Saturday, 4 May 2024
สหรัฐอเมริกา

‘ลิกเตนสไตน์’ ยกกรณีรุกรานยูเครนของทัพรัสเซีย ต้องจำกัดสิทธิ์การ Veto ของเหล่าสมาชิกถาวร

เมื่อไม่นานมานี้ มีประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันถึงสิทธิ์ในการ Veto (สิทธิยับยั้ง) ของสมาชิกถาวรขององค์การสหประชาชาติ เพื่อยับยั้ง ตีตกมติ หรือประเด็นที่ต้องการหาข้อตกลงร่วมในการปฏิบัติของบรรดาประเทศสมาชิกในโลก

โดยประเด็นร้อนล่าสุดที่ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมใน สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ก็คือ การรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย

ทั้งนี้ ประเทศลิกเตนสไตน์ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นหัวหอกสำคัญในการเปิดประเด็นการจำกัดสิทธิ์การ Veto ของประเทศสมาชิกถาวรใน สภาความมั่นคง อันเนื่องจากรัสเซียเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรขององค์การสหประชาชาติ ที่ได้รับสิทธิ์ Veto ได้อย่างไม่จำกัด

และรัสเซียก็จะใช้สิทธิ์นั้นขัดขวางมติ รวมถึงการทำงานของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งทางลิกเตนสไตน์ชี้ว่า เป็นการผิดเจตจำนงขององค์กร และยังขัดต่อหลักการส่งเสริมสันติภาพของโลก

ในปัจจุบัน ประเทศสมาชิกถาวรขององค์การสหประชาชาติมีอยู่ 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน และรัสเซีย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2

ถึงแม้โลกจะผ่านยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มานานเกือบ 75 ปีแล้ว และมีหลายประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้า กลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลในโลกไม่ต่างจากสมาชิกถาวรดั้งเดิม และเคยพยายามที่จะเข้าร่วมวงเป็นสมาชิกถาวร อาทิ ญี่ปุ่น, เยอรมัน หรือแม้แต่ อินเดีย, บราซิล และแอฟริกาใต้ แต่จนถึงตอนนี้องค์การสหประชาชาติก็ยังไม่มีแนวคิดที่จะขยายจำนวนสมาชิกถาวรแต่อย่างใด

และด้วยสิทธิ์ที่มีเฉพาะกลุ่มประเทศถาวร 5 ประเทศนี้ อย่างการ Veto ที่สามารถระงับมติร่วมของ UN ได้ทันที โดยตั้งแต่ปี 1946 เป็นต้นมามีการใช้สิทธิ์ Veto ไปแล้วถึง 295 ครั้งนั้น พบว่า รัสเซีย เป็นประเทศที่ใช้สิทธิ์ Veto มากที่สุดถึง 143 ครั้ง รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา 86 ครั้ง อังกฤษ 30 ครั้ง ส่วนจีน และ ฝรั่งเศสเคยใช้สิทธิ์ไป 18 ครั้ง

‘ซาอุดีอาระเบีย’ แข็งข้อ!! พร้อมเท ‘สหรัฐฯ’ แถมขู่ ‘ไบเดน’ จะร่วมจับมือกับ ‘จีน-รัสเซีย’ 

สำนักข่าว Wall Street Journal สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้รายงานความเคลื่อนไหวของมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทายาทลำดับที่ 1 แห่งราชวงศ์ซะอูด และเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียในปัจจุบันว่า เขาได้ขู่ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ว่าจะพาซาอุดีอาระเบียไปเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับจีนและรัสเซียมากขึ้น เพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เคยหมางเมิน มีใจออกห่างจากพันธมิตรเก่าแก่อย่างซาอุดีอาระเบีย

