‘ดร.เอ้’ ติง ‘นายกฯ’ ไปเชียงใหม่ แต่ไร้วิสัยทัศน์แก้ฝุ่น PM2.5 แนะ 3 ข้อ ‘ขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน-กระจายอำนาจ-ใช้เทคโนโลยี’

(19 มี.ค. 67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแล กทม. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เชียงใหม่ แก้ได้ด้วยภาวะผู้นำโดยวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า นายกฯ ลงพื้นที่เชียงใหม่ แต่ไม่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน และนักวิชาการ ไม่แสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งที่นายกฯ มีอำนาจหน้าที่ มีพลัง แก้ไขวิกฤติฝุ่นพิษได้

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าบทบาทของนายกฯ สามารถแก้ปัญหาทุกข์เรื้อรัง ของชาวเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงได้ หากท่าน เอาจริงเอาจัง กับ 3 เรื่องนี้ 

1.จัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการเผา เป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของราชการกันเอง ทั้งระหว่างหน่วยงาน ที่ต่างฝ่ายต้องการงบประมาณลงหน่วยงานของตนให้มากที่สุด และปัญหาผลประโยชน์ของเอกชน มีหลายคนได้ผลประโยชน์จากการที่ป่าหรือไร่ถูกเผา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุด ถ้าแก้เรื่อง ประโยชน์ทับซ้อน ได้การเผาจะลดลง ฝุ่นก็ลดลง

2.กระจายอำนาจ และงบประมาณการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อบรรเทาทุกข์ อาจถึงเวลาที่ต้องแก้ปัญหาด้วย เงิน เพราะการให้เงินโบนัสหมู่บ้านไม่เผา โดยกระจายอำนาจหน้าที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการได้กับหมู่บ้านที่ไม่เผา เราอาจไม่ถูกใจเรื่องแจกเงิน แต่คุ้มค่ากว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและทางสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นพิษ PM 2.5 อีกทั้งยังประหยัดงบประมาณในการดับไฟ และรักษาชีวิตเจ้าหน้าที่ที่ต้องเสี่ยงกับการเข้าไปดับไฟ 

และ 3. ต้องใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา เพราะเทคโนโลยีดาวเทียม ไม่โกหก เพราะภาพถ่ายจากดาวเทียมธีออส-2 ที่โคจรต่ำ ผ่านประเทศไทย 4 รอบต่อวัน จะรู้ทันที ใครเผา และที่ดินใคร สามารถใช้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการใด ๆ ได้อย่างเป็นธรรม ของดีมี ต้องใช้

“วิกฤตฝุ่น PM2.5 เป็นวิกฤตชาติที่รอไม่ได้อีกต่อไป อย่าปล่อยให้เป็นแบบไฟไหม้ฟาง คือ มาดู แล้วจากไป” นายสุชัชวีร์ ระบุ