Saturday, 4 May 2024
เชียงใหม่

เชียงใหม่ - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรม Live พาชมความน่ารักของ “เมียร์แคท”

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เชิญชมความน่ารักของ “เมียร์แคท” หนึ่งในสัตว์ป่าของทวีปแอฟริกา ผ่านกิจกรรม Live ในช่องทาง Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari พร้อมลุ้นรับรางวัลสุด Exclusive  หนึ่งในสัตว์ป่าของทวีปแอฟริกา พร้อมแจ้งขยายการปิดให้บริการ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด COVID – 19 อย่างต่อเนื่อง

นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหารพัฒนาพิงนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อของจังหวัดเชียงใหม่จะเริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังคงดำเนินการมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด รวมทั้งการปิดให้บริการสวนสัตว์ออกไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังคงต้องขยายระยะเวลาในการปิดให้บริการชั่วคราวออกไป รวมทั้งดำเนินการตามมาตราการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในองค์กร โดยมีการปฏิบัติงาน Work from home, การคัดกรองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน, การสวมใส่หน้ากากอนามัยในการเข้าพื้นที่  และการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกวัน รวมทั้งการดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ทุกชนิด เช่นเดิม  

และในส่วนของการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว แม้ว่าจะไม่สามารถเปิดให้บริการได้  แต่ก็ได้เพิ่มช่องทางการให้บริการในหลากหลายช่องทางออนไลน์ เพื่อเป็นการสร้างความผ่อนคลายให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังคงมีความต้องการออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย ซึ่งนอกจากการเพิ่มช่องทางเผยแพร่คลิปความน่ารักของสมาชิกสัตว์ในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีผ่าน Tiktok แล้ว ยังเพิ่มกิจกรรมการ Live ผ่านช่องทาง Facebook เป็นประจำทุกสัปดาห์ พร้อมลุ้นรับของที่ระลึกจากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้ได้หายคิดถึงกันด้วย โดยในสัปดาห์นี้จะพาเยี่ยมชมครอบครัว “เมียร์แคท” ที่จะมาสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ที่ได้รับชม กับกิจกรรมพักผ่อนในช่วงการปิดให้บริการอีกด้วย

“เมียร์แคท” (Meerkat) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พบมากในทะเลทรายคาลาฮารีทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา มีขนาดลำตัวเล็ก และหนักประมาณ 1 กิโลกรัมเท่านั้น มีจมูกยื่นยาวเพื่อประโยชน์ในการดมกลิ่น รอบขอบตาเป็นวงแหวนสีดำ มีขนสีน้ำตาลทองสลับดำขวางลำตัว หางยาวและส่วนปลายมีสีดำ มีกรงเล็บที่แหลมคมเพื่อใช้ในการขุดดิน ชอบกินแมลงปีกแข็งและหนอนผีเสื้อ รวมทั้งสัตว์มีกระดูกสันหลังเล็ก ๆ “เมียร์แคท” เป็นสัตว์ที่อยู่ไม่ค่อยนิ่ง เดินไปเดินมาตลอด ชอบยืนสองขาชะเง้อคอ เพื่อตรวจดูและคอยเตือนภัยจากผู้ล่าในหลายรูปแบบให้ครอบครัว และที่สำคัญ “เมียร์แคท” ถือว่าเป็นหนึ่งในสัตว์โลกที่แสดงให้เห็นถึงความสามัคคี เพราะไม่เคยแสดงอาการก้าวร้าว ทะเลาะเบาะแว้ง หรือกัดกันเลยแม้แต่น้อย

ทั้งนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมชมความน่ารักของครอบครัว “เมียร์แคท” หนึ่งในสัตว์ป่าของทวีปแอฟริกา ทั้ง 19 ตัว ผ่านการ Live ในช่องทาง Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safai พร้อมลุ้มรับหน้ากากอนามัยสุด Exclusive  จากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ในวันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม นี้ เวลา 15.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE@ : Nightsafari และ Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

