Thursday, 2 May 2024
โควิด19

'เกาหลีใต้' พร้อมส่ง 'วัคซีน-ยา-แพทย์' ช่วยเหลือ 'เกาหลีเหนือ' หลังยอดผู้ป่วยพุ่งสูง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ว่าประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล แถลงต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ยืนยันเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์เดียว ว่าเกาหลีใต้พร้อมมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่เกาหลีเหนือ ซึ่งยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า กำลังเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวถึงความพร้อมในการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 และเวชภัณฑ์ ตลอดจนการส่งบุคลากรการแพทย์ เดินทางข้ามพรมแดนไปช่วยเหลือเกาหลีเหนือ แม้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างสองเกาหลียังอยู่ในระดับตึงเครียด เนื่องจากรัฐบาลเปียงยางยิงขีปนาวุธ 3 ลูก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และข้อมูลข่าวกรองทั้งของรัฐบาลโซลและสหรัฐ ยังคงพบแนวโน้มไปในทางเดียวกัน ว่าเกาหลีเหนืออยู่ในสถานะเตรียมการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ แม้เผชิญกับวิกฤติโรคระบาดก็ตาม

รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ชื่นชมรัฐบาลไทย หลัง ‘ดูแล-เยียวยา’ แรงงานช่วงโควิดดีเยี่ยม

นายกฯ ปลื้ม!! รองผู้แทนทางการค้าสหรัฐฯ ชื่นชมการดูแลผู้ใช้แรงงานของรัฐบาลไทยช่วงโควิด19 พร้อมเชื่อมั่นการผลักดันปรับมาตรการบริหารจัดการแรงงานต่างชาติให้สอดคล้องเป็นไปตามสถานการณ์

(26 พ.ค.65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณนางซาร่าห์ เบียนคิ รองผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา กล่าวชื่นชมนโยบายการช่วยเหลือเยียวยาแรงงานของรัฐบาลไทยและกระทรวงแรงงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดำเนินการได้อย่างดีเยี่ยม และขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ดำเนินการจนเห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้แรงงานชาวต่างชาติที่มีข้อจำกัดด้านการควบคุมโรคทั้งจากประเทศต้นทางและถิ่นที่กำลังพำนักอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อแรงงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงแรงงานได้รับดำเนินการตามดำรินายกรัฐมนตรี โดยได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ช่วยดูแลแรงงานอย่างต่อเนื่องเทียบเท่าแรงงานไทยทุกประการ อาทิ การตรวจ รักษา และกระจายวัคซีนให้กับผู้ประกันตนเพื่อป้องกันโควิด19 ในสถานที่ทำงาน ดำเนินโครงการ Factory Sandbox ตามหลักการเศรษฐศาสตร์ควบคู่สาธารณสุข เพื่อตรวจ รักษา ควบคุม ดูแล และบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการป้องกันโควิด-19 ในสถานประกอบการ รวมทั้ง พยายามผลักดันการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ เป็นต้น

WHO ซูฮก!! ยกไทยพิชิตโควิดยอดเยี่ยม ขอนำแนวทางไปปรับในระดับสากล

‘บิ๊กตู่’ ชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ไทย 2 ท่าน ขึ้นรับรางวัลจาก WHO ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 พร้อมขอบคุณทีมไทยแลนด์แสดงศักยภาพด้านสาธารณสุขไทยเป็นที่ยอมรับระดับโลก 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทย 2 ท่าน ที่ได้รับรางวัลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกอบด้วย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในรางวัล Dr LEE Jong-wook Memorial Prize for Public Health และนพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ในรางวัล Sasakawa Health Prize สำหรับพิธีมอบรางวัลได้จัดขึ้นในวันเดียวกันนี้ (27 พ.ค.) ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75  ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งในส่วนของ ศ.นพ.ประกิต ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางไปรับรางวัลด้วยตนเอง นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จึงเป็นผู้ขึ้นรับรางวัลแทน 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 2 ท่าน ได้รับการยกย่องจาก WHO เนื่องด้วยเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการสาธารณสุข โดย ศ.นพ.ประกิต วาธีสาธกกิจ ได้ทำงานภาคประชาสังคมในการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มีผลงานเชิงประจักษ์เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข เป็นจักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคจอประสาทตา ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาตาบอดในประเทศไทย โดยเฉพาะภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา โดยพัฒนาวิธีการคัดกรอง ริเริ่มโครงการสำคัญๆ กระทั่งจำนวนผู้ป่วยที่ตาบอดอันเนื่องมาจากภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตาลดลงอย่างมาก

