปใช้

ซึ่งจะเน้นกับอุตสาหกรรม 4 ด้าน ได้แก่...
- เกษตรและอาหาร 
- สุขภาพและการแพทย์ 
- พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ 
- การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์

แล้วปัจจุบัน อุตสาหกรรม BCG มีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง??? เรามาดูกันทีละด้านเลย

1. Bio Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ 

- การพัฒนาธุรกิจน้ำตาล จาก อ้อย สู่น้ำตาล แปรรูปเป็น เอทานอล พร้อมกับการสกัดขั้นสูง (Bio Refinery) สู่ Bio Plastics และ Bio Chemical 

- การพัฒนาน้ำมันจากธรรมชาติ (Oleo Chemical) ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของไขมันพืชและสัตว์ 

ปัจจุบันนั้นมีการนำไปใช้งานหลากหลายมาก เนื่องจากเป็นสารกลุ่มชนิดที่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ และนำกลับมาใช้ได้อีก จึงเป็นสารชนิดหนึ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

- การพัฒนาอาหารทดแทนเนื้อสัตว์ (plant base meat)

2. Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน

- การจัดการขยะชุมชน และขยะจากเศษอาหาร เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน

- การแปรรูปขยะพลาสติก เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่นเสื้อผ้า

ผบ.ตร.ติวเข้ม กอ.ร่วมเอเปค เริ่มมีผู้นำเดินทางมา ภาพรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สั่งขยายการลงทะเบียนเข้าพื้นที่ถึง 19 พ.ย. 65 ย้ำต้องดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเต็มที่ 

วันนี้ (15 พ.ย.65) เวลา 09.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร การประชุมเอเปค 2565 เปิดเผยถึงผลการประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัย การบริหารจัดการจราจร และสถานการณ์การข่าวว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.กอ.ร่วมฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ตัวแทนกองบัญชากองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุม เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการประชุมเอเปค 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

โดยในวันนี้ จะมีเริ่มจะมีการเดินทางเข้ามาของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในบางประเทศ สภาพการจราจรพบว่าในวันที่ 14 พ.ย. 65 ปริมาณรถจำนวนมาก เนื่องจากยังเป็นวันปกติที่ส่วนราชการและโรงเรียนยังเปิดปกติ แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี โดยทางตำรวจนครบาล ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพิ่มความเข้มในการดูแลอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน เพื่อให้มีผลกระทบต่อประชาชนในการเดินทางสัญจรให้น้อยที่สุด ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ ขยายเวลาการลงทะเบียนของผู้พักอาศัย ที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนบริเวณที่งดการใช้การจราจรกว่า 45,000 รายในพื้นที่ สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ โดยได้เปิดให้ลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ขนส่งพัสดุ ไปรษณีย์ อาหารหรือเอกสารต่างๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณจุดตรวจและแสดงเอกสารหลักฐานเพื่อขอเข้าพื้นที่ได้เป็นราย ๆไป 

หอการค้า มั่นใจ ศักยภาพไทยจัดเอเปก เชื่อ!! เม็ดเงินสะพัดมากถึง 2 หมื่นล้านบาท

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เปิดเผยถึงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพ APEC ของประเทศไทยในสัปดาห์นี้ ซึ่งภาคเอกชนได้มีการประชุมและจัดการสัมมนาที่สำคัญเช่นเดียวกันกับภาครัฐ โดยในส่วนของภาคเอกชน ที่ กกร. เป็นเจ้าภาพ คือ การประชุม APEC CEO Summit ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของเอเปคจาก 21 เขตเศรษฐกิจ โดยจะมีการเชิญผู้นำ และบุคคลสำคัญระดับโลก ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับจากผู้นำเป็นจำนวนมาก โดยเป้าหมายหลักในการจัดงานครั้งนี้ คือ การส่งเสริมการเปิดเขตเสรีการค้าและการลงทุน รวมถึงความร่วมมือด้านสังคมและการพัฒนาในทุกมิติ

สำหรับโอกาสของคนไทยและเศรษฐกิจไทยนั้น การเป็นเจ้าภาพจัดประชุม APEC CEO Summit 2022 จะช่วยให้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนาระบบเพื่อการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การลดและยกเลิกปัญหาอุปสรรคทางการค้า รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันของผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยของไทยให้เข้าสู่ระบบการค้าโลกได้ เป็นการสนับสนุนการนำไปสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค นอกจากนั้น ยังจะช่วยเปิดโอกาสด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ให้แก่ผู้ประกอบการ และคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมตัวของผู้นำ บุคคลสำคัญ รวมทั้งซีอีโอ จากทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนระดับโลก ที่ได้รับการเรียนเชิญเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางธุรกิจในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทิศทางเศรษฐกิจของโลก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top