Saturday, 18 May 2024
เชียงใหม่

'พัชรวาท' ลุย เชียงใหม่ ระดมทุกหน่วย เตรียมรับมือไฟป่า หมอกควัน พื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ดูแลประชาชน เน้นย้ำ แจ้งเตือนสถานการณ์ PM 2.5 ต้อง 'ทั่วถึง เท่าเทียม ทันท่วงที'

วันที่ 8 พ.ย. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมการมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2567 โดยได้มอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 17 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ดังที่ปรากฏในคำแถลงนโยบาย มีการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และใรการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 16 ต.ค.และ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เร่งรัดมาตรการเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ทั้งระบบให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษปี 2567 เพื่อใช้รับมือกับการควบคุมไฟในป่าการเผาพื้นที่ทำการเกษตร และการควบคุมการเกิดฝุ่นในพื้นที่เมือง ซึ่งสถานการณ์ฝุ่นในปี 2566 จากปรากฏการณ์เอลนีโย่ เตือนให้เราเห็นแล้วว่าในปีหน้าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้น ดังนั้นทุกหน่วยงานจะต้องนำมาตรการที่กำหนดร่วมกันไปปฏิบัติอย่างเร่งด่วน อย่างทันที ด้วยความตระหนักถึงการปกป้องสุขภาพของประชาชน ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ เห็นความพร้อมและรับรู้ว่าภาครัฐทำอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีการละเลย 

"ต้องลดการเผาไหม้ทั้งในพื้นที่เกษตรเผาไหม้ซ้ำซาก  พื้นที่ป่า จะมุ่งเป้าไปที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติที่มีสถานการณ์ไฟป่ารุนแรงโดยเฉพาะพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ต้องตรึงพื้นที่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า เราจะมีการจัดระเบียบการเก็บหาของป่าโดยอนุญาตเฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้น ผ่านการลงทะเบียน ส่วนพื้นที่ป่าอนุรักษ์จะต้องมี จุดตรวจ จุดสกัด เพื่อมิให้เกิดการลักลอบเผาป่า เมื่อเข้าห้วงสถานการณ์ฤดูไฟป่าจะต้องมีผู้บังคับบัญชาเหตุการณ์ มีกำลังพล และเครื่องมือพร้อมปฏิบัติในการดับไฟป่าและสามารถสับเปลี่ยนกำลังระดมพลช่วยกันดับไฟป่าได้อย่างทันท่วงทีโดย ผ่าน war room ระดับพื้นที่ และดึงหมู่บ้านเครือข่ายดับไฟป่า (อส.อส.) มาร่วมในการดับไฟป่าด้วย โดยมีเป้าลดพื้นที่ ไฟไหม้ลดลง 50 % จากปี พ.ศ.2566" พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าว   

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า การควบคุมการเผาจากแหล่งกำเนิด คือหัวใจ ทุกหน่วยงานทุกภาคประชาสังคม ต้องช่วยสื่อสารกับประชาชน ซึ่งนอกจากการดูแลตัวเองแล้ว ต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำคำร้องขอของภาครัฐด้วย การแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นต้องทั่วถึงเท่าเทียมทันท่วงทีเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล ที่รวดเร็วถูกต้อง 

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า นายกฯ ได้มีการสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาเพื่อกำกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยมอบให้ตนเป็นประธาน และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานคนที่ 2 และเร่งจัดตั้งศูนย์ ปฏิบัติการระดับพื้นที่เพื่อดำาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่งหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ เพื่อเชื่อมโยงนโยบายสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ ที่มีการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ

"สุดท้ายขอเน้นย้ำให้ทุกหน่วยราชการปฎิบัติการโดยความแม่นยำ รวดเร็ว ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ ในปีนี้ภาครัฐได้มีการเตรียมการอย่างรวดเร็วก่อนสถานการณ์ฝุ่นและพร้อมจะดำเนิน อย่างเต็มที่ ทุกฝ่ายต้องรวมพลังกัน ทุกภาคส่วนรวมถึงพี่น้องประชาชนเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นที่คาดว่าจะรุนแรงได้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ"พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าว 

จากนั้นพล.ต.อ.พัชรวาท ได้เดินเยี่ยมชมบูธนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆที่จัดขึ้น พร้อมทั้งทักทายและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทำงานเพื่อประชาชน 

เชียงใหม่-เตรียมจัดงานโครงการหลวง 2566 เฉลิมพระเกียรติ ทศมมหาราชา สืบสานศาสตร์ ชนกาธิเบศรดำริ

มูลนิธิโครงการหลวง แถลงข่าวเตรียมจัดงาน “โครงการหลวง 2566” ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่าง 1-7 ธันวาคม นี้ ภายใต้แนวคิด “เฉลิมพระเกียรติ ทศมราชา สืบสานศาสตร์ ชนกาธิเบศรดำริ จากชุนเขา สู่ ชาวเรา และชาวโลก” เตรียมพบกับการแสดงผลงานของโครงการหลวง และสินค้าคุณภาพกว่า 800 รายการ

เมื่อวันที่22 พ.ย. 66 ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่  พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง  พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร. อานัฐ ตันโช ที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ และ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  ร่วมกันแถลงข่าวเตรียมความพร้อมก่อนการจัดงาน “โครงการหลวง 2566”  ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 ธันวาคม 2566 ที่จะถึงนี้ รวม 7 วัน ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวงชนกาธิเบศรดำริ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ 

พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง กล่าวว่า มูลนิธิโครงการหลวงได้กำหนดจัดงานโครงการหลวงประจำปี 2566 ที่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อพัฒนาพื้นที่สูงย่างเข้าสู่ปีที่ 55  

