Friday, 3 May 2024
โควิด19

โควิดระลอกใหม่แรงทุบสถิติ ติดเชื้อ 1.3 หมื่น/วัน 'สธ.ไทย' ชี้!! ปลายกุมภาพันธ์ อาจแตะ 3 หมื่น

(9 ก.พ. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากถึง 13,182 ราย ถือเป็นยอดสูงสุดครั้งแรกในระลอกเดือนมกราคม 2565 

>>ติดเชื้อทุบสถิติ13,182-ตาย 24 ราย 

ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,182 รายนั้น จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 13,043 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 139 ราย ผู้ป่วยสะสม 307,616 ราย นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 หายป่วยกลับบ้าน 8,571 ราย หายป่วยสะสม 241,383 รายนับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ผู้ป่วยกำลังรักษา 98,830 ราย เสียชีวิต 24 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายจากการตรวจด้วยชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) อีก 5,928 ราย อาการหนักใช้ท่อช่วยหายใจ 111 ราย อาการหนัก 547 ราย 

>>กทม.พุ่งพรวด2,757-ปากน้ำ1,133 

ศบค.ระบุด้วยว่าสำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด 1.) ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ติดเชื้อใหม่พุ่ง 2,757 ราย 2.) สมุทรปราการ 1,133 ราย 3.) ชลบุรี 641 ราย 4.) นนทบุรี 560 ราย 5.) ภูเก็ต 425 ราย 6.) สมุทรสาคร 366 ราย 7.) นครราชสีมา 306 ราย 8.) ราชบุรี293 ราย 9.) มหาสารคาม277 ราย 10.) เชียงใหม่ 252 ราย ทั้งนี้ในกลุ่ม 10 อันดับ จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดพบว่า กรุงเทพฯ 2,757 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์อยู่ที่ 1,897 ราย ถือเป็นสถิติใหม่ของจำนวนผู้ติดเชื้ออีกครั้ง

>>โควิดเอเชียขาขึ้นเปิดกิจกรรมติดเชื้อขยับ 

ด้านนพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่งสูงขึ้นวันเดียวมากถึง 13,182 ราย และผลตรวจ ATK เข้าข่ายติดเชื้ออีก 5,928 รายว่า การประเมินสถานการณ์โควิดทั่วโลก จะเห็นว่าต่างประเทศอย่างยุโรป อเมริกา อยู่ในช่วงขาลงของการระบาด พบติดเชื้อลดลง แต่ขณะที่ทวีปเอเชียและประเทศไทย อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงพบตัวเลขสูงขึ้นได้ ปัจจัยหลักของไทย เกิดจากเราเปิดกิจกรรมกันมากขึ้น กิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้นมาก จะเหลือเพียงผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ แต่ก็สามารถเปิดในรูปแบบร้านอาหารได้ ฉะนั้น ตอนนี้เราใช้ชีวิตเหมือนปกติแล้ว การติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ไม่อยากให้กังวลเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อ อยากให้ดูจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเป็นสำคัญ

>>จับตาป่วยหนักไม่ให้เกิน 200 คน/วัน 

ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยากล่าวต่อว่า ข้อมูลล่าสุด มีผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างรักษาทั้งที่โรงพยาบาล (รพ.) และรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ประมาณ 90,000 ราย ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ใน รพ. และพบว่า ร้อยละ 90 ของคนที่อยู่ในรพ.ไม่มีอาการหรือมีเล็กน้อยมาก ส่วนผู้อาการรุนแรงต้องใส่ช่วยหายใจ มีประมาณ 111 ราย คิดเป็นอัตรา ร้อยละ 0.1 ของผู้ติดเชื้อ ซึ่งเราพยายามประคองให้ไม่เกินวันละ 200 รายจากที่เราเคยพบสูงถึง 1,300 ราย ในช่วงระบาดของเชื้อเดลตา ทำให้ไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วยโรคอื่น เราไม่อยากให้เกิดภาพนั้น