เชียงใหม่ - รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจ จุดตรวจพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน

รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจ จุดตรวจพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน พร้อมกำชับและมอบนโยบายด้านการสกัดกั้น เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19

วันที่ 13 พ.ค.2564  พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ด่านตรวจแก่งปันเต๊า สภ.เชียงดาว, ด่านตรวจผาหงษ์ สภ.ไชยปราการ, จุดตรวจแม่สาว สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ , ด่านตรวจกิ่วสะไต , ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง สภ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมมอบนโยบาย และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการดังต่อไปนี้

 1. ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจพื้นที่ชายแดนและจุดตรวจสกัดกั้นพื้นที่ตอนใน เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางเท้า ทางรถ และทางน้ำ จัดให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นยานพาหนะ ให้เพียงพอตลอด 24 ชม. ขณะปฏิบัติหน้าที่ต้องจัดให้มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหว ชนิดที่สามารถ ดูภาพได้แบบปัจจุบัน Real time เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา

     2. ดำเนินการพิจารณาปรับแผนหรือลดจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความจำเป็นในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน และให้เป็นไปตามมาตรฐานตาม ตร. กำหนด โดยเน้นย้ำให้ลงข้อมูลในระบบ TPCC โดยเคร่งครัดให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ในการตรวจสอบ กำกับ ดูแลการปฏิบัติและรายงานผล

     3. กำชับการออกตรวจชุดสายตรวจร่วมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจพื้นที่ สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมใดๆที่อาจเสี่ยงต่อการแพทย์ระบาดของโรคอย่างสม่ำเสมอ และให้คำแนะนำตักเตือนแก่ผู้ประกอบการให้ปรับปรุงแก้ไขสถานที่ที่เป็นจุดเสี่ยง หากยังไม่ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำให้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาปิดสถานที่ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

      4. ปรับแผนการทำงาน โดยประชาสัมพันธ์การรวมกลุ่มดื่มสุราที่บ้านหรือในชุมชน เป็นความผิดตามกฎหมาย เรื่องการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค

      5. กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรค (D-M-H-T-T) อย่างเคร่งครัดโดยสวม Face shield หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาปฏิบัติหน้าที่ มีเจลแอลกอฮอล์ติดตัวทุกนาย มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนปฏิบัติหน้าที่ หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ เจลล้างมือ หรือน้ำยาแอลกอฮอล์ล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับประชาชน ทั้งนี้ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

เชียงใหม่ - มทบ.33 จัดทำโครงการปันน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน จัดรถครัวสนามทำอาหารปรุงสดให้แก่ประชาชน สู้โควิด-19

มทบ.33 จัดทำโครงการปันน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน จัดรถครัวสนามทำอาหารปรุงสด , แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และพืชผลทางการเกษตร ให้แก่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19

เมื่อ 20 พ.ค. 64 เวลา 10.00-12.00 มทบ.33  จัดรถครัวสนามทำอาหารปรุงสดใหม่  จำนวน 400 กล่อง พร้อมน้ำดื่ม และหน้ากากอนามัย บรรทุกหลังรถจักรยานยนต์(เดลิเวอรี่) จำนวน  10 คัน บริการส่งอาหารกล่อง ปรุงสดใหม่ ถึงบ้าน ประชาชน ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง และจัดรถพุ่มพวง แจกจ่ายผลผลิตทางการเกษตร (ผักกาด ,ผักบุ้ง, แตงกวาญี่ปุ่น, มะนาว ,พริก ,ไข่ไก่  และมะม่วง ) แจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของ ประชาชนชุมชนรอบค่ายที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิค - 19 ณ ชุมชนต้นขาม ต.ท่าศาลา อ.เมือง จว.ช.ม. โดยได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19  อย่างเคร่งครัด ซึ่งได้สร้างความประทับใจและความพึงพอใจต่อประชาชนในพื้นที่ เป็นอย่างดี