ความขัดแย้งของมหาอำนาจทั้งสอง เริ่มขึ้นตั้งแต่ โจ ไบเดน ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ โดยไบเดนได้วิพากษ์วิจารณ์ซาอุดีอาระเบียอย่างหนักมาโดยตลอด ตั้งแต่ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน, กล่าวโทษซาอุฯ ในเรื่องสงครามในเยเมน, ออกมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ชาวซาอุดีอาระเบียหลายสิบคนที่เชื่อว่าพัวพันกับคดีฆาตกรรม จามาล คาชอคกิ นักข่าวของ Washington Post เมื่อปี 2018

มิหนำซ้ำ โจ ไบเดน ยังไม่เคยขอนัดพบกับเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด เป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง และยังเคยให้สัมภาษณ์กล่าวถึงซาอุดีอาระเบียว่าเป็นพวกนอกคอก และพวกเขาต้องชดใช้ในสิ่งที่ได้ทำลงไป

เรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางอยู่ในสถานะที่ตกต่ำที่สุด นับตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดีโอบามา และ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด 

สื่อสหรัฐฯ อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียว่า สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน, เจ้าชายโมฮัมเหม็ด และคณะที่ปรึกษา ได้หารือกันในพระราชวังริมทะเลเมื่อช่วงปลายปี 2021 ว่าจะตอบโต้การกระทำของโจ ไบเดนที่เหมือนดูถูกเหยียดหยามประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างไร

แคนดิเดต ปธน.ฝรั่งเศส ซัด!! สหรัฐฯ หลังบีบยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อธุรกิจพลังงานในสหรัฐฯ จะได้โกยเงิน โดยไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวยุโรป | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.48

✨ สลากกินแบ่งออนไลน์!! ขาย 80 บาทผ่านแอปฯ ‘เป๋าตัง’ จุดพลิกปฏิวัติระบบราชการ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

✨แคนดิเดต ปธน.ฝรั่งเศส ซัด!! สหรัฐฯ หลังบีบยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อธุรกิจพลังงานในสหรัฐฯ จะได้โกยเงิน โดยไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวยุโรป

✨รัสเซียเบนเป้าหนีตลาดยุโรป เตรียมส่งพลังงานขาย ‘เอเชีย-แอฟริกา’

✨ไปดีกว่า!! ธุรกิจพลังงานจีน เตรียมถอนทุนจากชาติตะวันตก หวั่นถูกคว่ำบาตรและยึดกิจการ

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.

สหรัฐฯ ส่อไม่รอด 'ภาวะเศรษฐกิจถดถอย' แบบหนัก ด้าน 'ดอยช์แบงก์' ชี้!! ยิ่งคุมเงินเฟ้อ ยิ่งกระอัก

ดอยช์แบงก์' คาดการณ์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ผสมโรงจีนล็อกดาวน์กระตุ้นเงินเฟ้อ ส่อพา 'สหรัฐฯ' เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่อาจจะไม่เบาอย่างที่คิด

CNN รายงานการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของทีมนักเศรษฐศาสตร์ประจำดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำสัญชาติเยอรมันที่อยู่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่

ธนาคารดอยต์เชอ หรือ ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) เป็นธนาคารแรกที่พยากรณ์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ว่า สหรัฐฯ จะเผชิญกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ระดับไม่รุนแรง แต่รายงานล่าสุดที่เผยแพร่กับลูกค้าเมื่อ 26 เม.ย. ระบุว่า “เราจะเจอกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่”

การประเมินครั้งนี้มาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ 'เฟด' ต้องการสยบภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจใกล้จุดพีกแล้ว แต่ต้องอาศัยเวลาอีกนานกว่าจะลดต่ำลง 2% ตามเป้าหมายของเฟด และความพยายามที่จะกดอัตราเงินเฟ้ออย่างหนักจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ

“เราคาดว่า มีแนวโน้มสูงที่เฟดจะกดอัตราเงินเฟ้ออย่างหนักอีก ดังนั้นจึงต้องอาศัยภาวะถดถอยมาช่วยกดให้เงินเฟ้อลดต่ำลง นี่เป็นเหตุผลว่า ภาวะถดถอยที่กำลังจะมาถึงนี้ อาจเลวร้ายกว่าที่คาดไว้” ทีมนักเศรษฐศาสตร์ดอยช์แบงก์ ระบุ