'หมอทวีศิลป์' ขอพัก 10 วัน หลังตรวจ ATK พบติดเชื้อโควิด-19

28 พ.ค. 65 - นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ขอพัก 10 วัน ATK ขึ้น 2 ขีดเมื่อวาน เจ็บคอเล็กน้อย อื่นๆ ปกติดีครับ กราบขออภัยพี่น้องๆ เพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้ชิดทำงานกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระมัดระวังตัวตรวจ ATK บ่อยๆ นะครับ"


ที่มา : https://www.thaipost.net/covid-19-news/150467/
https://www.facebook.com/113387520504681/posts/535478311628931/

'ชัชชาติ' จ่อชง ศบค.ไฟเขียว คนกรุงถอดแมสก์ - ปิด 'ผับ - บาร์' ตี 2 

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ จ่อชง ศบค. ไฟเขียวคนกรุงถอดหน้ากากอนามัยในที่โล่ง สถานที่เปิด ลั่นถึงเวลากลับใช้ชีวิตปกติ พร้อมเล็งขยายเวลาเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ถึงตีสอง ขยายเวลาเศรษฐกิจกลางคืน

วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่สวนหลวงพระราม 8 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงแนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า กรณีนี้ต้องอยู่กับการพิจารณาของ ศบค. เป็นหลัก แต่ทาง กทม.จะให้ความเห็นไปว่า สถานการณ์ใน กทม. เริ่มลดน้อยลง คงต้องเริ่มให้ถอดหน้ากากในพื้นที่เปิดโล่ง ขณะที่เศรษฐกิจก็เริ่มกลับมา แต่ย้ำว่าขอให้เป็นไปตามหลักการแพทย์เพื่อให้เกิดความมั่นใจ แต่เชื่อว่าสถานการณ์คลี่คลายขึ้น คนก็พร้อม ซึ่งจะนำเรื่องนี้หารือกับ ศบค. อย่างเป็นทางการ

'หมอแล็บฯ' เผยผลข้างเคียงลองโควิด-19 พบผู้ชายบางคน 'น้องชาย' สั้นลง 1-1.5 นิ้ว

เพจหมอแล็บแพนด้า โพสต์ระบุว่า ผมนี่ถึงกับเอาไม้บรรทัดมาวัดเลย เคยอ่านข่าวเจอว่ามีชายชาวอเมริกันติดโควิดแล้วจู๋สั้นลง 1-1.5 นิ้ว ตอนนี้เริ่มมีคนเจอกับตัวบ้างแล้ว มันเป็นอาการข้างเคียงของลองโควิดครับ

มีรายงานว่าโควิด ทำให้เกิดปัญหา Erectile Dysfunction ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดบริเวณอวัยวะเพศ พอเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ก็เลยทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่ หรือยืดตัวไม่เต็มที่ มันก็เลยสั้นลงจนสังเกตได้ ซึ่งมันก็เป็นเฉพาะบางคน เพราะของผมลองวัดดูแล้ว 'เท่าเดิม' (แอบดีใจนิดหน่อย 55555)

ลองไปพบแพทย์ น่าจะช่วยทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงช้างน้อยด้วยวิธีการต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น การออกกำลังกายก็เป็นวิธีนึงที่ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงได้ดีขึ้น ลองดูเด้อออ