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

เชียงใหม่ – จัดกิจกรรมคลายร้อน เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ส่งเสริมสุขภาพสัตว์ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยว รับชมกิจกรรมผ่านช่องทาง Live ในช่วงการปิดให้บริการชั่วคราว

สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน ) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรมคลายร้อน และทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพกายและใจให้กับสมาชิกสัตว์ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมรับชมการดูแลสมาชิกสัตว์อย่างใกล้ชิดผ่านกิจกรรม Live ในช่องทาง Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari ลุ้นรับรางวัลสุด Exclusive เป็นประจำทุกสัปดาห์

นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า ในช่วงการปิดให้บริการชั่วคราวนี้ นอกจากการดำเนินการด้านมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 แล้ว ยังมีการดูแลสวัสดิภาพสัตว์เป็นอย่างดี  ทั้งด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ มีการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค การเสริมวิตามิน การดูแลด้านโภชนาการ รวมทั้งการจัดกิจกรรมผ่อนคลายให้กับสัตว์  โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่สภาพอากาศมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น และการไม่ได้ทำกิจกรรมเหมือนในช่วงการเปิดให้บริการตามปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้สัตว์เกิดความเครียดได้ ดังนั้นจึงได้จัดกิจกรรมคลายร้อนให้กับสัตว์ชนิดต่าง ๆ และจัดกิจกรรมเพื่อให้สัตว์ได้ออกกำลังกาย เช่น การฉีดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเสือโคร่ง

การจัดกิจกรรมผ่อนคลายและส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้กับสัตว์ที่อยู่ในส่วนแสดง Night Predator โดยทำกิจกรรมออกกำลังตามพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิด เช่น การว่ายน้ำจับปลาเป็นอาหารของนาคเล็กเล็บสั้น การล่าเหยื่อของสิงโต การปีนป่ายไต่เชือกกินอาหารของหมีขอ การกระโดดปีนต้นไม้ล่าเหยื่อของเสือโคร่งขาว และการว่ายน้ำของเสือโคร่ง เป็นต้น  นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งดำเนินการให้บุคคลากรผู้ปฏิบัติงานทุกคนฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ครบ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการอีกครั้ง 

ทั้งนี้ ในช่วงการปิดให้บริการชั่วคราว เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้จัดกิจกรรมให้บริการนักท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และการจัดกิจกรรม Live ใน Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับชมกิจกรรมการดูแลสัตว์อย่างใกล้ชิด พร้อมลุ้นรับของที่ระลึกพิเศษ เป็นประจำทุกสัปดาห์

และในวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม นี้ เวลา 15.30 น. จะพานักท่องเที่ยวชมกิจกรรมการดูแลสัตว์ในส่วนแสดง Night Predator กับกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพตามพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิด ซึ่งนักท่องเที่ยว


ภาพ/ข่าว  นภาพร เชียงใหม่

เชียงใหม่ - ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้แทน ตร. เดินทางมาประชุมเพื่อรับทราบสถานการณ์ และแผนการสกัดกั้นคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการบริหารจัดการวัคซีนให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 21 พ.ค.64  เวลา 10.30 น. ด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใยข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงต่อการต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ /ประธานคณะทำงานการจัดหาและฉีดวัคซีนฯ พิจารณาจัดสรรวัคซีนเป็นพิเศษ เพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรจากสาธารณสุขจังหวัด ให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดนั้น

พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้แทน ตร.เดินทางมาประชุมเพื่อรับทราบสถานการณ์และแผนการสกัดกั้นคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการบริหารจัดการวัคซีนให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่  พร้อมทั้งเป็นตัวแทน ตร. มอบวัคซีนจำนวน 3,200 โดส เพื่อฉีดให้แก่ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมอบหมายให้โรงพยาบาลดารารัศมี เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการฉีดให้ข้าราชการตำรวจในโอกาสต่อไป

โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 รรท. ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ  จีระนันตะสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พล.ต.ต.หญิง พิมพรรณ ทรัพย์ขำ ผบก.รพ.ดร. และข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมประชุมและรับมอบวัคซีน ณ ห้องประชุม 4 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