>>ปลายกพ. จุดพีกยอดอาจแตะ 3 หมื่น

“ขณะนี้ค่อนข้างสบายใจได้กว่ารอบเดลตา ที่ติดเชื้อสูงและมีตัวเลขป่วยหนัก เสียชีวิตตามมา แต่รอบนี้ติดเชื้อสูงแต่อาการหนักยังน้อยอยู่ ทั้งนี้ อีก 2-3 สัปดาห์จะมีตัวเลขป่วยหนัก เสียชีวิตเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะคาดว่าปลายเดือนนี้ ถึงต้นเดือนหน้าจะถึงจุดพีกของการระบาด ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในเส้นฉากทัศน์ที่เงื่อนไขว่า หากไม่มีมาตรการอะไรเลย ก็คิดว่าจะถึง 3 หมื่นรายใหม่ต่อวัน และเราจะอยู่ในตัวเลขนั้นนานแค่ไหนขึ้นกับมาตรการที่เราจะใช้ควบคุมสถานการณ์ ถ้าประชาชนช่วยป้องกันจะไม่ยาว” นพ.จักรรัฐ กล่าว

>>ย้ำลดปัจจัยเสี่ยงลดยอดโคมา-ตาย

และว่า ไม่อยากเห็นตัวเลขสูงถึงที่คาดการณ์ไว้ แต่วันนี้ก็เห็นตัวเลขที่ 1.3 หมื่นราย แล้ว ดังนั้น เราต้องช่วยกันลดปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อ เพราะขณะนี้เกิดติดเชื้อในครอบครัวเป็นหลัก ลดรวมตัวของคน เช่น รับประทานอาหาร นักเรียนเล่นกีฬารวมกัน และลดความเสี่ยงในที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม หากจะลดอัตราป่วยหนัก เราต้องลดความเสี่ยงนำเชื้อเข้าไปติดในกลุ่มเสี่ยง 608 และขอให้กลุ่มนี้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ตามกำหนด ย้ำว่าตรงนี้จำเป็นมาก ถ้าเราติดเชื้อมากขึ้น แต่ตัวเลขป่วยหนักไม่เพิ่มขึ้น การเสียชีวิตไม่สูงก็จะไม่น่ากังวล เราก็อยู่ร่วมกับโควิดต่อไปได้

>>พีกต่อเนื่องอาจไม่ได้จัดสงกรานต์

“ประเด็นคือ หากติดเชื้อถึงพีกเยอะๆ แล้วคนยังตกใจอยู่ สงกรานต์ปีนี้ เราอาจไม่ได้จัดเทศกาล ฉะนั้น เราต้องช่วยกันสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจว่า ติดเชื้อแล้วอาการรุนแรงมีความสำคัญมาก เราต้องเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นรองรับกลุ่มเสี่ยง” นพ.จักรรัฐ กล่าว และว่า สิ่งสำคัญที่ต้องฝากถึงทุกคน คือ 1.) การปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เลี่ยงเข้าสถานที่แออัด หมั่นล้างมือ ช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกับคนที่เสี่ยงสูงแม้จะรู้จักกันก็ตาม 2.) หากบ้านที่มีกลุ่มเสี่ยง 608 และเด็ก ขอให้คนอื่นในบ้านเว้นระยะห่าง เลี่ยงรับประทานอาหารร่วมกัน สวมหน้ากากอนามัย และ 3.) เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ก็รับเข็มกระตุ้นเป็นแอสตร้าเซนเนก้า ผู้ที่รับซิโนแวค+แอสตร้าฯ ก็รับแอสตร้าฯ และผู้ที่รับแอสตร้าฯ 2 เข็ม ก็รับไฟเซอร์ เพื่อให้มั่นใจว่า แม้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยอาการหนักจะไม่เพิ่มขึ้นตาม

ไม่ต้องรอมี ส.ส.!! ‘กรณ์’ นำทีมพรรคกล้า! ลงพื้นที่แก้ ‘หนี้นอกระบบ’ หวังช่วย ‘คนจนเมือง’ ลืมตาอ้าปากได้!!

