Saturday, 4 May 2024
เชียงใหม่

เปิดไวรัลดัง!! ‘เจ้าอาวาสวัดฝายหิน’ ติง!! ‘พิธา’ เรื่องนโยบายอิงสถาบัน ด้านเจ้าตัว ยัน!! ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ท่ามกลางชาวเน็ตแห่วิจารณ์สนั่น

พาไปรู้จักกับ ‘วัดฝายหิน’ อีกหนึ่งวัดงามเมืองเชียงใหม่ ที่กำลังเป็นไวรัลโด่งดัง หลังเจ้าอาวาสวัดติงนายพิธาเรื่องนโยบายสถาบัน งานนี้ทำชาวเน็ตเสียงแตก โดยฝั่งด้อมส้มต่างเม้นต์ตำหนิเจ้าอาวาสว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวการเมือง ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างออกมาชื่นชมท่านเจ้าอาวาส พร้อมตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่นายพิธาตอบกลับเจ้าอาวาสว่าเชื่อได้หรือไม่?

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) หลังนาย ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปทำภารกิจดับไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางคำถามและข้อสงสัยมากมายจากชาวเน็ต ก่อนที่จะเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘วัดฝายหิน’ พร้อมเข้ากราบนมัสการ ‘พระครูสมุห์ วิษุวัตร วรกิจจฺโจ’ เจ้าอาวาสวัดฝายหิน ซึ่งกลายเป็นไวรัลโด่งดัง

โดยท่านเจ้าอาวาสวัดฝายหินได้ติงนายพิธาเรื่องนโยบายสถาบัน ดังบทสนทนาที่ชาวเน็ตแชร์กันเป็นจำนวนมาก ดังนี้

เจ้าอาวาส : “เขาเป็นสมมติเทพ ชาวบ้านเขาเคารพนับถือแต่ไหนแต่ไรมา...ทำไมไปคิดถึงขั้นนั้น...แม้โยมจะบอกว่าไม่ได้คิด....แต่ถ้าบริวารคิด... แล้วโยมก็จะผิด”

พิธา : “ครับ พวกเราไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นครับ...เราอยากให้พระองค์ท่านมั่นคงสถาพร”

เจ้าอาวาส : “ถ้าคิดอย่างนี้ตั้งแต่แรก สมหวังแล้ว”

พิธา : “ก็คิดอย่างนี้มาโดยตลอด...ถ้ามีโอกาสคงต้องอธิบาย...แต่ว่าเจตนาไม่มีเป็นอื่นแน่นอน”

หลังคลิปบทสนทนานี้ถูกเผยแพร่ ได้กลายเป็นไวรัลที่คนแชร์และแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากบนโลกโซเชียล งานนี้ทำชาวเน็ตเสียงแตก โดยฝั่งด้อมส้มต่างเม้นต์ตำหนิเจ้าอาวาสว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวการเมือง ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างออกมาชื่นชมท่านเจ้าอาวาสวัดฝายหิน พร้อมตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่นายพิธาตอบกลับเจ้าอาวาสว่าเชื่อได้หรือไม่?

นอกจากนี้ยังทำให้ชื่อของ #วัดฝายหิน กลายเป็นไวรัลและมีคนสนใจวัดแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอพาไปรู้จักกับวัดฝายหินที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้กัน

วัดฝายหิน (บ้านฝายหิน ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่) เป็นวัดราษฎร์ ที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และถนนทางขึ้นสถานีส่งโทรทัศน์ช่อง 7 ทางเดียวกันกับทางขึ้นสวนสัตว์เชียงใหม่ด้านประตูหลัง

วัดฝายหิน เป็นวัดโบราณเก่าแก่อายุหลายร้อยปี มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.1985-2031) ว่าเดิมเคยเป็นอารามสำนักสงฆ์สาขา ของ ‘รตวนมหาวิหาร’ (วัดป่าแดงหลวง เชียงใหม่) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการศึกษาภาษาบาลีและพระไตรปิฎก ของคณะสงฆ์ลัทธิสิงหลใหม่ (พระพุทธศาสนาซึ่งรับมาจากประเทศศรีลังกา) คือ ฝ่ายป่าแดง (ฝ่ายอรัญญวาสี) ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอารามฝายหินไปประมาณ 1 กิโลเมตร

