Saturday, 4 May 2024
สหรัฐอเมริกา

สหรัฐฯ ใช้โอกาสสถานการณ์ทหารในยูเครนเร่งยอดขายอาวุธตัวเองให้ไต้หวัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากจีน 

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวานนี้ (7 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ กดดันให้ไต้หวันเพื่อสั่งซื้ออาวุธอเมริกันเพิ่มอีกล็อตใหญ่ อ้างอิงจากแหล่งข่าวอดีตและปัจจุบันเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และไต้หวัน 9 คนที่รู้ในเรื่องนี้ โดยระบุว่า อาวุธล็อตใหม่มีเพื่อทำให้มั่นใจว่าไต้หวันจะสามารถมีศักยภาพขับไล่การรุกรานทางทะเลจากจีนได้

ในรายงานกล่าวว่า ประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิง-เหวิน พยายามที่จะทำการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของตัวเองเพื่อให้สามารถใช้ได้กับสถานการณ์สู้รบแบบอสมมาตร (asymmetrical warfare ) จากข้าศึกที่ใช้ในกรณีที่ขนาดกำลังและความสามารถของ 2 ฝ่ายแตกต่างกันมาก

ไช่ได้มองไปที่สหรัฐฯ เพื่อต้องการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความสามารถการทำลายล้างและเคลื่อนที่ได้เป็นจำนวนมาก

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ล่าสุด สหรัฐฯ ได้เพิ่มความพยายามในการปรับปรุงการป้องกันประเทศให้แก่ไทเปอย่างรีบด่วนเพราะสหรัฐฯ และไทเปถูกทำให้เชื่อว่าสงครามยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้อาจเกิดขึ้นกับไต้หวันโดยฝีมือปักกิ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้นกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญ และเชื่อว่าสงครามที่เล็กกว่าพร้อมกับอาวุธที่เหมาะสมถูกใช้ในยุทธศาสตร์การทำสงครามแบบอสมมาตร ซึ่งตั้งเป้าไปที่ความสามารถในการเคลื่อนที่สูงและการโจมตีแบบแม่นยำนั้นจะมีความสามารถต้านกลับไปกองกำลังข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าได้สำเร็จ และในรายงานระบุว่า เฮลิคอปเตอร์ ซีฮอว์ก MH-60R (MH-60R Seahawk) ของบริษัท ไชกอร์สกี แอร์คราฟ (Sikorsky Aircraft) ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทล็อกฮีดมาร์ตินโดยที่ระบุว่าไม่มีความเหมาะสมในสถานการณ์รบกับการรุกรานจีน

ซึ่งการศึกระหว่างจีนและไต้หวันนั้นคาดว่าจะแตกต่างจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และเชื่อว่าจะเป็นสงครามที่มีความยากลำบากมากกว่า ซึ่งคำสั่งซื้อจากไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้นั้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การรบแบบอสมมาตร แต่ทว่ามีผู้เชื่ยวชาญทางการทหารในไต้หวันบางส่วนไม่เห็นด้วยและต้องการให้ไทเปเตรียมพร้อมทางการทหารสำหรับการรบแบบปกติมากกว่าซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่ใช้กับ "จีน" เช่นกัน

‘ไบเดน’ ลงนามฟื้นกฎหมายยุคสงครามโลก เปิดทางสหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธให้ยูเครนเร็วขึ้น

เมื่อวันจันทร์ (9พ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ คืนชีพมาตรการหนึ่งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยใช้สนับสนุนพันธมิตรของอเมริกาสู้รบกับนาซีเยอรมนี เปิดทางให้รัฐบาลเร่งการส่งมอบอาวุธไปยังยูเครนรับมือการรุกรานของรัสเซีย

ไบเดน ลงนามในร่างกฎหมายให้ยืม-เช่า (Lend-Lease Act of 2022) พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ สนับสนุนชาวยูเครน "ต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของพวกเขาและประชาธิปไตยของพวกเขา จากสงครามอันโหดร้ายป่าเถื่อนของปูติน"