>> เบื้องหลังตัวเลขเงินเฟ้อ-ว่างงาน
เมื่อเดือนมีนาคม ราคาอุปโภคบริโภคสูงขึ้นไปแล้วถึง 8.5% เป็นอัตราพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี ส่วนตลาดแรงงานยังน่าเป็นห่วง โดยจากการประเมินของมูดีส์ อนาไลติกส์ คาดว่า อัตราคนว่างงานจะดิ่งต่ำที่สุดนับจากช่วงต้นของทศวรรษ 1950

การประเมินครั้งนี้ ดอยช์แบงก์ได้สร้างดัชนีที่วัดระยะความห่างระหว่างเงินเฟ้อกับคนว่างงานในช่วง 60 ปีมานี้ และดูว่าเฟดตั้งเป้าตัวเลขทั้งสองด้านอย่างไร?

จากการวิจัยสถานการณ์ล่าสุดนี้ พบว่าปัจจุบันเฟดอยู่เบื้องหลังการกำหนดตัวเลขดังกล่าวมากกว่าเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1980 ตอนที่เงินเฟ้อสูงมากจนบีบให้ธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ยเป็นสถิติเพื่อจัดการคุมเศรษฐกิจ

ซึ่งประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า เฟดไม่เคยคุมเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงานได้ โดยปราศจากการผลักให้เศรษฐกิจเข้าไปอยู่ในภาวะถดถอยอย่างเห็นได้ชัด

การบีบตลาดแรงงานจนแน่นเกินเพื่อจะให้อัตราว่างงานอยู่ที่ 2% ทำให้ต้องเลือกภาวะถดถอยรุนแรงมากกว่าที่จะเลือกแบบเบาบาง

อย่างไรก็ตาม ยังพอมีข่าวดีจากดอยช์แบงก์ ว่าเริ่มเห็นแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะกระเตื้องกลับมาช่วงกลางปี 2024 (พ.ศ. 2566) เมื่อเฟดถอยจากการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ

‘ชาวไต้หวัน’ ครึ่งเกาะไม่เชื่อ จีนบุก!! แล้วมะกันจะมาช่วย 

ผลสำรวจล่าสุด ชี้หัวเด็ดตีนขาดชาวไต้หวันก็ไม่เชื่อว่าสหรัฐฯ จะส่งทหารมาปกป้องเกาะมังกรน้อย หากถูกจีนโจมตี โดยชาวไต้หวันที่หมดศรัทธาเพิ่มจำนวนขึ้น 2 เท่า จากผลสำรวจในช่วงก่อนหน้าที่รัสเซียจะบุกยูเครน

มูลนิธิความคิดเห็นสาธารณชนไต้หวัน (Taiwanese Public Opinion Foundation) เผยแพร่ผลสำรวจเมื่อวันอังคารที่ 26 เม.ย. 65 ระบุว่า ผู้ถูกสำรวจชาวไต้หวันร้อยละ 53.8 ค่อนข้างไม่เชื่อ หรือไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่า วอชิงตันจะส่งทหารมาปกป้องเกาะมังกรน้อย หากถูกจีนโจมตี ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.5 จากการสำรวจก่อนหน้าเมื่อเดือนตุลาคม 64 

ผลสำรวจยังระบุอีกด้วยว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ชาวเกาะมังกรน้อยสูญเสียความเชื่อถือไว้วางใจในกองทัพอเมริกา คือ ‘เหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครน’ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปฏิเสธการส่งกองทหารไปช่วยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับยูเครน จึงทำให้ชาวไต้หวันกังขาว่า ถ้าพญามังกรกรีธาทัพบุกเกาะมังกรน้อยบ้าง พี่กันจะทำแบบเดียวกับกรณียูเครนหรือไม่

'สหรัฐฯ' วางแผนใช้วีซ่าดึงดูด 'หัวกะทิรัสเซีย' เชื่อ!! หากสำเร็จจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

