โควิดระลอกใหม่แรงทุบสถิติ ติดเชื้อ 1.3 หมื่น/วัน 'สธ.ไทย' ชี้!! ปลายกุมภาพันธ์ อาจแตะ 3 หมื่น
(9 ก.พ. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากถึง 13,182 ราย ถือเป็นยอดสูงสุดครั้งแรกในระลอกเดือนมกราคม 2565
>>ติดเชื้อทุบสถิติ13,182-ตาย 24 ราย
ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,182 รายนั้น จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 13,043 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 139 ราย ผู้ป่วยสะสม 307,616 ราย นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 หายป่วยกลับบ้าน 8,571 ราย หายป่วยสะสม 241,383 รายนับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ผู้ป่วยกำลังรักษา 98,830 ราย เสียชีวิต 24 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายจากการตรวจด้วยชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) อีก 5,928 ราย อาการหนักใช้ท่อช่วยหายใจ 111 ราย อาการหนัก 547 ราย
>>กทม.พุ่งพรวด2,757-ปากน้ำ1,133
ศบค.ระบุด้วยว่าสำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด 1.) ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ติดเชื้อใหม่พุ่ง 2,757 ราย 2.) สมุทรปราการ 1,133 ราย 3.) ชลบุรี 641 ราย 4.) นนทบุรี 560 ราย 5.) ภูเก็ต 425 ราย 6.) สมุทรสาคร 366 ราย 7.) นครราชสีมา 306 ราย 8.) ราชบุรี293 ราย 9.) มหาสารคาม277 ราย 10.) เชียงใหม่ 252 ราย ทั้งนี้ในกลุ่ม 10 อันดับ จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดพบว่า กรุงเทพฯ 2,757 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์อยู่ที่ 1,897 ราย ถือเป็นสถิติใหม่ของจำนวนผู้ติดเชื้ออีกครั้ง
>>โควิดเอเชียขาขึ้นเปิดกิจกรรมติดเชื้อขยับ
ด้านนพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่งสูงขึ้นวันเดียวมากถึง 13,182 ราย และผลตรวจ ATK เข้าข่ายติดเชื้ออีก 5,928 รายว่า การประเมินสถานการณ์โควิดทั่วโลก จะเห็นว่าต่างประเทศอย่างยุโรป อเมริกา อยู่ในช่วงขาลงของการระบาด พบติดเชื้อลดลง แต่ขณะที่ทวีปเอเชียและประเทศไทย อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงพบตัวเลขสูงขึ้นได้ ปัจจัยหลักของไทย เกิดจากเราเปิดกิจกรรมกันมากขึ้น กิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้นมาก จะเหลือเพียงผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ แต่ก็สามารถเปิดในรูปแบบร้านอาหารได้ ฉะนั้น ตอนนี้เราใช้ชีวิตเหมือนปกติแล้ว การติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ไม่อยากให้กังวลเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อ อยากให้ดูจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเป็นสำคัญ
>>จับตาป่วยหนักไม่ให้เกิน 200 คน/วัน
ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยากล่าวต่อว่า ข้อมูลล่าสุด มีผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างรักษาทั้งที่โรงพยาบาล (รพ.) และรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ประมาณ 90,000 ราย ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ใน รพ. และพบว่า ร้อยละ 90 ของคนที่อยู่ในรพ.ไม่มีอาการหรือมีเล็กน้อยมาก ส่วนผู้อาการรุนแรงต้องใส่ช่วยหายใจ มีประมาณ 111 ราย คิดเป็นอัตรา ร้อยละ 0.1 ของผู้ติดเชื้อ ซึ่งเราพยายามประคองให้ไม่เกินวันละ 200 รายจากที่เราเคยพบสูงถึง 1,300 ราย ในช่วงระบาดของเชื้อเดลตา ทำให้ไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วยโรคอื่น เราไม่อยากให้เกิดภาพนั้น
>>ปลายกพ. จุดพีกยอดอาจแตะ 3 หมื่น
“ขณะนี้ค่อนข้างสบายใจได้กว่ารอบเดลตา ที่ติดเชื้อสูงและมีตัวเลขป่วยหนัก เสียชีวิตตามมา แต่รอบนี้ติดเชื้อสูงแต่อาการหนักยังน้อยอยู่ ทั้งนี้ อีก 2-3 สัปดาห์จะมีตัวเลขป่วยหนัก เสียชีวิตเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะคาดว่าปลายเดือนนี้ ถึงต้นเดือนหน้าจะถึงจุดพีกของการระบาด ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในเส้นฉากทัศน์ที่เงื่อนไขว่า หากไม่มีมาตรการอะไรเลย ก็คิดว่าจะถึง 3 หมื่นรายใหม่ต่อวัน และเราจะอยู่ในตัวเลขนั้นนานแค่ไหนขึ้นกับมาตรการที่เราจะใช้ควบคุมสถานการณ์ ถ้าประชาชนช่วยป้องกันจะไม่ยาว” นพ.จักรรัฐ กล่าว
>>ย้ำลดปัจจัยเสี่ยงลดยอดโคมา-ตาย
และว่า ไม่อยากเห็นตัวเลขสูงถึงที่คาดการณ์ไว้ แต่วันนี้ก็เห็นตัวเลขที่ 1.3 หมื่นราย แล้ว ดังนั้น เราต้องช่วยกันลดปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อ เพราะขณะนี้เกิดติดเชื้อในครอบครัวเป็นหลัก ลดรวมตัวของคน เช่น รับประทานอาหาร นักเรียนเล่นกีฬารวมกัน และลดความเสี่ยงในที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม หากจะลดอัตราป่วยหนัก เราต้องลดความเสี่ยงนำเชื้อเข้าไปติดในกลุ่มเสี่ยง 608 และขอให้กลุ่มนี้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ตามกำหนด ย้ำว่าตรงนี้จำเป็นมาก ถ้าเราติดเชื้อมากขึ้น แต่ตัวเลขป่วยหนักไม่เพิ่มขึ้น การเสียชีวิตไม่สูงก็จะไม่น่ากังวล เราก็อยู่ร่วมกับโควิดต่อไปได้
>>พีกต่อเนื่องอาจไม่ได้จัดสงกรานต์
“ประเด็นคือ หากติดเชื้อถึงพีกเยอะๆ แล้วคนยังตกใจอยู่ สงกรานต์ปีนี้ เราอาจไม่ได้จัดเทศกาล ฉะนั้น เราต้องช่วยกันสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจว่า ติดเชื้อแล้วอาการรุนแรงมีความสำคัญมาก เราต้องเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นรองรับกลุ่มเสี่ยง” นพ.จักรรัฐ กล่าว และว่า สิ่งสำคัญที่ต้องฝากถึงทุกคน คือ 1.) การปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เลี่ยงเข้าสถานที่แออัด หมั่นล้างมือ ช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกับคนที่เสี่ยงสูงแม้จะรู้จักกันก็ตาม 2.) หากบ้านที่มีกลุ่มเสี่ยง 608 และเด็ก ขอให้คนอื่นในบ้านเว้นระยะห่าง เลี่ยงรับประทานอาหารร่วมกัน สวมหน้ากากอนามัย และ 3.) เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ก็รับเข็มกระตุ้นเป็นแอสตร้าเซนเนก้า ผู้ที่รับซิโนแวค+แอสตร้าฯ ก็รับแอสตร้าฯ และผู้ที่รับแอสตร้าฯ 2 เข็ม ก็รับไฟเซอร์ เพื่อให้มั่นใจว่า แม้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยอาการหนักจะไม่เพิ่มขึ้นตาม