วัดฝายหิน เป็นที่รู้จักทั่วไปในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยมี ‘ครูบาหลวงมารวิชัย’ เป็นเจ้ารูปแรกของวัด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ วัดฝายหินเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในสมัย ‘พระอภัยสารทะ สังฆปาโมกข์’ (ครูบาอุ่นเรือน โสภโณ) หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘ครูบาฝ่ายหิน’ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

ครูบาฝ่ายหิน ท่านมีความสามารถหลายด้านจนได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘พหูสูต’ และได้รับการเชิดชูจากพระเจ้าอินทวิชยานนท์ (ราชบิดาพระราชชายาเจ้าดารารัศมี) พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 ขณะนั้น แต่งตั้งให้เป็น ‘ปฐมสังฆนายก’ องค์ที่ 1 ของล้านนาไทยโดยให้มีสมณะศักดิ์ตำแหน่งนามว่า ‘ปฐมสังฆนายะกะโสภา วัดฝายหิน สังฆราชาที่ 1 เชียงใหม่’ ในปี พ.ศ. 2438

นอกจากนี้ในการประชุมสังฆสมาคม ณ วัดเบญจมบพิตร ที่กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ทางพระพุทธศาสนาในเชียงใหม่ ต่อหน้าพระพักตร์ พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ ครูบาฝายหิน ยังได้แสดงบารมีธรรม ถวายพระพรตอบกิจการพระศาสนาฝ่ายเหนืออย่างรอบรู้ เป็นที่พอพระทัยรัชกาลที่ ๕ ยิ่ง พระพุทธเจ้าหลวง จึงทรงแต่งตั้งครูบาฝายหิน เป็น ‘พระอภัยสารทะ สังฆปาโมกข์’ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ รูปแรก

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ ส่งน้ำใจ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

วันที่ 18 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อม จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ และประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ อ.เมือง และ พื้นที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมมือกับ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ประกันสังคม จ.เชียงใหม่ และรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ประกอบไปด้วย รถเข็นวีลแชร์ 2 คัน วอร์คเกอร์ช่วยเดิน 2 ชิ้น และ ไม้เท้าสามขา ช่วยพยุง 2 ชิ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานจาก นายเอกลักษณ์  อุ่นภักดิ์ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่และ นางกำไร บุ้งเงิน ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายประพันธ์ กล้วยหอม อายุ 48 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่  27 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ นางจันทร์ ปันอ้าย อายุ 85 ปี บ้านเลขที่ 39 หมู่ 11 ตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ 50120 

ซึ่งทั้งสองราย เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นลำดับแรก

เชียงใหม่-นายกฯ ใส่เสื้อลายผ้าขาวม้า เดินเซ็นทรัลเชียงใหม่ ชมงาน 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ฯ' วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฎิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เข้าเยี่ยมศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) โดยมี คุณบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล , คุณอัจฉรา วิสุทธิวงศ์รัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดและสื่อองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล, คุณพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ

โดยได้เยี่ยมชม โครงการ 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน' จากกลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ นำร่องจำหน่ายผ้าขาวม้าจากชุมชน ต่อยอด และยกระดับสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ด้วยการรับซื้อสินค้าไทยจากชุมชน นำมาจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า เครื่องจักสานจากกระจูด และผ้าคราม โดยเบื้องต้นได้มีการรับซื้อผ้าขาวม้าจาก 6 ชุมชนทั่วประเทศ ผลักดันและยกระดับสินค้าท้องถิ่นไทยสู่ตลาดโลก 

พบปะชมผลงานน้องนักศึกษา #𝗣𝗿𝗼𝗷𝗲𝗰𝘁𝗶𝗻𝗧𝗵𝗮𝗶𝗔𝗿𝘁𝗖𝗠𝗨𝟮𝟬𝟮𝟰 ศิวิ-𝗟𝗜𝗚𝗛𝗧 งานการแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ ของ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 แขนงการจัดการศิลปะและวัฒนธรรม สาขาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมยังแวะช้อปโซน Lanna Souvenir อีกด้วย

‘ดร.เอ้’ ติง ‘นายกฯ’ ไปเชียงใหม่ แต่ไร้วิสัยทัศน์แก้ฝุ่น PM2.5 แนะ 3 ข้อ ‘ขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน-กระจายอำนาจ-ใช้เทคโนโลยี’