เชียงใหม่ - ผบช.ภ.5 และ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 ตรวจเยี่ยมหน่วยฉีดวัคซีนฯ พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่

วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 11.30 น.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใยข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงต่อการต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ /ประธานคณะทำงานการจัดหาและฉีดวัคซีนฯ พิจารณาจัดสรรวัคซีนเป็นพิเศษ เพื่อฉีดให้ข้าราชการตำรวจ จำนวน 1,600 นาย  และเพิ่มเติมที่ได้รับการจัดสรรจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3,500 นาย  รวมเป็นจำนวน 5,100 นาย ให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 และ ผศ.พรพิมล วงศ์สุข ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5  ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยฉีดวัคซีนฯ พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร ผบก.อก.ภ.5, และคณะชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 เข้าร่วมตรวจเยี่ยมฯ ณ โรงพยาบาลดารารัศมี อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

เชียงใหม่ -อบจ.เชียงใหม่ แถลงข่าวความร่วมมือการจัดระบบลงทะเบียนฉีดวัคซีน กับองค์กรภาคเอกชน ผ่าน Application “CM Smart”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ห้องประชุมสภา ชั้น 2 อาคารหอประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน จังหวัดเชียงใหม่ (กกร.เชียงใหม่)  และ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่, นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่, นายสุรชาติ ภีระคำ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดเชียงใหม่ ,พลตำรวจตรี ปชา รัตนพันธ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่, สมาชิก กกร.เชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ อบจ.เชียงใหม่ สมาชิกสภา อบจ.เชียงใหม่ แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมการแถลงข่าว ความร่วมมือ การจัดระบบลงทะเบียนฉีดวัคซีนระหว่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กับองค์กรภาคเอกชน ผ่าน Application “CM Smart”

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ได้ซบเซาลง ดังนั้น ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมความพร้อมและจัดระบบบริการฉีดวัดเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้สามารถดำเนินการฉีดได้ทันท่วงทีภายในระยะเวลาที่กำหนด และเพื่อให้สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีกำหนดให้การฉีดวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าว เป็นวาระแห่งชาติ (ภายในวันที่ 7 มิถุนายน 2564) จะต้องดำเนินการตั้งแต่การกระจายวัคซีนไปจนถึงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน หลังจากการร่วมประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานเตรียมความพร้อม

เพื่อเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ทางอบจ.เชียงใหม่ และ กกร.เชียงใหม่ ได้มีการจัดทำฐานข้อมูล “CM SMART” (ซีเอ็มสมาร์ท) เพื่อขึ้นทะเบียนเตรียมพร้อมฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากส่วนร่วมของภาคเอกชนและสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ การช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดระเบียบการฉีดวัคซีนของผู้ที่อยู่ในรายชื่อในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในอนาคต และฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ให้ฟื้นคืนได้อย่างเร็วที่สุด ตามเป้าประสงค์ที่ได้ตั้งไว้

ซึ่งระบบการจัดเก็บข้อมูลรายชื่อ มีคณะทำงานของนายแพทย์ธีรพัฒน์ ตันพิริยะกุล ได้บริหารจัดการฐานข้อมูล CM SMART (ซีเอ็มสมาร์ท) ซึ่งเป็นความร่วมมือจากความเข้มแข็งของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน จังหวัดเชียงใหม่ (กกร.เชียงใหม่) และกลุ่มสมาชิกภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้บุคลากรที่สมัครใจในการเข้าร่วมโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