12 ก.พ.2565 เวลา 09.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายนที ศิริธรรมวัฒน์ , นายธีรพงศ์ พงษ์ศิริเดชา ทีมพรรคกล้า กทม. จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ชุมชนอินทามระ 29 แยก 4 โดยมีประชาชนร่วมรับฟัง โดยเฉพาะคนในชุมชน พ่อค้าแม่ค้า ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งส่วนใหญ่จำเป็นต้องนำเงินมาหมุน เนื่องจากรายได้ลดลง เพราะสถานการณ์โควิด-19 

นายกรณ์ กล่าวกับชาวบ้านว่า วันนี้พรรคกล้ามารับฟังความต้องการของพี่น้องที่เจอปัญหา เพื่อประสานกับสถาบันการเงินให้เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือ ช่วยหาวิธีปลดภาระหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงแม้รัฐบาลพยายามออกมาตรการเยียวยาต่าง ๆ แต่เป็นแค่การอุดช่องโหว่ ไม่ได้มาแก้ปัญหาสะสมที่มีอยู่ 

"สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่มีใครมีไม่มีปัญหาเรื่องหนี้ ซึ่งตนเองเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยออกนโยบายที่ยิงตรงแก้ปัญหาระดับประชาชน โดยหนึ่งในเรื่องที่ทำคือการแก้หนี้นอกระบบ ชาวบ้านรับภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินสมควร ตั้งแต่ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือร้อยละ 20 ต่อเดือน ดังนั้น การช่วยชาวบ้านอันดับแรกต้องปลดหนี้ให้ หรือหาวิธีทำให้ภาระหนี้สามารถแบกรับได้ด้วยอาชีพปกติ ซึ่งวิธีการที่เคยใช้ คือการเอาเงินจากธนาคารของรัฐ โอนเข้าบัญชีเจ้าหนี้นอกระบบโดยตรง และโอนหนี้มาเป็นของรัฐ โดยลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ1 เพื่อให้ประชาชนมีกำลังจ่าย แบกรับภาระหนี้ได้ โดยปี 2552 มีประชาชนได้รับการช่วยเหลือถึง 5 แสนกว่าคน มีหนี้เสียไม่ถึงร้อยละ 1" นายกรณ์ กล่าว 

นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ทีมพรรคกล้า กทม. ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวว่า วิธีแก้หนี้นอกระบบ ต้องปิดหนี้ดอกเบี้ยสูง หาเงินหมุนที่ดอกเบี้ยต่ำ โดยให้ประชาชนในชุมชนแจ้งจำนวนหนี้ ดอกเบี้ย รายได้ เงินหมุนทำมาหากิน โดยพรรคกล้าจะเป็นสื่อกลาง ประสานแจ้งปัญหาต่อสถาบันการเงิน 

Meet THE STATES TIMES 'เดอะ ดีเบต' | EP.2

📌ร่วมถกประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์ ผ่านมุมมองสร้างสรรค์ และคมคิดที่น่าสนใจ ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’

🔥 ในประเด็นร้อน 🔥
1.) เกาะติดความเคลื่อนไหว ‘การอภิปรายทั่วไป’
2.) ‘โควิดไทย’ แรงเบอร์ไหน? ยาสูตรใดตอบโจทย์?
3.) ทางสองแพร่ง ของ 'กวาง เดียร์ลอง’
4.) ปลุกความคิดจากความตาย Miss USA 2019

🔥ไปกับ ‘โบว์ - ณัฏฐา มหัทธนา’ ดำเนินรายการโดย ‘หยก THE STATES TIMES’

ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’ ร่วมถกประเด็นสุด​ Exclusive​ ระหว่าง​ THE​ STATES​ TIMES​ และ​ 'โบว์​ ณัฏฐา'​

Liveสดทุกวันเสาร์ 20.00 น.

.

.