(19 มี.ค. 67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแล กทม. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เชียงใหม่ แก้ได้ด้วยภาวะผู้นำโดยวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า นายกฯ ลงพื้นที่เชียงใหม่ แต่ไม่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน และนักวิชาการ ไม่แสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งที่นายกฯ มีอำนาจหน้าที่ มีพลัง แก้ไขวิกฤติฝุ่นพิษได้

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าบทบาทของนายกฯ สามารถแก้ปัญหาทุกข์เรื้อรัง ของชาวเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงได้ หากท่าน เอาจริงเอาจัง กับ 3 เรื่องนี้ 

1.จัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการเผา เป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของราชการกันเอง ทั้งระหว่างหน่วยงาน ที่ต่างฝ่ายต้องการงบประมาณลงหน่วยงานของตนให้มากที่สุด และปัญหาผลประโยชน์ของเอกชน มีหลายคนได้ผลประโยชน์จากการที่ป่าหรือไร่ถูกเผา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุด ถ้าแก้เรื่อง ประโยชน์ทับซ้อน ได้การเผาจะลดลง ฝุ่นก็ลดลง

2.กระจายอำนาจ และงบประมาณการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อบรรเทาทุกข์ อาจถึงเวลาที่ต้องแก้ปัญหาด้วย เงิน เพราะการให้เงินโบนัสหมู่บ้านไม่เผา โดยกระจายอำนาจหน้าที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการได้กับหมู่บ้านที่ไม่เผา เราอาจไม่ถูกใจเรื่องแจกเงิน แต่คุ้มค่ากว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและทางสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นพิษ PM 2.5 อีกทั้งยังประหยัดงบประมาณในการดับไฟ และรักษาชีวิตเจ้าหน้าที่ที่ต้องเสี่ยงกับการเข้าไปดับไฟ 

และ 3. ต้องใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา เพราะเทคโนโลยีดาวเทียม ไม่โกหก เพราะภาพถ่ายจากดาวเทียมธีออส-2 ที่โคจรต่ำ ผ่านประเทศไทย 4 รอบต่อวัน จะรู้ทันที ใครเผา และที่ดินใคร สามารถใช้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการใด ๆ ได้อย่างเป็นธรรม ของดีมี ต้องใช้

“วิกฤตฝุ่น PM2.5 เป็นวิกฤตชาติที่รอไม่ได้อีกต่อไป อย่าปล่อยให้เป็นแบบไฟไหม้ฟาง คือ มาดู แล้วจากไป” นายสุชัชวีร์ ระบุ

ถอดรหัส ‘ทักษิณ’ กินรวบ!! กับดักอันตราย ‘ฝ่ายอนุรักษ์นิยม’ ในวันที่ขั้วอำนาจเดิมต้องอาศัยเสียง 'เพื่อไทย' สยบ 'ก้าวไกล'

บทสรุปของทักษิณ ชินวัตร ในการเดินทางไปปิ๊กบ้าน กราบไหว้อัฐิบรรพบุรุษที่เชียงใหม่ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. 67 สมควรจะถูกบันทึกไว้สั้น ๆ อีกครั้ง หลังจากที่สัปดาห์ก่อน ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้กล่าวถึงภารกิจสำคัญของทักษิณไปบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามนั้น…

มองย้อนปรากฏการณ์ทักษิณปิ๊กบ้านหนนี้ แล้วสรุปเป็นข้อ ๆ ในเชิงวิเคราะห์ข่าวได้ดังนี้…

1. ทักษิณใช้ต้นทุนสูงมากในภารกิจครั้งนี้...ต้นทุนสูงที่สุดก็คือการเปลือยให้คนทั้งประเทศมีความรู้สึกอย่างเดียวกันว่า...ที่ผ่านมาทักษิณไม่ได้ป่วยหนักหรือป่วยวิกฤตจริง ๆ

จากนี้ไปการตรวจสอบข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ หน่วยงานที่รู้เห็นเป็นใจในการช่วยทักษิณแม้แทบจะมองไม่เห็นหนทางชนะในตอนนี้ แต่อนาคตอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้...