โดยในปีนี้กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เฉลิมพระเกียรติ ทศมราชา สืบสานศาสตร์ ชนกาธิเบศรดำริ จากชุนเขา สู่ ชาวเรา และชาวโลก”  ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการจัดงานบนพื้นที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ แสดงผลสำเร็จเชิงประจักษ์ ที่สร้างความสุข ความเจริญ เกิดแก่ราษฎรบนขุนเขา นำมาสู่การเรียนรู้ เพื่อสร้างประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ ยังมีอาหารจากครัวโครงการหลวงต่าง ๆ และอาหารท้องถิ่นในบรรยากาศกาดหมั้ว มากกว่า 50 รายการ งานครั้งนี้ จึงมากมายไปด้วยผลิตผล และผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่า ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค และดีต่อเกษตรกรชาวเขาผู้ผลิต และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 มีกิจกรรมการเสวนาพิเศษจากผู้ที่เคยถวายงาน และนำแนวทางพระราชทานมาใช้ในการดำเนินชีวิต ณ ข่วงกิจกรรมสวนไผ่ พร้อมรำลึกในพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีกับบทเพลงพระราชนิพนธ์ 9 บทเพลง

ด้าน ดร. อานัฐ ตันโช ที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานมากมาย อาทิ การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ทศมราชา สืบสานศาสตร์ ชนกาธิเบศรดำริ”  ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลลัพธ์ของการพัฒนาตามแนวทางพระราชทาน ในการแก้ปัญหาฝิ่น ความยากจน และปัญหาสิ่งแวดล้อม  นอกจากนี้ ยังมีงานวิชาการหลากหลายเรื่องราว ที่ให้ทั้งสาระ ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน

รวมทั้งการแสดงดนตรีในสวน การแสดงของเยาวชนชนเผ่าต่างๆ ในบรรยากาศจำลองชุมชนพื้นที่สูง พันธุ์พืชใหม่ที่นำมาจัดแสดงในปีนี้ อาทิ กุหลาบและเบญจมาศสายพันธุ์ใหม่ ผลิตภัณฑ์กัญชงจากเส้นใยผสม รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ชุดชา 72 เทิดพระเกียรติวันเฉลิมพระชนมพรรษา และการจำหน่ายผลิตผล ผลิตภัณฑ์โครงการหลวง รวมกว่า 800 รายการ

สินค้าใหม่แนะนำในปีนี้ คือ ชุดผลิตภัณฑ์ชาโครงการหลวง เทิดพระเกียรติวันเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา สำหรับเป็นของฝากของขวัญเนื่องในโอกาสต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมี ข้าวโพดหวาน 2 สี พิเศษ ฝักขนาดใหญ่ เมล็ดมีสองสี คือ สีขาวและเหลือง รสชาติมีความหวานและหอมกว่าข้าวโพดทั่วไป มะเขือเทศเชอร์รีเหลืองหวาน สามารถรับประทานสด ผิวมันวาว เนื้อกรอบ รสชาติหวานไม่ฉ่ำน้ำ เมล็ดน้อย ไม่มีกลิ่นฉุนของมะเขือเทศ อุดมไปด้วยวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ ไลโคปีน แคโรทีนอยด์ และสารเบต้า-แคโรทีน สตรอว์เบอร์รีพระราชทาน 89 ผลขนาดใหญ่ สีแดงเข้ม รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นหอม เนื้อผลแน่น ทนทานต่อการขนส่งฯลฯโดยสามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ ได้ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจของมูลนิธิโครงการหลวง

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว  มาร่วมชมและเลือกซื้อผลผลิตของโครงการหลวง พร้อมเที่ยวชมและสัมผัสกับคุณค่าของงานโครงการหลวงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีกระจายอยู่ในทุกอำเภอ

โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน “โครงการหลวง 2566” สามารถเข้าร่วมงานได้ระหว่างวันที่ 1-7 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวงชนกาธิเบศรดำริ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

‘นายกฯ’ เยือนสันกำแพง สร้างแรงบันดาลใจสินค้า OTOP ลั่น!! ต้องพาสู่ตลาดโลก ใต้ ‘มูลค่า-ราคา’ ที่กำหนดได้เอง

(29 พ.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยได้มีชาวสันกำแพง ให้กำลังใจและมอบของที่ระลึกให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวด้วย แต่เมื่อถึงเวลาพิธีกรในงานแจ้งผู้ร่วมงานทราบว่าน.ส.แพทองธาร ส่งกำลังใจมาให้ชาวสันกำแพงทุกคนแทน เนื่องจากติดภารกิจ

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงชาวสันกำแพงได้ส่งเสียงต้อนรับ พร้อมชูป้ายข้อความอาทิ "คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง ขอท่านนายกฯ ช่วยแก้หนี้นอกระบบ, ขอบคุณนายกฯ ทำให้มีอากาศหายใจ ‘ชาวสันกำแพงรักนายกฯเศรษฐารอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ, รักนายกฯ เศรษฐา, ซอฟต์พาวเวอร์อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรค์สร้างเศรษฐกิจไทย"

จากนั้น นายกฯ ได้เดินทักทายชาวสันกำแพงที่มารอต้อนรับ พร้อมถือป้ายรูปน.ส.แพทองธาร  ทำให้ชาวสันกำแพงโห่ร้องดีใจ นอกจากนี้ ชาวสันกำแพงยังระบุอีกว่า "เรารอเงินดิจิทัลอยู่นะคะ" เรียกเสียงปรบมือจากผู้มาร่วมงาน โดยนายกฯ ยิ้ม พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ และแวะทักทายถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้านที่สวมผ้าสันกำแพงมาต้อนรับ 

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์โอทอปของชาวสันกำแพง โดยช่วยหนึ่งนายกฯ ได้เขียนชื่อตนเองเป็นที่ระลึกบนร่มผ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชาวสันกำแพง ก่อนรับมอบร่มกระดาษสาสีแดง พร้อม ‘กางจ้อง’ ให้กับช่างภาพสื่อมวลชนเป็นที่ระลึก อย่างอารมณ์ดี