นอกจากนี้แล้ว ไบเดน ยังส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมอ่อนข้อทางการเมืองในสภาคองเกรส เพื่อที่จะได้รับการเห็นชอบอย่างรวดเร็ว สำหรับคำร้องของบประมาณช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติมอีก 33,000 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ ไบเดน ต้องการให้สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือดังกล่าว ควบคู่ไปกับการสนับสนุนงบประมาณโครงการต่อต้านโควิด-19 ของรัฐบาลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ด้วยบรรดาสมาชิกรีพับลิกันเตะถ่วงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโควิด ไบเดนจึงบอกว่าเขาพร้อมถอนข้อเรียกร้องงบประมาณโควิดในเวลานี้ และขอแค่เห็นชอบเงินสนับสนุนยูเครนก็พอ

"เราไม่อาจปล่อยให้ความพยายามเกี่ยวกับสงครามอันสำคัญนี้ต้องล่าช้าออกไป" ไบเดนระบุในถ้อยแถลง พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสยกมือเห็นชอบและส่งร่างกฎหมายงบประมาณมายังโต๊ะทำงานของเขาในทันที

ความคืบหน้าล่าสุดของร่างกฎหมายให้ยืม-เช่า มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เป็นประธานพิธีสวนสนามบริเวณจัตุรัสแดงในกรุงมอสโก รำลึกเป็นประจำทุกปีชัยชนะของสหภาพโซเวียตที่มีเหนือนาซีเยอรมนี ทั้งนี้ ปูติน ใช้กิจกรรมดังกล่าวอ้างความชอบธรรมแก่สงครามของเขาในยูเครน ชาติฝักใฝ่ตะวันตก เขาอ้างว่าประเทศแห่งนี้ถูกยึดครองโดยพวกนาซี

'สหรัฐฯ' ส่อหยุดชะงักส่งอาวุธช่วยเหลือ 'ยูเครน' เหตุ ต้องรอสภาคองเกรสอนุมัติงบก่อน

การส่งอาวุธของสหรัฐฯ ให้ยูเครนอาจถูกตัด อย่างน้อยๆ ก็ชั่วคราว จนกว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติงบประมาณใหม่เกือบ 40,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยเหลือยูเครนสกัดการรุกรานของรัสเซีย จากคำเตือนของกระกรวงกลาโหมอเมริกาเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

"19 พฤษภาคมคือวันนั้น หากปราศจากอำนาจเพิ่มเติม เราจะเริ่มไม่มีศักยภาพส่งมอบอาวุธใหม่ๆ เข้าไป" จอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (13 พ.ค.) "ในวันที่ 19 พฤษภาคม มันจะเริ่มส่งผลกระทบต่อความสามารถมอบความช่วยเหลือโดยไม่ติดขัด"

การส่งมอบอาวุธไปยังยูเครนจะไม่หยุดลงในทันทีในวันที่ 20 พฤษภาคม แม้ปราศจากงบประมาณดังกล่าว เพราะว่ายังคงเหลืออาวุธบางส่วนที่จัดซื้อภายใต้อำนาจการใช้จ่ายราว 100 ดอลลาร์สหรัฐในงบประมาณช่วยเหลือยูเครนของเพนตากอนในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม เคอร์บี ยอมรับว่าเพนตากอนอาจต้องหยุดนิ่งเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ได้ในระยะเวลาหนึ่ง หากการอนุมัติเห็นชอบแพกเกจช่วยเหลือยูเครนรอบใหม่ล่าช้าเป็นเวลานาน

แพกเกจช่วยเหลือยูเครนรอบใหม่ของวอชิงตัน มูลค่า 39,800 ล้านดอลลาร์ ผ่านความเห็นชอบอย่างท่วมท้นจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในคืนวันอังคาร (10 พ.ค.) แต่วุฒิสภาสหรัฐฯ ล้มเหลวในความพยายามเร่งรัดให้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.)