2.การไปเชียงใหม่ทักษิณได้รับการต้อนรับ ดูแล เอออวยจากฝ่ายการเมือง ฝ่ายประจำยิ่งกว่าเป็นนายกรัฐมนตรี และพี่น้องคนเสื้อแดงที่บริหารจัดการกันมาจำนวนหนึ่ง...มองให้ลึกลงไปค่อนข้างจะขาดความมีชีวิต แม้ว่าในทางการเมืองการปิ๊กบ้านของทักษิณหนนี้จะเป็นการส่งสัญญาณให้คนเชียงใหม่รู้ว่าทักษิณกลับมาแล้วก็ตาม…

3.สมการการเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน สส. 10 คน เป็นพรรคก้าวไกล 7 คน เพื่อไทย 2 คน พลังประชารัฐ 1 คน ส่วนนายก อบจ. คือ ‘สว.ก๊อง’ หรือ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร คนของพรรคเพื่อไทย...ตอนแรกคาดกันว่าตระกูล ‘บูรณุปกรณ์’ บ้านใหญ่ที่เคยล่มหัวจมท้ายกับเพื่อไทยจะหวนคืนมาจับมือกับทักษิณ-เพื่อไทยในทันที แต่ยังไม่เห็นภาพนั้น ดูแล้วแต่ละฝ่ายยังตรึงกำลังกันอยู่…

3.1 ศึกชิงนายกอบจ. ต้นปี 2568 เพื่อไทย-เจ๊แดง หรือเยาวภา วงษ์สวัสดิ์ คงจะหนุน สว.ก๊อง ลงนายกอบจ.ต่อ ขณะที่พรรคก้าวไกล จะส่ง ‘ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์’ อดีตผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งประเทศ (NIA) คนหนุ่มคนเชียงใหม่ลงสมัคร ทำให้ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีตสส.เพื่อไทย ที่ไปลุ้นอยู่ด้วยอกหัก…

3.2 การเลือก สส. บารมีทักษิณน่าจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยทวงคืนเก้าอี้ในบางเขตกลับคืนมาได้บ้าง...แต่หนทางที่จะกวาดยกจังหวัดแบบเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ยากที่จะเกิดขึ้นได้อีก...ด้วยหลายเหตุผล

4. อย่างไรก็ตาม…สำหรับการเมืองระดับชาติในขณะนี้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ พูดคุยเสวนากับนักวิชาการมาหลายสำนัก มีความเห็นตรงกันประการหนึ่งว่า… ‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ ถือไพ่ดุลอำนาจเหนือกว่าทุกฝ่าย จนพูดกันว่า ‘ทักษิณกินรวบ’ เหตุเพราะฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือขั้วอำนาจเดิมยังต้องอาศัยเสียงของพรรคเพื่อไทย สยบหรือตรึงพรรคก้าวไกลที่ถูกขีดเส้นใต้ว่าเนื้อแท้แล้วยังเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันฯ…

ดังนั้นการล้ำเส้นความเป็นอภิสิทธิ์ชนของทักษิณในเวลานี้ยังไม่ใช่ปัญหาหลักในสายตาของผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทั้งที่เป็นจุดแห่งความเสื่อม...

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมระแวงเหมือนกันว่าพรรคเพื่อไทยว่าจะเบี้ยวข้อตกลง...โดยเฉพาะหลังวันที่ 10 พ.ค. 67 วันที่สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันหมดวาระและสิ้นอำนาจในการโหวตเลือกนายกฯ...พรรคเพื่อไทยอาจไปจับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้…เพียงแต่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมประเมินว่าทักษิณใจไม่กล้าพอที่จะเลือกหนทางนั้น…

เพราะสุ่มเสี่ยงที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย...!!

เชียงใหม่-ป.ป.ช. และคณะกรรมการจากองค์กรที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เชียงใหม่ ติดตามตรวจสอบ สังเกตการณ์ การรับนักเรียน

วันที่ 19 มีนาคม 2567 โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ โดย นายพิพัฒน์ สายสอน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการโรงเรียน ตัวแทนคณะครู ให้การต้อนรับ นายนิรันดร ศรีภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่  และคณะเจ้าพนักงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ ติดตาม ตรวจสอบ สังเกตการณ์ดำเนินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2567 สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ และรายงานการดำเนินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2567 ให้คณะกรรมการได้รับทราบ  ณ ห้องสารสนเทศ อาคารวัฒนา โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ

โดยมี ดร.ปริศนา วรรณารักษ์ รองผู้อำนวยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่รองประธานคณะกรรมการรับนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา นางสุภาภรณ์ อินทมา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการรับนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ได้แก่ ผู้แทนผู้อำนวยการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นายระวี คงภาษี ผอ.รร.สันป่าตองวิทยาคม นายพิพัฒน์ สายสอน ผอ.รร.วัฒโนทัยพายัพ และนางสาวสุปราณี ปัญญานะ ผอ.รร.สันกำแพง ผู้แทนหน่วยการศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่

ได้แก่ นายสุทธิภัทร์พงศ์ สมคำ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวฤทัยรัตน์ แสนปวน องค์การบริหารส่วนตำบลดอนแก้ว นายบุญรัตน์ สว่างแจ้ง สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายเลขานุการ กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา ร่วมลงพื้นที่ติดตาม สังเกตการณ์ และรายงานข้อมูลการดำเนินการของคณะกรรมการรับนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัด สพม.เชียงใหม่ ได้รับการติดตาม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

และเพื่อให้ดำเนินการรับนักเรียนของสถานศึกษาเป็นไปความเรียบร้อย ตามประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2567 และประกาศแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2567 รวมถึงมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ เพื่อให้โอกาสในการเข้าเรียนเป็นไปด้วยความเสมอภาค และยุติธรรม 

พัฒนชัย/เชียงใหม่

สลด ลูกผีพนัน แอบขายบ้าน เอาเงินไป แทงบอล ทำพ่อ-แม่เดือดร้อน ไม่มีที่ซุกหัวนอน ทั้งที่ป่วยหนัก

(23 มี.ค.67) จากกรณีมีผู้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า “พ่อแม่อยู่บ้าน ลูกร้อนเงิน เอาบ้านมาแอบขาย ขายบ้านเสร็จ ลูกหนีหาย ทิ้งพ่อแม่ แม่ป่วยติดเตียง พ่อทำงานรับจ้าง อยู่กันสองตายาย ไม่ย้ายออก ขอยอมตายที่นี่ ผมกับน้องซื้อเข้ารีโนเวต ดอกเบี้ยเดือนละ 2 หมื่นกว่า 

จะครบปีละจ่ายดอกไป 2 แสนบาท ก็เห็นใจลุงกับป้า จะสงสารใครก่อนดี? การเจรจาครั้งสุดท้าย!!! กับข้อเสนอ หาบ้านเช่าให้และจ่ายค่าเช่าให้ล่วงหน้า 1 ปี พร้อมช่วยดูแลการขนย้ายให้ฟรี หากไม่รับเงื่อนไข คงต้องรอคำสั่งศาลเท่านั้นครับ #บ้านมือสองเชียงใหม่“

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านดังกล่าวได้พบกับลุงสิงห์ มีลักษณะป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม และป้าไล เป็นผู้ป่วยติดเตียง นอนอยู่บ้านบนเตียงผู้ป่วยภายในบ้าน จากการสอบถามป้าไลระบุว่า ปลายปี 2564 ลูกชายคนโตได้มาเยี่ยมที่บ้านและพาตนไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล

และขอให้ตนช่วยเหลือนำบ้านไปจำนอง ที่สำนักงานที่ดินอำเภอสารภี เพื่อนำเงินไปลงทุน 3 แสนบาท ตนจึงยินยอมเซ็นให้ พอมารู้ตัวอีกครั้งว่าบ้านถูกลูกนำไปขายช่วงตรุษจีนปี 2566 น้องสาวของคนที่ซื้อบ้านมาดูบ้านและมีการพูดคุยกันทราบว่าลูกชายได้ขายบ้านหลังนี้ไปในราคา 1.4 ล้านบาท

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อลูกชายคนนี้ได้อีก คาดว่าเงินที่ขายบ้านได้ทั้งหมดลูกชายน่าจะไปเสียพนันบอลไปแล้ว แต่เนื่องจากตนไม่มีที่อยู่ประกอบกับตนป่วยติดเตียงจึงไม่สามารถไปไหนได้ ซึ่งตนก็พยายามหาบ้านเช่าอยู่ อยากได้แถวย่านถนนวัวลาย เนื่องจากมีญาติอยู่แถวนั้น และจะสามารถค้าขายได้ด้วย ซึ่งสามีได้เก็บข้าวของเตรียมย้ายออก และได้ขอให้เจ้าของบ้านคนใหม่ช่วยเหลือในการขนย้ายและค่ามัดจำห้องเช่าแห่งใหม่ให้ แต่ตอนนี้ยังหาบ้านเช่าให้ไม่ได้