โดยตั้งเป้าประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มภาคธุรกิจท่องเที่ยวลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน โควิด -19 ผ่านแอฟพิเคชั่น “CM Smart” 170,000 คน พร้อมรณรงค์ ให้ฉีดวัคซีน โดยดำเนินการ ภายใน 4 เดือน ให้ครอบคลุม 70% ตามมติของส่วนกลาง พร้อมกันนี้ประสานจุดฉีดวัคซีน ในเบื้องต้นโดยประสานผ่านทางเครือเซ็นทรัลพัฒนา ทั้งสองแห่ง สามารถรองรับการเข้ารับการฉีดวัคซีนได้แห่งละ 1,500 คนต่อวัน ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีความพร้อม ทางด้านบุคลากรและอุปกรณ์ในการจัดฉีดวัคซีนนอกสถานที่ ซึ่งจะได้ร่วมกับภาคเอกชนในการรณรงค์ฉีดวัคซีน เพื่อเตรียมพร้อมตามแนวทางการขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว หลังจากการเปิดรับฤดูกาลท่องเที่ยว ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2564


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

เชียงใหม่ - สวพส. เผยแนวทางที่เหมาะสม ในการปลูกพืชผักคุณภาพบนพื้นที่สูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า นางสาวเพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการสถาบัน ด้านการพัฒนา และ นายอิทธิพล โพธิ์ศรี นักวิชาการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกพืชของเกษตรกรบนพื้นที่สูง พบว่าพื้นที่สูงของประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคเหนือนั้นมีสภาพพื้นที่และภูมิอากาศต่างจากพื้นที่ราบเป็นอย่างมาก โดยเป็นเทือกเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 500 ถึงมากกว่า 1,000 เมตร ทำให้มีสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นและมีฝนตกชุก นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลและอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ประชาชนที่อยู่อาศัยบนพื้นที่สูงส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ จึงมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก โดยในอดีตดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำไร่เลื่อนลอย และปลูกพืชเพียงไม่กี่ชนิด คือ ข้าว ข้าวโพด และพืชผักท้องถิ่น เพื่อเป็นพืชอาหารเป็นหลัก ส่วนพืชรายได้มีน้อยมาก จึงเกิดปัญหาการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นพืชเสพติดที่สร้างปัญหาให้กับคนทั้งโลก

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงก่อตั้ง“โครงการหลวง” เพื่อส่งเสริมให้คนบนพื้นที่สูงปลูกพืชทดแทนฝิ่น โดยพืชส่วนใหญ่ที่ปลูกทดแทนฝิ่นเป็นพืชเมืองหนาว หากปลูกพืชผักเขตร้อนจะไม่สามารถแข่งขันทางการตลาดกับพื้นที่ราบได้ แต่ในอดีตพืชผักเขตหนาวเป็นของใหม่สำหรับประเทศไทย เราขาดองค์ความรู้ว่าจะปลูกพืชผักอะไร วิธีการเพาะปลูกอย่างไร และยังไม่มีตลาด โครงการหลวงเป็นหน่วยงานหลักที่ได้วิจัย ส่งเสริม และสร้างตลาด จนทุกวันนี้เป็นที่รู้จัก มีการปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ต่อมารัฐบาลได้ตั้ง สวพส. ขึ้นเพื่อสนับสนุนงานโครงการหลวง และขยายผลสำเร็จไปพัฒนาพื้นที่สูงต่าง ๆ ปัจจุบันพืชพันธุ์ใหม่ ๆ และวิธีการเพาะปลูกที่ประณีตและปลอดภัย ได้รับการวิจัยและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมแก่เกษตรกรอย่างกว้างขวาง 

พืชผักกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง

พื้นที่สูงเป็นป่าต้นน้ำลำธารที่สำคัญของประเทศ แม้ว่ามีความจำเป็นต้องส่งเสริมอาชีพ เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งอาศัยอยู่มากกว่า 4,000 ชุมชน มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน ยังต้องคำนึงถึงการไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยและคุ้มค่าที่สุด และได้ผลตอบแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิต แต่ที่ผ่านมาพืชเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นพืชไร่ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ใช้พื้นที่และแรงงานจำนวนมาก ถึงจะมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต จึงเป็นสาเหตุของการบุกรุกป่า เกิดการเผาและปัญหาหมอกควัน พืชผักจึงสามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีความต้องการของตลาดสูง จึงสามารถสร้างอาชีพให้กับประชาชนได้กว้างขวาง การเพาะปลูกไม่มีปัญหาการเผา สามารถให้ผลตอบแทนสูงในพื้นที่จำกัดและได้ตลอดปี โดยเฉพาะเมื่อปลูกในระบบที่ประณีต จะยิ่งใช้พื้นที่และน้ำน้อยมาก ดังจะเห็นได้ชัดเจนในพื้นที่ดำเนินงานของ สวพส. หลายแห่ง เช่น น่าน เชียงใหม่ ตาก และแม่ฮ่องสอน ที่ปรับระบบเกษตรเป็นพืชผักและพืชอื่น ๆ ที่เหมาะสมแล้ว สามารถลดการบุกรุกป่า และการเผาได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งทำให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

การผลิตพืชผักคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ความยั่งยืนของการประกอบอาชีพปลูกพืชผักนั้น คุณภาพของผลผลิต และวิธีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจากการที่โครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงจำนวนมาก ปลูกพืชผักเป็นอาชีพมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยในปีหนึ่ง ๆ มีผลิตผลที่ผ่านระบบบริหารจัดการด้านการตลาดรวมมากกว่า 25,552 ตัน มูลค่า ประมาณ  646 ล้านบาท โดยมีหลักการและแนวทางที่เหมาะสมในการปลูกพืชผักบนพื้นที่สูง ดังนี้ 

1. การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน และแปลงของเกษตรกร บนพื้นที่สูงพื้นที่ของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลาดชัน ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ จึงต้องวางแผนการใช้พื้นที่ให้มีการทำการเกษตรที่หลากหลาย ตามความเหมาะสมและศักยภาพของพื้นที่ ควบคู่ไปกับการทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ

2. การวางแผนการผลิตและตลาด ความสำเร็จของการทำการเกษตรคือเกษตรกรจะต้องสามารถขายผลผลิตได้และราคาเป็นธรรม การส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรในพื้นที่ดำเนินงานของสวพส. จะยึดหลักตลาดนำการผลิต หรือเป็นพืชหรือพันธุ์ใหม่ จะเริ่มส่งเสริมจากจำนวนที่ไม่มาก ควบคู่กับการสร้างตลาด สำหรับพืชผักเป็นพืชที่มีช่วงเวลาปลูกสั้น และต้องมีการวางแผนการผลิตและการตลาดให้สัมพันธ์กัน 

3. การเพาะปลูกภายใต้ระบบมาตรฐานอาหารปลอดภัย หรือ พืชผักที่ปลูกภายใต้ระบบการเพาะปลูกที่ดี (GAP) หรือเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะเป็นจุดแข็งและเพิ่มโอกาสทางการตลาด โดยเฉพาะความตระหนักเรื่องสุขภาพ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน

4. การเลือกพันธุ์และผลิตต้นกล้าแบบประณีต ความแม่นยำของปริมาณผลิตผลและช่วงเวลาที่ตลาดต้องการ มาจากพื้นฐานสำคัญ คือ การผลิตต้นกล้าให้ได้ตรงตามพันธุ์ ปริมาณ และช่วงเวลา ซึ่งการผลิตต้นกล้าแบบประณีตในโรงเรือนเพาะกล้าโดยใช้วัสดุปลูกที่ดี ช่วยให้ได้ต้นกล้าที่มีคุณภาพ มีจำนวน และระยะเวลาที่แน่นอน รวมทั้งยังช่วยให้ใช้เมล็ดพืชผักพันธุ์ดีซึ่งมีราคาสูงได้อย่างคุ้มค่า 

5. โรงเรือน คือ หัวใจของคุณภาพและความปลอดภัย การปลูกผักในโรงเรือนช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่มีความแปรปรวนโดยเฉพาะบนพื้นที่สูง และยังใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนที่สูงมากกว่าการปลูกนอกโรงเรือนประมาณ 2-5 เท่า สามารถควบคุมการผลิตได้ค่อนข้างแม่นยำและผลผลิตมีคุณภาพดี ช่วยลดการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตมากถึง 30-50 % ลดการใช้สารป้องกันและกำจัดวัชพืชได้ร้อยละ 100 ควบคุมการใช้น้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาเรื่องของสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้