ที่มา : https://mgronline.com/uptodate/detail/9650000068958

'โจ ไบเดน' ปธน.สหรัฐฯ ติดโควิด หลังฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว 2 เข็ม

(21 ก.ค. 65) แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ มีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นบวก เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ในกรุงวอชิงตัน แต่มีอาการไม่มากนัก

ทั้งนี้ ไบเดน วัย 79 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว รวมถึงเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วถึง 2 ครั้ง จะกักตัวอยู่ในทำเนียบขาว และปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ตามปกติ รวมถึงเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ผ่านระบบโทรศัพท์ทางไกลและทาง ZOOM จนกว่าจะมีผลตรวจกลับมาเป็นลบ โดยในระหว่างนี้จะรับประทานยาแพ็กซ์โลวิด ซึ่งเป็นยาต้านเชื้อโควิด-19

ส่วนคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีไบเดน ทั้งสมาชิกสภาคองเกรส และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ได้รับแจ้งเรื่องนี้แล้ว และได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อทันที ส่วนจิลล์ ไบเดน สตรีหมายเลขหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ที่รัฐแดลาแวร์ มีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ


ที่มา: https://www.naewna.com/inter/668350

'บิ๊กตู่' แง้ม!! กำลังพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ย้ำ!! มีไว้ควบคุมโควิด-19 ไม่มุ่งหวังประเด็นอื่น

'บิ๊กตู่' เผย ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังอยู่ขั้นตอนพิจารณา ยันมีไว้บูรณาการทุกหน่วยงานคุมโควิดเท่านั้น ไม่มุ่งหวังประเด็นอื่น วอน ปชช.ฉีดเข็มกระตุ้น หวั่นเชื้อกลายพันธุ์​ ขณะที่ 'หมออุดม' ยันศบค.ยังไม่เคาะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รอศบค.ชุดใหญ่ถกนัดหน้า

วันที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 11.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 11/2565 ว่า วันนี้เป็นการประชุมศบค.อีกครั้งหนึ่ง และประชุมแต่ละครั้งมีความสำคัญทุกครั้ง ซึ่งได้รับทราบถึงสภาวะโดยรวม ทั้งการแพร่ระบาดและการเตรียมการมาตรการรองรับต่าง ๆ ซึ่งเรามีแผนรองรับไว้ทุกตัว ทุกระดับของสถานการณ์ ทั้งเรื่องวัคซีนและการฉีด สิ่งที่ต้องเน้นในวันนี้ทำอย่างไรให้คนไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมากยิ่งขึ้น และให้ความสำคัญกับคนกลุ่ม 608 มากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากฉีดกัน และจากสถิติพบว่ามีหลายคนไม่อยากฉีด คิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วเลยไม่ฉีด นี่คืออันตรายพอสมควร แม้เป็นการฉีดแบบสมัครใจแต่ก็อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องนี้ วันนี้แม้เราจะปลอดภัยแต่การแพร่ระบาดก็ยังมีอยู่ อย่าเพิ่งคิดว่าเมื่อสถานการณ์ลดลงแล้วระวังตัวน้อยลงอะไรทำนองนี้ ขอให้ระมัดระวังตัวเหมือนเดิมและให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เพราะมีเชื้อกลายพันธุ์อยู่หลายตัวในขณะนี้ แต่จากการได้รับรายงานเรายังสามารถรับมือได้อยู่หลายๆ อย่างด้วยกัน และวันนี้มีความก้าวหน้าของวัคซีนที่เราผลิตเอง ซึ่งมีความก้าวหน้าไประยะที่ 3 แล้ว 