ฝรั่งเป็นงง คนไทยขี่มอเตอร์ไซค์ ขึ้นรถสองแถว ถ่ายคลิป โพสต์ลง TikTok ย้ำ มันคือสิ่งที่แปลกประหลาดมาก

(23 มี.ค.67) ฝรั่งแชร์คลิป รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นสองแถว แถมคนขับขี่ยังซ้อนท้ายไปด้วย ชาวไทยแห่คอมเมนต์ อะเมซิงไทยแลนด์ของแทร่

คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ได้รับการแชร์จากชาวต่างชาติรายหนึ่ง ซึ่งโพสต์คลิปลงใน TikTok cinematic.di ซึ่งเธอได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์บนถนนในประเทศไทยซึ่งเป็นสิ่งแปลกประหลาดมาก

โดยคลิปดังกล่าวถ่ายให้เห็นสองแถวที่เดินทางระหว่างอำเภอ ข้างรถเขียนว่า ดอยนางแก้ว ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เป็นเส้นทางสัญจรถนนสายเชียงราย – เชียงใหม่เป็นทางโค้งลงเขาค่อนข้างลาดชัน

คลิปแสดงให้เห็นการโดยสารรถสองแถวแบบไทยแท้ ๆ คือ มีคนเอารถจักรยานยนต์ ขึ้นมาไว้ที่ท้ายรถโดยสาร ไม่พอ ยังมีคนนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์อีกด้วย

ท่ามกลางคอมเมนต์ของชาวไทย ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น ซึ่งระบุ ปกติรถจักรยานยนต์แบบนี้จะยกขึ้นหลังคารถ ซึ่งมักจะเห็นภาพแบบนี้ ช่วงที่เด็กปิดเทอมและเอารถกลับบ้านไปด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ถือเป็นภาพแปลกมาก สำหรับคนไทยเองด้วยเช่นกัน

เชียงใหม่-รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทย์ มช.เดินหน้าสร้าง“อาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM2.5” นำร่องแห่งแรกในภาคเหนือ

ฝุ่น PM2.5 ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นประจำทุกปี คณะแพทยศาสตร์ มช. เล็งเห็นความสำคัญ และหาแนวทางแก้ไขปัญหา นำร่องสร้างอาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM 2.5 ยกระดับสุขภาวะของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา และบุคลากรทางการแพทย์ภายในอาคารสุจิณฺโณ

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤตหมอกควันมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 10 ไมครอน(PM10) และฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นกับจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือมาอย่างยาวนาน โดยขณะนี้เกินค่ามาตรฐานอย่างหนักในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดพะเยา จังหวัดน่าน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-15 มี.ค. 2567) ด้วยผลกระทบจาก PM2.5 แล้วทั้งสิ้น จำนวน 30,339 ราย มากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในช่วงเดียวกันของปีก่อน1 เท่าตัว (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2566 จำนวนผู้ป่วย 12,671 คน) ส่วนใหญ่พบมีอาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ เยื่อบุจมูกอักเสบ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เยื่อบุตาอักเสบ โรคหืด เลือดกำเดาไหล โรคถุงลมโป่งพอง ตามลำดับ

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยต่อว่า “อาคารสุจิณฺโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีหอพักผู้ป่วยแบบปรับอากาศและไม่ปรับอากาศ ซึ่งหอพักผู้ป่วยแบบไม่ปรับอากาศ ปัจจุบันมีการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ดังนั้นหากฝุ่น PM2.5 เข้ามายังอาคารหอผู้ป่วยสุจิณฺโณ จะส่งผลกระทบต่อสภาวะทางเดินหายใจของผู้ป่วยได้ จึงได้มีแนวคิดในการป้องกันปัญหา PM 2.5 ของอาคารสุจิณฺโณ 