ต่อมานายกฯ เยี่ยมชมการเขียนลายบนศิลาดล ซึ่งได้มีการนำเครื่องปั้นดินเผาช้าง มาให้นายกฯ เขียนชื่อ ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเป็นศิลาดล พร้อมอธิบายถึงลวดลายบนตัวช้าง ซึ่งมีตัว S บนตัวช้าง ซึ่งมีความหมายคือ ‘เศรษฐา’ และช้างหมายถึงความโชคดี เพื่อที่ท่านจะได้นำความสุขให้กลับมาสู่ชาวไทย และช้างตัวนี้มีความสง่างาม และภายหลังเคลือบศิลาดลแล้วจะฝากผู้ว่าเชียงใหม่ไปให้นายกฯ จากนั้นได้มอบข้าวต้มมัด โดยระบุว่า “ทำด้วยหัวใจของชาวสันกำแพงให้นายกฯ ได้ชิม”

จากนั้นนายกฯ ได้หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power โดยนายกฯ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่เตรียมสปีดให้ 2 หน้า ซึ่งคิดว่าเป็นอะไรที่พวกท่านไม่ค่อยอยากได้ยิน เราพูดความเป็นจริงดีกว่า การที่ได้มานั่งฟังตรงนี้ ทีมงานจัดระดับงานได้ดีมาก เดินเข้ามาแล้วมาเจอพิพิธภัณฑ์ ได้มาดู พูดคุยทราบวิธีการผลิต ซึ่งแตกต่างจากหน้าทำเนียบฯ ได้มาฟังเด็กรุ่นใหม่ เยาวชน ถือเป็นนิมิตหมายอันดี และจังหวัดเชียงใหม่ก็เหมือนเมืองหลวงของเพื่อไทย 

นายกฯ กล่าวว่า การตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เดินเข้ามาผลิตภัณฑ์สวยมาก โดยดูจากแววตาและสีหน้าทุกคนมีความตั้งใจทำงานและเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ตัวเองอย่างดีเลิศ และเข้าใจความต้องการของตลาดด้วย แต่การที่เราเข้าใจตลาดและทำสินค้าที่ดีออกมาบางครั้งทั่วโลกยังไม่ทราบถึงข้อดีผลิตภัณฑ์ ไม่เป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคนที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำทุก ๆ ประเทศ เน้นย้ำความสำคัญของการเป็นคู่พาณิชย์ทั้งหลาย ความสำคัญของการตลาดในต่างประเทศ ซึ่งเรามีสินค้าดีเราควรต้องเอาไปเผยแพร่ ไปขาย ไปสร้างตลาดสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เราจะมีดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงานที่ชัดเจนต่อไปนี้ จะต้องไปขายของเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือพวกท่านให้มีพื้นที่ในการแสดงสินค้า

นายกฯ กล่าวว่า ตนเคยคุยกับรัฐมนตรีอยากหาพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพื่อจัด OTOP ให้มีโอกาสไปขายไปเผยแพร่ เหมือนกับมาทีเดียวแล้วเห็นหมด โดยคำนึงถึงรายจ่ายที่พวกท่านไม่ควรจะต้องมี ซึ่งคงจะต้องพูดคุยกัน เราจะมีการจัดสถานที่ให้ ดีไซน์หน้าร้านให้ เพื่อให้พวกท่านได้มีการมาแสดงสินค้าของพวกท่านเผยแพร่สินค้าเหล่านี้จะติดต่อไปอาจจะมีการเชิญผู้จัดต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมด้วย โดยเฉพาะทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำต่างประเทศ เมื่อไหร่ที่ท่านกลับมาจะได้มาดูและอาจจะต้องมีการใช้ดัชนีชี้วัด วัดความสำเร็จด้วย หากเอาเสื้อไปขายเอากระเป๋าไปขายจะต้องขายเท่าไหร่ มีช้างที่ทำจากเซรามิกจะต้องขายกี่ตัว อันนี้เป็นความหวังและเป็นความคาดหวังของรัฐบาลนี้ที่เราอยากให้มีเรื่องการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ จนมั่นใจว่าสินค้าพวกท่านเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ แต่ยังมีการสนับสนุนด้านการตลาดเปิดตลาดน้อยไป 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาจนเดินทางไปหลายประเทศ พยายามไปขายสินค้า ไม่ได้ขายแค่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราอยากไปเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งพวกท่านจะได้ขายสินค้าเป็นความหวังคุ้มกับแรงบันดาลใจของทุกคน รัฐบาลนี้เป็นห่วงและอยากส่งเสริมให้พวกท่านมีศักยภาพในเวทีโลก ได้มีพื้นที่บนเวทีโลก และสำหรับเรื่องของแหล่งทุนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญจริงๆแล้วต้องเอาหลักการคิด การแข่งขันมาด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะยื่นเอาเงินให้อย่างเดียว พวกท่านก็ต้องช่วยตัวเอง ต้องมีการแข่งขัน หากสินค้าดีก็ต้องมีการแข่งขัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยสนับสนุนให้พี่น้องมีแหล่งเงินทุนเข้าถึงได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ไม่ได้ไปยืมเงินจากหนี้นอกระบบ หรือเงินนอก ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำตรงนี้ให้ได้ อีก 2 สัปดาห์ตนจะไปญี่ปุ่น เราก็จะไปนั่งดูและเชิญอาจจะต้องมีการเชิญตัวแทนผู้ประกอบการไปดูว่าเขาทำอะไรบ้าง พวกท่านทราบอยู่แล้วว่า แพ็กเกจจิ้งของประเทศญี่ปุ่นสวยมาก 