6. การปลูกและดูแลรักษาอย่างประณีต โดยเริ่มจากการปลูกในโรงเรือน ใช้ต้นกล้าที่คุณภาพดีสม่ำเสมอ ปลูกอย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อให้ทุกต้นมีพื้นที่และได้รับสภาพแวดล้อมที่เหมือนกัน ให้น้ำและปุ๋ยอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอด้วยการให้ปุ๋ยทางระบบการน้ำ และการดูแลและป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างใกล้ชิด สำหรับพืชผักใบส่วนใหญ่จะปลูกลงแปลง (ดิน) โดยตรง สำหรับผักผลบางชนิด เช่น พริกหวาน และมะเขือเทศ นิยมที่จะปลูกในวัสดุปลูก (Substrate culture)

7. การจัดการหลังเก็บเกี่ยวและการตลาดที่ดี นอกจากการผลิตในแปลงปลูกอย่างประณีตและปลอดภัยแล้ว ต้องมีการเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังเก็บเกี่ยวที่ดี ทั้งการรวบรวมและการคัดคุณภาพของผลิตผลให้เป็นไปตามที่กำหนด การบรรจุหีบห่อ และการขนส่งไปสู่ตลาด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องทำอย่างประณีตและรวดเร็ว เพื่อให้ผลิตผลถึงตลาดและผู้บริโภคด้วยคุณภาพดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยของผลผลิต โดยตรวจสารเคมีตกค้างทั้งก่อนและหลังเก็บเกี่ยว การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่เป็นระบบแบบนี้จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น โรงคัดบรรจุ ห้องเย็น ห้องวิเคราะห์สารเคมี หรือรถขนส่งผลผลิต ซึ่งเกษตรกรควรรวมกันเป็นวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ เพื่อให้รัฐสามารถให้สนับสนุนได้ง่าย รวมถึงการขอรับรองมาตรฐาน

“การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ความใส่ใจและห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภคในปัจุบันนี้  พืชผักจะเป็นอาหารอันดับแรก ๆ ที่มีความสำคัญ แต่เกษตรกรจะสามารถปลูกพืชผักเป็นอาชีพอย่างมั่นคงได้ ความปลอดภัยของผลิตผล และการเพาะปลูกแบบประณีต เป็นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด และความพร้อมสำหรับรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น สภาพภูมิอากาศ การเสื่อมโทรมและจำกัดของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของกฏและกติกาการค้าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ กล่าวส่งท้าย


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

เชียงใหม่ - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับการเปิดให้บริการ เชิญชมสมาชิกใหม่ พร้อมประกวดตั้งชื่อ “ลูกเลียงผา" (Serows) หนึ่งในสัตว์ป่าสงวนของประเทศไทย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน 2564 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับการเปิดให้บริการอีกครั้ง ด้วยสมาชิกใหม่ “ลูกเลียงผา" (Serows) เป็นสัตว์ 1 ใน 15 สัตว์ป่าสงวนของประเทศไทย จำนวน 1 ตัว พร้อมเชิญชวนร่วมประกวดตั้งชื่อ ลุ้นรับรางวัลจากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า หลังจากที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้วนั้น วันนี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังได้สมาชิกใหม่ “ลูกเลียงผา" (Serows) แห่งโซนซาวันน่า ซาฟารี  จำนวน 1 ตัว ยังไม่ทราบเพศ เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เกิดจาก “พ่อตองหก" และ “แม่ปริฉัตร" ขณะนี้ลูกเลียงผามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และได้รับการเลี้ยงดูแบบธรรมชาติจากแม่ปริฉัตร โดยอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ ในส่วนจัดแสดงซาวันน่า ซาฟารี ซึ่งปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีเลียงผาทั้งหมด 7 ตัว และนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมความน่ารักของ “ลูกเลียงผา" ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00 – 20.00 น.

นอกจากนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีขอเชิญชวนร่วมประกวดตั้งชื่อให้ “ลูกเลียงผา” (Serows) ลุ้นรับรางวัลบัตรเข้าชม จำนวน 1 รางวัล (2 ใบ) และเสื้อยืด ลาย Limited จากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยสามารถร่วมตั้งชื่อได้ที่ Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari ตั้งแต่บัดนี้ - วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และประกาศผลวันที่ 1 กรกฎาคม 2564

สำหรับ “เลียงผา" (Serows) เป็น 1 ใน 15 ชนิด ของสัตว์ป่าสงวนของประเทศไทย เป็นสัตว์ที่มีประสาทหู ตา และรับกลิ่นได้ดี เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่ประมาณ 1 เมตร ขายาวและแข็งแรง ใบหูยาวคล้ายใบหูลา ขนตามลำตัวค่อนข้างยาว หยาบและมีสีดำ ด้านท้องขนสีจางกว่า มีขนเป็นแผงยาวบนสันคอและสันหลัง มีเขาทั้งในตัวผู้และตัวเมีย เขามีลักษณะตอนโคนกลม หยักเป็นวงแหวนโดยรอบค่อยๆ เรียวไปทางปลายเขาโค้ง ไปทางด้านหลังเล็กน้อย เลียงผากินพืชต่างๆ ทุกชนิด และผสมพันธุ์ในช่วงปลายเดือนตุลาคม โดยใช้เวลาตั้งท้องราว 7 เดือน

ทั้งนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้เน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด - 19 ที่มีการเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด - 19 นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง พร้อมตรวจคัดกรองผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดชนิดตรวจวัดอุณหภูมิความร้อน และนักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียนจองคิวนั่งรถชมสัตว์ก่อนเข้าใช้บริการในช่องทางออนไลน์เท่านั้น โดยทำการจองได้ที่ www.chiangmainightsafari.com และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari หรือ Line OA : nightsafari หรือ IG และ Tiktok : chiangmainightsafari หรือ โทร. 053 - 999000


ภาพ/ข่าว  นภาพร/เชียงใหม่

เชียงใหม่ - อบจ.เชียงใหม่ มอบถุงยังชีพประชาชน 25 อำเภอ ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ มอบถุงยังชีพให้แก่ผู้นำชุมชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนชาวเชียงใหม่ ณ วัดนันทาราม ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า อบจ.เชียงใหม่ มีความตั้งใจที่ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำในขณะนี้ โดยได้จัดสรรงบประมาณและมอบหมายให้ส่วนงานที่รับผิดชอบ จัดทำถุงยังชีพ จำพวกข้าวสารอาหารแห้ง มาม่า ปลากระป๋อง ประมาณ 40,000 ชุด เพื่อกระจายไปช่วยเหลือประชาชน 25 อำเภอทั่วจังหวัดเชียงใหม่ ตามสัดส่วนครัวเรือนที่ร้องขอมา จากการสำรวจความต้องการของ อปท.ในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน

นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยวันนี้ ได้ส่งมอบถุงยังชีพ จำนวน 2,380 ชุด ให้แก่ผู้นำชุมชน 97 ชุมชน ทั้ง 4 แขวง ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากCOVID-19

นอกจากนี้ยังได้ส่งมอบถุงยังชีพอีกประมาณกว่า 35,000 ชุดผ่าน สจ.เขตทุกเขตเพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน 25 อำเภอ ทั่วจังหวัดเชียงใหม่อย่างทั่วถึงต่อไปด้วย

ซึ่งหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้บ้าง อย่างไรก็ตามทางอบจ. จะได้หาแนวทางช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมเป็นระยะ ๆ ต่อไป


ภาพ/ข่าว  วิภาดา / เชียงใหม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top