แม้ร่างงบประมาณดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แต่มันจำเป็นต้องได้ไฟเขียวอย่างเป็นเอกฉันท์จากสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 2 พรรค สำหรับลงมติโดยไม่จำเป็นต้องอภิปรายใดๆ ทว่าความพยายามดังกล่าวถูกยับยั้งด้วย 1 เสียงค้านของ ส.ว.แรนด์ พอล จากเคนทักกี พรรครีพับลิกัน ซึ่งยืนกรานให้มีการแต่งตั้ง “ผู้ตรวจสอบ” เพื่อติดตามการใช้จ่ายเงินก้อนนี้ว่าเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่อย่างไร

พอล เรียกร้องให้แก้ข้อความในร่างกฎหมายเพื่อกำหนดให้มีผู้ตรวจสอบพิเศษ (inspector general) คอยกำกับการใช้เงิน และยังตั้งข้อสังเกตว่า เงินที่จะช่วยยูเครนนั้นมากกว่างบประมาณที่สหรัฐฯ ใช้จ่ายกับหลายๆ โครงการในประเทศเสียอีก และยังมากพอๆ กับงบป้องกันประเทศที่รัสเซียจัดสรรตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น และกระพือปัญหาเงินเฟ้อ

“ไม่ว่าเราจะเห็นอกเห็นใจพวกเขาขนาดไหน แต่ผมได้ให้สัตยาบันตอนเข้ารับตำแหน่งว่าจะปกป้องความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา” พอล กล่าว “เราไม่สามารถปกป้องยูเครนด้วยการทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เองได้”

เคอร์บี เน้นย้ำว่า เพนตากอนร้องขอให้มอบงบประมาณใหม่สำหรับช่วยเหลือยูเครน ให้ทันสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม "แน่นอน เราเรียกร้องวุฒิสภาดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราไม่สามารถปล่อยให้ผ่านไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม โดยปราศจากอำนาจใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ"

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติร่างงบประมาณช่วยเหลือยูเครนมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 368 ต่อ 57 แต่ด้วยทุกเสียงที่โหวต “ไม่เห็นด้วย” ล้วนมาจากพรรครีพับลิกันนั้น มันบ่งชี้ว่าฝ่ายรีพับลิกันนั้นมีความเห็นแตกแยกกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเด็นนี้

'บุช' เผลอลั่นประณาม!! รุกรานอิรักไม่ยุติธรรม ก่อนแก้ไขคำพร้อมส่ายหัว "ผมหมายถึงยูเครน"

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงาน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จอร์จ ดับเบิลยู บุช บอกการรุกรานอิรักเป็น "ความรุนแรง" และ "ไม่ยุติธรรม" ก่อนที่จะแก้ไขตัวเองโดยอ้างว่าหมายถึงการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

บุชกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างงานอีเวนต์ที่เมืองดัลลาสเมื่อวันพุธ ขณะที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ระบบการเมืองของรัสเซีย

“ผลที่ตามมาคือไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลในรัสเซีย และการตัดสินใจของชายคนหนึ่งในการบุกอิรักอย่างไม่ยุติธรรมและโหดร้าย” บุชกล่าวก่อนที่จะแก้ไขตัวเองและส่ายหัว "ผมหมายถึงยูเครน"

เขาติดตลกตำหนิความผิดพลาดที่อายุของเขาในขณะที่ผู้ชมหัวเราะออกมา

สหรัฐฯ เตือนทหารเตรียมพร้อมรับมือสงคราม ชี้ มีความเสี่ยงเผชิญหน้ากับ ‘จีน-รัสเซีย’

สหรัฐเตือนทหารเตรียมพร้อมสงครามระดับโลก รับเผชิญหน้ากับจีน-รัสเซีย

ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ เตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความขัดแย้งระดับโลก และสงครามสมัยใหม่ที่จะเปลี่ยนไปจากเดิม