เอเจนซีส์ - รัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนที่จะใช้วีซ่าเข้าอเมริกาเพื่อดึงดูดบรรดานักวิทยาศาสตร์รัสเซียเชี่ยวชาญสาขาอวกาศและสาขาไอที คณิตศาสตร์ เซมิคอนดักเตอร์เข้ามาทำงานในสหรัฐฯ ท่ามกลางสงครามยูเครนที่เห็นคนรุ่นใหม่รัสเซียอพยพออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก

บลูมเบิร์ก สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) ว่า สหรัฐฯ กำลังวางแผนต้องการได้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ อวกาศ และทางไอทีจากรัสเซียเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ มากขึ้น โดยทำให้ข้อกำหนดวีซ่าเข้าสหรัฐฯ สำหรับคนเหล่านี้ง่ายขึ้น

อ้างอิงบลูมเบิร์กที่ได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนทางยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ โจ ไบเดน เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนต้องการปล้นมันสมองของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในสาขาวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ทั้งอวกาศ เซมิคอนดักเตอร์ คณิตศาสตร์ และไอที โดยต้องการได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการไหลออกของพลเมืองรัสเซียที่มีการศึกษาท่ามกลางเศรษฐกิจรัสเซียเกิดปัญหาจากการถูกโลกตะวันตก รวมสหรัฐฯ คว่ำบาตรเนื่องมาจากสงครามยูเครน

ไบเดนต้องการใช้วีซ่าสหรัฐฯ เป็นตัวดึงดูดความสนใจคนเหล่านี้ด้วยการกำหนดให้เงื่อนไขการออกวีซ่าเข้าประเทศของคนกลุ่มนี้มีความยากลำบากลดลง สำหรับพลเมืองรัสเซียที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อวกาศความมั่นคงทางไซเบอร์ คณิตศาสตร์ เซมิคอนดักเตอร์ และปัญญาประดิษฐ หรือ AI

แผนการให้วีซ่าแก่กลุ่มสมองไหลรัสเซียจะมีระยะเวลา 4 ปี โดยทีมยุทธศาสตร์ไบเดนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับอานิสงส์จากแผนนี้ในระยะยาว

ด้านนักเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย นิโคไล รุสซานอฟ (Nikolai Roussanov) แสดงความเห็นว่า “ในระยะยาวแล้วภาวะสมองไหลอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรัสเซียเมื่อพิจารณาจากทางด้านเศรษฐกิจในอนาคต”

'ผศ.ดร.ปฐมพงษ์' แฉ!! เงาอเมริกาแฝงอยู่ทั่วไทย สะท้อนผ่านกรณี 'ซื้อ F-35 - ยุติ Top News ที่ช่อง5'

ไม่นานมานี้ ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก 'ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ระบุว่า...

ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ของฟิลิปปินส์ปฏิเสธ ไม่ขอเดินทางไปรับคำสั่งโจ ไบเดนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนหน้า ฮุนเซนของกัมพูชาก็คงไม่ไป เพราะอเมริกาต้องการจะให้ประเทศอาเซียนเป็นสนามรบกับจีนและรัสเซียเหมือนยูเครน

น่าสงสารก็แต่ประเทศไทยนี่แหละครับ...

1.ต้องซื้อเครื่องบินโหลยโท่ย F-35 เพื่อเอาใจอเมริกาอยู่

2.ท็อปนิวส์ยุติบทบาททางช่อง 5 ลง เพราะแรงกดดันจากอเมริกา อเมริกาไม่ต้องการให้สำนักข่าวไทยแฉอาชญากรรมที่พวกตนก่อไว้ในประเทศต่างๆ ท็อปนิวส์ต้องออกจากช่อง 5 กลับไปบ้านเก่า อเมริกายังจะมีหน้ามาสอนว่าประเทศตนมีเสรีภาพทางสื่ออยู่อีกหรือ?

สหรัฐฯ หนุนงบส่ง 33 พันล้านดอลล่าร์ช่วยยูเครนรบรัสเซีย แต่อ้างไร้เงินช่วยคนไร้บ้านในสหรัฐฯ ร่วม 6 แสนราย

ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก 'ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์' ระบุว่า...