'พรรคกล้าพังงา' พบผู้ป่วยโควิดไม่ได้รับการดูแลตามสิทธิ์ สปสช. ตั้งข้อสังเกตติดขัดเรื่องงบประมาณหรือไม่ 

24 ก.พ. 65 นายกานต์ เพชรบูรณ์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พังงา พรรคกล้า กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสิทธิ์ สปสช. เข้าระบบการดูแลที่บ้าน (Home Isolation: HI) ในพื้นที่จังหวัดพังงาไม่ต่ำกว่า 10 ราย ว่าไม่ได้รับการดูแลตามสิทธิ์ที่ควรจะได้ ซึ่งเข้าใจว่า สปสช. มีงบประมาณดูแลต่อหัววันละ 1,000 บาท รวมระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน แบ่งเป็นค่าติดตามดูแลผู้ป่วย 600 บาท ค่าอาหาร 3 มื้อ 400 บาท กรณีที่ไม่สามารถจัดหาอาหารได้ สปสช. ก็จะจ่ายให้เฉพาะค่าติดตามดูแล แต่ปรากฏว่ามีผู้ป่วยหลายรายได้รับการดูแลที่ไม่เหมือนกัน บางส่วนได้การดูแลครบ แต่ก็มีแจ้งมาว่าดูแลไม่ครบตามที่ควรจะได้สิทธิ์ บางคนไม่ได้การติดตามดูแล บางคนไม่ได้รับอาหาร

“ทราบมาว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีสิทธิ์ จะมีไลน์กลุ่มให้เข้าร่วมกัน แต่ก็พบว่าในกลุ่มเดียวกัน ได้รับการดูแลไม่เท่ากัน ซึ่งไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความขัดข้องที่ใด ติดที่การตรวจสอบ ติดที่งบประมาณ หรือติดขัดการเบิกจ่ายไม่ทัน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด สปสช. เร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหา พร้อมทำความเข้าใจกับผู้ติดเชื้อที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงขอให้ สปสช. และรัฐบาล ดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณและการดูแลทั่วประเทศ เพราะอาจเกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันได้” นายกานต์ กล่าว

Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’ | EP.3

📌ร่วมถกประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์ ผ่านมุมมองสร้างสรรค์ และคมคิดที่น่าสนใจ ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’

🔥 ในประเด็นร้อน 🔥
1.) ‘โรฮีนจา’ ผู้ลี้ภัยที่​ ‘ใคร’ ต้องยอมรับ?
2.) ปลุกความคิดจากความตาย Miss USA 2019
3.) โค้งสุดท้ายก่อนจบ ‘โควิด-19’
4.) ‘สังคมไร้ทายาท’ แก่นแท้หรือแค่เทรนด์?

🔥ไปกับ ‘โบว์ - ณัฏฐา มหัทธนา’ ดำเนินรายการโดย ‘หยก THE STATES TIMES’

ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’ ร่วมถกประเด็นสุด​ Exclusive​ ระหว่าง​ THE​ STATES​ TIMES​ และ​ 'โบว์​ ณัฏฐา'​

Liveสดทุกวันเสาร์ 20.00 น.

🎥 ช่องทางรับชม LIVE 
Facebook: THE STATES TIMES
YouTube: THE STATES TIMES
TikTok: THE STATES TIMES

‘ธีรรัตน์’ อัดรัฐ!! ‘ทำติดโควิดจากเบาเป็นหนัก’ เหตุรัฐบริหารจัดการล้มเหลวซ้ำซาก

ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศยังน่าเป็นห่วง โดยจากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 ทุกระดับสี ยังประสบปัญหาในการเข้าสู่ระบบการรักษาหลังรู้ว่าติดเชื้อจำนวนมาก 

การติดต่อหมายเลข 1330 ที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการติดต่อกลับอย่างทันท่วงที ประชาชนไม่รับทราบถึงวิธีการดูแลตัวเองในเบื้องต้นและไม่ได้รับยาสามัญ ทำให้อาการติดเชื้อจากเบากลายเป็นหนัก ส่งผลต่อจำนวนเตียงในระบบโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ที่ต้องกลับเข้าสู่สภาพที่เรียกว่า ‘คัดเคส’ 

ผู้ที่สามารถเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้จะต้องมีประกันชีวิตที่ทำไว้กับบริษัทเอกชนเท่านั้น แต่หากจะต้องกักตัวใน Hospitel จะต้องจ่ายมัดจำก่อนเข้าพักถึง 80,000 หมื่นบาท เพื่อกันไว้สำหรับการใช้บริการ เพราะภาคเอกชนไม่วางใจรัฐบาลโดย สปสช. อาจจะไม่มีเงินจ่ายให้กับเอกชนแล้ว