Fox News และ Daily Mail รายงานว่าพลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐอเมริกา กล่าวกับ นักเรียนนายร้อยที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก แห่งสหรัฐอเมริกา (USMA) เวสต์พอยต์ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญให้ทุกคนเตรียมพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของสงครามระดับโลก และความขัดแย้งที่เกิดจากมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียที่กำลังขยายตัว

"ขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับ 2 มหาอำนาจของโลก คือ จีนและรัสเซีย ซึ่งแต่ละประเทศมีขีดความสามารถทางทหารที่สำคัญ และทั้งคู่ตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเปลี่ยนกฎในปัจจุบัน" มิลลีย์กล่าว

จีนเริ่มฉุน!! เตือนสหรัฐฯ หยุดใช้ไต้หวันเป็นไพ่บีบจีน หลังไบเดนประกาศพร้อมใช้กำลังปกป้องไต้หวัน

สำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีนออกมาเตือนเมื่อวันจันทร์(23พ.ค.)ว่า สหรัฐฯ "กำลังเล่นกับไฟ" หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกา ประกาศพร้อมที่จะใช้กำลังปกป้องไต้หวัน ในกรณีที่ปักกิ่งพยายามเข้ายึดครอง ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ

"อเมริกากำลังใช้ไพ่ไต้หวันในการสกัดกั้นจีน และพวกเขาเองจะถูกไฟแผดเผา" จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีนกล่าว

คำพูดของ ไบเดน ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ถือเป็นถ้อยคำที่แข็งกร้าวที่สุดเท่าที่เคยใช้มาของเขา ในประเด็นไต้หวัน และมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการเติบโตของจีนทั้งในด้านเศรษฐกิจและแสนยานุภาพด้านการทหาร

สำนักข่าวซินหัว สื่อมวลชนแห่งรัฐของจีน รายงานอ้างคำกล่าวของ จู "เรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดใช้คำพูดหรือการกระทำใดๆที่ละเมิดหลักการต่างๆที่สถาปนาขึ้นก่อนหน้านี้ระหว่าง 2 ชาติ"

เมื่อวันจันทร์(23พ.ค.) เมื่อถูกถามว่า วอชิงตันมีความตั้งใจเข้าพัวพันด้านการทหารหรือไม่ เพื่อปกป้องไต้หวัน ไบเดน ตอบว่า "ใช่ มันเป็นคำสัญญาที่เราเคยให้ไว้"

คำกล่าวนี้เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเยือนกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ที่ไบเดนพบปะกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำระดับภูมิภาคที่จะเริ่มขึ้นในวันอังคาร(24พ.ค.)

วอชิงตันและบรรดาพันธมิตร ในนั้นรวมถึงญี่ปุ่น วางกรอบมาตรการตอบโต้หนักหน่วงที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย จากกรณีที่รุกรานยูเครน ในฐานะเป็นคำเตือนถึงประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะจีน ต่อความเคลื่อนไหวทางทหารฝ่ายเดียวใด ๆ

ความเห็นของไบเดน ว่าเขามีความตั้งใจใช้กำลังปกป้องไต้หวันจากการไต้หวัน ดูเหมือนเป็นการทำให้นโยบายของสหรัฐฯที่มีต่อเกาะปกครองตนเองแห่งนี้มีความกำกวมมากขึ้น

เวทีเช็กเสียง ยกระดับคว่ำบาตร เกมหยั่งเสียงจาก ‘สหรัฐฯ’ แม้รู้ว่า ‘จีน-รัสเซีย’ ต้อง Veto ป้องโสมแดง

เมื่อ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ‘จีน’ และ ‘รัสเซีย’ ได้ขอใช้สิทธิ์ในการเป็นสมาชิกถาวร Veto ญัตติของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้องค์การสหประชาชาติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จากการที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปเมื่อเร็วๆ นี้

กรณีเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลถึง 3 ลูก ทางด้านชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 พ.ค.65) ไล่หลัง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เพิ่งจบภารกิจการเยือนญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นเวลา 5 วันอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น ทางสหรัฐฯ มองว่าเป็นการท้าทายอย่างชัดเจน จนเป็นเหตุให้รัฐบาลวอชิงตัน ต้องชงญัตติเพิ่มระดับการคว่ำบาตรโสมแดงเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันสำหรับประชาชนเกาหลีเหนือจาก 4 ล้าน ให้เหลือแค่ 3 ล้านบาร์เรลอีกด้วย

สหรัฐฯ ได้อ้างเหตุผลว่า เกาหลีเหนือได้ละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้กับสภาความมั่นคงในปี 2017 ว่าจะระงับการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ทว่ารัฐบาลเปียงยางกลับรื้อฟื้นแผนการทดสอบขีปนาวุธขึ้นมาใหม่ และอ้างว่าสามารถพัฒนาได้ถึงขั้นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปได้แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ฟาก จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ ก็ได้จับมือกับรัสเซีย ใช้สิทธิ์สมาชิกถาวรของสภาความมั่นคง คัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ โดยมองว่าข้อตกลงร่วมเรื่องการคว่ำบาตรตามหลักการแบบเดิมก็เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร หรือตั้งให้เป็นข้อบังคับที่มีผลกับทุกประเทศในสหประชาชาติเพียงเพื่อต้องการเล่นงานเกาหลีเหนือ 

สหรัฐฯ คว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย - บ.เกาหลีเหนือ  อ้าง!! เหตุสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้าง

สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรสถาบันการเงินรัสเซีย 2 แห่ง, บริษัทเกาหลีเหนือ 1 แห่ง และบุคคลอีก 1 คนเมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) โดยกล่าวหาว่ามีส่วนสนับสนุน “โครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง” ของเกาหลีเหนือ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่จีนและรัสเซียใช้สิทธิ์ “วีโต” ขัดขวางร่างมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอ ในปรากฏการณ์ที่สะท้อนภาวะ “เสียงแตก” อย่างชัดเจนของ UNSC ซึ่งเริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเปียงยางครั้งแรกในปี 2006

สหรัฐฯ อ้างว่าเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) มาแล้วถึง 6 ครั้งในปีนี้ และยังมีสัญญาณเตือนว่าพวกเขาอาจกำลังรื้อฟื้นการทดลอง “ระเบิดนิวเคลียร์” อีกครั้ง หลังจากที่งดเว้นไปตั้งแต่ปี 2017 แต่ก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวจีนและรัสเซียให้ยอมยกมือสนับสนุนการคว่ำบาตรได้

ล่าสุด กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อบริษัท แอร์ โครยอ เทรดดิ้ง คอร์ป (Air Koryo Trading Corp) ของเกาหลีเหนือ รวมถึงธนาคาร ฟาร์ อีสเทิร์น แบงก์ (Far Eastern Bank)
และธนาคาร แบงก์ สปุตนิก (Bank Sputnik) ของรัสเซีย โดยอ้างว่านิติบุคคลเหล่านี้มีส่วนในการจัดหาและสร้างรายได้ให้แก่องค์กรต่างๆ ของเกาหลีเหนือ

‘ทรัมป์’ จี้ ยกเลิกโรงเรียนเป็น ‘เขตปลอดปืน’  เปิดทางจนท. จัดการคนร้ายกราดยิง

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการยกเลิกนโยบายที่ให้โรงเรียนเป็น “เขตปลอดปืน” หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปกราดยิงโรงเรียนประถมในรัฐเทกซัส จนมีผู้เสียชีวิต 21 คน โดยให้เหตุผลว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐจัดการกับพวก “วิกลจริต” ได้ง่ายขึ้น