“สิ่งที่นายกฯ อยากจะพูดคือขอร้องให้ทุกคนไปฉีดเข็มกระตุ้น มันมีให้เลือกอยู่แล้วถ้าทุกคนไม่สบายใจยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ก็สามารถเลือกฉีดได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อตัวเองและคนอื่นด้วย สิ่งที่ห่วงและกังวลในตอนนี้คือการท่องเที่ยวของเรากำลังเดินหน้า และการเปิดสถานประกอบการ ศูนย์การค้า ร้านอาหารต่างๆ มากขึ้น ก็จะเป็นรายได้ให้ประเทศและทุกคนได้เข้าถึงรายได้ที่มากขึ้น ดังนั้นถ้าทุกคนช่วยกันก็จะเดินหน้าไปด้วยดี เป็นห่วงเรื่องนี้มากที่สุด ส่วนรายละเอียดต่างๆ โฆษกศบค.จะชี้แจง เพราะการพิจารณาในศบค.มีหลายเรื่อง แต่ยืนยันทุกอย่างเราสามารถที่จะดูแลได้ เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศในโลกใบนี้ แต่อย่าวางใจในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล รวมถึงการใส่หน้ากาก ซึ่งดีใจ ผมมีโอกาสไปประชุมเปิดงานตามศูนย์การค้าต่างๆ คนส่วนใหญ่ยังสวมหน้ากากกันอยู่ ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือให้มากที่สุดในเรื่องการติดเชื้อ การตรวจ ATK อะไรต่างๆ บางคนขณะนี้ก็ตรวจกันเองได้ด้วย ก็ขอให้ระวังตัวเองก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯ กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา การมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เพื่อที่จะเสริมเท่านั้นเอง ถ้าสามารถที่จะลดระดับลงได้ตนก็พร้อมที่จะลดให้ ซึ่งวันนี้ยังหารือกันอยู่ในความจำเป็น เรื่องการบูรณาการ การใช้หน่วยงาน การมีไว้ใช้จะเป็นการสำรองไว้ ตนไม่ได้มุ่งหวังใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อประเด็นอื่นเลย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในเรื่องของโควิด-19 เท่านั้น คือสิ่งสำคัญ เพื่อให้หลายหน่วยงานได้ทำงานร่วมมือกัน อย่างวันนี้เรื่องน้ำท่วมอะไรต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องร่วมมือกันทุกอัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกหน่วยงานพยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือเต็มที่ ขอให้มองในแง่ดีบ้าง มีแล้วมันเกิดประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ลองดูแล้วกัน ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ อยู่ที่สื่อมวลชนด้วยช่วยกันทำความเข้าใจ

'อ.กิตติธัช' ทวนความจำบทเรียนครั้งสำคัญของคนไทย เมื่อดราม่าโควิด ถูก 'สื่อ-คนดัง-นักการเมือง' หลอกลวง

กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 'Kittitouch Chaiprasith' ระบุว่า...

บทเรียนครั้งสำคัญของคนไทย
ที่ถูกสื่อ คนดัง นักการเมืองหลอกลวง
กับดราม่าเรื่องวัคซีนโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว

วันนี้ผมจะกลับมาทบทวนความจำให้สังคมไทยกันอีกครั้ง เพื่อให้ตกผลึกและทบทวนความจำกันนะครับ

1. วัคซีนโควิด-19 (ในเวลานั้น) เป็นวัคซีน 'ใช้กรณีฉุกเฉิน' (Emergency Usage Authorization) บริษัทผู้ผลิตจะไม่ขายให้เอกชนรายใดทั้งสิ้น เขาจะขายให้แต่กับรัฐบาลโดยตรงเท่านั้น เพราะมันต้องใช้ข้อกฎหมายยกเว้น เพราะหากมีผลข้างเคียง ก็จะได้ฟ้องร้องไม่ได้

2. วัคซีนทุกชนิดมี 'ตัวแทนจำหน่าย' วัคซีนของไฟเซอร์ ก็มีบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทย, โมเดอน่าก็มีบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา, ซิโฟาร์ม ก็มีไบโอจีนีเทค เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายหรือดีลกับรัฐ

ดังนั้นที่คุณเห็นนักการเมืองฝ่ายค้าน Influencer สื่อ สถาปนิกชื่อดัง และเครือข่ายทั้งหลาย ออกมาโพนทะนานว่า "เพื่อนคนนั้นคนนี้มีเส้นสายบริษัท ติดต่อเอาเข้าวัคซีนมาได้" "ผมมีติดต่อรุ่นพี่ในบริษัทวัคซีนให้ช่วย" บลาๆๆ

ทั้งหมดคือ 'การโกหก' ในรูปแบบ 18 มงกุฎที่ตั้งใจหลอกลวงประชาชน เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจหรือประโยชน์ทางการเมืองทั้งสิ้น

หมายเหตุ : ตอนนั้นบริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย ออกหนังสือแถลงการณ์มา 3 รอบ (แบบเดียวกับที่ผมพูดข้างบน) แต่สื่อ นักการเมือง และ Influencer ดังสายการเมืองก็ยังคงหน้าด้าน ไม่สนใจ และโกหกประชาชนอยู่ต่อไป

https://www.reuters.com/world/asia-pacific/thai-hospital-tycoon-sticks-guns-vaccine-claims-2021-07-16/

ขอให้สังคมไทยจำชื่อของคนเหล่านั้นไว้ให้ดี ทั้ง สื่อและ Influencer ทุกคนที่พยายามปั่นกระแสเรื่องวัคซีน ให้คนเข้าใจว่า 'รัฐบาลกีดกันไม่ยอมให้นำเข้าวัคซีน' และปั่นเพื่อเชิดชูคนที่โกหกหลอกลวงประชาชนให้เป็นฮีโร่

ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าทั้งหมดที่คนเหล่านั้นทำ เขาทำไปเพราะเขามองพวกคุณเป็นแค่ 'หมากทางการเมือง' ที่จะปั่นหัว จะเอากะลา (สื่อ) มาครอบอย่างไรก็ได้ จะหลอกจะชี้นำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง

ขอเพียงแค่ให้ได้โจมตีรัฐบาลที่ไม่ใช่ฝั่งพวกเขา และมาเชิดชูนักการเมืองที่พวกเขาหนุนเท่านั้นเอง

วันนี้ผมคิดว่าคนไทยจำนวนมาก น่าจะเริ่มตาสว่างกันมากขึ้นแล้ว ว่าคุณเผชิญอยู่ในยุคที่คนทำสื่อและ Influencer ดัง พร้อมจะหลอกปั่นหัวพวกคุณ ด้วยเรื่องโกหก บิดเบือนได้ทุกอย่าง

ทั้งที่ปากพวกเขาอ้างว่า "เขารักเทิดทูน เป็นฝ่ายประชาธิปไตย" แต่คุณจะเห็นได้ว่าการกระทำของพวกเขาล้วนตรงข้ามกับคำว่าประชาธิปไตยทั้งสิ้น 

ประชาธิปไตยที่ดีตามหลักการปกครอง คือการให้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนเป็นจริง เพื่อประชาชนจะได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง

แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นทำ ล้วนแต่เป็นการโกหกหลอกลวง บิดเบือนข้อมูลหรือเลือกนำเสนอครึ่งหนึ่งเสี้ยวเดียว เพื่อให้คุณเข้าใจผิดๆ ดังนั้นการกระทำของพวกเขา จึงตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตย (ที่ดี) อย่างสิ้นเชิง

ก็หวังว่าบทเรียนครั้งนี้ จะสอนสังคมไทยให้ได้โตขึ้นไปอีกขั้นและมีภูมิคุ้มกันที่ดีกับเรื่องโกหก บิดเบือนเหล่านี้มากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ

เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เราคงได้แต่รอวันที่สังคมไทยพังพินาศ เพราะถูกนักสร้างภาพหลอกลวงพวกนี้ กลับขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ดังเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับเรื่องวัคซีนโควิด-19


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top