นายกฯ กล่าวว่า หลายคนอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว อยากให้อยู่ที่นี่สร้างความเจริญให้กับพื้นที่ตรงนี้เท่าที่สามารถจะทำได้ และเป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องสร้างอนาคตและแรงบันดาลใจให้กับพวกท่านอยากอยู่ในพื้นที่ เพราะคงไม่มีใครรู้ประเพณีวัฒนธรรมและสินค้าของพวกเราเท่ากับทุกท่านที่เกิดและโตที่นี่ จึงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้พวกท่านทุกคนในการที่จะทำต่อไป รวมถึงเรื่องของการดีไซน์ต้องเข้าใจถึงความต้องการตลาดโลกจึงอยากให้มีการช่วยเหลือตรงจุดนี้ ฉะนั้นการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันจะช่วยดีไซน์ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกท่านให้ดูดีสามารถไปแข่งขันในเวทีโลกได้ เหล่านี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือ

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการสะดุดจากสถานการณ์โควิดโลก เหล่านี้ไม่สามารถการันตีได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก ถือเป็นการทำลายโอกาส ฉะนั้นความพร้อมทางออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องทำให้พวกท่านมีความหวังและแรงบันดาลใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เรื่องหนึ่งของรัฐบาลนี้ เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ 2-3 เดือนก็จะพยายามกลับมาอีก ด้วยมีข้อเสนอแนะและอยากจะพาท่านไปสู่เวทีโลกในอีกหลาย ๆ ประเทศ หน้าที่ของรัฐบาลสร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านมีขวัญและกำลังใจในการที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

‘สว.วีระศักดิ์’ ปลุกพลังทุกภาคส่วนในเชียงใหม่ ร่วมป้องกัน - หยุดเผา คืนอากาศบริสุทธิ์ให้ชาวเชียงใหม่

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นองค์ปาฐกถาพิเศษในเวทีการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 ครั้งที่ 1 (Thailand National PM2.5 Forum) หัวข้อ ‘อากาศสะอาด : ความรับผิดชอบร่วมของรัฐ เอกชน และประชาสังคม’ ซึ่งจัดขึ้นที่อาคารศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดเชียงใหม่ 

โดยมีผู้บริหารและตัวแทนหน่วยงานของรัฐ เครือข่ายอากาศสะอาด สภาลมหายใจ และสถาบันการศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน ตลอดจนนักวิชาการต่างๆเข้าร่วมอย่างคับคั่ง กว่าหนึ่งพันคน

การจัดการประชุมระดับชาตินี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ และสภาลมหายใจเชียงใหม่ พร้อมกับอีกกว่า 50 ภาคีเครือข่ายร่วมจัด

นายวีระศักดิ์ ชี้ว่า แม้จะกำลังมีร่างกฎหมายอากาศสะอาดเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสมัยประชุมที่จะมาถึงนี้ แต่ฤดูเผา ฤดูฝุ่นก็กำลังจะเกิดก่อน รวมทั้งเป็นปีแล้งจากผลของปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ป่าจะแห้ง เชื้อเพลิงใบไม้และทุ่งหญ้าจะเป็นเชื้อเพลิงที่อ่อนไหวมาก การร่วมมือทำความเข้าใจเหตุที่ทำให้เกิดการเผาทั้งในแปลงเกษตรและในพื้นที่ตามกฎหมายป่าไม้จึงต้องเร่งใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในการป้องกันหรืออย่างน้อยก็ลดการจุดเผาลงให้ได้มากที่สุด การทำความเข้าใจเพื่อสร้างความรู้ในการวิเคราะห์จากข้อมูลดาวเทียม จะช่วยให้แต่ละพื้นที่จับทิศทางลม และที่ตั้งจุดเริ่มการเผาได้จากสถิติที่ดาวเทียมบันทึกไว้มาตลอด 20 ปีย้อนหลัง 

นอกจากนี้ ภาคประชาสังคมควรสื่อสารร่วมกับรัฐไปยังผู้ประกอบการนำเข้าเมล็ดข้าวโพดและอ้อยที่มาจากประเทศข้างเคียง ให้เร่งใช้มาตรการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อปฏิเสธการรับซื้อผลผลิตที่มาจากพื้นที่เผา เพราะในหลายปีที่ผ่านมา จุดความร้อนในไทยลดลงเป็นลำดับแต่ในประเทศข้างเคียง ยังมีอัตราการพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นสวนทางกัน

“เราทุกฝ่ายควรเดินหน้าแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะปอดของเราก็รอไม่ได้ อัตราตายจากโรคทางเดินหายใจทะยานสูงขึ้นมาก รอบบ้านทั้งภูมิภาคก็มีอัตราเร่งเผาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การบูรณาการใช้พลังหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคชุมชน ภาคท้องถิ่น ภาควิชาการที่มีฐานทางวิทยาศาสตร์ และพลังสื่อสารที่เข้าถึงทั้งคนทั่วไป และลึกถึงกลุ่มที่ไม่ใช้ภาษาไทยจะมาจากไหน และจะไปถึงกลุ่มชายป่า ในไร่ ในโรงกลั่น และในรถยนต์ รถเก่า ตลอดถึงคนข้ามชายแดนกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างไร ผมคาดหวังว่า งานประชุมระดับชาติครั้งนี้ จะช่วยหาคำตอบ และแบ่งบทบาทการต่อสู่เพื่อสิทธิในอากาศสะอาดของเรา ที่ต้องใช้ความรู้รอบ และตอบสนอง อย่างมีระบบและทุ่มเท เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จให้ได้ครับ”

สำหรับการประชุมระดับชาติ เรื่องมลภาวะทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 นี้ จัดขึ้น 2 วัน ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคมนี้ โดยจะมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มารับข้อสรุปข้อเสนอจากการประชุมระดมข้อคิดที่มาจากกลุ่มผู้ติดตามสถานการณ์เรื่องฝุ่นในวันที่ 4 ธันวาคมเพื่อนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