อดีตผู้นำสหรัฐฯ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมของสมาคมไรเฟิลแห่งชาติ (National Rifle Association) ซึ่งเป็นองค์กรล็อบบี้ยิสต์ด้านอาวุธปืนในสหรัฐฯ โดยระบุว่า “เราจำเป็นต้องหาช่องทางที่ง่ายแก่การส่งตัวพวกคนวิกลจริตที่นิยมความรุนแรงไปขังไว้ในสถาบันจิตเวช”

เหตุการณ์ที่คนร้ายวัย 18 ปี ถืออาวุธปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 เข้าไปยิงสังหารเด็กนักเรียน 19 คน และครูอีก 2 คน ที่โรงเรียนประถมร็อบบ์ในเมืองยูวัลดี (Uvalde) เมื่อวันอังคาร (24) ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์พุ่งตรงมายัง NRA ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่บริจาคเงินสนับสนุนสมาชิกสภาคองเกรส โดยเฉพาะนักการเมืองสายรีพับลิกัน

BTS ตบเท้าเข้าทำเนียบขาว พบ ‘ไบเดน’ จี้!! สหรัฐฯ สกัดกระแสเหยียดเชื้อชาติ

BTS บอยแบนด์ดังจากเกาหลีใต้ ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ได้มีโอกาสเข้าพบ โจ ไบเดน ผู้นำแห่งสหรัฐอเมริกา ถึงทำเนียบขาวในวันนี้ โดยพวกเขาได้ชูประเด็นต่อต้านกระแสการเหยียดชาวเอเชีย และการก่อคดีอาชญากรรมที่พุ่งเป้าหมายที่กลุ่มชาวเอเชียในสหรัฐฯ เป็นสำคัญ ซึ่งพวกเขาหวังว่าการได้มาปรากฏตัวถึงทำเนียบขาวในวันนี้ จะทำให้ประเด็นดังกล่าวเป็นที่ตระหนัก และรัฐบาลสหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญอย่างจริงจังมากขึ้น 

พัค จี-มิน หนึ่งในสมาชิกวง BTS ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขารู้สึกหดหู่ใจกับคดีอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังต่อชาวเอเชียในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในระยะนี้ และเพื่อต้องการหยุดการกระทำดังกล่าว หรือ สนับสนุนผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลปัญหาเหล่านี้ พวกเราจึงขอใช้โอกาสนี้ เป็นกระบอกเสียงให้สังคมทั่วไปได้รับรู้อีกครั้ง

ชูกา หรือ มิน ยุน-กิ อีกหนึ่งในสมาชิกวง ยังได้กล่าวอีกว่า ไม่ผิดที่คนเราจะมีความแตกต่างกัน แต่ความเสมอภาคในสังคมต้องเริ่มจาการที่เราเปิดใจรับความแตกต่างของกันและกันได้ 

สำหรับการต่อต้าน และมุ่งทำร้ายชาวเอเชียในประเทศตะวันตก เริ่มต้นจากการกล่าวโทษว่าจีนเป็นต้นกำเนิดของเชื้อ Covid-19 ที่ปลุกกระแสความเกลียดชังโดยอดีตผู้นำสหรัฐฯ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลายเป็นปัญหาเรื้อรังมาจนถึงวันนี้ และทำให้คดีอาชญากรรมซึ่งมีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเป็นชาวเอเชียพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในสหรัฐฯ เฉพาะปี 2021 ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก Center for the Study of Hate and Extremism พบว่ามีคดีอาชญากรรมต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นถึง 339% 

ในขณะที่ BTS วง K-Pop จากเกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นหนึ่งในศิลปินกลุ่มที่มักสอดแทรกประเด็นทางสังคมในเนื้อเพลง และการจัดแคมเปญร่วมกับกลุ่มแฟนคลับอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วงเปิดตัวในปี 2013 อีกทั้งในเดือนมิถุนายน 2020 แฟนคลับของวง ก็เคยได้จัดร่วมจัดแคมเปญระดมเงินบริจาคได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์ ผ่านแฮชแท็ก #MatchAMillion เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Black Lives Matter 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top