สถานการณ์ผู้ป่วยโควิดไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นไปแบบ ‘ต่างคนต่างทำ’ มีระบบการ ‘จับคู่’ ที่หน่วยงานภาครัฐ จัดให้ประชาชนในพื้นที่หนึ่ง สามารถเข้ารับการรักษาในคลินิกชุมชนแห่งนั้น แต่ไม่มีระบบการส่งตัวไปยังโรงพยาบาล โดยทั้งหมดไม่ได้มีการประสานกับโรงพยาบาล ทำให้เกิดความสับสนทั้งในส่วนของประชาชนและผู้ปฏิบัติทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน จนในท้ายที่สุดผู้ป่วยไม่มีสถานที่เข้าพักรักษาตัวจำนวนมาก 

Meet THE STATES TIMES 'เดอะ ดีเบต' | EP.4

📌ร่วมถกประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์ ผ่านมุมมองสร้างสรรค์ และคมคิดที่น่าสนใจ ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’

🔥 ในประเด็นร้อน 🔥
1.) บทบาทสื่อ กับปรากฏการณ์ทุบกระติก
2.) ฤดูสอบเข้า - ฤดูแป๊ะเจี๊ยะโรงเรียนไทย​ 
3.) นวัตกรรมพิฆาตโควิด - อนาคตสาธารณสุขไทย

🔥ไปกับ ‘โบว์ - ณัฏฐา มหัทธนา’ ดำเนินรายการโดย ‘หยก THE STATES TIMES’

ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’ ร่วมถกประเด็นสุด​ Exclusive​ ระหว่าง​ THE​ STATES​ TIMES​ และ​ 'โบว์​ ณัฏฐา'​

.

.

คืบหน้า!! วัคซีนโควิดสัญชาติไทย ทดสอบในคนแล้ว 4 ชนิด ส่วนแบบพ่นจมูก พร้อมทดสอบในคน​ Q2​ ลุ้นขาย​ Q3

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ขณะนี้มีวัคซีนที่อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา กว่า 20 ชนิด โดยวัคซีนที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด 4 ชนิด ได้แก่ วัคซีน Chula-Cov19 วัคซีน HXP-GPOVac วัคซีน Baiya SARS-CoV-2 Vax และวัคซีน Covigen อยู่ในขั้นการทดสอบในมนุษย์ และหากทดสอบครบ 3 ระยะ จะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.)ได้ 

สำหรับวัคซีนตัวอื่น อยู่ในระดับทดสอบในสัตว์ทดลอง และมีหลายประเภท ทั้งชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral Vector) ชนิดโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ (Protein Subunit) ชนิดสารพันธุกรรม (mRNA) ชนิดอนุภาคไวรัสเสมือน (Virus-like particle: VLP) เป็นต้น ความก้าวหน้าของการพัฒนาวัคซีนมาจากความร่วมมืออย่างเต็มที่ของหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ อาทิ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สวทช. โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สถาบันอุดมศึกษา เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชน เป็นต้น

พระเอกขี่ม้าขาว? ยูเครนร้องจีนช่วยยุติสงคราม ด้านจีนตอบรับพร้อมเป็น 'คนกลาง' | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.42

✨ พระเอกขี่ม้าขาว? ยูเครนร้องจีนช่วยยุติสงคราม ด้านจีนตอบรับพร้อมเป็น 'คนกลาง'
✨ จีนได้ประโยชน์เต็มๆ !! หลังยุโรปแบนธนาคารรัสเซีย ออกจากระบบการโอนเงินข้ามชาติ
✨ 'เราเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด' นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศนโยบาย ยกเลิกการกักตัวและการแจกชุดตรวจ
✨ Social Media กระอัก หลัง Android อัปเดตใหม่ ลดการติดตามข้ามแอปพลิเคชัน กระทบรายได้โฆษณานับแสนล้าน
✨ ญี่ปุ่นเตรียมออกกฎหมาย ห้ามคนเคยทำผิดคดีทางเพศ เข้ามาทำอาชีพครูและพี่เลี้ยงเด็ก