เชียงใหม่-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินการรีดน้ำเชื้อสัตว์ป่าหายากที่มีความสำคัญของประเทศไทย

วันที่ 9 มกราคม 2567 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เดินหน้าทำโครงการ เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญและหายาก นางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนสัตว์ป่าหลายชนิดที่มีการลดลงอย่างต่อเนื่องในธรรมชาติ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จึงได้ร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินการรีดน้ำเชื้อสัตว์ป่าหายากที่มีความสำคัญของประเทศไทย ได้แก่ สมเสร็จมลายู (Malayan Tapir) และหมีหมา (Malayan Sun Bear) เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำเชื้อ และทำน้ำเชื้อแช่แข็ง เพื่อนำมาใช้ช่วยในการวางแผนประชากรสมเสร็จมลายูและหมีหมาโดยการผสมเทียมต่อไป 

นอกจากสัตว์ 2 ชนิดนี้แล้ว เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังได้ทำการรีดเก็บน้ำเชื้อของสัตว์ป่าอีกหลายชนิดเก็บรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ต่างประเทศ เช่น ไฮยีน่าลายแถบ เสือโคร่งเบงกอล เสือจากัวร์ หรือสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทยเอง เช่น กวางผา เลียงผา เสือไฟ เสือดาว ฯลฯ เป็นต้น โดยเป็นโครงการต่อเนื่องในการวิจัยและอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ป่าหายากของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และเพื่อช่วยอนุรักษ์พันธุ์ของสัตว์เหล่านี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป 

'นายกฯ' หนุนสร้างรถไฟฟ้าเชียงใหม่ ยกระดับด้าน ‘คมนาคม-ท่องเที่ยว’

(11 ม.ค. 67) ที่ห้องประชุมกองบิน 41 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงระบบขนส่ง และเดินทางในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมด้วย 

นายกฯ กล่าวในที่ประชุมว่า ขอขอบคุณวันนี้มาประชุมกันพร้อมเพียง ตน และคณะรัฐมนตรีมาพบทุกท่านที่เชียงใหม่ มีความห่วงใยกับสถานการณ์หมอกควัน และไฟป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องภาคเหนือหลายจังหวัด จึงต้องการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา และวิธีการป้องกันที่ถูกต้อง จากการที่ได้มาตรวจราชการเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานข้าราชการที่ช่วยกันให้ปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไข และคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขอเน้นให้ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือโดยยึดหลักแนวทางการดำเนินงานนี้

นายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์ต้องดีขึ้นทุกวัน ด้วยการทำงานเต็มหน้าที่อย่างจริงจัง ขอให้ท่านแบ่งหน้าที่ และพื้นที่ความรับผิดชอบเอ็กซเรย์พื้นที่ความรับผิดชอบของท่านว่ายังมีปัญหาใดที่จะต้องแก้ไขเร่งด่วน และรายงานให้ตนทราบทุกวันถ้าไม่ดีกว่าเดิมต้องแจ้งให้ตนทราบว่ามีอุปสรรคอะไร เป็นความประสงค์ของรัฐบาลนี้ที่อยากจะคืนอากาศบริสุทธิ์แก่พี่น้องประชาชนภาคเหนือให้ได้โดยเร็วที่สุด การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาหมอกไฟป่าต้องมีแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อความยั่งยืน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนแม่นยำ เพื่อให้การแก้ไขเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว การดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสุขภาพ

นายกฯ กล่าวว่า ขอให้จังหวัดและหน่วยงานราชการโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ดูแลประชาชนให้ครอบคลุมทุกมิติ สุขภาพอนามัยของเด็ก โดยเฉพาะผู้สูงอายุใช้ชีวิตความเป็นอยู่การรณรงค์ใส่หน้ากาก จัดพื้นที่เซฟตรงศูนย์พักพิงของประชาชน ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลให้ประชาชนมีหน้ากากกรองฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพและราคาที่เข้าถึงได้ ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างจิตสำนึกประชาชนในการรับรู้ข่าวสาร ยกระดับความตื่นตัวให้ประชาชนรู้ถึงภัยของ PM2.5  พร้อมขอความร่วมมือประชาชนดูแลพื้นที่ป่าลดการเผา เพราะปัญหานี้ไม่ใช่ของคนใดหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหา เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนจะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาในระยะยาว ต้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันสร้างอากาศบริสุทธิ์ และปฏิบัติให้ได้ 

นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันการคมนาคมต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ มีการพูดคุยกับส่วนงานราชการหลาย หน่วยงาน รู้สึกกันดีเมื่อเทียบตัวเลขปีที่แล้วของ PM 2.5 พบว่าปัญหาฝุ่นลดลงไปหลายเท่าตัว การแสดงแผนที่ Red Zone อย่างมีในนัยพิสูจน์ทราบได้ว่า จากการลงพื้นที่แก้ไขปัญหาจึงทำให้ตัวเลขลดลงอย่างมีนัย ส่งผลอย่างยิ่งเรื่องการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ดอยอินทนนท์มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 13,000 คน เป็น 17,000 คนต่อวัน แสดงให้เห็นว่าเรื่องการมี PM 2.5 น้อยลง ดูจากกราฟเป็นเรื่องที่ดี ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันบูรณาการ วันนี้เราจะมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะการคมนาคม ซึ่งหลายเรื่องยึดโยงถึง PM 2.5 ด้วย ไม่ใช่แค่การเผาป่าอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องที่เรา ใช้เรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบคมนาคม กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้และจะจัดสรรงบประมาณให้เป็นลำดับความสำคัญต้นๆในการที่จะดำเนินการเหล่านี้ต่อไป 