ประชาชนอเมริกันมีสิทธิ์ที่จะโกรธแค้นประธานาธิบดีของตน แล้วแสดงพลังไล่ลงจากตำแหน่งได้แล้ว ไม่ใช่แค่ลดความนิยมเพราะอเมริกาขณะนี้มีคนไร้บ้านราว 5 ถึง 6 แสนคน รัฐบาลอ้างว่าไม่มีเงินช่วยเหลือ 

แต่รัฐบาลจะส่งเงิน 33 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา (33,000 ล้านดอลล่าร์ ประมาณ 1 ล้านล้านบาท) ไปให้ยูเครนรบกับรัสเซียต่อ และไม่กี่เดือนข้างหน้า โจ ไบเดนก็จะไปเยือนอิสราเอล ซึ่งก็เตรียมขอเงินอเมริกาอีกแล้ว คราวนี้ อเมริกาก็จะปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกัน 

โซโลมอนสงสัย สหรัฐฯ หายตัวไป 30 ปี พอจีนมาลงทุน กลับมากดดัน | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.49

✨ ขอได้ไหม? อย่าเอา TikTok มาลง Instagram วอนผู้ใช้อย่า ‘รีโพสต์’ หนุนจูงใจให้สร้างเนื้อหาของตัวเอง
✨ โซโลมอนสงสัย สหรัฐฯ หายตัวไป 30 ปี พอจีนมาลงทุน กลับมากดดัน
✨อินเดียเนื้อหอม!! ชาติตะวันตกแห่ตบเท้าเข้าพบ หวังสกัดให้เลิกค้าขายกับรัสเซีย
✨3 ชาติ...ขอชิ่ง!! หลังชาติยุโรปเริ่มเจ็บหนัก เหตุร่วมคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย
✨รัสเซียจับมือจีน พัฒนาระบบนำทางร่วมกัน พร้อมยกเลิกใช้ GPS ของสหรัฐฯ

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.

‘ไบเดน’ ส่งอาวุธช่วยยูเครนอีก 150 ล้านดอลฯ จัดเต็มชุดใหญ่ ทั้ง ‘กระสุนปืนใหญ่-โดรน-เรดาร์’

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อนุมัติจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 150 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) โดยมีทั้งกระสุนปืนใหญ่ เรดาร์ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่จะช่วยต้านทานการบุกของรัสเซีย

“วันนี้สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแก่ชาวยูเครนผู้กล้าหาญ ซึ่งปกป้องบ้านเมืองของตนจากการรุกรานของรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่” ไบเดน ระบุในคำแถลง

นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. สหรัฐฯ ได้ส่งมอบอาวุธให้แก่เคียฟแล้วเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ (howitzers) ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่ายิง “สติงเกอร์” (Stinger) ขีปนาวุธต่อต้านรถถังเจฟลิน (Javelin) กระสุนปืนใหญ่ และล่าสุดที่เพิ่งจะมีการเปิดเผยก็คือ อากาศยานไร้คนขับที่เรียกกันว่า “โดรนนกปีศาจ” (Phoenix Ghost drones)

สำหรับแพกเกจอาวุธล่าสุดประกอบด้วยกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. จำนวน 25,000 ลูก เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ อุปกรณ์รบกวนสัญญาณ และอะไหล่ต่างๆ รวมมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การจัดส่งอาวุธครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย Presidential Drawdown Authority ซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถสั่งเคลื่อนย้ายอาวุธส่วนเกินในคลังแสงของสหรัฐฯ ได้ในกรณีฉุกเฉิน โดยไม่จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากสภาคองเกรส

เมื่อเดือน เม.ย. ไบเดน ได้ขออนุมัติงบประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์ จากสภาคองเกรสเพื่อใช้ในการสนับสนุนยูเครนตลอดช่วง 5 เดือนข้างหน้า โดยกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นความช่วยเหลือในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top