โดยการสร้างความดันภายในอาคาร ให้สูงกว่าภายนอกบริเวณอาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดเข้ามาในอาคารสุจิณฺโณ ลดพื้นที่ช่องเปิดให้เหลือน้อยที่สุด และทำการเติมอากาศสะอาดเข้ามาภายในบริเวณโถงทางเดิน ซึ่งอากาศที่เติมเข้ามา จะถูกกรองด้วยระบบกรองอากาศ โดยใช้ Filter 3 ชั้น ได้แก่ แผ่นกรองอากาศชนิดชั้นต้น (Pre – Filter), แผ่นกรองอากาศชั้นกลาง (Secondary -filter) และแผ่นกรองอากาศขั้นสูง (HEPA -filter) ที่มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ถึงระดับ PM2.5
 
นอกจากนี้ พื้นที่ช่องเปิดและหน้าต่างสำหรับระบายอากาศที่เหลือ ได้ทำการติดตั้งม่านกันฝุ่น PM2.5 โดยใช้ม่านกันฝุ่นชนิดนาโนไฟเบอร์ในห้องผู้ป่วยที่ไม่มีการปรับอากาศ ทั้งนี้ในอาคารสุจิณฺโณ ได้มีการติดตั้งเซนเซอร์ วัดปริมาณฝุ่น PM2.5 เพื่อติดตามปริมาณฝุ่น ภายในอาคาร และสามารถรายงานผลได้ทุกช่วงเวลา แบบ Real time”

คณะแพทยศาสตร์ มช. จึงได้จัดแถลงข่าว“อาคารสุจิณฺโณปลอดฝุ่น ลดผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM 2.5”ขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 เวลา 12.15 น. โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานและร่วมแถลงในประเด็น สถานการณ์และมาตรการการแก้ปัญหา PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช.แถลงประเด็น นโยบายคณะแพทยศาสตร์ มช. ในการสร้างอาคารสุจิณฺโณ ให้เป็นอาคารนำร่อง ปลอดฝุ่นPM 2.5 และการป้องกันดูแลสุขภาพของประชาชน และรศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แถลงถึงความคืบหน้าอาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM 2.5 ณ ชั้น 1 Grand Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

นภาพร/เชียงใหม่

‘กองกำลังผาเมือง’ สกัดจับ 2 จุด ‘เชียงใหม่-เชียงราย’ คืนเดียวยึดยาบ้าของกลางได้ 13 ล้านเม็ด 

(4 เม.ย. 67) ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับยาเสพติดและกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ขานรับนโยบายรัฐบาล มอบหน่วยทหารทุกพื้นที่โดยเฉพาะกองกำลังป้องกันชายแดน ดำเนินการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบเข้าสู่ประเทศ 

โดยจากยุทธการในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ของกองทัพภาคที่ 3 โดยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ กองกำลังผาเมืองสามารถจับกุมยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ในพื้นที่ได้ 2 เหตุการณ์ รวม 13,000,000 เม็ด 

โดยเหตุการณ์แรกในเวลา 01.30 น. หมวดเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังผาเมืองได้จัดกำลังพลลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน และตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกำลังลำเลียงสัมภาระลงจากเรือในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านสวนดอก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีไปได้ โดยในพื้นที่พบกระสอบบรรจุยาบ้าจำนวน 33 กระสอบ รวมจำนวน 6,600,000 เม็ด 

ต่อมาในเวลา 03.00 น. กองร้อยทหารม้าที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ กองกำลังผาเมือง ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย ระหว่างตั้งจุดตรวจบริเวณเส้นทางระหว่างบ้านเปียงหลวงและบ้านแปกแซม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลได้จอดรถทิ้งไว้และหลบหนีไป ซึ่งภายในรถพบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายบรรจุยาบ้า จำนวน 32 เป้ รวม 6,400,000 เม็ด 

ทั้งนี้ จาก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับเป็นผลจากการคุมเข้มป้องกันสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบของกองกำลังผาเมือง 1 ใน 7 กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก และทางหน่วยได้ประสานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าตรวจสอบหลักฐาน พร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าพนักงานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยกองทัพบกได้เน้นย้ำและกำชับการปฏิบัติของหน่วยและกำลังพลในทุกพื้นที่ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติด หยุดขบวนการนำเข้าตั้งแต่พื้นที่ชายแดนรวมทั้งขยายผลจับกุมพื้นที่ตอนใน และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหายาเสพติดภายในประเทศ สร้างความสงบสุขและปลอดภัยให้กับประชาชน 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top