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

สหรัฐฯ ปรับระดับไทย กลุ่มประเทศเสี่ยงสูงสุดโควิดระบาด แนะ!! ชาวมะกัน เลี่ยงไปเยือน

8 มี.ค. 65 สื่อต่างประเทศรายงานว่า สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว CDC adds former Covid success stories to its highest-risk category for travel ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ได้ปรับระดับประเทศไทย, นิวซีแลนด์ และเกาะฮ่องกง ขึ้นไปอยู่ในระดับ 4 หรือระดับสูงที่สุด ด้านความเสี่ยงจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เวียดนามเพิ่มถูกจัดให้อยู่ในระดับ 4 ส่วนประเทศอื่นๆ ในกลุ่มนี้ ได้แก่ แคนาดา, อียิปต์, ฝรั่งเศส, กรีซ, เปรู และสิงคโปร์ ส่วนสหราชอาณาจักรอยู่ในระดับ 4 มาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2564

อย่างไรก็ตาม ไม่มีสหรัฐฯ อยู่ในรายการคำแนะนำ แต่มีการกำหนดรหัสสีไว้อยู่ในกลุ่มระดับ 4 เช่นกัน ซึ่งประเทศที่อยู่ในระดับ 4 นี้ CDC แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปเยือน

สำหรับฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ก่อนหน้านี้ได้รับการยกย่องเรื่องความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มากนัก แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อต้องเผชิญกับไวรัสกลายพันธุ์สายโอมิครอน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น บนเกาะฮ่องกง ห้องเก็บศพใกล้เต็ม ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล สินค้าอุปโภค-บริโภคถูกซื้อจนแทบเกลี้ยงซูเปอร์มาร์เก็ต และทางการต้องจำกัดการเดินทางรวมถึงเที่ยวบินขาเข้า ส่วนนิวซีแลนด์ มีแผนการเปิดประเทศรับชาวต่างชาติช่วงปลายปี 2565 และยังคงมาตรการกักตัวอย่างเข้มงวดต่อไป

ขณะที่ไทย ประเทศที่เคยทำรายได้จากการท่องเที่ยวสูงที่สุดในทวีปเอเชีย เมื่อปี 2562 กลับมาเริ่มโครงการ Test & Go อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัวนาน ทั้งนี้ เกณฑ์การจัดระดับความเสี่ยงจะพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศปลายทางเป็นหลัก เช่น ระดับ 4 หมายถึงมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อมากกว่า 500 คนขึ้นไปต่อประชากร 1 แสนคนในช่วง 28 วันล่าสุด โดยก่อนหน้านี้ ทั้งไทย นิวซีแลนด์ และฮ่องกง อยู่ในกลุ่มระดับ 3 หรือความเสี่ยงสูง

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ประเทศหรือดินแดนที่เพิ่งถูกจัดให้อยู่ในความเสี่ยงระดับ 3 หรือเสี่ยงสูง หมายถึงมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อ 100-500 คนต่อประชากร 1 แสนคนในช่วง 28 วันล่าสุด ในวันที่ 7 มี.ค. 2565 ประกอบด้วย แองกวิลลา เคปเวิร์ด ฟิจิ เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งหมดเคยอยู่ในกลุ่มระดับ 4 มาก่อน อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เม็กซิโกมีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่มีเงื่อนไขด้านการตรวจคัดกรองโรคหรือการฉีดวัคซีนโควิด-19

การปรับระดับความเสี่ยงโควิด-19 ของประเทศต่างๆ โดย CDC รอบล่าสุดนี้ หลายประเทศในทวีปแอฟริกาถูกปรับลดความเสี่ยงจากระดับ 3 ลงไปอยู่ที่ระดับ 2 หรือเสี่ยงปานกลาง หมายถึงมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อ 50-99 คนต่อประชากร 1 แสนคนในช่วง 28 วันล่าสุด ได้แก่ แองโกลา จิบูติ อิเควทอเรียลกินี เอธิโอเปีย แกมเบีย มอริทาเนีย โมซัมบิก นามิเบีย และเซเนกัล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top