“ขอให้ทุกท่านช่วยกัน ซึ่งการทำงาน 2 เดือนที่ผ่านมาต้องกราบพระคุณทุกท่าน ทุกหน่วยงาน ที่ทำงานประสานงานกันอย่างดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นจุดศูนย์รวมของจิตใจและช่วยกันประสานให้ทุกฝ่าย เหมาะสำหรับการเป็นแม่แบบไปใช้ในจังหวัดต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างดีเยี่ยม ระหว่างฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ สาธารณสุข เกษตร คมนาคม คือเป็นแม่แบบที่ดีมากต้องขอชื่นชม” นายกฯกล่าว 

จากนั้นนายกฯ รับฟังข้อเสนอของทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องของการแก้ไขปัญหาจราจรและการคมนาคมที่ติดขัด โดยเฉพาะบริเวณหน้ากองบิน 41 และถนนนิมมานเหมินทร์ นายกฯ ระบุว่า หลังกลับจากเชียงใหม่จะเชิญรมว.คมนาคม และผู้บัญชาการทหารอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเรื่องการแก้ไขปัญหานี้ต่อ 

ส่วนข้อเสนอการจะทำรถไฟฟ้าเชื่อมต่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวและการลดการใช้รถยนต์ เพื่ออากาศสะอาด ลดความแออัดในเมืองเป็นสิ่งที่ดี เห็นด้วยควรสร้างรถไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวมาเชียงใหม่ในระดับต้น ๆ ถือเป็นเมืองที่ใหญ่มาก แต่ยังไม่มีระบบของรถไฟฟ้า ตรงนี้น่าจะนำมาพิจารณา ถือว่ามีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและเศรษฐกิจหลักของประเทศ ทั้งนี้ในระหว่างก่อสร้างไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหาจราจร จะทำจริงก็ต่อเมื่อวงแหวนการจราจรข้างต้นเสร็จก่อนเพื่อแบ่งเบาภาระการจราจรลงไปได้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอบคุณที่ช่วยกันคิดในเรื่องของการท่องเที่ยวมาอย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะทำให้ความมั่นใจดีขึ้น ส่วนเรื่องการพัฒนารถสองแถวแดงพลังงานไฟฟ้า ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะรถสองแถวแดงถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยว ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญต่ออากาศสะอาดด้วย หากเรื่องสองแถวรถแดง ผู้ต้องการทำรถ EV และต้องการ การสนับสนุนเรื่องดอกเบี้ยต่ำ ต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรมและขอให้เป็นวาระสำคัญ ในการพูดคุย หาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อมาสนับสนุนจุดนี้ โดยเฉพาะธนาคารที่อยากมีส่วนช่วยเหลือสังคมและอยากจะมาช่วยดูแลตรงนี้

นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการพัฒนาระบบคมนาคม ซึ่งถ้าหากพี่น้องชาวเชียงใหม่และภาคเหนือได้มานั่งฟัง ก็น่าจะมีขวัญและกำลังใจขึ้นอีกเยอะ เพราะจากการทำงานบูรณาการของทุกภาคส่วน ถือว่าเป็นการทำงานที่คิดมาอย่างครบวงจรแล้ว แต่ต้องการประสานงานที่ดี ซึ่งตนอยากจะเห็นผู้ว่าราชการทุกจังหวัดมีความสามารถที่จะผนึกกำลังอย่างที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ทำไว้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งนี้ วันนี้ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็มา ช่วยทำให้ความมั่นใจสูงอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้มองเห็นไม่ใช่แค่แผนปฏิบัติการเร่งรัด (ควิกวิน) อย่างเดียว แต่เรามีแผนการทำงานที่ชัดเจนและอาจจะกลายเป็นแผนเพิ่ม 4-5 เท่า ได้อย่างชัดเจน สอดคล้องกับเรื่องฟรีวีซ่าที่รัฐบาลได้ทำ และเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมาผู้ว่าฯ ททท. ได้มาพูดคุยกับตนเรื่องเที่ยวบินอินเดียที่เข้ามาประเทศไทยน้อย ซึ่งจากการที่ตนได้เจอกับเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศ ไทย ก็จะมีการทำเอ็มโอยู เพื่อให้มีสายการบินเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้นักท่องเที่ยว ที่บินเข้ามาคือนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย รองลงมาคือนักท่องเที่ยวจีน และประเทศที่ 3 ที่ทำให้ตนแปลกใจคือประเทศเกาหลี เพราะจากที่ตนเดินทางมาเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมาก็เจอแต่นักท่องเที่ยวเกาหลี คาดว่าที่เชียงใหม่มีสนามกอล์ฟเยอะ จึงทำให้นักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางมา 

นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางมาคือปัญหาฝุ่น PM  2.5 ซึ่งเราได้มีการบริหารจัดการไปอย่างดีเยี่ยม รวมถึงการคมนาคมก็ต้องไม่ทำให้รถติด เพราะจะทำให้เขาไม่อยากมา ซึ่งรัฐบาลได้ตอบโจทย์ในระยะใกล้ ระยะกลางและระยะยาวแล้วอย่างบูรณาการเต็มที่ รวมถึงมีการรักษาเรื่องดี ๆ ของเชียงใหม่ไว้ด้วย อาทิ รถสองแถวแดงที่ถือเป็นไฮไลต์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเราพยายามจะเปลี่ยนให้เป็นรถไฟฟ้า ตนเชื่อว่าทุกอย่างมีการคิดกันมาอย่างดีมาก ทำให้การทำงานเชื่อมต่อระหว่างกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ท้องถิ่น และทุกฝ่ายได้มาพูดคุยกัน รวมถึงพรรคการเมืองเองก็จะทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีศักยภาพที่โดดเด่นได้

นายกฯ กล่าวต่อว่า ถ้าวันนี้พี่น้องชาวเชียงใหม่ได้มาได้ยิน ได้ฟังในสิ่งที่เรามาหารือกัน ตนก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ และอยากจะนำโมเดลดังกล่าวไปใช้ในหลายจังหวัด รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้และพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าถ้าหากเราร่วมใจกันเช่นนี้จะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนสนับสนุนเราอย่างดี 

“ถึงแม้ว่ารัฐบาลนี้มาเพียงแค่ 4 เดือน แต่ก็เห็นการทำงานของทีมไทยแลนด์อย่างชัดเจน ที่ทุกคนได้ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ รวมถึงคนที่ทำงานปิดทองหลังพระอย่างฝ่ายความมั่นคง กองทัพ  ที่ทำงานในการป้องกันไฟป่าแม้เป็นจุดเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามไป ผมจึงขอให้รักษาตรงนี้ไว้และดำเนินการต่อไป” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องงบบูรณาการ ให้ข้อคิดตามหลักการทำงาน ถ้าปี 67 เราทำงานมีผลชัดเจนเชื่อว่าเรื่องงบเป็นเรื่องที่เราสามารถพูดคุยได้ไม่มีปัญหา เพียงแค่ต้องการเหตุผลที่ชัดเจน

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 เรื่องสำคัญคือลดจุดความร้อน หรือ ฮอตสปอต การทำแนวกันไฟที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สร้างความเข้าใจพี่น้องประชาชน หาลดการเผา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และต้องไม่เผาวัชพืชเปลี่ยนทำเป็นปุ๋ยเพื่อจะใช้เป็นพลังงานทดแทนได้ ขณะเดียวกันก็มีการปลูกป่าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเชื่อว่าจุดความร้อนและค่า PM2.5 จะลดลง และวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี พ.ร.บ.อากาศสะอาดได้เข้าสภาแล้ว มีความคืบหน้าอย่างชัดเจน

นอกจากนี้นายกฯ ขอร้องทางกองทัพภาคที่ 3 ช่วยจัดอากาศยานเพิ่ม มาช่วยปฏิบัติการแก้ปัญหาดับไฟป่า และยังเป็นการช่วยเรื่องของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเดียวกันก็จะประสานไปยังกองทัพอากาศเพื่อขออากาศยานมาช่วยขน วัชพืชส่งไปยังโรงงานต่าง ๆ เพื่อช่วยลดปัญหาเรื่องการขนส่งอีกทางนึง ส่วนเรื่องงบประมาณ ยืนยันรับทราบทุกหน่วยงานที่ขอมา ไม่ต้องเป็นห่วงขอให้ดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างเต็มที่

ขณะที่แม่ทัพภาค 3 กล่าวว่ายินดีและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยจะมีการประสานไปยังส่วนกลาง

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมรถไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดัดแปลงจากรถดีเซลมาเป็นรถอีวี ผลงานของคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนที่จะขึ้นรถแดง ทะเบียน 30-6198 เชียงใหม่ เพื่อไปยังบริเวณจุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกองบิน 41 ติดตามความพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 รวมถึงชมสาธิตวิธีการปล่อยฝนหลวงด้วย

อาลัย ‘ดร.ชัปนะ ปิ่นเงิน’ ผู้เชี่ยวชาญจารึกและเอกสารโบราณล้านนา เสียชีวิตอย่างสงบแล้ว ฌาปนกิจวันนี้ ที่วัดสันป่าสักวรอุไรธรรมาราม

(13 ม.ค. 67) รายงานข่าวแจ้งว่า ดร.ชัปนะ ปิ่นเงิน ผู้เชี่ยวชาญด้านจารึกและเอกสารโบราณล้านนา อดีตนักวิจัย สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสียชีวิตแล้ว โดยมีพิธีสวดพระอภิธรรม วันที่ 10-12 มกราคมที่ผ่านมา ที่วัดสันป่าสักวรอุไรธรรมาราม อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

สำหรับพิธีฌาปนกิจจะมีขึ้นในวันนี้ เวลา 14.30 น.

ทั้งนี้ ดร.ชัปนะ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจารึกมอญโบราณ จารึกล้านนา และเอกสารโบราณล้านนา จบการศึกษาจากภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร มีผลงานอาทิ การศึกษาเชิงวิเคราะห์วรรณกรรมชาดกลานนาเรื่องโวหารมโหสถ, คุรุธรรม (ปริวรรต คัมภีร์ใบลาน คุรุธรรม ฉบับวัดธงสัจจะ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน-ร่วมกับพัชราภรณ์ นักเทศน์), ประชุมจารึกล้านนา เล่ม 7 จารึกในจังหวัดลำปาง (ร่วมกับ เพ็ญพรรณ เครือไทย), การศึกษาพุทธสัญลักษณ์ล้านนา (ร่วมกับสุวิภา จำปาวัลย์) เป็นต้น

เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ดร.ชัปนะยังเข้าร่วมงาน 100 ปี อาจารย์สงวน โชติสุรัตน์ ที่สถาบันวิจัยสังคม มช. โดย ดร.เพ็ญสุภา สุคตะ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์โบราณคดีล้านนาได้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขณะหารือประเด็นจารึกเวียงห้าว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

ดร.ชัปนะ ได้รับพระราชทานเข็มเกียรติคุณวันอนุรักษ์มรดกไทยในฐานะผู้อนุรักษ์มรดกไทยดีเด่นและผู้สนับสนุนการดำเนินงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ พุทธศักราช 2562 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562

เชียงใหม่-วิ่งการกุศล Rajavej x Movenpick Charity Run 2024 ช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในจังหวัดเชียงใหม่

เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ Rajavej x Mövenpick Charity Run 2024  โดยมี นพ.ณรงค์ เลาหวิรภาพ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่ กล่าวต้อนรับนักวิ่งที่เข้าร่วมงาน นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน เมื่อวันที่ 14  มกราคม 2567 

สำหรับ Rajavej x Movenpick Charity Run 2024 เป็นงานวิ่งการกุศลที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันในปีนี้เป็นครั้งแรก ระหว่างภาคเอกชนซึ่งเป็นสถานประกอบการด้านสุขภาพ ได้แก่ โรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่ และสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรมเมอเวนพิค สุริวงศ์ เชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีอย่างจริงจัง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและการท่องเที่ยวโดยรวมของจังหวัด 

รายได้ส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการจัดงาน จะนำไปจัดซื้อ “ข้าวสาร อาหารแห้ง และอุปกรณ์ยังชีพ มูลค่า 100,000 บาท” เพื่อมอบให้กับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 โดยจะมีการนัดหมายมอบสิ่งของทั้งหมดให้อีกครั้งอย่างเป็นทางการหลังจากงานวิ่งเสร็จสิ้น ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้จำนวนกว่า 1,000 นาย จะเดินทางเข้าไปประจำจุดในป่า เพื่อปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังป้องกันไฟป่าในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยจะเข้าไปอยู่เป็นเวลากว่า 2 เดือน ปัจจัยเหล่านี้ อาทิเช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ฯลฯ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อใช้ยังชีพ

ทางผู้จัดงานประกอบด้วยโรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่ โรงแรมเมอเวนพิค สุริวงศ์ เชียงใหม่ ต้องขอขอบพระคุณผู้ให้การสนับสนุนทุกท่าน และที่สำคัญที่สุดคือนักวิ่งทุกท่านที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันนี้ ซึ่งมีส่วนร่วมในการเป็นกำลังสำคัญ ที่จะมาช่วยสนับสนุนให้เชียงใหม่มีอากาศที่ดี และลดปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อปอดของชาวเชียงใหม่ทุกคน

‘นายกฯ’ นำทีมเดินทัวร์ตลาดจริงใจที่เชียงใหม่ พร้อมชวนเที่ยวไทย ชาวบ้านแห่มอบกุหลาบต้อนรับแน่น-ต่างชาติขอถ่ายรูปตลอดทาง

(20 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมตลาดจริงใจ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตลาดเอกชนที่นำสินค้าชุมชนและเกษตรกร ที่กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาให้การสนับสนุนมาขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีทั้งสินค้าเกษตรเช่นผักผลไม้และสินค้าหัตถกรรมของชาวบ้านที่มีรายได้น้อย และไม่มีช่องทางในการจำหน่าย เช่น ผักปลอดสารพิษ กาแฟ เสื้อผ้าที่ผลิต หรือถักทอ จากกลุ่มแม่บ้านบนพื้นที่สูง

โดยประชาชนได้มอบดอกกุหลาบสีแดง พร้อมสติกเกอร์ข้อความว่า “รักนายกฯ เศรษฐา”

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้เดินเยี่ยมชมร้านขายสินค้าต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ออแกนิก และร้านกาแฟ เป็นต้น

จากนั้น นายกฯ รับฟังบรรยายสรุปโครงการของกลุ่มเครือเซ็นทรัล ที่ดำเนินการซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) สู่การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจสู่สังคม (CSV)

ผู้สื่อสื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทาง นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจขอถ่ายรูปและทักทายนายกฯ ซึ่งนายกฯ ได้เชิญชวนให้มาท่องเที่ยวประเทศไทย และบอกว่าประเทศไทยมีของดีอีกมาก

ทั้งนี้ การพานักธุรกิจลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่ได้ต้องการเงินจากท่าน แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ ‘Love and Attention’ (ความรักและความเอาใจใส่) จากทุกท่านในที่นี้

‘นายกฯ’ โล่งอกหลังค่าฝุ่น PM 2.5 เชียงใหม่ดีขึ้น ชมพ่อเมืองเป็นซูเปอร์ผู้ว่าฯ ส่วน กทม.ยังหนักอยู่

(21 ม.ค. 67) ที่กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงสภาพอากาศและค่าฝุ่น PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้น หลังหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ว่า เช้าวันเดียวกันนี้ ได้ดูรายละเอียดตัวเลขอยู่ที่ 12 เป็นสีเขียวดี แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะถ้าเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกับปีที่แล้วดีขึ้นเยอะ

ทั้งนี้ ก่อนขึ้นเครื่องตนได้เจอกับทหาร ตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ถือว่าเป็นซูเปอร์ผู้ว่าฯ ประสานงานได้ดีหมด แต่ถ้าต้องการอะไรก็ขอให้บอกมา ขอให้ร่วมมือกันทำงาน รักกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้ช่วยเหลือกันไป มีอะไรก็ขอให้บอกมา ซึ่งผลที่ออกมาดีในวันนี้ ไม่ได้บอกว่าต่อไปจะดีหรือไม่ แต่เราพยายามอย่างเต็มที่และวันนี้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ก็ลดไปถึง 4-5 เท่าแล้วในช่วงเวลาเดียวกัน เป็นเรื่องที่น่าชื่นใจและจะทำกันต่อไป

“ก็เข้าใจที่กรุงเทพฯ ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งจากการที่ผมได้ไปเจอกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ได้มีการคุยกันในเรื่องนี้และมีการขอร้องกันไป” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่ศาลปกครองเชียงใหม่ขอให้นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ทำแผนแก้ปัญหาฝุ่นภายใน 90 วัน นับแต่คำพิพากษาและเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … จะส่งเรื่องไปเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนก็ต้องทำตามคำสั่งของศาลปกครอง และจะเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาพูดคุย เพื่อปรับปรุงแผนตามที่ศาลปกครองขอมา แน่นอนว่าก็ต้องทำตาม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top